Share

บทที่ 12

บทที่ 12

มันเป็นเรื่องกระอักกระอ่วนจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก เมื่อจู่ๆ ตัวเองก็ต้องมาใส่ชุดเจ้าบ่าว นั่งเคียงคู่เจ้าสาว ให้ใครต่อใครมารดน้ำสังข์พร้อมกับอวยพรให้อยู่กันจนแก่เฒ่า เขาต้องทำหน้าที่แต่งงานแทนน้องชายอย่างปรัชญ์ที่จู่ๆ ก็ประกาศต่อหน้าเขาและแม่ว่ามีเมียแล้ว ซึ่งผู้หญิงที่ปรัชญ์บอกว่าเป็นเมียไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นธรินดาน้องสาวบุญธรรมของเขาที่เขาเองก็แอบปองใจอยู่เงียบๆ มานานแล้วเช่นกัน

        ปราณต์อยากจะหลอกตัวเองว่าเขากำลังฝันอยู่ ทว่าบรรยากาศที่เต็มไปด้วยผู้คน เสียงบรรเลงของดนตรีไทย ดอกไม้ที่จัดตกแต่งอย่างสวยงามอ่อนหวาน ป้ายชื่อด้านหลังซึ่งเป็นชื่อเขากับชื่อเจ้าสาวเด่นหรา รวมถึงเจ้าสาวหน้าตาหวานซึ้งซึ่งควรจะเป็นน้องสะใภ้เขากำลังนั่งเคียงข้างเขาในพิธีรดน้ำสังข์อยู่จริงๆ

        เขาไม่ปฏิเสธว่านัสรินเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสะสวย รูปร่างอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอมคนหนึ่ง ยิ่งอยู่ในชุดไทยสีทองเช่นนี้ยิ่งขับให้เธอดูงดงามราวกับนางในวรรณคดี แต่ยามนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมความสวยงามใดๆ ต่อผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาทางนิตินัยอย่างสมบูรณ์แล้ว หลังจากเขาและเธอเพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกันเสร็จเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี่เอง

        เห็นพวงแก้มระเรื่อจากการถูกปัดด้วยบลัชออนเนื้อเนียนของผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้ว ชั่วขณะหนึ่งก็อดนึกสงสารไม่ได้ หากว่าเมื่อเช้านี้เขาไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงานกับเธอแทนปรัชญ์ นัสรินคงต้องอับอายขายหน้ามาก ความจริงเธอเองก็น่าสงสารและน่าเห็นใจไม่น้อยที่ถูกโยนให้คนน้องทีคนพี่ที แต่เธอก็คงทำเพื่อให้ครอบครัวหมดภาระหนี้สิน ถึงได้ยอมแต่งงานกับเขาทั้งๆ ที่หมั้นกับปรัชญ์อยู่นานหลายเดือน

        หลังจากพิธีรดน้ำสังข์ผ่านพ้นไป ปราณต์ตั้งใจว่าจะออกไปสูดอากาศที่ระเบียงด้านนอก เพื่อให้ความรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจคลายลงบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพราะต้องถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ของเขาและเพื่อนของปรัชญ์ที่ต่างเข้ามาแสดงความยินดี ทั้งๆ ที่บางคนคงรู้ว่าเขาไม่ได้ยินดีสักนิดกับการเป็นเจ้าบ่าวแบบสายฟ้าแลบเช่นนี้

        ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าที่ทุกคนจะยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ปราณต์รีบพาตัวเองตรงไปยังระเบียงตามความตั้งใจเดิมทันที ทว่าระเบียงด้านหลังที่เขาคิดว่าจะเงียบเชียบ กลับมีคนจับจองอยู่ก่อนแล้ว และคนที่จับจองพื้นที่นั้นก่อนหน้าเขา ก็คือคนสองคนที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในฐานะเจ้าบ่าวจำเป็นในวันนี้

        ปราณต์ยอมรับว่าค่อนข้างแปลกใจ ที่เห็นน้องชายตัวเองมายืนคุยกับผู้หญิงซึ่งตัวเองเพิ่งปฏิเสธการแต่งงานด้วย แต่เขาก็ยังคิดในแง่ดีว่าปรัชญ์อาจมีเรื่องอยากเคลียร์กับอดีตคู่หมั้นกระมัง เขาจึงเลือกที่จะไม่เข้าไปทำลายบรรยากาศ และตั้งใจว่าจะเดินไปหามุมอื่นเสียเอง แต่เสียงสนทนาของทั้งคู่นั่นต่างหากที่รั้งไม่ให้เขาก้าวเท้าไปไหน

“ไงเจ้าสาวทำไมทำหน้าอย่างนั้นหือ หรือว่าเจ้าบ่าวไม่หล่อพอ แต่พี่ว่าวันนี้หมอปราณต์ของนัสหล่อสุดๆ เลยนะ” ปรัชญ์เอ่ยขึ้นอย่างสนิทสนมพร้อมกับยิ้มให้ผู้หญิงที่วันนี้เป็นเจ้าสาวของงาน ดูไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งปฏิเสธการแต่งงานกันสักนิด

“พี่ปรัชญ์ก็ชอบล้อนัสอยู่เรื่อย ไม่เห็นหรือไงคะว่าหมอปราณต์หน้าเครียดแค่ไหน”

“ไม่ว่าจะทำหน้าแบบไหนพี่ปราณต์ก็หล่อที่สุดสำหรับนัสอยู่แล้วละ จริงมั้ย ไม่งั้นนัสคงไม่ยอมเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวกับพี่หรอก”

“ก็นัส...”

        “ชอบหมอปราณต์” ปรัชญ์เอ่ยดักคออย่างคนที่รู้ความนัยกันดี

        “เห็นหน้าคุณปราณต์วันนี้แล้วนัสใจแป้วนะคะ ไม่รู้ว่านัสคิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมร่วมมือกับพี่ปรัชญ์มัดมือชกคุณปราณต์แบบนี้” นัสรินพูดเสียงอ่อยๆ เช่นเดียวกับสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความกังวล

        “พี่เองก็ไม่ได้สบายใจสักเท่าไหร่หรอก แต่ทำไงได้เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นัสเองก็เอาชนะใจพี่ปราณต์ให้ได้นะ พี่เป็นกำลังใจให้”

“แล้วพี่ปรัชญ์ล่ะคะเคลียร์กับน้องเล็กเข้าใจหรือยัง”

“ยังเลย รายนั้นโกรธจนไม่ยอมมองหน้าพี่”

“น้องเล็กคงง้อไม่ยากใช่มั้ยคะ”

“ใครว่าล่ะ นี่พี่ยังหนักใจอยู่เลย”

ปราณต์ได้ยินเสียงน้องชายถอนหายใจเบาๆ ออกมาด้วยอาการของคนที่หนักใจ แต่ตอนนี้ความหนักใจของปรัชญ์คงไม่ได้เศษเสี้ยวของเขา เรื่องที่ได้ยินมาหมาดๆ ทำให้เขาปะติดปะต่อได้ว่านัสรินรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าปรัชญ์จะไม่แต่งงานด้วย และทั้งสองร่วมมือกันเพื่อให้เขาแต่งงานแทนปรัชญ์

ความสงสาร ความเห็นใจ และความเอ็นดูซึ่งเคยมีให้กับผู้หญิงที่ตัวเองต้องแต่งงานด้วย มลายหายวับไปทันที เหลือเพียงความรู้สึกอื่นที่มันทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออก

ร่างสูงค่อยๆ พาตัวเองหนีห่างออกมาจากที่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมมากกว่าเดิม ในยามนี้เขาไม่มีแก่ใจจะปั้นหน้ายิ้มหรือพูดจากับใคร แต่ดูเหมือนว่าเขายังต้องฝืนใจตัวเองอีกครั้ง เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินยิ้มร่าเข้ามาหาด้วยท่าทีเป็นมิตร

“สวัสดีค่ะคุณปราณต์ กว่าจะเข้าถึงตัวได้คิวแน่นน่าดูเลยนะคะ”

“ครับ มีอะไรหรือเปล่า” ปราณต์ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พยายามให้สุภาพที่สุด แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในอารมณ์ที่ไม่อยากเสวนากับใครเลยก็ตาม แต่ด้วยอาชีพและการถูกฝึกอบรมเลี้ยงดูอย่างดีมาตั้งแต่เด็ก ก็ทำให้เขายังคงต้องดำรงความเป็นสุภาพบุรุษต่อไป

“พอดีออยจะฝากของขวัญให้ยัยนัสหน่อยน่ะค่ะ ออยจะกลับแล้ว เพราะต้องขึ้นเครื่องอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ค่ะ แต่ไม่รู้ว่ายัยนัสหายไปไหน”

“คุณเป็นเพื่อนนัสริน?”

“ค่ะคุณปราณต์ เรียกว่าออยก็ได้นะคะ ออยเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมกับยัยนัสน่ะค่ะ แต่เรียนมหา’ลัยคนละที่กัน คือพ่อแม่ออยส่งออยไปเรียนต่างประเทศน่ะค่ะ นี่ก็กำลังต่อปริญญาโทอยู่เกือบจบแล้วละค่ะ ยัยนัสส่งการ์ดนี้ไปให้ตอนออยอยู่ที่อังกฤษค่ะ รู้ไหมคะว่าออยตื่นเต้นมาก อยากเห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าวของยัยนัสจะแย่ แต่เสียดายในการ์ดไม่มีรูปมีแต่ชื่อ ตอนนั้นออยก็นึกอยากเห็นนะคะว่าผู้ชายที่มีชื่อสั้นๆ ว่า ‘ปราณต์’ จะหน้าตาเป็นยังไง ทำไมถึงทำให้ยัยนัสยอมสละโสดได้ ทั้งๆ ที่ยัยนัสไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย” พินทุสร หญิงสาวแนะนำตัวเองและพูดจากับปราณต์อย่างคล่องแคล่วฉะฉาน โดยปราศจากความเคอะเขินใดๆ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status