“โจวเฟิง ท่านอย่าพูดจามากพิธีนักเลย ข้ารู้ว่าคนของหน่วยตงฉางนั้นทำงานหนัก ท่านไปเถิด ไม่ต้องห่วงข้า” เอ่ยจบ เขาก็ปิดประตูรถม้าแล้วเดินทางจากไปโดยที่โจวเฟิงนั้นคอยมองจนอีกฝ่ายลับสายตา ใบหน้าเคร่งขรึมมั่นคงจึงเผยรอยยิ้มชั่วช้าออกมา ก่อนจะเดินกลับไปทางเดิมอีกครั้งเพื่อไปพบกับใครบางคน
“ท่านแม่ทัพหยวน ท่านอยู่ที่นี่นี่เอง ข้านึกว่าท่านกลับไปเสียแล้ว” โจวเฟิงเอ่ยทักหยวนหลี่เฉียงด้วยท่าทางเร่งร้อน
“เกิดอะไรขึ้น”
“หัวหน้าของข้า เซวียนจางหย่ง ต้องการปรึกษาธุระสำคัญกับท่าน เป็นธุระที่ไม่อาจแพร่งพราย โปรดตามข้ามาตามลำพังเถิด”
โจวเฟิงพาแม่ทัพหยวนเดินลัดเลาะออกมาทางด้านหลังของวังหลวงอย่างคล่องแคล่วว่องไว สมกับที่ทำงานในหน่วยตงฉาง หลวงจีนนอกรีตที่สิงสู่ร่างคนหนุ่มนั้นพึงพอใจกับตนเองไม่น้อย นับว่าการที่สับเปลี่ยนวิญญาณกับคนของหน่วยตงฉางถือเป็นเรื่องที่ตัดสินใจถูกที่สุด เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่มีใครระแวงสงสัยเลยสักนิด
ชริ้ง!!
ทว่า จู่ๆ ก็มีดาบคมมาพาดที่ลำคอของเขาอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว โจวเฟิงหรือไต้ซือไป๋ถึงกับตัวแข็งค้างไม่กล้าขยับ ก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองแม่ทัพใหญ่ผู้นี้ให้เต็มสองตา
“ท่านชักดาบออกมาทำไม”
“แล้วเจ้าคิดจะทำอะไร อย่าคิดว่าข้าจะมองไม่ออก เจ้าเป็นคนของจวิ้นอ๋อง”
หยวนหลี่เฉียงเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ใช้ชีวิตในสมรภูมิรบ พบกลศึกมาทุกรูปแบบ หากสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติเพียงเล็กน้อย มีหรือจะยอมปล่อยผ่าน สาเหตุที่แม่ทัพหยวนยอมตามอีกฝ่ายมาด้วยก็เพราะอยากจะคาดคั้นแผนการของอีกฝ่ายออกมาด้วยตัวเอง และดูเหมือนว่าเขาจะคิดถูกจริงๆ เพราะประกายตาที่มองมานั้นแปรเปลี่ยนไป ราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน
“ท่านฉลาดจริงๆ สมแล้วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ เสียอย่างเดียวคือ ขาดความเฉลียว ไม่เช่นนั้นคงไม่โดนพิษจากเผ่าสู่เล่นงานหรอก” โจวเฟิงยกยิ้มมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหนือกว่า ก่อนจะดีดนิ้วหนึ่งครั้งพลันดาบก็ตกลงกับพื้น หยวนหลี่เฉียงก็ตัวแข็ง สายตาเหม่อลอยราวกับไร้สติ
“ท่านคงคิดว่าพิษที่ได้รับจากศึกเหนือ มีเพียงแค่พิษดับตะวัน แต่แท้ที่จริงแล้วข้านั้นได้วางแผนไว้หมดทุกอย่าง พิษที่ท่านและคนในกองทัพได้รับนั้นแฝงด้วยหนอนกู่ของข้า มีเพียงข้าเท่านั้นที่ควบคุมชีวิตของท่านได้ เข้าใจหรือไม่ หยวน
หลี่เฉียง”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ” อีกฝ่ายรับคำด้วยน้ำเสียงยานคาง สร้างความพึงพอใจให้กับโจวเฟิงไม่น้อย
ในที่สุด เขาก็กุมขุมกำลังขนาดใหญ่ไว้ในมือได้โดยง่ายโดยไม่ต้องซ่องสุมกำลังให้วุ่นวาย เพียงแค่มีความสามารถพิเศษและมันสมองสักหน่อย เขาก็สามารถควบคุมคนทั้งกองทัพได้แล้ว
ยามนี้ หยวนหลี่เฉียงนั้นกลายเป็นคนของเขา ยอมศิโรราบให้กับตัวเขาโดยไร้แรงต้านทาน เขาจะชักใยให้ไปซ้ายก็ได้ขวาก็ได้ ตามแต่ใจ
“ดียิ่ง เช่นนั้นจากนี้ไปก็ทำตัวตามปกติ แต่วันบวงสรวงทวยเทพ จงเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะให้กองทัพของเจ้าบุกวังหลวง”
“รับทราบขอรับ”
ยามนี้เป็นยามโหย่วแล้ว สตรีในวังหลวงหลายคนเริ่มเอนหลังพักผ่อนหรือเตรียมตัวปรนนิบัติฝ่าบาท ทว่ากลับมีหญิงชราผู้หนึ่งยังคงนั่งสวดมนต์หน้าพระพุทธรูปที่วัดของวังหลวงไม่หยุด
“ไทเฮาเพคะ เสด็จกลับตำหนักเลยดีมั้ยเพคะ หม่อมฉันจะได้เตรียมเครื่องเสวยให้พระองค์”
“เจ้าคิดว่าข้ายังจะกินอะไรลงหรือ บุตรชายของข้าถูกเฉินเฟยหลงรังแกให้ไปบวชไกลถึงไห่โอวเช่นนั้น ข้าไม่คิดจะกินอะไรทั้งสิ้น”
“แต่ไทเฮาเพคะ ฝ่าบาทย่อมไม่เคยคิดร้ายกับจวิ้นอ๋อง คงเพราะอยากให้ศึกษาธรรมะมากกว่า พระองค์พักผ่อนก่อนดีกว่าเพคะ หากจวิ้นอ๋องทราบ คงจะไม่สบายใจ”
“เจ้ากลับไปเสียเถิด ข้าต้องการสวดมนต์สงบใจเพียงลำพัง”
ไทเฮาเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะหันกลับไปสวดมนต์ต่ออย่างไม่ลดละ จนสุดท้ายนางกำนัลก็ทยอยออกไปทีละคน เหลือเพียงแค่คนสนิทเพียงสองคนเท่านั้นที่คอยเฝ้าอยู่หน้าประตูวัด
ทันทีที่เหลือเพียงแค่ไทเฮา ก็มีบุรุษปริศนาผู้หนึ่งปรากฏออกมาจากประตูลับของวัด ก่อนจะตรงมาคุกเข่าหน้าไทเฮา
“หวังหย่ง เจ้ามาแล้วหรือลูก”
“ท่านแม่ โปรดถนอมพระวรกายด้วย”
คนผู้นี้ก็คือ จวิ้นอ๋องเฉินหวังหย่งนั่นเอง ในยามนี้จวิ้นอ๋องนั้นไร้สง่าราศี ศีรษะโล้นเตียน สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบแบบเดียวกับหลวงจีน หลังจากที่ไปออกบวชที่ไห่โอวตามราชโองการ เขาก็ไปบวชที่ไห่โอวจริง แต่ด้วยเพราะผู้คนในเมืองนั้นไม่รู้จักคุ้นชินกับเขา พอได้บวชเพียงไม่นาน เขาก็หาคนมาสลับตัวแล้วหนีออกมาที่เมืองหลวงทันที
จวิ้นอ๋องอาศัยรูปลักษณ์ปัจจุบันที่เป็นหลวงจีนแทรกซึมเข้ามาอยู่ในวัดของวังหลวงได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็ติดต่อกับผู้เป็นมารดามาเรื่อยๆ
“ลูกแม่ เหตุใดเจ้าถึงต้องลำบากเพียงนี้กัน”
“ท่านแม่ ลูกลำบากเพียงแค่นี้ ไม่ได้เศษเสี้ยวของพระองค์ อีกไม่นานทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเราก็จะกลับมาเป็นของเรา เสด็จแม่โปรดวางใจ คนของลูกเตรียมแผนการไว้หมดแล้ว
ตั้งแต่กลับมาจากราชสำนัก หลิวซีซวนก็ราวกับคนที่วิญญาณหลุดออกจากร่าง เขายังจดจำสายตาเอ็นดูปนขบขันของฝ่าบาทได้ไม่เปลี่ยน ดูเหมือนโอรสสวรรค์ผู้นี้จะสนุกกับการใช้งานเขาไม่น้อย ดูเหมือนจะเป็นเวรกรรมที่เขาใฝ่สูงเกินตัว เอ่ยปากขอโสมพันปีต่อหน้าฮ่องเต้ ซ้ำพระองค์ยังประทานให้อย่างไม่อิดออด หากเขาเอ่ยปฏิเสธไม่ยอมช่วยทำพิธีออกไป คงเสียหมาไม่น้อยโสมพันปีชิ้นนี้ มันไม่ได้เป็นเพียงแค่รางวัล แต่มันเป็นของที่ฝ่าบาทเอามาใช้อุดปากไม่ให้หนีชะตากรรมในการเป็นผู้ทำพิธีบวงสรวงทวยเทพ แทนคนของเซี่ยโม่โฉวโฮ มันจะคุ้มกันมั้ยวะเนี่ยบวงสรวงทวยเทพ มันคืออะไร ตั้งแต่เกิดมา สิ่งที่เขาเข้าใกล้ทวยเทพมากที่สุดก็คือการปักตะไคร้ให้ฝนหยุดตอนออกกองเท่านั้นท่านหมอประจำตัวที่ถูกส่งมาจากเซวียนจางหย่งดูจะยินดีปรีดิ์เปรมหนักหนาที่ได้ยลโฉมโสมพันปีกับตา เขารีบนำโสมไปปรุงยาให้เขาอย่างเร่งด่วน ดูเหมือนว่าหนทางที่จะมีมดลูกที่แข็งแรงพร้อมผลิตทายาทของเขาจะใกล้แค่เอื้อม แต่เขากลับหดหู่ยิ่งนักเฮ้อ บวงสรวงทวยเทพ มันทำยังไงโว้ยคืนนี้ หลิวซีซวนกลับเข้าไปในมิติส่วนตัวของตนเองอีกครั้งด้วยท่าทางห่อเหี่ยว หน้าตาดำมืดเหมือนกับโดนของมาเป็น
หลิวซีซวนไม่ได้เร่งรีบแต่ประการใด เขาปล่อยให้สาวใช้ปรนนิบัติอย่างเต็มที่ทั้งขัดสีฉวีวรรณ แต่งแต้มใบหน้าด้วยชาดและแป้งผัดหน้า กลิ่นกายหอมฟุ้งด้วยน้ำมันหอมระเหยสูตรลับ พร้อมกับแต่งกายงดงามราวกับคุณชายเกอผู้อ่อนหวานจากตระกูลใหญ่ใครจะรอ ช่างหัวมัน ไม่ได้เชิญให้มาเสียหน่อยเมื่อเขาเดินออกมาที่ห้องโถงก็พบกับขุนนางจากกรมพิธีการสองคนที่มีท่าทีหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างไม่เก็บสีหน้า ใกล้ๆ กันนั้นมีโจวเฟิงที่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก วางหน้าไม่ถูก ดูเหมือนว่าเขาเป็นคนที่รับหน้าพวกขุนนางพวกนี้แทนเขากระมัง“คารวะใต้เท้าทั้งสอง ไม่ทราบว่ามาเยือนที่จวนของข้า มีธุระอะไร” ทันทีที่ได้เห็นเกอคนงามที่ดูเปล่งปลั่งบานสะพรั่งเสียยิ่งกว่าตอนที่เจอในท้องพระโรง ก็ถึงกับหายใจผิดจังหวะ หลิวซีซวนในยามที่ดูผ่อนคลายอยู่ในจวนตัวเองนั้นดูงดงามราวกับดอกไม้ป่า ทว่าก็แฝงไปด้วยพลังและความลึกลับบางอย่างที่บอกไม่ถูก แต่เมื่อรู้สึกตัวได้ว่าพวกเขากำลังทำตัวเป็นที่น่าขบขัน ก็ปรับท่าทีให้เคร่งขรึมเช่นเคยต้องไม่ลืมว่าที่เขามาที่นี่เพื่ออะไร“คุณชายหลิว ได้ยินชื่อเสียงมานาน ไม่คิดว่าจะเป็นเกอรูปงามเช่นนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แคว้นเว่ย
นักพรตผู้นั้นไม่กักเก็บความเกลียดชังที่มีในตัวเขาเลยสักนิด ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มพากันรุมล้อมจ้องมองเรื่องสนุกตรงหน้า หลิวซีซวนได้แต่ส่ายหัวเมื่อเจอตาแก่ดื้อด้านไม่ยอมคน เขามองเลยนักพรตเหลียงไปทางด้านหลังก็พบว่าเสนาบดีเซี่ยนั้นกำลังยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าสาสมใจ“ท่านนักพรต ข้าก็มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่สืบทอดมาในตระกูลหลิว ตระกูลของข้านั้นมีผู้ที่ทำคุณงามความดีให้กับบ้านเมืองมากมาย ตัวข้าเองก็ช่วยเหลือหน่วยตงฉางที่เมืองเหิงเยว่ ถึงจะเป็นเกอ ข้าก็สร้างแต่คุณงามความดี ไม่เคยทำเรื่องชั่วช้า ท่านนักพรตได้โปรดวางใจ”เขาลองใช้ไม้อ่อนกล่อมตาแก่ตรงหน้า ดูเหมือนว่าพอเขาเอ่ยอ้างถึงตระกูลของตนเอง อีกฝ่ายจะมีท่าทีอ่อนลงไปไม่น้อย ต้องขอบคุณบรรพบุรุษเหลือเกินที่สร้างคุณงามความดีจนคนรุ่นหลังยังเกรงใจ ทว่าจู่ๆ กลับมีเสียงแหลมของหญิงสาวสูงศักดิ์คนคุ้นเคย ดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน“ไม่เคยทำเรื่องชั่วช้าหรือ ช่างน่าขันเหลือเกิน เหตุใดเจ้าถึงพูดออกมาได้” เซี่ยอ้ายเหม่ยปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนที่ยืนรุมล้อมกันอย่างแออัด หญิงสาวในเวลานี้ราวกับมีเพลิงไฟแผดเผาไปทั้งร่าง ดวงตากลมมองมาที่อดีตเพ
“กรี๊ดดดดดด” เซี่ยอ้ายเหม่ยสิ้นสภาพบุตรสาวขุนนางผู้สูงศักดิ์ ยามเมื่อถูกคนหน้าคล้ายอดีตสหายพูดจี้ใจดำ หญิงสาวยกนิ้วชี้ใบหน้างาม ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างเดือดดาล ในขณะที่หลิวซีซวนแม้จะโมโหเพียงใดก็ทำเพียงแค่แย้มยิ้มออกมาจางๆ เท่านั้นนางช่างกล้าดีเหลือเกิน เป็นผู้สังหารเหอซีซวนแท้ๆ ยังกล้ากล่าวหาข้าอีก“ข้าผู้นี้ นอกจากใบหน้าแล้ว มีอะไรเหมือนเหอซีซวน เขาร่ายรำได้เก่งกาจเท่าข้าหรือไม่ เขาตรวจทำนายดวงชะตาได้หรือ หรือว่าเขามีความรู้เรื่องค่ายกล พวกท่านก็ตรองดูเถิดว่าความสามารถเช่นนี้ หาใช่ทุกคนจะมีได้ ฮูหยินถานปรักปรำข้ารุนแรงเกินไปแล้ว”“โกหก เจ้าน่ะหรือจะมีความสามารถเช่นนั้น เจ้าเป็นได้แค่เกออ่อนแอโง่เง่าเท่านั้น เหอซีซวน ข้าเป็นสหายเจ้ามานาน มีหรือจะจำเจ้าไม่ได้ ไม่ได้มีเพียงแค่ข้า แต่ยังมีคนจากตระกูลเหอที่มาช่วยเป็นพยานด้วย เจ้ามันเกอสกปรก ไม่เหมาะจะทำพิธีสำคัญ”สิ้นเสียง เหอซี่ห่าวและฮูหยินรองตระกูลเหอก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางหวาดหวั่น เหอซี่ห่าวเป็นถึงบุตรชายคนเดียวของคหบดีเหอชาง เป็นน้องชายคนละแม่เพียงคนเดียวของเขา ถึงแม้จะเกลียดชังกันเพียงใดแต่หลิวซีซวนก็ไม่คิดว่าน้องชายผู้ไม่เอาไหนผู้น
ถึงจะสังหรณ์ใจแต่แรกว่าวันนี้คงจะเกิดเรื่อง แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องถึงขั้นมีผู้เยี่ยมยุทธ์ถือดาบสี่คนกำลังเดินอาดๆ เข้ามาฟาดฟันใส่เขาเซี่ยโม่โฉว ตาแก่หัวหมอ เขามาทำพิธีบวงสรวง ไม่ได้มาออกรบ แล้วการสู้กับนักพรตสี่คนมันพิสูจน์ความสามารถในการทำพิธีตรงไหนไม่ทราบในตอนที่เขายืนสบถอยู่ในใจ หนึ่งในนักพรตก็ควักยันต์ออกมา ก่อนจะปามาที่เขาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่หลิวซีซวนเห็นทันจึงกระโดดหลบออกไป เมื่อพ้นมาได้จึงพบว่ายันต์นั้นแปรสภาพเป็นระเบิด ระเบิดแรงจนพื้นที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ถึงกับยุบลงไปเชี่ย เมื่อกี้เกือบตายรอบที่สองหลิวซีซวนกระโดดหนีมาอีกทาง ทว่ากลับมีนักพรตอีกคนยืนดักทางเอาไว้ เขาเอาดาบในมือฟันใส่หลิวซีซวนเต็มแรง จนฟันเฉี่ยวต้นแขนเขาไปจนได้เลือดจางๆ หลิวซีซวนต้องรีบตั้งสติโดยพลันเพราะนักพรตทั้งสี่ ดูจะไม่ทิ้งเวลาให้เขาหายใจหายคอเลย“หยุด หยุด ใจเย็นๆ ก่อนสิโว้ย”“นี่น่ะหรือ คนของตระกูลหลิวที่จะมาทำพิธีบวงสรวง ข้าคิดว่าเขาดูอ่อนแอและบอบบางเกินไป”“นั่นสิ เป็นเพียงเกอ แต่ยังกล้าเผยอมาทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคงถนัดแต่ยั่วสวาทจนลืมไปแล้วกระมังว่าหน้าที่พวกนี้ เป็นของบุรุษ”“ใช่ เจ้าจงถอนต
“คุณชาย ดาบของท่าน” ตู้เจาโยนดาบเข้ามากลางวงต่อสู้ ส่งให้ถึงมือทายาทตระกูลหลิวได้อย่างแม่นยำราวกับจับวาง เพียงแค่เขาได้สัมผัสดาบในมือ ดวงตาก็ยิ่งส่องประกายเจิดจ้ายิ่งขึ้น เมื่อหนึ่งในนักพรตทำท่าจะบุกเข้ามาปลิดชีพ เขาก็กระโดดขึ้นพร้อมกับวาดกระบี่ในมือไปในอากาศโดยที่ไม่ดึงออกมาจากปลอก ทว่าอานุภาพของมันกลับรุนแรงจนนักพรตผู้นั้นกระเด็นไปไกลหลิวซีซวนใช้กระบวนท่าต่อสู้ของตระกูลหลิวที่ท่านตาเคยถ่ายทอดไว้ให้ ต่อกรกับนักพรตทั้งสี่อย่างเหนือชั้น จากที่เคยเป็นฝ่ายถูกรุกไล่ ยามนี้เขากลับมีชัยเหนือกว่าทั้งสี่อย่างน่าอัศจรรย์ หลิวซีซวนหลับตานิ่ง สัมผัสพลังความชั่วร้ายในเมืองหลวง ก่อนจะชูดาบขึ้นแล้วร่ายรำด้วยท่วงท่าแปลกท่า ทั้งความงดงาม ความอ่อนช้อย และความไหลลื่นนั้นงดงามราวกับเทพธิดาจำแลง กว่าที่ทั้งสี่จะรู้ตัวก็พบว่าหลิวซีซวนนั้นได้สร้างค่ายกลผ่านท่วงท่าร่ายรำล้อมรอบจตุรัสกลางเมือง จากนั้นเขาเพียงแค่ชักดาบออกมาเพียงเล็กน้อย ทั้งสี่ก็เกิดบาดแผลที่กลางอกราวกับโดนฟันโดยพร้อมเพรียงกัน“อ๊ากกกก เจ้า เจ้าปีศาจ”“เจ้า ทำได้อย่างไร”“ไม่จริง ข้าไม่ได้แพ้ เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ได้แพ้ให้กับเกอ”“ช่วยด้วย ไว้
“ไต้ซือ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ท่านบอกข้าเองไม่ใช่หรือ ว่าท่านได้สะกดพลังของหลิวซีซวนไว้แล้ว เหตุใดมันถึงได้สามารถล้มนักพรตจากสำนักซานเย่ได้” เซี่ยโม่โฉวหงุดหงิดไม่น้อยที่แผนการล่มไม่เป็นท่า จากที่ตั้งใจจะฉีกหน้าหลิวซีซวนกลางฝูงชนแต่มันกลับรอดมาได้ ซ้ำยังแสดงพลังวิเศษเรียกลมฝน จนชาวบ้านเลื่อมใสนี่มันผิดแผนไปหมด“คงเป็นเพราะมันทำลายค่ายกลดักสวรรค์ที่ข้าแอบวางไว้ที่จวนของมัน ข้าเองที่ประมาทมัน แต่ใต้เท้าเซี่ย ท่านอย่าได้กังวลไป หลิวซีซวนเป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆ ที่ไร้ความหมาย หากเทียบกับงานที่เรากำลังทำ” ไต้ซือไป๋ในคราบของโจวเฟิงเอ่ยอย่างไร้กังวล“แต่ถ้ามันทำให้งานของเราพังล่ะ”“ไม่มีทาง จริงๆ ข้าเองก็ไม่ได้มีปัญหาว่าใครจะเป็นผู้ทำพิธีบวงสรวง เพราะถึงอย่างไร ข้าก็มีวิธีจัดการฮ่องเต้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรชัยชนะก็ต้องอยู่ข้างพวกเรา เมื่อนั้น ต่อให้หลิวซีซวนมันจะมีกี่ชีวิต ข้าก็จะสังหารมันให้หมด”โจวเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมพร้อมกับแสยะยิ้มร้าย เขาเตรียมพร้อมหลายสิ่งหลายอย่างก็เพื่อเจ็ดวันข้างหน้า เพื่อจวิ้นอ๋อง เพื่ออำนาจบารมี เมื่อถึงวันนั้น เขาก็จะไม่ใช่แค่หลวงจีน แต่จะเป็นถึงมหาเสนาบดีที่กุมร
เหอลู่เสียนมองบุตรชายคนเดียวด้วยสายตาคาดคั้น ที่ผ่านมาเธอตามใจบุตรชายมาตลอดเพราะเหอชางนั้น คอยเอาแต่เข้มงวด ยามนี้รู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ปล่อยปละละเลย จนเหอซี่ห่าวเหลวไหลเช่นนี้“เงินหมดแล้ว ท่านแม่ หยุดเซ้าซี้ข้าเสียที ข้าเองก็เครียดจะตายอยู่แล้ว”“อะไรนะ เงินหมดได้ยังไง นี่เจ้าเอาไปเล่นการพนันจนหมดเลยหรือ”“ข้าก็แค่จะถอนทุนคืนนิดหน่อย ใครจะคิดว่าจะเสียจนหมดเลยเล่า ท่านแม่” เหอลู่เสียนโกรธจนหน้าแดง เกิดมาเธอแทบไม่เคยขึ้นเสียงดุด่าบุตรชายเลย แต่วันนี้ความอดทนถึงขีดจำกัดเสียแล้ว“เหตุใดเจ้าถึงได้โง่งมเช่นนี้ หากพวกมันบุกเข้ามายึดบ้าน เราก็จะไม่มีที่คุ้มกะลาหัว เจ้าไม่เคยคิดบ้างเลยรึ”“ไม่มีใครกล้าบุกเข้ามาหรอก ท่านแม่”ปั้ง!!!สิ้นคำก็มีฝ่าเท้าของบุรุษร่างสูงถีบประตูเรือนของเหอซี่ห่าวเข้ามาอย่างโอหัง ก่อนจะตรงมาที่เหอซี่ห่าวพร้อมกับรอยยิ้มร้าย“ออกไปซะ เรือนนี้เป็นของข้าแล้ว” บุรุษผู้นั้นชูโฉนดที่ดินของเขา ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็มีลูกน้องชายนับสิบคนกรูกันเข้ามายืนรายล้อมกดดันเหอซี่ห่าว“เดี๋ยวสิ ยังไม่ครบกำหนดเลย ข้ายังไม่ได้หาเงินมาคืนเจ้า”“เจ้าคิดว่าข้าโง่รึอย่างไร เจ
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา