ถึงจะสังหรณ์ใจแต่แรกว่าวันนี้คงจะเกิดเรื่อง แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องถึงขั้นมีผู้เยี่ยมยุทธ์ถือดาบสี่คนกำลังเดินอาดๆ เข้ามาฟาดฟันใส่เขา
เซี่ยโม่โฉว ตาแก่หัวหมอ เขามาทำพิธีบวงสรวง ไม่ได้มาออกรบ แล้วการสู้กับนักพรตสี่คนมันพิสูจน์ความสามารถในการทำพิธีตรงไหนไม่ทราบ
ในตอนที่เขายืนสบถอยู่ในใจ หนึ่งในนักพรตก็ควักยันต์ออกมา ก่อนจะปามาที่เขาอย่างรวดเร็ว โชคดีที่หลิวซีซวนเห็นทันจึงกระโดดหลบออกไป เมื่อพ้นมาได้จึงพบว่ายันต์นั้นแปรสภาพเป็นระเบิด ระเบิดแรงจนพื้นที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ถึงกับยุบลงไป
เชี่ย เมื่อกี้เกือบตายรอบที่สอง
หลิวซีซวนกระโดดหนีมาอีกทาง ทว่ากลับมีนักพรตอีกคนยืนดักทางเอาไว้ เขาเอาดาบในมือฟันใส่หลิวซีซวนเต็มแรง จนฟันเฉี่ยวต้นแขนเขาไปจนได้เลือดจางๆ หลิวซีซวนต้องรีบตั้งสติโดยพลันเพราะนักพรตทั้งสี่ ดูจะไม่ทิ้งเวลาให้เขาหายใจหายคอเลย
“หยุด หยุด ใจเย็นๆ ก่อนสิโว้ย”
“นี่น่ะหรือ คนของตระกูลหลิวที่จะมาทำพิธีบวงสรวง ข้าคิดว่าเขาดูอ่อนแอและบอบบางเกินไป”
“นั่นสิ เป็นเพียงเกอ แต่ยังกล้าเผยอมาทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคงถนัดแต่ยั่วสวาทจนลืมไปแล้วกระมังว่าหน้าที่พวกนี้ เป็นของบุรุษ”
“ใช่ เจ้าจงถอนตัวออกไป แล้วยกหน้าที่นี้ให้ไต้ซือหูเสีย แล้วข้าจะบอกท่านเสนาบดีให้ไว้ชีวิตเจ้า เกอแพศยา”
หลิวซีซวนถูกนักพรตรุมล้อมรอบตัว เพราะความประมาทเมื่อครู่ทำให้เขาได้แผลเล็กๆ ที่ต้นแขน เกอคนงามทำเพียงแค่กัดฟัน สะกดเก็บความเจ็บเอาไว้ ไม่อาจแสดงออกถึงความอ่อนแอออกมาได้
แผลแค่นี้มันเล็กน้อยนัก เมื่อเทียบกับแผลที่เซี่ยอ้ายเหม่ยแทงเขากลางอก
เขากระโดดหลบมาอีกทางก็รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองกำลังถูกช่วงชิงลมหายใจไปด้วยวิชาประหลาดของพวกนักพรตจนหายใจไม่ออกชั่วขณะ บางครั้งพวกมันก็เขียนอักขระบางอย่างบนอากาศแล้วทำให้ร่างกายของเขาหนักอึ้งจนเคลื่อนไหวได้ช้า หวิดโดนแทงอยู่หลายครั้ง
ยามนี้ที่จัตุรัสกลางเมืองมีการต่อสู้สี่รุมหนึ่ง โดยเกอคนงามเป็นดังเหยื่อตัวน้อยที่กำลังถูกนักล่าฟาดฟัน ในขณะที่เขาหนีหัวซุกหัวซุนเป็นที่น่าสังเวชไม่น้อย
“ท่านดูสิ ข้าบอกท่านแล้ว ว่าเหอซีซวนนั้นกลายเป็นนักต้มตุ๋น เขาไร้ความสามารถจะเอาชนะนักพรตจากซานเย่ได้ยังไง”
เซี่ยอ้ายเหม่ยมองภาพตรงหน้าอย่างสาสมใจ น่าเสียดายที่ครั้งนี้เธอไม่ได้เป็นผู้ที่แทงเข้าที่กลางอกของสหายรัก แต่ก็คงอีกไม่นาน นักพรตทั้งสี่คงได้ลงมือสังหารมันต่อหน้าเธอ
“ท่านกับข้าไม่เคยมีความแค้นต่อกัน เหตุใดต้องลงมือหนักถึงขั้นจะเอาชีวิต” หลิวซีซวนที่หลบหลีกไปหลบอยู่ที่มุมหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา พร้อมกับหอบหายใจแรงอย่างเหนื่อยล้า
“ลองถามตัวเองเถิดว่าที่ผ่านมา เจ้าไปขัดแข้งขัดขาใครบ้าง เกอคนงาม เป็นเพียงที่ระบายความใคร่ก็ดีอยู่แล้ว เหตุใดจึงมักใหญ่ใฝ่สูง รับหน้าที่สำคัญด้วย”
หลิวซีซวนอยากจะตะโกนกลับไปว่า ไม่ได้อยากทำโว้ย โดนมัดมือชก แต่ตอนนี้เริ่มอยากทำจริงๆ แล้ว
ในเมื่อพวกมันอยากทำ เขาก็จะแย่ง ในเมื่อมันไม่อยากให้เขาทำ เขาก็จะทำให้ได้
“หากเจ้ายอมแพ้ ข้าจะไว้ชีวิต”
“ไม่ยอม ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด” เกอคนงามเชิดหน้าอย่างไม่ยินยอม ในขณะที่ผู้คนนั้นชมการต่อสู้ตรงหน้าอย่างลุ้นระทึก
ไม่ใช่ลุ้นว่าหลิวซีซวนจะชนะมั้ย ลุ้นว่าจะเอาตัวรอดได้ไปถึงเมื่อไหร่ต่างหาก
“เกอหน้าโง่ พวกข้าเป็นถึงนักพรตระดับสูงของสำนักซานเย่ วันนี้เมตตาเห็นเจ้าเป็นเพียงคนงามตัวเล็กๆ ตั้งใจจะอ่อนข้อให้หากเจ้าเชื่อฟัง แต่เจ้ากลับดื้อด้าน เช่นนี้ พวกข้าก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือแล้ว”
“เช่นนั้น ข้าก็จะไม่ยั้งมือแล้วเช่นกัน”
หลิวซีซวนสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตานักพรตทั้งสี่ที่ตั้งใจมารังแกเขาต่อหน้าฝูงชน ด้วยดวงตาสีทองที่ส่องสว่างราวกับจันทร์เพ็ญ ฝูงชนที่มามุงดูการต่อสู้ถึงกับส่งเสียงฮือฮาเมื่อคุณชายหลิวมีดวงตาประกายสีทอง ส่องประกายสว่างไสวออกมาทั้งร่างราวกับเป็นผู้วิเศษ ฉับพลันลมพายุก็พัดกระโชกแรงจนต้นไม้เอนลู่ไปตามลม คนที่เฝ้ามองเหตุการณ์ระทึกขวัญต่างพากันหาที่หลบลมพายุ ที่ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า
“สวรรค์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน อาเพศ อาเพศแน่”
“คุณชายหลิวมีดวงตาสีทองเป็นเทพจำแลงมา เทพพิโรธแล้ว”
ในขณะที่ผู้คนกำลังโกลาหล ตู้เจาก็โผล่มาได้ทันเวลาพอดี ตั้งแต่ที่เห็นฮูหยินถาน หลิวซีซวนก็ใช้ให้เขาไปเอาของสำคัญบางอย่างที่ขนมาจากคลังสมบัติตระกูลหลิวมาไว้ที่จวน
ดาบบรรพชนตระกูลหลิว
“คุณชาย ดาบของท่าน” ตู้เจาโยนดาบเข้ามากลางวงต่อสู้ ส่งให้ถึงมือทายาทตระกูลหลิวได้อย่างแม่นยำราวกับจับวาง เพียงแค่เขาได้สัมผัสดาบในมือ ดวงตาก็ยิ่งส่องประกายเจิดจ้ายิ่งขึ้น เมื่อหนึ่งในนักพรตทำท่าจะบุกเข้ามาปลิดชีพ เขาก็กระโดดขึ้นพร้อมกับวาดกระบี่ในมือไปในอากาศโดยที่ไม่ดึงออกมาจากปลอก ทว่าอานุภาพของมันกลับรุนแรงจนนักพรตผู้นั้นกระเด็นไปไกลหลิวซีซวนใช้กระบวนท่าต่อสู้ของตระกูลหลิวที่ท่านตาเคยถ่ายทอดไว้ให้ ต่อกรกับนักพรตทั้งสี่อย่างเหนือชั้น จากที่เคยเป็นฝ่ายถูกรุกไล่ ยามนี้เขากลับมีชัยเหนือกว่าทั้งสี่อย่างน่าอัศจรรย์ หลิวซีซวนหลับตานิ่ง สัมผัสพลังความชั่วร้ายในเมืองหลวง ก่อนจะชูดาบขึ้นแล้วร่ายรำด้วยท่วงท่าแปลกท่า ทั้งความงดงาม ความอ่อนช้อย และความไหลลื่นนั้นงดงามราวกับเทพธิดาจำแลง กว่าที่ทั้งสี่จะรู้ตัวก็พบว่าหลิวซีซวนนั้นได้สร้างค่ายกลผ่านท่วงท่าร่ายรำล้อมรอบจตุรัสกลางเมือง จากนั้นเขาเพียงแค่ชักดาบออกมาเพียงเล็กน้อย ทั้งสี่ก็เกิดบาดแผลที่กลางอกราวกับโดนฟันโดยพร้อมเพรียงกัน“อ๊ากกกก เจ้า เจ้าปีศาจ”“เจ้า ทำได้อย่างไร”“ไม่จริง ข้าไม่ได้แพ้ เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ได้แพ้ให้กับเกอ”“ช่วยด้วย ไว้
“ไต้ซือ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ท่านบอกข้าเองไม่ใช่หรือ ว่าท่านได้สะกดพลังของหลิวซีซวนไว้แล้ว เหตุใดมันถึงได้สามารถล้มนักพรตจากสำนักซานเย่ได้” เซี่ยโม่โฉวหงุดหงิดไม่น้อยที่แผนการล่มไม่เป็นท่า จากที่ตั้งใจจะฉีกหน้าหลิวซีซวนกลางฝูงชนแต่มันกลับรอดมาได้ ซ้ำยังแสดงพลังวิเศษเรียกลมฝน จนชาวบ้านเลื่อมใสนี่มันผิดแผนไปหมด“คงเป็นเพราะมันทำลายค่ายกลดักสวรรค์ที่ข้าแอบวางไว้ที่จวนของมัน ข้าเองที่ประมาทมัน แต่ใต้เท้าเซี่ย ท่านอย่าได้กังวลไป หลิวซีซวนเป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆ ที่ไร้ความหมาย หากเทียบกับงานที่เรากำลังทำ” ไต้ซือไป๋ในคราบของโจวเฟิงเอ่ยอย่างไร้กังวล“แต่ถ้ามันทำให้งานของเราพังล่ะ”“ไม่มีทาง จริงๆ ข้าเองก็ไม่ได้มีปัญหาว่าใครจะเป็นผู้ทำพิธีบวงสรวง เพราะถึงอย่างไร ข้าก็มีวิธีจัดการฮ่องเต้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรชัยชนะก็ต้องอยู่ข้างพวกเรา เมื่อนั้น ต่อให้หลิวซีซวนมันจะมีกี่ชีวิต ข้าก็จะสังหารมันให้หมด”โจวเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมพร้อมกับแสยะยิ้มร้าย เขาเตรียมพร้อมหลายสิ่งหลายอย่างก็เพื่อเจ็ดวันข้างหน้า เพื่อจวิ้นอ๋อง เพื่ออำนาจบารมี เมื่อถึงวันนั้น เขาก็จะไม่ใช่แค่หลวงจีน แต่จะเป็นถึงมหาเสนาบดีที่กุมร
เหอลู่เสียนมองบุตรชายคนเดียวด้วยสายตาคาดคั้น ที่ผ่านมาเธอตามใจบุตรชายมาตลอดเพราะเหอชางนั้น คอยเอาแต่เข้มงวด ยามนี้รู้สึกเสียใจเหลือเกินที่ปล่อยปละละเลย จนเหอซี่ห่าวเหลวไหลเช่นนี้“เงินหมดแล้ว ท่านแม่ หยุดเซ้าซี้ข้าเสียที ข้าเองก็เครียดจะตายอยู่แล้ว”“อะไรนะ เงินหมดได้ยังไง นี่เจ้าเอาไปเล่นการพนันจนหมดเลยหรือ”“ข้าก็แค่จะถอนทุนคืนนิดหน่อย ใครจะคิดว่าจะเสียจนหมดเลยเล่า ท่านแม่” เหอลู่เสียนโกรธจนหน้าแดง เกิดมาเธอแทบไม่เคยขึ้นเสียงดุด่าบุตรชายเลย แต่วันนี้ความอดทนถึงขีดจำกัดเสียแล้ว“เหตุใดเจ้าถึงได้โง่งมเช่นนี้ หากพวกมันบุกเข้ามายึดบ้าน เราก็จะไม่มีที่คุ้มกะลาหัว เจ้าไม่เคยคิดบ้างเลยรึ”“ไม่มีใครกล้าบุกเข้ามาหรอก ท่านแม่”ปั้ง!!!สิ้นคำก็มีฝ่าเท้าของบุรุษร่างสูงถีบประตูเรือนของเหอซี่ห่าวเข้ามาอย่างโอหัง ก่อนจะตรงมาที่เหอซี่ห่าวพร้อมกับรอยยิ้มร้าย“ออกไปซะ เรือนนี้เป็นของข้าแล้ว” บุรุษผู้นั้นชูโฉนดที่ดินของเขา ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็มีลูกน้องชายนับสิบคนกรูกันเข้ามายืนรายล้อมกดดันเหอซี่ห่าว“เดี๋ยวสิ ยังไม่ครบกำหนดเลย ข้ายังไม่ได้หาเงินมาคืนเจ้า”“เจ้าคิดว่าข้าโง่รึอย่างไร เจ
ค่ำคืนนี้เป็นอีกวันที่ถานตงหยางออกมาพบปะกับผู้ร่วมอุดมการณ์ที่ห้องอาหารส่องดาว ยามนี้แผนการดำเนินไปเกือบจะเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าแผนการทั้งหมดจะยังไม่ถูกเปิดเผยจากเสนาบดีเซี่ย แต่ขุนนางทุกคนที่เลือกข้างจวิ้นอ๋องทุกคน ต่างรู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี“โอ้ว ใต้เท้าถาน ท่านดื่มหนักเหลือเกิน ระวังจะกลับบ้านช้าแล้วภรรยาท่านจะโมโหเอาล่ะ” ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยแซวขึ้นมา เรื่องที่ถานฮูหยินขี้หึงจอมบงการ ชอบบุกไปอาละวาดคนที่เข้าใกล้สามีเป็นที่เลื่องลือ วีรกรรมล่าสุดก็คือ การไปกล่าวหากุนซือกองทัพว่าเป็นภรรยาเก่าย้อนกลับมายั่วยวนสามีของตน จนอับอายไปทั่วทั้งเมืองพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะสงสารหรือโมโหฮูหยินถานดี เพราะแม้ว่าเธอจะพุ่งเป้าโจมตีหลิวซีซวนที่อยู่คนละฝั่งกับพวกเขา แต่กลับทำให้อีกฝ่ายได้รับเสียงชื่นชมสรรเสริญจนยากที่จะกำจัด จากเกอรูปงามตระกูลหลิวธรรมดา กลายเป็นผู้วิเศษที่แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ต่อหน้าผู้คน“น่าเสียดายเหลือเกินที่หลิวซีซวนไม่ได้เป็นพวกกับเรา เขานั้นหน้าตาดีซ้ำยังเก่งกาจ หากข้าได้ร่วมเตียงสักครั้ง คงเร้าใจไม่น้อย”ถานตงหยางตวัดตามองขุนนางแก่ตัณหากลับ ที่เอ่ยถ้อยคำหยาบคายอย่างไม่สะทกสะท้
เหตุใดต้องให้ความเคารพในเมื่อใช้สามีคนเดียวกัน สาวใช้สะบัดตัวออกจากเซี่ยอ้ายเหม่ยแล้วผลักอีกฝ่ายอย่างแรงจนไปกระแทกกำแพง แล้ววิ่งกลับมากอดขาของถานตงหยางด้วยท่าทางตื่นกลัว“ฮูหยิน ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือ ใต้เท้า ช่วยข้าด้วย ข้าก็ภรรยาท่านผู้หนึ่งเช่นเดียวกัน นางจะฆ่าข้าให้ตาย ช่วยด้วย”“ภรรยา ภรรยาหรือ ท่านพี่ ท่านคบชู้ ท่านกล้ามากที่หลับนอนกับหญิงอื่นในเรือนนี้ ท่านมีคนอื่นได้อย่างไร ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม” เซี่ยอ้ายเหม่ยเปลี่ยนเป้าหมายหันมาทุบตีสามีของตน จนอีกฝ่ายต้องจับแขนหญิงสาวเอาไว้แน่น“หยุด หยุดบ้าเสียที เซี่ยอ้ายเหม่ย เหตุใดเจ้าจึงไม่น่ารักอ่อนหวานเหมือนก่อนที่เราจะแต่งงานกัน หากเจ้าด่าว่าข้าคบชู้ เจ้าก็เคยเป็นชู้มายั่วยวนสามีของสหายถึงในเรือนเช่นกัน จำไม่ได้รึ” ถานตงหยางเอ่ยความจริงกระแทกใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่คิดถนอมน้ำใจ“ก็เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ไง เจ้าคอยหึงหวงข้ากับทุกคน โปรดจงรู้ตัวไว้เถิดว่า เจ้าเป็นคนที่ผลักไสข้าให้กับคนอื่น ใช่ ข้าหลับนอนกับสาวใช้ของเจ้า แล้วใครมันจะทำไม” ถานตงหยางโอบไหล่ภรรยาบ่าวคนใหม่ต่อหน้าเซี่ยอ้ายเหม่ยอย่างไม่เกรงใจ วันนี้มันถึงขีดจำกัดของทุกอย่างแล้ว เขา
เซี่ยอ้ายเหม่ยเหงื่อผุดที่กรอบหน้า หญิงสาวซ่อนมือสั่นระริกในร่มผ้า ก่อนจะเถียงกลับอย่างไม่ลดละ“ไม่ ไม่นะ ปิ่นไข่มุกเช่นนี้ ที่ไหนก็มีเหมือนกัน พวกเจ้าโกหก”“ข้าไม่ได้โกหก” เหอลู่เสียนที่มาด้วยกันเริ่มออกโรง เธอใช้ชีวิตร่วมกับเหอชางมานาน ย่อมจดจำทรัพย์สมบัติของเขาได้ทั้งหมด“ปิ่นไข่มุกนั่นเป็นฝีมือของร้านตระกูลเจียง ท่านไปถามพวกเขาดูก็ได้ว่าใช่หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีกำไลทับทิมบนข้อมือของถานซงอวิ้น นั่นก็เป็นสินเดิมของบุตรของข้าเช่นกัน โธ่ เหอซีซวนลูกแม่ เจ้าตายอย่างน่าสงสารเพราะคบคนผิด ถูกสังหารชิงทรัพย์สมบัติมาจนหมด ซ้ำพวกคนร้ายยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในเมืองหลวง สวมใส่สมบัติของเจ้าอย่างไม่ละอายใจ สวรรค์ เหตุใดจึงไร้ความยุติธรรม” ใต้เท้าเยี่ยได้ยินเช่นนั้น ก็พยักหน้าให้คนของเขาไปค้นเรือนทันทีถานซงอวิ้นถึงกับหน้าซีดเผือด นางถือกุญแจคลังสมบัติตระกูลถานเอาไว้ด้วยมือสั่นเทาไม่ได้นะ ถ้าพวกเขาหาสินเดิมของเหอซีซวนเจอขึ้นมา เห็นทีจะซวยกันถ้วนหน้า แม้แต่ตัวนางเองก็คงต้องถูกสอบสวน ไม่แน่ว่าจะหนีความผิดพ้นหรือไม่“ไม่ ไม่ใช่นะ นี่มันกำไลข้า พวกท่านจะค้นของในจวนนี้ไม่ได้นะ”ถานซงอวิ้นส่งสายตาบอกให้
“ฝ่าบาท นี่คือบันทึกรายชื่อผู้ร่วมก่อการกับจวิ้นอ๋องบางส่วน กระหม่อมตรวจสอบดูแล้ว เป็นบันทึกจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงประทับอยู่ที่จวนตระกูลเซวียนเป็นการลับ แม้แต่คนจากหน่วยตงฉางหรือราชองครักษ์ก็ยังไม่รู้ว่าฮ่องเต้ติดต่อกับเซวียนจางหย่งเช่นนี้ พระองค์นั่งอ่านบันทึกเล่มใหม่ที่เพิ่งได้มาด้วยท่าทางเคร่งเครียด ช่วงนี้คลื่นลมเงียบสงบเกินไป จวิ้นอ๋องก็เงียบหาย ไม่คิดว่าจะมีแผนการร้ายกาจเช่นนี้“น้องชายของข้าเป็นคนไม่ยอมปล่อยวางจริงๆ ทั้งที่ข้าก็ให้โอกาสหลายครั้งแล้ว เห็นแก่ว่าทำคุณงามความดีมากมาย หากลงมือรุนแรงไป ขุนนางฝั่งไทเฮาอาจจะก่อความวุ่นวายได้ แต่ดูเหมือนข้าจะประเมินเฉินหวังหย่งสูงเกินไป เขาโง่งมนัก เจ้าดูเอาเถิด รายชื่อขุนนางบางคนเป็นคนฝั่งเราแท้ๆ แต่กลับแปรพักตร์ เห็นทีครั้งนี้ ข้าคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียแล้ว” เฉินเฟยหลงไล่รายชื่อดูคร่าวๆ แต่ก็ไม่พบกับรายชื่อของเสนาบดีเซี่ย น่าเสียดาย ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นจะระวังตัวเป็นพิเศษ“ฝั่งของเสนาบดีเซี่ยเป็นอย่างไรบ้าง”“กระหม่อมให้คนคอยติดตามอยู่ตลอด แต่เขาระวังตัวมาก รอบกายมีแต่ยอดฝีมือ พวกเราพยายามแฝงตัวเข้าไปสืบ ก็ไม่ได้อะไรมาก
เซี่ยอ้ายเหม่ยคลุ้มคลั่ง ชี้หน้าด่ากราด ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นยืนอยู่นอกกรงขังอย่างงามสง่าแตกต่างจากตน ก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวยากจะระงับอารมณ์“เหอซีซวน ลูกแม่ อย่าไปฟังมันเลย เจ้าต้องเชื่อแม่นะ แม่รักเจ้าเหลือเกิน เจ้าเป็นสะใภ้คนเดียวที่แม่ยอมรับ เจ้าช่วยบอกคนอื่นทีว่าข้าไม่เกี่ยวข้อง ปล่อยข้าออกไปเถอะนะ”ถานซงอวิ้นเอื้อมมือออกมาจับเท้าของหลิวซีซวนพร้อมกับส่งสายตาเว้าวอน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อเขาขยับหนีออกไป“ท่านช่างหน้าไม่อายเสียจริง ท่านแม่ ท่านกล้าใส่ร้ายข้า วางยาทำให้ข้าเป็นหมัน แล้วยังกล้ามาร้องขอความเมตตา สิ่งที่ท่านทำมันเลวร้ายกับเหอซีซวนมาก ชื่อเสียงดีงามของเขาเสียหาย ไม่มีวันกลับคืนมา เหอซีซวนต้องตายไปด้วยความเจ็บช้ำเพราะท่าน ข้าไม่มีวันให้อภัยท่านแน่นอน”“โฮ เหอซีซวน ลูกสะใภ้ ให้อภัยแม่ด้วย แม่สำนึกผิดแล้ว เป็นแม่ที่เลอะเลือน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าทิ้งแม่ไป ช่วยแม่ด้วย” ถานซงอวิ้นครวญครางเรียกร้องอย่างน่าสงสาร แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเห็นใจจากหลิวซีซวนนัก“ส่วนเจ้า สหายรักของข้า จนถึงทุกวันนี้เจ้าก็ยังคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำเลวร้ายเพียงใด เจ้าช่างโง่เขลา ไม่ต่างจากเหอ
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา