เซี่ยอ้ายเหม่ยคลุ้มคลั่ง ชี้หน้าด่ากราด ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นยืนอยู่นอกกรงขังอย่างงามสง่าแตกต่างจากตน ก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวยากจะระงับอารมณ์
“เหอซีซวน ลูกแม่ อย่าไปฟังมันเลย เจ้าต้องเชื่อแม่นะ แม่รักเจ้าเหลือเกิน เจ้าเป็นสะใภ้คนเดียวที่แม่ยอมรับ เจ้าช่วยบอกคนอื่นทีว่าข้าไม่เกี่ยวข้อง ปล่อยข้าออกไปเถอะนะ”
ถานซงอวิ้นเอื้อมมือออกมาจับเท้าของหลิวซีซวนพร้อมกับส่งสายตาเว้าวอน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อเขาขยับหนีออกไป
“ท่านช่างหน้าไม่อายเสียจริง ท่านแม่ ท่านกล้าใส่ร้ายข้า วางยาทำให้ข้าเป็นหมัน แล้วยังกล้ามาร้องขอความเมตตา สิ่งที่ท่านทำมันเลวร้ายกับเหอซีซวนมาก ชื่อเสียงดีงามของเขาเสียหาย ไม่มีวันกลับคืนมา เหอซีซวนต้องตายไปด้วยความเจ็บช้ำเพราะท่าน ข้าไม่มีวันให้อภัยท่านแน่นอน”
“โฮ เหอซีซวน ลูกสะใภ้ ให้อภัยแม่ด้วย แม่สำนึกผิดแล้ว เป็นแม่ที่เลอะเลือน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าทิ้งแม่ไป ช่วยแม่ด้วย” ถานซงอวิ้นครวญครางเรียกร้องอย่างน่าสงสาร แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความเห็นใจจากหลิวซีซวนนัก
“ส่วนเจ้า สหายรักของข้า จนถึงทุกวันนี้เจ้าก็ยังคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ทำเลวร้ายเพียงใด เจ้าช่างโง่เขลา ไม่ต่างจากเหอซีซวนที่ลงทุนลงแรงทุกอย่างเพื่อชายที่ไม่เคยรักใครจริง”
“เจ้า..เจ้ายังไม่ตาย เช่นนี้ก็เอาทรัพย์สมบัติของตนเองกลับไป แล้วปล่อยข้าออกไปซะ”
ปั้ง!! หลิวซีซวนกระทืบเท้าเสียงดัง ก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าเซี่ยอ้ายเหม่ยแล้วตวาดลั่น
“เหอซีซวนจากไปแล้ว!”
ดวงตาดอกท้อนั้นจับจ้องไปที่หญิงสาวอย่างโกรธเกรี้ยว ความรู้สึกบางอย่างอึดอัดคับแน่นในอกต้องการระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดที่เหอซีซวนได้รับก่อนจากไปเอ่อล้นไปทั้งร่าง ความผิดหวัง เจ็บช้ำ การหักหลัง ทุกอย่างแสดงออกผ่านแววตาอย่างไร้การปิดบัง
“ที่ผ่านมา เจ้าคงไม่เคยรักเหอซีซวนมาก่อน แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเขามองเจ้าเป็นสหายรักมาโดยตลอด ไม่ว่าเจ้าอยากได้อะไร เขาก็หามาให้เจ้าเสมอ แต่เจ้ากลับแว้งกัด มาแย่งสามีเขาไป ซ้ำยังสังหารเขาอย่างเลือดเย็น”
หลิวซีซวนหลั่งน้ำตาอาบสองแก้ม ตัวสั่นเทิ้ม ไม่อาจควบคุมได้ จิตใจภายในสั่นไหวราวกับว่าจิตวิญญาณส่วนลึกของเหอซีซวนกำลังคร่ำครวญกรีดร้อง
“ส่วนท่าน เป็นแม่สามีใจร้ายที่ชอบกลั่นแกล้งเหอซีซวนทั้งต่อหน้าและลับหลัง ที่ผ่านมา เขาอดทนมาตลอดก็เพื่อสามีที่รัก เขาตั้งใจจะสร้างครอบครัวและมีลูกมาตลอดแต่ก็ไม่สามารถมีได้ ใครจะคิดว่าคนร้ายที่วางยากร่อนปราณทำให้เป็นหมันจะเป็นแม่สามีของตนเอง พวกท่านมันช่างสารเลวจริงๆ”
หลิวซีซวนสบตาเซี่ยอ้ายเหม่ยและถานซงอวิ้นด้วยดวงตาแข็งกร้าว ที่ยังมีน้ำตาไหลเอ่อออกมาไม่ขาดสาย
“พวกท่านทั้งสอง จงรับผลกรรมในคุกอันมืดมิดนี้ตลอดไปเถิด”
เอ่ยจบแล้ว หลิวซีซวนก็หมุนตัวเดินออกจากคุกไปทันที ทิ้งให้อดีตสหายรักและแม่สามีกรีดร้องโวยวายดังลั่น ไม่ยอมหยุด
“ท่านตา ท่านตา ข้ามาหาท่านแล้ว”
หลังจากกลับมาจากคุกใต้ดินแล้ว เขาก็กลับจวน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านก็เริ่มสงบลงอย่างช้าๆ ความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจที่มีมานานเบาบางลงไป เศษเสี้ยววิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของร่างเดิมคล้ายกับเริ่มจะปล่อยวางได้ คืนนั้นเขาเลยตัดสินใจไปบอกข่าวดีให้กับหลิวหงชิงในมิติส่วนตัวได้ฟัง
ชายชราในมิติส่วนตัวนั้นรีบวิ่งออกมาจากเรือนนอนอย่างแตกตื่นทันที หลังจากได้ยินเสียงเรียกจากทายาทเพียงผู้เดียวของตระกูลหลิว
“เกิดอะไรขึ้นอีก สามีเจ้าจะตายแล้วหรือ”
“ท่านตา จางหย่งยังไม่ตาย เขาสบายดีมาก”
“เช่นนั้น เจ้ามาหาข้ามีอะไรรึ”
อนิจจา หลานชายชอบเอาความคับข้องใจมาปรึกษา เก้าในสิบเรื่องมักจะเป็นเรื่องของบุรุษ ไม่แปลกที่เขาจะคิดว่าหลิวซีซวนเข้ามิติส่วนตัวมาเพื่อขอคำปรึกษาเรื่องเซวียนจางหย่งอีก
“ท่านตา ข้าทำได้แล้ว ข้าจัดการพวกตระกูลถานรวมถึงเซี่ยอ้ายเหม่ยแล้ว ข้าให้คนพวกนั้นรับโทษ จับพวกมันเข้าคุก ล้างมลทินให้เหอซีซวนได้แล้ว ท่านตา” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย หลิวหงชิงมองหลานชายด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนที่ดวงตาจะแปรเปลี่ยนเป็นสีทองแล้วมองสำรวจร่างบางอีกครั้ง
“เจ้าได้ปลดปล่อยเศษเสี้ยววิญญาณของเหอซีซวนออกไปแล้ว ความขุ่นข้องหมองใจ ความเจ็บช้ำที่เขาได้รับมาตลอดนั้น ได้รับการชำระล้างแล้ว ขอบใจเจ้ามากนะที่ทำเพื่อหลานชายผู้ล่วงลับของข้าอีกคนถึงเพียงนี้”
หลิวหงชิงนั้นถึงกับน้ำตาซึมด้วยความภาคภูมิใจและปลื้มปริ่ม เหอซีซวนนั้นมีชะตากรรมที่น่าสงสารยิ่ง เขาพกพาหยกหงส์แดงของตระกูลหลิวเดินทางมาไกลแต่ยังไม่ทันถึงตระกูลหลิวก็ตายเสียก่อน
หากหลานชายคนนี้หนีรอดมาได้ เขาต้องมีชีวิตใหม่ที่ดีแน่ๆ
แต่ถึงอย่างไร คนก็จากไปแล้ว ความเจ็บช้ำ ความทรงจำ และเศษเสี้ยววิญญาณก็ควรจะต้องจากไปตามทาง ไม่มีอะไรที่จะสามารถคงอยู่จีรัง
แม้แต่ตัวเขาก็ต้องจากไปด้วยเช่นกัน
บางทีก็อาจจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องปลดปล่อยตัวเองเช่นกัน
“หลิวซีซวน เจ้าต้องทำพิธีบวงสรวงทวยเทพวันไหน”
“อีก 3 วัน ท่านตา ข้าไม่แน่ใจว่าจะทำได้ดีเพียงใด แต่จะทำให้เต็มที่”
“ดีแล้ว จงจำไว้ว่าบางครั้งโชคชะตาก็ประหลาดนัก สิ่งที่คิดไว้อาจจะไม่เป็นดั่งใจ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าจงจำเอาไว้ จงมีสติทุกครั้ง เข้าใจหรือไม่”
“ข้าเข้าใจแล้วท่านตา ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องพิธีบวงสรวงทวยเทพ หากข้าทำอะไรผิดพลาด ข้าก็จะสวดพึมพำมั่วๆ เอาตัวรอดไปก่อน เหมือนตอนเล่นละคร โอ๊ย” คนทะเล้นโดนชายชราเขกหัวเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ คนงามคลี่ยิ้มอย่างถูกใจไม่น้อยที่ถูกบรรพบุรุษของตนดุด่า หลิวหงชิงนั้นเป็นบรรพบุรุษเพียงคนเดียวของเขา แม้จะไม่ได้พบกันทุกวันแต่ความผูกพันนั้นมีแน่นอน
“ข้าหยอกเล่น”
“หยอกก็ไม่ได้ อย่าทำให้ตระกูลหลิวเสียหน้า เจ้าจงตั้งใจทำให้เต็มที่เสีย จงไปอ่านตำราการทำพิธีบวงสรวงทั้งหมดเสีย ไม่เช่นนั้น สวรรค์อาจจะลงทัณฑ์ให้มดลูกของเจ้าเย็นเยียบและไร้สามีตลอดไป”
เมื่อถูกขู่ว่าจะไม่มีผัว หลิวซีซวนก็ถึงกับสะดุ้งโหยง รีบวิ่งไปอ่านตำราในห้องอย่างตั้งอกตั้งใจ
สวรรค์ ข้าจะตั้งใจทำพิธีให้ดีที่สุด โปรดอำนวยอวยชัยแก่ข้า อย่ามาขวางคนที่อยากมีสามีหล่อเลย
และแล้วก็ถึงวันสำคัญของเมืองหลวง หลังจากที่เกิดเหตุอาเพศต่อเนื่องกันมาหลายหน จนกระทั่งปัจจุบัน เมืองหลวงก็ยังคงมีพลังชั่วร้ายวนเวียนอยู่ไม่หายไปไหน แม้ว่าหลังจากหลิวซีซวนจะระเบิดพลังออกมาปัดเป่าไปแล้วบางส่วน ยามที่กำจัดของอัปมงคลที่ฝังอยู่ที่จัตุรัสกลางเมือง ยามนี้ที่จัตุรัสกลางเมืองนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้และข้าวของมงคลล้ำค่า เรียงรายอยู่เบื้องหน้าธูปเทียนที่ใช้ทำพิธี เหล่าขุนนางต่างเดินตบเท้ามาที่จัตุรัสกลางเมืองกันอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมเป็นประจักษ์พยานในพิธีสำคัญและบางส่วนก็มาเพื่อปัดเป่าโชคร้ายในชีวิตของตน หลายคนเชื่อว่าหากได้ร่วมงานบวงสรวงทวยเทพ จะทำให้พวกเขาโชคดีไปตลอดทั้งปีพิธีนี้ไม่เพียงแค่ขุนนางที่เข้าร่วม แต่ยังมีหลวงจีนจากวัดหลวงเข้าร่วมสวดมนต์อ้อนวอนทวยเทพอยู่รายรอบจัตุรัสกลางเมือง ส่วนชาวบ้านนั้นไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้พิธีสำคัญ จำต้องชะเง้อคอ มองจากที่ไกลเซี่ยโม่โฉวแต่งกายเต็มยศเดินเข้ามาในงานอย่างสง่าผ่าเผย จากที่เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านนานถึงสามวัน เขาไม่แม้แต่คิดจะออกมาดูลูกสาวของตนที่ถูกจับใส่ตะรางแม้สักครั้ง เรื่องที่เซี่ยอ้ายเหม่ยถูกจับกลายเป็นเรื่องรอง เมื่อรู้ว่าเรือน
“ข้าจะบอกให้เอาบุญนะ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคนที่ซื่อสัตย์ของพวกเรา วิญญาณของท่านจะกลายเป็นผู้พิทักษ์ค่ายกล พลังวิญญาณของท่านและขุนนางอีกสามคนจะส่งพลังให้ค่ายกลของข้านั้นแข็งแกร่งมากขึ้น ขอบคุณมากที่เสียสละเพื่อจวิ้นอ๋องตลอดมา”“แก…”ถานตงหยางมองคนตรงหน้าอย่างแค้นเคือง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั้งกายจนกลายเป็นความรู้สึกชา ลมหายใจของเขาเริ่มเบาบางลงไปเรื่อย ในหัวเริ่มปรากฏภาพเหตุการณ์ในอดีตมากมายหนึ่งในนั้นมีเหอซีซวนด้วย เสียดายที่เขาเลือกทางผิดแล้วถีบหัวส่งคนที่รักและหวังดีกับเขามาตลอดชีวิต น่าเศร้าที่เขาต้องจากไปก่อน และไม่อาจไขว่คว้าภรรยาของตนกลับมาสู่อ้อมกอดได้เหอซีซวน อภัยให้ข้าด้วย ข้าเลือกเส้นทางผิดพลาดไปแล้วจริงๆถานตงหยางสิ้นชีพแล้ว“ตายเสียที ทีนี้ก็ครบทั้งสี่ตำแหน่งแล้วสินะ” โจวเฟิงมองถานตงหยางราวกับมดปลวก เขาเพียงแค่ใช้เท้าเขี่ยศพของอีกฝ่ายพลิกไปอีกทางอย่างอารมณ์ดีครั้งที่แล้ว เขาสร้างค่ายกลเล็กๆ ในศาลาวัด จัดการชายผู้มีดวงมหาโชคจนอยู่หมัด ครั้งนี้ เขาใช้พลังของขุนนางผู้มากอำนาจเซ่นสังเวยพร้อมกับทาเลือดที่ผืนดินทั้งสี่ทิศ“จากนี้ไป ดวงชะตาของคนที่อยู่ในเมืองหลวง โดยเฉพาะผู้ที่ข
หลิวซีซวนหันหลังไปมองพวกหลวงจีนที่ยืนสวดมนต์เรียงรายกันอย่างจับผิด แต่ก็ไม่พบพิรุธใดไม่ได้การ เราไม่ได้มีเวลามากขนาดนี้ ตอนนี้ประชาชนกำลังมองมาอย่างกังขา เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์หน้าถอดสี ข้าจะทำเสียเรื่องไม่ได้“ขอเถอะ ท่านตาช่วยข้าด้วย ข้าขอให้พลังทั้งหมดของตระกูลหลิว จงมาสถิตกับข้า”ฉับพลัน เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลกำลังไหลทะลักออกมาจากร่างของเขาจนรอบกายกลายเป็นแสงสีทอง คนที่เฝ้าดูพิธีบวงสรวงต่างมองเหตุการณ์อัศจรรย์ตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง“เทพ คุณชายหลิวเป็นเทพแน่นอน”“ท่านเทพโปรดช่วยพวกเราด้วย”หลิวซีซวนเบิกตาขึ้นมาเป็นสีทองประกายเจิดจ้า เมื่อจ้องมองไปบนท้องฟ้าก็พบว่าความชั่วร้ายที่ปกคลุมกำลังถอยออกไป ร่างกายที่สิ้นเรี่ยวแรงกลับเริ่มมีกำลังวังชา จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนกับร่างกายของตนกำลังขยับไปเองโดยไม่สามารถควบคุมได้ หลิวซีซวนในยามนี้กำลังร่ายรำอยู่หน้าพิธีด้วยท่วงท่าที่สง่างามและน่าเกรงขาม เขาหยิบพู่กันขึ้นมาสลักอักขระจีนโบราณทั้งสี่ทิศด้วยท่วงท่าทรงพลัง เวลานี้ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละสายตาจากเขาได้ แม้แต่คนที่คอยค่อนขอดยังต้องอ้าปาก จวบจนขั้นตอนสุดท้ายเมื่อเขาจุดเทียนเล่มสีแดง จึง
สภาพหลิวซีซวนในเวลานี้ราวกับเหยื่อตัวน้อยที่ติดกับดักใยแมงมุม เขาถูกพัวพันด้วยเส้นใยที่มองไม่เห็นที่กำลังดูดกินพลังของเขาอย่างตะกละตะกลาม หากเทียบกับคนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากการชิงดวง นับว่าเขาได้รับผลกระทบมากกว่าอีกเท่าตัวนึงเลย“หลิวซีซวน เจ้าเป็นอย่างไร” เซวียนจางหย่งได้รับผลกระทบอยู่บ้างแต่นับว่าน้อยกว่าผู้อื่น ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะในตัวมีเกราะอ่อนซึ่งเป็นของวิเศษประจำตระกูลหลิวด้วย ทำให้เขายังสามารถยืนหยัดได้อย่างองอาจได้ เขาทำท่าจะวิ่งเข้ามาช่วยเขา แต่เขารีบยกมือห้ามเอาไว้“อย่าเพิ่งมา อย่าเข้ามาใกล้บริเวณนี้ มันอันตราย”“แต่เจ้ากำลังบาดเจ็บ” “อึก ข้าไหว เจ้าเชื่อใจข้าหรือไม่”“ข้าย่อมเชื่อใจเจ้าเหนือกว่าสิ่งอื่นใด”“เช่นนั้น ขอเวลาหาข้าทางออกสักครู่ ท่าน..อย่าเข้าใกล้ฝ่าบาท”หลิวซีซวนไม่อาจอธิบาย เขานั้นระแวงทุกครั้งที่เซวียนจางหย่งต้องเข้าพบฮ่องเต้อย่างใกล้ชิด หากภาพในนิมิตของเขาไม่หลอกลวง เซวียนจางหย่งอยู่ห่างจากฮ่องเต้ในสถานการณ์ต่อสู้ น่าจะปลอดภัยกับตัวเขามากที่สุด“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“ทำตามที่ข้าบอกเถอะ เจ้าจับตาดูพวกหลวงจีนกลุ่มนั้น มันพาจวิ้นอ๋องกลับมา ไปจัดการไอ้
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา