“ข้านะหรือ?” หรูซื่อชี้หน้าตัวเอง เห็นเขาพยักหน้ารับแล้วนางก็คิดตามแล้วพยักหน้าตาม“มิน่าเล่า ข้าเข้าครัวทำอาหารก็เกือบทำไฟไหม้ห้องครัวของท่านแล้ว แต่พอได้จับเข็มจับด้าย ข้ากลับรู้สึกทำได้คล่องแคล่ว เช่นนั้นข้าจะเย็บเสื้อให้ท่านเอง”
“ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเหนื่อย” เขาจับมือเรียวเล็กขึ้นมาลูบไล้นิ้วงามอย่างทะนุถนอม
“ข้าอยากทำให้ท่านพี่” นางยิ้มเขินอาย เพราะตั้งใจหลบสายตาร้อนแรงของเขาจึงเสมองไปทางอื่น ทว่ากลับเห็นแผ่นที่กางอยู่บนโต๊ะ นางหลุบตาลงทันที แต่กระนั้น ทุกกิริยาของนางอยู่ในสายตาของซุนหลวนคุน
“ไม่ใช่ความลับอะไร เจ้าดูได้” เขาเชยคางนางขึ้น “หากเจ้าอยากรู้อะไรก็ถาม เพียงแต่เรื่องพวกนี้อาจจะทำให้เจ้าหมดสนุก ข้าจึงไม่ได้ให้เจ้าดู”
“ข้าดูได้หรือ?” แววตาวาววับจ้องมองกลับ และเมื่อเขาพยักหน้ายืนยัน นางจึงหันไปมองที่กระดาษแผ่นนั้น “นี่คือแผนที่หรือเจ้าคะ”
“ใช่” เขาตอบแล้วจับเอวนางให้นางตัวตรง แผ่นหลังของนางแนบอกแกร่ง วงแขนกว้างโอบร่างเล็กแล้วชี้ให้นางดูตำแหน่งต่างๆ “นี่คือค่ายทหาร ตรงนี้เป็นกำแพงเมือง แนวเขานี้เป็นเสมือนป้อมปราการ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นจุดที่ข้าศึกใช้สุ่มโจมตีได้”
หญิงสาวมองตามนิ้วกร้านที่ชี้ตำแหน่งต่างๆ นางกัดริมฝีปากครุ่นคิดก่อนยื่นนิ้วไปจิ้มที่แผ่นที่บ้าง
“ท่านพี่อยู่ที่นี่คอยป้องกันไม่ใช้ข้าศึกบุกข้ามกำแพงเมืองเข้ามารึเจ้าคะ”
“ถูกต้อง แต่เจ้าไม่ต้องกลัว เจ้าอยู่ที่นี่ปลอดภัยแน่นอน”
“ข้าไม่ได้กลัวเสียหน่อย” เสียงหวานใสเอ่ยอย่างเอาใจ “สามีของข้าเก่งกาจนัก มีหรือที่ข้าจะต้องกลัวเรื่องพวกนี้ เพียงแค่คิดว่า...”
“อย่าได้เที่ยวออกไปซุกซนเชียว อย่างไรก็เขตทหาร” เขาหัวเราะอย่างรู้ทัน
“เมื่อครู่ท่านเพิ่งบอกข้าว่าอยากไปไหนก็ได้นี่” นางย่นจมูกใส่
“มันเป็นกฎ” เขาพูดแล้วอ้าปากขบติ่งหูดุจไข่มุกของนาง “เมื่อก่อนข้าไม่เข้าใจกฎข้อห้ามเหล่านี้ แต่เมื่อเจ้าอยู่ใกล้ จึงรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้สนใจภรรยาตัวน้อยที่แสนเย้ายวน”
ยังไม่ทันที่นางจะอ้าปากโต้เถียง ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ทาบทับลงมาก่อน ดูดกลืนถ้อยคำของนางไปหมดสิ้น ทว่าครั้งนี้เรียวลิ้นของหญิงสาวเป็นฝ่ายหยอกเย้าภมรหนุ่มจนเขาเป็นฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใจอยากสั่งสอนที่กล้าหยอกล้อเขา แต่ด้วยรับรู้ว่าใกล้ถึงที่หมายแล้วจึงถอนจุมพิตแล้วสบตากับดวงตากระจ่างใสของหญิงสาวบนตัก
“เรียนรู้รวดเร็วดียิ่ง” เขาเอ่ยชมแล้วใช้นิ้วโป้งเช็ดริมฝีปากนางเบาๆ
“ข้ามีอาจารย์ดี” นางยื่นนิ้วไปเช็ดริมฝีปากให้เขาบ้าง
ท่าทางของนางทำให้ซุนหลวนคุนอ่อนใจ เขาหลุดหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะที่ไม่ค่อยมีใครได้ยิน ทำให้เหล่าทหารที่ติดตามอยู่ต่างประหลาดใจ แต่ก็ดีใจที่เห็นว่ามีคนใจกล้ากำราบแม่ทัพปีศาจของพวกเขาได้แล้ว เพราะทุกวันนี้หากมีเรื่องใด ก็มักเข้าไปรายงานฮูหยินท่านแม่ทัพเสียหมด
แม่ทัพหนุ่มจัดเรือนผมและเสื้อผ้าให้ภรรยาสาวเข้าที่แล้วจึงพยักหน้าให้ หรูซื่อยิ้มเอียงอายแล้วเป็นฝ่ายทำเช่นเดียวกัน รถม้าหยุดนิ่งสนิทแล้ว แม่ทัพหนุ่มจึงก้าวลงจากรถม้าแล้วยื่นมือไปรับภรรยาลงมา สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่คนทั้งสอง หรูซื่อออกอาการประหม่าเล็กน้อย แต่เพราะมือใหญ่กุมมือนางไว้ นางจึงลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปหมดสิ้น เสียงพ่อค้าส่งเสียงลูกค้าข้างทาง สินค้าแปลกตาหลากหลาย ทุกอย่างแปลกตาทำให้หรูซื่อตื่นเต้นราวกับเด็กน้อย ซุนหลวนคุนผ่อนฝีเท้าตัวเองไม่ให้เดินเร็วเกินไป กุมมือนางไว้ให้ด้วยกลัวนางหลงทาง แต่นางพยายามชักมือกลับ ทว่าเขาไม่ยอมปล่อย ทำเอาหญิงสาวเอ่ยเสียงเบา
“ไม่ต้องจับมือข้าตลอดทางเช่นนี้ก็ได้”
“ทำไมเล่า ภรรยาข้าตัวเล็กนิดเดียว หากข้าทำหลุดมือไปเกรงจะหายไปจนหาไม่เจอ”
“ข้าไม่ใช่เด็กนะ” นางกระเง้ากระงอด แต่อีกฝ่ายหลับหัวเราะในลำคอแล้วยกมือนางที่กุมไว้ขึ้นมาจุมพิตที่หลังมือ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อก้มหน้าหงุดไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำไมสามีนางหน้าหนาถึงเพียงนี้ กลางถนนยังกล้าทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ได้
ท่าทางรักใคร่เอ็นดูที่แม่ทัพหนุ่มมีต่อภรรยาสาวสร้างความตะลึงงันให้กับผู้คนที่พบเห็น เขาพานางเดิมชมสินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ จนมาถึงบริเวณลานกว้าง มีคอกม้าอยู่หลายคอก หลายคนที่รู้จักต่างประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม ครั้งนี้เขามีสตรีข้างกายติดตามมาด้วยก็ให้ความเคารพไม่ต่างกัน นางยิ้มรับบาง ๆ เดินเคียงข้างบุรุษร่างสูงใหญ่ แม้ยามนี้เขาแต่งกายธรรมดาแต่กลับมิอาจซ่อนความองอาจได้เลย นางเผลอมองอย่างหลงใหล เหตุใดเพิ่งรู้สึกว่าสามีของตนหล่อเหล่าน่ามองถึงเพียงนี้
ชายหนุ่มย่อมรับรู้ถึงสายตาของคนรัก เขาโน้มหน้าลงเล็กน้อย สีหน้ายังคงนิ่งขรึมทว่ากลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“เหตุใดฮูหยินถึงได้กล้าลวนลามสามีด้วยสายตาเช่นนี้”
“ข้าเปล่านะ” นางรีบพูดขึ้นแล้วก็รู้ว่าถูกเขาแกล้งเข้าแล้วจึงยกมือขึ้นหมายจะทุบอกเขา แต่นึกได้ว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพังจึงได้แต่ขึงตาใส่
“เคยได้ยินว่าท่าแม่ทัพซุนมีภรรยาที่รักใคร่มาก เดิมทีไม่เคยเชื่อจนวันนี้ได้เห็นด้วยตาของตนเอง”
หรูซื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับสตรีผู้หญิงรูปร่างปราดเปรียว ใบหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งทะนง มุมปากกระตุกยิ้ม การแต่งกายด้วยชุดสตรีชนเผ่าสีสันสดใส ทุกการก้าวเดินเกิดเสียงกังวานจากกระพรวนเงินที่ข้างเอวของนาง
“คารวะท่านแม่ทัพซุน”
“แม่นางลี่หย่า” ซุนหลวนคุนพยักหน้ารับเล็กน้อย
“วันนี้มาดูม้าด้วยตนเองเลยหรือ” นางถามแต่สายตายังจ้องมองหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนเคียงข้างเขา “ภรรยาของท่านช่างงดงามแต่กต่างหญิงชาวบ้านเสียจริง”
“นางคือหรูซื่อบุตรสาวท่านราชครูหลิว” เขาแนะนำเรียบง่าย คล้ายไม่ต้องการสนทนาด้วย
ลี่หย่ากวาดตามองอย่างไม่เกรงมารยาท ทำเอาหรูซื่อเผลอขยับกายเบียดแขนของซุนหลวนคุนเพราะไม่ต้องการถูกจ้องมอง เขาเพียงตบหลังมือนางเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยนแล้วพานางเดินไปถึงคอกม้า อาชางามสง่าสีนิลเหยาะย่างในคอกม้า
“งามสง่ายิ่งนัก” แม้นางไม่รู้เรื่องม้า แต่หรูซื่อต้องยอมรับว่าอาชาตัวนี้ดูองอาจยิ่ง
“ฮูหยินสายตาแหลมคม อาชาตัวนี้ท่านแม่ทัพก็หมายปอง แต่ข้ายังตัดใจขายไม่ลง”
“เจ้าไม่อยากขายก็ไม่ต้องพูดมาก ม้าศึกที่ทำสัญญาซื้อขาย เจ้าจัดส่งให้ครบก็พอ” น้ำเสียงกระด้างเสียจนหรูซื่อประหลาดใจ นางไม่เคยได้ยินเขาใช้น้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน
“ท่านแม่ทัพอย่าเพิ่งหัวเสีย” ลี่หย่าหัวเราะระรื่น “ท่านเป็นยอดขุนศึกย่อมคู่ควรกับม้าที่ดีของข้า ข้าขายมันให้ท่านก็ได้ มีเงื่อนไขเดียว”
“ข้าไม่ต่อรองใด ๆ กับเจ้า” เขาตัดบททันที ดวงตาคมปลาบจ้องมองนาง หากเป็นบุรุษอื่นคงได้หวาดกลัวตัวสั่น แต่ลี่หย่าปรายตามองไปทางหรูซื่อแล้วเชิดปลายคางขึ้นพูดต่อ
“หากท่านแม่ทัพต้องการอาชาตัวนั้นจริงๆ ขอเพียงท่านและฮูหยินมาเป็นแขกที่เผ่าของข้า ให้พวกข้าได้เลี้ยงต้อนรับฮูหยินของท่านสักมื้อ เพียงแค่นี้ ข้าก็ยินดีมอบอาชาตัวนั้นให้ท่านด้วยความเต็มใจ”
“ลี่หย่า” น้ำเสียงกดต่ำแสดงความไม่พอใจหลายส่วน
“แค่นั้นหรือ?” หรูซื่อถามด้วยรอยยิ้ม
“ถูกต้อง แค่มาเยือนเผ่าของข้าสักครั้ง ให้พวกเข้าได้รับเกียรติต้อนรับท่านทั้งสอง”
“ไม่”
“ได้”
หรูซื่อตอบรับอย่างรวดเร็ว ทั้งที่สามีเอ่ยปากปฏิเสธ นางแหงนหน้ามองสามีที่มีสีหน้าเคร่งเครียดก็หุบยิ้มลงแล้วเอ่ยเสียงเบา
“แค่...แค่ไปกินเลี้ยงต้อนรับนี่น่า”
“ฮูหยินเข้าใจถูกแล้ว” ลี่หย่าฉีกยิ้มหวานแล้วเดินเข้ามาใกล้แม่ทัพหนุ่ม “หรือท่านแม่ทัพจะให้ฮูหยินมาเพียงผู้เดียว”
“อีกสองวันข้าจะไปพบเจ้า” “อย่าลืมฮูหยินของท่านด้วยสิ” ลี่หย่าย้ำ “แน่นอน ข้าต้องไปอยู่แล้ว” หรูซื่อยิ้มกว้าง สีหน้าไร้เดียงสาของนางทำให้ซุนหลวนคุนอ่อนใจ ในจังหวะเดียวกัน เขารับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่จึงวาดแขนโอบไหล่ร่างบางเข้ามาใกล้ “มีอะไรรึ” นางถาม จู่ ๆ เขาก็โอบนางเช่นนี้ “กลัวเจ้าจะร้อน” “หากข้าไม่เห็นด้วยตาตนเอง ย่อมไม่มีวันเชื่อว่าแม่ทัพปีศาจอย่างท่าน จะอ่อนโยนใส่ใจกับสตรีถึงเพียงนี้”ลี่หย่าหัวเราะเสียงใส แต่แววตาที่จ้องมองกลับตรงข้าม ซุนหลวนคุนเหมือนม้าป่างามสง่า ไม่น่าเชื่อว่า ผู้ที่ปราบม้าพยศได้นั้นเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ท่าทางไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น... หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมจานผลไม้ที่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ สายตาจับจ้องไปยังบุรุษหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่างอย่างตั้งใจ คล้ายไม่รับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามา นางเผลอขบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ผู้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นเขาจะไม่รู้ว่านางเดินเข้ามา หรูซื่อจึงเปลี่ยนใจหมุนตัวเดินกลับออกมา ทว่าเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว คนที่ฝืนทำใจแข็ง
“ท่านพี่...ท่านกอดข้าแน่นเช่นนี้ กระดูกข้าจะแหลกเหลวแล้วนะ” หรูซื่อแสร้งร้องโอดครวญเบา ๆ ทว่าเสียงของนางชวนให้คนฟังใจเตลิดไปเรื่องอื่น“หรือท่านยังคิดเรื่องรับอนุอีก” นางดิ้นขลุกขลักพลางผลักไสมือใหญ่ที่เลื่อนมาเกาะกุมบัวคู่งาม“ข้าสาบานว่าจะมีเจ้าเพียงคนเดียว” เขาฝืนยิ้มออกมา สลัดความขุ่นมัวในใจแล้วสนใจกับเรือนร่างหอมกรุ่นที่ปลุกเร้าแก่นกายบุรุษเพศให้แข็งขัน “ลำบากฮูหยินแล้ว” ยังไม่ทันเอ่ยถามว่าเขาพูดถึงเรื่องใด หรูซื่อก็เข้าใจได้เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งขันดุนดันก้นของนางอยู่ ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีพร้อมกับผ้าคาดเอวที่ถูกปลดออก เสื้อตัวนอกเลื่อนหล่นเผยผิวกายขาวผ่องที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับ“ท่านพี่! เหลวไหลใหญ่แล้วนะ” นางเขินอายจนใบหน้าแดงจัดพยายามดึงเสื้อผ้าของตนเองขึ้นปกปิด แต่ต้องหลุดเสียงครางหวิวเมื่อมือซุกซนบีบเคล้นทรวงอกของนาง ร่างกายอ่อนยวบลงไปไร้แรงขัดขืน นางเอนหลังผิงแผ่นอกกว้างอย่างจำนนต่อความรัญจวนที่เขามอบให้ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอย่างน่าอับอาย ลิ้นร้อนตวัดไล้เลียใบหู จุดอ่อนไหวที่ถูกค้นพบทำให้หญิงสาวได้แต่ครางเสียงหวา
“ท่าน!” นางหน้าแดงขึ้นมาทันทีแล้วยกมือขึ้นทุบแผ่นอกไปหลายที เรียกเสียงหัวเราะจนแม่ทัพโหดจนดังไปนอกรถม้า นางรู้ว่าทุบไปก็ไร้ประโยชน์ไม่สะเทือนเขาเลยสักนิด จึงฮึดฮัดแสร้งไม่สนใจเขาอีก รถม้าหยุดนิ่งก่อนเข้าหมู่บ้านที่ส่วนมากเป็นกระโจมขนาดใหญ่ ซุนหลวนคุนช่วยจับแต่งเสื้อผ้าของหรูซื่อให้เรียบร้อยก่อนจะก้าวลงจากรถม้าไปก่อนแล้วจึงยื่นมือไปประคองนางลงตามมา ท่าทางเอาใจใส่นี้ทำให้ลี่หย่ากำแส้ม้าในมือแน่นแต่ยังคงฝืนยิ้มออกมา “ดีใจที่เห็นพวกท่านมาเยือนถึงที่นี่” ลี่หย่าเอ่ยออกมาแต่อดกวาดตามองหญิงสาวข้างกายแม่ทัพหนุ่มไม่ได้ ซุนหลวนคุนคิดจะใช้ร่างกายตัวเองบดบังสายตาของลี่หย่า แต่หรูซื่อกลับก้าวเท้าออกมาด้านหน้าพร้อมรอยยิ้มและยื่นถุงผ้าใบน้อยให้ “เดินทางมากะทันหัน ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมามอบให้ เมื่อคืนข้าเย็บถุงเงินตั้งใจมอบให้แม่นางลี่หย่า ของเล็กน้อยนี้ หวังว่าแม่นางจะรับไว้” “ถุงเงินหรือ? ข้าชอบ” ลี่หย่ายื่นมือไปรับอย่างไม่เกรงมารยาทและไม่สนใจสายตาดุดันของแม่ทัพซุน นางคว้ามือของหรูซื่อแล้วใช้ร่างแทรกกลางระหว่างสองสามีภรรยา พาหรูซื่
หรูซื่ออยู่ในชุดกระโปรงสีสันสดใสปักลวดลายเป็นเรื่องราวการเลี้ยงสัตว์ของคนในเผ่า แต่รองเท้านั้นเป็นรองเท้าหนังกวางสูงถึงหน้าแข้งเหมาะสำหรับการขี่ม้า บนศีรษะประดับเครื่องประดับผมที่ทำจากลูกปัดหลากสีและขนนก และเพราะนางผิวขาวดุจหิมะต่างจากสตรีในทุ่งหญ้า ยามนี้นางจึงงดงามราวเทพธิดาสะกดสายตาบุรุษที่เผลอมองมา “ท่านพี่” หรูซื่อเห็นเขาตะลึงงันไปก็เรียกเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มได้สติแล้วกระแอมไอออกมาแก้เก้อ “ผิวนางเหมาะกับเสื้อผ้าสีแดงมากจริง ๆ” ลี่หย่าอดเย้าไม่ได้ “นี่ๆ เจ้าเคยกินชานมแพะหรือไม่ ลองชิมดูก่อนสิ” ลี่หย่าดึงมือหรูซื่อให้นั่งลงข้างกายนาง แล้วจัดแจงรินชานมแพะส่งให้ “ไม่เหม็นหรอก ลองชิมดู” หรูซื่อรับมาจิบที่ละนิด รสชาติแปลกไม่คุ้นลิ้น แต่พอได้ชิมก็ติดใจ “อร่อย แปลกดี ข้าเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก” “นมแพะทำได้หลายอย่าง ถ้าเจ้าได้แพะไปก็เลี้ยงมันดี ๆ จะได้เอาน้ำนมมันมากิน” “ต้องได้อยู่แล้ว” หรูซื่อพูดด้วยความมั่นใจแล้วหลิวตามองสามีของตน นางฝากความหวังที่จะได้ลูกแพะกลับไปจวนแม่ทัพ ซุนหลวนคุนอ่อนใจกับภรรยาตัวน้อ
เสียงของลี่หย่าเรียกสติของหรูซื่อ นางพยักหน้ารับ ครู่ต่อมาเสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้นตามด้วยเสียงโฮ่ร้องของคนในเผ่า ม้ากว่าสิบตัวในลานประลองวิ่งห้อทะยานไปด้านหน้าเผื่อไปให้ถึงจุดที่สามารถยิงธนูได้ ทว่าก็มีม้าตัวอื่นเข้ามาเบียดกระแทก หรูซื่อหลุดเสียงร้องตกใจแล้วหันไปทางหวงอี้ “ไม่ใช่แค่การยิงธนูให้เข้าเป้าหรอกหรือ? เหตุใดเหมือนต่อสู้บนหลังม้าเช่นนี้” “เผ่าเปียนเจียงมีการแข่งขันไม่เหมือนผู้ใด นี่ไม่ใช่แค่การยิงธนู แต่ทุกคนต้องต่อสู้บนหลังม้า ถ้าตกจากม้าก่อนก็ถือว่าแพ้เช่นกัน” หรูซื่อถึงกับหน้าซีด นางคิดว่าแข่งยิงธนูก็คือประลองความแม่นยำเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นการต่อสู้กันเช่นนี้ ในลานประลองผู้อื่นล้วนเป็นคนในเผ่าเดียวกัน มีเพียงซุนหลวนคุนที่เป็นคนนอก แน่นอนว่าทุกคนบังคับม้าสกัดมิให้เขาสามารถตั้งหลักยิงธนูได้ ปาปังอาศัยจังหวะที่แม่ทัพหนุ่มไม่อาจหลบหลีกผู้อื่นได้ ยกคันธนูขึ้นเล็งยิงทันทีแม้ใช้หางตามองก็ยังรับรู้ทุกอย่าง ซุนหลวนคุนบังคับม้วนตัวหลบผู้อื่นที่พุงเข้ามา ยิงธนูไปสกัดมิให้ธนูของปาปังเข้าเป้าได้สำเร็จ ปาปังตวัดสายตามองอ
“ถ้าวันหนึ่งเราไม่มีภาระใดแล้ว เราเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันดีไหม ค่ำไหนก็นอนนั้น ข้าตัวเล็กกินไม่จุ คงไม่ลำบากท่านพี่กระมัง”“ถ้าเจ้าไม่กลัวลำบาก ข้าก็ไม่มีอะไรให้กลัว ขอเพียงมีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าก็พอใจแล้ว” “ข้าก็เช่นกัน ท่านห้ามลืมคำพูดตนเองนะ”“ข้าสัญญา”‘ไม่ว่าจะผ่านความเจ็บปวดมากี่ครั้งกี่ครา ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเด็ดขาด’ ซุนหลวนคุนบังคับม้าพากลับมาที่ลานประลองเพื่อส่งม้าคืน ทว่าเมื่อกลับมาถึง ทั้งสองต้องประหลาดใจเมื่อเห็นลานประลองกลายเป็นลานเลี้ยงฉลองเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ทั้งสองตั้งใจมาลากลับ หรือว่าจะมีผู้อื่นมาอีก ปาปังเห็นสีหน้างุนงงของทั้งสองก็หัวเราะออกมาแล้วเดินตรงมาตบไหล่แม่ทัพหนุ่ม “วันนี้กลับไม่ทันแล้ว ประเดี๋ยวก็พลบค่ำเดินทางค่ำมืดมันอันตราย พวกท่านค้างคืนที่นี่สักคืนเถิด พวกเราจัดเตรียมกระโจมที่พักไว้ให้แล้ว ท่านพ่อของข้าก็อยากเลี้ยงอาหารเย็นแม่ทัพและฮูหยิน รวมทั้งผู้ติดตามของท่านด้วย” หรูซื่อเงยหน้ามองสามีแล้วพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม เห็นทีว่าจะเดินทางกลับไม่ได้แล้วจริงๆ ซุนหลวนคุนได้แต่กล่าวขอบคุณน้ำใจที่เปียนเจียงมอบให้ ปาปัง
“ข้าจะดื่ม” “เจ้าดื่มมากไปแล้ว” “เหล้านี้หวานดี ข้าชอบ เราขอซื้อเอากลับไปด้วยได้ไหม” “ได้ๆ ฮูหยินอยากได้ลูกแพะข้าก็ประลองมาให้ ฮูหยินอยากได้สุราผลไม้ของเปียนเจียง ข้าก็จะนำกลับไปให้” หรูซื่อหัวเราะคิกคักแล้วยื่นหน้าไปกระซิบ “สามีของข้าดีที่สุดเลย” กลิ่นลมหายใจเจือสุราผลไม้หอมหวาน ชวนให้คนมึนเมาเสียเหลือเกิน ซุนหลวนคุนได้แต่อ่อนใจที่ทำตัวเหลวไหลตามใจนางขนาดนี้ แต่คงมีเวลานี้เท่านั้นที่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยาทั่วไป ได้ใกล้ชิดเอาใจใส่ตามใจ นางหลังจากที่เขาห่างเหินกับนางไปเกือบห้าปี การตีดาบเสร็จสิ้นลง หนึ่งในบุรุษที่ตีดาบถือดาบสั้นเล่มนั้นตรงมาหานางแล้วยื่นให้ หรูซื่อทำหน้าไม่ถูกหันไปทางซุนหลวนคุน เขาเอียงหน้าแล้วกระซิบบอกนาง “พวกเขาต้องการมอบให้เจ้าเป็นของที่ระลึก” “ให้ข้า?” นางแปลกใจและดีใจไปพร้อมกัน นางยื่นมือมามีดสั้นน้ำหนักพอดีมือ “ข้าชอบมาก ขอบคุณทุกท่านมาก” หรูซื่อไม่รู้จะเอ่ยถ้อยคำใดได้อีก นางรับมือถือไว้อย่างทะนุถนอม ซุนหลวนคุนยื่นมือมารับมีดสั้นแล้วเก็บไว้
หรูซื่องอแงราวเด็กน้อย พลันในหัวของนางปรากฏภาพเลือนลางเป็นตัวนางที่ถูกอบรมสั่งสอน จากหญิงผู้หญิงใบหน้าละม้ายคล้ายบุรุษตรงหน้าอยู่หลายส่วน ‘สตรีต้องใช้ชีวิตเพื่อบุรุษ แม้ออกเรือนแล้วก็ตกเป็นของสามี สามีเป็นผู้วางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในครอบครัว ส่วนหน้าที่ของภรรยาก็คือต้องปรนนิบัติสามีและญาติพี่น้องของสามีด้วย พร้อมดูแลงานบ้านงานครัวไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หรูซื่อ...เจ้าเกิดในตระกูลใหญ่ งานบ้านงานเรือนมีบ่าวรับใช้ทำให้ก็จริง แต่บางเรื่องก็ควรทำเป็นบ้าง และที่สำคัญ เจ้าแต่งงานมาหลายปีแต่ไร้บุตร อนาคตอาจต้องรับอนุเข้าเรือน เจ้าจะเป็นสตรีใจแคบไม่ได้ เข้าใจหรือไม่’“ไม่...ข้าไม่เข้าใจ” นางทุบแผ่นอกของเขา แต่รู้สึกเหมือนมือไม้หนักยกแทบไม่ขึ้นจึงได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาไว้ “เจ้าพูดถึงเรื่องใด” เขาโน้นหน้าลงเอ่ยถาม ปล่อยให้ทางทุบเขาให้พอใจ อย่างไรเขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บ มีแต่มือน้อย ๆ ของนางจะเจ็บเสียเอง“ทำไม...ทำไมต้องให้ข้าใจกว้าง” นางช้อนตาขึ้นมอง “ทำไมข้าต้องยินยอมรับอนุ ข้า...ข้าไม่อยากให้สตรีอื่นมาแตะต้องสามีของข้า ทั้งที่...ทั้งที่ข้าเฝ้ารอมาหลายปี แต่ทำไมต้องให้ข้า...ข้ายินดีรับอนุเข้าเรือ
หรูซื่องอแงราวเด็กน้อย พลันในหัวของนางปรากฏภาพเลือนลางเป็นตัวนางที่ถูกอบรมสั่งสอน จากหญิงผู้หญิงใบหน้าละม้ายคล้ายบุรุษตรงหน้าอยู่หลายส่วน ‘สตรีต้องใช้ชีวิตเพื่อบุรุษ แม้ออกเรือนแล้วก็ตกเป็นของสามี สามีเป็นผู้วางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในครอบครัว ส่วนหน้าที่ของภรรยาก็คือต้องปรนนิบัติสามีและญาติพี่น้องของสามีด้วย พร้อมดูแลงานบ้านงานครัวไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หรูซื่อ...เจ้าเกิดในตระกูลใหญ่ งานบ้านงานเรือนมีบ่าวรับใช้ทำให้ก็จริง แต่บางเรื่องก็ควรทำเป็นบ้าง และที่สำคัญ เจ้าแต่งงานมาหลายปีแต่ไร้บุตร อนาคตอาจต้องรับอนุเข้าเรือน เจ้าจะเป็นสตรีใจแคบไม่ได้ เข้าใจหรือไม่’“ไม่...ข้าไม่เข้าใจ” นางทุบแผ่นอกของเขา แต่รู้สึกเหมือนมือไม้หนักยกแทบไม่ขึ้นจึงได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาไว้ “เจ้าพูดถึงเรื่องใด” เขาโน้นหน้าลงเอ่ยถาม ปล่อยให้ทางทุบเขาให้พอใจ อย่างไรเขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บ มีแต่มือน้อย ๆ ของนางจะเจ็บเสียเอง“ทำไม...ทำไมต้องให้ข้าใจกว้าง” นางช้อนตาขึ้นมอง “ทำไมข้าต้องยินยอมรับอนุ ข้า...ข้าไม่อยากให้สตรีอื่นมาแตะต้องสามีของข้า ทั้งที่...ทั้งที่ข้าเฝ้ารอมาหลายปี แต่ทำไมต้องให้ข้า...ข้ายินดีรับอนุเข้าเรือ
“ข้าจะดื่ม” “เจ้าดื่มมากไปแล้ว” “เหล้านี้หวานดี ข้าชอบ เราขอซื้อเอากลับไปด้วยได้ไหม” “ได้ๆ ฮูหยินอยากได้ลูกแพะข้าก็ประลองมาให้ ฮูหยินอยากได้สุราผลไม้ของเปียนเจียง ข้าก็จะนำกลับไปให้” หรูซื่อหัวเราะคิกคักแล้วยื่นหน้าไปกระซิบ “สามีของข้าดีที่สุดเลย” กลิ่นลมหายใจเจือสุราผลไม้หอมหวาน ชวนให้คนมึนเมาเสียเหลือเกิน ซุนหลวนคุนได้แต่อ่อนใจที่ทำตัวเหลวไหลตามใจนางขนาดนี้ แต่คงมีเวลานี้เท่านั้นที่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยาทั่วไป ได้ใกล้ชิดเอาใจใส่ตามใจ นางหลังจากที่เขาห่างเหินกับนางไปเกือบห้าปี การตีดาบเสร็จสิ้นลง หนึ่งในบุรุษที่ตีดาบถือดาบสั้นเล่มนั้นตรงมาหานางแล้วยื่นให้ หรูซื่อทำหน้าไม่ถูกหันไปทางซุนหลวนคุน เขาเอียงหน้าแล้วกระซิบบอกนาง “พวกเขาต้องการมอบให้เจ้าเป็นของที่ระลึก” “ให้ข้า?” นางแปลกใจและดีใจไปพร้อมกัน นางยื่นมือมามีดสั้นน้ำหนักพอดีมือ “ข้าชอบมาก ขอบคุณทุกท่านมาก” หรูซื่อไม่รู้จะเอ่ยถ้อยคำใดได้อีก นางรับมือถือไว้อย่างทะนุถนอม ซุนหลวนคุนยื่นมือมารับมีดสั้นแล้วเก็บไว้
“ถ้าวันหนึ่งเราไม่มีภาระใดแล้ว เราเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันดีไหม ค่ำไหนก็นอนนั้น ข้าตัวเล็กกินไม่จุ คงไม่ลำบากท่านพี่กระมัง”“ถ้าเจ้าไม่กลัวลำบาก ข้าก็ไม่มีอะไรให้กลัว ขอเพียงมีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าก็พอใจแล้ว” “ข้าก็เช่นกัน ท่านห้ามลืมคำพูดตนเองนะ”“ข้าสัญญา”‘ไม่ว่าจะผ่านความเจ็บปวดมากี่ครั้งกี่ครา ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเด็ดขาด’ ซุนหลวนคุนบังคับม้าพากลับมาที่ลานประลองเพื่อส่งม้าคืน ทว่าเมื่อกลับมาถึง ทั้งสองต้องประหลาดใจเมื่อเห็นลานประลองกลายเป็นลานเลี้ยงฉลองเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ทั้งสองตั้งใจมาลากลับ หรือว่าจะมีผู้อื่นมาอีก ปาปังเห็นสีหน้างุนงงของทั้งสองก็หัวเราะออกมาแล้วเดินตรงมาตบไหล่แม่ทัพหนุ่ม “วันนี้กลับไม่ทันแล้ว ประเดี๋ยวก็พลบค่ำเดินทางค่ำมืดมันอันตราย พวกท่านค้างคืนที่นี่สักคืนเถิด พวกเราจัดเตรียมกระโจมที่พักไว้ให้แล้ว ท่านพ่อของข้าก็อยากเลี้ยงอาหารเย็นแม่ทัพและฮูหยิน รวมทั้งผู้ติดตามของท่านด้วย” หรูซื่อเงยหน้ามองสามีแล้วพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม เห็นทีว่าจะเดินทางกลับไม่ได้แล้วจริงๆ ซุนหลวนคุนได้แต่กล่าวขอบคุณน้ำใจที่เปียนเจียงมอบให้ ปาปัง
เสียงของลี่หย่าเรียกสติของหรูซื่อ นางพยักหน้ารับ ครู่ต่อมาเสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้นตามด้วยเสียงโฮ่ร้องของคนในเผ่า ม้ากว่าสิบตัวในลานประลองวิ่งห้อทะยานไปด้านหน้าเผื่อไปให้ถึงจุดที่สามารถยิงธนูได้ ทว่าก็มีม้าตัวอื่นเข้ามาเบียดกระแทก หรูซื่อหลุดเสียงร้องตกใจแล้วหันไปทางหวงอี้ “ไม่ใช่แค่การยิงธนูให้เข้าเป้าหรอกหรือ? เหตุใดเหมือนต่อสู้บนหลังม้าเช่นนี้” “เผ่าเปียนเจียงมีการแข่งขันไม่เหมือนผู้ใด นี่ไม่ใช่แค่การยิงธนู แต่ทุกคนต้องต่อสู้บนหลังม้า ถ้าตกจากม้าก่อนก็ถือว่าแพ้เช่นกัน” หรูซื่อถึงกับหน้าซีด นางคิดว่าแข่งยิงธนูก็คือประลองความแม่นยำเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นการต่อสู้กันเช่นนี้ ในลานประลองผู้อื่นล้วนเป็นคนในเผ่าเดียวกัน มีเพียงซุนหลวนคุนที่เป็นคนนอก แน่นอนว่าทุกคนบังคับม้าสกัดมิให้เขาสามารถตั้งหลักยิงธนูได้ ปาปังอาศัยจังหวะที่แม่ทัพหนุ่มไม่อาจหลบหลีกผู้อื่นได้ ยกคันธนูขึ้นเล็งยิงทันทีแม้ใช้หางตามองก็ยังรับรู้ทุกอย่าง ซุนหลวนคุนบังคับม้วนตัวหลบผู้อื่นที่พุงเข้ามา ยิงธนูไปสกัดมิให้ธนูของปาปังเข้าเป้าได้สำเร็จ ปาปังตวัดสายตามองอ
หรูซื่ออยู่ในชุดกระโปรงสีสันสดใสปักลวดลายเป็นเรื่องราวการเลี้ยงสัตว์ของคนในเผ่า แต่รองเท้านั้นเป็นรองเท้าหนังกวางสูงถึงหน้าแข้งเหมาะสำหรับการขี่ม้า บนศีรษะประดับเครื่องประดับผมที่ทำจากลูกปัดหลากสีและขนนก และเพราะนางผิวขาวดุจหิมะต่างจากสตรีในทุ่งหญ้า ยามนี้นางจึงงดงามราวเทพธิดาสะกดสายตาบุรุษที่เผลอมองมา “ท่านพี่” หรูซื่อเห็นเขาตะลึงงันไปก็เรียกเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มได้สติแล้วกระแอมไอออกมาแก้เก้อ “ผิวนางเหมาะกับเสื้อผ้าสีแดงมากจริง ๆ” ลี่หย่าอดเย้าไม่ได้ “นี่ๆ เจ้าเคยกินชานมแพะหรือไม่ ลองชิมดูก่อนสิ” ลี่หย่าดึงมือหรูซื่อให้นั่งลงข้างกายนาง แล้วจัดแจงรินชานมแพะส่งให้ “ไม่เหม็นหรอก ลองชิมดู” หรูซื่อรับมาจิบที่ละนิด รสชาติแปลกไม่คุ้นลิ้น แต่พอได้ชิมก็ติดใจ “อร่อย แปลกดี ข้าเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก” “นมแพะทำได้หลายอย่าง ถ้าเจ้าได้แพะไปก็เลี้ยงมันดี ๆ จะได้เอาน้ำนมมันมากิน” “ต้องได้อยู่แล้ว” หรูซื่อพูดด้วยความมั่นใจแล้วหลิวตามองสามีของตน นางฝากความหวังที่จะได้ลูกแพะกลับไปจวนแม่ทัพ ซุนหลวนคุนอ่อนใจกับภรรยาตัวน้อ
“ท่าน!” นางหน้าแดงขึ้นมาทันทีแล้วยกมือขึ้นทุบแผ่นอกไปหลายที เรียกเสียงหัวเราะจนแม่ทัพโหดจนดังไปนอกรถม้า นางรู้ว่าทุบไปก็ไร้ประโยชน์ไม่สะเทือนเขาเลยสักนิด จึงฮึดฮัดแสร้งไม่สนใจเขาอีก รถม้าหยุดนิ่งก่อนเข้าหมู่บ้านที่ส่วนมากเป็นกระโจมขนาดใหญ่ ซุนหลวนคุนช่วยจับแต่งเสื้อผ้าของหรูซื่อให้เรียบร้อยก่อนจะก้าวลงจากรถม้าไปก่อนแล้วจึงยื่นมือไปประคองนางลงตามมา ท่าทางเอาใจใส่นี้ทำให้ลี่หย่ากำแส้ม้าในมือแน่นแต่ยังคงฝืนยิ้มออกมา “ดีใจที่เห็นพวกท่านมาเยือนถึงที่นี่” ลี่หย่าเอ่ยออกมาแต่อดกวาดตามองหญิงสาวข้างกายแม่ทัพหนุ่มไม่ได้ ซุนหลวนคุนคิดจะใช้ร่างกายตัวเองบดบังสายตาของลี่หย่า แต่หรูซื่อกลับก้าวเท้าออกมาด้านหน้าพร้อมรอยยิ้มและยื่นถุงผ้าใบน้อยให้ “เดินทางมากะทันหัน ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมามอบให้ เมื่อคืนข้าเย็บถุงเงินตั้งใจมอบให้แม่นางลี่หย่า ของเล็กน้อยนี้ หวังว่าแม่นางจะรับไว้” “ถุงเงินหรือ? ข้าชอบ” ลี่หย่ายื่นมือไปรับอย่างไม่เกรงมารยาทและไม่สนใจสายตาดุดันของแม่ทัพซุน นางคว้ามือของหรูซื่อแล้วใช้ร่างแทรกกลางระหว่างสองสามีภรรยา พาหรูซื่
“ท่านพี่...ท่านกอดข้าแน่นเช่นนี้ กระดูกข้าจะแหลกเหลวแล้วนะ” หรูซื่อแสร้งร้องโอดครวญเบา ๆ ทว่าเสียงของนางชวนให้คนฟังใจเตลิดไปเรื่องอื่น“หรือท่านยังคิดเรื่องรับอนุอีก” นางดิ้นขลุกขลักพลางผลักไสมือใหญ่ที่เลื่อนมาเกาะกุมบัวคู่งาม“ข้าสาบานว่าจะมีเจ้าเพียงคนเดียว” เขาฝืนยิ้มออกมา สลัดความขุ่นมัวในใจแล้วสนใจกับเรือนร่างหอมกรุ่นที่ปลุกเร้าแก่นกายบุรุษเพศให้แข็งขัน “ลำบากฮูหยินแล้ว” ยังไม่ทันเอ่ยถามว่าเขาพูดถึงเรื่องใด หรูซื่อก็เข้าใจได้เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งขันดุนดันก้นของนางอยู่ ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีพร้อมกับผ้าคาดเอวที่ถูกปลดออก เสื้อตัวนอกเลื่อนหล่นเผยผิวกายขาวผ่องที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับ“ท่านพี่! เหลวไหลใหญ่แล้วนะ” นางเขินอายจนใบหน้าแดงจัดพยายามดึงเสื้อผ้าของตนเองขึ้นปกปิด แต่ต้องหลุดเสียงครางหวิวเมื่อมือซุกซนบีบเคล้นทรวงอกของนาง ร่างกายอ่อนยวบลงไปไร้แรงขัดขืน นางเอนหลังผิงแผ่นอกกว้างอย่างจำนนต่อความรัญจวนที่เขามอบให้ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอย่างน่าอับอาย ลิ้นร้อนตวัดไล้เลียใบหู จุดอ่อนไหวที่ถูกค้นพบทำให้หญิงสาวได้แต่ครางเสียงหวา
“อีกสองวันข้าจะไปพบเจ้า” “อย่าลืมฮูหยินของท่านด้วยสิ” ลี่หย่าย้ำ “แน่นอน ข้าต้องไปอยู่แล้ว” หรูซื่อยิ้มกว้าง สีหน้าไร้เดียงสาของนางทำให้ซุนหลวนคุนอ่อนใจ ในจังหวะเดียวกัน เขารับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่จึงวาดแขนโอบไหล่ร่างบางเข้ามาใกล้ “มีอะไรรึ” นางถาม จู่ ๆ เขาก็โอบนางเช่นนี้ “กลัวเจ้าจะร้อน” “หากข้าไม่เห็นด้วยตาตนเอง ย่อมไม่มีวันเชื่อว่าแม่ทัพปีศาจอย่างท่าน จะอ่อนโยนใส่ใจกับสตรีถึงเพียงนี้”ลี่หย่าหัวเราะเสียงใส แต่แววตาที่จ้องมองกลับตรงข้าม ซุนหลวนคุนเหมือนม้าป่างามสง่า ไม่น่าเชื่อว่า ผู้ที่ปราบม้าพยศได้นั้นเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ท่าทางไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น... หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมจานผลไม้ที่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ สายตาจับจ้องไปยังบุรุษหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่างอย่างตั้งใจ คล้ายไม่รับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามา นางเผลอขบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ผู้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นเขาจะไม่รู้ว่านางเดินเข้ามา หรูซื่อจึงเปลี่ยนใจหมุนตัวเดินกลับออกมา ทว่าเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว คนที่ฝืนทำใจแข็ง
“ข้านะหรือ?” หรูซื่อชี้หน้าตัวเอง เห็นเขาพยักหน้ารับแล้วนางก็คิดตามแล้วพยักหน้าตาม“มิน่าเล่า ข้าเข้าครัวทำอาหารก็เกือบทำไฟไหม้ห้องครัวของท่านแล้ว แต่พอได้จับเข็มจับด้าย ข้ากลับรู้สึกทำได้คล่องแคล่ว เช่นนั้นข้าจะเย็บเสื้อให้ท่านเอง” “ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเหนื่อย” เขาจับมือเรียวเล็กขึ้นมาลูบไล้นิ้วงามอย่างทะนุถนอม “ข้าอยากทำให้ท่านพี่” นางยิ้มเขินอาย เพราะตั้งใจหลบสายตาร้อนแรงของเขาจึงเสมองไปทางอื่น ทว่ากลับเห็นแผ่นที่กางอยู่บนโต๊ะ นางหลุบตาลงทันที แต่กระนั้น ทุกกิริยาของนางอยู่ในสายตาของซุนหลวนคุน “ไม่ใช่ความลับอะไร เจ้าดูได้” เขาเชยคางนางขึ้น “หากเจ้าอยากรู้อะไรก็ถาม เพียงแต่เรื่องพวกนี้อาจจะทำให้เจ้าหมดสนุก ข้าจึงไม่ได้ให้เจ้าดู” “ข้าดูได้หรือ?” แววตาวาววับจ้องมองกลับ และเมื่อเขาพยักหน้ายืนยัน นางจึงหันไปมองที่กระดาษแผ่นนั้น “นี่คือแผนที่หรือเจ้าคะ” “ใช่” เขาตอบแล้วจับเอวนางให้นางตัวตรง แผ่นหลังของนางแนบอกแกร่ง วงแขนกว้างโอบร่างเล็กแล้วชี้ให้นางดูตำแหน่งต่างๆ “นี่คือค่ายทหาร ตรงนี้เป็นกำแพงเมือง แนวเขานี้เป็นเสมือ