“อีกสองวันข้าจะไปพบเจ้า”
“อย่าลืมฮูหยินของท่านด้วยสิ” ลี่หย่าย้ำ
“แน่นอน ข้าต้องไปอยู่แล้ว” หรูซื่อยิ้มกว้าง สีหน้าไร้เดียงสาของนางทำให้ซุนหลวนคุนอ่อนใจ ในจังหวะเดียวกัน เขารับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่จึงวาดแขนโอบไหล่ร่างบางเข้ามาใกล้
“มีอะไรรึ” นางถาม จู่ ๆ เขาก็โอบนางเช่นนี้
“กลัวเจ้าจะร้อน”
“หากข้าไม่เห็นด้วยตาตนเอง ย่อมไม่มีวันเชื่อว่าแม่ทัพปีศาจอย่างท่าน จะอ่อนโยนใส่ใจกับสตรีถึงเพียงนี้”
ลี่หย่าหัวเราะเสียงใส แต่แววตาที่จ้องมองกลับตรงข้าม ซุนหลวนคุนเหมือนม้าป่างามสง่า ไม่น่าเชื่อว่า ผู้ที่ปราบม้าพยศได้นั้นเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ท่าทางไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น
...
หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมจานผลไม้ที่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ สายตาจับจ้องไปยังบุรุษหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่างอย่างตั้งใจ คล้ายไม่รับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามา นางเผลอขบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ผู้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นเขาจะไม่รู้ว่านางเดินเข้ามา หรูซื่อจึงเปลี่ยนใจหมุนตัวเดินกลับออกมา ทว่าเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว คนที่ฝืนทำใจแข็งก็เป็นฝ่ายเงยหน้าขึ้นแล้วเรียกนางไว้ก่อน
“เจ้าจะไปไหน”
“ไปที่ใดก็ได้ที่ไม่รบกวนท่าน”
น้ำเสียงกระเง้ากระงอด ทำให้ซุนหลวนคุนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางควรเป็นฝ่ายมาง้องอนเขา แต่ทำเช่นนี้แล้วเห็นทีเขาต้องเป็นฝ่ายเข้าหานางเสียเอง
“ข้าพูดว่าเจ้ารบกวนหรือ?”
“ก็สีหน้าท่านบอกเช่นนั้น”
คราวนี้นางหันกลับมาแล้วเดินเข้าใกล้ ซุนหลวนคุนเห็นนางชะงักเท้าไปเล็กน้อยจึงยกมือขึ้นตบที่นั่งด้านข้างของตนเป็นเชิงบอกให้นางเข้ามานั่งที่นี่ นางนิ่งไปอึดใจก่อนเดินไปนั่งข้างกายเขา
“สีหน้าข้าเป็นอย่างไร” เขาเอ่ยถามพลางยื่นมือไปรับจานผลไม้มาวางบนโต๊ะ และเป็นฝ่ายหยิบสาลี่ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำส่งเข้าปากของนางอย่างเอาใจ
ผลไม้มาถึงปากแล้วจะไม่กินก็ไม่ได้ ริมฝีปากแดงสดจึงเผยอขึ้นอ้าปากรับสาลี่ชิ้นนั้น ทว่าปลายนิ้วของเขาแกล้งแหย่เข้าไปในปากของนาง การหยอกล้อเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำให้หรูซื่อยกมือขึ้นทุบแผ่นอกสามีแก้เก้อแล้วเบือนหน้าไปเคี้ยวสาลี่ลงคอ
ไฉนกลายเป็นเช่นนี้ ควรเป็นนางที่ง้อเขานี่ แต่เมื่อนางหันหน้ากลับพบแววตอ่อนโยนของเขาจ้องมองนางอยู่ก่อนแล้ว ความรู้สึกผิดจึงตกมาอยู่ที่นางเสียเอง
“ท่านโกรธข้าก็ลงที่ข้าเถิด อย่าทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย”
คิ้วกระบี่เลิกขึ้นเล็กน้อยแล้วริมฝีปากบางก็ขยับเอ่ยถาม “ผู้ใดเดือดร้อน”
หรูซื่อย่นจมูกใส่สามี “อย่าแสร้งทำเป็นไม่รู้ ผู้อื่นไม่กล้าเข้าใกล้ท่านเพราะข้าทำให้ท่านไม่พอใจ”
“ข้านะหรือไม่พอใจเจ้า” เขาแสร้งทำหน้างุนงงแต่จับเอวบางยกขึ้นมานั่งบนตักของเขา “ไฉนข้าไม่รู้ว่าตัวเองไม่พอใจเจ้า”
“พอเถอะ ท่านอย่าล้อข้าเล่นอีกเลย” นางยกมือขึ้นแตะแก้มของเขาเบาๆ “ท่านไม่พอใจที่ข้ารับปากแม่นางลี่หย่าไปเช่นนั้น”
“อ่อ...เรื่องนั้นเจ้าก็รู้หรือว่าข้าไม่พอใจ”
“ข้าแค่อยากช่วยท่าน” นางส่งยิ้มหวานอย่างเอาใจ “ข้ารู้ว่าท่านชอบม้าตัวนั้นมาก”
“ข้าชอบม้าตัวนั้นมากก็จริง แต่ไม่จำเป็นที่เจ้าต้องทำเช่นนี้” เขาถอนหายใจเบา ๆ “ลี่หย่าเป็นสตรีที่รับมือยาก หญิงสาวที่เติบโตในทุ่งหญ้าไม่เหมือนที่เจ้ารู้จัก”
“อย่างนั้นหรือ?” นางกัดริมฝีปากแล้วจ้องมองสามี “มิใช่มีเรื่องอื่นปิดบังไม่ต้องการให้ข้ารู้หรือ?”
“เจ้าหมายถึงข้าหรือ?” ซุนหลวนคุนจับมือเรียวเล็กมากุมไว้
“ใช่” นางพยักหน้ารับ “สายตาของแม่นางลี่หย่ามองท่านอย่างกับข้าไปแย่งของรักของนางมา ท่านพี่จะบอกว่าไม่รู้อะไรเลยอย่างนั้นหรือ”
“นี่เจ้าคิดว่าข้ากับลี่หย่า...” เขาถึงกับโคลงศีรษะไปมาแล้วก็นึกขึ้นมาได้ “นี่เจ้าหึงข้าหรอกหรือ?”
หรูซื่อฮึดฮัดดิ้นรนลงจากตักอุ่น แต่วงแขนเพียงข้างเดียวโอบรัดเอวบางไว้ ทำให้นางขยับหนีไม่ได้ นางจึงเผชิญหน้ากับเขาไม่คิดหลบหลีกอีก
“ท่านเป็นบุรุษของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าไม่ยินยอมแบ่งท่านให้หญิงใดเด็ดขาด” นางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าต้องทำให้ผู้อื่นรู้ว่าท่านเป็นของข้า”
ซุนหลวนคุนกลั้นหัวเราะแล้วพยักหน้ายอมรับความคิดของนาง
“ข้าเป็นสตรีใจแคบ ท่านจะ...ไม่ชอบข้าใช่ไหม”
“ข้าชอบที่เจ้าหึงหวงข้า” เขารวบนางมากอด วางคางบนไหล่ของนางพลางสูดดมกลิ่นหอมจากกายสาว นางคงไม่รู้ว่าตนเองมีกลิ่นหอมเฉพาะกายที่ทำให้ปีศาจร้ายในใจเขาสงบลง
“แต่ข้าไม่ได้คิดเป็นอื่นใดกับลี่หย่า นาง...นางเป็นสตรีอันตราย ข้าไม่อยากให้เจ้ายุ่งเกี่ยวกับนาง”
“แต่ท่านชอบม้าของนางมาก” หรูซื่อขยับตัวขยุกขยิกเพราะลมหายใจของเขาทำให้นางรู้สึกปั่นป่วนชอบกล
“ม้าที่ลี่หย่าจับมาเป็นม้าป่าที่รูปร่างดีเหมาะจะเป็นม้าศึก ซ้ำนางยังฝึกม้าได้ดี แต่นางมักมีเงื่อนไขแปลกประหลาดเสมอ ข้าจึงเลี่ยงที่จะเจรจาซื้อม้ากับนาง”
“ข้อเสนอแปลกประหลาดที่ว่าคือเชิญภรรยาของท่านแม่ทัพไปกินข้าวนะหรือ?” นางเบ้ปากใส่ “ในฐานะที่ข้าเป็นหญิงย่อมมองออกว่า นางอยากให้ผู้อื่นเห็นว่านางเหนือกว่าข้า และเหมาะสมเคียงข้างท่าน เรื่องแค่นี้ท่านพี่คงไม่รู้สินะ”
“ข้าอ่อนด้อยเรื่องเหล่านี้จริง ๆ โชคดีที่มีน้องหญิงคอยชี้แนะ มิเช่นนั้น ข้าคงไม่รู้เลยว่าสตรีมีกลยุทธ์ที่น่ากลัวเช่นนี้”
“ท่านล้อข้าเล่นอีกแล้ว” นางยกมือขึ้นทุบแผ่นอกของเขา รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกลั้นหัวเราะอยู่จึงได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ สายตามองเลยไปยังตำราที่วางอยู่เบื้องหน้า
“ท่านอ่านตำราพิชัยยุทธ์ต้องเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีอยู่แล้ว” เมื่อเขาไม่เคยห้ามปราม นางจึงกวาดตามองบนโต๊ะทำงานของเขา “ทำไมข้ารู้สึกคุ้นเคยกับตำราเหล่านี้”
“เจ้าย่อมคุ้นเคย” เขาเอื้อมมือไปหยิบตำรามาให้นางดู “นี่เป็นลายมือของเจ้า”
“ลายมือของข้าหรือ?” นางถามเขาอย่างประหลาดใจแล้วหยิบตำราเหล่านั้นมาพลิกดู “ลายมือข้าจริง ๆ ด้วย”
“เจ้าเป็นแก้วตาดวงใจของท่านราชครู เมื่อเจ้าสนใจใคร่รู้เรื่องใด บิดาของเจ้าก็พร้อมสั่งสอนด้วยตนเอง และเมื่อเจ้าแต่งเข้าสกุลข้าแล้ว เจ้าก็ยังคัดลอกเนื้อหาสำคัญเหล่านี้ส่งมาให้ข้า แม้เจ้าไม่ได้อยู่ข้างกายข้า แต่สำหรับข้า เจ้าอยู่ข้างกายเสมอ เช่นนี้แล้ว เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่อาจมีหญิงใดนอกจากเจ้าได้อีกแล้ว”
“นอกจากเรื่องทำอาหารที่ไม่เอาไหนแล้ว ดูเหมือนข้าจะทำอะไรมีประโยชน์ต่อท่านอยู่บ้าง” นางยิ้มกว้าง
“เจ้ามีค่ามากกว่านั้น” เขาขบติ่งหูของภรรยารัก รับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้านของกายสาว
“เสื้อผ้าของท่านรวมทั้งบทคัดลอกตำราเหล่านี้ ล้วนเป็นข้าทำให้ท่าน แสดงว่าข้าเองก็รักท่านไม่น้อยสินะ”
เพราะนางจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย จึงไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับเขา แต่เมื่อเห็นว่าตนเองทุ่มเทให้เขามากมายถึงเพียงนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าเขามีน้ำหนักในใจนางไม่น้อย การแต่งงานของนางคงไม่เลวร้ายมากนัก อาจมีเพียงเรื่องเดียวคือนางยังไม่มีทายาทให้เขาเท่านั้น ทว่านางกลับไม่รู้ว่าถ้อยคำของตนนั้นทำให้ซุนหลวนคุนชะงักไป ร่างกายที่เกร็งขึ้นชั่วขณะทำให้หรูซื่อเอี้ยวใบหน้าหันไปมองเขา
“ท่านพี่เป็นอะไรไป ข้าพูดอะไรผิดหรือ?”
“ข้า” เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบหัวใจของเขาอยู่ เขากอดนางแน่นขึ้น มีเพียงวิธีนี้ที่ย้ำเตือนว่านางยังอยู่เบื้องหน้าเขาจริง ๆ มิใช่เพียงภาพฝันละเมอยามหลับตา
“ท่านพี่...ท่านกอดข้าแน่นเช่นนี้ กระดูกข้าจะแหลกเหลวแล้วนะ” หรูซื่อแสร้งร้องโอดครวญเบา ๆ ทว่าเสียงของนางชวนให้คนฟังใจเตลิดไปเรื่องอื่น“หรือท่านยังคิดเรื่องรับอนุอีก” นางดิ้นขลุกขลักพลางผลักไสมือใหญ่ที่เลื่อนมาเกาะกุมบัวคู่งาม“ข้าสาบานว่าจะมีเจ้าเพียงคนเดียว” เขาฝืนยิ้มออกมา สลัดความขุ่นมัวในใจแล้วสนใจกับเรือนร่างหอมกรุ่นที่ปลุกเร้าแก่นกายบุรุษเพศให้แข็งขัน “ลำบากฮูหยินแล้ว” ยังไม่ทันเอ่ยถามว่าเขาพูดถึงเรื่องใด หรูซื่อก็เข้าใจได้เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งขันดุนดันก้นของนางอยู่ ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีพร้อมกับผ้าคาดเอวที่ถูกปลดออก เสื้อตัวนอกเลื่อนหล่นเผยผิวกายขาวผ่องที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับ“ท่านพี่! เหลวไหลใหญ่แล้วนะ” นางเขินอายจนใบหน้าแดงจัดพยายามดึงเสื้อผ้าของตนเองขึ้นปกปิด แต่ต้องหลุดเสียงครางหวิวเมื่อมือซุกซนบีบเคล้นทรวงอกของนาง ร่างกายอ่อนยวบลงไปไร้แรงขัดขืน นางเอนหลังผิงแผ่นอกกว้างอย่างจำนนต่อความรัญจวนที่เขามอบให้ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอย่างน่าอับอาย ลิ้นร้อนตวัดไล้เลียใบหู จุดอ่อนไหวที่ถูกค้นพบทำให้หญิงสาวได้แต่ครางเสียงหวา
“ท่าน!” นางหน้าแดงขึ้นมาทันทีแล้วยกมือขึ้นทุบแผ่นอกไปหลายที เรียกเสียงหัวเราะจนแม่ทัพโหดจนดังไปนอกรถม้า นางรู้ว่าทุบไปก็ไร้ประโยชน์ไม่สะเทือนเขาเลยสักนิด จึงฮึดฮัดแสร้งไม่สนใจเขาอีก รถม้าหยุดนิ่งก่อนเข้าหมู่บ้านที่ส่วนมากเป็นกระโจมขนาดใหญ่ ซุนหลวนคุนช่วยจับแต่งเสื้อผ้าของหรูซื่อให้เรียบร้อยก่อนจะก้าวลงจากรถม้าไปก่อนแล้วจึงยื่นมือไปประคองนางลงตามมา ท่าทางเอาใจใส่นี้ทำให้ลี่หย่ากำแส้ม้าในมือแน่นแต่ยังคงฝืนยิ้มออกมา “ดีใจที่เห็นพวกท่านมาเยือนถึงที่นี่” ลี่หย่าเอ่ยออกมาแต่อดกวาดตามองหญิงสาวข้างกายแม่ทัพหนุ่มไม่ได้ ซุนหลวนคุนคิดจะใช้ร่างกายตัวเองบดบังสายตาของลี่หย่า แต่หรูซื่อกลับก้าวเท้าออกมาด้านหน้าพร้อมรอยยิ้มและยื่นถุงผ้าใบน้อยให้ “เดินทางมากะทันหัน ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมามอบให้ เมื่อคืนข้าเย็บถุงเงินตั้งใจมอบให้แม่นางลี่หย่า ของเล็กน้อยนี้ หวังว่าแม่นางจะรับไว้” “ถุงเงินหรือ? ข้าชอบ” ลี่หย่ายื่นมือไปรับอย่างไม่เกรงมารยาทและไม่สนใจสายตาดุดันของแม่ทัพซุน นางคว้ามือของหรูซื่อแล้วใช้ร่างแทรกกลางระหว่างสองสามีภรรยา พาหรูซื่
หรูซื่ออยู่ในชุดกระโปรงสีสันสดใสปักลวดลายเป็นเรื่องราวการเลี้ยงสัตว์ของคนในเผ่า แต่รองเท้านั้นเป็นรองเท้าหนังกวางสูงถึงหน้าแข้งเหมาะสำหรับการขี่ม้า บนศีรษะประดับเครื่องประดับผมที่ทำจากลูกปัดหลากสีและขนนก และเพราะนางผิวขาวดุจหิมะต่างจากสตรีในทุ่งหญ้า ยามนี้นางจึงงดงามราวเทพธิดาสะกดสายตาบุรุษที่เผลอมองมา “ท่านพี่” หรูซื่อเห็นเขาตะลึงงันไปก็เรียกเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มได้สติแล้วกระแอมไอออกมาแก้เก้อ “ผิวนางเหมาะกับเสื้อผ้าสีแดงมากจริง ๆ” ลี่หย่าอดเย้าไม่ได้ “นี่ๆ เจ้าเคยกินชานมแพะหรือไม่ ลองชิมดูก่อนสิ” ลี่หย่าดึงมือหรูซื่อให้นั่งลงข้างกายนาง แล้วจัดแจงรินชานมแพะส่งให้ “ไม่เหม็นหรอก ลองชิมดู” หรูซื่อรับมาจิบที่ละนิด รสชาติแปลกไม่คุ้นลิ้น แต่พอได้ชิมก็ติดใจ “อร่อย แปลกดี ข้าเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก” “นมแพะทำได้หลายอย่าง ถ้าเจ้าได้แพะไปก็เลี้ยงมันดี ๆ จะได้เอาน้ำนมมันมากิน” “ต้องได้อยู่แล้ว” หรูซื่อพูดด้วยความมั่นใจแล้วหลิวตามองสามีของตน นางฝากความหวังที่จะได้ลูกแพะกลับไปจวนแม่ทัพ ซุนหลวนคุนอ่อนใจกับภรรยาตัวน้อ
เสียงของลี่หย่าเรียกสติของหรูซื่อ นางพยักหน้ารับ ครู่ต่อมาเสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้นตามด้วยเสียงโฮ่ร้องของคนในเผ่า ม้ากว่าสิบตัวในลานประลองวิ่งห้อทะยานไปด้านหน้าเผื่อไปให้ถึงจุดที่สามารถยิงธนูได้ ทว่าก็มีม้าตัวอื่นเข้ามาเบียดกระแทก หรูซื่อหลุดเสียงร้องตกใจแล้วหันไปทางหวงอี้ “ไม่ใช่แค่การยิงธนูให้เข้าเป้าหรอกหรือ? เหตุใดเหมือนต่อสู้บนหลังม้าเช่นนี้” “เผ่าเปียนเจียงมีการแข่งขันไม่เหมือนผู้ใด นี่ไม่ใช่แค่การยิงธนู แต่ทุกคนต้องต่อสู้บนหลังม้า ถ้าตกจากม้าก่อนก็ถือว่าแพ้เช่นกัน” หรูซื่อถึงกับหน้าซีด นางคิดว่าแข่งยิงธนูก็คือประลองความแม่นยำเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นการต่อสู้กันเช่นนี้ ในลานประลองผู้อื่นล้วนเป็นคนในเผ่าเดียวกัน มีเพียงซุนหลวนคุนที่เป็นคนนอก แน่นอนว่าทุกคนบังคับม้าสกัดมิให้เขาสามารถตั้งหลักยิงธนูได้ ปาปังอาศัยจังหวะที่แม่ทัพหนุ่มไม่อาจหลบหลีกผู้อื่นได้ ยกคันธนูขึ้นเล็งยิงทันทีแม้ใช้หางตามองก็ยังรับรู้ทุกอย่าง ซุนหลวนคุนบังคับม้วนตัวหลบผู้อื่นที่พุงเข้ามา ยิงธนูไปสกัดมิให้ธนูของปาปังเข้าเป้าได้สำเร็จ ปาปังตวัดสายตามองอ
“ถ้าวันหนึ่งเราไม่มีภาระใดแล้ว เราเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันดีไหม ค่ำไหนก็นอนนั้น ข้าตัวเล็กกินไม่จุ คงไม่ลำบากท่านพี่กระมัง”“ถ้าเจ้าไม่กลัวลำบาก ข้าก็ไม่มีอะไรให้กลัว ขอเพียงมีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าก็พอใจแล้ว” “ข้าก็เช่นกัน ท่านห้ามลืมคำพูดตนเองนะ”“ข้าสัญญา”‘ไม่ว่าจะผ่านความเจ็บปวดมากี่ครั้งกี่ครา ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเด็ดขาด’ ซุนหลวนคุนบังคับม้าพากลับมาที่ลานประลองเพื่อส่งม้าคืน ทว่าเมื่อกลับมาถึง ทั้งสองต้องประหลาดใจเมื่อเห็นลานประลองกลายเป็นลานเลี้ยงฉลองเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ทั้งสองตั้งใจมาลากลับ หรือว่าจะมีผู้อื่นมาอีก ปาปังเห็นสีหน้างุนงงของทั้งสองก็หัวเราะออกมาแล้วเดินตรงมาตบไหล่แม่ทัพหนุ่ม “วันนี้กลับไม่ทันแล้ว ประเดี๋ยวก็พลบค่ำเดินทางค่ำมืดมันอันตราย พวกท่านค้างคืนที่นี่สักคืนเถิด พวกเราจัดเตรียมกระโจมที่พักไว้ให้แล้ว ท่านพ่อของข้าก็อยากเลี้ยงอาหารเย็นแม่ทัพและฮูหยิน รวมทั้งผู้ติดตามของท่านด้วย” หรูซื่อเงยหน้ามองสามีแล้วพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม เห็นทีว่าจะเดินทางกลับไม่ได้แล้วจริงๆ ซุนหลวนคุนได้แต่กล่าวขอบคุณน้ำใจที่เปียนเจียงมอบให้ ปาปัง
“ข้าจะดื่ม” “เจ้าดื่มมากไปแล้ว” “เหล้านี้หวานดี ข้าชอบ เราขอซื้อเอากลับไปด้วยได้ไหม” “ได้ๆ ฮูหยินอยากได้ลูกแพะข้าก็ประลองมาให้ ฮูหยินอยากได้สุราผลไม้ของเปียนเจียง ข้าก็จะนำกลับไปให้” หรูซื่อหัวเราะคิกคักแล้วยื่นหน้าไปกระซิบ “สามีของข้าดีที่สุดเลย” กลิ่นลมหายใจเจือสุราผลไม้หอมหวาน ชวนให้คนมึนเมาเสียเหลือเกิน ซุนหลวนคุนได้แต่อ่อนใจที่ทำตัวเหลวไหลตามใจนางขนาดนี้ แต่คงมีเวลานี้เท่านั้นที่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยาทั่วไป ได้ใกล้ชิดเอาใจใส่ตามใจ นางหลังจากที่เขาห่างเหินกับนางไปเกือบห้าปี การตีดาบเสร็จสิ้นลง หนึ่งในบุรุษที่ตีดาบถือดาบสั้นเล่มนั้นตรงมาหานางแล้วยื่นให้ หรูซื่อทำหน้าไม่ถูกหันไปทางซุนหลวนคุน เขาเอียงหน้าแล้วกระซิบบอกนาง “พวกเขาต้องการมอบให้เจ้าเป็นของที่ระลึก” “ให้ข้า?” นางแปลกใจและดีใจไปพร้อมกัน นางยื่นมือมามีดสั้นน้ำหนักพอดีมือ “ข้าชอบมาก ขอบคุณทุกท่านมาก” หรูซื่อไม่รู้จะเอ่ยถ้อยคำใดได้อีก นางรับมือถือไว้อย่างทะนุถนอม ซุนหลวนคุนยื่นมือมารับมีดสั้นแล้วเก็บไว้
หรูซื่องอแงราวเด็กน้อย พลันในหัวของนางปรากฏภาพเลือนลางเป็นตัวนางที่ถูกอบรมสั่งสอน จากหญิงผู้หญิงใบหน้าละม้ายคล้ายบุรุษตรงหน้าอยู่หลายส่วน ‘สตรีต้องใช้ชีวิตเพื่อบุรุษ แม้ออกเรือนแล้วก็ตกเป็นของสามี สามีเป็นผู้วางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในครอบครัว ส่วนหน้าที่ของภรรยาก็คือต้องปรนนิบัติสามีและญาติพี่น้องของสามีด้วย พร้อมดูแลงานบ้านงานครัวไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หรูซื่อ...เจ้าเกิดในตระกูลใหญ่ งานบ้านงานเรือนมีบ่าวรับใช้ทำให้ก็จริง แต่บางเรื่องก็ควรทำเป็นบ้าง และที่สำคัญ เจ้าแต่งงานมาหลายปีแต่ไร้บุตร อนาคตอาจต้องรับอนุเข้าเรือน เจ้าจะเป็นสตรีใจแคบไม่ได้ เข้าใจหรือไม่’“ไม่...ข้าไม่เข้าใจ” นางทุบแผ่นอกของเขา แต่รู้สึกเหมือนมือไม้หนักยกแทบไม่ขึ้นจึงได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาไว้ “เจ้าพูดถึงเรื่องใด” เขาโน้นหน้าลงเอ่ยถาม ปล่อยให้ทางทุบเขาให้พอใจ อย่างไรเขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บ มีแต่มือน้อย ๆ ของนางจะเจ็บเสียเอง“ทำไม...ทำไมต้องให้ข้าใจกว้าง” นางช้อนตาขึ้นมอง “ทำไมข้าต้องยินยอมรับอนุ ข้า...ข้าไม่อยากให้สตรีอื่นมาแตะต้องสามีของข้า ทั้งที่...ทั้งที่ข้าเฝ้ารอมาหลายปี แต่ทำไมต้องให้ข้า...ข้ายินดีรับอนุเข้าเรือ
“ดีจัง”“อะไรรึ” เขาถามโดยไม่ได้หันมามองนาง “ท่านแบกข้าไว้เช่นนี้” นางนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ท่านจะแบกข้าไปชั่วชีวิตได้หรือไม่” “แน่นอน”“ถ้าข้าอ้วนกว่านี้เล่า”“ข้าแข็งแรงแบกเจ้าไหว” ซุนหลวนคุนหัวเราะในลำคอ หากนางกลายร่างเป็นหญิงอวบอ้วนก็ช่างประไร ของให้นางคือ ‘หรูซื่อ’ ของเขาก็พอ แสงสว่างที่กระทบเปลือกตา ทำให้คนที่หลับใหลค่อยๆ ตื่นฟื้น มือเรียวเล็กยกขึ้นบังแสงที่เข้ามากระทบใบหน้า ทว่าข้อมือกลับถูกจับไว้แน่น ไอร้อนจากฝ่ามือทำให้หญิงสาวได้สติ นางหลุดเสียงร้องบางเบา แต่กระนั้นกลับทำให้เจ้าของฝ่ามือคลายมือลงอย่างรวดเร็ว “เจ้า...ฟื้นแล้ว” ดวงตากลมจ้องมองเจ้าของเสียงแหบพร่า น้ำเสียงเหนื่อยล้าระคนดีใจทำให้นางงุนงง หญิงสาวกะพริบตาปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งจึงจ้องมองบุรุษเบื้องหน้า ยังไม่ทันตั้งสติได้ ร่างของนางถูกเขารวบขึ้นมากอดแนบแน่นกับแผ่นอกกว้างของเขา “ฟื้นเสียที” ร่างของนางเกร็งขึ้นทันที สองมือพยายามดันแผ่นอกและดิ้นรนอย่างตื่นกลัว อาการต่อต้านทำให้ชายหนุ่มผ่อนวงแขนแล้วก้มมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ “เป็นอะไ
หรูซื่องอแงราวเด็กน้อย พลันในหัวของนางปรากฏภาพเลือนลางเป็นตัวนางที่ถูกอบรมสั่งสอน จากหญิงผู้หญิงใบหน้าละม้ายคล้ายบุรุษตรงหน้าอยู่หลายส่วน ‘สตรีต้องใช้ชีวิตเพื่อบุรุษ แม้ออกเรือนแล้วก็ตกเป็นของสามี สามีเป็นผู้วางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในครอบครัว ส่วนหน้าที่ของภรรยาก็คือต้องปรนนิบัติสามีและญาติพี่น้องของสามีด้วย พร้อมดูแลงานบ้านงานครัวไม่ให้ขาดตกบกพร่อง หรูซื่อ...เจ้าเกิดในตระกูลใหญ่ งานบ้านงานเรือนมีบ่าวรับใช้ทำให้ก็จริง แต่บางเรื่องก็ควรทำเป็นบ้าง และที่สำคัญ เจ้าแต่งงานมาหลายปีแต่ไร้บุตร อนาคตอาจต้องรับอนุเข้าเรือน เจ้าจะเป็นสตรีใจแคบไม่ได้ เข้าใจหรือไม่’“ไม่...ข้าไม่เข้าใจ” นางทุบแผ่นอกของเขา แต่รู้สึกเหมือนมือไม้หนักยกแทบไม่ขึ้นจึงได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาไว้ “เจ้าพูดถึงเรื่องใด” เขาโน้นหน้าลงเอ่ยถาม ปล่อยให้ทางทุบเขาให้พอใจ อย่างไรเขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บ มีแต่มือน้อย ๆ ของนางจะเจ็บเสียเอง“ทำไม...ทำไมต้องให้ข้าใจกว้าง” นางช้อนตาขึ้นมอง “ทำไมข้าต้องยินยอมรับอนุ ข้า...ข้าไม่อยากให้สตรีอื่นมาแตะต้องสามีของข้า ทั้งที่...ทั้งที่ข้าเฝ้ารอมาหลายปี แต่ทำไมต้องให้ข้า...ข้ายินดีรับอนุเข้าเรือ
“ข้าจะดื่ม” “เจ้าดื่มมากไปแล้ว” “เหล้านี้หวานดี ข้าชอบ เราขอซื้อเอากลับไปด้วยได้ไหม” “ได้ๆ ฮูหยินอยากได้ลูกแพะข้าก็ประลองมาให้ ฮูหยินอยากได้สุราผลไม้ของเปียนเจียง ข้าก็จะนำกลับไปให้” หรูซื่อหัวเราะคิกคักแล้วยื่นหน้าไปกระซิบ “สามีของข้าดีที่สุดเลย” กลิ่นลมหายใจเจือสุราผลไม้หอมหวาน ชวนให้คนมึนเมาเสียเหลือเกิน ซุนหลวนคุนได้แต่อ่อนใจที่ทำตัวเหลวไหลตามใจนางขนาดนี้ แต่คงมีเวลานี้เท่านั้นที่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามีภรรยาทั่วไป ได้ใกล้ชิดเอาใจใส่ตามใจ นางหลังจากที่เขาห่างเหินกับนางไปเกือบห้าปี การตีดาบเสร็จสิ้นลง หนึ่งในบุรุษที่ตีดาบถือดาบสั้นเล่มนั้นตรงมาหานางแล้วยื่นให้ หรูซื่อทำหน้าไม่ถูกหันไปทางซุนหลวนคุน เขาเอียงหน้าแล้วกระซิบบอกนาง “พวกเขาต้องการมอบให้เจ้าเป็นของที่ระลึก” “ให้ข้า?” นางแปลกใจและดีใจไปพร้อมกัน นางยื่นมือมามีดสั้นน้ำหนักพอดีมือ “ข้าชอบมาก ขอบคุณทุกท่านมาก” หรูซื่อไม่รู้จะเอ่ยถ้อยคำใดได้อีก นางรับมือถือไว้อย่างทะนุถนอม ซุนหลวนคุนยื่นมือมารับมีดสั้นแล้วเก็บไว้
“ถ้าวันหนึ่งเราไม่มีภาระใดแล้ว เราเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันดีไหม ค่ำไหนก็นอนนั้น ข้าตัวเล็กกินไม่จุ คงไม่ลำบากท่านพี่กระมัง”“ถ้าเจ้าไม่กลัวลำบาก ข้าก็ไม่มีอะไรให้กลัว ขอเพียงมีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าก็พอใจแล้ว” “ข้าก็เช่นกัน ท่านห้ามลืมคำพูดตนเองนะ”“ข้าสัญญา”‘ไม่ว่าจะผ่านความเจ็บปวดมากี่ครั้งกี่ครา ข้าจะไม่มีวันลืมเจ้าเด็ดขาด’ ซุนหลวนคุนบังคับม้าพากลับมาที่ลานประลองเพื่อส่งม้าคืน ทว่าเมื่อกลับมาถึง ทั้งสองต้องประหลาดใจเมื่อเห็นลานประลองกลายเป็นลานเลี้ยงฉลองเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่ทั้งสองตั้งใจมาลากลับ หรือว่าจะมีผู้อื่นมาอีก ปาปังเห็นสีหน้างุนงงของทั้งสองก็หัวเราะออกมาแล้วเดินตรงมาตบไหล่แม่ทัพหนุ่ม “วันนี้กลับไม่ทันแล้ว ประเดี๋ยวก็พลบค่ำเดินทางค่ำมืดมันอันตราย พวกท่านค้างคืนที่นี่สักคืนเถิด พวกเราจัดเตรียมกระโจมที่พักไว้ให้แล้ว ท่านพ่อของข้าก็อยากเลี้ยงอาหารเย็นแม่ทัพและฮูหยิน รวมทั้งผู้ติดตามของท่านด้วย” หรูซื่อเงยหน้ามองสามีแล้วพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม เห็นทีว่าจะเดินทางกลับไม่ได้แล้วจริงๆ ซุนหลวนคุนได้แต่กล่าวขอบคุณน้ำใจที่เปียนเจียงมอบให้ ปาปัง
เสียงของลี่หย่าเรียกสติของหรูซื่อ นางพยักหน้ารับ ครู่ต่อมาเสียงแตรเขาสัตว์ดังขึ้นตามด้วยเสียงโฮ่ร้องของคนในเผ่า ม้ากว่าสิบตัวในลานประลองวิ่งห้อทะยานไปด้านหน้าเผื่อไปให้ถึงจุดที่สามารถยิงธนูได้ ทว่าก็มีม้าตัวอื่นเข้ามาเบียดกระแทก หรูซื่อหลุดเสียงร้องตกใจแล้วหันไปทางหวงอี้ “ไม่ใช่แค่การยิงธนูให้เข้าเป้าหรอกหรือ? เหตุใดเหมือนต่อสู้บนหลังม้าเช่นนี้” “เผ่าเปียนเจียงมีการแข่งขันไม่เหมือนผู้ใด นี่ไม่ใช่แค่การยิงธนู แต่ทุกคนต้องต่อสู้บนหลังม้า ถ้าตกจากม้าก่อนก็ถือว่าแพ้เช่นกัน” หรูซื่อถึงกับหน้าซีด นางคิดว่าแข่งยิงธนูก็คือประลองความแม่นยำเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นการต่อสู้กันเช่นนี้ ในลานประลองผู้อื่นล้วนเป็นคนในเผ่าเดียวกัน มีเพียงซุนหลวนคุนที่เป็นคนนอก แน่นอนว่าทุกคนบังคับม้าสกัดมิให้เขาสามารถตั้งหลักยิงธนูได้ ปาปังอาศัยจังหวะที่แม่ทัพหนุ่มไม่อาจหลบหลีกผู้อื่นได้ ยกคันธนูขึ้นเล็งยิงทันทีแม้ใช้หางตามองก็ยังรับรู้ทุกอย่าง ซุนหลวนคุนบังคับม้วนตัวหลบผู้อื่นที่พุงเข้ามา ยิงธนูไปสกัดมิให้ธนูของปาปังเข้าเป้าได้สำเร็จ ปาปังตวัดสายตามองอ
หรูซื่ออยู่ในชุดกระโปรงสีสันสดใสปักลวดลายเป็นเรื่องราวการเลี้ยงสัตว์ของคนในเผ่า แต่รองเท้านั้นเป็นรองเท้าหนังกวางสูงถึงหน้าแข้งเหมาะสำหรับการขี่ม้า บนศีรษะประดับเครื่องประดับผมที่ทำจากลูกปัดหลากสีและขนนก และเพราะนางผิวขาวดุจหิมะต่างจากสตรีในทุ่งหญ้า ยามนี้นางจึงงดงามราวเทพธิดาสะกดสายตาบุรุษที่เผลอมองมา “ท่านพี่” หรูซื่อเห็นเขาตะลึงงันไปก็เรียกเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มได้สติแล้วกระแอมไอออกมาแก้เก้อ “ผิวนางเหมาะกับเสื้อผ้าสีแดงมากจริง ๆ” ลี่หย่าอดเย้าไม่ได้ “นี่ๆ เจ้าเคยกินชานมแพะหรือไม่ ลองชิมดูก่อนสิ” ลี่หย่าดึงมือหรูซื่อให้นั่งลงข้างกายนาง แล้วจัดแจงรินชานมแพะส่งให้ “ไม่เหม็นหรอก ลองชิมดู” หรูซื่อรับมาจิบที่ละนิด รสชาติแปลกไม่คุ้นลิ้น แต่พอได้ชิมก็ติดใจ “อร่อย แปลกดี ข้าเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก” “นมแพะทำได้หลายอย่าง ถ้าเจ้าได้แพะไปก็เลี้ยงมันดี ๆ จะได้เอาน้ำนมมันมากิน” “ต้องได้อยู่แล้ว” หรูซื่อพูดด้วยความมั่นใจแล้วหลิวตามองสามีของตน นางฝากความหวังที่จะได้ลูกแพะกลับไปจวนแม่ทัพ ซุนหลวนคุนอ่อนใจกับภรรยาตัวน้อ
“ท่าน!” นางหน้าแดงขึ้นมาทันทีแล้วยกมือขึ้นทุบแผ่นอกไปหลายที เรียกเสียงหัวเราะจนแม่ทัพโหดจนดังไปนอกรถม้า นางรู้ว่าทุบไปก็ไร้ประโยชน์ไม่สะเทือนเขาเลยสักนิด จึงฮึดฮัดแสร้งไม่สนใจเขาอีก รถม้าหยุดนิ่งก่อนเข้าหมู่บ้านที่ส่วนมากเป็นกระโจมขนาดใหญ่ ซุนหลวนคุนช่วยจับแต่งเสื้อผ้าของหรูซื่อให้เรียบร้อยก่อนจะก้าวลงจากรถม้าไปก่อนแล้วจึงยื่นมือไปประคองนางลงตามมา ท่าทางเอาใจใส่นี้ทำให้ลี่หย่ากำแส้ม้าในมือแน่นแต่ยังคงฝืนยิ้มออกมา “ดีใจที่เห็นพวกท่านมาเยือนถึงที่นี่” ลี่หย่าเอ่ยออกมาแต่อดกวาดตามองหญิงสาวข้างกายแม่ทัพหนุ่มไม่ได้ ซุนหลวนคุนคิดจะใช้ร่างกายตัวเองบดบังสายตาของลี่หย่า แต่หรูซื่อกลับก้าวเท้าออกมาด้านหน้าพร้อมรอยยิ้มและยื่นถุงผ้าใบน้อยให้ “เดินทางมากะทันหัน ไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรมามอบให้ เมื่อคืนข้าเย็บถุงเงินตั้งใจมอบให้แม่นางลี่หย่า ของเล็กน้อยนี้ หวังว่าแม่นางจะรับไว้” “ถุงเงินหรือ? ข้าชอบ” ลี่หย่ายื่นมือไปรับอย่างไม่เกรงมารยาทและไม่สนใจสายตาดุดันของแม่ทัพซุน นางคว้ามือของหรูซื่อแล้วใช้ร่างแทรกกลางระหว่างสองสามีภรรยา พาหรูซื่
“ท่านพี่...ท่านกอดข้าแน่นเช่นนี้ กระดูกข้าจะแหลกเหลวแล้วนะ” หรูซื่อแสร้งร้องโอดครวญเบา ๆ ทว่าเสียงของนางชวนให้คนฟังใจเตลิดไปเรื่องอื่น“หรือท่านยังคิดเรื่องรับอนุอีก” นางดิ้นขลุกขลักพลางผลักไสมือใหญ่ที่เลื่อนมาเกาะกุมบัวคู่งาม“ข้าสาบานว่าจะมีเจ้าเพียงคนเดียว” เขาฝืนยิ้มออกมา สลัดความขุ่นมัวในใจแล้วสนใจกับเรือนร่างหอมกรุ่นที่ปลุกเร้าแก่นกายบุรุษเพศให้แข็งขัน “ลำบากฮูหยินแล้ว” ยังไม่ทันเอ่ยถามว่าเขาพูดถึงเรื่องใด หรูซื่อก็เข้าใจได้เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งขันดุนดันก้นของนางอยู่ ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีพร้อมกับผ้าคาดเอวที่ถูกปลดออก เสื้อตัวนอกเลื่อนหล่นเผยผิวกายขาวผ่องที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ดวงตาของเขาเป็นประกายวาววับ“ท่านพี่! เหลวไหลใหญ่แล้วนะ” นางเขินอายจนใบหน้าแดงจัดพยายามดึงเสื้อผ้าของตนเองขึ้นปกปิด แต่ต้องหลุดเสียงครางหวิวเมื่อมือซุกซนบีบเคล้นทรวงอกของนาง ร่างกายอ่อนยวบลงไปไร้แรงขัดขืน นางเอนหลังผิงแผ่นอกกว้างอย่างจำนนต่อความรัญจวนที่เขามอบให้ เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอย่างน่าอับอาย ลิ้นร้อนตวัดไล้เลียใบหู จุดอ่อนไหวที่ถูกค้นพบทำให้หญิงสาวได้แต่ครางเสียงหวา
“อีกสองวันข้าจะไปพบเจ้า” “อย่าลืมฮูหยินของท่านด้วยสิ” ลี่หย่าย้ำ “แน่นอน ข้าต้องไปอยู่แล้ว” หรูซื่อยิ้มกว้าง สีหน้าไร้เดียงสาของนางทำให้ซุนหลวนคุนอ่อนใจ ในจังหวะเดียวกัน เขารับรู้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองอยู่จึงวาดแขนโอบไหล่ร่างบางเข้ามาใกล้ “มีอะไรรึ” นางถาม จู่ ๆ เขาก็โอบนางเช่นนี้ “กลัวเจ้าจะร้อน” “หากข้าไม่เห็นด้วยตาตนเอง ย่อมไม่มีวันเชื่อว่าแม่ทัพปีศาจอย่างท่าน จะอ่อนโยนใส่ใจกับสตรีถึงเพียงนี้”ลี่หย่าหัวเราะเสียงใส แต่แววตาที่จ้องมองกลับตรงข้าม ซุนหลวนคุนเหมือนม้าป่างามสง่า ไม่น่าเชื่อว่า ผู้ที่ปราบม้าพยศได้นั้นเป็นเพียงสตรีตัวเล็ก ๆ ท่าทางไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น... หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมจานผลไม้ที่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ สายตาจับจ้องไปยังบุรุษหนุ่มที่นั่งก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่างอย่างตั้งใจ คล้ายไม่รับรู้ว่ามีคนเดินเข้ามา นางเผลอขบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ผู้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นเขาจะไม่รู้ว่านางเดินเข้ามา หรูซื่อจึงเปลี่ยนใจหมุนตัวเดินกลับออกมา ทว่าเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว คนที่ฝืนทำใจแข็ง
“ข้านะหรือ?” หรูซื่อชี้หน้าตัวเอง เห็นเขาพยักหน้ารับแล้วนางก็คิดตามแล้วพยักหน้าตาม“มิน่าเล่า ข้าเข้าครัวทำอาหารก็เกือบทำไฟไหม้ห้องครัวของท่านแล้ว แต่พอได้จับเข็มจับด้าย ข้ากลับรู้สึกทำได้คล่องแคล่ว เช่นนั้นข้าจะเย็บเสื้อให้ท่านเอง” “ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเหนื่อย” เขาจับมือเรียวเล็กขึ้นมาลูบไล้นิ้วงามอย่างทะนุถนอม “ข้าอยากทำให้ท่านพี่” นางยิ้มเขินอาย เพราะตั้งใจหลบสายตาร้อนแรงของเขาจึงเสมองไปทางอื่น ทว่ากลับเห็นแผ่นที่กางอยู่บนโต๊ะ นางหลุบตาลงทันที แต่กระนั้น ทุกกิริยาของนางอยู่ในสายตาของซุนหลวนคุน “ไม่ใช่ความลับอะไร เจ้าดูได้” เขาเชยคางนางขึ้น “หากเจ้าอยากรู้อะไรก็ถาม เพียงแต่เรื่องพวกนี้อาจจะทำให้เจ้าหมดสนุก ข้าจึงไม่ได้ให้เจ้าดู” “ข้าดูได้หรือ?” แววตาวาววับจ้องมองกลับ และเมื่อเขาพยักหน้ายืนยัน นางจึงหันไปมองที่กระดาษแผ่นนั้น “นี่คือแผนที่หรือเจ้าคะ” “ใช่” เขาตอบแล้วจับเอวนางให้นางตัวตรง แผ่นหลังของนางแนบอกแกร่ง วงแขนกว้างโอบร่างเล็กแล้วชี้ให้นางดูตำแหน่งต่างๆ “นี่คือค่ายทหาร ตรงนี้เป็นกำแพงเมือง แนวเขานี้เป็นเสมือ