“เป็นไปได้ยังไง ผู้หญิงคนเดียวสองเดือนกว่าแล้วแต่หาตัวไม่เจอ” เปลวตะวันสบถบ่นอย่างหัวเสียเมื่อคนสนิทที่เรียกใช้งานเป็นประจำรายงานความคืบหน้าเรื่องที่เขาให้ติดตามหาตัวผู้หญิงคนนั้น
จากคืนนั้นจนวันนี้เขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในหัวเขามีแต่ข้อความหยามหน้าที่เจ้าหล่อนคนนั้นทิ้งเอาไว้ให้ตอกย้ำวันแล้ววันเล่า
สาบานได้เลยว่าถ้าหากชาตินี้เขาตามล่าลากเจ้าหล่อนมาลงทัณฑ์ให้สาสมกับความอวดดีไม่ได้ เขาจะตามจองเวรทุกชาติไปไม่สิ้นสุด คนอย่างเขาสามชาติสามภพแก้แค้นก็ยังไม่สาย
“นายมั่นใจนะว่านายตั้งใจหาแม่นั่นจริงๆ”
“โธ่...นายครับ ผมเคยโกหกนายเสียที่ไหนล่ะครับ นี่ผมก็ควานหาแทบพลิกแผ่นดินแล้วก็ไม่พบใครสักคนเลยนะครับที่จะเข้าข่ายว่าเป็นผู้หญิงที่นายตามหา”
“บ้าชะมัด! ผู้หญิงคนเดียวทำไมหายากหาเย็นแบบนี้นะ”
“เอ่อ...นายครับ”
“มีอะไร”
“ปกตินายไม่เคยเรียกหาใครครั้งที่สองแล้วนี่...”
“อย่าเสือกสักเรื่องจะได้ไหม จะไปไหนก็ไป แล้วถ้าตามหาแม่นั่นไม่เจอก็อย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีกเข้าใจไหม”
จบคำตวาดของหมอหนุ่มรูปงามแต่ดุดันยิ่งกว่าเสือ ลูกน้องผู้รู้ใจก็รีบเผ่นแนบไม่ลีลาท่ามาก เจ้านายของเขาอารมณ์ร้ายไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งเวลาไม่ได้ดั่งใจยิ่งไม่ควรอยู่ใกล้ เรื่องเหล่านี้เขารู้ดีกว่าใคร
พอคล้อยหลังคนสนิทคนติดอยู่กับความคับแค้นฝังแน่นใจก็ได้แต่ฟาดงวงฟาดงากับตัวเอง
เขาต้องนิ่งให้มาก ต้องใช้ความคิดให้หนัก เขาเชื่อว่าเจ้าหล่อนอยู่ไม่ไกล เพียงแต่มีอะไรบางอย่าง บดบังทำให้เขาและเธอแคล้วคลาดกัน
ดึ๋ง ดึ่ง...
สายตาคมดำสนิทตวัดขวับมองหน้าจอสมาร์ตโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า พอเห็นว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา ริมฝีปากหยักราวคันศรก็คลี่ยิ้มก่อนยื่นมือหนาใหญ่ไปหยิบเอาสมาร์ตโฟนเครื่องโปรดมาเปิดอ่านข้อความ แล้วโทรหาเจ้าของข้อความทันที
“พี่ต้องไปดูงานต่างประเทศสองอาทิตย์ มาอยู่คลินิกแทนพี่ได้ไหม” นั่นคือคำทักทายจากพี่สาวเพียงคนเดียวของเขา
“จะทักทายถามสารทุกข์สุขดิบน้องบ้างไม่ได้เหรอครับคุณพี่”
“จะต้องถามทำไมในเมื่อพี่รู้อยู่แล้วว่าเปลวมีความสุขอยู่ทุกคืนวัน”
เปลวตะวันหัวเราะร่วนกับคำตอบ นอกจากคนสนิทแล้วก็มีพี่สาวเขานี่แหละที่รู้ไส้รู้พุงเขาดีกว่าใคร
“ไม่ต้องมาหัวเราะ บอกมาคำเดียวว่ามาได้หรือไม่ได้”
“โธ่...พี่ครับ มีครั้งไหนบ้างที่ผมจะปฏิเสธพี่น่ะ”
“พี่ไม่ใช่แม่ยกเราไม่ต้องมาทำปากหวานกับพี่”
“พี่ล่ะก็ อย่าซีเรียสนักสิครับ นี่ผมน้องพี่นะ ไม่ใช่นักเรียนที่พี่ต้องวางมาดดุเข้าใส่น่ะ”
“ก็เพราะเป็นน้องน่ะสิถึงต้องดุ ขนาดว่าพี่ดุเปลวยังอ้อล้อไม่เป็นโล้เป็นพายแบบนี้ นี่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังอยู่คงปวดหัวกับเปลวไม่เว้นวันแน่”
“ผมเป็นหมอแล้วนะพี่ หมอฝีมือดี เก่งด้วย ไม่อย่างนั้นพี่จะเรียกหาให้ไปดูแลคนไข้ที่คลินิกแทนพี่เหรอครับ ฮ่าๆๆ”
“โอเคย่ะ! พ่อคนเก่ง เก่งงานแล้วก็ควรเก่งเรื่องการใช้ชีวิตด้วยนะยะไม่ใช่โอนเอนเป็นไม้หลักปักเลนแบบนี้”
“เอาเป็นว่าพี่จะไปวันไหน ไปกี่วันครับ ผมจะได้เคลียร์งานทางนี้ไปดูคลินิกแทนพี่”
“เปลี่ยนเรื่องทันทีเชียวนะ”
“ไม่รีบเปลี่ยนเดี๋ยวพี่ก็บ่นจนตีนกาขึ้นอีกน่ะสิครับไม่เอานะครับ เท่าที่มีผมก็ว่าพี่นับไม่ถ้วนแล้ว”
“เรานี่มัน”
“ฮ่าๆๆ ผมวางสายก่อนนะครับ ต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้วพี่ส่งตารางงานมาได้เลยไปล่ะครับรักพี่นะครับบายจุ๊บๆ” พูดจบหมอเปลวตะวันก็รีบวางสายแล้วปิดเครื่องหนีทันที ทำเอาปลายสายได้แต่เข่นเขี้ยวหมั่นไส้ในความเป็นเด็กหนุ่มช่างยียวนในสายตาคนเป็นพี่
แต่อย่างว่าน้องชายเธออาจจะกวนประสาทไปบ้างแต่เรื่องงานก็ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องส่งสัญญาณบอกว่าอาจมีคนไข้เข้ามารักษาคุณหมอสาวจึงกดกริ่งส่งสัญญาณกลับไปให้รู้ว่าให้เข้ามาได้
“คุณหมอคะ มีคนไข้มาขอฝากครรภ์ค่ะ ขอเป็นหมอผู้หญิงเท่านั้น คุณหมอจะตรวจเลยไหมคะ หรือจะนัดให้มาหลังคุณหมอกลับมาแล้ว”
“ให้เข้ามาตรวจเลยสิ คนกำลังท้องกำลังตื่นเต้น ยังไงก็คงไม่อยากรอนาน”
พยาบาลสาวรับคำแล้วหันหลังกลับไปและกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมหญิงสาวร่างโปร่งระหงในชุดเดรสสีหวานสดใส
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“เชิญนั่งค่ะ คุณ...”
“พราวชมพูค่ะ เรียกสั้นๆว่าพราวก็ได้ค่ะ”
คุณหมอสาวคลี่ยิ้มสวยส่งให้ว่าที่คุณแม่ที่หน้าตาดูอ่อนวัยกว่าตัวเลขบ่งบอกอายุที่ระบุในประวัติคนไข้รายใหม่ของคลินิก ดวงตาดำขลับอ่อนโยนทอดมองคนแจ้งความประสงค์ขอฝากครรภ์แล้วเริ่มซักประวัติ
“ลูกคนแรกเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ นี่ค่ะชุดตรวจครรภ์ พราวลองตรวจมาแล้ว แบบนี้คือท้องแน่ๆใช่ไหมคะ”
หมอปาลิดาหรือหมอป่านผู้ใจดีของคนไข้ยื่นมือไปรับสิ่งที่ว่ามาดูแล้วยิ้มอ่อนโยนก่อนตอบ
“ใช่ค่ะ สองขีดชัดเจน แต่เดี๋ยวตรวจซ้ำอีกรอบได้ค่ะเพื่อความแน่นอน ว่าแต่ประจำเดือนครั้งสุดท้ายเมื่อไรคะ”
“สองเดือนกว่าแล้วค่ะ” พราวชมพูรีบตอบด้วยความกระตือรือร้น ยามนี้หัวใจเธอแทบกระดอนออกมานอกอก
“พราวรอจนมั่นใจก่อนถึงได้ตรวจแล้วก็มาพบคุณหมอเพื่อปรึกษาเรื่องฝากครรภ์ค่ะ”
“ยินดีด้วยนะคะ ท้องแรกแบบนี้คงตื่นเต้นแน่เลย”
“ใช่ค่ะ ตื่นเต้นมาก ดีใจยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งอีกค่ะ”
หมอสาวยิ้มกับอาการตื่นเต้นยินดีนั้นพร้อมกับถามไถ่ต่อเพื่อเป็นข้อมูลจดบันทึกไว้สำหรับการฝากครรภ์
“แต่งงานมากี่ปีแล้วคะ แล้วนี่คุณสามีไม่ได้มาด้วยเหรอ”
คำถามนั้นทำเอาพราวชมพูต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนรวบรวมความกล้าตอบออกไปอย่างคนมั่นอกมั่นใจ
“พราวไม่มีสามีหรอกค่ะ พราวยังไม่ได้แต่งงาน”
มือเล็กๆที่กำลังจรดปลายปากกาจดบันทึกข้อมูลชะงักกึกก่อนที่ เจ้าตัวจะช้อนสายตาขึ้นมองว่าที่คุณแม่คนใหม่ เห็นเจ้าหล่อนยิ้มกว้างมองมาก่อนแล้ว สีหน้าแววตาไร้ร่องรอยแห่งความโศกเศร้าก็อดประหลาดใจไม่ได้
“เอ่อ...จะเป็นไปไหมคะถ้าหมอจะถามต่อ เพราะมันเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการฝากครรภ์ค่ะ”
“คุณหมอถามมาเถอะค่ะ พราวยินดีตอบพราวไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้วค่ะ” พราวชมพูตอบด้วยความมั่นใจ แต่คุณหมอสาวฟังแล้วไม่ได้รู้สึกโล่งใจไปด้วย
เจอคนไข้ท้องหลังหย่าขาดมาก็มาก
ท้องไม่พึงประสงค์ก็เยอะ
แต่ไม่เคยเจอใครท้องไม่มีพ่อแล้วยังยิ้มแย้มแจ่มใสได้มากเท่าคนตรงหน้าอีกแล้ว
เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆหลังจากตรวจคนไข้รายสุดท้ายของวันเสร็จสิ้นใครว่างานคลินิกคืองานสบาย เขาบอกเลยว่าคิดผิดเพราะนอกจากจะต้องเต็มที่กับงานรักษาแล้วยังต้องวุ่นวายกับงานบริหารจัดการอีกซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดเขาจึงปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดให้หนักสมองเมื่อพี่สาวยื่นข้อเสนอให้เขามาบริหารงานในโรงพยาบาลและคลินิกที่บิดามารดาเป็นผู้ก่อตั้งมา แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธหมดเสียทุกอย่าง เมื่อพี่สาว ร้องขอในบางเวลาเขาก็ยื่นมือเข้าช่วยด้วยความยินดี“หมอเปลวคะ ขออีกสักคนนะคะ พอดีคนไข้ฝากครรภ์กับหมอป่านแต่มีอาการผิดปกติเลยมาก่อนวันนัดค่ะ”เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนพยักหน้าแล้วขยับตัวเตรียมพร้อมรอตรวจเรื่องความเจ็บป่วยของคนไข้เขาไม่เคยรั้งรอให้เสียเวลา เขาเข้าใจความทุกข์ร้อนของคนเจ็บดี ไม่เกินจำเป็นจริงๆก็ไม่มีใครอยากมาหาหมอรักษา“เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะคุณพราวชมพู” พยาบาลสาวรีบบอกเมื่อกลับออกมาจากห้องตรวจว่าที่คุณแม่มือใหม่รีบลุกขึ้นแล้วเดินเร็วๆตรงไปยังห้องดังกล่าว พยาบาลสาวเห็นเข้ารีบท้วงเสียงลั่น“ใจเย็นๆค่ะคุณแม่ อย่าเดินเร็วนัก เดี๋ยววิงเวียนเป็นลมล้มลงจะไม่ดีต่อลูกในครรภ์นะคะ”พราว
“ขอโทษนะเบบี๋ มามี้ต้องพาหนูไปอยู่ที่อื่นแล้วแหละ ถ้ามีโอกาสเราอาจได้กลับมาอยู่บ้านของเราหลังนี้นะ”พราวชมพูลูบท้องเบาๆทะนุถนอมแล้วลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องตรงไปยังโถงใหญ่กลางบ้านที่ด้านข้างเชื่อมต่อกับโรงจอดรถ แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ยกสัมภาระขึ้นรถ หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง“จะรีบไปไหนเหรอครับคุณพราวชมพู”“โธ่! คุณหมอนั่นเองนึกว่าใคร ทำเอาตกใจหมด ฮ่าๆๆ แหม...ตามมาดูคนไข้ถึงบ้านเลยนะคะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่เป็นอะไรคุณหมอไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”พราวชมพูหัวเราะแก้เก้อพยายามทำใสซื่อตีหน้ามึนเหมือนคนไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งต่อกันเปลวตะวันเห็นแล้วหมั่นไส้ยิ่งนัก คอยดูเถอะเขาจะสั่งสอนเจ้าหล่อนให้หลาบจำที่บังอาจลบเหลี่ยมคนอย่างเขา หน้าตาก็สวยดูฉลาดแต่ไม่น่าตาถั่วมาว่าเขามั่วๆว่าเป็นผู้ชายขายกล้วย“คุณเป็นคนไข้ของพี่ป่าน ผมเป็นหมอรับผิดชอบดูแลต่อก็ต้องมาดูให้แน่ใจว่าคนไข้สบายดี เห็นพยาบาลบอกว่า...คุณกังวลเรื่อง...”“ไม่ค่ะ ไม่กังวลเลย ไม่แล้ว ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ฉันสบายดีจริงๆนะคะ” พราวชมพูรีบแทรกขัดเสียงหลง เธอไม่ประสงค์ได้ยินได้ฟังอะไรทั้งนั้น และตอนนี้เธอต้องหาทางหนีจากเขาให้ได้ เธ
“ลงไปได้แล้ว อย่าตุกติกล่ะ ฉันบอกได้เลยว่าไม่ปล่อยเธอง่ายๆแน่” เปลวตะวันบอกหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านสองชั้นเล็กๆหลังหนึ่งพราวชมพูมองลอดกระจกรถออกไปสำรวจดูด้านนอกอย่างระแวดระวัง ดูจากความมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสลัวหน้าบ้านดวงเดียวแล้วเธอก็พอจะประเมินได้ว่าที่นี่มีเพียงเขาและเธอสองคนเท่านั้น“ลงมาสิ ฉันไม่บ้าขนาดพาเธอมาฆ่าที่นี่หรอกน่ะ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มดุ แววตาบ่งบอกความหงุดหงิดเมื่อเจ้าหล่อนไม่ยอมลงจากรถจนเขาต้องเดินอ้อมมาเปิดประตูเชื้อเชิญ“ต้องให้เอาพรมแดงมาปูด้วยไหมถึงจะลงมาได้น่ะฮะ”“พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องขู่ตะคอกกันเลย” พราวชมพูบ่นแล้วก้าวลงจากรถอย่างไม่พอใจ สีหน้าแววตาเธอหงุดหงิดไม่แพ้กัน“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย จะยิ้มหวานๆยั่วๆเหมือนไอ้วันที่เชื้อเชิญฉันขึ้นเตียงก็ได้ฉันไม่ว่า”“ลองมาเป็นฉันสิ คุณจะรู้ว่ามันน่ายิ้มหรือน่าหงุดหงิด เอ๊ะ!” ปลายเสียงอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็กระชากแขนเธอแล้วบีบแรงๆจนร้าวระบมไปหมด“นี่คุณคำว่าอ่อนโยนกับสุภาพสตรีน่ะสะกดเป็นไหม”“ไม่! แต่ถ้าเธอจะถามว่าฉันจับกดแล้วดันเป็นไหมฉันบอกเลยว่าคล่อง”“อี๋!! ไอ้หมอบ้า ไอ้คนลามก”“คนบ้า คนลามกก็เคย
“ฉันถามจริงๆเถอะ คุณโกรธแค้นอะไรนักหนา ฉันไม่เห็นว่าฉันไปทำร้ายคุณตอนไหน”“เงินห้าหมื่นกับความคิดมั่วๆหาว่าฉันมันผู้ชายขายกล้วย เธอคิดว่าฉันควรยิ้มระรื่นดีใจสินะ” เขาถามและจ้องเขม็งพราวชมพูกลืนน้ำลายอึกใหญ่เธอพอจะเข้าใจเขาอยู่หรอก แต่ว่านั่นก็ผ่านมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วเขาจะมาแค้นจริงแค้นจังอะไรมากมายขนาดนั้น“ฉันบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่รับคำขอโทษด้วยวาจา แต่ฉันจะพิจารณายกโทษก็ต่อเมื่อฉันชำระความตามความพึงพอใจของฉันแล้วเท่านั้น” เปลวตะวันดักคอก่อนที่พราวชมพูจะทันได้เอ่ยคำนั้นออกไปหญิงสาวได้ฟังแล้วก็ปิดปากสนิท เธอจินตนาการไม่ออกสักนิดว่าเขาจะชำระความกับเธอแบบไหนกันแน่“ลุกขึ้น แล้วตามมา”เขาสั่งหลังจากยืดกายตรงและขยับถอยห่างออกไปยืนจังก้าเท้าสะเอวมองเธอนิ่งพราวชมพูช้อนสายตาขึ้นมองเห็นดวงตาดำวาววับแฝงด้วยความขุ่นเคืองเต็มพิกัดก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนตามคำสั่งเปลวตะวันเห็นท่าอีกฝ่ายจำยอมทำตามอย่างเสียมิได้ก็ยิ่งขู่ฟ่อๆต่อไป“เดินไปสิยืนทำเบื้ออะไรอยู่ หรือจะให้ฉันชำระความเสียตรงนี้”พราวชมพูเบิกตากว้างจ้องเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เห็นเปลวตะวันทำท่าจะคุกคาม สองเท้าเล็กๆจึงรีบก้าวฉ
กลางดึกในคืนเดือนดับอากาศภายในห้องนอนสีเทาเข้มนั้นเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศเปี่ยมคุณภาพ แต่เจ้าของเรือนกายกำยำกลับร้อนระอุราวกำลังอยู่ในเตาอบร่างหนาพลิกซ้ายป่ายขวากระสับกระส่ายเพราะไม่อาจข่มตาหลับลงได้ในหัวของเขามีแต่ภาพวันเก่าในคืนเร่าร้อนผุดพรายฉากแล้วฉากเล่าแจ่มชัด“เร็วอีก เร็วอีก โอว...เอาอีก แรงอีก” เสียงเจ้าหล่อนเร่งเร้ากังวานก้องอยู่ในหัวเขาเปลวตะวันพยายามสลัดเท่าไรก็ไม่สลัดไม่หลุด ยิ่งพยายามสะกดกั้นปัดป้อง เสียงนั้นก็เหมือนยิ่งดังกึกก้องกังวาน“อ๊า...อ...อา คุณนี่เอวดุเป็นบ้า” นั่นคือถ้อยคำที่หลุดลอดออกมาจากปากคนได้ชื่อว่าเพิ่งถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์เป็นครั้งแรกฟังแล้วเขาก็ฉุนจัด เจ้าหล่อนช่างก๋ากั่นนัก เขาไม่อยากนึกคิดว่าหากคืนนี้คนที่อยู่บนเตียงกับเจ้าหล่อนไม่ใช่เขา เจ้าหล่อนจะครางระงมออดอ้อนเร่าร้อนมากขนาดนี้หรือไม่!บัดซบ! คิดถึงตรงนี้ทีไร ความหึงหวงก็แล่นปราดขึ้นเล่นงานเขา ทุกครั้งไป เขาไม่อยากเดาให้ขุ่นเคืองใจเลยว่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมาพอสะบัดก้นจากเขาแล้วเจ้าหล่อนไล่ล่าลากผู้ชายขึ้นเตียงมาแล้วกี่คน“โอว...คุณนี่งานดีสุดๆ ฉันไม่เสียใจเลยที่ยอมเสียสาวให้คุณ”เจ้าห
“ไหนด่าว่าฉันไวไฟยิ่งกว่ากระหรี่ไม่กลัวติดโรคจากฉันรึไง” พราวชมพูพยายามงัดข้อใช่! เธอกำลังงัดข้อ ทั้งกับตัวเองและกับเขา เธอกำลังต่อสู้กับแรงกำหนัดที่พุ่งพล่าน เธอจะยอมให้เขาใช้เรือนร่างของเธอปรนเปรอความใคร่ง่ายๆไม่ได้ค่ำคืนนั้นจะเป็นเพียงแค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้น มันคือค่ำคืนที่เธอเลือก แต่หลังจากนั้นเธอจะไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม“สมุดฝากครรภ์บ่งบอกว่าเธอปลอดภัย เธอเองก็สบายใจได้ฉันสะอาดพอไม่ต้องกลัวจะมีโรคส่งให้เธอ”“แล้วไม่รังเกียจเหรอที่ฉันแรดร่านอ่อยใครต่อใครให้ลากขึ้นเตียงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้น่ะ”“หึๆ อีกเดี๋ยวก็รู้ว่าความแรดร่านของเธอหยุดแค่คืนนั้นหรือว่าเที่ยวไปดันกับใครต่อใครไม่ซ้ำหน้าอย่างที่ว่า”เปลวตะวันว่าแล้วก็ดึงรั้งเสื้อผ้าออกจากร่างอ้อนแอ้นอย่างรวดเร็ว เธอคงคิดว่าสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดจะรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้เสื้อยืดกางเกงวอร์มแค่นี้ไม่คณามือเขาหรอก“อย่า!! ฉันไม่ชอบแบบนี้”พราวชมพูท้วงเสียงสั่นเมื่อไม่อาจทัดทานแรงเขาได้ แต่เปลวตะวันไม่ได้สนใจเสียงห้ามเขายังคงโลมลูบจูบคลอเคล้าปลุกปั่นกระตุ้นแรงกำหนัดในกายเธอให้โหมทวี“บิดพล่านขนาดนี้อย่าฝืนต้านหน่อยเล
'หมอขา...พราวไม่ไหวแล้ว เร็วอีก แรงอีก'"บัดซบ! เธอจะตามหลอกตามหลอนให้คลั่งตายเลยรึไงแม่ตัวดี" เขาสบถเพราะยิ่งพยายามปัดภาพเหตุการณ์ในฝันเสมือนจริงออกไปเท่าไรก็เหมือนยิ่งพุ่งจู่โจมเข้าตอกย้ำความอับอายให้เขามากหลายเท่าตัว เขาฝันไปได้ยังไง ไม่อยากเชื่อว่ารสสวาทอันเร่าร้อนนั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันใช่! มันแค่ความฝัน เขารู้จักร่างกายตัวเองดี หากผ่านศึกฮึกเหิมมาราธอนขนาดนั้นมีหรือจะไม่ทิ้งร่องรอยของความปวดปร่าเหนื่อยล้า แต่เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงไง เจ้างูยักษ์ของเขาถึงได้นอนสงบแบบไม่ระคายเคืองใดๆสักนิด“เธอต้องชดใช้ให้ฉันแน่พราวชมพู ทั้งเรื่องว่าฉันเป็นผู้ชายขายกล้วย ทั้งเรื่องทำให้ฉันสติฟั่นเฟืองถึงขั้นฝันเป็นวรรคเป็นเวรนั่น”ขณะที่เปลวตะวันคาดโทษ อีกฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็กำลังหยัดกายลุกขึ้นเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่างกายเช่นกัน เธอจะขอบคุณเขาดีหรือเปล่าที่ใจดีหอบเอากระเป๋าเสื้อผ้าเธอมาด้วยและยังยกขึ้นมาโยนให้ถึงในห้อง เธอจึงไม่ต้องทนสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวให้เหนียวเหนอะกายขอบคุณทำไมเล่า ต้องด่าล่ะไม่ว่า เธออยู่ของเธอดีๆแต่เขาดันไปตามรังควาญแล้วลากเธอมากักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้แบบนี้ หล
“โอ๊ย...หมอเปลว ฉันเจ็บนะ”“เดี๋ยวก็หายเจ็บน่า” เขาตอบเสียงแหบห้าวสั่นพร่า เรือนร่างกำยำของเขาก็สั่นเทาไม่แพ้กันพราวชมพูจิกปลายเล็บลงบนต้นแขนแกร่งทั้งสองข้างแล้วขบเรียวฟันสวยลงบนบ่ากว้างยามเกร็งร่างรับการสอดแทรกแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น“ไม่เจอกันตั้งนานยังฟิตแน่นเหมือนเดิมเลยนะ” เขาว่าแล้วค่อยๆบังคับสะโพกสอบเป็นจังหวะเนิบนาบนำพากระบอกฉีดยาบ้องใหญ่คู่ใจเคลื่อนเข้าเคลื่อนออกทำความคุ้นเคยกับความนุ่มหยุ่นคับแน่นนั้นถึงตอนนี้พราวชมพูเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดรัดต้นคอแกร่งแล้วแหงนดวงหน้าสวยพร้อมกับเปล่งเสียงครวญกระเส่าแผ่วเบาด้วยความซ่านสยิวเปลวตะวันเองก็เปล่งเสียงครางกระหึ่มอย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะเช่นกัน อารมณ์กระสันเสียวที่ขมวดม้วนเป็นเกลียวคลื่นถาโถมสาดซัดอัดแน่นในกายแกร่งของเขาคืนแล้วคืนเล่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมากำลังจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระดิ๊งด่อง....ดิ๊งด่อง...เปลวตะวันชะงักกึกเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านดังก้องบ่งบอกว่ามีคนมาหาเขา คนกำลังด่ำดิ่งสู่ห้วงกามาวาดหวังจะนำพาเจ้าหล่อนทะยานไปเริงระบำบนวิมานชั้นฟ้าด้วยกันถึงกับหัวเสียดิ๊งด่อง...ดิ๊งด่อง...พราวชมพูผ่อนลมหายใจพรู เธอไม่รู้ว่าควรดีใจ
เปลวตะวันนิ่งงันไปอึดใจเมื่อพบว่าคนที่มาคือเกวลินไม่ใช่พี่สาวของเขาตามที่เข้าใจพอเห็นแขกสาวแล้วเจ้าของบ้านก็รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก เขาลอบมองขึ้นไปชั้นบนของบ้านอย่างนึกกังวลถึงความรู้สึกของพราวชมพู รายนั้นหากรู้ว่าใครมาเยือนกลางดึกเช่นนี้คงฟาดงวงฟาดงาอีกแน่“เกลมารบกวนเวลาพักผ่อนของเปลวหรือเปล่าดูเปลวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับเกลสักเท่าไร”“มาเสียค่ำเชียวมีเรื่องด่วนเหรอ ความจริงโทรมาก็ได้นะ”เกวลินนิ่วหน้าเล็กน้อยรู้สึกตะหงิดๆในคำพูดของคนได้ชื่อว่าเพื่อน ปกติเขาไม่เคยพูดเหมือนไม่อยากต้อนรับเธอแบบนี้“ความจริงก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรหรอก ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะเอาของบำรุงมาฝากคนท้องน่ะ”เกวลินว่าแล้วก็หันไปหยิบกระเช้าในรถมาส่งให้ แล้วก็แปลกอีกเช่นกันที่เปลวตะวันเพียงแค่รับไปแล้วขอบคุณเธอไม่มีคำเอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเข้าไปในบ้าน“เกลขอเข้าไปนั่งพักสักครู่ได้ไหมวันนี้ขับรถไปมาหลายที่เมื่อยขาพอตัวเลย”เปลวตะวันแค่ยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าเกวลินอย่างใช้ความคิดและก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรเสียงเจื้อยแจ้วของพราวชมพูก็ดังมาจากประตูบ้าน
ใช่! พราวชมพูพูดถูกแล้วเขาโกรธเธอ โกรธมากแต่นั่นแหละ! พอเธอออดอ้อนเว้าวอนอย่างสำนึกผิดเขาก็ใจอ่อนเขาพอจะเข้าใจความแปรปรวนทางอารมณ์ แต่ที่เขานิ่งเงียบก็เพราะอยากดัดนิสัยสักหน่อยไม่อยากให้ได้ใจทำอะไรแผลงๆไม่คิดแบบวันนี้อีกด้านพราวชมพูตอนนี้เธอเริ่มจะงอนเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะว่าเขานิ่งเงียบหน้าตึงจนเธอทำตัวไม่ถูกง้อก็แล้วขอโทษก็แล้วอ้อนก็แล้วเปลวตะวันยังตีหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เอาเถอะ! เล่นตัวนักเธอก็จะไม่ง้อแล้ว คอยดูก็แล้วกันเธอจะเชิดใส่เสียให้เข็ดคิดแล้วก็เอาแต่นั่งคอแข็งมองออกไปนอกกระจกด้านข้างไม่ชวนเขาพูดคุยอีกพอถึงบ้านรถจอดสนิท เจ้าหล่อนก็เปิดประตูรถแล้วเข้าบ้านไปทันทีไม่สนใจเขาจริงๆเปลวตะวันส่ายหน้า ดูทำเข้า! สรุปกลายเป็นว่าเขาต้องเป็นฝ่ายง้อเธอใช่ไหม?“เอ๊ะ! หลีกไปนะคะ หมอจะมาขวางพราวทำไม” พราวชมพูแหวใส่เมื่อเปลวตะวันก้าวตามมาติดๆแล้วตรงเข้าขวางเธอไว้ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าห้องนอนแล้วเขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด ความไม่ทันตั้งตัวทำเอาถูกเขาคว้าตัวไปกอดแล้วบดจูบหนักหน่วงดุดัน
วันนี้เป็นวันแรกที่เปลวตะวันยอมปล่อยให้พราวชมพูออกนอกบ้านได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีนิศาชลไปด้วยแม้ว่าพราวชมพูจะรู้สึกอึดอัดที่เขาทำเหมือนกับว่าส่งคนคอยควบคุมดูแลเธอตลอดเวลาแต่ก็พอทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาได้ว่าที่ทำไปก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอและลูกดังนั้นเธอจึงกลับไปบ้านของตัวเอง ไปดูความเรียบร้อยและเอา ของใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วก็ชวนนิศาชลไปหาอะไรกินและช้อปปิ้งก่อนจบลงที่ไปหาเปลวตะวันที่คลินิกเพราะวันนี้เขาไปออกตรวจที่นั่นแทนพี่สาว“คุณนิกลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพราวรอกลับพร้อมหมอเปลวได้”“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิกลับเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมตามใจพราว ไปโน่นนี่กับพราวทั้งวันเลย”“ยินดีค่ะ อีกอย่างหมอเปลวก็จ้างนิมาดูแลคุณพราว ถ้านิทำหน้าที่บกพร่องล่ะก็หมอเปลวต้องดุนิแน่ๆ”“พราวอยู่ทั้งคน คุณนิไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ”“คุณพราวพูดแบบนี้พรุ่งนี้อยากทำอะไรอยากไปไหนบอกเลยค่ะเดี๋ยวนิจัดให้เต็มที่”นิศาชลบอกแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะประสานเสียงร่าเริงอย่าง คนรู้ใจกันพราวชมพูเห
“ฉันยอมลงให้ทุกอย่าง เธออยากได้อะไร ไม่ชอบสิ่งไหน ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำให้หมดแล้ว วันนี้เธอจะตามใจฉันบ้างไม่ได้เหรอ”“ทำไมต้องวันนี้ ตอนนี้ล่ะคะ ปกติหมอก็ไม่ได้หิวจัดขนาดจะขาดใจถ้าไม่ได้กินนี่คะ ถ้าวันนี้พราวไม่พร้อม หมอจะรอต่ออีกไม่ได้เลยเหรอ”“เอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะพราวชมพู”“หมอต่างหากที่กำลังเอาเปรียบพราว หมอเก็บกดเรื่องอะไรมาถึงได้จะมาลงที่พราว เห็นพราวเป็นที่ระบายอารมณ์หรือไงคะ”“พราวชมพู” เปลวตะวันครางชื่อนั้นแผ่วเบาคำพูดง่ายๆแต่กระแทกใจเต็มๆทำเอาเขาหมดอารมณ์ สองมือแกร่งร่วงหล่นลงข้างกายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ“พักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”“เดี๋ยวค่ะ” พราวชมพูเป็นฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้แล้วจู่ๆเธอก็ทำในสิ่งที่เปลวตะวันไม่คาดคิด เธอดึงเขาเข้าไปกอดแล้วก็เขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรของเขาหนักๆ“พราวรู้ว่าพราวเอาเปรียบหมอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกีดกันไม่ให้หมอออกไปหากินนอกบ้าน ทั้งเรื่องให้หมอนอนห้องรับแขกไม่ยอมให้นอนห้องเดียวกับพราว แต่พราวก็อยากหมอเข้าใจ ระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก มันยากนะคะที่จะอยู่ด
“จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน มีแค่ตัวกับดุ้นไม่ได้นะคุณ”เปลวตะวันสะอึก เขาแทบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดห่ามๆของพราวชมพู ดูเอาเถอะ! ผู้หญิงอะไรก๋ากั่นสิ้นดี พูดจาแต่ละทีทำเอาเขาใบ้กินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกไว้ก่อนเลยนะฉันหน้าเงิน ถ้าเงินไม่หนาพอก็เชิญป้ายหน้า”“ห้าล้านพอไหม หรือจะเอาสิบล้าน ร้อยล้าน เอาเท่าไรดีถึงจะเป็นพ่อของลูกเธอได้”คราวนี้พราวชมพูปากสั่น รู้หรอกว่ารวย เธอแค่กระแซะนิดกระแซะหน่อยอีตาหมอหื่นนี่ก็ดันเอาเงินมาฟาดไม่ไว้หน้าซะงั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสิมา! เป็นไงก็เป็นกันมาถึงขั้นนี้อยากยืดอกแสดงตัวรับผิดชอบนัก เธอก็จะจัดให้สมใจ อย่าคิดนะว่าคนอย่างพราวชมพูไม่กล้ารับ“แน่จริงก็เอาห้าร้อยล้านมากองตรงหน้าสิ อย่าดีแต่พูดนะคะ ใครรู้เข้าจะว่าเอาได้ว่าหมอเปลวเก่งแต่ปาก”“งกขนานแท้ หึๆ งกแบบนี้รับรองว่าลูกได้ความงกจากแม่มาพันเปอร์เซ็นต์”“คุณเป็นคนเสนอเอง ฉันก็แค่สนองให้ก็แค่นั้นเองค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับไปแล้วก็ช่วยสนองเรื่องบนเตียงให้คุ้มกับค่าตัวหน่อยก็แล้วกัน”พราวชมพูอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับคำพูดของเขา เธอมัวแต่คิดเอาชนะจนลื
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ
“สวัสดีครับพี่ป่าน”เขาเปิดกล้องรับสายจากปลายทาง เห็นหน้าพี่สาวลอยเด่นมาสีหน้าดูเครียดขึงก็รู้ทันทีว่าโทรมากลางดึกด้วยเรื่องอะไร“เรื่องที่เขาลือกันเป็นความจริงสินะ”ปาลิดาเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าน้องชายสุดที่รักอยู่ที่ไหนเปลวตะวันชำเลืองมองคนบนเตียงแวบหนึ่งก่อนลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปคุยกับคนเป็นพี่ด้านนอก“ผมนึกว่าพี่จะโทรมาเร็วกว่านี้เสียอีกข่าวไปถึงช้าจังนะครับ”“ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลยนะเปลว พี่รู้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่เพราะมีสัมมนาทั้งวันหรอกนะถึงได้เพิ่งโทรหา”ใช่! เธอรู้ข่าวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะต้องเข้าสัมมนาเช้ากว่าปกติเธอถึงต้องรอให้จบวันก่อนถึงโทรหาน้องชายตัวดี และเพราะเวลาที่นี่ต่างจากประเทศไทยถึงหกชั่วโมงจึงต้องรีบโทรมาก่อนที่เปลวตะวันจะเข้านอน“ตกลงเปลวไปพลาดท่าทำผู้หญิงที่ไหนท้องมาฮึ ไหนว่าเก่งนักหนาแล้วทำไมพลาดขึ้นมาได้”“ผมว่าพี่ป่านกลับมาแล้วค่อยคุยกันดีกว่าไหมครับ”“แต่พี่ร้อนใจ มันเรื่องใหญ่มากนะเปลว”“ผมไม่เห็นว่ามันจะเรื่องใหญ่โตอะไร พี่ป่านทำใจให้สบายเถอะครับ”“จะให้สบายใจได้ยังไงในเมื่อเกลบอกว่าเปลวจะรับเด็กคนนั้นเป็นลูกและรับผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียโดยไม่
“เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากพราวชมพู แปลกประหลาดจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอสติไม่ค่อยดีหรือเปล่า” เปลวตะวันพูดกับเธอทั้งที่เธอยังหลับอยู่อย่างนั้นแล้วจู่ๆเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงโต้ตอบกลับมา“ถ้าฉันเสียสติคุณก็เป็นบ้านั่นแหละที่มาวอแวกับคนสติไม่ดีอย่างฉัน”“ตกลงแกล้งหลับสินะ” เขาว่าแล้วบีบจมูกเธอเบาๆพราวชมพูปัดมือเขาทันทีแล้วท้วงเสียงอู้อี้“คุณนี่โรคจิตดีๆนี่เอง คนไข้จะพักผ่อนก็มาก่อกวนอยู่นั่นแหละ”“แล้วทำไมต้องแกล้งหลับ หรือว่าคิดจะแอบฟังว่าฉันกับนิคุยอะไรกัน”“ทำไมต้องแอบฟังคะ คุยกันเสียงดังขนาดนั้น ใครหลับอยู่ก็ต้องตื่นทั้งนั้นแหละ”“ตื่นก็ดีแล้ว ไหนบอกมาซิว่าเวียนหัวดีขึ้นไหม อาเจียนน้อยลงหรือเปล่า”“คุณนิรายงานหมดแล้วจะมาถามทำไมคะ”“ถามเพราะห่วง ถามไม่ได้เหรอ”พราวชมพูกระพริบตาปริบๆ สบตาเขาแล้วหัวใจก็เต้นรัวจนถี่ยิบไม่นะ! มันคือกับดัก อย่าได้หวั่นไหวเชียวอีตาหมอหื่นนี่ไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงจังหรอก มีแต่อยากจะแก้แค้นเธอด้วยเรื่องบ้าบอนั่นล่ะไม่ว่า“ฉันว่าคุณน่าจะพักผ่อนน้อยหรือไม่ก็อาหารเป็นพิษ สติเลยดูท่าจะเลอะเลือนถึงได้พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานเช้าเธอคงกิน
“เปลว บ่ายนี้มีออกตรวจหรือเปล่า เกลมีเรื่องอยากคุยด้วย”เกวลินรีบบอกทันทีที่เจอหน้าเปลวตะวันตรงหน้าลิฟต์เฉพาะผู้บริหารและแพทย์ เปลวตะวันที่กำลังจะขึ้นไปดูอาการพราวชมพูหยุดคิดอึดใจก่อนตอบ“บ่ายนี้ไม่มีออกตรวจแล้วแต่มีผ่าตัดสองเคสเกลมีอะไรด่วนไหม รอหลังเราผ่าตัดเสร็จได้หรือเปล่า”“เคสแรกกี่โมงเหรอ”“ก็อีกประมาณชั่วโมงนะ”“ถ้าอย่างนั้นคุยตอนนี้เลยได้ไหม เกลร้อนใจ”เปลวตะวันนิ่งคิด หมอหนุ่มเผลอตวัดสายตามองลิฟต์แวบหนึ่งก่อนหันมาตอบ“ได้สิ คุยที่ไหนดี ร้านกาแฟไหม”“อื้อ!”เกวลินรีบพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณให้เปลวตะวันออกเดินนำไปก่อน หมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆยามสลัดความคิดเกี่ยวกับพราวชมพูออกไป เขาไม่ไปดูอาการเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ความร้อนอกร้อนใจของเกวลินสำคัญกว่า หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงคงไม่เร่งเร้าเขาแบบนี้“เกลมีอะไรว่ามาได้เลย” เปลวตะวันเปิดฉากทันทีที่เข้ามาในร้านกาแฟและนั่งลงตรงมุมสงบเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่านคนถูกถามเม้มปากอย่างใช้ความคิดแล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เกลได้ยินเขาเม้าท์กันไปทั้งโรงพยาบาลเรื่องเปลวกับผู้หญิงคนนั้น”เปลวตะวันเลิกคิ้วสูงแล้วไหวไหล่นิด