พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ
“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”
“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”
“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”
“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”
“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”
เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข
“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันเถอะนะแล้วก็ถือโอกาสทำบุญเลี้ยงพระเสร็จแล้วตอนเย็นก็กินเลี้ยงง่ายๆในหมู่เพื่อนสนิทญาติพี่น้อง ถ้าพี่จะจัดงานแต่งงานของเราเรียบง่ายแค่นี้พราวคิดว่ายังไงครับ”
“แบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ คำว่าครอบครัวจะสมบูรณ์ไหมก็เป็นเรื่องของเราที่ต้องประคับประคองกันไป จะงานเล็กๆหรืองานใหญ่ๆไม่ได้ การันตีว่าจะมั่นคงถาวร แค่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามประเพณีก็น่าจะเพียงพอแล้วถือว่าให้เกียรติบรรพบุรุษต้นตระกูลของเราสองคนค่ะ”
“ขอบคุณนะพราว ขอบคุณที่ยอมรับพี่ไว้ในชีวิต”
จู่ๆเปลวตะวันก็รวบมือเธอไปกอบกุมแล้วจูบหนักๆอย่างแสนรัก จูบแล้วก็ดึงมือน้อยไปวางทาบบนศีรษะได้รูปของตัวเอง
“อารมณ์ไหนคะเนี่ย”
“อารมณ์รักและหวงแหนน่ะสิ ตั้งแต่เจอพราวชีวิตพี่ก็เหมือนจะมีความหมายขึ้นมามาก ไม่ได้แห้งแล้งเดียวดายเหมือนที่ผ่านมา”
“ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังแบบนั้นไม่เดียวดายแล้วมั้งคะ เขาเรียกคนไม่รู้จักพอ”
“พอแล้วครับ พอแล้ว ชีวิตของพี่ไม่ต้องการใครอีกแล้ว ต้องการแค่พราวกับลูกเท่านั้นจริงๆ”
“ค่อยๆดูกันไปเถอะค่ะ พราวชอบดูการกระทำและอยู่กับปัจจุบันมากกว่าฟังคำพูดหวานๆกับคำสัญญาสาบานที่ไม่แน่นอน พี่หมออย่าลืมนะคะชีวิตคนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอเราไม่รู้อนาคตดังนั้นอย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพราวก็พักผ่อนเถอะ พักเยอะๆจะได้แข็งแรงไวๆ เราจะได้กลับบ้านของเราเสียที” เปลวตะวันบอกพร้อมกับบรรจงจูบกลางหน้าผากกว้างด้วยความรักความเสน่หา
พราวชมพูหลับตาพริ้มน้อมรับความอิ่มอุ่นหัวใจนั้นเข้าไว้จนลึกสุด เธอยอมรับอย่างเต็มหัวใจว่าสัมผัสได้ถึงรักและหวงแหนจากเขาที่มีต่อเธอ มันช่างมากมายนัก มากมายจนเธอไม่คิดว่าจะได้พบเจอในชีวิตนี้
หลายวันแล้วที่พราวชมพูออกจากโรงพยาบาล พอเธอแข็งแรงดีเปลวตะวันก็ร้องขอพี่สาวให้ช่วยหาฤกษ์ดีในการจดทะเบียนสมรสและเลี้ยงฉลองเล็กๆแบบเป็นกันเอง คราแรกพี่สาวของเขาทักท้วงอยากจัดงานให้สมเกียรติ แต่พอเธอช่วยยืนยันอีกเสียงว่าเป็นความต้องการของเขาและเธอ หมอปาลิดาก็ยอมอ่อนลงให้แต่โดยดี
“ผมกับพราวคุยกันแล้วว่ารอให้ลูกโตรู้ความก่อนถึงจะจัดงานแต่ง เราอยากให้งานแต่งของเรามีลูกรวมอยู่ด้วยครับ อยากให้มันเป็นภาพความสุขของครอบครัวแสนอบอุ่นของเราครับพี่”
“เปลวกับพราวยืนกรานขนาดนี้พี่จะพูดอะไรได้ล่ะ เอาเถอะเสาร์นี้พี่หยุดจะไปหาพระอาจารย์ให้ท่านดูฤกษ์ให้ เปลวกับพราวก็ไปเสียด้วยกันแหละมีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนจะได้ถามไถ่ท่าน”
“พราวขอบคุณพี่ป่านมากนะคะ ส่วนเรื่องงานเลี้ยง...”
“เรื่องนั้นก็ไม่ต้องกังวลไปเลย เราน่ะดูแลสุขภาพกับลูกในท้องให้ดีเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง”
“เห็นไหมพราวพี่บอกแล้วว่ามีพี่ป่านทั้งคนสบายไปแปดอย่าง”
“พี่หมอก็ชอบรบกวนพี่ป่านตลอด โตแล้วนะคะอะไรจัดการเองได้ก็ควรทำ ไม่ใช่มาแอบใช้พี่ให้ทำแทนแบบนี้”
“อีกหน่อยเปลวมันจะใช้พราวแทนพี่นั่นแหละ กำราบดีๆล่ะ ขนาดว่าพี่ดุแล้วดุอีกยังลื่นเป็นปลาไหลหลอกใช้พี่ไปวันๆ”
“กล้าหลอกใช้พราวก็ลองดูสิคะ พราวไม่เอาคืนให้มันรู้ไป”
พราวชมพูขู่เบาๆและเปลวตะวันก็ทำท่ากลัวเมียเสียด้วย
ภาพนั้นเรียกเสียงหัวเราะถูกอกถูกใจจากพี่สาวอย่างหมอปาลิดาได้ดีนัก
เธอรอคอยวันนี้มานานแล้ว วันที่น้องชายคนเดียวของเธอจะมีใครสักคนเข้ามาในชีวิตและดูแลเขาแทนเธอได้
ตอนแรกคิดว่าฝากฝังไว้กับเกวลินเพื่อนรักเพื่อนสนิทได้ ท้ายสุดก็กลายเป็นว่าฝ่ายนั้นร้ายกาจจนยากเยียวยา แต่โชคดีที่ทุกอย่างเปิดเผยรวดเร็วและรายนั้นก็รับผลของการกระทำของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่กลับก่อนนะ เสาร์นี้เจอกัน”
“พราวเดินไปส่งที่รถนะคะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่ไปเองได้ เปลวพาพราวขึ้นไปพักเถอะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่กี่วัน รอให้แข็งแรงดีก่อนจะเดินเหินไปไหนพี่ไม่ว่า เราเจอแต่เรื่องหนักๆร่างกายเครียดจิตใจเครียดมันกระทบต่อลูกทั้งนั้น”
“ขอบคุณพี่ป่านที่เป็นห่วงค่ะ”
“ดูแลพราวให้ดีนะเปลว ให้สมกับที่พราวยอมรับเราเป็นพ่อของลูกในท้อง ไม่อย่างนั้นพี่คิดไม่ออกเลยว่าหลานพี่จะออกมามีชีวิตยังไง”
ปาลิดาบอกแล้วคนทั้งสองก็หัวเราะแห้งๆ พอคล้อยหลังพี่สาว เปลวตะวันก็ช้อนร่างอ้อนแอ้นขึ้นอุ้มพาเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้านทันที
“ปวดเมื่อยตรงไหนไหมครับให้พี่นวดให้ไหม” เขาถามหลังจากวางร่างเธอลงบนเตียง พราวชมพูเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“คนท้องนวดได้ด้วยเหรอคะ”
“ได้สิ มันมีท่านวดเฉพาะสำหรับคนท้อง แต่ไม่ใช่การนวดแผนไทยอะไรแบบนั้นนะครับ พี่นวดเบาๆแค่ช่วยให้พราวผ่อนคลายจะได้ไม่ทรมานเพราะปวดเมื่อยร่างกาย”
“ก็ดีค่ะ พราวเมื่อยตัวอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาเหมือนร่างกายพราวจะไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร”
“โอเคครับ เดี๋ยวพี่จัดการให้พราวจะได้หลับสบายอาการปวดเมื่อยจะได้เบาลง”
เขาว่าแล้วก็เริ่มปฏิบัติการ แต่พราวชมพูรีบท้วงพร้อมกับคว้าข้อมือเขาหมับเมื่อเปลวตะวันเลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดของเธอ
“ปลดกระดุมเสื้อพราวทำไมคะ”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าพราวจะได้นอนสบายไงครับ”
“แต่ว่า...”
“อย่าดื้อสิ พี่เป็นหมอนะ” เขาดุยิ้มๆ
พราวชมพูหรี่ตามองอย่างจับผิด แต่พอเห็นเขาไม่มีทีท่าจะทำอะไรนอกเหนือไปจากเปลี่ยนให้เธอสวมเสื้อคลุมตัวโคร่งแทนเสื้อเชิ้ตตัวโปรดแล้วปลดเปลื้องบราเซียร์ตัวสวยออกให้ทรวงนุ่มหยุ่นของเธอเป็นอิสระจากการถูกรัดรึงก็เบาใจ
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“บ้าชิบ! ผู้หญิงบ้ากล้าดียังไงถึงได้ทำกับฉันแบบนี้”เสียงสบถด้วยความโกรธดังลั่นห้องพร้อมๆกับธนบัตรสีเทาหลายสิบใบปลิวว่อนเต็มห้องตามอาการเหวี่ยงสุดแรงตามติดด้วยเสียงแก้วแตกกระจายจากแรงโทสะของคนร่างสูงใหญ่เพล้ง!“ห้าหมื่น! เธอตีราคาค่าตัวฉันแค่นี้เนี่ยนะแม่ผู้หญิงอวดดี”เขาสบถด่ากราดขณะขยำกระดาษใบน้อยที่ระบุข้อความเจาะจง ถึงตัวเขาด้วยความรู้สึกโกรธจนบอกไม่ถูกคนอย่างเขามีแต่จ่ายเพื่อซื้อความสุขกับผู้หญิง สนุกสุขสมแล้วก็ จบกัน ไม่มีวนกลับมากินของเก่าให้เสียอารมณ์แต่แม่สาวไวไฟความเร็วยิ่งกว่าห้าจีที่ไม่ประสีประสาคนนั้นเป็นใครถึงเอาเงินมาฟาดหัวเขาแบบนี้เขาต่างหากควรเป็นคนตีจากพร้อมเปย์เงินให้แทนคำขอบคุณกับความสุขสมที่เขาตักตวงจนอิ่มเอมเมื่อคืนนี้ ไม่ใช่ตื่นมาเพื่อเจอเงินปึกหนึ่งพร้อมจดหมายน้อยบ้าๆนี่“ฮัลโหล! ไปพบฉันที่เพนท์เฮ้าส์ด่วน ฉันมีงานให้แกทำ”คนหัวเสียกรอกเสียงออกคำสั่งคำรามก้องไปตามสายหลังจากโทรหาลูกน้องคนสนิทที่เรียกใช้กันจนรู้นิสัยใจคอน้ำเสียงและแววตาของเขายามนี้ดุดันเป็นคนละคนกันกับหมอเปลวตะวัน สูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพอ่อนโยนขวัญใจคนไข้สาวน้อยสาวใหญ่ที่ขยันสรรหาโรคให้ตัวเอง
แม้จะประหลาดใจอยู่บ้างที่เจ้าของถ้ำที่ไม่เคยเชื้อเชิญให้ใครเข้าเชยชมกลับเต็มใจแย้มพรายให้เขาทั้งที่เจ้าหล่อนควรสงวนเอาไว้สำหรับคนพิเศษมากกว่าเท่าที่ดูทรงแล้วเจ้าหล่อนไม่น่าจะเป็นคนชอบเชื้อเชิญชักชวนใครให้เข้ามาย่ำกรายได้ง่ายๆ แต่นั่นเป็นเพียงความคิดแวบหนึ่งที่ผุดวาบขึ้นมาแล้วก็หายวับไปเขาไม่จำเป็นต้องคิดอ่านอะไรแทนใคร ในเมื่อต่างฝายต่างเต็มใจและเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงก็จะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป‘ถามจริงเถอะ คุณรอดพ้นจากพวกเสือสิงห์กระทิงแรดมาถึงผมได้ยังไงกัน’เขาถามพรางเม้มปากเก็บข่มความซ่านสยิวที่กำลังพุ่งพล่านอัดแน่นในกายเขาอยากสาดซัดความเถื่อนดิบใส่เสียให้สาสมกับก๋ากั่นมั่นอกมั่นใจของเจ้าหล่อน แต่ต้องยับยั้งเอาไว้รอคอยให้ความคับแน่นคลายตัวลงเสียก่อนเพราะตอนนี้มันรึงรัดเจ้ายักษ์ร้ายของเขาเสียจนปวดปร่าไปหมด‘จำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอคะ ฉันว่าคุณสนใจแค่สิ่งที่ต้องทำตรงหน้าดีกว่านะ’‘คุณนี่ใจถึงเป็นบ้า’‘อย่าพูดมากเลยน่า รีบๆเข้าเถอะฉันเจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ’‘ฮื่อ...ไม่อยากเจ็บต้องใจเย็นๆสิ นอนนิ่งๆเดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองว่าซาบซ่านถึงใจจนลืมเจ็บเชียวแหละ’เพียงสิ้นเสียงแห
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็