“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้
“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”
เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน
“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”
“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”
ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”
“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”
คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้
“อย่าหัวเราะสิคะ”
“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันที
พราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวามหวานของเขาอย่างดูดดื่มลุ่มหลงไม่แพ้กัน
“อย่าซนสิคะ” เธอร้องห้ามเมื่อมือไม้ร้อนผ่าวของเปลวตะวันเริ่มโลมเล้ายุ่มย่ามแถวๆทรวงอกนุ่มหยุ่น แต่เสียงห้ามของเธอไม่ได้จริงจังนัก
“พราวของพี่น่ารักขนาดนี้พี่ไม่มีวันชายตาแลใครอยู่แล้ว”
“พราวเชื่อพี่หมอค่ะ”
“เชื่อพี่แต่ก็ยังหึงหวงพี่มากเหลือเกิน”
“พี่หมอเองยังหึงหวงพราวกับหมอยอดได้เลยแล้วพราวจะหึงจะหวงพี่หมอบ้างไม่ได้เหรอคะ”
“ก็ไอ้หมอยอดมันเจ้าเล่ห์ พี่ไม่ชอบให้มันมาเกาะแกะเมียพี่นี่ครับ”
“แหม...แค่พูดถึงก็หน้าตึงขึ้นมาทันทีเลยนะคะ” พราวชมพูพูดล้อๆ เธอเอียงคอมองเขาทำหน้าทำตาน่ารักจนเปลวตะวันหอมแก้มฟอดใหญ่ด้วยความมันเขี้ยว
“หอมเอาๆไม่หยุดแบบนี้ พราวช้ำไปหมดแล้วนะคะ”
“ก็ทำมากกว่ากอด จูบ แล้วก็หอมไม่ได้นี่ครับ” เขาอ้อนทอดสายตาละห้อย สองแขนกระชับกอดพราวชมพูแน่นเข้าก่อนยื่นหน้าเข้าหาฝากฝังปลายจมูกโด่งลงตรงซอกคอตามติดๆด้วยริมฝีปากร้อนระอุที่เริ่มพรมจูบคลอเคล้าด้วยความรักและเสน่หาล้นหัวใจ
“ไม่ได้แค่อยากกอด พี่อยากจะสอดใจจะขาดแต่กลัวลูกคลอดก่อนกำหนด”
พราวชมพูหน้าม้านเมื่อเขาพูดตรงๆพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือต่ำลงไปสัมผัสทักทายตรงส่วนนั้นซึ่งเธอก็ปล่อยให้เขาสัมผัสโลมเล้าด้วยความเต็มใจเพราะเธอเองก็โหยหาสัมผัสแสนเร่าร้อนของเขาไม่ต่างกัน
“หรือจะลองดูสักครั้งดีนะ”
“เดี๋ยวก็ได้หามส่งห้องคลอดกันพอดี”
“ไม่หรอกน่า พี่รู้วิธีทำดี” เขาตอบพร้อมทำตาหวานซึ้งจ้องเธอ พราวชมพูเบือนหน้าเบนสายตาไปทางอื่น ใจหนึ่งก็อยากลองเพราะเชื่อมั่นในตัวเขา แต่อีกใจก็อดพะวงไม่ได้
“นะครับพราว ไม่ใช่แค่เราที่มีความสุข เจ้าตัวน้อยก็จะอิ่มสุขไม่น้อยไปกว่าเราเพราะเขารับรู้ได้ว่าพ่อกับแม่รักกันมากแค่ไหน”
“หามเข้าห้องคลอดกะทันหันขึ้นมาล่ะก็ได้อายกันถ้วนหน้าแหละคราวนี้”
“ฮื่อ...เชื่อมือพี่สิครับ พี่ชำนาญเรื่องนี้กว่าใครพราวก็รู้” เขาหว่านล้อมพร้อมกับค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากเรือนร่างอรชรของพราวชมพูที่ยามนี้มีน้ำมีนวลอวบอิ่มขึ้นมากกว่าเดิมไม่มากนัก ไม่ใช่เพราะพราวชมพูห่วงสวยคุมอาหารจนลืมว่าตัวเองต้องบำรุงลูกน้อยในครรภ์ แต่เพราะเธอรู้จักเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อลูกน้อยในครรภ์ต่างหากทุกอย่างที่กินเข้าไปจึงตกถึงลูกมากกว่าตกค้างเป็นส่วนเกินในร่างกายคนเป็นแม่
“พี่หมอขา แน่ใจนะคะว่าจะมีเซ็กกันจริงๆ”
“เชื่อพี่นะครับ พี่สัญญาว่าจะเบามือให้มากที่สุด”
“ก็ถอดเสื้อผ้าพราวจนหมดขนาดนี้แล้วจะห้ามก็คงไม่ทันแล้วมั้งคะ” พราวชมพูอมยิ้มเขินเปลวตะวันจูบหนักๆเข้าที่พวงแก้มนุ่มอย่างรักสุดหัวใจก่อนกระซิบเสียงสั่นพร่า
“ถ้าอย่างนั้นพี่เดินหน้าต่อไม่รอแล้วนะครับ” เขาว่าแล้วก็เริ่มบรรจงจูบคลอเคล้าโลมเล้าอ้อยอิ่งแสนหวาน
พราวชมพูตอบรับสัมผัสแสนเสน่หาของสามีที่รักด้วยความปรารถนาอันเร่าร้อนที่เริ่มตื่นตัวพุ่งพล่านภายในกาย ไม่ใช่เพียงแต่เขาที่หิวกระหายในรสสวาทแสนซาบซ่านกายและใจเธอเองก็เช่นกันเฝ้ารอและโหยหาการเติมเต็มจากเขาทุกคืนวันมิเสื่อมคลาย
******************************
“โอ๊ย...ปวดจัง ทำไมปวดแบบนี้นะ”
“คุณพราวปวดท้องเหรอคะ” นิศาชลซึ่งนอนอยู่ข้างๆต้องตื่นขึ้นกลางดึกเพราะได้ยินเสียงพราวชมพูครวญเบาๆบ่งบอกความเจ็บปวด พยาบาลสาวรีบลุกขึ้นแล้วเปิดไฟจนสว่างไปทั้งห้อง พราวชมพูซึ่งนอนกระสับกระส่ายบนเตียงค่อยๆดันกายลุกขึ้นนั่ง นิศาชลรีบเข้าช่วยประคองพร้อมกับดึงหมอนมารองแผ่นหลังให้เธอเอนอิง
“คุณนิคะ พราวปวดท้องจัง ไม่รู้ว่าปวดท้องคลอดหรือเปล่า” พราวชมพูบอกสีหน้าเธอไม่ค่อยดีนัก คิ้วสวยขมวดมุ่น บ่งบอกความไม่สุขสบาย
ตอนนี้เธอรู้สึกปวดหน่วงท้องและหลังร้าวลงต้นขา อาการปวดนี้มีมาเป็นพักๆระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่เธอไม่ได้ตระหนกอะไรเพราะคิดว่าน่าจะเกิดจากที่วันนี้เธอเดินมากเกินไปจึงเกิดอาการปวดและเมื่อยล้า แต่พอตกดึกอาการปวดก็กลับถี่ขึ้นและดูท่าจะไม่คลายลงพราวชมพูจึงไม่อาจนิ่งนอนใจต่อไปได้
“พราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือเปล่าคะคุณนิทำไมพราวปวดท้องปวดหลังมากแบบนี้”
“คุณพราวรอสักครู่นะคะเดี๋ยวนิตามคุณหมอป่านให้ค่ะ” นิศาชลบอกแล้วหยิบสมาร์ตโฟนมาโทรออกหาหมอปาลิดา ไม่นานนักประตูห้องนอนก็เปิดออกพร้อมกับร่างโปร่งบางของว่าที่คุณป้าคนสวย
“พราวปวดท้องเหรอ ไหนพี่ป่านดูหน่อยซิ”
“เหมือนจะมีน้ำแฉะๆออกมาด้วยนะคะ” พราวชมพูบอกพร้อมกับเลิกผ้าห่มผืนหนาออก เพียงแค่เห็นหมอปาลิดากับนิศาชลก็สบตากันอย่างรู้กัน
“นิให้คนขับรถเอารถออกนะคะ” นิศาชลบอกหมอปาลิดาพยักหน้ารับรู้แล้วหันมาทางน้องสะใภ้
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“บ้าชิบ! ผู้หญิงบ้ากล้าดียังไงถึงได้ทำกับฉันแบบนี้”เสียงสบถด้วยความโกรธดังลั่นห้องพร้อมๆกับธนบัตรสีเทาหลายสิบใบปลิวว่อนเต็มห้องตามอาการเหวี่ยงสุดแรงตามติดด้วยเสียงแก้วแตกกระจายจากแรงโทสะของคนร่างสูงใหญ่เพล้ง!“ห้าหมื่น! เธอตีราคาค่าตัวฉันแค่นี้เนี่ยนะแม่ผู้หญิงอวดดี”เขาสบถด่ากราดขณะขยำกระดาษใบน้อยที่ระบุข้อความเจาะจง ถึงตัวเขาด้วยความรู้สึกโกรธจนบอกไม่ถูกคนอย่างเขามีแต่จ่ายเพื่อซื้อความสุขกับผู้หญิง สนุกสุขสมแล้วก็ จบกัน ไม่มีวนกลับมากินของเก่าให้เสียอารมณ์แต่แม่สาวไวไฟความเร็วยิ่งกว่าห้าจีที่ไม่ประสีประสาคนนั้นเป็นใครถึงเอาเงินมาฟาดหัวเขาแบบนี้เขาต่างหากควรเป็นคนตีจากพร้อมเปย์เงินให้แทนคำขอบคุณกับความสุขสมที่เขาตักตวงจนอิ่มเอมเมื่อคืนนี้ ไม่ใช่ตื่นมาเพื่อเจอเงินปึกหนึ่งพร้อมจดหมายน้อยบ้าๆนี่“ฮัลโหล! ไปพบฉันที่เพนท์เฮ้าส์ด่วน ฉันมีงานให้แกทำ”คนหัวเสียกรอกเสียงออกคำสั่งคำรามก้องไปตามสายหลังจากโทรหาลูกน้องคนสนิทที่เรียกใช้กันจนรู้นิสัยใจคอน้ำเสียงและแววตาของเขายามนี้ดุดันเป็นคนละคนกันกับหมอเปลวตะวัน สูตินรีแพทย์ผู้แสนสุภาพอ่อนโยนขวัญใจคนไข้สาวน้อยสาวใหญ่ที่ขยันสรรหาโรคให้ตัวเอง
แม้จะประหลาดใจอยู่บ้างที่เจ้าของถ้ำที่ไม่เคยเชื้อเชิญให้ใครเข้าเชยชมกลับเต็มใจแย้มพรายให้เขาทั้งที่เจ้าหล่อนควรสงวนเอาไว้สำหรับคนพิเศษมากกว่าเท่าที่ดูทรงแล้วเจ้าหล่อนไม่น่าจะเป็นคนชอบเชื้อเชิญชักชวนใครให้เข้ามาย่ำกรายได้ง่ายๆ แต่นั่นเป็นเพียงความคิดแวบหนึ่งที่ผุดวาบขึ้นมาแล้วก็หายวับไปเขาไม่จำเป็นต้องคิดอ่านอะไรแทนใคร ในเมื่อต่างฝายต่างเต็มใจและเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงก็จะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป‘ถามจริงเถอะ คุณรอดพ้นจากพวกเสือสิงห์กระทิงแรดมาถึงผมได้ยังไงกัน’เขาถามพรางเม้มปากเก็บข่มความซ่านสยิวที่กำลังพุ่งพล่านอัดแน่นในกายเขาอยากสาดซัดความเถื่อนดิบใส่เสียให้สาสมกับก๋ากั่นมั่นอกมั่นใจของเจ้าหล่อน แต่ต้องยับยั้งเอาไว้รอคอยให้ความคับแน่นคลายตัวลงเสียก่อนเพราะตอนนี้มันรึงรัดเจ้ายักษ์ร้ายของเขาเสียจนปวดปร่าไปหมด‘จำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอคะ ฉันว่าคุณสนใจแค่สิ่งที่ต้องทำตรงหน้าดีกว่านะ’‘คุณนี่ใจถึงเป็นบ้า’‘อย่าพูดมากเลยน่า รีบๆเข้าเถอะฉันเจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ’‘ฮื่อ...ไม่อยากเจ็บต้องใจเย็นๆสิ นอนนิ่งๆเดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองว่าซาบซ่านถึงใจจนลืมเจ็บเชียวแหละ’เพียงสิ้นเสียงแห
“เป็นไปได้ยังไง ผู้หญิงคนเดียวสองเดือนกว่าแล้วแต่หาตัวไม่เจอ” เปลวตะวันสบถบ่นอย่างหัวเสียเมื่อคนสนิทที่เรียกใช้งานเป็นประจำรายงานความคืบหน้าเรื่องที่เขาให้ติดตามหาตัวผู้หญิงคนนั้นจากคืนนั้นจนวันนี้เขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในหัวเขามีแต่ข้อความหยามหน้าที่เจ้าหล่อนคนนั้นทิ้งเอาไว้ให้ตอกย้ำวันแล้ววันเล่าสาบานได้เลยว่าถ้าหากชาตินี้เขาตามล่าลากเจ้าหล่อนมาลงทัณฑ์ให้สาสมกับความอวดดีไม่ได้ เขาจะตามจองเวรทุกชาติไปไม่สิ้นสุด คนอย่างเขาสามชาติสามภพแก้แค้นก็ยังไม่สาย“นายมั่นใจนะว่านายตั้งใจหาแม่นั่นจริงๆ”“โธ่...นายครับ ผมเคยโกหกนายเสียที่ไหนล่ะครับ นี่ผมก็ควานหาแทบพลิกแผ่นดินแล้วก็ไม่พบใครสักคนเลยนะครับที่จะเข้าข่ายว่าเป็นผู้หญิงที่นายตามหา”“บ้าชะมัด! ผู้หญิงคนเดียวทำไมหายากหาเย็นแบบนี้นะ”“เอ่อ...นายครับ”“มีอะไร”“ปกตินายไม่เคยเรียกหาใครครั้งที่สองแล้วนี่...”“อย่าเสือกสักเรื่องจะได้ไหม จะไปไหนก็ไป แล้วถ้าตามหาแม่นั่นไม่เจอก็อย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีกเข้าใจไหม”จบคำตวาดของหมอหนุ่มรูปงามแต่ดุดันยิ่งกว่าเสือ ลูกน้องผู้รู้ใจก็รีบเผ่นแนบไม่ลีลาท่ามาก เจ้านายของเขาอารมณ์ร้ายไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งเ
เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆหลังจากตรวจคนไข้รายสุดท้ายของวันเสร็จสิ้นใครว่างานคลินิกคืองานสบาย เขาบอกเลยว่าคิดผิดเพราะนอกจากจะต้องเต็มที่กับงานรักษาแล้วยังต้องวุ่นวายกับงานบริหารจัดการอีกซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดเขาจึงปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดให้หนักสมองเมื่อพี่สาวยื่นข้อเสนอให้เขามาบริหารงานในโรงพยาบาลและคลินิกที่บิดามารดาเป็นผู้ก่อตั้งมา แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธหมดเสียทุกอย่าง เมื่อพี่สาว ร้องขอในบางเวลาเขาก็ยื่นมือเข้าช่วยด้วยความยินดี“หมอเปลวคะ ขออีกสักคนนะคะ พอดีคนไข้ฝากครรภ์กับหมอป่านแต่มีอาการผิดปกติเลยมาก่อนวันนัดค่ะ”เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนพยักหน้าแล้วขยับตัวเตรียมพร้อมรอตรวจเรื่องความเจ็บป่วยของคนไข้เขาไม่เคยรั้งรอให้เสียเวลา เขาเข้าใจความทุกข์ร้อนของคนเจ็บดี ไม่เกินจำเป็นจริงๆก็ไม่มีใครอยากมาหาหมอรักษา“เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะคุณพราวชมพู” พยาบาลสาวรีบบอกเมื่อกลับออกมาจากห้องตรวจว่าที่คุณแม่มือใหม่รีบลุกขึ้นแล้วเดินเร็วๆตรงไปยังห้องดังกล่าว พยาบาลสาวเห็นเข้ารีบท้วงเสียงลั่น“ใจเย็นๆค่ะคุณแม่ อย่าเดินเร็วนัก เดี๋ยววิงเวียนเป็นลมล้มลงจะไม่ดีต่อลูกในครรภ์นะคะ”พราว
“ขอโทษนะเบบี๋ มามี้ต้องพาหนูไปอยู่ที่อื่นแล้วแหละ ถ้ามีโอกาสเราอาจได้กลับมาอยู่บ้านของเราหลังนี้นะ”พราวชมพูลูบท้องเบาๆทะนุถนอมแล้วลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องตรงไปยังโถงใหญ่กลางบ้านที่ด้านข้างเชื่อมต่อกับโรงจอดรถ แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ยกสัมภาระขึ้นรถ หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง“จะรีบไปไหนเหรอครับคุณพราวชมพู”“โธ่! คุณหมอนั่นเองนึกว่าใคร ทำเอาตกใจหมด ฮ่าๆๆ แหม...ตามมาดูคนไข้ถึงบ้านเลยนะคะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่เป็นอะไรคุณหมอไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”พราวชมพูหัวเราะแก้เก้อพยายามทำใสซื่อตีหน้ามึนเหมือนคนไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งต่อกันเปลวตะวันเห็นแล้วหมั่นไส้ยิ่งนัก คอยดูเถอะเขาจะสั่งสอนเจ้าหล่อนให้หลาบจำที่บังอาจลบเหลี่ยมคนอย่างเขา หน้าตาก็สวยดูฉลาดแต่ไม่น่าตาถั่วมาว่าเขามั่วๆว่าเป็นผู้ชายขายกล้วย“คุณเป็นคนไข้ของพี่ป่าน ผมเป็นหมอรับผิดชอบดูแลต่อก็ต้องมาดูให้แน่ใจว่าคนไข้สบายดี เห็นพยาบาลบอกว่า...คุณกังวลเรื่อง...”“ไม่ค่ะ ไม่กังวลเลย ไม่แล้ว ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ฉันสบายดีจริงๆนะคะ” พราวชมพูรีบแทรกขัดเสียงหลง เธอไม่ประสงค์ได้ยินได้ฟังอะไรทั้งนั้น และตอนนี้เธอต้องหาทางหนีจากเขาให้ได้ เธ
“ลงไปได้แล้ว อย่าตุกติกล่ะ ฉันบอกได้เลยว่าไม่ปล่อยเธอง่ายๆแน่” เปลวตะวันบอกหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านสองชั้นเล็กๆหลังหนึ่งพราวชมพูมองลอดกระจกรถออกไปสำรวจดูด้านนอกอย่างระแวดระวัง ดูจากความมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสลัวหน้าบ้านดวงเดียวแล้วเธอก็พอจะประเมินได้ว่าที่นี่มีเพียงเขาและเธอสองคนเท่านั้น“ลงมาสิ ฉันไม่บ้าขนาดพาเธอมาฆ่าที่นี่หรอกน่ะ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มดุ แววตาบ่งบอกความหงุดหงิดเมื่อเจ้าหล่อนไม่ยอมลงจากรถจนเขาต้องเดินอ้อมมาเปิดประตูเชื้อเชิญ“ต้องให้เอาพรมแดงมาปูด้วยไหมถึงจะลงมาได้น่ะฮะ”“พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องขู่ตะคอกกันเลย” พราวชมพูบ่นแล้วก้าวลงจากรถอย่างไม่พอใจ สีหน้าแววตาเธอหงุดหงิดไม่แพ้กัน“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย จะยิ้มหวานๆยั่วๆเหมือนไอ้วันที่เชื้อเชิญฉันขึ้นเตียงก็ได้ฉันไม่ว่า”“ลองมาเป็นฉันสิ คุณจะรู้ว่ามันน่ายิ้มหรือน่าหงุดหงิด เอ๊ะ!” ปลายเสียงอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็กระชากแขนเธอแล้วบีบแรงๆจนร้าวระบมไปหมด“นี่คุณคำว่าอ่อนโยนกับสุภาพสตรีน่ะสะกดเป็นไหม”“ไม่! แต่ถ้าเธอจะถามว่าฉันจับกดแล้วดันเป็นไหมฉันบอกเลยว่าคล่อง”“อี๋!! ไอ้หมอบ้า ไอ้คนลามก”“คนบ้า คนลามกก็เคย
“ฉันถามจริงๆเถอะ คุณโกรธแค้นอะไรนักหนา ฉันไม่เห็นว่าฉันไปทำร้ายคุณตอนไหน”“เงินห้าหมื่นกับความคิดมั่วๆหาว่าฉันมันผู้ชายขายกล้วย เธอคิดว่าฉันควรยิ้มระรื่นดีใจสินะ” เขาถามและจ้องเขม็งพราวชมพูกลืนน้ำลายอึกใหญ่เธอพอจะเข้าใจเขาอยู่หรอก แต่ว่านั่นก็ผ่านมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วเขาจะมาแค้นจริงแค้นจังอะไรมากมายขนาดนั้น“ฉันบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่รับคำขอโทษด้วยวาจา แต่ฉันจะพิจารณายกโทษก็ต่อเมื่อฉันชำระความตามความพึงพอใจของฉันแล้วเท่านั้น” เปลวตะวันดักคอก่อนที่พราวชมพูจะทันได้เอ่ยคำนั้นออกไปหญิงสาวได้ฟังแล้วก็ปิดปากสนิท เธอจินตนาการไม่ออกสักนิดว่าเขาจะชำระความกับเธอแบบไหนกันแน่“ลุกขึ้น แล้วตามมา”เขาสั่งหลังจากยืดกายตรงและขยับถอยห่างออกไปยืนจังก้าเท้าสะเอวมองเธอนิ่งพราวชมพูช้อนสายตาขึ้นมองเห็นดวงตาดำวาววับแฝงด้วยความขุ่นเคืองเต็มพิกัดก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนตามคำสั่งเปลวตะวันเห็นท่าอีกฝ่ายจำยอมทำตามอย่างเสียมิได้ก็ยิ่งขู่ฟ่อๆต่อไป“เดินไปสิยืนทำเบื้ออะไรอยู่ หรือจะให้ฉันชำระความเสียตรงนี้”พราวชมพูเบิกตากว้างจ้องเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เห็นเปลวตะวันทำท่าจะคุกคาม สองเท้าเล็กๆจึงรีบก้าวฉ
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็