เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆหลังจากตรวจคนไข้รายสุดท้ายของวันเสร็จสิ้น
ใครว่างานคลินิกคืองานสบาย เขาบอกเลยว่าคิดผิดเพราะนอกจากจะต้องเต็มที่กับงานรักษาแล้วยังต้องวุ่นวายกับงานบริหารจัดการอีกซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุด
เขาจึงปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดให้หนักสมองเมื่อพี่สาวยื่นข้อเสนอให้เขามาบริหารงานในโรงพยาบาลและคลินิกที่บิดามารดาเป็นผู้ก่อตั้งมา แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธหมดเสียทุกอย่าง เมื่อพี่สาว ร้องขอในบางเวลาเขาก็ยื่นมือเข้าช่วยด้วยความยินดี
“หมอเปลวคะ ขออีกสักคนนะคะ พอดีคนไข้ฝากครรภ์กับหมอป่านแต่มีอาการผิดปกติเลยมาก่อนวันนัดค่ะ”
เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนพยักหน้าแล้วขยับตัวเตรียมพร้อมรอตรวจเรื่องความเจ็บป่วยของคนไข้เขาไม่เคยรั้งรอให้เสียเวลา เขาเข้าใจความทุกข์ร้อนของคนเจ็บดี ไม่เกินจำเป็นจริงๆก็ไม่มีใครอยากมาหาหมอรักษา
“เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะคุณพราวชมพู” พยาบาลสาวรีบบอกเมื่อกลับออกมาจากห้องตรวจ
ว่าที่คุณแม่มือใหม่รีบลุกขึ้นแล้วเดินเร็วๆตรงไปยังห้องดังกล่าว พยาบาลสาวเห็นเข้ารีบท้วงเสียงลั่น
“ใจเย็นๆค่ะคุณแม่ อย่าเดินเร็วนัก เดี๋ยววิงเวียนเป็นลมล้มลงจะไม่ดีต่อลูกในครรภ์นะคะ”
พราวชมพูหันมายิ้มแหยเป็นการขอลุแก่โทษและรับทราบในคราวเดียวกันก่อนที่จะหันกลับไปเปิดประตูก้าวเข้าไปด้านในแล้วส่งเสียงทักทายนำไปก่อน
“สวัสดีค่ะคุณหมอป่าน พราวขอ...” เสียงหวานหยุดชะงักเพียงแค่นั้นเพราะเจ้าตัวกำลังตะลึงงันเมื่อเห็นคนที่นั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะตรวจของหมอปาลิดาที่เธอเคยมาพบ
ริมฝีปากอิ่มระเรื่ออ้ากว้างค้างเติ่ง เธอไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะวนกลับมาพบเขาอีกครั้ง
“เธอ! / คุณ!”
สองเสียงอุทานขึ้นพร้อมๆกัน ต่างฝ่ายต่างตะลึง
พราวชมพูขาแข้งอ่อนจนซวนเซต้องหาที่จับยึด
ส่วนเขาทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืนจ้องมองคนไข้ของพี่สาวด้วยความประหลาดใจ
“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันอีกหึๆ” เขาเอ่ยออกมาในที่สุด
ริมฝีปากหยักดั่งคันศรหยัดยิ้ม แววตาดำสนิทคมกริบจับจ้องมองคนร่างระหงที่ใช้ขอบประตูห้องเป็นที่พักพิง
“คุณพราวเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมยืนอยู่ตรงนี้ไม่เข้าไปล่ะคะ” เสียงพยาบาลสาวดังแทรกมาก่อนที่ใครจะได้พูดอะไร
พราวชมพูหันขวับไปมองคนที่ตรงเข้ามาช่วยประคองเธอด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“หมอป่านไม่อยู่เหรอคะ”
“เอ่อ...ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ดิฉันลืมบอกไปว่าหมอป่านไปดูงานต่างประเทศช่วงนี้หมอเปลวจึงเป็นคนดูแลคนไข้ที่คลินิกแทนค่ะ”
“หมอเปลว” พราวชมพูย้ำแววตาบ่งบอกความประหลาดใจก่อนหันมาทางคนร่างสูงใหญ่มองเขาแววตาเลิ่กลั่กก่อนหันไปเลิกคิ้วถาม
“หมายถึงผู้ชายคนนี้” ไม่ถามเปล่ายังชี้นิ้วไปที่เขาอย่างต้องการย้ำให้แน่ชัด
พยาบาลสาวพยักหน้ารับแล้วยิ้มอ่อน
“ใช่ค่ะ นี่คือคุณหมอเปลวตะวัน น้องชายคุณหมอป่านค่ะ”
พราวชมพูหน้าเหวอ หญิงสาวเข่าแทบทรุด สวรรค์เล่นตลกกับเธอแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ดูท่าทางคนไข้อาการไม่ค่อยดี รีบพาเธอมานอนพักบนเตียงดีกว่าเดี๋ยวหมอจะได้ตรวจ”
หมอเปลวตะวันบอกยิ้มๆเมื่อเห็นสีหน้าแห้งระโหยของเจ้าหล่อน
เขาคิดไม่ถึงว่าควานหาตัวมาร่วมสองเดือนหาเท่าไรก็ไม่เจอ พอสบจะเจอก็ง่ายดายแบบไม่ต้องทำอะไร
“เอ่อ...ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ฉันว่าฉันน่าจะแค่อ่อนเพลียแล้วก็คิดมากไปเอง นี่ก็เลยเวลาคลินิกปิดมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉันกลับก่อนดีกว่า”
พราวชมพูโบกมือว่อนประกอบคำปฏิเสธ แต่พยาบาลสาวเห็นแล้วรีบท้วง
“จะดีเหรอคะคุณพราว คุณดูหน้าซีดเหมือนไม่สบายมากเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันหายแล้ว ดีขึ้นแล้ว ลาล่ะค่ะ” พราวชมพูรีบบอกแล้วชิ่งหนีออกจากห้องมาทันที
แต่เดินมาได้ไม่กี่ก้าว เสียงเข้มกังวานของคนที่พยาบาลเรียกว่าหมอเปลวก็ตะโกนลั่นดังมา
“เดี๋ยวสิคุณ ไหนๆก็มาแล้ว ให้หมอตรวจหน่อยดีกว่านะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันหายแล้ว สบายดีแล้ว”
พราวชมพูตะโกนตอบกลับไปแบบไม่หันหลังไปมองพร้อมกับจ้ำพรวดๆเดินออกจากคลินิกไปทันทีทิ้งให้พยาบาลสาวมองตามหน้าเหวอ
ด้านหมอเปลวตะวันยกยิ้มมุมปากพร้อมกับหลุบสายตามองแฟ้มประวัติคนไข้ในมือพยาบาลสาวอย่างหมายมาด
“นั่นประวัติคนไข้คนนั้นใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ผมขอดูหน่อย”
“เอ่อ...ค่ะ นี่ค่ะ” พยาบาลสาวรีบยื่นส่งให้แล้วยืนรอคำสั่ง
เปลวตะวันรับมาถือไว้แล้วเอ่ยบอก
“ปิดคลินิกได้เลย ส่วนประวัตินี่เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเอามาคืน” เขาบอกแล้วเดินจากไปทันที ทำเอาพยาบาลสาวคนสนิทของหมอปาลิดาเจ้าของคลินิกได้แต่ยืนมองตามตาปริบๆด้วยความงวยงง
“ตายๆ ทำยังไงดี จะทำยังไงดี”
พราวชมพูเดินพล่านทั่วห้องเดินวนไปมาอยู่ร่วมชั่วโมงแล้วคิดเท่าไรก็คิดไม่ตก เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าหนุ่มโฮสต์ตามความเข้าใจของเธอในคืนนั้นจะกลายมาเป็นหมอในวันนี้
เป็นหมอไม่ว่าดันมาเป็นหมอน้องชายหมอที่เธอฝากครรภ์ด้วยสิ อะไรมันจะบังเอิญแบบนี้
ฟ้าสาปส่งเธอด้วยเรื่องอะไรกัน
เพราะความคิดวิปลาสที่เธออยากมีลูกแต่ไม่อยากมี ผอ สระอัว เหรอถึงได้จับเขาโยนเข้ามาในชีวิตแล้วลิขิตขีดเขียนให้เวียนมาพบกันอีกทั้งที่ความน่าจะเป็นมีเพียงแค่หนึ่งในล้าน
“กรรมของเวร เวรของแกแล้วยัยพราว เขาจะทันรู้ไหมว่าแกไปฝากท้องที่นั่น”
พราวชมพูพร่ำรำพันราวคนเสียสติ
เพราะความดูละคร นอนอ่านนิยายมากเกินไป สมองอันวกวนสับสนของเธอก็ดันคิดไปไกลถึงว่าเขาจะมาพรากลูกไปจากอก
“โธ่ๆๆๆ รู้แน่ๆ เขาต้องรู้แน่ๆ ประวัติฝากท้องโชว์หราอยู่ที่นั่น ไอ้วันนั้นก็ดันปากเปราะเล่าให้หมอป่านฟังซ้า...ละเอียดยิบ แกนะแกยัยพราว จะทำยังไงล่ะทีนี้”
พราวชมพูโอดครวญแล้วพยายามหายใจเข้าออกยาวๆลึกๆดึงสติให้กลับคืนรวบรวมความคิดตรึกตรองตามสติปัญญาและเวลาที่มีจำกัด
“หนี! เราต้องหนี อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ไปไหนก็ได้ ไปที่ที่อีตาหมอนั่นตามหาไม่เจอ ใช่ๆ ต้องไปแล้ว ต้องรีบไปแล้ว”
พราวชมพูสรุปจบแล้วรีบเปิดตู้คว้ากระเป๋าเดินทางมาจับเสื้อผ้ายัดใส่แบบลวกๆ
ความคิดตอนนี้มีคำเดียวคือรีบหนีไปให้ไกลที่สุดก่อนที่อะไรๆจะสายเกินไปแล้วเธออาจต้องสูญเสียแก้วตาดวงใจไปให้คนอื่นแบบทำอะไรไม่ได้
ใช่! เขาเป็นถึงหมอ ย่อมฉลาดและรู้ดีว่าลูกในท้องเธอเกิดจากใคร
ใช่! วันนั้นเขาอาจไม่ประสงค์ วันนี้เขาอาจไม่ใส่ใจ แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตอันใกล้เขาจะไม่กลับลำมาเรียกร้องพรากลูกไปจากอกเธอ
ทางเดียวที่จะปกป้องดวงใจตัวเองไว้ได้คือ หนีหายไปจากที่นี่เสีย ไปให้ไกลแสนไกล ไปอยู่ที่ไหนสักที่ที่ไม่มีใครรู้จัก เงินเก็บเธอมากพอที่จะหล่อเลี้ยงลูกน้อยจนเติบใหญ่ได้แบบไร้กังวล
“ขอโทษนะเบบี๋ มามี้ต้องพาหนูไปอยู่ที่อื่นแล้วแหละ ถ้ามีโอกาสเราอาจได้กลับมาอยู่บ้านของเราหลังนี้นะ”พราวชมพูลูบท้องเบาๆทะนุถนอมแล้วลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องตรงไปยังโถงใหญ่กลางบ้านที่ด้านข้างเชื่อมต่อกับโรงจอดรถ แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ยกสัมภาระขึ้นรถ หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง“จะรีบไปไหนเหรอครับคุณพราวชมพู”“โธ่! คุณหมอนั่นเองนึกว่าใคร ทำเอาตกใจหมด ฮ่าๆๆ แหม...ตามมาดูคนไข้ถึงบ้านเลยนะคะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่เป็นอะไรคุณหมอไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”พราวชมพูหัวเราะแก้เก้อพยายามทำใสซื่อตีหน้ามึนเหมือนคนไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งต่อกันเปลวตะวันเห็นแล้วหมั่นไส้ยิ่งนัก คอยดูเถอะเขาจะสั่งสอนเจ้าหล่อนให้หลาบจำที่บังอาจลบเหลี่ยมคนอย่างเขา หน้าตาก็สวยดูฉลาดแต่ไม่น่าตาถั่วมาว่าเขามั่วๆว่าเป็นผู้ชายขายกล้วย“คุณเป็นคนไข้ของพี่ป่าน ผมเป็นหมอรับผิดชอบดูแลต่อก็ต้องมาดูให้แน่ใจว่าคนไข้สบายดี เห็นพยาบาลบอกว่า...คุณกังวลเรื่อง...”“ไม่ค่ะ ไม่กังวลเลย ไม่แล้ว ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ฉันสบายดีจริงๆนะคะ” พราวชมพูรีบแทรกขัดเสียงหลง เธอไม่ประสงค์ได้ยินได้ฟังอะไรทั้งนั้น และตอนนี้เธอต้องหาทางหนีจากเขาให้ได้ เธ
“ลงไปได้แล้ว อย่าตุกติกล่ะ ฉันบอกได้เลยว่าไม่ปล่อยเธอง่ายๆแน่” เปลวตะวันบอกหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านสองชั้นเล็กๆหลังหนึ่งพราวชมพูมองลอดกระจกรถออกไปสำรวจดูด้านนอกอย่างระแวดระวัง ดูจากความมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสลัวหน้าบ้านดวงเดียวแล้วเธอก็พอจะประเมินได้ว่าที่นี่มีเพียงเขาและเธอสองคนเท่านั้น“ลงมาสิ ฉันไม่บ้าขนาดพาเธอมาฆ่าที่นี่หรอกน่ะ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มดุ แววตาบ่งบอกความหงุดหงิดเมื่อเจ้าหล่อนไม่ยอมลงจากรถจนเขาต้องเดินอ้อมมาเปิดประตูเชื้อเชิญ“ต้องให้เอาพรมแดงมาปูด้วยไหมถึงจะลงมาได้น่ะฮะ”“พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องขู่ตะคอกกันเลย” พราวชมพูบ่นแล้วก้าวลงจากรถอย่างไม่พอใจ สีหน้าแววตาเธอหงุดหงิดไม่แพ้กัน“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย จะยิ้มหวานๆยั่วๆเหมือนไอ้วันที่เชื้อเชิญฉันขึ้นเตียงก็ได้ฉันไม่ว่า”“ลองมาเป็นฉันสิ คุณจะรู้ว่ามันน่ายิ้มหรือน่าหงุดหงิด เอ๊ะ!” ปลายเสียงอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็กระชากแขนเธอแล้วบีบแรงๆจนร้าวระบมไปหมด“นี่คุณคำว่าอ่อนโยนกับสุภาพสตรีน่ะสะกดเป็นไหม”“ไม่! แต่ถ้าเธอจะถามว่าฉันจับกดแล้วดันเป็นไหมฉันบอกเลยว่าคล่อง”“อี๋!! ไอ้หมอบ้า ไอ้คนลามก”“คนบ้า คนลามกก็เคย
“ฉันถามจริงๆเถอะ คุณโกรธแค้นอะไรนักหนา ฉันไม่เห็นว่าฉันไปทำร้ายคุณตอนไหน”“เงินห้าหมื่นกับความคิดมั่วๆหาว่าฉันมันผู้ชายขายกล้วย เธอคิดว่าฉันควรยิ้มระรื่นดีใจสินะ” เขาถามและจ้องเขม็งพราวชมพูกลืนน้ำลายอึกใหญ่เธอพอจะเข้าใจเขาอยู่หรอก แต่ว่านั่นก็ผ่านมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วเขาจะมาแค้นจริงแค้นจังอะไรมากมายขนาดนั้น“ฉันบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่รับคำขอโทษด้วยวาจา แต่ฉันจะพิจารณายกโทษก็ต่อเมื่อฉันชำระความตามความพึงพอใจของฉันแล้วเท่านั้น” เปลวตะวันดักคอก่อนที่พราวชมพูจะทันได้เอ่ยคำนั้นออกไปหญิงสาวได้ฟังแล้วก็ปิดปากสนิท เธอจินตนาการไม่ออกสักนิดว่าเขาจะชำระความกับเธอแบบไหนกันแน่“ลุกขึ้น แล้วตามมา”เขาสั่งหลังจากยืดกายตรงและขยับถอยห่างออกไปยืนจังก้าเท้าสะเอวมองเธอนิ่งพราวชมพูช้อนสายตาขึ้นมองเห็นดวงตาดำวาววับแฝงด้วยความขุ่นเคืองเต็มพิกัดก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนตามคำสั่งเปลวตะวันเห็นท่าอีกฝ่ายจำยอมทำตามอย่างเสียมิได้ก็ยิ่งขู่ฟ่อๆต่อไป“เดินไปสิยืนทำเบื้ออะไรอยู่ หรือจะให้ฉันชำระความเสียตรงนี้”พราวชมพูเบิกตากว้างจ้องเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เห็นเปลวตะวันทำท่าจะคุกคาม สองเท้าเล็กๆจึงรีบก้าวฉ
กลางดึกในคืนเดือนดับอากาศภายในห้องนอนสีเทาเข้มนั้นเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศเปี่ยมคุณภาพ แต่เจ้าของเรือนกายกำยำกลับร้อนระอุราวกำลังอยู่ในเตาอบร่างหนาพลิกซ้ายป่ายขวากระสับกระส่ายเพราะไม่อาจข่มตาหลับลงได้ในหัวของเขามีแต่ภาพวันเก่าในคืนเร่าร้อนผุดพรายฉากแล้วฉากเล่าแจ่มชัด“เร็วอีก เร็วอีก โอว...เอาอีก แรงอีก” เสียงเจ้าหล่อนเร่งเร้ากังวานก้องอยู่ในหัวเขาเปลวตะวันพยายามสลัดเท่าไรก็ไม่สลัดไม่หลุด ยิ่งพยายามสะกดกั้นปัดป้อง เสียงนั้นก็เหมือนยิ่งดังกึกก้องกังวาน“อ๊า...อ...อา คุณนี่เอวดุเป็นบ้า” นั่นคือถ้อยคำที่หลุดลอดออกมาจากปากคนได้ชื่อว่าเพิ่งถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์เป็นครั้งแรกฟังแล้วเขาก็ฉุนจัด เจ้าหล่อนช่างก๋ากั่นนัก เขาไม่อยากนึกคิดว่าหากคืนนี้คนที่อยู่บนเตียงกับเจ้าหล่อนไม่ใช่เขา เจ้าหล่อนจะครางระงมออดอ้อนเร่าร้อนมากขนาดนี้หรือไม่!บัดซบ! คิดถึงตรงนี้ทีไร ความหึงหวงก็แล่นปราดขึ้นเล่นงานเขา ทุกครั้งไป เขาไม่อยากเดาให้ขุ่นเคืองใจเลยว่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมาพอสะบัดก้นจากเขาแล้วเจ้าหล่อนไล่ล่าลากผู้ชายขึ้นเตียงมาแล้วกี่คน“โอว...คุณนี่งานดีสุดๆ ฉันไม่เสียใจเลยที่ยอมเสียสาวให้คุณ”เจ้าห
“ไหนด่าว่าฉันไวไฟยิ่งกว่ากระหรี่ไม่กลัวติดโรคจากฉันรึไง” พราวชมพูพยายามงัดข้อใช่! เธอกำลังงัดข้อ ทั้งกับตัวเองและกับเขา เธอกำลังต่อสู้กับแรงกำหนัดที่พุ่งพล่าน เธอจะยอมให้เขาใช้เรือนร่างของเธอปรนเปรอความใคร่ง่ายๆไม่ได้ค่ำคืนนั้นจะเป็นเพียงแค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้น มันคือค่ำคืนที่เธอเลือก แต่หลังจากนั้นเธอจะไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม“สมุดฝากครรภ์บ่งบอกว่าเธอปลอดภัย เธอเองก็สบายใจได้ฉันสะอาดพอไม่ต้องกลัวจะมีโรคส่งให้เธอ”“แล้วไม่รังเกียจเหรอที่ฉันแรดร่านอ่อยใครต่อใครให้ลากขึ้นเตียงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้น่ะ”“หึๆ อีกเดี๋ยวก็รู้ว่าความแรดร่านของเธอหยุดแค่คืนนั้นหรือว่าเที่ยวไปดันกับใครต่อใครไม่ซ้ำหน้าอย่างที่ว่า”เปลวตะวันว่าแล้วก็ดึงรั้งเสื้อผ้าออกจากร่างอ้อนแอ้นอย่างรวดเร็ว เธอคงคิดว่าสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดจะรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้เสื้อยืดกางเกงวอร์มแค่นี้ไม่คณามือเขาหรอก“อย่า!! ฉันไม่ชอบแบบนี้”พราวชมพูท้วงเสียงสั่นเมื่อไม่อาจทัดทานแรงเขาได้ แต่เปลวตะวันไม่ได้สนใจเสียงห้ามเขายังคงโลมลูบจูบคลอเคล้าปลุกปั่นกระตุ้นแรงกำหนัดในกายเธอให้โหมทวี“บิดพล่านขนาดนี้อย่าฝืนต้านหน่อยเล
'หมอขา...พราวไม่ไหวแล้ว เร็วอีก แรงอีก'"บัดซบ! เธอจะตามหลอกตามหลอนให้คลั่งตายเลยรึไงแม่ตัวดี" เขาสบถเพราะยิ่งพยายามปัดภาพเหตุการณ์ในฝันเสมือนจริงออกไปเท่าไรก็เหมือนยิ่งพุ่งจู่โจมเข้าตอกย้ำความอับอายให้เขามากหลายเท่าตัว เขาฝันไปได้ยังไง ไม่อยากเชื่อว่ารสสวาทอันเร่าร้อนนั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันใช่! มันแค่ความฝัน เขารู้จักร่างกายตัวเองดี หากผ่านศึกฮึกเหิมมาราธอนขนาดนั้นมีหรือจะไม่ทิ้งร่องรอยของความปวดปร่าเหนื่อยล้า แต่เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงไง เจ้างูยักษ์ของเขาถึงได้นอนสงบแบบไม่ระคายเคืองใดๆสักนิด“เธอต้องชดใช้ให้ฉันแน่พราวชมพู ทั้งเรื่องว่าฉันเป็นผู้ชายขายกล้วย ทั้งเรื่องทำให้ฉันสติฟั่นเฟืองถึงขั้นฝันเป็นวรรคเป็นเวรนั่น”ขณะที่เปลวตะวันคาดโทษ อีกฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็กำลังหยัดกายลุกขึ้นเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่างกายเช่นกัน เธอจะขอบคุณเขาดีหรือเปล่าที่ใจดีหอบเอากระเป๋าเสื้อผ้าเธอมาด้วยและยังยกขึ้นมาโยนให้ถึงในห้อง เธอจึงไม่ต้องทนสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวให้เหนียวเหนอะกายขอบคุณทำไมเล่า ต้องด่าล่ะไม่ว่า เธออยู่ของเธอดีๆแต่เขาดันไปตามรังควาญแล้วลากเธอมากักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้แบบนี้ หล
“โอ๊ย...หมอเปลว ฉันเจ็บนะ”“เดี๋ยวก็หายเจ็บน่า” เขาตอบเสียงแหบห้าวสั่นพร่า เรือนร่างกำยำของเขาก็สั่นเทาไม่แพ้กันพราวชมพูจิกปลายเล็บลงบนต้นแขนแกร่งทั้งสองข้างแล้วขบเรียวฟันสวยลงบนบ่ากว้างยามเกร็งร่างรับการสอดแทรกแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น“ไม่เจอกันตั้งนานยังฟิตแน่นเหมือนเดิมเลยนะ” เขาว่าแล้วค่อยๆบังคับสะโพกสอบเป็นจังหวะเนิบนาบนำพากระบอกฉีดยาบ้องใหญ่คู่ใจเคลื่อนเข้าเคลื่อนออกทำความคุ้นเคยกับความนุ่มหยุ่นคับแน่นนั้นถึงตอนนี้พราวชมพูเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดรัดต้นคอแกร่งแล้วแหงนดวงหน้าสวยพร้อมกับเปล่งเสียงครวญกระเส่าแผ่วเบาด้วยความซ่านสยิวเปลวตะวันเองก็เปล่งเสียงครางกระหึ่มอย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะเช่นกัน อารมณ์กระสันเสียวที่ขมวดม้วนเป็นเกลียวคลื่นถาโถมสาดซัดอัดแน่นในกายแกร่งของเขาคืนแล้วคืนเล่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมากำลังจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระดิ๊งด่อง....ดิ๊งด่อง...เปลวตะวันชะงักกึกเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านดังก้องบ่งบอกว่ามีคนมาหาเขา คนกำลังด่ำดิ่งสู่ห้วงกามาวาดหวังจะนำพาเจ้าหล่อนทะยานไปเริงระบำบนวิมานชั้นฟ้าด้วยกันถึงกับหัวเสียดิ๊งด่อง...ดิ๊งด่อง...พราวชมพูผ่อนลมหายใจพรู เธอไม่รู้ว่าควรดีใจ
“นี่เปลวเปลี่ยนรสนิยมพาผู้หญิงมานอนที่บ้านแล้วเหรอ”เปลวตะวันเลิกคิ้วมองคนถามอย่างแปลกใจ ปกติเกวลินมักจะบ่นเขาไปตามประสาแต่ไม่เคยแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจนแบบนี้ และยังไม่ทันที่เขาจะทันได้ตอบอะไร เจ้าของเสียงหวานที่ทักดังมาก็เดินฉับๆเข้ามานั่งเบียดแนบสนิทพร้อมกับคล้องสองแขนเข้าที่ต้นคอแกร่งแล้วจู่โจมหอมแก้มสากของเขาฟอดใหญ่“ที่รักน่ะ ปล่อยให้พราวรอ...ร้อ...รอ...นานมากไปแล้วนะคะ ไหนบอกจะลงมาดูแค่แป๊บเดียวไง”“นี่เธอทำอะไรของเธอฮึ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มแล้วทำตาดุใส่ แต่พราวชมพูกับยิ้มหน้าระรื่น“ต๊าย! ดุจัง อย่าดุนักสิคะ พราวนึกว่าที่รักจะดุแค่บนเตียงเสียอีกฮิๆๆ”“อะแฮ่ม!!” เกวลินทนไม่ไหวถึงกับต้องกระแอมไอเจอผู้หญิงของเปลวตะวันมาก็มากแต่ไม่เคยมีคนไหนระริกระรี้ต่อหน้าต่อตาเธอแบบนี้อาการออดอ้อนออเซาะเกาะกอดเปลวตะวันแนบแน่นจนแทบจะสิงร่างนั้นก็ทำเอาความหึงหวงพุ่งปรี๊ดจนเกินขีดจำกัดเธออยากลุกขึ้นไปกระชากร่างอ้อนแอ้นออกมาตบเสียให้สมกับความชัง แต่ก็ต้องซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้จนลึกสุดหัวใจแล้วคลี่ยิ้มสวยเอ่ยเสียงอ่อนหวานสวมบทบาทหญิงสาวผู้แสนอ่อนโยน“ฉันว่าคุณควรจะออกไปนั่งรอในที่ของคุณนะค
เปลวตะวันนิ่งงันไปอึดใจเมื่อพบว่าคนที่มาคือเกวลินไม่ใช่พี่สาวของเขาตามที่เข้าใจพอเห็นแขกสาวแล้วเจ้าของบ้านก็รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก เขาลอบมองขึ้นไปชั้นบนของบ้านอย่างนึกกังวลถึงความรู้สึกของพราวชมพู รายนั้นหากรู้ว่าใครมาเยือนกลางดึกเช่นนี้คงฟาดงวงฟาดงาอีกแน่“เกลมารบกวนเวลาพักผ่อนของเปลวหรือเปล่าดูเปลวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับเกลสักเท่าไร”“มาเสียค่ำเชียวมีเรื่องด่วนเหรอ ความจริงโทรมาก็ได้นะ”เกวลินนิ่วหน้าเล็กน้อยรู้สึกตะหงิดๆในคำพูดของคนได้ชื่อว่าเพื่อน ปกติเขาไม่เคยพูดเหมือนไม่อยากต้อนรับเธอแบบนี้“ความจริงก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรหรอก ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะเอาของบำรุงมาฝากคนท้องน่ะ”เกวลินว่าแล้วก็หันไปหยิบกระเช้าในรถมาส่งให้ แล้วก็แปลกอีกเช่นกันที่เปลวตะวันเพียงแค่รับไปแล้วขอบคุณเธอไม่มีคำเอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเข้าไปในบ้าน“เกลขอเข้าไปนั่งพักสักครู่ได้ไหมวันนี้ขับรถไปมาหลายที่เมื่อยขาพอตัวเลย”เปลวตะวันแค่ยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าเกวลินอย่างใช้ความคิดและก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรเสียงเจื้อยแจ้วของพราวชมพูก็ดังมาจากประตูบ้าน
ใช่! พราวชมพูพูดถูกแล้วเขาโกรธเธอ โกรธมากแต่นั่นแหละ! พอเธอออดอ้อนเว้าวอนอย่างสำนึกผิดเขาก็ใจอ่อนเขาพอจะเข้าใจความแปรปรวนทางอารมณ์ แต่ที่เขานิ่งเงียบก็เพราะอยากดัดนิสัยสักหน่อยไม่อยากให้ได้ใจทำอะไรแผลงๆไม่คิดแบบวันนี้อีกด้านพราวชมพูตอนนี้เธอเริ่มจะงอนเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะว่าเขานิ่งเงียบหน้าตึงจนเธอทำตัวไม่ถูกง้อก็แล้วขอโทษก็แล้วอ้อนก็แล้วเปลวตะวันยังตีหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เอาเถอะ! เล่นตัวนักเธอก็จะไม่ง้อแล้ว คอยดูก็แล้วกันเธอจะเชิดใส่เสียให้เข็ดคิดแล้วก็เอาแต่นั่งคอแข็งมองออกไปนอกกระจกด้านข้างไม่ชวนเขาพูดคุยอีกพอถึงบ้านรถจอดสนิท เจ้าหล่อนก็เปิดประตูรถแล้วเข้าบ้านไปทันทีไม่สนใจเขาจริงๆเปลวตะวันส่ายหน้า ดูทำเข้า! สรุปกลายเป็นว่าเขาต้องเป็นฝ่ายง้อเธอใช่ไหม?“เอ๊ะ! หลีกไปนะคะ หมอจะมาขวางพราวทำไม” พราวชมพูแหวใส่เมื่อเปลวตะวันก้าวตามมาติดๆแล้วตรงเข้าขวางเธอไว้ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าห้องนอนแล้วเขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด ความไม่ทันตั้งตัวทำเอาถูกเขาคว้าตัวไปกอดแล้วบดจูบหนักหน่วงดุดัน
วันนี้เป็นวันแรกที่เปลวตะวันยอมปล่อยให้พราวชมพูออกนอกบ้านได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีนิศาชลไปด้วยแม้ว่าพราวชมพูจะรู้สึกอึดอัดที่เขาทำเหมือนกับว่าส่งคนคอยควบคุมดูแลเธอตลอดเวลาแต่ก็พอทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาได้ว่าที่ทำไปก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอและลูกดังนั้นเธอจึงกลับไปบ้านของตัวเอง ไปดูความเรียบร้อยและเอา ของใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วก็ชวนนิศาชลไปหาอะไรกินและช้อปปิ้งก่อนจบลงที่ไปหาเปลวตะวันที่คลินิกเพราะวันนี้เขาไปออกตรวจที่นั่นแทนพี่สาว“คุณนิกลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพราวรอกลับพร้อมหมอเปลวได้”“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิกลับเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมตามใจพราว ไปโน่นนี่กับพราวทั้งวันเลย”“ยินดีค่ะ อีกอย่างหมอเปลวก็จ้างนิมาดูแลคุณพราว ถ้านิทำหน้าที่บกพร่องล่ะก็หมอเปลวต้องดุนิแน่ๆ”“พราวอยู่ทั้งคน คุณนิไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ”“คุณพราวพูดแบบนี้พรุ่งนี้อยากทำอะไรอยากไปไหนบอกเลยค่ะเดี๋ยวนิจัดให้เต็มที่”นิศาชลบอกแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะประสานเสียงร่าเริงอย่าง คนรู้ใจกันพราวชมพูเห
“ฉันยอมลงให้ทุกอย่าง เธออยากได้อะไร ไม่ชอบสิ่งไหน ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำให้หมดแล้ว วันนี้เธอจะตามใจฉันบ้างไม่ได้เหรอ”“ทำไมต้องวันนี้ ตอนนี้ล่ะคะ ปกติหมอก็ไม่ได้หิวจัดขนาดจะขาดใจถ้าไม่ได้กินนี่คะ ถ้าวันนี้พราวไม่พร้อม หมอจะรอต่ออีกไม่ได้เลยเหรอ”“เอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะพราวชมพู”“หมอต่างหากที่กำลังเอาเปรียบพราว หมอเก็บกดเรื่องอะไรมาถึงได้จะมาลงที่พราว เห็นพราวเป็นที่ระบายอารมณ์หรือไงคะ”“พราวชมพู” เปลวตะวันครางชื่อนั้นแผ่วเบาคำพูดง่ายๆแต่กระแทกใจเต็มๆทำเอาเขาหมดอารมณ์ สองมือแกร่งร่วงหล่นลงข้างกายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ“พักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”“เดี๋ยวค่ะ” พราวชมพูเป็นฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้แล้วจู่ๆเธอก็ทำในสิ่งที่เปลวตะวันไม่คาดคิด เธอดึงเขาเข้าไปกอดแล้วก็เขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรของเขาหนักๆ“พราวรู้ว่าพราวเอาเปรียบหมอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกีดกันไม่ให้หมอออกไปหากินนอกบ้าน ทั้งเรื่องให้หมอนอนห้องรับแขกไม่ยอมให้นอนห้องเดียวกับพราว แต่พราวก็อยากหมอเข้าใจ ระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก มันยากนะคะที่จะอยู่ด
“จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน มีแค่ตัวกับดุ้นไม่ได้นะคุณ”เปลวตะวันสะอึก เขาแทบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดห่ามๆของพราวชมพู ดูเอาเถอะ! ผู้หญิงอะไรก๋ากั่นสิ้นดี พูดจาแต่ละทีทำเอาเขาใบ้กินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกไว้ก่อนเลยนะฉันหน้าเงิน ถ้าเงินไม่หนาพอก็เชิญป้ายหน้า”“ห้าล้านพอไหม หรือจะเอาสิบล้าน ร้อยล้าน เอาเท่าไรดีถึงจะเป็นพ่อของลูกเธอได้”คราวนี้พราวชมพูปากสั่น รู้หรอกว่ารวย เธอแค่กระแซะนิดกระแซะหน่อยอีตาหมอหื่นนี่ก็ดันเอาเงินมาฟาดไม่ไว้หน้าซะงั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสิมา! เป็นไงก็เป็นกันมาถึงขั้นนี้อยากยืดอกแสดงตัวรับผิดชอบนัก เธอก็จะจัดให้สมใจ อย่าคิดนะว่าคนอย่างพราวชมพูไม่กล้ารับ“แน่จริงก็เอาห้าร้อยล้านมากองตรงหน้าสิ อย่าดีแต่พูดนะคะ ใครรู้เข้าจะว่าเอาได้ว่าหมอเปลวเก่งแต่ปาก”“งกขนานแท้ หึๆ งกแบบนี้รับรองว่าลูกได้ความงกจากแม่มาพันเปอร์เซ็นต์”“คุณเป็นคนเสนอเอง ฉันก็แค่สนองให้ก็แค่นั้นเองค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับไปแล้วก็ช่วยสนองเรื่องบนเตียงให้คุ้มกับค่าตัวหน่อยก็แล้วกัน”พราวชมพูอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับคำพูดของเขา เธอมัวแต่คิดเอาชนะจนลื
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ
“สวัสดีครับพี่ป่าน”เขาเปิดกล้องรับสายจากปลายทาง เห็นหน้าพี่สาวลอยเด่นมาสีหน้าดูเครียดขึงก็รู้ทันทีว่าโทรมากลางดึกด้วยเรื่องอะไร“เรื่องที่เขาลือกันเป็นความจริงสินะ”ปาลิดาเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าน้องชายสุดที่รักอยู่ที่ไหนเปลวตะวันชำเลืองมองคนบนเตียงแวบหนึ่งก่อนลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปคุยกับคนเป็นพี่ด้านนอก“ผมนึกว่าพี่จะโทรมาเร็วกว่านี้เสียอีกข่าวไปถึงช้าจังนะครับ”“ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลยนะเปลว พี่รู้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่เพราะมีสัมมนาทั้งวันหรอกนะถึงได้เพิ่งโทรหา”ใช่! เธอรู้ข่าวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะต้องเข้าสัมมนาเช้ากว่าปกติเธอถึงต้องรอให้จบวันก่อนถึงโทรหาน้องชายตัวดี และเพราะเวลาที่นี่ต่างจากประเทศไทยถึงหกชั่วโมงจึงต้องรีบโทรมาก่อนที่เปลวตะวันจะเข้านอน“ตกลงเปลวไปพลาดท่าทำผู้หญิงที่ไหนท้องมาฮึ ไหนว่าเก่งนักหนาแล้วทำไมพลาดขึ้นมาได้”“ผมว่าพี่ป่านกลับมาแล้วค่อยคุยกันดีกว่าไหมครับ”“แต่พี่ร้อนใจ มันเรื่องใหญ่มากนะเปลว”“ผมไม่เห็นว่ามันจะเรื่องใหญ่โตอะไร พี่ป่านทำใจให้สบายเถอะครับ”“จะให้สบายใจได้ยังไงในเมื่อเกลบอกว่าเปลวจะรับเด็กคนนั้นเป็นลูกและรับผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียโดยไม่
“เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากพราวชมพู แปลกประหลาดจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอสติไม่ค่อยดีหรือเปล่า” เปลวตะวันพูดกับเธอทั้งที่เธอยังหลับอยู่อย่างนั้นแล้วจู่ๆเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงโต้ตอบกลับมา“ถ้าฉันเสียสติคุณก็เป็นบ้านั่นแหละที่มาวอแวกับคนสติไม่ดีอย่างฉัน”“ตกลงแกล้งหลับสินะ” เขาว่าแล้วบีบจมูกเธอเบาๆพราวชมพูปัดมือเขาทันทีแล้วท้วงเสียงอู้อี้“คุณนี่โรคจิตดีๆนี่เอง คนไข้จะพักผ่อนก็มาก่อกวนอยู่นั่นแหละ”“แล้วทำไมต้องแกล้งหลับ หรือว่าคิดจะแอบฟังว่าฉันกับนิคุยอะไรกัน”“ทำไมต้องแอบฟังคะ คุยกันเสียงดังขนาดนั้น ใครหลับอยู่ก็ต้องตื่นทั้งนั้นแหละ”“ตื่นก็ดีแล้ว ไหนบอกมาซิว่าเวียนหัวดีขึ้นไหม อาเจียนน้อยลงหรือเปล่า”“คุณนิรายงานหมดแล้วจะมาถามทำไมคะ”“ถามเพราะห่วง ถามไม่ได้เหรอ”พราวชมพูกระพริบตาปริบๆ สบตาเขาแล้วหัวใจก็เต้นรัวจนถี่ยิบไม่นะ! มันคือกับดัก อย่าได้หวั่นไหวเชียวอีตาหมอหื่นนี่ไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงจังหรอก มีแต่อยากจะแก้แค้นเธอด้วยเรื่องบ้าบอนั่นล่ะไม่ว่า“ฉันว่าคุณน่าจะพักผ่อนน้อยหรือไม่ก็อาหารเป็นพิษ สติเลยดูท่าจะเลอะเลือนถึงได้พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานเช้าเธอคงกิน
“เปลว บ่ายนี้มีออกตรวจหรือเปล่า เกลมีเรื่องอยากคุยด้วย”เกวลินรีบบอกทันทีที่เจอหน้าเปลวตะวันตรงหน้าลิฟต์เฉพาะผู้บริหารและแพทย์ เปลวตะวันที่กำลังจะขึ้นไปดูอาการพราวชมพูหยุดคิดอึดใจก่อนตอบ“บ่ายนี้ไม่มีออกตรวจแล้วแต่มีผ่าตัดสองเคสเกลมีอะไรด่วนไหม รอหลังเราผ่าตัดเสร็จได้หรือเปล่า”“เคสแรกกี่โมงเหรอ”“ก็อีกประมาณชั่วโมงนะ”“ถ้าอย่างนั้นคุยตอนนี้เลยได้ไหม เกลร้อนใจ”เปลวตะวันนิ่งคิด หมอหนุ่มเผลอตวัดสายตามองลิฟต์แวบหนึ่งก่อนหันมาตอบ“ได้สิ คุยที่ไหนดี ร้านกาแฟไหม”“อื้อ!”เกวลินรีบพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณให้เปลวตะวันออกเดินนำไปก่อน หมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆยามสลัดความคิดเกี่ยวกับพราวชมพูออกไป เขาไม่ไปดูอาการเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ความร้อนอกร้อนใจของเกวลินสำคัญกว่า หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงคงไม่เร่งเร้าเขาแบบนี้“เกลมีอะไรว่ามาได้เลย” เปลวตะวันเปิดฉากทันทีที่เข้ามาในร้านกาแฟและนั่งลงตรงมุมสงบเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่านคนถูกถามเม้มปากอย่างใช้ความคิดแล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เกลได้ยินเขาเม้าท์กันไปทั้งโรงพยาบาลเรื่องเปลวกับผู้หญิงคนนั้น”เปลวตะวันเลิกคิ้วสูงแล้วไหวไหล่นิด