“ฉันถามจริงๆเถอะ คุณโกรธแค้นอะไรนักหนา ฉันไม่เห็นว่าฉันไปทำร้ายคุณตอนไหน”
“เงินห้าหมื่นกับความคิดมั่วๆหาว่าฉันมันผู้ชายขายกล้วย เธอคิดว่าฉันควรยิ้มระรื่นดีใจสินะ” เขาถามและจ้องเขม็ง
พราวชมพูกลืนน้ำลายอึกใหญ่
เธอพอจะเข้าใจเขาอยู่หรอก แต่ว่านั่นก็ผ่านมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วเขาจะมาแค้นจริงแค้นจังอะไรมากมายขนาดนั้น
“ฉันบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่รับคำขอโทษด้วยวาจา แต่ฉันจะพิจารณายกโทษก็ต่อเมื่อฉันชำระความตามความพึงพอใจของฉันแล้วเท่านั้น”
เปลวตะวันดักคอก่อนที่พราวชมพูจะทันได้เอ่ยคำนั้นออกไป
หญิงสาวได้ฟังแล้วก็ปิดปากสนิท เธอจินตนาการไม่ออกสักนิดว่าเขาจะชำระความกับเธอแบบไหนกันแน่
“ลุกขึ้น แล้วตามมา”
เขาสั่งหลังจากยืดกายตรงและขยับถอยห่างออกไปยืนจังก้าเท้าสะเอวมองเธอนิ่ง
พราวชมพูช้อนสายตาขึ้นมองเห็นดวงตาดำวาววับแฝงด้วยความขุ่นเคืองเต็มพิกัดก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนตามคำสั่ง
เปลวตะวันเห็นท่าอีกฝ่ายจำยอมทำตามอย่างเสียมิได้ก็ยิ่งขู่ฟ่อๆต่อไป
“เดินไปสิยืนทำเบื้ออะไรอยู่ หรือจะให้ฉันชำระความเสียตรงนี้”
พราวชมพูเบิกตากว้างจ้องเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เห็นเปลวตะวันทำท่าจะคุกคาม สองเท้าเล็กๆจึงรีบก้าวฉับๆเดินนำไปอย่างรู้งาน
เปลวตะวันยกยิ้มมุมปากอย่างสมใจ ตอนนี้พราวชมพูก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ เขาจะบีบ จะขยำ จะลูบคลำอย่างไรก็สุดแท้แต่ใจเขาต้องการ ถึงแม้อีกใจจะนึกสงสารคนตั้งครรภ์อ่อนๆต้องมาเผชิญอะไรเครียดๆ แต่เขาก็ปัดความรู้สึกนึกคิดนั้นออกไป
ใช่! ในท้องเจ้าหล่อนมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา คิดถึงตรงนี้หัวใจแกร่งก็วูบไหวแปลกประหลาด คนไม่เคยเป็นพ่อและไม่เคยคิดจะเป็นกลับรู้สึกหัวใจมันฟูๆเบาๆอย่างไรชอบกล
ไม่ได้! เขาจะใจอ่อนกับเจ้าหล่อนเพราะก้อนเลือดก้อนนั้นที่อยู่ในท้องเธอไม่ได้ พราวชมพูต้องได้รับบทเรียนกับความก๋ากั่นและความคิดหยามหมิ่นเขาวันนั้น
“เข้าไป” เขาสั่งเมื่อเดินนำเธอมาถึงประตูห้องห้องหนึ่งที่ชั้นบนของตัวบ้าน
พราวชมพูจิกปลายเท้าลงพื้นเกร็งจนขาแข็ง ถึงจะเคยสวีวี่วีกับเขาไปถึงไหนต่อไหน แต่ไม่ได้หมายว่าเธอจะขึ้นเตียงกับเขาได้อีกง่ายๆ
“เข้าไปสิ หรือว่าสะดวกตรงหน้าประตูนี่” เขาว่าแล้วสอดมือเข้าคว้าเอวคอดของเธอรั้งร่างอ้อนแอ้นไปสวมกอด
พราวชมพูรู้สติรีบท้วงลั่นบ้านทันที
“อย่ามาหื่นใส่ฉันแบบนี้นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ มากกว่านี้ฉันก็ทำได้”
“ว้าย!”
พราวชมพูหวีดลั่นเมื่อจู่ๆเขาก็หมุนร่างเธอแล้วจับตรึงเข้ากับประตูห้อง และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัวเขาก็ถลกชายกระโปรงของเธอขึ้นสอดฝ่ามือร้อนๆเข้าในขอบบิกินีตัวจ้อย
“ไม่นะ! อย่า!!” พราวชมพูหวีดลั่นอีกครั้ง เธอต่อต้านสุดฤทธิ์ สองมือปัดป้องทั้งจิกข่วนคนคุกคามพัลวัน
“โอ๊ย! หยุด! บอกให้หยุดไง!” เขาตวาดพร้อมคว้าสองมือสองแขนของเจ้าหล่อนรวบไว้ด้วยกันปกป้องตัวเอง
“ฉันเจ็บนะ” พราวชมพูแหวใส่เมื่อถูกบีบข้อมือจนแน่นจนแทบแหลกลาญคามือเขา
เปลวตะวันแค่นหัวเราะพร้อมเยาะหยัน
“เจ็บแค่นี้ไม่ตายหรอกน่ะ ดีเท่าไรแล้วที่ฉันไม่พลั้งมือตบคืน”
พราวชมพูตาโตกับถ้อยคำเถื่อนดิบของเขา หญิงสาวเบะปากแล้วด่าสาด
“ถ้าตบผู้หญิงได้ก็เลวเกินกลืนแล้วคุณน่ะ”
“อย่าท้า คนอย่างฉันไม่พูดแต่ปาก เพราะถ้าหมดความอดทนเมื่อไร ฉันอาจพลั้งมือตบเข้าจริงๆ บางทีผู้หญิงแรดร่านอย่างเธออาจต้องโดนตบเสียบ้างจะได้สติขึ้นมาบ้าง”
“ถ้าฉันจะแรดร่าน ฉันก็จะไปแรดร่านกับคนอื่นไม่ใช่คุณ”
“เหรอ...แล้วทำไมคืนนั้นถึงมาดิ้นเร่าๆอ่อยแล้วอ่อยอีกจนฉันต้องสนองให้หายคันล่ะฮึ”
“คุณ”
“ทำไม! อยากด่าเหรอ เอาสิจะได้ทบต้นทบดอกเสียทีเดียว”
พราวชมพูกัดฟันแน่น สองมือก็กำหมัดแน่น ดวงตาคู่สีน้ำตาลอ่อนที่ยามปกติหวานหยดยามนี้เรืองรองราวมีเปลวไฟร้อนแรงอยู่ในนั้น
ใช่! เธอกำลังโกรธ โกรธเขาจนสั่นไปทั้งตัว หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเร็วและรุนแรง
ยิ่งยามเธอพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธที่กำลังพุ่งพล่าน ลมหายใจของเธอก็เริ่มถี่สั้นกระชั้นจนในที่สุดก็เหมือนจะหายใจไม่ออก ทุกอย่างเบื้องหน้าค่อยๆเลอะเลือนและดับวูบในที่สุด
“เฮ้ย! เธอ! เธอ! เธอ! นี่เธอเป็นอะไร บ้าน่ะ! อย่าใจเสาะนักสิ” เปลวตะวันรีบคว้าร่างอ้อนแอ้นเอามากอดรัดไว้ก่อนที่ร่างนั้นจะทรุดลงกองกับพื้น
ความตื่นตกใจกับอาการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของเจ้าหล่อนทำเอาคนเป็นหมอตะลึงไปชั่วขณะ
พอได้สติก็รีบถีบประตูให้เปิดออกแล้วยกร่างนั้นขึ้นพาดบ่าพาเดินดุ่มๆเข้าไปในห้องพาไปวางลงบนเตียงนอนทันทีและรีบปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“บ้าชะมัด! เปราะบางจริงนะแม่คุ๊ณ!” เขาไม่วายประชดประชัน
คนท้องเขาว่าความรู้สึกจะอ่อนไหวง่าย แต่เขาไม่อยากเชื่อว่าคนต่อปากต่อคำกับเขาฉอดๆแถมยังเหวี่ยงใส่เขาไม่ยั้งจะอ่อนแอขนาดนี้
คิดแล้วคนเป็นหมอก็ลากสายตาไปหยุดลงตรงหน้าท้องแบนราบอัตโนมัติพอคิดว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในนั้นหัวใจเขามันก็พาลหวิวๆแปลกประหลาด
หยุด! อย่าได้คิดใจอ่อนกับแม่นี่เชียว เด็กนั่นก็แค่อสุจิแกเข้าไปเจาะไข่ตัวเดียวเท่านั้น หรือบางทีอาจจะเป็นอสุจิของไอ้หื่นหน้าไหนใครจะรู้ได้
ใช่! เขาแน่ใจได้ยังไงว่านอกจากเขาแล้วแม่นี่ไม่ได้ไปก๋ากั่นกับใครต่อใครอีก
ถึงในประวัติที่เจ้าหล่อนฝากครรภ์กับพี่สาวเขาจะระบุวันปฏิบัติการไว้ชัดเจนก็เถอะ เขาจะเชื่อสนิทใจก็ต่อเมื่อมีหลักฐานพิสูจน์ชี้ชัดว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจริงๆ
แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ?
จะใช่หรือไม่ใช่ก็เรื่องของเธอไม่เกี่ยวกับเขา
เรื่องเดียวที่เขาและเธอเกี่ยวกันก็คือเขาต้องชำระความให้สาสมกับความคับแค้นใจให้ได้ แต่ตอนนี้เจ้าหล่อนดันอ่อนปวกเปียกเป็นลมหมดสติไปเสียได้ เขาจึงได้แต่ยืนมองทำอะไรไม่ได้
“หึๆ รีบตื่นเร็วๆนะแม่ตัวดี ฉันมีเรื่องต้องชำระความกับเธออีกมาก”
ขนาดว่าเจ้าหล่อนนอนไม่ได้สติเขายังขู่เอาๆ ขู่เสร็จก็เดินจากไปปิดประตูล็อกห้องเสียแน่นหนา
ภายในห้องบนเตียงกว้างเจ้าของร่างอ้อนแอ้นที่นอนหลับสนิทค่อยๆกระพริบเปลือกตาปริบๆหลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าของเปลวตะวันเดินห่างออกไปตบท้ายด้วยปิดประตูปึงใหญ่
เมื่อทุกอย่างเงียบสนิท พราวชมพูก็ค่อยๆปรือตาลอบชำเลืองมองรอบด้านก่อนดีดตัวลุกขึ้นนั่งเขม้นมองไปยังประตูห้องแล้วพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
“ดีนะที่เรียนการแสดงมา ไม่งั้นล่ะแกเอ๊ย!!” พราวชมพูพึมพำกับตัวเองแล้วกุมขมับ
ใช่! เธอไม่อยากคิดว่าหากเธอไม่เล่นละครตบตาเขา เธอจะรอดพ้นเงื้อมมือหมอหื่นนั่นไปได้ยังไง
นอกจากเขาจะแสดงความหื่นออกนอกหน้าชัดเจนแล้ว เขายังเผยความร้ายกาจเข้าขั้นเลวในความรู้สึกเธอให้เห็นชัดแจ้งอีกด้วย กับแค่เงิน ห้าหมื่นที่เธอหยิบยื่นให้ในคืนนั้น มันทำให้เขาแค้นถึงขนาดไม่คิดจะฟังความกันเลยหรือไงกัน
ชิ! อย่างน้อยน่าจะนึกถึงความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันอย่างเร่าร้อนในคืนนั้นบ้าง
อุ๊บ! ไม่นะ! อย่าไปพูดกับเขาแบบนั้นเชียว เดี๋ยวพ่อได้ด่าสาดยับเยินอีกหรอก!!
กลางดึกในคืนเดือนดับอากาศภายในห้องนอนสีเทาเข้มนั้นเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศเปี่ยมคุณภาพ แต่เจ้าของเรือนกายกำยำกลับร้อนระอุราวกำลังอยู่ในเตาอบร่างหนาพลิกซ้ายป่ายขวากระสับกระส่ายเพราะไม่อาจข่มตาหลับลงได้ในหัวของเขามีแต่ภาพวันเก่าในคืนเร่าร้อนผุดพรายฉากแล้วฉากเล่าแจ่มชัด“เร็วอีก เร็วอีก โอว...เอาอีก แรงอีก” เสียงเจ้าหล่อนเร่งเร้ากังวานก้องอยู่ในหัวเขาเปลวตะวันพยายามสลัดเท่าไรก็ไม่สลัดไม่หลุด ยิ่งพยายามสะกดกั้นปัดป้อง เสียงนั้นก็เหมือนยิ่งดังกึกก้องกังวาน“อ๊า...อ...อา คุณนี่เอวดุเป็นบ้า” นั่นคือถ้อยคำที่หลุดลอดออกมาจากปากคนได้ชื่อว่าเพิ่งถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์เป็นครั้งแรกฟังแล้วเขาก็ฉุนจัด เจ้าหล่อนช่างก๋ากั่นนัก เขาไม่อยากนึกคิดว่าหากคืนนี้คนที่อยู่บนเตียงกับเจ้าหล่อนไม่ใช่เขา เจ้าหล่อนจะครางระงมออดอ้อนเร่าร้อนมากขนาดนี้หรือไม่!บัดซบ! คิดถึงตรงนี้ทีไร ความหึงหวงก็แล่นปราดขึ้นเล่นงานเขา ทุกครั้งไป เขาไม่อยากเดาให้ขุ่นเคืองใจเลยว่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมาพอสะบัดก้นจากเขาแล้วเจ้าหล่อนไล่ล่าลากผู้ชายขึ้นเตียงมาแล้วกี่คน“โอว...คุณนี่งานดีสุดๆ ฉันไม่เสียใจเลยที่ยอมเสียสาวให้คุณ”เจ้าห
“ไหนด่าว่าฉันไวไฟยิ่งกว่ากระหรี่ไม่กลัวติดโรคจากฉันรึไง” พราวชมพูพยายามงัดข้อใช่! เธอกำลังงัดข้อ ทั้งกับตัวเองและกับเขา เธอกำลังต่อสู้กับแรงกำหนัดที่พุ่งพล่าน เธอจะยอมให้เขาใช้เรือนร่างของเธอปรนเปรอความใคร่ง่ายๆไม่ได้ค่ำคืนนั้นจะเป็นเพียงแค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้น มันคือค่ำคืนที่เธอเลือก แต่หลังจากนั้นเธอจะไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม“สมุดฝากครรภ์บ่งบอกว่าเธอปลอดภัย เธอเองก็สบายใจได้ฉันสะอาดพอไม่ต้องกลัวจะมีโรคส่งให้เธอ”“แล้วไม่รังเกียจเหรอที่ฉันแรดร่านอ่อยใครต่อใครให้ลากขึ้นเตียงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้น่ะ”“หึๆ อีกเดี๋ยวก็รู้ว่าความแรดร่านของเธอหยุดแค่คืนนั้นหรือว่าเที่ยวไปดันกับใครต่อใครไม่ซ้ำหน้าอย่างที่ว่า”เปลวตะวันว่าแล้วก็ดึงรั้งเสื้อผ้าออกจากร่างอ้อนแอ้นอย่างรวดเร็ว เธอคงคิดว่าสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดจะรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้เสื้อยืดกางเกงวอร์มแค่นี้ไม่คณามือเขาหรอก“อย่า!! ฉันไม่ชอบแบบนี้”พราวชมพูท้วงเสียงสั่นเมื่อไม่อาจทัดทานแรงเขาได้ แต่เปลวตะวันไม่ได้สนใจเสียงห้ามเขายังคงโลมลูบจูบคลอเคล้าปลุกปั่นกระตุ้นแรงกำหนัดในกายเธอให้โหมทวี“บิดพล่านขนาดนี้อย่าฝืนต้านหน่อยเล
'หมอขา...พราวไม่ไหวแล้ว เร็วอีก แรงอีก'"บัดซบ! เธอจะตามหลอกตามหลอนให้คลั่งตายเลยรึไงแม่ตัวดี" เขาสบถเพราะยิ่งพยายามปัดภาพเหตุการณ์ในฝันเสมือนจริงออกไปเท่าไรก็เหมือนยิ่งพุ่งจู่โจมเข้าตอกย้ำความอับอายให้เขามากหลายเท่าตัว เขาฝันไปได้ยังไง ไม่อยากเชื่อว่ารสสวาทอันเร่าร้อนนั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันใช่! มันแค่ความฝัน เขารู้จักร่างกายตัวเองดี หากผ่านศึกฮึกเหิมมาราธอนขนาดนั้นมีหรือจะไม่ทิ้งร่องรอยของความปวดปร่าเหนื่อยล้า แต่เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงไง เจ้างูยักษ์ของเขาถึงได้นอนสงบแบบไม่ระคายเคืองใดๆสักนิด“เธอต้องชดใช้ให้ฉันแน่พราวชมพู ทั้งเรื่องว่าฉันเป็นผู้ชายขายกล้วย ทั้งเรื่องทำให้ฉันสติฟั่นเฟืองถึงขั้นฝันเป็นวรรคเป็นเวรนั่น”ขณะที่เปลวตะวันคาดโทษ อีกฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็กำลังหยัดกายลุกขึ้นเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่างกายเช่นกัน เธอจะขอบคุณเขาดีหรือเปล่าที่ใจดีหอบเอากระเป๋าเสื้อผ้าเธอมาด้วยและยังยกขึ้นมาโยนให้ถึงในห้อง เธอจึงไม่ต้องทนสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวให้เหนียวเหนอะกายขอบคุณทำไมเล่า ต้องด่าล่ะไม่ว่า เธออยู่ของเธอดีๆแต่เขาดันไปตามรังควาญแล้วลากเธอมากักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้แบบนี้ หล
“โอ๊ย...หมอเปลว ฉันเจ็บนะ”“เดี๋ยวก็หายเจ็บน่า” เขาตอบเสียงแหบห้าวสั่นพร่า เรือนร่างกำยำของเขาก็สั่นเทาไม่แพ้กันพราวชมพูจิกปลายเล็บลงบนต้นแขนแกร่งทั้งสองข้างแล้วขบเรียวฟันสวยลงบนบ่ากว้างยามเกร็งร่างรับการสอดแทรกแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น“ไม่เจอกันตั้งนานยังฟิตแน่นเหมือนเดิมเลยนะ” เขาว่าแล้วค่อยๆบังคับสะโพกสอบเป็นจังหวะเนิบนาบนำพากระบอกฉีดยาบ้องใหญ่คู่ใจเคลื่อนเข้าเคลื่อนออกทำความคุ้นเคยกับความนุ่มหยุ่นคับแน่นนั้นถึงตอนนี้พราวชมพูเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดรัดต้นคอแกร่งแล้วแหงนดวงหน้าสวยพร้อมกับเปล่งเสียงครวญกระเส่าแผ่วเบาด้วยความซ่านสยิวเปลวตะวันเองก็เปล่งเสียงครางกระหึ่มอย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะเช่นกัน อารมณ์กระสันเสียวที่ขมวดม้วนเป็นเกลียวคลื่นถาโถมสาดซัดอัดแน่นในกายแกร่งของเขาคืนแล้วคืนเล่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมากำลังจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระดิ๊งด่อง....ดิ๊งด่อง...เปลวตะวันชะงักกึกเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านดังก้องบ่งบอกว่ามีคนมาหาเขา คนกำลังด่ำดิ่งสู่ห้วงกามาวาดหวังจะนำพาเจ้าหล่อนทะยานไปเริงระบำบนวิมานชั้นฟ้าด้วยกันถึงกับหัวเสียดิ๊งด่อง...ดิ๊งด่อง...พราวชมพูผ่อนลมหายใจพรู เธอไม่รู้ว่าควรดีใจ
“นี่เปลวเปลี่ยนรสนิยมพาผู้หญิงมานอนที่บ้านแล้วเหรอ”เปลวตะวันเลิกคิ้วมองคนถามอย่างแปลกใจ ปกติเกวลินมักจะบ่นเขาไปตามประสาแต่ไม่เคยแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจนแบบนี้ และยังไม่ทันที่เขาจะทันได้ตอบอะไร เจ้าของเสียงหวานที่ทักดังมาก็เดินฉับๆเข้ามานั่งเบียดแนบสนิทพร้อมกับคล้องสองแขนเข้าที่ต้นคอแกร่งแล้วจู่โจมหอมแก้มสากของเขาฟอดใหญ่“ที่รักน่ะ ปล่อยให้พราวรอ...ร้อ...รอ...นานมากไปแล้วนะคะ ไหนบอกจะลงมาดูแค่แป๊บเดียวไง”“นี่เธอทำอะไรของเธอฮึ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มแล้วทำตาดุใส่ แต่พราวชมพูกับยิ้มหน้าระรื่น“ต๊าย! ดุจัง อย่าดุนักสิคะ พราวนึกว่าที่รักจะดุแค่บนเตียงเสียอีกฮิๆๆ”“อะแฮ่ม!!” เกวลินทนไม่ไหวถึงกับต้องกระแอมไอเจอผู้หญิงของเปลวตะวันมาก็มากแต่ไม่เคยมีคนไหนระริกระรี้ต่อหน้าต่อตาเธอแบบนี้อาการออดอ้อนออเซาะเกาะกอดเปลวตะวันแนบแน่นจนแทบจะสิงร่างนั้นก็ทำเอาความหึงหวงพุ่งปรี๊ดจนเกินขีดจำกัดเธออยากลุกขึ้นไปกระชากร่างอ้อนแอ้นออกมาตบเสียให้สมกับความชัง แต่ก็ต้องซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้จนลึกสุดหัวใจแล้วคลี่ยิ้มสวยเอ่ยเสียงอ่อนหวานสวมบทบาทหญิงสาวผู้แสนอ่อนโยน“ฉันว่าคุณควรจะออกไปนั่งรอในที่ของคุณนะค
เกวลินเห็นแล้วของแทบขึ้น ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกรับมือยากเหมือนผู้หญิงคนนี้สักคน“เกลว่าเปลวพา เอ่อ...เธอไปพักเถอะ กำลังท้องไม่ใช่เหรอ แม่เครียดมากเดี๋ยวลูกได้เครียดตามกันพอดี”ปากบอกด้วยความหวังดีแต่สายตาลอบมองหน้าท้องที่ดูเหมือนจะเริ่มนูนขึ้นมาน้อยๆของพราวชมพูด้วยความริษยา ยิ่งคิดว่ามีเลือดเนื้อของเปลวตะวันอยู่ในนั้นเธอก็แทบจะรับไม่ได้เปลวตะวันเห็นพราวชมพูอารมณ์ปรวนแปรขึ้นๆลงๆก็พอเข้าใจว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งของคนท้อง แต่ก็อดห่วงผลกระทบที่จะตกถึงเด็กไม่ได้“หยุดร้องไห้เสียทีเถอะพราวชมพู เห็นแล้วฉันเครียดแทนลูกเธอ”พราวชมพูได้ยินเปลวตะวันพูดแบบนั้นก็หยุดสะอึกสะอื้นทันที ดวงตาคู่สวยวาววับหลุบลงมือหน้าท้อง แล้วใช้มือลูบไล้หน้าท้องแผ่วเบาก่อนผุดลุกขึ้นยืนรวดเร็วจนเปลวตะวันตามอารมณ์แทบไม่ทัน“เชิญคุยกันไปตามสบายเถอะค่ะ พราวขอตัว”“นั่นจะไปไหน” เปลวตะวันถามเสียงเครียดเขารู้ว่าจุดประสงค์แรกของพราวชมพูคือมาก่อกวน แต่ตอนนี้เขาเห็นสีหน้าแววตาเธอแล้วเดาใจไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร“มันเรื่องของพราวกับลูก ไม่เกี่ยวกับหมอ อยากจะคุยอะไรกันก็เชิญคุยกันเถอะค่ะ แล้วก็ช่วยเคลียร์ให้จบซะวันนี้นะคะ อย่าให้พร
พราวชมพูบอกไม่ถูกว่าทำไมตัวเองถึงต้องไม่พอใจมากขนาดนี้ที่เปลวตะวันทิ้งให้เธออยู่บ้านลำพังส่วนตัวเขาออกไปเริงร่ากับแม่หมอคู่ขาเอ่อ...ไม่สิเขาบอกเองว่าเป็นเพื่อน แม่หมอคนนั้นก็พูดแบบเดียวกัน“เฮอะ! เพื่อนสนิทท้องติดกันล่ะสิ ป่านนี้ถึงยังไม่กลับ”พราวชมพูเบะปากแล้วหันกลับไปสนใจภาพเคลื่อนไหวในหน้าจอทีวี เขาจะเป็นอะไรกับใครไม่เกี่ยวกับเธอจะเป็นแค่เพื่อนสนิท ใกล้ชิดแนบแน่นแค่ไหนก็เรื่องของเขาเธอจะเก็บมาใส่ใจให้รกสมองทำไมแต่ว่าจนป่านนี้ก็เลยเวลาค่ำมานานแล้ว ตั้งแต่เช้ามาเธอมีเพียงแค่น้ำกับนมเพียงเล็กน้อยที่ตกถึงท้อง อาหารอื่นๆที่เขาเอามากองให้บนโต๊ะเธอแทบไม่ได้แตะใช่! เขาหอบเอามากองให้แล้วก็ปิดล็อกห้องขังเธอเอาไว้ในนี้แล้วออกไประรี้ระริกกับแม่เพื่อนสนิทคนดีนั่นการกระทำของเขามันน่ารังเกียจนัก คอยดูเถอะเธอจะปั่นป่วนก่อกวนเอาให้หาความสงบไม่ได้เลยเชียวคิดไปคิดมาพราวชมพูก็เริ่มพะอืดพะอม จะว่าเพราะอาการแพ้ท้องอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ คงเพราะท้องเธอว่างเปล่าจึงเกิดอาการคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนหนักขึ้นอาหารบนโต๊ะพวกนั้นเหรอ? เธอไม่แตะสักนิด ไม่ใช่หยิ่งไม่ยอมกิน แต่เพราะวันนี้อาการแพ้ท้องเหมือนจะม
“อ้าว! พี่เปลวสวัสดีครับพี่ คนนั้นใครเหรอพี่เห็นว่าเป็นคนไข้พิเศษ”เจ้าของไร่เผือกเปิดฉากถามพร้อมยิ้มระรื่นอารมณ์ดี แต่เหมือนคนถูกถามจะไม่ได้อารมณ์ดียามตอบ“นายจะมาวุ่นอะไรกับคนไข้ฉัน” น้ำเสียงที่ใช้นั้นราบเรียบ สีหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์คนอยากรู้อยากเห็นหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม“ไม่ได้วุ่นอะไรหรอกครับพี่ ก็แค่ถามไปตามประสาแหละครับ”เปลวตะวันไม่ได้สนใจคำตอบนั้น เขาจดบันทึกคำสั่งการรักษาลงไป เสร็จแล้วก็ยื่นแฟ้มส่งคืนให้พยาบาล“ได้ห้องเรียบร้อยแล้วโทรบอกด้วย แล้วพยาบาลพิเศษก็ให้มาพรุ่งนี้เช้านะ คืนนี้ไม่ต้อง ผมจะเฝ้าไข้เอง”คนบอกไม่ได้วุ่นถึงกับหูผึ่งที่ได้ยินคำสั่งนั้น และความปากไวก็พูดออกไปโดยไม่ต้องคิด“พิเศษใส่ไข่เสียด้วย ใส่ใจเฝ้าไข้ด้วยตัวเองแบบนี้ คนพิเศษของพี่เปลวเหรอครับ”เปลวตะวันเริ่มฉุน เขาตวัดสายตามองคนถามแวบหนึ่งเก็บข่มความไม่พึงพอใจเอาไว้แล้วตอบแบบนิ่งขรึมแสนสุภาพ“จะพิเศษใส่ไข่ใส่ใจแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมาบอกกล่าวใคร นายเองก็เอาเวลาไปใส่ใจคนไข้นายเถอะ น่าจะต้องใส่ใจเยอะหน่อย ได้ข่าวมาว่ารถไฟชนกันระเนระนาดไปหมด ยังไงก็ช่วยดูๆให้ดีหน่อยนะ” เขาบอ
เปลวตะวันนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อมาถึงร้านอาหารตามนัดหมายแล้วพบว่ายอดนักรบร่วมขบวนมาด้วย คนขี้หึงหน้าตึงขณะที่คนขี้เล่นยิ้มเผล่อารมณ์ดี“สวัสดีครับพี่หมอเปลว คุณพราว มากันเร็วเหมือนกันนะครับนี่ ผมกับรุ่นพี่ไปรับอาจารย์แม่มาถึงได้ไม่ถึงห้านาทีเอง”พราวชมพูยิ้มน้อยๆส่วนเปลวตะวันหันไปทักทายอาจารย์ที่ปรึกษาที่เคารพรัก“สวัสดีครับอาจารย์ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน”“ไม่เป็นไรหรอกเปลวแค่เห็นหน้าพวกเราพากันมากินข้าวกับครูพร้อมหน้า ครูก็ดีใจแล้ว”“อาจารย์แม่มาทั้งทีพวกเราจะพลาดได้ยังไงล่ะครับ” ยอดนักรบเป็นฝ่ายเอ่ยแทรกขึ้นเปลวตะวันเขม่นในความขี้ประจบนั้นเหลือใจส่วนเกวลินลอบยิ้มน้อยๆอย่างหมายมาด“นี่เหรอเมียเราที่เขาเล่าลือกันไปทั่วกรุงเทพฯน่ะ”เปลวตะวันฟังแล้วรู้สึกขัดหูไม่น้อย ไม่ใช่เพราะถูกอาจารย์อรวีซักถามแต่เพราะไม่พอใจคนคาบข่าวไปฟ้องต่างหาก“ครับ ผมขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ทันได้แนะนำให้รู้จักต้องรออาจารย์แม่ต้องทักถามเสียก่อน”“ไม่เป็นไรหรอก ครูไม่ถือ แล้วนี่ชื่อเสียงเรียงนามอะไ
“พี่บอกให้รอข้างนอกไง เข้ามาทำไมครับ หรือว่าพราวหิวจนรอไม่ไหว”เปลวตะวันถามเมื่อเห็นพราวชมพูเดินเข้ามาในครัวพร้อมส่งยิ้มหวานมาแต่ไกล รอยยิ้มนั้นชวนให้รู้สึกแปลกไม่น้อยแต่เขาก็ไม่อยากเก็บมาคิด“หิวค่ะก็เลยเดินมาตาม”พราวชมพูบอกพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลังแล้วลอดศีรษะเข้าใต้รักแร้ของเขายื่นหน้าไปดูว่าเขากำลังทำอะไร“ทำอะไรแบบนี้ครับ เดี๋ยวพี่พลั้งมือทำนมหกกระเด็นถูกพราวหรอก”เขาว่าแล้วหมุนกายหันกลับมาสวมกอดเธอพร้อมโน้มใบหน้าลงจูบอย่างรวดเร็ว โอกาสดีๆแบบนี้ใช่จะหาได้ง่ายๆจูบแล้วก็อยากอุ้มขึ้นห้องเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่าตั้งใจพาเธอไปไหว้พระเขาจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ให้หลุดลอยไปแน่นอน“เกลกลับไปแล้วเหรอ”เขาถามหลังจากถอนจูบแต่ยังคงวนเวียนคลอเคลียหอมแก้มซ้ายขวาไม่หยุดถามไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง บรรยากาศกำลังดีดันปากเปราะพูดถึงคนที่ไม่ควรพูดถึงพราวชมพูไม่ตอบและไม่ได้ผลักไสเขาอย่างเคย วันนี้เธอเอียงแก้มให้เขาจูบตามใจแล้วก็เป็นฝ่ายโน้มต้นคอเขาและเขย่งเท้าขึ้นจูบเขาบ้างคนถูก
เช้าวันนี้พราวชมพูตื่นมาด้วยความสดชื่น เมื่อคืนหลังจากเปลวตะวันอุ้มพาเธอขึ้นห้องไปแล้วเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอยากจะสานต่ออะไรที่มันค้างคา แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่เขาปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนโดยง่ายขณะที่เขาเพียงแค่สวมกอดเธอไว้แนบอกแต่นั่นก็ทำให้เธออิ่มอุ่น หัวใจฟูฟ่องกับความอ่อนโยนและใส่ใจของเขายิ่งลงมาเห็นกระเช้าของฝากที่แม่เพื่อนสนิทของเขาหอบหิ้วมาถูกหย่อนทิ้งไว้ในถังขยะพราวชมพูก็ยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่พอเดินมาถึงโถงนั่งเล่น รอยยิ้มก็เลือนหายเมื่อเห็นใครบางคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว“สวัสดียามเช้าค่ะ วันนี้ดูอารมณ์ดีขึ้นนะ ดูท่าของบำรุงที่ซื้อมาฝากจะได้ผลดี”“เมื่อก่อนนี่เช้าถึงมืดถึงแบบนี้ทุกวันเลยหรือเปล่าคะ” พราวชมพู ไม่อารมณ์ดีด้วย เธอถามเสียงฉุนแล้วมองคนมาเยือนด้วยสายตาขุ่น“เอาตามจริงดีไหมนะ พูดไปแล้วเธอจะคิดมากหรือเปล่า แย่จัง! ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวเธอได้ไปเหวี่ยงใส่เปลวให้เขาอึดอัดใจอีก”พราวชมพูยิ้มเยาะ ทีคราวนี้ทำท้าทายต่อปากต่อคำกับเธอฉอดๆ เวลาอยู่ต่อหน้าอีตาหมอหื่นนั่นแสร้งทำเป็นน
เปลวตะวันนิ่งงันไปอึดใจเมื่อพบว่าคนที่มาคือเกวลินไม่ใช่พี่สาวของเขาตามที่เข้าใจพอเห็นแขกสาวแล้วเจ้าของบ้านก็รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก เขาลอบมองขึ้นไปชั้นบนของบ้านอย่างนึกกังวลถึงความรู้สึกของพราวชมพู รายนั้นหากรู้ว่าใครมาเยือนกลางดึกเช่นนี้คงฟาดงวงฟาดงาอีกแน่“เกลมารบกวนเวลาพักผ่อนของเปลวหรือเปล่าดูเปลวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับเกลสักเท่าไร”“มาเสียค่ำเชียวมีเรื่องด่วนเหรอ ความจริงโทรมาก็ได้นะ”เกวลินนิ่วหน้าเล็กน้อยรู้สึกตะหงิดๆในคำพูดของคนได้ชื่อว่าเพื่อน ปกติเขาไม่เคยพูดเหมือนไม่อยากต้อนรับเธอแบบนี้“ความจริงก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรหรอก ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะเอาของบำรุงมาฝากคนท้องน่ะ”เกวลินว่าแล้วก็หันไปหยิบกระเช้าในรถมาส่งให้ แล้วก็แปลกอีกเช่นกันที่เปลวตะวันเพียงแค่รับไปแล้วขอบคุณเธอไม่มีคำเอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเข้าไปในบ้าน“เกลขอเข้าไปนั่งพักสักครู่ได้ไหมวันนี้ขับรถไปมาหลายที่เมื่อยขาพอตัวเลย”เปลวตะวันแค่ยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าเกวลินอย่างใช้ความคิดและก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรเสียงเจื้อยแจ้วของพราวชมพูก็ดังมาจากประตูบ้าน
ใช่! พราวชมพูพูดถูกแล้วเขาโกรธเธอ โกรธมากแต่นั่นแหละ! พอเธอออดอ้อนเว้าวอนอย่างสำนึกผิดเขาก็ใจอ่อนเขาพอจะเข้าใจความแปรปรวนทางอารมณ์ แต่ที่เขานิ่งเงียบก็เพราะอยากดัดนิสัยสักหน่อยไม่อยากให้ได้ใจทำอะไรแผลงๆไม่คิดแบบวันนี้อีกด้านพราวชมพูตอนนี้เธอเริ่มจะงอนเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะว่าเขานิ่งเงียบหน้าตึงจนเธอทำตัวไม่ถูกง้อก็แล้วขอโทษก็แล้วอ้อนก็แล้วเปลวตะวันยังตีหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เอาเถอะ! เล่นตัวนักเธอก็จะไม่ง้อแล้ว คอยดูก็แล้วกันเธอจะเชิดใส่เสียให้เข็ดคิดแล้วก็เอาแต่นั่งคอแข็งมองออกไปนอกกระจกด้านข้างไม่ชวนเขาพูดคุยอีกพอถึงบ้านรถจอดสนิท เจ้าหล่อนก็เปิดประตูรถแล้วเข้าบ้านไปทันทีไม่สนใจเขาจริงๆเปลวตะวันส่ายหน้า ดูทำเข้า! สรุปกลายเป็นว่าเขาต้องเป็นฝ่ายง้อเธอใช่ไหม?“เอ๊ะ! หลีกไปนะคะ หมอจะมาขวางพราวทำไม” พราวชมพูแหวใส่เมื่อเปลวตะวันก้าวตามมาติดๆแล้วตรงเข้าขวางเธอไว้ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าห้องนอนแล้วเขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด ความไม่ทันตั้งตัวทำเอาถูกเขาคว้าตัวไปกอดแล้วบดจูบหนักหน่วงดุดัน
วันนี้เป็นวันแรกที่เปลวตะวันยอมปล่อยให้พราวชมพูออกนอกบ้านได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีนิศาชลไปด้วยแม้ว่าพราวชมพูจะรู้สึกอึดอัดที่เขาทำเหมือนกับว่าส่งคนคอยควบคุมดูแลเธอตลอดเวลาแต่ก็พอทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาได้ว่าที่ทำไปก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอและลูกดังนั้นเธอจึงกลับไปบ้านของตัวเอง ไปดูความเรียบร้อยและเอา ของใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วก็ชวนนิศาชลไปหาอะไรกินและช้อปปิ้งก่อนจบลงที่ไปหาเปลวตะวันที่คลินิกเพราะวันนี้เขาไปออกตรวจที่นั่นแทนพี่สาว“คุณนิกลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพราวรอกลับพร้อมหมอเปลวได้”“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิกลับเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมตามใจพราว ไปโน่นนี่กับพราวทั้งวันเลย”“ยินดีค่ะ อีกอย่างหมอเปลวก็จ้างนิมาดูแลคุณพราว ถ้านิทำหน้าที่บกพร่องล่ะก็หมอเปลวต้องดุนิแน่ๆ”“พราวอยู่ทั้งคน คุณนิไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ”“คุณพราวพูดแบบนี้พรุ่งนี้อยากทำอะไรอยากไปไหนบอกเลยค่ะเดี๋ยวนิจัดให้เต็มที่”นิศาชลบอกแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะประสานเสียงร่าเริงอย่าง คนรู้ใจกันพราวชมพูเห
“ฉันยอมลงให้ทุกอย่าง เธออยากได้อะไร ไม่ชอบสิ่งไหน ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำให้หมดแล้ว วันนี้เธอจะตามใจฉันบ้างไม่ได้เหรอ”“ทำไมต้องวันนี้ ตอนนี้ล่ะคะ ปกติหมอก็ไม่ได้หิวจัดขนาดจะขาดใจถ้าไม่ได้กินนี่คะ ถ้าวันนี้พราวไม่พร้อม หมอจะรอต่ออีกไม่ได้เลยเหรอ”“เอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะพราวชมพู”“หมอต่างหากที่กำลังเอาเปรียบพราว หมอเก็บกดเรื่องอะไรมาถึงได้จะมาลงที่พราว เห็นพราวเป็นที่ระบายอารมณ์หรือไงคะ”“พราวชมพู” เปลวตะวันครางชื่อนั้นแผ่วเบาคำพูดง่ายๆแต่กระแทกใจเต็มๆทำเอาเขาหมดอารมณ์ สองมือแกร่งร่วงหล่นลงข้างกายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ“พักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”“เดี๋ยวค่ะ” พราวชมพูเป็นฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้แล้วจู่ๆเธอก็ทำในสิ่งที่เปลวตะวันไม่คาดคิด เธอดึงเขาเข้าไปกอดแล้วก็เขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรของเขาหนักๆ“พราวรู้ว่าพราวเอาเปรียบหมอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกีดกันไม่ให้หมอออกไปหากินนอกบ้าน ทั้งเรื่องให้หมอนอนห้องรับแขกไม่ยอมให้นอนห้องเดียวกับพราว แต่พราวก็อยากหมอเข้าใจ ระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก มันยากนะคะที่จะอยู่ด
“จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน มีแค่ตัวกับดุ้นไม่ได้นะคุณ”เปลวตะวันสะอึก เขาแทบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดห่ามๆของพราวชมพู ดูเอาเถอะ! ผู้หญิงอะไรก๋ากั่นสิ้นดี พูดจาแต่ละทีทำเอาเขาใบ้กินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกไว้ก่อนเลยนะฉันหน้าเงิน ถ้าเงินไม่หนาพอก็เชิญป้ายหน้า”“ห้าล้านพอไหม หรือจะเอาสิบล้าน ร้อยล้าน เอาเท่าไรดีถึงจะเป็นพ่อของลูกเธอได้”คราวนี้พราวชมพูปากสั่น รู้หรอกว่ารวย เธอแค่กระแซะนิดกระแซะหน่อยอีตาหมอหื่นนี่ก็ดันเอาเงินมาฟาดไม่ไว้หน้าซะงั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสิมา! เป็นไงก็เป็นกันมาถึงขั้นนี้อยากยืดอกแสดงตัวรับผิดชอบนัก เธอก็จะจัดให้สมใจ อย่าคิดนะว่าคนอย่างพราวชมพูไม่กล้ารับ“แน่จริงก็เอาห้าร้อยล้านมากองตรงหน้าสิ อย่าดีแต่พูดนะคะ ใครรู้เข้าจะว่าเอาได้ว่าหมอเปลวเก่งแต่ปาก”“งกขนานแท้ หึๆ งกแบบนี้รับรองว่าลูกได้ความงกจากแม่มาพันเปอร์เซ็นต์”“คุณเป็นคนเสนอเอง ฉันก็แค่สนองให้ก็แค่นั้นเองค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับไปแล้วก็ช่วยสนองเรื่องบนเตียงให้คุ้มกับค่าตัวหน่อยก็แล้วกัน”พราวชมพูอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับคำพูดของเขา เธอมัวแต่คิดเอาชนะจนลื
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ