“นี่เปลวเปลี่ยนรสนิยมพาผู้หญิงมานอนที่บ้านแล้วเหรอ”
เปลวตะวันเลิกคิ้วมองคนถามอย่างแปลกใจ ปกติเกวลินมักจะบ่นเขาไปตามประสาแต่ไม่เคยแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจนแบบนี้ และยังไม่ทันที่เขาจะทันได้ตอบอะไร เจ้าของเสียงหวานที่ทักดังมาก็เดินฉับๆเข้ามานั่งเบียดแนบสนิทพร้อมกับคล้องสองแขนเข้าที่ต้นคอแกร่งแล้วจู่โจมหอมแก้มสากของเขาฟอดใหญ่
“ที่รักน่ะ ปล่อยให้พราวรอ...ร้อ...รอ...นานมากไปแล้วนะคะ ไหนบอกจะลงมาดูแค่แป๊บเดียวไง”
“นี่เธอทำอะไรของเธอฮึ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มแล้วทำตาดุใส่ แต่พราวชมพูกับยิ้มหน้าระรื่น
“ต๊าย! ดุจัง อย่าดุนักสิคะ พราวนึกว่าที่รักจะดุแค่บนเตียงเสียอีกฮิๆๆ”
“อะแฮ่ม!!” เกวลินทนไม่ไหวถึงกับต้องกระแอมไอ
เจอผู้หญิงของเปลวตะวันมาก็มากแต่ไม่เคยมีคนไหนระริกระรี้ต่อหน้าต่อตาเธอแบบนี้
อาการออดอ้อนออเซาะเกาะกอดเปลวตะวันแนบแน่นจนแทบจะสิงร่างนั้นก็ทำเอาความหึงหวงพุ่งปรี๊ดจนเกินขีดจำกัด
เธออยากลุกขึ้นไปกระชากร่างอ้อนแอ้นออกมาตบเสียให้สมกับความชัง แต่ก็ต้องซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้จนลึกสุดหัวใจแล้วคลี่ยิ้มสวยเอ่ยเสียงอ่อนหวานสวมบทบาทหญิงสาวผู้แสนอ่อนโยน
“ฉันว่าคุณควรจะออกไปนั่งรอในที่ของคุณนะคะ ฉันกับหมอเปลวกำลังคุยกัน คนนอกอย่างคุณอยู่ด้วยดูจะไม่เหมาะ”
“อุ๊ย! คนนอก!! ที่รักขาพราวกลายเป็นคนนอกไปแล้วเหรอคะ” พราวชมพูหันมาตัดพ้อเกินจริต
เปลวตะวันได้ยินแล้วถึงกับเดือดปุดๆ แต่ก็พยายามเก็บข่มเอาไว้
“กลับขึ้นไปห้องซะ ไม่อย่างนั้นจะว่าฉันไม่ได้นะ”
เขาดุเบาๆ พยายามแกะมือที่เกาะกอดต้นคอเขาออก แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ยิ่งเขาดึงรั้งเจ้าหล่อนก็ยิ่งเกาะแน่นยิ่งกว่าปลิง
พราวชมพูเห็นอาการร้อนรนของหมอหื่นก็ยิ่งหมั่นไส้ ความรู้สึกบางอย่างพุ่งพล่านในอก
หึงเหรอ?
เปล๊า!! เธอไม่ได้หึง
แค่ไม่พอใจที่เขาทำระรี้ระริกส่งสายตาหวานหยดให้ใครต่อใคร
“หยุดเล่นบ้าๆได้แล้วพราวชมพู”
“พราวไม่ได้บ้านะคะ พราวก็แค่อยากรู้ว่าคนอย่างพราวกลายเป็นคนนอกตั้งแต่เมื่อไร”
เสียงเธอฉุนจัดจนเปลวตะวันอึ้ง เกวลินก็นิ่งตะลึง ยิ่งเห็นอาการปิดปากเงียบสนิทเหมือนยอมลงให้ของเปลวตะวัน ความหึงหวงที่ถูกกดเก็บเอาไว้ก็ยิ่งพุ่งพล่านจนร้อนลุ่มราวไปสุมทรวง
“จะรั้นไปถึงไหนพราวชมพู” เขาว่าอย่างเอือมระอา แต่พราวชมพูทำหูทวนลมแล้วออดอ้อนต่อ
“พราวก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆที่รัก พราวผิดด้วยเหรอคะ” ไม่ว่าเปล่าพราวชมพูยังซบซุกดวงหน้าลงบนไหล่กว้างออเซาะเสียจนเปลวตะวันขนลุก
เกวลินเม้มปากเขม้นมองภาพบาดตานั้นก่อนเอ่ยอย่างสุดจะทน
“ถ้าเปลวจะแสดงหนังสดกับแม่คู่นอนชั่วคราวของเปลวตรงนี้ก็เชิญตามสบายเถอะนะ เกลขอตัว”
เปลวตะวันเห็นเกวลินลุกขึ้นคว้ากระเป๋าของตัวเองคล้องไหล่ทำท่าจะกลับจริงๆก็ร้องเรียกเสียงหลง
“อย่าเพิ่งไปสิเกล”
คนถูกเรียกได้ยินเข้าถึงกับกลอกตาบน แม้อยากจะเหวี่ยงใส่เขามากแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่หันกลับมาเลิกคิ้วมองแทนคำถาม
เปลวตะวันเห็นสายตาเพื่อนรักก็พอจะรู้ว่าไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่ายิ้มแห้งๆส่งให้แล้วถามด้วยเสียงเว้าวอน
“ตกลงเกลมาอยู่คลินิกแทนเราได้ใช่ไหม”
เกวลินแทบจะกรี๊ดใส่หน้า เธอมีค่าต่อเขาเพียงเท่านี้หรอกเหรอ แทนที่เปลวตะวันจะไล่ส่งแม่สาวดาวยั่วนี่ไปให้พ้นๆสายตาเธอ เขากลับเลือกเก็บเจ้าหล่อนเอาไว้แล้วถามเรื่องงานกับเธอ
“มาได้ใช่ไหม แค่สองสามวันเอง”
หมอสาวค้อนวงเล็กก่อนตอบ
“เคยมีครั้งไหนที่เกลปฏิเสธเปลวบ้างล่ะ”
ตอบแล้วก็เลื่อนสายตาเลยไปจ้องหน้าแม่คู่นอนดาวยั่วของเปลวตะวันด้วยความหมั่นไส้
พราวชมพูเห็นแววประหัสประหารส่งมาแต่ก็ทำไม่ใส่ใจขณะที่ เปลวตะวันกลับไม่รู้เหนือรู้ใต้ใดๆทั้งสิ้น เสียงแรงที่ฉลาดหัวหมอ เก่งกาจเรื่องบนเตียงแต่ดันตกม้าตายด้วยเรื่องแค่นี้
“ขอบคุณนะเกล เดี๋ยวเราส่งตารางเวรให้ว่ามีวันไหนบ้าง” เปลวตะวันบอกด้วยความรู้สึกขอบคุณ ตามองเพื่อนรักส่วนมือก็แอบบีบเอวคอดของพราวชมพูหวังเตือนให้เจ้าหล่อนเพลาๆความก๋ากั่นลงสักหน่อย
เกวลินฝืนยิ้มให้อย่างสดใสแต่ในใจช่างเหือดแห้งสิ้นดี ยิ่งเห็นท่าทีอี๋อ๋อของแม่คู่ขาหน้าหวานนี่แล้วเธอก็ยิ่งปวดแปลบในหัวใจ เธอมีอะไรไม่ดีตรงไหนถึงสู้แม่ผู้หญิงพวกนี้ไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นเกลกลับก่อนนะ”
“เดี๋ยว! คุณจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
จู่ๆพราวชมพูก็ขัดขึ้น น้ำเสียงบ่งบอกความไม่พอใจและข่มหมอสาวอยู่ในที เกวลินได้ยินก็นิ่วหน้า นึกฉุนขึ้นมาจับใจที่เจ้าหล่อนบังอาจมาวางท่าเบ่งอำนาจใส่
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน”
พราวชมพูเบะปากใส่ เธอไม่ตอบคำถามนั้นแต่กลับหันมาออดอ้อนหมอเปลวตะวันเสียงหวาน
“ที่รักคะ เมื่อกี้หมอคนนี้ด่าว่าพราวเป็นคู่นอน เป็นผู้หญิงอย่างว่า พราวไม่ยอมนะคะ พราวเป็นแม่ของลูก จะมาหยามพราวแบบนี้ไม่ได้”
ไม่เพียงแต่เปลวตะวันที่ตะลึงงัน เกวลินเองก็สะอึกอึ้งจนแทบพูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
“หยุดพูดแล้วก็กลับไปห้องเธอได้แล้วพราวชมพู”
พอได้สติเปลวตะวันก็รีบไล่เธอทันที พราวชมพูเม้มปากแน่นจ้อง คนทั้งสองเขม็งก่อนบอกอย่างดื้อรั้น
“พราวไม่ไปจนกว่าหมอจะบอกให้ผู้หญิงคนนี้ขอโทษพราว”
“พราวชมพู” เปลวตะวันถลึงตาใส่พร้อมกับเคลื่อนมือมาบีบต้นแขน
เกวลินที่กำลังนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้รับรู้เริ่มหรี่ตามองคนทั้งสองอย่างจับสังเกต
พราวชมพูสลัดแขนออกแล้วก็เม้มปากก่อนทำหน้าเบ้เหยเก
“พราวแค่เรียกร้องเกียรติและศักดิ์ศรีที่เสียไปกลับคืนทำไมหมอต้องทำเสียงดุใส่พราวด้วยคะ ฮึก! ฮึก! ฮึก! ฮือ...”
คราวนี้เปลวตะวันถึงกับไปไม่เป็นเมื่อจู่ๆพราวชมพูก็ตัดพ้อเสียงเครือแล้วจบลงด้วยร้องไห้สะอึกสะอื้น
เกวลินเห็นแล้วก็หมั่นไส้กับความเจ้ามารยานั้น แค่นี้ทำไมเธอจะมองไม่ออกว่าแม่ผู้หญิงที่ชื่อพราวชมพูนี่กำลังแอคติ้งเกินเหตุและเรียกร้องความสนใจจากเปลวตะวันสุดๆ แล้วผู้ชายอย่างเขาก็โง่ด้วยเรื่องแบบนี้เสียด้วย และเพราะแบบนี้เจ้าหล่อนถึงได้พาตัวเองมายืดอกต่อกรกับเธอถึงในบ้านหลังนี้ได้ หมอสาวพยายามเก็บข่มความไม่พอใจเอาไว้ก่อนยอมลดทิฐิตัวเองเอ่ยออกไป
“ฉันขอโทษก็แล้วกันนะคะที่เข้าใจผิดคุณไป”
พราวชมพูชะงักกึกหันไปมองหมอสาวอย่างจับผิด พอเห็นสิ่งที่ซุกซ่อนในแววตานั้นเธอก็ลอบเบะปากใส่แล้วแสร้งสะอึกสะอื้นต่อไป
เกวลินเห็นแล้วของแทบขึ้น ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกรับมือยากเหมือนผู้หญิงคนนี้สักคน“เกลว่าเปลวพา เอ่อ...เธอไปพักเถอะ กำลังท้องไม่ใช่เหรอ แม่เครียดมากเดี๋ยวลูกได้เครียดตามกันพอดี”ปากบอกด้วยความหวังดีแต่สายตาลอบมองหน้าท้องที่ดูเหมือนจะเริ่มนูนขึ้นมาน้อยๆของพราวชมพูด้วยความริษยา ยิ่งคิดว่ามีเลือดเนื้อของเปลวตะวันอยู่ในนั้นเธอก็แทบจะรับไม่ได้เปลวตะวันเห็นพราวชมพูอารมณ์ปรวนแปรขึ้นๆลงๆก็พอเข้าใจว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งของคนท้อง แต่ก็อดห่วงผลกระทบที่จะตกถึงเด็กไม่ได้“หยุดร้องไห้เสียทีเถอะพราวชมพู เห็นแล้วฉันเครียดแทนลูกเธอ”พราวชมพูได้ยินเปลวตะวันพูดแบบนั้นก็หยุดสะอึกสะอื้นทันที ดวงตาคู่สวยวาววับหลุบลงมือหน้าท้อง แล้วใช้มือลูบไล้หน้าท้องแผ่วเบาก่อนผุดลุกขึ้นยืนรวดเร็วจนเปลวตะวันตามอารมณ์แทบไม่ทัน“เชิญคุยกันไปตามสบายเถอะค่ะ พราวขอตัว”“นั่นจะไปไหน” เปลวตะวันถามเสียงเครียดเขารู้ว่าจุดประสงค์แรกของพราวชมพูคือมาก่อกวน แต่ตอนนี้เขาเห็นสีหน้าแววตาเธอแล้วเดาใจไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร“มันเรื่องของพราวกับลูก ไม่เกี่ยวกับหมอ อยากจะคุยอะไรกันก็เชิญคุยกันเถอะค่ะ แล้วก็ช่วยเคลียร์ให้จบซะวันนี้นะคะ อย่าให้พร
พราวชมพูบอกไม่ถูกว่าทำไมตัวเองถึงต้องไม่พอใจมากขนาดนี้ที่เปลวตะวันทิ้งให้เธออยู่บ้านลำพังส่วนตัวเขาออกไปเริงร่ากับแม่หมอคู่ขาเอ่อ...ไม่สิเขาบอกเองว่าเป็นเพื่อน แม่หมอคนนั้นก็พูดแบบเดียวกัน“เฮอะ! เพื่อนสนิทท้องติดกันล่ะสิ ป่านนี้ถึงยังไม่กลับ”พราวชมพูเบะปากแล้วหันกลับไปสนใจภาพเคลื่อนไหวในหน้าจอทีวี เขาจะเป็นอะไรกับใครไม่เกี่ยวกับเธอจะเป็นแค่เพื่อนสนิท ใกล้ชิดแนบแน่นแค่ไหนก็เรื่องของเขาเธอจะเก็บมาใส่ใจให้รกสมองทำไมแต่ว่าจนป่านนี้ก็เลยเวลาค่ำมานานแล้ว ตั้งแต่เช้ามาเธอมีเพียงแค่น้ำกับนมเพียงเล็กน้อยที่ตกถึงท้อง อาหารอื่นๆที่เขาเอามากองให้บนโต๊ะเธอแทบไม่ได้แตะใช่! เขาหอบเอามากองให้แล้วก็ปิดล็อกห้องขังเธอเอาไว้ในนี้แล้วออกไประรี้ระริกกับแม่เพื่อนสนิทคนดีนั่นการกระทำของเขามันน่ารังเกียจนัก คอยดูเถอะเธอจะปั่นป่วนก่อกวนเอาให้หาความสงบไม่ได้เลยเชียวคิดไปคิดมาพราวชมพูก็เริ่มพะอืดพะอม จะว่าเพราะอาการแพ้ท้องอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ คงเพราะท้องเธอว่างเปล่าจึงเกิดอาการคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนหนักขึ้นอาหารบนโต๊ะพวกนั้นเหรอ? เธอไม่แตะสักนิด ไม่ใช่หยิ่งไม่ยอมกิน แต่เพราะวันนี้อาการแพ้ท้องเหมือนจะม
“อ้าว! พี่เปลวสวัสดีครับพี่ คนนั้นใครเหรอพี่เห็นว่าเป็นคนไข้พิเศษ”เจ้าของไร่เผือกเปิดฉากถามพร้อมยิ้มระรื่นอารมณ์ดี แต่เหมือนคนถูกถามจะไม่ได้อารมณ์ดียามตอบ“นายจะมาวุ่นอะไรกับคนไข้ฉัน” น้ำเสียงที่ใช้นั้นราบเรียบ สีหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์คนอยากรู้อยากเห็นหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม“ไม่ได้วุ่นอะไรหรอกครับพี่ ก็แค่ถามไปตามประสาแหละครับ”เปลวตะวันไม่ได้สนใจคำตอบนั้น เขาจดบันทึกคำสั่งการรักษาลงไป เสร็จแล้วก็ยื่นแฟ้มส่งคืนให้พยาบาล“ได้ห้องเรียบร้อยแล้วโทรบอกด้วย แล้วพยาบาลพิเศษก็ให้มาพรุ่งนี้เช้านะ คืนนี้ไม่ต้อง ผมจะเฝ้าไข้เอง”คนบอกไม่ได้วุ่นถึงกับหูผึ่งที่ได้ยินคำสั่งนั้น และความปากไวก็พูดออกไปโดยไม่ต้องคิด“พิเศษใส่ไข่เสียด้วย ใส่ใจเฝ้าไข้ด้วยตัวเองแบบนี้ คนพิเศษของพี่เปลวเหรอครับ”เปลวตะวันเริ่มฉุน เขาตวัดสายตามองคนถามแวบหนึ่งเก็บข่มความไม่พึงพอใจเอาไว้แล้วตอบแบบนิ่งขรึมแสนสุภาพ“จะพิเศษใส่ไข่ใส่ใจแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมาบอกกล่าวใคร นายเองก็เอาเวลาไปใส่ใจคนไข้นายเถอะ น่าจะต้องใส่ใจเยอะหน่อย ได้ข่าวมาว่ารถไฟชนกันระเนระนาดไปหมด ยังไงก็ช่วยดูๆให้ดีหน่อยนะ” เขาบอ
พราวชมพูหลับตาลงได้ไม่นานเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดและปิดอีกครั้ง หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วมองผู้เข้ามาคนใหม่เห็นเป็นเปลวตะวันมาพร้อมกับพยาบาลสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม คนอยากจะนอนก็ขยับลุกนั่งทันที“อย่าลุกเร็วนักสิ เดี๋ยวก็หัวทิ่มตกเตียงหรอก” เขาว่าหลังจากถลาเข้ามาช่วยประคองให้เธอลุกนั่งพราวชมพูรู้สึกหัวใจฟูฟ่องขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคู่หวานตวัดมองพยาบาลวัยละอ่อนแวบหนึ่งเห็นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มละมัยไร้พิษภัยก็แอบชำเลืองมองหมอที่เป็นพ่อของลูกอย่างจับผิด“คุณแม่ต้องระมัดระวังให้มากนะคะ ช่วงนี้อาจวิงเวียนศีรษะมากหน่อยอาจทำให้ทำอะไรได้ไม่คล่องตัวเหมือนตอนยังไม่มีเจ้าตัวเล็กในท้องค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”พราวชมพูยิ้มรับกับคำบอกกล่าวของพยาบาลสาวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเปลวตะวันที่ยังคงประคองเธอเอาไว้ ความไม่คุ้นเคยและรู้สึกกระดากอายทำให้เธอปัดมือเขาออก“นิศาชลเป็นพยาบาลพิเศษที่จะดูแลเธอจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล แล้วบางทีอาจไปดูแลเธอต่อตอนกลับไปพักฟื้นที่บ้านด้วย”“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ป่วยเสียหน่อยทำไมต้องมีพยาบาลดูแลใกล้ชิด”“ไม่ได้ป่วยแต่ก็ไม่ได้แข็งแรงมากพอจะอยู่คนเดียว”“แต่ว่าฉัน...”“อย่าดื้อ”พราว
“เปลว บ่ายนี้มีออกตรวจหรือเปล่า เกลมีเรื่องอยากคุยด้วย”เกวลินรีบบอกทันทีที่เจอหน้าเปลวตะวันตรงหน้าลิฟต์เฉพาะผู้บริหารและแพทย์ เปลวตะวันที่กำลังจะขึ้นไปดูอาการพราวชมพูหยุดคิดอึดใจก่อนตอบ“บ่ายนี้ไม่มีออกตรวจแล้วแต่มีผ่าตัดสองเคสเกลมีอะไรด่วนไหม รอหลังเราผ่าตัดเสร็จได้หรือเปล่า”“เคสแรกกี่โมงเหรอ”“ก็อีกประมาณชั่วโมงนะ”“ถ้าอย่างนั้นคุยตอนนี้เลยได้ไหม เกลร้อนใจ”เปลวตะวันนิ่งคิด หมอหนุ่มเผลอตวัดสายตามองลิฟต์แวบหนึ่งก่อนหันมาตอบ“ได้สิ คุยที่ไหนดี ร้านกาแฟไหม”“อื้อ!”เกวลินรีบพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณให้เปลวตะวันออกเดินนำไปก่อน หมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆยามสลัดความคิดเกี่ยวกับพราวชมพูออกไป เขาไม่ไปดูอาการเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ความร้อนอกร้อนใจของเกวลินสำคัญกว่า หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงคงไม่เร่งเร้าเขาแบบนี้“เกลมีอะไรว่ามาได้เลย” เปลวตะวันเปิดฉากทันทีที่เข้ามาในร้านกาแฟและนั่งลงตรงมุมสงบเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่านคนถูกถามเม้มปากอย่างใช้ความคิดแล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เกลได้ยินเขาเม้าท์กันไปทั้งโรงพยาบาลเรื่องเปลวกับผู้หญิงคนนั้น”เปลวตะวันเลิกคิ้วสูงแล้วไหวไหล่นิด
“เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากพราวชมพู แปลกประหลาดจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอสติไม่ค่อยดีหรือเปล่า” เปลวตะวันพูดกับเธอทั้งที่เธอยังหลับอยู่อย่างนั้นแล้วจู่ๆเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงโต้ตอบกลับมา“ถ้าฉันเสียสติคุณก็เป็นบ้านั่นแหละที่มาวอแวกับคนสติไม่ดีอย่างฉัน”“ตกลงแกล้งหลับสินะ” เขาว่าแล้วบีบจมูกเธอเบาๆพราวชมพูปัดมือเขาทันทีแล้วท้วงเสียงอู้อี้“คุณนี่โรคจิตดีๆนี่เอง คนไข้จะพักผ่อนก็มาก่อกวนอยู่นั่นแหละ”“แล้วทำไมต้องแกล้งหลับ หรือว่าคิดจะแอบฟังว่าฉันกับนิคุยอะไรกัน”“ทำไมต้องแอบฟังคะ คุยกันเสียงดังขนาดนั้น ใครหลับอยู่ก็ต้องตื่นทั้งนั้นแหละ”“ตื่นก็ดีแล้ว ไหนบอกมาซิว่าเวียนหัวดีขึ้นไหม อาเจียนน้อยลงหรือเปล่า”“คุณนิรายงานหมดแล้วจะมาถามทำไมคะ”“ถามเพราะห่วง ถามไม่ได้เหรอ”พราวชมพูกระพริบตาปริบๆ สบตาเขาแล้วหัวใจก็เต้นรัวจนถี่ยิบไม่นะ! มันคือกับดัก อย่าได้หวั่นไหวเชียวอีตาหมอหื่นนี่ไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงจังหรอก มีแต่อยากจะแก้แค้นเธอด้วยเรื่องบ้าบอนั่นล่ะไม่ว่า“ฉันว่าคุณน่าจะพักผ่อนน้อยหรือไม่ก็อาหารเป็นพิษ สติเลยดูท่าจะเลอะเลือนถึงได้พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานเช้าเธอคงกิน
“สวัสดีครับพี่ป่าน”เขาเปิดกล้องรับสายจากปลายทาง เห็นหน้าพี่สาวลอยเด่นมาสีหน้าดูเครียดขึงก็รู้ทันทีว่าโทรมากลางดึกด้วยเรื่องอะไร“เรื่องที่เขาลือกันเป็นความจริงสินะ”ปาลิดาเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าน้องชายสุดที่รักอยู่ที่ไหนเปลวตะวันชำเลืองมองคนบนเตียงแวบหนึ่งก่อนลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปคุยกับคนเป็นพี่ด้านนอก“ผมนึกว่าพี่จะโทรมาเร็วกว่านี้เสียอีกข่าวไปถึงช้าจังนะครับ”“ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลยนะเปลว พี่รู้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่เพราะมีสัมมนาทั้งวันหรอกนะถึงได้เพิ่งโทรหา”ใช่! เธอรู้ข่าวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะต้องเข้าสัมมนาเช้ากว่าปกติเธอถึงต้องรอให้จบวันก่อนถึงโทรหาน้องชายตัวดี และเพราะเวลาที่นี่ต่างจากประเทศไทยถึงหกชั่วโมงจึงต้องรีบโทรมาก่อนที่เปลวตะวันจะเข้านอน“ตกลงเปลวไปพลาดท่าทำผู้หญิงที่ไหนท้องมาฮึ ไหนว่าเก่งนักหนาแล้วทำไมพลาดขึ้นมาได้”“ผมว่าพี่ป่านกลับมาแล้วค่อยคุยกันดีกว่าไหมครับ”“แต่พี่ร้อนใจ มันเรื่องใหญ่มากนะเปลว”“ผมไม่เห็นว่ามันจะเรื่องใหญ่โตอะไร พี่ป่านทำใจให้สบายเถอะครับ”“จะให้สบายใจได้ยังไงในเมื่อเกลบอกว่าเปลวจะรับเด็กคนนั้นเป็นลูกและรับผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียโดยไม่
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ
เปลวตะวันนิ่งงันไปอึดใจเมื่อพบว่าคนที่มาคือเกวลินไม่ใช่พี่สาวของเขาตามที่เข้าใจพอเห็นแขกสาวแล้วเจ้าของบ้านก็รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก เขาลอบมองขึ้นไปชั้นบนของบ้านอย่างนึกกังวลถึงความรู้สึกของพราวชมพู รายนั้นหากรู้ว่าใครมาเยือนกลางดึกเช่นนี้คงฟาดงวงฟาดงาอีกแน่“เกลมารบกวนเวลาพักผ่อนของเปลวหรือเปล่าดูเปลวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับเกลสักเท่าไร”“มาเสียค่ำเชียวมีเรื่องด่วนเหรอ ความจริงโทรมาก็ได้นะ”เกวลินนิ่วหน้าเล็กน้อยรู้สึกตะหงิดๆในคำพูดของคนได้ชื่อว่าเพื่อน ปกติเขาไม่เคยพูดเหมือนไม่อยากต้อนรับเธอแบบนี้“ความจริงก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรหรอก ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะเอาของบำรุงมาฝากคนท้องน่ะ”เกวลินว่าแล้วก็หันไปหยิบกระเช้าในรถมาส่งให้ แล้วก็แปลกอีกเช่นกันที่เปลวตะวันเพียงแค่รับไปแล้วขอบคุณเธอไม่มีคำเอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเข้าไปในบ้าน“เกลขอเข้าไปนั่งพักสักครู่ได้ไหมวันนี้ขับรถไปมาหลายที่เมื่อยขาพอตัวเลย”เปลวตะวันแค่ยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าเกวลินอย่างใช้ความคิดและก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรเสียงเจื้อยแจ้วของพราวชมพูก็ดังมาจากประตูบ้าน
ใช่! พราวชมพูพูดถูกแล้วเขาโกรธเธอ โกรธมากแต่นั่นแหละ! พอเธอออดอ้อนเว้าวอนอย่างสำนึกผิดเขาก็ใจอ่อนเขาพอจะเข้าใจความแปรปรวนทางอารมณ์ แต่ที่เขานิ่งเงียบก็เพราะอยากดัดนิสัยสักหน่อยไม่อยากให้ได้ใจทำอะไรแผลงๆไม่คิดแบบวันนี้อีกด้านพราวชมพูตอนนี้เธอเริ่มจะงอนเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะว่าเขานิ่งเงียบหน้าตึงจนเธอทำตัวไม่ถูกง้อก็แล้วขอโทษก็แล้วอ้อนก็แล้วเปลวตะวันยังตีหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เอาเถอะ! เล่นตัวนักเธอก็จะไม่ง้อแล้ว คอยดูก็แล้วกันเธอจะเชิดใส่เสียให้เข็ดคิดแล้วก็เอาแต่นั่งคอแข็งมองออกไปนอกกระจกด้านข้างไม่ชวนเขาพูดคุยอีกพอถึงบ้านรถจอดสนิท เจ้าหล่อนก็เปิดประตูรถแล้วเข้าบ้านไปทันทีไม่สนใจเขาจริงๆเปลวตะวันส่ายหน้า ดูทำเข้า! สรุปกลายเป็นว่าเขาต้องเป็นฝ่ายง้อเธอใช่ไหม?“เอ๊ะ! หลีกไปนะคะ หมอจะมาขวางพราวทำไม” พราวชมพูแหวใส่เมื่อเปลวตะวันก้าวตามมาติดๆแล้วตรงเข้าขวางเธอไว้ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าห้องนอนแล้วเขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด ความไม่ทันตั้งตัวทำเอาถูกเขาคว้าตัวไปกอดแล้วบดจูบหนักหน่วงดุดัน
วันนี้เป็นวันแรกที่เปลวตะวันยอมปล่อยให้พราวชมพูออกนอกบ้านได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีนิศาชลไปด้วยแม้ว่าพราวชมพูจะรู้สึกอึดอัดที่เขาทำเหมือนกับว่าส่งคนคอยควบคุมดูแลเธอตลอดเวลาแต่ก็พอทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาได้ว่าที่ทำไปก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอและลูกดังนั้นเธอจึงกลับไปบ้านของตัวเอง ไปดูความเรียบร้อยและเอา ของใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วก็ชวนนิศาชลไปหาอะไรกินและช้อปปิ้งก่อนจบลงที่ไปหาเปลวตะวันที่คลินิกเพราะวันนี้เขาไปออกตรวจที่นั่นแทนพี่สาว“คุณนิกลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพราวรอกลับพร้อมหมอเปลวได้”“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิกลับเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมตามใจพราว ไปโน่นนี่กับพราวทั้งวันเลย”“ยินดีค่ะ อีกอย่างหมอเปลวก็จ้างนิมาดูแลคุณพราว ถ้านิทำหน้าที่บกพร่องล่ะก็หมอเปลวต้องดุนิแน่ๆ”“พราวอยู่ทั้งคน คุณนิไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ”“คุณพราวพูดแบบนี้พรุ่งนี้อยากทำอะไรอยากไปไหนบอกเลยค่ะเดี๋ยวนิจัดให้เต็มที่”นิศาชลบอกแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะประสานเสียงร่าเริงอย่าง คนรู้ใจกันพราวชมพูเห
“ฉันยอมลงให้ทุกอย่าง เธออยากได้อะไร ไม่ชอบสิ่งไหน ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำให้หมดแล้ว วันนี้เธอจะตามใจฉันบ้างไม่ได้เหรอ”“ทำไมต้องวันนี้ ตอนนี้ล่ะคะ ปกติหมอก็ไม่ได้หิวจัดขนาดจะขาดใจถ้าไม่ได้กินนี่คะ ถ้าวันนี้พราวไม่พร้อม หมอจะรอต่ออีกไม่ได้เลยเหรอ”“เอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะพราวชมพู”“หมอต่างหากที่กำลังเอาเปรียบพราว หมอเก็บกดเรื่องอะไรมาถึงได้จะมาลงที่พราว เห็นพราวเป็นที่ระบายอารมณ์หรือไงคะ”“พราวชมพู” เปลวตะวันครางชื่อนั้นแผ่วเบาคำพูดง่ายๆแต่กระแทกใจเต็มๆทำเอาเขาหมดอารมณ์ สองมือแกร่งร่วงหล่นลงข้างกายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ“พักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”“เดี๋ยวค่ะ” พราวชมพูเป็นฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้แล้วจู่ๆเธอก็ทำในสิ่งที่เปลวตะวันไม่คาดคิด เธอดึงเขาเข้าไปกอดแล้วก็เขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรของเขาหนักๆ“พราวรู้ว่าพราวเอาเปรียบหมอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกีดกันไม่ให้หมอออกไปหากินนอกบ้าน ทั้งเรื่องให้หมอนอนห้องรับแขกไม่ยอมให้นอนห้องเดียวกับพราว แต่พราวก็อยากหมอเข้าใจ ระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก มันยากนะคะที่จะอยู่ด
“จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน มีแค่ตัวกับดุ้นไม่ได้นะคุณ”เปลวตะวันสะอึก เขาแทบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดห่ามๆของพราวชมพู ดูเอาเถอะ! ผู้หญิงอะไรก๋ากั่นสิ้นดี พูดจาแต่ละทีทำเอาเขาใบ้กินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกไว้ก่อนเลยนะฉันหน้าเงิน ถ้าเงินไม่หนาพอก็เชิญป้ายหน้า”“ห้าล้านพอไหม หรือจะเอาสิบล้าน ร้อยล้าน เอาเท่าไรดีถึงจะเป็นพ่อของลูกเธอได้”คราวนี้พราวชมพูปากสั่น รู้หรอกว่ารวย เธอแค่กระแซะนิดกระแซะหน่อยอีตาหมอหื่นนี่ก็ดันเอาเงินมาฟาดไม่ไว้หน้าซะงั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสิมา! เป็นไงก็เป็นกันมาถึงขั้นนี้อยากยืดอกแสดงตัวรับผิดชอบนัก เธอก็จะจัดให้สมใจ อย่าคิดนะว่าคนอย่างพราวชมพูไม่กล้ารับ“แน่จริงก็เอาห้าร้อยล้านมากองตรงหน้าสิ อย่าดีแต่พูดนะคะ ใครรู้เข้าจะว่าเอาได้ว่าหมอเปลวเก่งแต่ปาก”“งกขนานแท้ หึๆ งกแบบนี้รับรองว่าลูกได้ความงกจากแม่มาพันเปอร์เซ็นต์”“คุณเป็นคนเสนอเอง ฉันก็แค่สนองให้ก็แค่นั้นเองค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับไปแล้วก็ช่วยสนองเรื่องบนเตียงให้คุ้มกับค่าตัวหน่อยก็แล้วกัน”พราวชมพูอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับคำพูดของเขา เธอมัวแต่คิดเอาชนะจนลื
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ
“สวัสดีครับพี่ป่าน”เขาเปิดกล้องรับสายจากปลายทาง เห็นหน้าพี่สาวลอยเด่นมาสีหน้าดูเครียดขึงก็รู้ทันทีว่าโทรมากลางดึกด้วยเรื่องอะไร“เรื่องที่เขาลือกันเป็นความจริงสินะ”ปาลิดาเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าน้องชายสุดที่รักอยู่ที่ไหนเปลวตะวันชำเลืองมองคนบนเตียงแวบหนึ่งก่อนลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปคุยกับคนเป็นพี่ด้านนอก“ผมนึกว่าพี่จะโทรมาเร็วกว่านี้เสียอีกข่าวไปถึงช้าจังนะครับ”“ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลยนะเปลว พี่รู้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่เพราะมีสัมมนาทั้งวันหรอกนะถึงได้เพิ่งโทรหา”ใช่! เธอรู้ข่าวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะต้องเข้าสัมมนาเช้ากว่าปกติเธอถึงต้องรอให้จบวันก่อนถึงโทรหาน้องชายตัวดี และเพราะเวลาที่นี่ต่างจากประเทศไทยถึงหกชั่วโมงจึงต้องรีบโทรมาก่อนที่เปลวตะวันจะเข้านอน“ตกลงเปลวไปพลาดท่าทำผู้หญิงที่ไหนท้องมาฮึ ไหนว่าเก่งนักหนาแล้วทำไมพลาดขึ้นมาได้”“ผมว่าพี่ป่านกลับมาแล้วค่อยคุยกันดีกว่าไหมครับ”“แต่พี่ร้อนใจ มันเรื่องใหญ่มากนะเปลว”“ผมไม่เห็นว่ามันจะเรื่องใหญ่โตอะไร พี่ป่านทำใจให้สบายเถอะครับ”“จะให้สบายใจได้ยังไงในเมื่อเกลบอกว่าเปลวจะรับเด็กคนนั้นเป็นลูกและรับผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียโดยไม่
“เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากพราวชมพู แปลกประหลาดจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอสติไม่ค่อยดีหรือเปล่า” เปลวตะวันพูดกับเธอทั้งที่เธอยังหลับอยู่อย่างนั้นแล้วจู่ๆเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงโต้ตอบกลับมา“ถ้าฉันเสียสติคุณก็เป็นบ้านั่นแหละที่มาวอแวกับคนสติไม่ดีอย่างฉัน”“ตกลงแกล้งหลับสินะ” เขาว่าแล้วบีบจมูกเธอเบาๆพราวชมพูปัดมือเขาทันทีแล้วท้วงเสียงอู้อี้“คุณนี่โรคจิตดีๆนี่เอง คนไข้จะพักผ่อนก็มาก่อกวนอยู่นั่นแหละ”“แล้วทำไมต้องแกล้งหลับ หรือว่าคิดจะแอบฟังว่าฉันกับนิคุยอะไรกัน”“ทำไมต้องแอบฟังคะ คุยกันเสียงดังขนาดนั้น ใครหลับอยู่ก็ต้องตื่นทั้งนั้นแหละ”“ตื่นก็ดีแล้ว ไหนบอกมาซิว่าเวียนหัวดีขึ้นไหม อาเจียนน้อยลงหรือเปล่า”“คุณนิรายงานหมดแล้วจะมาถามทำไมคะ”“ถามเพราะห่วง ถามไม่ได้เหรอ”พราวชมพูกระพริบตาปริบๆ สบตาเขาแล้วหัวใจก็เต้นรัวจนถี่ยิบไม่นะ! มันคือกับดัก อย่าได้หวั่นไหวเชียวอีตาหมอหื่นนี่ไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงจังหรอก มีแต่อยากจะแก้แค้นเธอด้วยเรื่องบ้าบอนั่นล่ะไม่ว่า“ฉันว่าคุณน่าจะพักผ่อนน้อยหรือไม่ก็อาหารเป็นพิษ สติเลยดูท่าจะเลอะเลือนถึงได้พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานเช้าเธอคงกิน
“เปลว บ่ายนี้มีออกตรวจหรือเปล่า เกลมีเรื่องอยากคุยด้วย”เกวลินรีบบอกทันทีที่เจอหน้าเปลวตะวันตรงหน้าลิฟต์เฉพาะผู้บริหารและแพทย์ เปลวตะวันที่กำลังจะขึ้นไปดูอาการพราวชมพูหยุดคิดอึดใจก่อนตอบ“บ่ายนี้ไม่มีออกตรวจแล้วแต่มีผ่าตัดสองเคสเกลมีอะไรด่วนไหม รอหลังเราผ่าตัดเสร็จได้หรือเปล่า”“เคสแรกกี่โมงเหรอ”“ก็อีกประมาณชั่วโมงนะ”“ถ้าอย่างนั้นคุยตอนนี้เลยได้ไหม เกลร้อนใจ”เปลวตะวันนิ่งคิด หมอหนุ่มเผลอตวัดสายตามองลิฟต์แวบหนึ่งก่อนหันมาตอบ“ได้สิ คุยที่ไหนดี ร้านกาแฟไหม”“อื้อ!”เกวลินรีบพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณให้เปลวตะวันออกเดินนำไปก่อน หมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆยามสลัดความคิดเกี่ยวกับพราวชมพูออกไป เขาไม่ไปดูอาการเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ความร้อนอกร้อนใจของเกวลินสำคัญกว่า หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงคงไม่เร่งเร้าเขาแบบนี้“เกลมีอะไรว่ามาได้เลย” เปลวตะวันเปิดฉากทันทีที่เข้ามาในร้านกาแฟและนั่งลงตรงมุมสงบเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่านคนถูกถามเม้มปากอย่างใช้ความคิดแล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เกลได้ยินเขาเม้าท์กันไปทั้งโรงพยาบาลเรื่องเปลวกับผู้หญิงคนนั้น”เปลวตะวันเลิกคิ้วสูงแล้วไหวไหล่นิด