“โอ๊ย...หมอเปลว ฉันเจ็บนะ”
“เดี๋ยวก็หายเจ็บน่า” เขาตอบเสียงแหบห้าวสั่นพร่า เรือนร่างกำยำของเขาก็สั่นเทาไม่แพ้กัน
พราวชมพูจิกปลายเล็บลงบนต้นแขนแกร่งทั้งสองข้างแล้วขบเรียวฟันสวยลงบนบ่ากว้างยามเกร็งร่างรับการสอดแทรกแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น
“ไม่เจอกันตั้งนานยังฟิตแน่นเหมือนเดิมเลยนะ” เขาว่าแล้วค่อยๆบังคับสะโพกสอบเป็นจังหวะเนิบนาบนำพากระบอกฉีดยาบ้องใหญ่คู่ใจเคลื่อนเข้าเคลื่อนออกทำความคุ้นเคยกับความนุ่มหยุ่นคับแน่นนั้น
ถึงตอนนี้พราวชมพูเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดรัดต้นคอแกร่งแล้วแหงนดวงหน้าสวยพร้อมกับเปล่งเสียงครวญกระเส่าแผ่วเบาด้วยความซ่านสยิว
เปลวตะวันเองก็เปล่งเสียงครางกระหึ่มอย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะเช่นกัน อารมณ์กระสันเสียวที่ขมวดม้วนเป็นเกลียวคลื่นถาโถมสาดซัดอัดแน่นในกายแกร่งของเขาคืนแล้วคืนเล่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมากำลังจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
ดิ๊งด่อง....ดิ๊งด่อง...
เปลวตะวันชะงักกึกเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านดังก้องบ่งบอกว่ามีคนมาหาเขา คนกำลังด่ำดิ่งสู่ห้วงกามาวาดหวังจะนำพาเจ้าหล่อนทะยานไปเริงระบำบนวิมานชั้นฟ้าด้วยกันถึงกับหัวเสีย
ดิ๊งด่อง...ดิ๊งด่อง...
พราวชมพูผ่อนลมหายใจพรู เธอไม่รู้ว่าควรดีใจหรือไม่ แต่ว่าเปลวตะวันไม่ดีใจแน่นอน
“บ้าชิบ! จะมาทำไมตอนนี้นะ”
เขาสบถแล้วขบฟันสะกดข่มอารมณ์ซ่านสยิวในกายให้หลับลึกลงไป เขายังมีเวลาอีกมาก ถูกขัดจังหวะแค่นี้ไม่ถึงกับถูกไฟราคะแผดเผาตายหรอก
เขาคิดก่อนค่อยๆถอดถอยกระบอกฉีดยาบ้องใหญ่ออกมา
พราวชมพูขบเม้มปากแน่นเก็บข่มความซ่านสยิวเอาไว้จนสุดหัวใจ
“อารมณ์ค้างล่ะสิ หึๆ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวคืนนี้ฉันจัดหนักเอาให้ครางลั่นบ้านไปเลย”
“อย่าคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเองสิคะ คนบนโลกนี้ไม่ได้หื่นเหมือนคุณหรอกน่า”
“คนอื่นอาจไม่ แต่สำหรับเธอน่ะใช่! หื่นสุดกว่าใครเชียวแหละฉันคอนเฟิร์ม” เปลวตะวันว่าแล้วยิ้มยั่ว
พราวชมพูหน้าม้านเธอรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง แล้วก็ต้องสะดุ้งและรีบตีมือเขาเบาๆเมื่อเปลวตะวันเคลื่อนมือตรงเข้าขยุ้มทรวงสวยคลึงเคล้าหยอกเอิน
“อย่ามาอ้อยอิ่ง รีบไปดูสิคะว่าใครมา” เธอติงเบาๆเมื่อเขายังไม่หยุด ยิ่งเห็นสีหน้าบ่งบอกอาการพยายามข่มกดความหวามหวิวเอาไว้เขาก็ยิ่งได้ใจคลึงหนักหน่วงขึ้น
เพียะ!
เธอตีแขนเขาหนักมือขึ้นก่อนดุเบาๆ
“จะรอให้เขาเรียกกู้ภัยมาก่อนหรือไงถึงจะออกไปได้”
“เรียกมาทำไม”
“ก็กดกริ่งอยู่ตั้งนานคุณไม่ออกไปเสียที ป่านนี้เขาไม่คิดว่าคุณกลายเป็นศพเน่าคาบ้านไปแล้วเหรอ”
เปลวตะวันหัวเราะเบาๆ พราวชมพูเห็นแล้วก็รู้สึกหัวใจเบาโหวง
นี่เป็นครั้งแรกนับจากการกลับมาเจอกันคราวนี้ที่เขาหัวเราะขบขัน หากหมอเปลวตะวันหันหน้าเข้าหาเธอดั่งเช่นค่ำคืนเร่าร้อนคืนนั้น หัวใจอ่อนๆของเธออาจอ่อนไหวโอนเอน
ไม่ได้! เธอจะใจอ่อนหวั่นไหวไม่ได้ เขาน่ะร้ายแสนร้าย!
“ไปสิคะ” เธอรีบไล่ส่ง คราวนี้หมอเปลวตะวันไม่อิดออดอีกต่อไป เพราะดันนึกขึ้นได้ว่านัดใครเอาไว้
“ซวยแล้ว!” เขาว่าแล้วรีบผละจากไปทิ้งให้พราวชมพูยืนเปลือยร่างล่อนจ้อนอยู่อย่างนั้น
“เป็นอะไรของเขา” พราวชมพูนิ่วหน้ากับเสียงอุทานกับสีหน้าตื่นของหมอหื่น คิดแล้วก็ชวนให้สงสัย เธออยากรู้นักว่าใครที่ทำให้คนตั้งตัวเป็นดั่งพระเจ้าอย่างเขาถึงกับเผ่นออกไปต้อนรับแทบทันทีแบบนี้
หรือว่าจะเป็น...
พราวชมพูรีบจัดการชำระล้างร่างกายก่อนคว้าเสื้อคลุมมาสวมแล้วออกจากห้องน้ำติดตามไปทันที
คอยดูเถอะ! เธอจะเป็นฝ่ายพ่นพิษใส่เขาบ้าง เขาจะได้รู้สำนึกว่าไม่ควรแหย่เท้ามาสะกิดจมูกเสือสาวอย่างเธอ
ด้านนอกประตูรั้วบ้าน ร่างโปร่งบางของหญิงสาวในชุดเดรสสีครีมคลุมทับด้วยเสื้อกาวน์สั้นกำลังยืนกดออดไปพลางอีกมือก็กดสมาร์ตโฟนโทรหาเจ้าของบ้านไปพลาง เธอมองผ่านประตูรั้วเข้าไปก็เห็นรถจอดอยู่ แต่แปลกที่คนนัดแนะให้เธอมาให้กลับไม่รับสายและไม่มีทีท่าจะออกมาเปิดประตู
“เป็นอะไรหรือเปล่านะ” คนหน้าสวยคมพึมพำกับตัวเองก่อนตัดสินใจหันกลับไปขึ้นรถ
แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูรถมินิคูเปอร์คู่ใจ ประตูรั้วก็ค่อยๆเคลื่อนเปิดและสายตาเธอก็ทันได้เหลือบแลไปเห็นเจ้าของบ้านเปิดประตูออกมา
“ออกมาในสภาพนี้ทุกทีสิน่า” คนมาเยือนบ่นอุบเมื่อเห็นหมอเปลวตะวันในสภาพสวมเสื้อคลุมตัวเดียวผมเผ้ายุ่งเหยิง
เธอเคยชินกับเบื้องลึกเบื้องหลังของนายแพทย์หนุ่มอนาคตไกลคนนี้เสียแล้ว แต่ถึงเขามักจะทำตัวเหมือนเด็กหนุ่มจอมเกเรสำหรับคนใกล้ชิด แต่สำหรับเธอภาพของหมอหนุ่มแสนสุภาพอ่อนโยนต่อคนไข้และผู้ร่วมงานเด่นชัดเสมอ
“ขอโทษทีนะเกล เราเพิ่งตื่นน่ะเลยไม่ทันแต่งตัวให้ดี” เปลวตะวันแก้ตัวพร้อมส่งสายตาสำนึกผิดมาให้หลังจากผู้มาเยือนขับรถเข้ามาจอดหน้าลานบ้าน ทำเอาคนตั้งใจบ่นถึงกับยิ้มอ่อน
“เกลนึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าเป็นคนอื่นมาเห็นเปลวในสภาพนี้เขาจะทำหน้ายังไง หมอหนุ่มแสนสุภาพอ่อนโยนเวลาอยู่บ้านสภาพช่างแตกต่างนัก”
“โธ่! อย่าบ่นนักสิเกล เราว่าปล่อยให้พี่ป่านบ่นอยู่คนเดียวก็พอแล้วปวดหัวน่า”
“ก็ได้ไม่บ่นก็ได้แต่ว่าต้องเลี้ยงข้าวเกลเป็นการปิดปากโอเค๊”
“โธ่! เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่ได้ล่ะ โอเค! เดี๋ยววันนี้เราพาเกลไปกินร้านที่อร่อยที่สุดแพงที่สุดเลยเอ้า!”
“ขอดูหนังสักเรื่องด้วยได้ไหมล่ะ”
เปลวตะวันเลิกคิ้วที่วันนี้เกวลินมาแปลก ปกติเพื่อนรักของเขาไม่ค่อยชอบเข้าโรงภาพยนตร์วันนี้นึกอะไรขึ้นมาถึงเรียกร้องอยากดู
“ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นเลย บอกมาคำเดียวว่าได้หรือไม่ได้”
“ได้สิ จะปิดโรงหนังเลี้ยงสักวันยังได้เลยฮ่าๆๆ”
“เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน ครั้งนี้เกลขอไปดูแบบปกติธรรมดาเหมือนชาวบ้านทั่วไปก่อน”
“ครับผม ด้วยความยินดีครับ”
คำตอบแบบยอมให้เธอแล้วในทุกสิ่งอย่างของหมอหนุ่มทำเอาคนเรียกร้องหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ยอมไปหมดทุกอย่างแบบนี้บอกมาเลยดีกว่าเรียกเกลมาทำไม”
เปลวตะวันหัวเราะร่วนก่อนตอบยิ้มๆ
“พี่ป่านไม่อยู่ก็เลยจะให้มาอยู่คลินิกแทนสักสองสามวัน”
“ทุกทีสิน่า พี่ป่านใช้เปลวแล้วเปลวก็มาใช้เกลต่อ”
“น่านะ เดี๋ยวเราเลี้ยงไอศกรีมตบท้ายหลังดูหนังจบเอาให้ฟินสุดๆไปเลยดีไหม”
“เกลไม่ใช่เด็กๆที่เปลวจะเอาขนมเข้าหลอกล่อแล้วนะ เกลโตแล้ว”
“โตแล้วก็เอามาหลอกล่อได้นะ ได้ผลดีด้วยสิ ฮ่าๆๆ”
“หืม...หมั่นไส้นักล้อเลียนกันจริง เดี๋ยวเกลก็ไม่ช่วยเลยนี่”
“โธ่ๆ เกลไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยเราล่ะ ไม่งอนนะ”
เกวลินทำตาโตใส่แล้วก็หัวเราะขันกับสายตาและรอยยิ้มออเซาะของคนได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรัก
ใช่! เธอและเปลวตะวันโตมาด้วยกัน เรียนห้องเดียวกันตลอด ไปไหนไปกันแล้วก็เลือกเรียนหมอเหมือนกันจบแล้วก็ต่อเฉพาะทางด้านเดียวกัน เธอและเขาต่างมีอะไรๆเหมือนกันจนใครๆหลายคนต่างวาดฝันว่าเธอและเขาน่าจะลงเอยกัน
ไม่ใช่แค่ใครหลายคน เธอเองก็วาดหวังเช่นกัน แต่เธอรู้ดีว่าวันนั้น ไม่มีทางมาถึง สำหรับเปลวตะวันแล้วเธอก็เป็นได้แค่เพื่อนรักที่ไม่เคยทอดทิ้งกันก็เท่านั้น
ขณะที่เปลวตะวันอ้อล้ออยู่กับเพื่อนรัก อีกด้านพราวชมพูที่ตามออกมาและลอบสังเกตอยู่ก็ยิ้มเยาะหมายมาด ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายตามมาคุกคามเธอก่อน ดังนั้นก็ต้องเจอกรรมสนองกลับให้สาสม ไวเท่าความคิดสองเท้าเล็กๆซอยถี่ๆลงบันไดมายังชั้นล่างตรงเข้าไปหาคนทั้งสองย่างรวดเร็ว
“ที่รักขา...ใครมาแต่เช้าเชียว”
เสียงหวานๆดังกังวานมาจากบันไดที่ทอดสู่ชั้นสองของตัวบ้านทำเอาเปลวตะวันถึงกับสะดุ้งเฮือก! ส่วนเกวลินถึงกับหันขวับไปมองอย่างตกตะลึงแล้วหันมาเข่นเขี้ยวเอาความกับเจ้าของบ้าน น้ำเสียงแววตาบ่งบอกความไม่พอใจชัดเจน
เอ๊ะ! อะไร ยังไงนะ
“นี่เปลวเปลี่ยนรสนิยมพาผู้หญิงมานอนที่บ้านแล้วเหรอ”เปลวตะวันเลิกคิ้วมองคนถามอย่างแปลกใจ ปกติเกวลินมักจะบ่นเขาไปตามประสาแต่ไม่เคยแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจนแบบนี้ และยังไม่ทันที่เขาจะทันได้ตอบอะไร เจ้าของเสียงหวานที่ทักดังมาก็เดินฉับๆเข้ามานั่งเบียดแนบสนิทพร้อมกับคล้องสองแขนเข้าที่ต้นคอแกร่งแล้วจู่โจมหอมแก้มสากของเขาฟอดใหญ่“ที่รักน่ะ ปล่อยให้พราวรอ...ร้อ...รอ...นานมากไปแล้วนะคะ ไหนบอกจะลงมาดูแค่แป๊บเดียวไง”“นี่เธอทำอะไรของเธอฮึ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มแล้วทำตาดุใส่ แต่พราวชมพูกับยิ้มหน้าระรื่น“ต๊าย! ดุจัง อย่าดุนักสิคะ พราวนึกว่าที่รักจะดุแค่บนเตียงเสียอีกฮิๆๆ”“อะแฮ่ม!!” เกวลินทนไม่ไหวถึงกับต้องกระแอมไอเจอผู้หญิงของเปลวตะวันมาก็มากแต่ไม่เคยมีคนไหนระริกระรี้ต่อหน้าต่อตาเธอแบบนี้อาการออดอ้อนออเซาะเกาะกอดเปลวตะวันแนบแน่นจนแทบจะสิงร่างนั้นก็ทำเอาความหึงหวงพุ่งปรี๊ดจนเกินขีดจำกัดเธออยากลุกขึ้นไปกระชากร่างอ้อนแอ้นออกมาตบเสียให้สมกับความชัง แต่ก็ต้องซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้จนลึกสุดหัวใจแล้วคลี่ยิ้มสวยเอ่ยเสียงอ่อนหวานสวมบทบาทหญิงสาวผู้แสนอ่อนโยน“ฉันว่าคุณควรจะออกไปนั่งรอในที่ของคุณนะค
เกวลินเห็นแล้วของแทบขึ้น ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกรับมือยากเหมือนผู้หญิงคนนี้สักคน“เกลว่าเปลวพา เอ่อ...เธอไปพักเถอะ กำลังท้องไม่ใช่เหรอ แม่เครียดมากเดี๋ยวลูกได้เครียดตามกันพอดี”ปากบอกด้วยความหวังดีแต่สายตาลอบมองหน้าท้องที่ดูเหมือนจะเริ่มนูนขึ้นมาน้อยๆของพราวชมพูด้วยความริษยา ยิ่งคิดว่ามีเลือดเนื้อของเปลวตะวันอยู่ในนั้นเธอก็แทบจะรับไม่ได้เปลวตะวันเห็นพราวชมพูอารมณ์ปรวนแปรขึ้นๆลงๆก็พอเข้าใจว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งของคนท้อง แต่ก็อดห่วงผลกระทบที่จะตกถึงเด็กไม่ได้“หยุดร้องไห้เสียทีเถอะพราวชมพู เห็นแล้วฉันเครียดแทนลูกเธอ”พราวชมพูได้ยินเปลวตะวันพูดแบบนั้นก็หยุดสะอึกสะอื้นทันที ดวงตาคู่สวยวาววับหลุบลงมือหน้าท้อง แล้วใช้มือลูบไล้หน้าท้องแผ่วเบาก่อนผุดลุกขึ้นยืนรวดเร็วจนเปลวตะวันตามอารมณ์แทบไม่ทัน“เชิญคุยกันไปตามสบายเถอะค่ะ พราวขอตัว”“นั่นจะไปไหน” เปลวตะวันถามเสียงเครียดเขารู้ว่าจุดประสงค์แรกของพราวชมพูคือมาก่อกวน แต่ตอนนี้เขาเห็นสีหน้าแววตาเธอแล้วเดาใจไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร“มันเรื่องของพราวกับลูก ไม่เกี่ยวกับหมอ อยากจะคุยอะไรกันก็เชิญคุยกันเถอะค่ะ แล้วก็ช่วยเคลียร์ให้จบซะวันนี้นะคะ อย่าให้พร
พราวชมพูบอกไม่ถูกว่าทำไมตัวเองถึงต้องไม่พอใจมากขนาดนี้ที่เปลวตะวันทิ้งให้เธออยู่บ้านลำพังส่วนตัวเขาออกไปเริงร่ากับแม่หมอคู่ขาเอ่อ...ไม่สิเขาบอกเองว่าเป็นเพื่อน แม่หมอคนนั้นก็พูดแบบเดียวกัน“เฮอะ! เพื่อนสนิทท้องติดกันล่ะสิ ป่านนี้ถึงยังไม่กลับ”พราวชมพูเบะปากแล้วหันกลับไปสนใจภาพเคลื่อนไหวในหน้าจอทีวี เขาจะเป็นอะไรกับใครไม่เกี่ยวกับเธอจะเป็นแค่เพื่อนสนิท ใกล้ชิดแนบแน่นแค่ไหนก็เรื่องของเขาเธอจะเก็บมาใส่ใจให้รกสมองทำไมแต่ว่าจนป่านนี้ก็เลยเวลาค่ำมานานแล้ว ตั้งแต่เช้ามาเธอมีเพียงแค่น้ำกับนมเพียงเล็กน้อยที่ตกถึงท้อง อาหารอื่นๆที่เขาเอามากองให้บนโต๊ะเธอแทบไม่ได้แตะใช่! เขาหอบเอามากองให้แล้วก็ปิดล็อกห้องขังเธอเอาไว้ในนี้แล้วออกไประรี้ระริกกับแม่เพื่อนสนิทคนดีนั่นการกระทำของเขามันน่ารังเกียจนัก คอยดูเถอะเธอจะปั่นป่วนก่อกวนเอาให้หาความสงบไม่ได้เลยเชียวคิดไปคิดมาพราวชมพูก็เริ่มพะอืดพะอม จะว่าเพราะอาการแพ้ท้องอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ คงเพราะท้องเธอว่างเปล่าจึงเกิดอาการคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนหนักขึ้นอาหารบนโต๊ะพวกนั้นเหรอ? เธอไม่แตะสักนิด ไม่ใช่หยิ่งไม่ยอมกิน แต่เพราะวันนี้อาการแพ้ท้องเหมือนจะม
“อ้าว! พี่เปลวสวัสดีครับพี่ คนนั้นใครเหรอพี่เห็นว่าเป็นคนไข้พิเศษ”เจ้าของไร่เผือกเปิดฉากถามพร้อมยิ้มระรื่นอารมณ์ดี แต่เหมือนคนถูกถามจะไม่ได้อารมณ์ดียามตอบ“นายจะมาวุ่นอะไรกับคนไข้ฉัน” น้ำเสียงที่ใช้นั้นราบเรียบ สีหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์คนอยากรู้อยากเห็นหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม“ไม่ได้วุ่นอะไรหรอกครับพี่ ก็แค่ถามไปตามประสาแหละครับ”เปลวตะวันไม่ได้สนใจคำตอบนั้น เขาจดบันทึกคำสั่งการรักษาลงไป เสร็จแล้วก็ยื่นแฟ้มส่งคืนให้พยาบาล“ได้ห้องเรียบร้อยแล้วโทรบอกด้วย แล้วพยาบาลพิเศษก็ให้มาพรุ่งนี้เช้านะ คืนนี้ไม่ต้อง ผมจะเฝ้าไข้เอง”คนบอกไม่ได้วุ่นถึงกับหูผึ่งที่ได้ยินคำสั่งนั้น และความปากไวก็พูดออกไปโดยไม่ต้องคิด“พิเศษใส่ไข่เสียด้วย ใส่ใจเฝ้าไข้ด้วยตัวเองแบบนี้ คนพิเศษของพี่เปลวเหรอครับ”เปลวตะวันเริ่มฉุน เขาตวัดสายตามองคนถามแวบหนึ่งเก็บข่มความไม่พึงพอใจเอาไว้แล้วตอบแบบนิ่งขรึมแสนสุภาพ“จะพิเศษใส่ไข่ใส่ใจแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมาบอกกล่าวใคร นายเองก็เอาเวลาไปใส่ใจคนไข้นายเถอะ น่าจะต้องใส่ใจเยอะหน่อย ได้ข่าวมาว่ารถไฟชนกันระเนระนาดไปหมด ยังไงก็ช่วยดูๆให้ดีหน่อยนะ” เขาบอ
พราวชมพูหลับตาลงได้ไม่นานเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดและปิดอีกครั้ง หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วมองผู้เข้ามาคนใหม่เห็นเป็นเปลวตะวันมาพร้อมกับพยาบาลสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม คนอยากจะนอนก็ขยับลุกนั่งทันที“อย่าลุกเร็วนักสิ เดี๋ยวก็หัวทิ่มตกเตียงหรอก” เขาว่าหลังจากถลาเข้ามาช่วยประคองให้เธอลุกนั่งพราวชมพูรู้สึกหัวใจฟูฟ่องขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคู่หวานตวัดมองพยาบาลวัยละอ่อนแวบหนึ่งเห็นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มละมัยไร้พิษภัยก็แอบชำเลืองมองหมอที่เป็นพ่อของลูกอย่างจับผิด“คุณแม่ต้องระมัดระวังให้มากนะคะ ช่วงนี้อาจวิงเวียนศีรษะมากหน่อยอาจทำให้ทำอะไรได้ไม่คล่องตัวเหมือนตอนยังไม่มีเจ้าตัวเล็กในท้องค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”พราวชมพูยิ้มรับกับคำบอกกล่าวของพยาบาลสาวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเปลวตะวันที่ยังคงประคองเธอเอาไว้ ความไม่คุ้นเคยและรู้สึกกระดากอายทำให้เธอปัดมือเขาออก“นิศาชลเป็นพยาบาลพิเศษที่จะดูแลเธอจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล แล้วบางทีอาจไปดูแลเธอต่อตอนกลับไปพักฟื้นที่บ้านด้วย”“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ป่วยเสียหน่อยทำไมต้องมีพยาบาลดูแลใกล้ชิด”“ไม่ได้ป่วยแต่ก็ไม่ได้แข็งแรงมากพอจะอยู่คนเดียว”“แต่ว่าฉัน...”“อย่าดื้อ”พราว
“เปลว บ่ายนี้มีออกตรวจหรือเปล่า เกลมีเรื่องอยากคุยด้วย”เกวลินรีบบอกทันทีที่เจอหน้าเปลวตะวันตรงหน้าลิฟต์เฉพาะผู้บริหารและแพทย์ เปลวตะวันที่กำลังจะขึ้นไปดูอาการพราวชมพูหยุดคิดอึดใจก่อนตอบ“บ่ายนี้ไม่มีออกตรวจแล้วแต่มีผ่าตัดสองเคสเกลมีอะไรด่วนไหม รอหลังเราผ่าตัดเสร็จได้หรือเปล่า”“เคสแรกกี่โมงเหรอ”“ก็อีกประมาณชั่วโมงนะ”“ถ้าอย่างนั้นคุยตอนนี้เลยได้ไหม เกลร้อนใจ”เปลวตะวันนิ่งคิด หมอหนุ่มเผลอตวัดสายตามองลิฟต์แวบหนึ่งก่อนหันมาตอบ“ได้สิ คุยที่ไหนดี ร้านกาแฟไหม”“อื้อ!”เกวลินรีบพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณให้เปลวตะวันออกเดินนำไปก่อน หมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆยามสลัดความคิดเกี่ยวกับพราวชมพูออกไป เขาไม่ไปดูอาการเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ความร้อนอกร้อนใจของเกวลินสำคัญกว่า หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงคงไม่เร่งเร้าเขาแบบนี้“เกลมีอะไรว่ามาได้เลย” เปลวตะวันเปิดฉากทันทีที่เข้ามาในร้านกาแฟและนั่งลงตรงมุมสงบเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่านคนถูกถามเม้มปากอย่างใช้ความคิดแล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เกลได้ยินเขาเม้าท์กันไปทั้งโรงพยาบาลเรื่องเปลวกับผู้หญิงคนนั้น”เปลวตะวันเลิกคิ้วสูงแล้วไหวไหล่นิด
“เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากพราวชมพู แปลกประหลาดจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอสติไม่ค่อยดีหรือเปล่า” เปลวตะวันพูดกับเธอทั้งที่เธอยังหลับอยู่อย่างนั้นแล้วจู่ๆเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงโต้ตอบกลับมา“ถ้าฉันเสียสติคุณก็เป็นบ้านั่นแหละที่มาวอแวกับคนสติไม่ดีอย่างฉัน”“ตกลงแกล้งหลับสินะ” เขาว่าแล้วบีบจมูกเธอเบาๆพราวชมพูปัดมือเขาทันทีแล้วท้วงเสียงอู้อี้“คุณนี่โรคจิตดีๆนี่เอง คนไข้จะพักผ่อนก็มาก่อกวนอยู่นั่นแหละ”“แล้วทำไมต้องแกล้งหลับ หรือว่าคิดจะแอบฟังว่าฉันกับนิคุยอะไรกัน”“ทำไมต้องแอบฟังคะ คุยกันเสียงดังขนาดนั้น ใครหลับอยู่ก็ต้องตื่นทั้งนั้นแหละ”“ตื่นก็ดีแล้ว ไหนบอกมาซิว่าเวียนหัวดีขึ้นไหม อาเจียนน้อยลงหรือเปล่า”“คุณนิรายงานหมดแล้วจะมาถามทำไมคะ”“ถามเพราะห่วง ถามไม่ได้เหรอ”พราวชมพูกระพริบตาปริบๆ สบตาเขาแล้วหัวใจก็เต้นรัวจนถี่ยิบไม่นะ! มันคือกับดัก อย่าได้หวั่นไหวเชียวอีตาหมอหื่นนี่ไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงจังหรอก มีแต่อยากจะแก้แค้นเธอด้วยเรื่องบ้าบอนั่นล่ะไม่ว่า“ฉันว่าคุณน่าจะพักผ่อนน้อยหรือไม่ก็อาหารเป็นพิษ สติเลยดูท่าจะเลอะเลือนถึงได้พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานเช้าเธอคงกิน
“สวัสดีครับพี่ป่าน”เขาเปิดกล้องรับสายจากปลายทาง เห็นหน้าพี่สาวลอยเด่นมาสีหน้าดูเครียดขึงก็รู้ทันทีว่าโทรมากลางดึกด้วยเรื่องอะไร“เรื่องที่เขาลือกันเป็นความจริงสินะ”ปาลิดาเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าน้องชายสุดที่รักอยู่ที่ไหนเปลวตะวันชำเลืองมองคนบนเตียงแวบหนึ่งก่อนลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปคุยกับคนเป็นพี่ด้านนอก“ผมนึกว่าพี่จะโทรมาเร็วกว่านี้เสียอีกข่าวไปถึงช้าจังนะครับ”“ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลยนะเปลว พี่รู้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่เพราะมีสัมมนาทั้งวันหรอกนะถึงได้เพิ่งโทรหา”ใช่! เธอรู้ข่าวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะต้องเข้าสัมมนาเช้ากว่าปกติเธอถึงต้องรอให้จบวันก่อนถึงโทรหาน้องชายตัวดี และเพราะเวลาที่นี่ต่างจากประเทศไทยถึงหกชั่วโมงจึงต้องรีบโทรมาก่อนที่เปลวตะวันจะเข้านอน“ตกลงเปลวไปพลาดท่าทำผู้หญิงที่ไหนท้องมาฮึ ไหนว่าเก่งนักหนาแล้วทำไมพลาดขึ้นมาได้”“ผมว่าพี่ป่านกลับมาแล้วค่อยคุยกันดีกว่าไหมครับ”“แต่พี่ร้อนใจ มันเรื่องใหญ่มากนะเปลว”“ผมไม่เห็นว่ามันจะเรื่องใหญ่โตอะไร พี่ป่านทำใจให้สบายเถอะครับ”“จะให้สบายใจได้ยังไงในเมื่อเกลบอกว่าเปลวจะรับเด็กคนนั้นเป็นลูกและรับผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียโดยไม่
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็