“เปลว บ่ายนี้มีออกตรวจหรือเปล่า เกลมีเรื่องอยากคุยด้วย”
เกวลินรีบบอกทันทีที่เจอหน้าเปลวตะวันตรงหน้าลิฟต์เฉพาะผู้บริหารและแพทย์ เปลวตะวันที่กำลังจะขึ้นไปดูอาการพราวชมพูหยุดคิดอึดใจก่อนตอบ
“บ่ายนี้ไม่มีออกตรวจแล้วแต่มีผ่าตัดสองเคสเกลมีอะไรด่วนไหม รอหลังเราผ่าตัดเสร็จได้หรือเปล่า”
“เคสแรกกี่โมงเหรอ”
“ก็อีกประมาณชั่วโมงนะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุยตอนนี้เลยได้ไหม เกลร้อนใจ”
เปลวตะวันนิ่งคิด หมอหนุ่มเผลอตวัดสายตามองลิฟต์แวบหนึ่งก่อนหันมาตอบ
“ได้สิ คุยที่ไหนดี ร้านกาแฟไหม”
“อื้อ!”
เกวลินรีบพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณให้เปลวตะวันออกเดินนำไปก่อน หมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆยามสลัดความคิดเกี่ยวกับพราวชมพูออกไป เขาไม่ไปดูอาการเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ความร้อนอกร้อนใจของเกวลินสำคัญกว่า หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงคงไม่เร่งเร้าเขาแบบนี้
“เกลมีอะไรว่ามาได้เลย” เปลวตะวันเปิดฉากทันทีที่เข้ามาในร้านกาแฟและนั่งลงตรงมุมสงบเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่าน
คนถูกถามเม้มปากอย่างใช้ความคิดแล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
“เกลได้ยินเขาเม้าท์กันไปทั้งโรงพยาบาลเรื่องเปลวกับผู้หญิงคนนั้น”
เปลวตะวันเลิกคิ้วสูงแล้วไหวไหล่นิดๆก่อนตอบ
“ก็พูดกันไปอีกหน่อยก็เงียบกันไปเองแหละ อย่าบอกนะว่าเรื่องที่เกลบอกว่าร้อนใจคือเรื่องนี้น่ะ”
“ใช่! เปลวไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรเลยเหรอ”
เกวลินเลิกคิ้วถามอย่างร้อนใจ อาการไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยของเปลวตะวันทำเอาเธอแทบนั่งไม่ติด
“โธ่เกล! เราก็นึกว่าเรื่องอะไร เราเป็นผู้ชายนะ เรื่องแค่นี้ ไม่มีอะไรให้เสื่อมเสียหรอก แล้วเราก็ไม่ใช่ดารานักร้องหรือคนดังอะไรที่จะต้องมานั่งห่วงภาพลักษณ์มากมาย”
“แต่เปลวเป็นหมอ ภาพพจน์เปลวดีมาตลอดไม่เคยด่างพร้อย มีเรื่องแบบนี้แล้วเปลวคิดว่าจะไม่กระทบกับงานเหรอ”
“คิดมากน่าเกล เราเป็นหมอก็จริง แต่เราก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งไหม จะมีเมียมีลูกโดยที่ยังไม่แต่งงานมันก็เรื่องปกติใครๆก็เป็นกันทั้งนั้น”
“เมียเหรอ”
เกวลินย้อนถามเสียงสูง และนั่นทำเอาเปลวตะวันชะงัก เริ่มรู้ตัวว่าเผลอไผลพูดอะไรออกไป
“เปลวกำลังจะบอกเกลว่าเปลวรับผู้หญิงคนนั้นเป็นเมีย”
“ก็...แม่ของลูกไม่ได้หมายถึงเมียเหรอ”
เขาย้อนถามยิ้มๆ ไม่ได้จงใจยียวนเพื่อนรัก แต่ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่านี้จริงๆ เพราะเขาเองก็ยังงงกับตัวเองไม่น้อยที่ให้คำจำกัดความเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขาและพราวชมพูออกไปอย่างนั้น
ด้านหมอสาวถึงกับนิ่งอึ้ง ดวงตาคมคู่สวยจ้องมองคนที่ตนแอบรักด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก หากทำได้เธอคงกรีดร้องแล้วตัดพ้อเขาตามแต่ใจต้องการ แต่ที่ทำได้คือยิ้มบางๆแล้วเอ่ยในฐานะเพื่อนที่ห่วงใย
“จะรอตรวจดีเอ็นเอให้แน่ใจก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่จำเป็น! เรื่องนี้เรากับพราวชมพูรู้ดีกว่าใคร เกลอย่ากังวลไปเลย”
อีกครั้งที่เกวลินถึงกับนิ่งงัน เปลวตะวันช่างทำร้ายจิตใจเธอแบบไม่ปรานีเลยสักนิด เขาไม่เคยรับรู้เลยจริงๆเหรอว่าเธอคิดและรู้สึกต่อเขาอย่างไร ทุกคำพูดที่หลุดออกจากปากเขาถึงตรงเผงแบบไม่รักษาน้ำใจกันเลยแบบนี้
“เปลวพูดขนาดนี้แล้วเกลเป็นแค่คนนอกจะว่าอะไรได้ล่ะ”
“ไม่เอาน่าเกล เราขอโทษเราไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
เปลวตะวันบอกอย่างรู้สึกผิด
เขารู้ว่าเกวลินห่วงใย เพื่อนของเขามักเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเสมอเวลามีเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับตัวเขา ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่สำหรับเขาแล้วเขาเป็นลูกผู้ชายพอที่จะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ความจริงเป็นสิ่งที่ใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
“เราขอบคุณนะเกลที่ร้อนอกร้อนใจแทนเรา เชื่อเราเถอะไม่มีอะไรน่ากังวลหรอก ข่าวลือที่เป็นจริงไม่มีอะไรต้องห่วง”
“หมายความว่าจะรับเป็นเมียจริงๆ”
“ก็เราเป็นพ่อของลูกในท้องเขาจะไม่ให้เรียกเขาว่าเมียก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี”
เปลวตะวันบอกยิ้มๆขณะที่เกวลินหัวใจเหี่ยวแห้งที่สุดในชีวิต
ท้ายสุดเธอก็พ่ายให้กับผู้หญิงที่ไม่มีที่มาที่ไป
เธอดีแสนดีมากขนาดนี้แต่ทำไมเปลวตะวันถึงหันไปคว้าเอาผู้หญิงก๋ากั่นวาจาจัดจ้านคนนั้นมาเคียงข้าง
เพราะอะไร? ทำไมไม่เคยเห็นเธอในสายตาเลยสักครั้ง
หมอสาวคนสวยไม่รู้ว่าตัวเองนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นอีกนานแค่ไหน เพราะหลังจากจบการพูดคุยกันเปลวตะวันก็เดินจากมาปล่อยให้เธอหัวใจแตกสลายอยู่ตรงนั้นคนเดียว
เปลวตะวันขึ้นมาดูอาการของพราวชมพูหลังจากผ่าตัดคนไข้รายสุดท้ายเสร็จสิ้น ตลอดวันเขาได้รับรายงานอาการจากนิศาชลเป็นระยะจึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
ห่วงเหรอ? ใช่ เขายอมรับว่าห่วง กลัวว่าความอ่อนแอของร่างกายจะกระทบต่อลูกในท้องของพราวชมพู
ถึงตอนนี้เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าที่ห่วงนั้นเป็นความห่วงตามหน้าที่และจิตวิญญาณของคนเป็นหมอหรือห่วงเพราะเป็นสายใยผูกพันทางสายเลือดตามสัญชาติญาณ
“คืนนี้ผมอยู่ดูแลเอง พรุ่งนี้เช้านิค่อยมาก็แล้วกัน”
“หมอเปลวแน่ใจนะคะว่าจะไม่เหนื่อยเกินไป วันนี้มีผ่าตัดทั้งวัน ยังไงให้นิอยู่ต่อได้นะคะ หมอจะได้พักผ่อน”
“กลับไปอยู่กับครอบครัวเถอะ เตรียมเคลียร์เรื่องที่ต้องไปดูแล พราวชมพูหลังออกจากโรงพยาบาลด้วยก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
“แล้วนี่เธอหลับไปนานหรือยัง” เขาถามพลางบุ้ยปากไปทางคนไข้ที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง
“สักพักแล้วค่ะ ดูแล้วน่าจะยังอ่อนเพลียมากอยู่เพราะว่ากินได้น้อยมากค่ะ กินไปก็อาเจียนออกหมด”
เปลวตะวันพยักหน้ารับรู้ยามชำเลืองไปมองดวงหน้าหวานแต่ดูซีดเซียวด้วยความรู้สึกบางอย่าง นิศาชลลอบสังเกตเงียบๆแล้วเอ่ยยิ้มๆ
“จะมีข่าวดีก่อนคลอดหรือรอให้คลอดก่อนแล้วค่อยมีข่าวดีคะ”
เปลวตะวันดึงสายตากลับมาทางพยาบาลสาว เขาไม่ถือสาที่นิศาชลถามไถ่ ความสนิทสนมมีมากพอที่จะไม่ทำให้รู้สึกว่าละลาบละล้วง
“เอาไว้ก็รู้เอง ตอนนี้หมอว่านิกลับก่อนเถอะ เดี๋ยวคุณสามีจะหาว่าหมอใช้งานภรรยาเขาหนักเกินจำเป็น”
“อยากอยู่ตามลำพังไวๆก็บอกนิตรงๆเถอะค่ะ ไม่ต้องอายหรอก ฮิๆๆ”
“ถ้ายังไม่ไปจะเรียกรปภ.ให้มาเอาตัวไปจริงๆแล้วนะ”
นิศาชลหัวเราะร่วนกับคำพูดแบบไล่จริงไล่จังของหมอเปลวตะวัน พยาบาลสาวรีบปลีกตัวออกมา เธอพอจะรู้ว่าระหว่างคนทั้งสองยังมีอะไรๆที่ยังคลุมเครือไม่ชัดเจน หมอเปลวตะวันอาจต้องการเวลาเพื่อเคลียร์ในสิ่งนั้น
คล้อยหลังพยาบาลสาวเปลวตะวันก็หันไปลากเก้าอี้เข้าไปนั่งข้างๆเตียงคนไข้ สายตาคมจับจ้องมองดวงหน้าซีดเซียวของพราวชมพูที่หลับสนิทไม่มีทีท่าจะตื่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย
เขาบอกไม่ถูกว่าความรู้สึกที่มีต่อตัวเธอมันเป็นอย่างไรแต่ที่แน่ๆความเคืองแค้นเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ชายขายกล้วยนั้นหายไปไหนหมดเขาก็บอกไม่ได้
“เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากพราวชมพู แปลกประหลาดจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอสติไม่ค่อยดีหรือเปล่า” เปลวตะวันพูดกับเธอทั้งที่เธอยังหลับอยู่อย่างนั้นแล้วจู่ๆเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงโต้ตอบกลับมา“ถ้าฉันเสียสติคุณก็เป็นบ้านั่นแหละที่มาวอแวกับคนสติไม่ดีอย่างฉัน”“ตกลงแกล้งหลับสินะ” เขาว่าแล้วบีบจมูกเธอเบาๆพราวชมพูปัดมือเขาทันทีแล้วท้วงเสียงอู้อี้“คุณนี่โรคจิตดีๆนี่เอง คนไข้จะพักผ่อนก็มาก่อกวนอยู่นั่นแหละ”“แล้วทำไมต้องแกล้งหลับ หรือว่าคิดจะแอบฟังว่าฉันกับนิคุยอะไรกัน”“ทำไมต้องแอบฟังคะ คุยกันเสียงดังขนาดนั้น ใครหลับอยู่ก็ต้องตื่นทั้งนั้นแหละ”“ตื่นก็ดีแล้ว ไหนบอกมาซิว่าเวียนหัวดีขึ้นไหม อาเจียนน้อยลงหรือเปล่า”“คุณนิรายงานหมดแล้วจะมาถามทำไมคะ”“ถามเพราะห่วง ถามไม่ได้เหรอ”พราวชมพูกระพริบตาปริบๆ สบตาเขาแล้วหัวใจก็เต้นรัวจนถี่ยิบไม่นะ! มันคือกับดัก อย่าได้หวั่นไหวเชียวอีตาหมอหื่นนี่ไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงจังหรอก มีแต่อยากจะแก้แค้นเธอด้วยเรื่องบ้าบอนั่นล่ะไม่ว่า“ฉันว่าคุณน่าจะพักผ่อนน้อยหรือไม่ก็อาหารเป็นพิษ สติเลยดูท่าจะเลอะเลือนถึงได้พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานเช้าเธอคงกิน
“สวัสดีครับพี่ป่าน”เขาเปิดกล้องรับสายจากปลายทาง เห็นหน้าพี่สาวลอยเด่นมาสีหน้าดูเครียดขึงก็รู้ทันทีว่าโทรมากลางดึกด้วยเรื่องอะไร“เรื่องที่เขาลือกันเป็นความจริงสินะ”ปาลิดาเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าน้องชายสุดที่รักอยู่ที่ไหนเปลวตะวันชำเลืองมองคนบนเตียงแวบหนึ่งก่อนลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปคุยกับคนเป็นพี่ด้านนอก“ผมนึกว่าพี่จะโทรมาเร็วกว่านี้เสียอีกข่าวไปถึงช้าจังนะครับ”“ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลยนะเปลว พี่รู้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่เพราะมีสัมมนาทั้งวันหรอกนะถึงได้เพิ่งโทรหา”ใช่! เธอรู้ข่าวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะต้องเข้าสัมมนาเช้ากว่าปกติเธอถึงต้องรอให้จบวันก่อนถึงโทรหาน้องชายตัวดี และเพราะเวลาที่นี่ต่างจากประเทศไทยถึงหกชั่วโมงจึงต้องรีบโทรมาก่อนที่เปลวตะวันจะเข้านอน“ตกลงเปลวไปพลาดท่าทำผู้หญิงที่ไหนท้องมาฮึ ไหนว่าเก่งนักหนาแล้วทำไมพลาดขึ้นมาได้”“ผมว่าพี่ป่านกลับมาแล้วค่อยคุยกันดีกว่าไหมครับ”“แต่พี่ร้อนใจ มันเรื่องใหญ่มากนะเปลว”“ผมไม่เห็นว่ามันจะเรื่องใหญ่โตอะไร พี่ป่านทำใจให้สบายเถอะครับ”“จะให้สบายใจได้ยังไงในเมื่อเกลบอกว่าเปลวจะรับเด็กคนนั้นเป็นลูกและรับผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียโดยไม่
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ
“จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน มีแค่ตัวกับดุ้นไม่ได้นะคุณ”เปลวตะวันสะอึก เขาแทบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดห่ามๆของพราวชมพู ดูเอาเถอะ! ผู้หญิงอะไรก๋ากั่นสิ้นดี พูดจาแต่ละทีทำเอาเขาใบ้กินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกไว้ก่อนเลยนะฉันหน้าเงิน ถ้าเงินไม่หนาพอก็เชิญป้ายหน้า”“ห้าล้านพอไหม หรือจะเอาสิบล้าน ร้อยล้าน เอาเท่าไรดีถึงจะเป็นพ่อของลูกเธอได้”คราวนี้พราวชมพูปากสั่น รู้หรอกว่ารวย เธอแค่กระแซะนิดกระแซะหน่อยอีตาหมอหื่นนี่ก็ดันเอาเงินมาฟาดไม่ไว้หน้าซะงั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสิมา! เป็นไงก็เป็นกันมาถึงขั้นนี้อยากยืดอกแสดงตัวรับผิดชอบนัก เธอก็จะจัดให้สมใจ อย่าคิดนะว่าคนอย่างพราวชมพูไม่กล้ารับ“แน่จริงก็เอาห้าร้อยล้านมากองตรงหน้าสิ อย่าดีแต่พูดนะคะ ใครรู้เข้าจะว่าเอาได้ว่าหมอเปลวเก่งแต่ปาก”“งกขนานแท้ หึๆ งกแบบนี้รับรองว่าลูกได้ความงกจากแม่มาพันเปอร์เซ็นต์”“คุณเป็นคนเสนอเอง ฉันก็แค่สนองให้ก็แค่นั้นเองค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับไปแล้วก็ช่วยสนองเรื่องบนเตียงให้คุ้มกับค่าตัวหน่อยก็แล้วกัน”พราวชมพูอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับคำพูดของเขา เธอมัวแต่คิดเอาชนะจนลื
“ฉันยอมลงให้ทุกอย่าง เธออยากได้อะไร ไม่ชอบสิ่งไหน ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำให้หมดแล้ว วันนี้เธอจะตามใจฉันบ้างไม่ได้เหรอ”“ทำไมต้องวันนี้ ตอนนี้ล่ะคะ ปกติหมอก็ไม่ได้หิวจัดขนาดจะขาดใจถ้าไม่ได้กินนี่คะ ถ้าวันนี้พราวไม่พร้อม หมอจะรอต่ออีกไม่ได้เลยเหรอ”“เอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะพราวชมพู”“หมอต่างหากที่กำลังเอาเปรียบพราว หมอเก็บกดเรื่องอะไรมาถึงได้จะมาลงที่พราว เห็นพราวเป็นที่ระบายอารมณ์หรือไงคะ”“พราวชมพู” เปลวตะวันครางชื่อนั้นแผ่วเบาคำพูดง่ายๆแต่กระแทกใจเต็มๆทำเอาเขาหมดอารมณ์ สองมือแกร่งร่วงหล่นลงข้างกายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ“พักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”“เดี๋ยวค่ะ” พราวชมพูเป็นฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้แล้วจู่ๆเธอก็ทำในสิ่งที่เปลวตะวันไม่คาดคิด เธอดึงเขาเข้าไปกอดแล้วก็เขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรของเขาหนักๆ“พราวรู้ว่าพราวเอาเปรียบหมอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกีดกันไม่ให้หมอออกไปหากินนอกบ้าน ทั้งเรื่องให้หมอนอนห้องรับแขกไม่ยอมให้นอนห้องเดียวกับพราว แต่พราวก็อยากหมอเข้าใจ ระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก มันยากนะคะที่จะอยู่ด
วันนี้เป็นวันแรกที่เปลวตะวันยอมปล่อยให้พราวชมพูออกนอกบ้านได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีนิศาชลไปด้วยแม้ว่าพราวชมพูจะรู้สึกอึดอัดที่เขาทำเหมือนกับว่าส่งคนคอยควบคุมดูแลเธอตลอดเวลาแต่ก็พอทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาได้ว่าที่ทำไปก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอและลูกดังนั้นเธอจึงกลับไปบ้านของตัวเอง ไปดูความเรียบร้อยและเอา ของใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วก็ชวนนิศาชลไปหาอะไรกินและช้อปปิ้งก่อนจบลงที่ไปหาเปลวตะวันที่คลินิกเพราะวันนี้เขาไปออกตรวจที่นั่นแทนพี่สาว“คุณนิกลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพราวรอกลับพร้อมหมอเปลวได้”“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิกลับเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมตามใจพราว ไปโน่นนี่กับพราวทั้งวันเลย”“ยินดีค่ะ อีกอย่างหมอเปลวก็จ้างนิมาดูแลคุณพราว ถ้านิทำหน้าที่บกพร่องล่ะก็หมอเปลวต้องดุนิแน่ๆ”“พราวอยู่ทั้งคน คุณนิไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ”“คุณพราวพูดแบบนี้พรุ่งนี้อยากทำอะไรอยากไปไหนบอกเลยค่ะเดี๋ยวนิจัดให้เต็มที่”นิศาชลบอกแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะประสานเสียงร่าเริงอย่าง คนรู้ใจกันพราวชมพูเห
ใช่! พราวชมพูพูดถูกแล้วเขาโกรธเธอ โกรธมากแต่นั่นแหละ! พอเธอออดอ้อนเว้าวอนอย่างสำนึกผิดเขาก็ใจอ่อนเขาพอจะเข้าใจความแปรปรวนทางอารมณ์ แต่ที่เขานิ่งเงียบก็เพราะอยากดัดนิสัยสักหน่อยไม่อยากให้ได้ใจทำอะไรแผลงๆไม่คิดแบบวันนี้อีกด้านพราวชมพูตอนนี้เธอเริ่มจะงอนเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะว่าเขานิ่งเงียบหน้าตึงจนเธอทำตัวไม่ถูกง้อก็แล้วขอโทษก็แล้วอ้อนก็แล้วเปลวตะวันยังตีหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เอาเถอะ! เล่นตัวนักเธอก็จะไม่ง้อแล้ว คอยดูก็แล้วกันเธอจะเชิดใส่เสียให้เข็ดคิดแล้วก็เอาแต่นั่งคอแข็งมองออกไปนอกกระจกด้านข้างไม่ชวนเขาพูดคุยอีกพอถึงบ้านรถจอดสนิท เจ้าหล่อนก็เปิดประตูรถแล้วเข้าบ้านไปทันทีไม่สนใจเขาจริงๆเปลวตะวันส่ายหน้า ดูทำเข้า! สรุปกลายเป็นว่าเขาต้องเป็นฝ่ายง้อเธอใช่ไหม?“เอ๊ะ! หลีกไปนะคะ หมอจะมาขวางพราวทำไม” พราวชมพูแหวใส่เมื่อเปลวตะวันก้าวตามมาติดๆแล้วตรงเข้าขวางเธอไว้ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าห้องนอนแล้วเขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด ความไม่ทันตั้งตัวทำเอาถูกเขาคว้าตัวไปกอดแล้วบดจูบหนักหน่วงดุดัน
เปลวตะวันนิ่งงันไปอึดใจเมื่อพบว่าคนที่มาคือเกวลินไม่ใช่พี่สาวของเขาตามที่เข้าใจพอเห็นแขกสาวแล้วเจ้าของบ้านก็รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก เขาลอบมองขึ้นไปชั้นบนของบ้านอย่างนึกกังวลถึงความรู้สึกของพราวชมพู รายนั้นหากรู้ว่าใครมาเยือนกลางดึกเช่นนี้คงฟาดงวงฟาดงาอีกแน่“เกลมารบกวนเวลาพักผ่อนของเปลวหรือเปล่าดูเปลวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับเกลสักเท่าไร”“มาเสียค่ำเชียวมีเรื่องด่วนเหรอ ความจริงโทรมาก็ได้นะ”เกวลินนิ่วหน้าเล็กน้อยรู้สึกตะหงิดๆในคำพูดของคนได้ชื่อว่าเพื่อน ปกติเขาไม่เคยพูดเหมือนไม่อยากต้อนรับเธอแบบนี้“ความจริงก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรหรอก ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะเอาของบำรุงมาฝากคนท้องน่ะ”เกวลินว่าแล้วก็หันไปหยิบกระเช้าในรถมาส่งให้ แล้วก็แปลกอีกเช่นกันที่เปลวตะวันเพียงแค่รับไปแล้วขอบคุณเธอไม่มีคำเอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเข้าไปในบ้าน“เกลขอเข้าไปนั่งพักสักครู่ได้ไหมวันนี้ขับรถไปมาหลายที่เมื่อยขาพอตัวเลย”เปลวตะวันแค่ยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าเกวลินอย่างใช้ความคิดและก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรเสียงเจื้อยแจ้วของพราวชมพูก็ดังมาจากประตูบ้าน
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็