'หมอขา...พราวไม่ไหวแล้ว เร็วอีก แรงอีก'
"บัดซบ! เธอจะตามหลอกตามหลอนให้คลั่งตายเลยรึไงแม่ตัวดี" เขาสบถเพราะยิ่งพยายามปัดภาพเหตุการณ์ในฝันเสมือนจริงออกไปเท่าไรก็เหมือนยิ่งพุ่งจู่โจมเข้าตอกย้ำความอับอายให้เขามากหลายเท่าตัว เขาฝันไปได้ยังไง ไม่อยากเชื่อว่ารสสวาทอันเร่าร้อนนั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝัน
ใช่! มันแค่ความฝัน เขารู้จักร่างกายตัวเองดี หากผ่านศึกฮึกเหิมมาราธอนขนาดนั้นมีหรือจะไม่ทิ้งร่องรอยของความปวดปร่าเหนื่อยล้า แต่เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงไง เจ้างูยักษ์ของเขาถึงได้นอนสงบแบบไม่ระคายเคืองใดๆสักนิด
“เธอต้องชดใช้ให้ฉันแน่พราวชมพู ทั้งเรื่องว่าฉันเป็นผู้ชายขายกล้วย ทั้งเรื่องทำให้ฉันสติฟั่นเฟืองถึงขั้นฝันเป็นวรรคเป็นเวรนั่น”
ขณะที่เปลวตะวันคาดโทษ อีกฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็กำลังหยัดกายลุกขึ้นเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่างกายเช่นกัน เธอจะขอบคุณเขาดีหรือเปล่าที่ใจดีหอบเอากระเป๋าเสื้อผ้าเธอมาด้วยและยังยกขึ้นมาโยนให้ถึงในห้อง เธอจึงไม่ต้องทนสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวให้เหนียวเหนอะกาย
ขอบคุณทำไมเล่า ต้องด่าล่ะไม่ว่า เธออยู่ของเธอดีๆแต่เขาดันไปตามรังควาญแล้วลากเธอมากักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้แบบนี้ หลุดรอดออกไปก่อนเถอะ เธอจะฟ้องหมอปาลิดาพี่สาวเขาให้สาสม
“ฟ้องเหรอ! ไม่ได้ ฟ้องไม่ได้ หมอป่านจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้” พราวชมพูยั้งสติตัวเองไว้ แล้วสลัดความคิดออกไป
ช่างเถอะ! ขอให้เธอรอดออกไปได้เป็นพอแล้ว เธอจะอโหสิกรรมให้ไม่ขอจองเวร และเธอจะหนีไปให้ไกลไปใช้ชีวิตที่ไหนสักที่ที่จะไม่มีวันได้เจอะเจอกันอีก
คิดแล้วก็สลัดความขุ่นมัวในอารมณ์ออกไปปล่อยใจล่องลอยไปกับความเย็นฉ่ำชื่นของสายน้ำ
เย็นชื่นใจชะมัด! อาบน้ำที่บ้านยังไม่ชื่นใจเท่าอาบน้ำที่บ้านอีตาหมอหื่นนี่
เอ่อ...ไม่นะ! เธอจะมาชื่นชอบอะไรๆที่นี่ไม่ได้
บ้านเขาไม่ใช่บ้านเธอสิ่งที่เธอต้องทำคือหาทางหว่านล้อมให้เขายินยอมปล่อยเธอกลับไปต่างหาก
พราวชมพูตรึงเท้าอยู่กับที่ชั่วขณะเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วเจอหมอเปลวตะวันนอนเอนกายพิงพนักหัวเตียงจ้องเขม้นมองมา สองแขนแกร่งกอดไขว้กันตรงหน้าอก สองขายืดเหยียดยาวไขว้กันไปตามความยาวของเตียง
‘ช่วงนี้แกคงทำบุญน้อยไปแน่ๆยัยพราวเอ๊ย! เจ้ากรรมนายเวรตามจองเวรจองกรรมแต่เช้าเชียว’
พราวชมพูถอนหายใจ เมื่อวานเธอรอดมาได้หวุดหวิด แล้วเช้านี้จะรอดไปได้ก่อนโดนควายขวิดไหม
“คิดถึงฉันมากจนต้องวิ่งแจ้นมาหาตั้งแต่เช้าเลยเหรอคะ”
พราวชมพูค่อนแคะแล้วค้อนวงเล็กก่อนเดินฉับๆตรงไปยังกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างไม่อยากจะสนใจ แต่เดินไปได้ไม่ กี่ก้าวก็ต้องอุทานเบาๆเพราะเธอถูกสวมกอดจากด้านหลังตามติดด้วยถูกปลายจมูกซุกไซ้ตรงซอกคอ
ความถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวทำเอาขนกายลุกซู่กรูเกรียวด้วยความซ่านสยิวที่ผุดพรายขึ้นมาเป็นริ้วๆแบบหักห้ามไม่ได้
“คุณหมอ พ...พะ...พราวไม่ไหวแล้ว”
เปลวตะวันยิ้มมุมปากอย่างสมใจที่เขาปลุกเร้าเจ้าหล่อนจนอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งถูกไฟรน เสียงหวานๆของเธอสั่นพร่าน่าฟังกว่าเสียงแว้ดๆ จัดจ้านเถียงเขาฉอดๆเป็นไหนๆ แค่คิดถึงตรงนี้คนอยากมีอำนาจเหนือกว่ารู้สึกกระหยิ่มใจยิ่งนัก
“อยากล่ะสิ ถึงได้สั่นขนาดนี้”
“ย...อยากค่ะ อยาก...”
เปลวตะวันหัวเราะถูกใจในลำคอ เมื่อคืนนี้เจ้าหล่อนตามไปหลอกหลอนจนเขาฝันเฟื่องไปหมด เช้านี้แหละเขาจะเอาคืนให้สาสมกับสิ่งที่เขาต้องพบเจอ
คิดเช่นนั้นคนวาดฝันไปไกลก็หมุนร่างอ้อนแอ้นให้หันกลับเผชิญหน้าแล้วฉกวูบหมายประกบจูบริมฝีปากอิ่มระเรื่อ
“อย่า...” พราวชมพูปัดป้องร้องห้ามแล้วเบี่ยงหน้าหลบ
เปลวตะวันฉุนจัดตวาดดุเจ้าหล่อนอย่างเอาแต่ใจตัวเอง
“อยากนักก็อย่าทำสะดีดสะดิ้ง ของเคยๆกันอยู่จะมาลีลาท่ามากทำไม”
“อุ๊บ! อุ๊บ!! แหวะ... แหวะ...แหวะ...”
“เฮ้ย! บ้าชิบ! มาอ้วกใส่ฉันทำไมเนี่ย” เปลวตะวันสบถลั่นเมื่อคนในอ้อมกอดโก่งตัวอาเจียนใส่ไม่ยั้ง
พอได้สติเขาก็ผลักเจ้าหล่อนออกห่างอย่างรังเกียจ
พราวชมพูที่ไม่ทันตั้งหลักถึงกับซวนเซเกือบเสียหลักล้ม โชคดีที่เปลวตะวันดึงสติกลับมาไวพอที่จะคว้าแขนเรียวดึงร่างเธอเอาไว้ไม่ให้ล้มพับลงไป
“คุณนี่หาความเป็นสุภาพบุรุษไม่เจอสักนิด”
“อย่าพูดมากฉันไม่ปล่อยให้ล้มกลิ้งไปก็บุญเท่าไรแล้ว”
“แล้วใครมาผลักฉันล่ะไม่ใช่คุณเหรอ”
“ก็อยากมาอ้วกใส่ฉันทำไมเล่า”
“ก็บอกแล้วว่าฉันอยากอ้วกคุณก็ไม่ฟังเองนี่”
“อยากอ้วก!!” เปลวตะวันทวนเสียงสูง พอรู้ว่าตัวเองตีความผิดไปตอนเธอครางเสียงกระเส่าร้องอยากๆ ก็หัวเสียและนึกเคืองโกรธเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
“ฝากไว้ก่อนเถอะแม่ตัวดี ฉันจะชำระความให้สาสมเชียว”
“ก่อนจะมาชำระความกับฉัน คุณช่วยไปชำระล้างคราบอ้วกเหม็นๆบนตัวออกให้หมดก่อนเหอะ ฉันเหม็นจนจะอ้วกอีกรอบแล้วเนี่ย”
พราวชมพูว่าแล้วส่ายหน้าก่อนสลัดแขนออกจากมือใหญ่แล้วเดินโซเซไปยังห้องน้ำ
แต่พอสองเท้าก้าวผ่านเข้าไปยังไม่ทันปิดประตูเธอก็ต้องหวีดเบาๆเพราะเปลวตะวันก้าวตามมาติดๆและตอนนี้เขาช้อนร่างเธอขึ้นอุ้มพาเดินดุ่มๆเข้าไปในห้องน้ำด้านใน
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย ความจริงคุณก็ใจดีมีน้ำใจแบบสุภาพชนคนหนึ่งเหมือนกันนี่คะ ว้าย! จะทำอะไรของคุณเนี่ย”
ประโยคสุดท้ายเปลี่ยนมาโวยวายแทนคำชม เพราะจู่ๆเขาก็ดึงรั้งเสื้อคลุมของเธอออกแล้วเปิดฝักบัวใส่เธอจนเปียกโชก
“หมอเปลวหยุดนะ อย่ามายุ่ง! เลอะอ้วกแค่นี้ฉันจัดการเองได้”
“ก็รู้แต่จะวุ่น เธอจะทำไมฮึ”
“คุณนี่นะ แก่จนผมจะหงอกแล้วไหมยังทำตัวเป็นเด็กๆ ดื้อรั้นไปได้” พราวชมพูบ่นแล้วปล่อยให้เขาฟอกสบู่ลูบไล้ชำระล้างคราบเปรอะเปื้อนบนตัวเธอตามใจชอบ
เธอเหนื่อยเกินกว่าจะต่อต้านแล้ว ในเมื่ออะไรๆมันเลยเถิดมาจนป่านนี้จะวี้ดว้ายโวยวายไปก็มีแต่ยิ่งกระตุ้นให้เขายิ่งคุกคามเอาแต่ใจ
แต่ไม่รู้เธอคิดผิดไปหรือเปล่า...เพราะพอปล่อยเขาฟอกสบู่ลูบไล้ไปเรื่อยๆ ร่างกายเธอก็เริ่มมีปฏิกิริยาแปลกๆ
“อื้อ..พอได้แล้วฉันหนาว”
“หนาวหรืออยาก”
“คุณ” พราวชมพูถลึงตาใส่กับวาจาเราะรายเห็นเขายิ้มใส่ตาส่งมาให้แววตาพราวระยับ เธอก็หูตาพร่าพรายไปหมด
“ฉันเตือนไว้ก่อนนะ มาวอแวกันนัก ถ้าฉันอ้วกใส่อีกอย่ามาโวยวายก็แล้วกัน”
“แล้วถ้าฉันดันไอ้นี่ใส่เธอก่อน อยากรู้นักว่าเธอจะอยากอ้วกหรืออยากให้ฉันกระซวกรัวๆ”
พราวชมพูสุดจะอึ้งกับความคิดและคำพูดทะลึ่งตึงตังของเขา แล้วหมอหื่นในคำนิยามของเธอก็ไม่พูดเปล่า พูดจบก็ดันร่างเธอจนติดผนังแล้วผนึกชิ้นส่วนแข็งกร้าวดุดันของตัวเองสอดแทรกชำแรกเข้าสู่ร่างเธอทันที
ร้อนแรงมากค่าคูมหมอ...ปากร้ายอีกด้วย ฮ่าๆๆๆ
“โอ๊ย...หมอเปลว ฉันเจ็บนะ”“เดี๋ยวก็หายเจ็บน่า” เขาตอบเสียงแหบห้าวสั่นพร่า เรือนร่างกำยำของเขาก็สั่นเทาไม่แพ้กันพราวชมพูจิกปลายเล็บลงบนต้นแขนแกร่งทั้งสองข้างแล้วขบเรียวฟันสวยลงบนบ่ากว้างยามเกร็งร่างรับการสอดแทรกแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น“ไม่เจอกันตั้งนานยังฟิตแน่นเหมือนเดิมเลยนะ” เขาว่าแล้วค่อยๆบังคับสะโพกสอบเป็นจังหวะเนิบนาบนำพากระบอกฉีดยาบ้องใหญ่คู่ใจเคลื่อนเข้าเคลื่อนออกทำความคุ้นเคยกับความนุ่มหยุ่นคับแน่นนั้นถึงตอนนี้พราวชมพูเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดรัดต้นคอแกร่งแล้วแหงนดวงหน้าสวยพร้อมกับเปล่งเสียงครวญกระเส่าแผ่วเบาด้วยความซ่านสยิวเปลวตะวันเองก็เปล่งเสียงครางกระหึ่มอย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะเช่นกัน อารมณ์กระสันเสียวที่ขมวดม้วนเป็นเกลียวคลื่นถาโถมสาดซัดอัดแน่นในกายแกร่งของเขาคืนแล้วคืนเล่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมากำลังจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระดิ๊งด่อง....ดิ๊งด่อง...เปลวตะวันชะงักกึกเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านดังก้องบ่งบอกว่ามีคนมาหาเขา คนกำลังด่ำดิ่งสู่ห้วงกามาวาดหวังจะนำพาเจ้าหล่อนทะยานไปเริงระบำบนวิมานชั้นฟ้าด้วยกันถึงกับหัวเสียดิ๊งด่อง...ดิ๊งด่อง...พราวชมพูผ่อนลมหายใจพรู เธอไม่รู้ว่าควรดีใจ
“นี่เปลวเปลี่ยนรสนิยมพาผู้หญิงมานอนที่บ้านแล้วเหรอ”เปลวตะวันเลิกคิ้วมองคนถามอย่างแปลกใจ ปกติเกวลินมักจะบ่นเขาไปตามประสาแต่ไม่เคยแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจนแบบนี้ และยังไม่ทันที่เขาจะทันได้ตอบอะไร เจ้าของเสียงหวานที่ทักดังมาก็เดินฉับๆเข้ามานั่งเบียดแนบสนิทพร้อมกับคล้องสองแขนเข้าที่ต้นคอแกร่งแล้วจู่โจมหอมแก้มสากของเขาฟอดใหญ่“ที่รักน่ะ ปล่อยให้พราวรอ...ร้อ...รอ...นานมากไปแล้วนะคะ ไหนบอกจะลงมาดูแค่แป๊บเดียวไง”“นี่เธอทำอะไรของเธอฮึ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มแล้วทำตาดุใส่ แต่พราวชมพูกับยิ้มหน้าระรื่น“ต๊าย! ดุจัง อย่าดุนักสิคะ พราวนึกว่าที่รักจะดุแค่บนเตียงเสียอีกฮิๆๆ”“อะแฮ่ม!!” เกวลินทนไม่ไหวถึงกับต้องกระแอมไอเจอผู้หญิงของเปลวตะวันมาก็มากแต่ไม่เคยมีคนไหนระริกระรี้ต่อหน้าต่อตาเธอแบบนี้อาการออดอ้อนออเซาะเกาะกอดเปลวตะวันแนบแน่นจนแทบจะสิงร่างนั้นก็ทำเอาความหึงหวงพุ่งปรี๊ดจนเกินขีดจำกัดเธออยากลุกขึ้นไปกระชากร่างอ้อนแอ้นออกมาตบเสียให้สมกับความชัง แต่ก็ต้องซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้จนลึกสุดหัวใจแล้วคลี่ยิ้มสวยเอ่ยเสียงอ่อนหวานสวมบทบาทหญิงสาวผู้แสนอ่อนโยน“ฉันว่าคุณควรจะออกไปนั่งรอในที่ของคุณนะค
เกวลินเห็นแล้วของแทบขึ้น ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกรับมือยากเหมือนผู้หญิงคนนี้สักคน“เกลว่าเปลวพา เอ่อ...เธอไปพักเถอะ กำลังท้องไม่ใช่เหรอ แม่เครียดมากเดี๋ยวลูกได้เครียดตามกันพอดี”ปากบอกด้วยความหวังดีแต่สายตาลอบมองหน้าท้องที่ดูเหมือนจะเริ่มนูนขึ้นมาน้อยๆของพราวชมพูด้วยความริษยา ยิ่งคิดว่ามีเลือดเนื้อของเปลวตะวันอยู่ในนั้นเธอก็แทบจะรับไม่ได้เปลวตะวันเห็นพราวชมพูอารมณ์ปรวนแปรขึ้นๆลงๆก็พอเข้าใจว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งของคนท้อง แต่ก็อดห่วงผลกระทบที่จะตกถึงเด็กไม่ได้“หยุดร้องไห้เสียทีเถอะพราวชมพู เห็นแล้วฉันเครียดแทนลูกเธอ”พราวชมพูได้ยินเปลวตะวันพูดแบบนั้นก็หยุดสะอึกสะอื้นทันที ดวงตาคู่สวยวาววับหลุบลงมือหน้าท้อง แล้วใช้มือลูบไล้หน้าท้องแผ่วเบาก่อนผุดลุกขึ้นยืนรวดเร็วจนเปลวตะวันตามอารมณ์แทบไม่ทัน“เชิญคุยกันไปตามสบายเถอะค่ะ พราวขอตัว”“นั่นจะไปไหน” เปลวตะวันถามเสียงเครียดเขารู้ว่าจุดประสงค์แรกของพราวชมพูคือมาก่อกวน แต่ตอนนี้เขาเห็นสีหน้าแววตาเธอแล้วเดาใจไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร“มันเรื่องของพราวกับลูก ไม่เกี่ยวกับหมอ อยากจะคุยอะไรกันก็เชิญคุยกันเถอะค่ะ แล้วก็ช่วยเคลียร์ให้จบซะวันนี้นะคะ อย่าให้พร
พราวชมพูบอกไม่ถูกว่าทำไมตัวเองถึงต้องไม่พอใจมากขนาดนี้ที่เปลวตะวันทิ้งให้เธออยู่บ้านลำพังส่วนตัวเขาออกไปเริงร่ากับแม่หมอคู่ขาเอ่อ...ไม่สิเขาบอกเองว่าเป็นเพื่อน แม่หมอคนนั้นก็พูดแบบเดียวกัน“เฮอะ! เพื่อนสนิทท้องติดกันล่ะสิ ป่านนี้ถึงยังไม่กลับ”พราวชมพูเบะปากแล้วหันกลับไปสนใจภาพเคลื่อนไหวในหน้าจอทีวี เขาจะเป็นอะไรกับใครไม่เกี่ยวกับเธอจะเป็นแค่เพื่อนสนิท ใกล้ชิดแนบแน่นแค่ไหนก็เรื่องของเขาเธอจะเก็บมาใส่ใจให้รกสมองทำไมแต่ว่าจนป่านนี้ก็เลยเวลาค่ำมานานแล้ว ตั้งแต่เช้ามาเธอมีเพียงแค่น้ำกับนมเพียงเล็กน้อยที่ตกถึงท้อง อาหารอื่นๆที่เขาเอามากองให้บนโต๊ะเธอแทบไม่ได้แตะใช่! เขาหอบเอามากองให้แล้วก็ปิดล็อกห้องขังเธอเอาไว้ในนี้แล้วออกไประรี้ระริกกับแม่เพื่อนสนิทคนดีนั่นการกระทำของเขามันน่ารังเกียจนัก คอยดูเถอะเธอจะปั่นป่วนก่อกวนเอาให้หาความสงบไม่ได้เลยเชียวคิดไปคิดมาพราวชมพูก็เริ่มพะอืดพะอม จะว่าเพราะอาการแพ้ท้องอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ คงเพราะท้องเธอว่างเปล่าจึงเกิดอาการคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนหนักขึ้นอาหารบนโต๊ะพวกนั้นเหรอ? เธอไม่แตะสักนิด ไม่ใช่หยิ่งไม่ยอมกิน แต่เพราะวันนี้อาการแพ้ท้องเหมือนจะม
“อ้าว! พี่เปลวสวัสดีครับพี่ คนนั้นใครเหรอพี่เห็นว่าเป็นคนไข้พิเศษ”เจ้าของไร่เผือกเปิดฉากถามพร้อมยิ้มระรื่นอารมณ์ดี แต่เหมือนคนถูกถามจะไม่ได้อารมณ์ดียามตอบ“นายจะมาวุ่นอะไรกับคนไข้ฉัน” น้ำเสียงที่ใช้นั้นราบเรียบ สีหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์คนอยากรู้อยากเห็นหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม“ไม่ได้วุ่นอะไรหรอกครับพี่ ก็แค่ถามไปตามประสาแหละครับ”เปลวตะวันไม่ได้สนใจคำตอบนั้น เขาจดบันทึกคำสั่งการรักษาลงไป เสร็จแล้วก็ยื่นแฟ้มส่งคืนให้พยาบาล“ได้ห้องเรียบร้อยแล้วโทรบอกด้วย แล้วพยาบาลพิเศษก็ให้มาพรุ่งนี้เช้านะ คืนนี้ไม่ต้อง ผมจะเฝ้าไข้เอง”คนบอกไม่ได้วุ่นถึงกับหูผึ่งที่ได้ยินคำสั่งนั้น และความปากไวก็พูดออกไปโดยไม่ต้องคิด“พิเศษใส่ไข่เสียด้วย ใส่ใจเฝ้าไข้ด้วยตัวเองแบบนี้ คนพิเศษของพี่เปลวเหรอครับ”เปลวตะวันเริ่มฉุน เขาตวัดสายตามองคนถามแวบหนึ่งเก็บข่มความไม่พึงพอใจเอาไว้แล้วตอบแบบนิ่งขรึมแสนสุภาพ“จะพิเศษใส่ไข่ใส่ใจแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมาบอกกล่าวใคร นายเองก็เอาเวลาไปใส่ใจคนไข้นายเถอะ น่าจะต้องใส่ใจเยอะหน่อย ได้ข่าวมาว่ารถไฟชนกันระเนระนาดไปหมด ยังไงก็ช่วยดูๆให้ดีหน่อยนะ” เขาบอ
พราวชมพูหลับตาลงได้ไม่นานเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดและปิดอีกครั้ง หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วมองผู้เข้ามาคนใหม่เห็นเป็นเปลวตะวันมาพร้อมกับพยาบาลสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม คนอยากจะนอนก็ขยับลุกนั่งทันที“อย่าลุกเร็วนักสิ เดี๋ยวก็หัวทิ่มตกเตียงหรอก” เขาว่าหลังจากถลาเข้ามาช่วยประคองให้เธอลุกนั่งพราวชมพูรู้สึกหัวใจฟูฟ่องขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคู่หวานตวัดมองพยาบาลวัยละอ่อนแวบหนึ่งเห็นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มละมัยไร้พิษภัยก็แอบชำเลืองมองหมอที่เป็นพ่อของลูกอย่างจับผิด“คุณแม่ต้องระมัดระวังให้มากนะคะ ช่วงนี้อาจวิงเวียนศีรษะมากหน่อยอาจทำให้ทำอะไรได้ไม่คล่องตัวเหมือนตอนยังไม่มีเจ้าตัวเล็กในท้องค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”พราวชมพูยิ้มรับกับคำบอกกล่าวของพยาบาลสาวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเปลวตะวันที่ยังคงประคองเธอเอาไว้ ความไม่คุ้นเคยและรู้สึกกระดากอายทำให้เธอปัดมือเขาออก“นิศาชลเป็นพยาบาลพิเศษที่จะดูแลเธอจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล แล้วบางทีอาจไปดูแลเธอต่อตอนกลับไปพักฟื้นที่บ้านด้วย”“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ป่วยเสียหน่อยทำไมต้องมีพยาบาลดูแลใกล้ชิด”“ไม่ได้ป่วยแต่ก็ไม่ได้แข็งแรงมากพอจะอยู่คนเดียว”“แต่ว่าฉัน...”“อย่าดื้อ”พราว
“เปลว บ่ายนี้มีออกตรวจหรือเปล่า เกลมีเรื่องอยากคุยด้วย”เกวลินรีบบอกทันทีที่เจอหน้าเปลวตะวันตรงหน้าลิฟต์เฉพาะผู้บริหารและแพทย์ เปลวตะวันที่กำลังจะขึ้นไปดูอาการพราวชมพูหยุดคิดอึดใจก่อนตอบ“บ่ายนี้ไม่มีออกตรวจแล้วแต่มีผ่าตัดสองเคสเกลมีอะไรด่วนไหม รอหลังเราผ่าตัดเสร็จได้หรือเปล่า”“เคสแรกกี่โมงเหรอ”“ก็อีกประมาณชั่วโมงนะ”“ถ้าอย่างนั้นคุยตอนนี้เลยได้ไหม เกลร้อนใจ”เปลวตะวันนิ่งคิด หมอหนุ่มเผลอตวัดสายตามองลิฟต์แวบหนึ่งก่อนหันมาตอบ“ได้สิ คุยที่ไหนดี ร้านกาแฟไหม”“อื้อ!”เกวลินรีบพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณให้เปลวตะวันออกเดินนำไปก่อน หมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆยามสลัดความคิดเกี่ยวกับพราวชมพูออกไป เขาไม่ไปดูอาการเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ความร้อนอกร้อนใจของเกวลินสำคัญกว่า หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงคงไม่เร่งเร้าเขาแบบนี้“เกลมีอะไรว่ามาได้เลย” เปลวตะวันเปิดฉากทันทีที่เข้ามาในร้านกาแฟและนั่งลงตรงมุมสงบเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่านคนถูกถามเม้มปากอย่างใช้ความคิดแล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เกลได้ยินเขาเม้าท์กันไปทั้งโรงพยาบาลเรื่องเปลวกับผู้หญิงคนนั้น”เปลวตะวันเลิกคิ้วสูงแล้วไหวไหล่นิด
“เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากพราวชมพู แปลกประหลาดจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอสติไม่ค่อยดีหรือเปล่า” เปลวตะวันพูดกับเธอทั้งที่เธอยังหลับอยู่อย่างนั้นแล้วจู่ๆเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงโต้ตอบกลับมา“ถ้าฉันเสียสติคุณก็เป็นบ้านั่นแหละที่มาวอแวกับคนสติไม่ดีอย่างฉัน”“ตกลงแกล้งหลับสินะ” เขาว่าแล้วบีบจมูกเธอเบาๆพราวชมพูปัดมือเขาทันทีแล้วท้วงเสียงอู้อี้“คุณนี่โรคจิตดีๆนี่เอง คนไข้จะพักผ่อนก็มาก่อกวนอยู่นั่นแหละ”“แล้วทำไมต้องแกล้งหลับ หรือว่าคิดจะแอบฟังว่าฉันกับนิคุยอะไรกัน”“ทำไมต้องแอบฟังคะ คุยกันเสียงดังขนาดนั้น ใครหลับอยู่ก็ต้องตื่นทั้งนั้นแหละ”“ตื่นก็ดีแล้ว ไหนบอกมาซิว่าเวียนหัวดีขึ้นไหม อาเจียนน้อยลงหรือเปล่า”“คุณนิรายงานหมดแล้วจะมาถามทำไมคะ”“ถามเพราะห่วง ถามไม่ได้เหรอ”พราวชมพูกระพริบตาปริบๆ สบตาเขาแล้วหัวใจก็เต้นรัวจนถี่ยิบไม่นะ! มันคือกับดัก อย่าได้หวั่นไหวเชียวอีตาหมอหื่นนี่ไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงจังหรอก มีแต่อยากจะแก้แค้นเธอด้วยเรื่องบ้าบอนั่นล่ะไม่ว่า“ฉันว่าคุณน่าจะพักผ่อนน้อยหรือไม่ก็อาหารเป็นพิษ สติเลยดูท่าจะเลอะเลือนถึงได้พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานเช้าเธอคงกิน
เปลวตะวันนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อมาถึงร้านอาหารตามนัดหมายแล้วพบว่ายอดนักรบร่วมขบวนมาด้วย คนขี้หึงหน้าตึงขณะที่คนขี้เล่นยิ้มเผล่อารมณ์ดี“สวัสดีครับพี่หมอเปลว คุณพราว มากันเร็วเหมือนกันนะครับนี่ ผมกับรุ่นพี่ไปรับอาจารย์แม่มาถึงได้ไม่ถึงห้านาทีเอง”พราวชมพูยิ้มน้อยๆส่วนเปลวตะวันหันไปทักทายอาจารย์ที่ปรึกษาที่เคารพรัก“สวัสดีครับอาจารย์ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน”“ไม่เป็นไรหรอกเปลวแค่เห็นหน้าพวกเราพากันมากินข้าวกับครูพร้อมหน้า ครูก็ดีใจแล้ว”“อาจารย์แม่มาทั้งทีพวกเราจะพลาดได้ยังไงล่ะครับ” ยอดนักรบเป็นฝ่ายเอ่ยแทรกขึ้นเปลวตะวันเขม่นในความขี้ประจบนั้นเหลือใจส่วนเกวลินลอบยิ้มน้อยๆอย่างหมายมาด“นี่เหรอเมียเราที่เขาเล่าลือกันไปทั่วกรุงเทพฯน่ะ”เปลวตะวันฟังแล้วรู้สึกขัดหูไม่น้อย ไม่ใช่เพราะถูกอาจารย์อรวีซักถามแต่เพราะไม่พอใจคนคาบข่าวไปฟ้องต่างหาก“ครับ ผมขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ทันได้แนะนำให้รู้จักต้องรออาจารย์แม่ต้องทักถามเสียก่อน”“ไม่เป็นไรหรอก ครูไม่ถือ แล้วนี่ชื่อเสียงเรียงนามอะไ
“พี่บอกให้รอข้างนอกไง เข้ามาทำไมครับ หรือว่าพราวหิวจนรอไม่ไหว”เปลวตะวันถามเมื่อเห็นพราวชมพูเดินเข้ามาในครัวพร้อมส่งยิ้มหวานมาแต่ไกล รอยยิ้มนั้นชวนให้รู้สึกแปลกไม่น้อยแต่เขาก็ไม่อยากเก็บมาคิด“หิวค่ะก็เลยเดินมาตาม”พราวชมพูบอกพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลังแล้วลอดศีรษะเข้าใต้รักแร้ของเขายื่นหน้าไปดูว่าเขากำลังทำอะไร“ทำอะไรแบบนี้ครับ เดี๋ยวพี่พลั้งมือทำนมหกกระเด็นถูกพราวหรอก”เขาว่าแล้วหมุนกายหันกลับมาสวมกอดเธอพร้อมโน้มใบหน้าลงจูบอย่างรวดเร็ว โอกาสดีๆแบบนี้ใช่จะหาได้ง่ายๆจูบแล้วก็อยากอุ้มขึ้นห้องเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่าตั้งใจพาเธอไปไหว้พระเขาจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ให้หลุดลอยไปแน่นอน“เกลกลับไปแล้วเหรอ”เขาถามหลังจากถอนจูบแต่ยังคงวนเวียนคลอเคลียหอมแก้มซ้ายขวาไม่หยุดถามไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง บรรยากาศกำลังดีดันปากเปราะพูดถึงคนที่ไม่ควรพูดถึงพราวชมพูไม่ตอบและไม่ได้ผลักไสเขาอย่างเคย วันนี้เธอเอียงแก้มให้เขาจูบตามใจแล้วก็เป็นฝ่ายโน้มต้นคอเขาและเขย่งเท้าขึ้นจูบเขาบ้างคนถูก
เช้าวันนี้พราวชมพูตื่นมาด้วยความสดชื่น เมื่อคืนหลังจากเปลวตะวันอุ้มพาเธอขึ้นห้องไปแล้วเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอยากจะสานต่ออะไรที่มันค้างคา แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่เขาปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนโดยง่ายขณะที่เขาเพียงแค่สวมกอดเธอไว้แนบอกแต่นั่นก็ทำให้เธออิ่มอุ่น หัวใจฟูฟ่องกับความอ่อนโยนและใส่ใจของเขายิ่งลงมาเห็นกระเช้าของฝากที่แม่เพื่อนสนิทของเขาหอบหิ้วมาถูกหย่อนทิ้งไว้ในถังขยะพราวชมพูก็ยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่พอเดินมาถึงโถงนั่งเล่น รอยยิ้มก็เลือนหายเมื่อเห็นใครบางคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว“สวัสดียามเช้าค่ะ วันนี้ดูอารมณ์ดีขึ้นนะ ดูท่าของบำรุงที่ซื้อมาฝากจะได้ผลดี”“เมื่อก่อนนี่เช้าถึงมืดถึงแบบนี้ทุกวันเลยหรือเปล่าคะ” พราวชมพู ไม่อารมณ์ดีด้วย เธอถามเสียงฉุนแล้วมองคนมาเยือนด้วยสายตาขุ่น“เอาตามจริงดีไหมนะ พูดไปแล้วเธอจะคิดมากหรือเปล่า แย่จัง! ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวเธอได้ไปเหวี่ยงใส่เปลวให้เขาอึดอัดใจอีก”พราวชมพูยิ้มเยาะ ทีคราวนี้ทำท้าทายต่อปากต่อคำกับเธอฉอดๆ เวลาอยู่ต่อหน้าอีตาหมอหื่นนั่นแสร้งทำเป็นน
เปลวตะวันนิ่งงันไปอึดใจเมื่อพบว่าคนที่มาคือเกวลินไม่ใช่พี่สาวของเขาตามที่เข้าใจพอเห็นแขกสาวแล้วเจ้าของบ้านก็รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก เขาลอบมองขึ้นไปชั้นบนของบ้านอย่างนึกกังวลถึงความรู้สึกของพราวชมพู รายนั้นหากรู้ว่าใครมาเยือนกลางดึกเช่นนี้คงฟาดงวงฟาดงาอีกแน่“เกลมารบกวนเวลาพักผ่อนของเปลวหรือเปล่าดูเปลวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับเกลสักเท่าไร”“มาเสียค่ำเชียวมีเรื่องด่วนเหรอ ความจริงโทรมาก็ได้นะ”เกวลินนิ่วหน้าเล็กน้อยรู้สึกตะหงิดๆในคำพูดของคนได้ชื่อว่าเพื่อน ปกติเขาไม่เคยพูดเหมือนไม่อยากต้อนรับเธอแบบนี้“ความจริงก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรหรอก ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะเอาของบำรุงมาฝากคนท้องน่ะ”เกวลินว่าแล้วก็หันไปหยิบกระเช้าในรถมาส่งให้ แล้วก็แปลกอีกเช่นกันที่เปลวตะวันเพียงแค่รับไปแล้วขอบคุณเธอไม่มีคำเอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเข้าไปในบ้าน“เกลขอเข้าไปนั่งพักสักครู่ได้ไหมวันนี้ขับรถไปมาหลายที่เมื่อยขาพอตัวเลย”เปลวตะวันแค่ยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าเกวลินอย่างใช้ความคิดและก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรเสียงเจื้อยแจ้วของพราวชมพูก็ดังมาจากประตูบ้าน
ใช่! พราวชมพูพูดถูกแล้วเขาโกรธเธอ โกรธมากแต่นั่นแหละ! พอเธอออดอ้อนเว้าวอนอย่างสำนึกผิดเขาก็ใจอ่อนเขาพอจะเข้าใจความแปรปรวนทางอารมณ์ แต่ที่เขานิ่งเงียบก็เพราะอยากดัดนิสัยสักหน่อยไม่อยากให้ได้ใจทำอะไรแผลงๆไม่คิดแบบวันนี้อีกด้านพราวชมพูตอนนี้เธอเริ่มจะงอนเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะว่าเขานิ่งเงียบหน้าตึงจนเธอทำตัวไม่ถูกง้อก็แล้วขอโทษก็แล้วอ้อนก็แล้วเปลวตะวันยังตีหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เอาเถอะ! เล่นตัวนักเธอก็จะไม่ง้อแล้ว คอยดูก็แล้วกันเธอจะเชิดใส่เสียให้เข็ดคิดแล้วก็เอาแต่นั่งคอแข็งมองออกไปนอกกระจกด้านข้างไม่ชวนเขาพูดคุยอีกพอถึงบ้านรถจอดสนิท เจ้าหล่อนก็เปิดประตูรถแล้วเข้าบ้านไปทันทีไม่สนใจเขาจริงๆเปลวตะวันส่ายหน้า ดูทำเข้า! สรุปกลายเป็นว่าเขาต้องเป็นฝ่ายง้อเธอใช่ไหม?“เอ๊ะ! หลีกไปนะคะ หมอจะมาขวางพราวทำไม” พราวชมพูแหวใส่เมื่อเปลวตะวันก้าวตามมาติดๆแล้วตรงเข้าขวางเธอไว้ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าห้องนอนแล้วเขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด ความไม่ทันตั้งตัวทำเอาถูกเขาคว้าตัวไปกอดแล้วบดจูบหนักหน่วงดุดัน
วันนี้เป็นวันแรกที่เปลวตะวันยอมปล่อยให้พราวชมพูออกนอกบ้านได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีนิศาชลไปด้วยแม้ว่าพราวชมพูจะรู้สึกอึดอัดที่เขาทำเหมือนกับว่าส่งคนคอยควบคุมดูแลเธอตลอดเวลาแต่ก็พอทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาได้ว่าที่ทำไปก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอและลูกดังนั้นเธอจึงกลับไปบ้านของตัวเอง ไปดูความเรียบร้อยและเอา ของใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วก็ชวนนิศาชลไปหาอะไรกินและช้อปปิ้งก่อนจบลงที่ไปหาเปลวตะวันที่คลินิกเพราะวันนี้เขาไปออกตรวจที่นั่นแทนพี่สาว“คุณนิกลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพราวรอกลับพร้อมหมอเปลวได้”“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิกลับเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมตามใจพราว ไปโน่นนี่กับพราวทั้งวันเลย”“ยินดีค่ะ อีกอย่างหมอเปลวก็จ้างนิมาดูแลคุณพราว ถ้านิทำหน้าที่บกพร่องล่ะก็หมอเปลวต้องดุนิแน่ๆ”“พราวอยู่ทั้งคน คุณนิไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ”“คุณพราวพูดแบบนี้พรุ่งนี้อยากทำอะไรอยากไปไหนบอกเลยค่ะเดี๋ยวนิจัดให้เต็มที่”นิศาชลบอกแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะประสานเสียงร่าเริงอย่าง คนรู้ใจกันพราวชมพูเห
“ฉันยอมลงให้ทุกอย่าง เธออยากได้อะไร ไม่ชอบสิ่งไหน ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำให้หมดแล้ว วันนี้เธอจะตามใจฉันบ้างไม่ได้เหรอ”“ทำไมต้องวันนี้ ตอนนี้ล่ะคะ ปกติหมอก็ไม่ได้หิวจัดขนาดจะขาดใจถ้าไม่ได้กินนี่คะ ถ้าวันนี้พราวไม่พร้อม หมอจะรอต่ออีกไม่ได้เลยเหรอ”“เอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะพราวชมพู”“หมอต่างหากที่กำลังเอาเปรียบพราว หมอเก็บกดเรื่องอะไรมาถึงได้จะมาลงที่พราว เห็นพราวเป็นที่ระบายอารมณ์หรือไงคะ”“พราวชมพู” เปลวตะวันครางชื่อนั้นแผ่วเบาคำพูดง่ายๆแต่กระแทกใจเต็มๆทำเอาเขาหมดอารมณ์ สองมือแกร่งร่วงหล่นลงข้างกายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ“พักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”“เดี๋ยวค่ะ” พราวชมพูเป็นฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้แล้วจู่ๆเธอก็ทำในสิ่งที่เปลวตะวันไม่คาดคิด เธอดึงเขาเข้าไปกอดแล้วก็เขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรของเขาหนักๆ“พราวรู้ว่าพราวเอาเปรียบหมอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกีดกันไม่ให้หมอออกไปหากินนอกบ้าน ทั้งเรื่องให้หมอนอนห้องรับแขกไม่ยอมให้นอนห้องเดียวกับพราว แต่พราวก็อยากหมอเข้าใจ ระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก มันยากนะคะที่จะอยู่ด
“จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน มีแค่ตัวกับดุ้นไม่ได้นะคุณ”เปลวตะวันสะอึก เขาแทบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดห่ามๆของพราวชมพู ดูเอาเถอะ! ผู้หญิงอะไรก๋ากั่นสิ้นดี พูดจาแต่ละทีทำเอาเขาใบ้กินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกไว้ก่อนเลยนะฉันหน้าเงิน ถ้าเงินไม่หนาพอก็เชิญป้ายหน้า”“ห้าล้านพอไหม หรือจะเอาสิบล้าน ร้อยล้าน เอาเท่าไรดีถึงจะเป็นพ่อของลูกเธอได้”คราวนี้พราวชมพูปากสั่น รู้หรอกว่ารวย เธอแค่กระแซะนิดกระแซะหน่อยอีตาหมอหื่นนี่ก็ดันเอาเงินมาฟาดไม่ไว้หน้าซะงั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสิมา! เป็นไงก็เป็นกันมาถึงขั้นนี้อยากยืดอกแสดงตัวรับผิดชอบนัก เธอก็จะจัดให้สมใจ อย่าคิดนะว่าคนอย่างพราวชมพูไม่กล้ารับ“แน่จริงก็เอาห้าร้อยล้านมากองตรงหน้าสิ อย่าดีแต่พูดนะคะ ใครรู้เข้าจะว่าเอาได้ว่าหมอเปลวเก่งแต่ปาก”“งกขนานแท้ หึๆ งกแบบนี้รับรองว่าลูกได้ความงกจากแม่มาพันเปอร์เซ็นต์”“คุณเป็นคนเสนอเอง ฉันก็แค่สนองให้ก็แค่นั้นเองค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับไปแล้วก็ช่วยสนองเรื่องบนเตียงให้คุ้มกับค่าตัวหน่อยก็แล้วกัน”พราวชมพูอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับคำพูดของเขา เธอมัวแต่คิดเอาชนะจนลื
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ