“อ้าว! พี่เปลวสวัสดีครับพี่ คนนั้นใครเหรอพี่เห็นว่าเป็นคนไข้พิเศษ”
เจ้าของไร่เผือกเปิดฉากถามพร้อมยิ้มระรื่นอารมณ์ดี แต่เหมือนคนถูกถามจะไม่ได้อารมณ์ดียามตอบ
“นายจะมาวุ่นอะไรกับคนไข้ฉัน” น้ำเสียงที่ใช้นั้นราบเรียบ สีหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์
คนอยากรู้อยากเห็นหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไม่ได้วุ่นอะไรหรอกครับพี่ ก็แค่ถามไปตามประสาแหละครับ”
เปลวตะวันไม่ได้สนใจคำตอบนั้น เขาจดบันทึกคำสั่งการรักษาลงไป เสร็จแล้วก็ยื่นแฟ้มส่งคืนให้พยาบาล
“ได้ห้องเรียบร้อยแล้วโทรบอกด้วย แล้วพยาบาลพิเศษก็ให้มาพรุ่งนี้เช้านะ คืนนี้ไม่ต้อง ผมจะเฝ้าไข้เอง”
คนบอกไม่ได้วุ่นถึงกับหูผึ่งที่ได้ยินคำสั่งนั้น และความปากไวก็พูดออกไปโดยไม่ต้องคิด
“พิเศษใส่ไข่เสียด้วย ใส่ใจเฝ้าไข้ด้วยตัวเองแบบนี้ คนพิเศษของพี่เปลวเหรอครับ”
เปลวตะวันเริ่มฉุน เขาตวัดสายตามองคนถามแวบหนึ่งเก็บข่มความไม่พึงพอใจเอาไว้แล้วตอบแบบนิ่งขรึมแสนสุภาพ
“จะพิเศษใส่ไข่ใส่ใจแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมาบอกกล่าวใคร นายเองก็เอาเวลาไปใส่ใจคนไข้นายเถอะ น่าจะต้องใส่ใจเยอะหน่อย ได้ข่าวมาว่ารถไฟชนกันระเนระนาดไปหมด ยังไงก็ช่วยดูๆให้ดีหน่อยนะ” เขาบอกแล้วก็ยื่นมือไปตบไหล่หมอหนุ่มรุ่นน้องเบาๆแล้วเดินจากไป
ยอดนักรบถึงกับขนลุกเกรียวกับรอยยิ้มนิ่งๆแต่แววตาวาววับของคนได้ชื่อว่าเป็นรุ่นพี่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้าน คนขี้เล่นอารมณ์ดีผิวปากหวือเมื่อคิดถึงสิ่งที่ได้รู้ ถึงจะอ่านเพียงแค่ไม่กี่วินาทีแต่มองปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่าเปลวตะวันพาคนไข้พิเศษมารักษาด้วยเรื่องอะไร
พราวชมพูตื่นขึ้นมากลางดึกต้องแปลกใจที่แขนของตัวเองมีสายน้ำเกลือระโยงระยางไปหมด หญิงสาวขยับพลิกตัวด้วยความปวดเมื่อย พอสายตาปรับรับกับสภาพแวดล้อมในห้องเต็มที่เธอก็ต้องอุทานเบาๆเมื่อสายตาสบเข้ากับร่างสูงใหญ่ของเปลวตะวันที่ลุกจากโซฟาตัวยาวเดินตรงมาหาเธอ
“ไม่อยากเชื่อว่าคุณจะพาฉันมาส่งโรงพยาบาลนึกว่าจะปล่อยให้ฉันตายๆไปเสียอีก”
“ฟื้นตื่นมาก็แขวะทันทีเลยนะ”
“ฉันพูดความจริงค่ะ ไม่ได้แขวะกระแนะกระแหนคุณ”
“จะอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เวียนหัวมากไหม มีเจ็บ หรือปวด หรือมีอะไรผิดปกติแปลกๆตรงไหนหรือเปล่า”
“ห่วงฉันด้วยเหรอคะ”
พราวชมพูถามแล้วช้อนสายตามองอย่างแสนงอน
เปลวตะวันเห็นแล้วก็นิ่งงันไปอึดใจ พอได้สติก็ยืดตัวตรงแล้วถอยห่างออกมายืนเอามือกอดอกจ้องมองคนบนเตียง
“ที่ถามก็แค่ทำตามหน้าที่อย่าตีความอะไรผิดๆ”
พราวชมพูเบะปากใส่ก่อนพลิกกายหันหน้าหนี เธอไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขา ตอนนี้เธออ่อนเพลียอ่อนแรงเกินกว่าจะทะเลาะฟาดฟันกับใคร
พอเธอหันหลังใส่ เปลวตะวันก็ขัดใจ จากที่ถอยห่างออกมาก็วกกลับไปวอแว
“หันหน้ามาซิ ขอฉันตรวจดูอาการหน่อย”
ไม่ว่าเปล่ายังจับไหล่แบบบางรั้งร่างเธอพลิกกลับมาเผชิญหน้า พราวชมพูอยากจะต่อต้านแต่ก็ไม่อาจทานแรงเขาได้
“เอ๊ะ! คุณนี่นะ เป็นหมอประสาอะไร แทนที่จะให้คนไข้พักผ่อนมาก่อกวนอยู่ได้”
“ฉันขอโทษ”
“อะไรนะคะ”
พราวชมพูเลิกคิ้วมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินประโยคนี้ ยิ่งเห็นแววตาทอดมองมาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน หัวใจอ่อนๆก็เต้นตุบตับหวั่นไหวลึกๆ
“ไปกินอะไรผิดสำแดงมาล่ะคะถึงได้มาทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับฉันแบบนี้”
“อยากจะด่าจะว่าอะไรฉันอีกไหม”
คราวนี้พราวชมพูถึงกับย่นหัวคิ้วเข้าหากันจนแทบเป็นเส้นเดียวกัน ดวงตาคู่หวานจ้องมองเขาอย่างหวาดระแวง
“โดนเทมาหรือไงคะถึงได้เซมาทำท่าอยากจะซบอกฉันแบบนี้น่ะ”
เปลวตะวันถึงกับหัวเราะร่วน นั่นทำเอาพราวชมพูยิ่งงุนงงไปใหญ่ อีตาหมอหื่นนี่ท่าจะเสียสติ หรือว่าถูกหมอคู่ขานั่นเทมาจริงๆถึงได้มายิ้มหวานทอดสายตาอ่อนเชื่อมมองเธอแบบนี้
“คุณไปนั่งหัวเราะที่โซฟานั่นต่อเถอะค่ะ ฉันเพลีย แล้วก็อยากจะนอนมากๆ ฉันหัวเราะกับคุณไม่ไหวหรอก”
“จะไม่รับคำขอโทษจากฉันจริงๆเหรอ”
พราวชมพูเลิกคิ้วสูงอีกครั้งแล้วถามเคืองๆ
“เรื่องอะไรล่ะคะ ความผิดคุณมันมากจนฉันไม่รู้ว่าคุณจะขอโทษฉันเรื่องไหน”
“ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ฉันมีส่วนทำให้เธอเป็นลมหมดสติจนต้องเข้าโรงพยาบาลวันนี้”
พราวชมพูค้อนวงใหญ่
เฮอะ! ทีนี้มาทำเสียงออดอ้อน ทีตอนจองเวรเธอไม่เห็นจะยอม อ่อนข้อรับคำขอโทษจากเธอบ้าง คิดแต่จะแก้แค้นเอาคืน
“ยกโทษให้ฉันได้ไหม ฉันรู้สึกผิดจริงๆที่ทิ้งเธอไว้แบบนั้น”
“ฉันขอเก็บไว้พิจารณาก่อนก็แล้วกันค่ะ ตอนนี้ง่วงยังคิดอะไรไม่ออก” พราวชมพูว่าแล้วก็พลิกกายหันหน้าหนีอีกครั้ง
คราวนี้เปลวตะวันไม่ตอแยอีกต่อไป เขาช่วยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มคลุมให้ร่างกายเธออบอุ่นแล้วถอยออกไปนั่งมองห่างๆที่โซฟาตัวยาวปล่อยให้พราวชมพูพักผ่อนตามต้องการ
อย่าว่าแต่พราวชมพูจะประหลาดใจเลย เขาเองก็แปลกใจในความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน เพียงแค่คิดว่าหากวันนี้เธอและลูกเป็นอะไรไป หัวใจของเขาก็ปวดปร่าความรู้สึกผิดพุ่งพล่านจนเครียดขึงไปหมด
พราวชมพูไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไร ตื่นมาอีกทีก็เช้าวันใหม่แล้ว หญิงสาวกวาดสายตามองไปโดยรอบก็ไม่เห็นแม้เงาของเปลวตะวัน
ความอยากรู้ว่าเขานอนอยู่ในห้องโซนที่พักของญาติหรือเปล่าเธอจึงจัดแจงถอดปลั๊กเครื่องควบคุมการให้น้ำเกลือออกแล้วลงจากเตียงลากเสาน้ำเกลือที่มีตัวเครื่องและขวดน้ำเกลือห้อยโตงเตงเดินไปยังจุดหมายทันที
“ตรงนี้ก็ไม่อยู่ สงสัยไปทำงานแล้วมั้ง” พราวชมพูพึมพำกับตัวเองเมื่อไม่พบเขาตามคาดหมาย เช่นนั้นเธอจึงย้อนกลับมายังเตียงคนไข้ยังไม่ทันได้ขึ้นเตียงเสียงเปิดปิดประตูห้องก็ดังมา
“สวัสดีครับ เช้านี้อาการเป็นยังไงบ้างครับเมื่อคืนหลับสบายดีไหม”
พราวชมพูนิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจที่เห็นคนเข้ามาเป็นหมออื่นไม่ใช่เขา
หญิงสาวยิ้มอ่อนๆก่อนพาตัวเองขึ้นเตียงอย่างทุลักทุเล
“ระวังนะครับ เดี๋ยวพลัดตกลงมาล่ะแย่เลย มาครับหมอช่วย”
เขาบอกแล้วรีบเข้าพยุงคนไข้สาวให้ขึ้นนั่งบนเตียง พราวชมพูรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาจึงค่อยๆเอนกายลงนอน
“เวียนหัวมากเหรอครับ อยากจะอาเจียนไหม หมอเอากระโถนให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”
“พี่เปลวนี่นะ ไหนว่าจัดพยาบาลพิเศษมาไว้คอยดูแลคุณ แล้วนี่ยังไงถึงปล่อยให้อยู่คนเดียวแบบนี้ ดีนะที่หมอเข้ามาทันไม่อย่างนั้นคุณวิงเวียนพลัดตกจากเตียงไปล่ะก็แย่แน่ๆ”
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ หมอมาเยี่ยมไข้แทนหมอเปลวเหรอคะ แล้วทำไมเข้ามาคนเดียวล่ะคะ ปกติต้องมีพยาบาลติดตามมาด้วยนี่คะ”
“เอาะ อ๋อ...ไม่ได้มาตรวจแทนพี่เปลวหรอกครับ พอดีหมอมาเยี่ยมอาการคนไข้ชั้นนี้ เห็นว่าเมื่อคืนพี่เปลวเฝ้าไข้คุณทั้งคืนหมอเลยแวะมาทักทาย แต่ไม่คิดว่าจะเจอคุณอยู่คนเดียวแบบนี้”
“อ๋อค่ะ น่าจะเข้าใจอะไรผิดแล้วมั้งคะ ฉันแค่คนไข้ทั่วไปไม่ใช่คนพิเศษคนสำคัญอะไร ที่ถึงขั้นหมอเปลวต้องจ้างพยาบาลพิเศษมาให้หรือมาเฝ้าไข้ด้วยตัวเองหรอกค่ะ”
พราวชมพูพูดแล้วหัวเราะแห้งๆ ไม่รู้ทำไมตอนบอกออกไปแบบนั้นหัวใจเธอถึงปวดหนุบหนับ
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ถ้าหมอไม่ว่าอะไร ฉันจะขอพักผ่อนสักหน่อย อย่าหาว่าเสียมารยาทออกปากไล่เลยนะคะ ฉันเวียนหัวมากจริงๆ”
“ไม่เสียมารยาทเลยครับ หมอเสียอีกที่เป็นฝ่ายเสียมารยาทเข้ามารบกวนคุณแล้วยังมาพูดอะไรแบบเข้าใจผิดๆอีก หวังว่าคุณจะไม่ถือสานะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” พราวชมพูบอกยิ้มๆแล้วทำท่าจะปิดเปลือกตาลงแต่หมอไม่ได้รับเชิญก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“เดี๋ยวหมอตามพยาบาลมาอยู่เป็นเพื่อนนะครับ” เขาบอกแล้วก็กดอินเตอร์คอมเรียกพยาบาลมาดูแลคนไข้
พราวชมพูยิ้มแทนคำขอบคุณแล้วปิดเปลือกตาลง
ฝ่ายหมอเจ้าของไร่เผือกก็มองคนบนเตียงแวบหนึ่งแล้วถอยกลับออกมา ดวงตาคู่รีทอประกายวิบวับบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดีที่มีเรื่องสนุกๆมาให้ลุ้นและตอนนี้สมองอันปราดเปรื่องกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อประมวลผลอย่างรวดเร็ว
พราวชมพูหลับตาลงได้ไม่นานเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดและปิดอีกครั้ง หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วมองผู้เข้ามาคนใหม่เห็นเป็นเปลวตะวันมาพร้อมกับพยาบาลสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม คนอยากจะนอนก็ขยับลุกนั่งทันที“อย่าลุกเร็วนักสิ เดี๋ยวก็หัวทิ่มตกเตียงหรอก” เขาว่าหลังจากถลาเข้ามาช่วยประคองให้เธอลุกนั่งพราวชมพูรู้สึกหัวใจฟูฟ่องขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคู่หวานตวัดมองพยาบาลวัยละอ่อนแวบหนึ่งเห็นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มละมัยไร้พิษภัยก็แอบชำเลืองมองหมอที่เป็นพ่อของลูกอย่างจับผิด“คุณแม่ต้องระมัดระวังให้มากนะคะ ช่วงนี้อาจวิงเวียนศีรษะมากหน่อยอาจทำให้ทำอะไรได้ไม่คล่องตัวเหมือนตอนยังไม่มีเจ้าตัวเล็กในท้องค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”พราวชมพูยิ้มรับกับคำบอกกล่าวของพยาบาลสาวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเปลวตะวันที่ยังคงประคองเธอเอาไว้ ความไม่คุ้นเคยและรู้สึกกระดากอายทำให้เธอปัดมือเขาออก“นิศาชลเป็นพยาบาลพิเศษที่จะดูแลเธอจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล แล้วบางทีอาจไปดูแลเธอต่อตอนกลับไปพักฟื้นที่บ้านด้วย”“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ป่วยเสียหน่อยทำไมต้องมีพยาบาลดูแลใกล้ชิด”“ไม่ได้ป่วยแต่ก็ไม่ได้แข็งแรงมากพอจะอยู่คนเดียว”“แต่ว่าฉัน...”“อย่าดื้อ”พราว
“เปลว บ่ายนี้มีออกตรวจหรือเปล่า เกลมีเรื่องอยากคุยด้วย”เกวลินรีบบอกทันทีที่เจอหน้าเปลวตะวันตรงหน้าลิฟต์เฉพาะผู้บริหารและแพทย์ เปลวตะวันที่กำลังจะขึ้นไปดูอาการพราวชมพูหยุดคิดอึดใจก่อนตอบ“บ่ายนี้ไม่มีออกตรวจแล้วแต่มีผ่าตัดสองเคสเกลมีอะไรด่วนไหม รอหลังเราผ่าตัดเสร็จได้หรือเปล่า”“เคสแรกกี่โมงเหรอ”“ก็อีกประมาณชั่วโมงนะ”“ถ้าอย่างนั้นคุยตอนนี้เลยได้ไหม เกลร้อนใจ”เปลวตะวันนิ่งคิด หมอหนุ่มเผลอตวัดสายตามองลิฟต์แวบหนึ่งก่อนหันมาตอบ“ได้สิ คุยที่ไหนดี ร้านกาแฟไหม”“อื้อ!”เกวลินรีบพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณให้เปลวตะวันออกเดินนำไปก่อน หมอหนุ่มถอนหายใจเบาๆยามสลัดความคิดเกี่ยวกับพราวชมพูออกไป เขาไม่ไปดูอาการเธอตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร ความร้อนอกร้อนใจของเกวลินสำคัญกว่า หากไม่มีเรื่องร้อนใจจริงคงไม่เร่งเร้าเขาแบบนี้“เกลมีอะไรว่ามาได้เลย” เปลวตะวันเปิดฉากทันทีที่เข้ามาในร้านกาแฟและนั่งลงตรงมุมสงบเป็นส่วนตัวไม่มีคนพลุกพล่านคนถูกถามเม้มปากอย่างใช้ความคิดแล้วเอ่ยออกไปอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก“เกลได้ยินเขาเม้าท์กันไปทั้งโรงพยาบาลเรื่องเปลวกับผู้หญิงคนนั้น”เปลวตะวันเลิกคิ้วสูงแล้วไหวไหล่นิด
“เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกมากพราวชมพู แปลกประหลาดจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอสติไม่ค่อยดีหรือเปล่า” เปลวตะวันพูดกับเธอทั้งที่เธอยังหลับอยู่อย่างนั้นแล้วจู่ๆเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงโต้ตอบกลับมา“ถ้าฉันเสียสติคุณก็เป็นบ้านั่นแหละที่มาวอแวกับคนสติไม่ดีอย่างฉัน”“ตกลงแกล้งหลับสินะ” เขาว่าแล้วบีบจมูกเธอเบาๆพราวชมพูปัดมือเขาทันทีแล้วท้วงเสียงอู้อี้“คุณนี่โรคจิตดีๆนี่เอง คนไข้จะพักผ่อนก็มาก่อกวนอยู่นั่นแหละ”“แล้วทำไมต้องแกล้งหลับ หรือว่าคิดจะแอบฟังว่าฉันกับนิคุยอะไรกัน”“ทำไมต้องแอบฟังคะ คุยกันเสียงดังขนาดนั้น ใครหลับอยู่ก็ต้องตื่นทั้งนั้นแหละ”“ตื่นก็ดีแล้ว ไหนบอกมาซิว่าเวียนหัวดีขึ้นไหม อาเจียนน้อยลงหรือเปล่า”“คุณนิรายงานหมดแล้วจะมาถามทำไมคะ”“ถามเพราะห่วง ถามไม่ได้เหรอ”พราวชมพูกระพริบตาปริบๆ สบตาเขาแล้วหัวใจก็เต้นรัวจนถี่ยิบไม่นะ! มันคือกับดัก อย่าได้หวั่นไหวเชียวอีตาหมอหื่นนี่ไม่มีทางเป็นห่วงเป็นใยเธอจริงจังหรอก มีแต่อยากจะแก้แค้นเธอด้วยเรื่องบ้าบอนั่นล่ะไม่ว่า“ฉันว่าคุณน่าจะพักผ่อนน้อยหรือไม่ก็อาหารเป็นพิษ สติเลยดูท่าจะเลอะเลือนถึงได้พูดอะไรเลี่ยนๆแบบนี้”“ถ้าอย่างนั้นเมื่อวานเช้าเธอคงกิน
“สวัสดีครับพี่ป่าน”เขาเปิดกล้องรับสายจากปลายทาง เห็นหน้าพี่สาวลอยเด่นมาสีหน้าดูเครียดขึงก็รู้ทันทีว่าโทรมากลางดึกด้วยเรื่องอะไร“เรื่องที่เขาลือกันเป็นความจริงสินะ”ปาลิดาเอ่ยเสียงเครียดเมื่อเห็นว่าน้องชายสุดที่รักอยู่ที่ไหนเปลวตะวันชำเลืองมองคนบนเตียงแวบหนึ่งก่อนลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปคุยกับคนเป็นพี่ด้านนอก“ผมนึกว่าพี่จะโทรมาเร็วกว่านี้เสียอีกข่าวไปถึงช้าจังนะครับ”“ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลยนะเปลว พี่รู้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่เพราะมีสัมมนาทั้งวันหรอกนะถึงได้เพิ่งโทรหา”ใช่! เธอรู้ข่าวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่เพราะต้องเข้าสัมมนาเช้ากว่าปกติเธอถึงต้องรอให้จบวันก่อนถึงโทรหาน้องชายตัวดี และเพราะเวลาที่นี่ต่างจากประเทศไทยถึงหกชั่วโมงจึงต้องรีบโทรมาก่อนที่เปลวตะวันจะเข้านอน“ตกลงเปลวไปพลาดท่าทำผู้หญิงที่ไหนท้องมาฮึ ไหนว่าเก่งนักหนาแล้วทำไมพลาดขึ้นมาได้”“ผมว่าพี่ป่านกลับมาแล้วค่อยคุยกันดีกว่าไหมครับ”“แต่พี่ร้อนใจ มันเรื่องใหญ่มากนะเปลว”“ผมไม่เห็นว่ามันจะเรื่องใหญ่โตอะไร พี่ป่านทำใจให้สบายเถอะครับ”“จะให้สบายใจได้ยังไงในเมื่อเกลบอกว่าเปลวจะรับเด็กคนนั้นเป็นลูกและรับผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียโดยไม่
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ
“จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน มีแค่ตัวกับดุ้นไม่ได้นะคุณ”เปลวตะวันสะอึก เขาแทบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดห่ามๆของพราวชมพู ดูเอาเถอะ! ผู้หญิงอะไรก๋ากั่นสิ้นดี พูดจาแต่ละทีทำเอาเขาใบ้กินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกไว้ก่อนเลยนะฉันหน้าเงิน ถ้าเงินไม่หนาพอก็เชิญป้ายหน้า”“ห้าล้านพอไหม หรือจะเอาสิบล้าน ร้อยล้าน เอาเท่าไรดีถึงจะเป็นพ่อของลูกเธอได้”คราวนี้พราวชมพูปากสั่น รู้หรอกว่ารวย เธอแค่กระแซะนิดกระแซะหน่อยอีตาหมอหื่นนี่ก็ดันเอาเงินมาฟาดไม่ไว้หน้าซะงั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสิมา! เป็นไงก็เป็นกันมาถึงขั้นนี้อยากยืดอกแสดงตัวรับผิดชอบนัก เธอก็จะจัดให้สมใจ อย่าคิดนะว่าคนอย่างพราวชมพูไม่กล้ารับ“แน่จริงก็เอาห้าร้อยล้านมากองตรงหน้าสิ อย่าดีแต่พูดนะคะ ใครรู้เข้าจะว่าเอาได้ว่าหมอเปลวเก่งแต่ปาก”“งกขนานแท้ หึๆ งกแบบนี้รับรองว่าลูกได้ความงกจากแม่มาพันเปอร์เซ็นต์”“คุณเป็นคนเสนอเอง ฉันก็แค่สนองให้ก็แค่นั้นเองค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับไปแล้วก็ช่วยสนองเรื่องบนเตียงให้คุ้มกับค่าตัวหน่อยก็แล้วกัน”พราวชมพูอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับคำพูดของเขา เธอมัวแต่คิดเอาชนะจนลื
“ฉันยอมลงให้ทุกอย่าง เธออยากได้อะไร ไม่ชอบสิ่งไหน ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำให้หมดแล้ว วันนี้เธอจะตามใจฉันบ้างไม่ได้เหรอ”“ทำไมต้องวันนี้ ตอนนี้ล่ะคะ ปกติหมอก็ไม่ได้หิวจัดขนาดจะขาดใจถ้าไม่ได้กินนี่คะ ถ้าวันนี้พราวไม่พร้อม หมอจะรอต่ออีกไม่ได้เลยเหรอ”“เอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะพราวชมพู”“หมอต่างหากที่กำลังเอาเปรียบพราว หมอเก็บกดเรื่องอะไรมาถึงได้จะมาลงที่พราว เห็นพราวเป็นที่ระบายอารมณ์หรือไงคะ”“พราวชมพู” เปลวตะวันครางชื่อนั้นแผ่วเบาคำพูดง่ายๆแต่กระแทกใจเต็มๆทำเอาเขาหมดอารมณ์ สองมือแกร่งร่วงหล่นลงข้างกายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ“พักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”“เดี๋ยวค่ะ” พราวชมพูเป็นฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้แล้วจู่ๆเธอก็ทำในสิ่งที่เปลวตะวันไม่คาดคิด เธอดึงเขาเข้าไปกอดแล้วก็เขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรของเขาหนักๆ“พราวรู้ว่าพราวเอาเปรียบหมอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกีดกันไม่ให้หมอออกไปหากินนอกบ้าน ทั้งเรื่องให้หมอนอนห้องรับแขกไม่ยอมให้นอนห้องเดียวกับพราว แต่พราวก็อยากหมอเข้าใจ ระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก มันยากนะคะที่จะอยู่ด
วันนี้เป็นวันแรกที่เปลวตะวันยอมปล่อยให้พราวชมพูออกนอกบ้านได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีนิศาชลไปด้วยแม้ว่าพราวชมพูจะรู้สึกอึดอัดที่เขาทำเหมือนกับว่าส่งคนคอยควบคุมดูแลเธอตลอดเวลาแต่ก็พอทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาได้ว่าที่ทำไปก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอและลูกดังนั้นเธอจึงกลับไปบ้านของตัวเอง ไปดูความเรียบร้อยและเอา ของใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วก็ชวนนิศาชลไปหาอะไรกินและช้อปปิ้งก่อนจบลงที่ไปหาเปลวตะวันที่คลินิกเพราะวันนี้เขาไปออกตรวจที่นั่นแทนพี่สาว“คุณนิกลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพราวรอกลับพร้อมหมอเปลวได้”“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิกลับเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมตามใจพราว ไปโน่นนี่กับพราวทั้งวันเลย”“ยินดีค่ะ อีกอย่างหมอเปลวก็จ้างนิมาดูแลคุณพราว ถ้านิทำหน้าที่บกพร่องล่ะก็หมอเปลวต้องดุนิแน่ๆ”“พราวอยู่ทั้งคน คุณนิไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ”“คุณพราวพูดแบบนี้พรุ่งนี้อยากทำอะไรอยากไปไหนบอกเลยค่ะเดี๋ยวนิจัดให้เต็มที่”นิศาชลบอกแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะประสานเสียงร่าเริงอย่าง คนรู้ใจกันพราวชมพูเห
เปลวตะวันนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อมาถึงร้านอาหารตามนัดหมายแล้วพบว่ายอดนักรบร่วมขบวนมาด้วย คนขี้หึงหน้าตึงขณะที่คนขี้เล่นยิ้มเผล่อารมณ์ดี“สวัสดีครับพี่หมอเปลว คุณพราว มากันเร็วเหมือนกันนะครับนี่ ผมกับรุ่นพี่ไปรับอาจารย์แม่มาถึงได้ไม่ถึงห้านาทีเอง”พราวชมพูยิ้มน้อยๆส่วนเปลวตะวันหันไปทักทายอาจารย์ที่ปรึกษาที่เคารพรัก“สวัสดีครับอาจารย์ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปรับที่สนามบิน”“ไม่เป็นไรหรอกเปลวแค่เห็นหน้าพวกเราพากันมากินข้าวกับครูพร้อมหน้า ครูก็ดีใจแล้ว”“อาจารย์แม่มาทั้งทีพวกเราจะพลาดได้ยังไงล่ะครับ” ยอดนักรบเป็นฝ่ายเอ่ยแทรกขึ้นเปลวตะวันเขม่นในความขี้ประจบนั้นเหลือใจส่วนเกวลินลอบยิ้มน้อยๆอย่างหมายมาด“นี่เหรอเมียเราที่เขาเล่าลือกันไปทั่วกรุงเทพฯน่ะ”เปลวตะวันฟังแล้วรู้สึกขัดหูไม่น้อย ไม่ใช่เพราะถูกอาจารย์อรวีซักถามแต่เพราะไม่พอใจคนคาบข่าวไปฟ้องต่างหาก“ครับ ผมขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ทันได้แนะนำให้รู้จักต้องรออาจารย์แม่ต้องทักถามเสียก่อน”“ไม่เป็นไรหรอก ครูไม่ถือ แล้วนี่ชื่อเสียงเรียงนามอะไ
“พี่บอกให้รอข้างนอกไง เข้ามาทำไมครับ หรือว่าพราวหิวจนรอไม่ไหว”เปลวตะวันถามเมื่อเห็นพราวชมพูเดินเข้ามาในครัวพร้อมส่งยิ้มหวานมาแต่ไกล รอยยิ้มนั้นชวนให้รู้สึกแปลกไม่น้อยแต่เขาก็ไม่อยากเก็บมาคิด“หิวค่ะก็เลยเดินมาตาม”พราวชมพูบอกพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลังแล้วลอดศีรษะเข้าใต้รักแร้ของเขายื่นหน้าไปดูว่าเขากำลังทำอะไร“ทำอะไรแบบนี้ครับ เดี๋ยวพี่พลั้งมือทำนมหกกระเด็นถูกพราวหรอก”เขาว่าแล้วหมุนกายหันกลับมาสวมกอดเธอพร้อมโน้มใบหน้าลงจูบอย่างรวดเร็ว โอกาสดีๆแบบนี้ใช่จะหาได้ง่ายๆจูบแล้วก็อยากอุ้มขึ้นห้องเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่าตั้งใจพาเธอไปไหว้พระเขาจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ให้หลุดลอยไปแน่นอน“เกลกลับไปแล้วเหรอ”เขาถามหลังจากถอนจูบแต่ยังคงวนเวียนคลอเคลียหอมแก้มซ้ายขวาไม่หยุดถามไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง บรรยากาศกำลังดีดันปากเปราะพูดถึงคนที่ไม่ควรพูดถึงพราวชมพูไม่ตอบและไม่ได้ผลักไสเขาอย่างเคย วันนี้เธอเอียงแก้มให้เขาจูบตามใจแล้วก็เป็นฝ่ายโน้มต้นคอเขาและเขย่งเท้าขึ้นจูบเขาบ้างคนถูก
เช้าวันนี้พราวชมพูตื่นมาด้วยความสดชื่น เมื่อคืนหลังจากเปลวตะวันอุ้มพาเธอขึ้นห้องไปแล้วเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอยากจะสานต่ออะไรที่มันค้างคา แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่เขาปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนโดยง่ายขณะที่เขาเพียงแค่สวมกอดเธอไว้แนบอกแต่นั่นก็ทำให้เธออิ่มอุ่น หัวใจฟูฟ่องกับความอ่อนโยนและใส่ใจของเขายิ่งลงมาเห็นกระเช้าของฝากที่แม่เพื่อนสนิทของเขาหอบหิ้วมาถูกหย่อนทิ้งไว้ในถังขยะพราวชมพูก็ยิ่งรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่พอเดินมาถึงโถงนั่งเล่น รอยยิ้มก็เลือนหายเมื่อเห็นใครบางคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว“สวัสดียามเช้าค่ะ วันนี้ดูอารมณ์ดีขึ้นนะ ดูท่าของบำรุงที่ซื้อมาฝากจะได้ผลดี”“เมื่อก่อนนี่เช้าถึงมืดถึงแบบนี้ทุกวันเลยหรือเปล่าคะ” พราวชมพู ไม่อารมณ์ดีด้วย เธอถามเสียงฉุนแล้วมองคนมาเยือนด้วยสายตาขุ่น“เอาตามจริงดีไหมนะ พูดไปแล้วเธอจะคิดมากหรือเปล่า แย่จัง! ไม่พูดดีกว่าเดี๋ยวเธอได้ไปเหวี่ยงใส่เปลวให้เขาอึดอัดใจอีก”พราวชมพูยิ้มเยาะ ทีคราวนี้ทำท้าทายต่อปากต่อคำกับเธอฉอดๆ เวลาอยู่ต่อหน้าอีตาหมอหื่นนั่นแสร้งทำเป็นน
เปลวตะวันนิ่งงันไปอึดใจเมื่อพบว่าคนที่มาคือเกวลินไม่ใช่พี่สาวของเขาตามที่เข้าใจพอเห็นแขกสาวแล้วเจ้าของบ้านก็รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก เขาลอบมองขึ้นไปชั้นบนของบ้านอย่างนึกกังวลถึงความรู้สึกของพราวชมพู รายนั้นหากรู้ว่าใครมาเยือนกลางดึกเช่นนี้คงฟาดงวงฟาดงาอีกแน่“เกลมารบกวนเวลาพักผ่อนของเปลวหรือเปล่าดูเปลวทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับเกลสักเท่าไร”“มาเสียค่ำเชียวมีเรื่องด่วนเหรอ ความจริงโทรมาก็ได้นะ”เกวลินนิ่วหน้าเล็กน้อยรู้สึกตะหงิดๆในคำพูดของคนได้ชื่อว่าเพื่อน ปกติเขาไม่เคยพูดเหมือนไม่อยากต้อนรับเธอแบบนี้“ความจริงก็ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรหรอก ผ่านมาทางนี้ก็เลยแวะเอาของบำรุงมาฝากคนท้องน่ะ”เกวลินว่าแล้วก็หันไปหยิบกระเช้าในรถมาส่งให้ แล้วก็แปลกอีกเช่นกันที่เปลวตะวันเพียงแค่รับไปแล้วขอบคุณเธอไม่มีคำเอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเข้าไปในบ้าน“เกลขอเข้าไปนั่งพักสักครู่ได้ไหมวันนี้ขับรถไปมาหลายที่เมื่อยขาพอตัวเลย”เปลวตะวันแค่ยิ้มมุมปากแล้วมองหน้าเกวลินอย่างใช้ความคิดและก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรเสียงเจื้อยแจ้วของพราวชมพูก็ดังมาจากประตูบ้าน
ใช่! พราวชมพูพูดถูกแล้วเขาโกรธเธอ โกรธมากแต่นั่นแหละ! พอเธอออดอ้อนเว้าวอนอย่างสำนึกผิดเขาก็ใจอ่อนเขาพอจะเข้าใจความแปรปรวนทางอารมณ์ แต่ที่เขานิ่งเงียบก็เพราะอยากดัดนิสัยสักหน่อยไม่อยากให้ได้ใจทำอะไรแผลงๆไม่คิดแบบวันนี้อีกด้านพราวชมพูตอนนี้เธอเริ่มจะงอนเขาขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะว่าเขานิ่งเงียบหน้าตึงจนเธอทำตัวไม่ถูกง้อก็แล้วขอโทษก็แล้วอ้อนก็แล้วเปลวตะวันยังตีหน้านิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เอาเถอะ! เล่นตัวนักเธอก็จะไม่ง้อแล้ว คอยดูก็แล้วกันเธอจะเชิดใส่เสียให้เข็ดคิดแล้วก็เอาแต่นั่งคอแข็งมองออกไปนอกกระจกด้านข้างไม่ชวนเขาพูดคุยอีกพอถึงบ้านรถจอดสนิท เจ้าหล่อนก็เปิดประตูรถแล้วเข้าบ้านไปทันทีไม่สนใจเขาจริงๆเปลวตะวันส่ายหน้า ดูทำเข้า! สรุปกลายเป็นว่าเขาต้องเป็นฝ่ายง้อเธอใช่ไหม?“เอ๊ะ! หลีกไปนะคะ หมอจะมาขวางพราวทำไม” พราวชมพูแหวใส่เมื่อเปลวตะวันก้าวตามมาติดๆแล้วตรงเข้าขวางเธอไว้ก่อนที่เธอจะทันได้เข้าห้องนอนแล้วเขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด ความไม่ทันตั้งตัวทำเอาถูกเขาคว้าตัวไปกอดแล้วบดจูบหนักหน่วงดุดัน
วันนี้เป็นวันแรกที่เปลวตะวันยอมปล่อยให้พราวชมพูออกนอกบ้านได้แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องมีนิศาชลไปด้วยแม้ว่าพราวชมพูจะรู้สึกอึดอัดที่เขาทำเหมือนกับว่าส่งคนคอยควบคุมดูแลเธอตลอดเวลาแต่ก็พอทำความเข้าใจกับเหตุผลของเขาได้ว่าที่ทำไปก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอและลูกดังนั้นเธอจึงกลับไปบ้านของตัวเอง ไปดูความเรียบร้อยและเอา ของใช้ที่ต้องการเสร็จแล้วก็ชวนนิศาชลไปหาอะไรกินและช้อปปิ้งก่อนจบลงที่ไปหาเปลวตะวันที่คลินิกเพราะวันนี้เขาไปออกตรวจที่นั่นแทนพี่สาว“คุณนิกลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวพราวรอกลับพร้อมหมอเปลวได้”“ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นนิกลับเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะคะ”“ขอบคุณมากนะคะที่ยอมตามใจพราว ไปโน่นนี่กับพราวทั้งวันเลย”“ยินดีค่ะ อีกอย่างหมอเปลวก็จ้างนิมาดูแลคุณพราว ถ้านิทำหน้าที่บกพร่องล่ะก็หมอเปลวต้องดุนิแน่ๆ”“พราวอยู่ทั้งคน คุณนิไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ”“คุณพราวพูดแบบนี้พรุ่งนี้อยากทำอะไรอยากไปไหนบอกเลยค่ะเดี๋ยวนิจัดให้เต็มที่”นิศาชลบอกแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะประสานเสียงร่าเริงอย่าง คนรู้ใจกันพราวชมพูเห
“ฉันยอมลงให้ทุกอย่าง เธออยากได้อะไร ไม่ชอบสิ่งไหน ต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็ทำให้หมดแล้ว วันนี้เธอจะตามใจฉันบ้างไม่ได้เหรอ”“ทำไมต้องวันนี้ ตอนนี้ล่ะคะ ปกติหมอก็ไม่ได้หิวจัดขนาดจะขาดใจถ้าไม่ได้กินนี่คะ ถ้าวันนี้พราวไม่พร้อม หมอจะรอต่ออีกไม่ได้เลยเหรอ”“เอาเปรียบกันเกินไปแล้วนะพราวชมพู”“หมอต่างหากที่กำลังเอาเปรียบพราว หมอเก็บกดเรื่องอะไรมาถึงได้จะมาลงที่พราว เห็นพราวเป็นที่ระบายอารมณ์หรือไงคะ”“พราวชมพู” เปลวตะวันครางชื่อนั้นแผ่วเบาคำพูดง่ายๆแต่กระแทกใจเต็มๆทำเอาเขาหมดอารมณ์ สองมือแกร่งร่วงหล่นลงข้างกายปล่อยให้เธอเป็นอิสระ“พักผ่อนเถอะ ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”“เดี๋ยวค่ะ” พราวชมพูเป็นฝ่ายเรียกรั้งเอาไว้แล้วจู่ๆเธอก็ทำในสิ่งที่เปลวตะวันไม่คาดคิด เธอดึงเขาเข้าไปกอดแล้วก็เขย่งเท้าขึ้นจูบริมฝีปากหยักดั่งคันศรของเขาหนักๆ“พราวรู้ว่าพราวเอาเปรียบหมอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกีดกันไม่ให้หมอออกไปหากินนอกบ้าน ทั้งเรื่องให้หมอนอนห้องรับแขกไม่ยอมให้นอนห้องเดียวกับพราว แต่พราวก็อยากหมอเข้าใจ ระหว่างเรามันไม่ใช่ความรัก มันยากนะคะที่จะอยู่ด
“จะมาเป็นพ่อของลูกฉัน มีแค่ตัวกับดุ้นไม่ได้นะคุณ”เปลวตะวันสะอึก เขาแทบจะหลุดหัวเราะกับคำพูดห่ามๆของพราวชมพู ดูเอาเถอะ! ผู้หญิงอะไรก๋ากั่นสิ้นดี พูดจาแต่ละทีทำเอาเขาใบ้กินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน“บอกไว้ก่อนเลยนะฉันหน้าเงิน ถ้าเงินไม่หนาพอก็เชิญป้ายหน้า”“ห้าล้านพอไหม หรือจะเอาสิบล้าน ร้อยล้าน เอาเท่าไรดีถึงจะเป็นพ่อของลูกเธอได้”คราวนี้พราวชมพูปากสั่น รู้หรอกว่ารวย เธอแค่กระแซะนิดกระแซะหน่อยอีตาหมอหื่นนี่ก็ดันเอาเงินมาฟาดไม่ไว้หน้าซะงั้น ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาสิมา! เป็นไงก็เป็นกันมาถึงขั้นนี้อยากยืดอกแสดงตัวรับผิดชอบนัก เธอก็จะจัดให้สมใจ อย่าคิดนะว่าคนอย่างพราวชมพูไม่กล้ารับ“แน่จริงก็เอาห้าร้อยล้านมากองตรงหน้าสิ อย่าดีแต่พูดนะคะ ใครรู้เข้าจะว่าเอาได้ว่าหมอเปลวเก่งแต่ปาก”“งกขนานแท้ หึๆ งกแบบนี้รับรองว่าลูกได้ความงกจากแม่มาพันเปอร์เซ็นต์”“คุณเป็นคนเสนอเอง ฉันก็แค่สนองให้ก็แค่นั้นเองค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นกลับไปแล้วก็ช่วยสนองเรื่องบนเตียงให้คุ้มกับค่าตัวหน่อยก็แล้วกัน”พราวชมพูอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับคำพูดของเขา เธอมัวแต่คิดเอาชนะจนลื
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสมาร์ตของหมอเจ้าของไร่เผือกนามยอดนักรบเดินเข้ามาใบหน้าหล่อสะดุดตาสไตล์หนุ่มลูกครึ่งไทยจีนระบายไปด้วยรอยยิ้มและส่งเสียงทักทายนำมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาถึงเตียงคนไข้“สวัสดียามเช้าครับ อ้าว! พี่หมอเปลวมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้าเชียวนะครับ แล้วนี่พยาบาลไปไหนเสียล่ะครับทำไมปล่อยให้หมออยู่กับคนไข้ลำพังแบบนี้”“แล้วนายเข้ามาทำอะไรในห้องคนไข้ของฉัน”“อ๋อ...ผมมาเยี่ยมอาการคนไข้ห้องข้างๆเสร็จแล้วก็เลยแวะมาทักทายครับ เมื่อวานเข้ามาเห็นคุณพราวชมพูอยู่คนเดียวก็นึกห่วงเลยเข้ามาดูหน่อยว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม”เปลวตะวันหูผึ่งเขาหันขวับมาจ้องพราวชมพูเขม็ง เห็นเธอเลิกคิ้วมองตอบมาทำไขสือไม่เข้าใจสายตาเขาที่ใช้แทนคำถามก็ขัดใจ“ไม่เห็นพราวบอกว่าหมอยอดเข้ามาในห้องนี่”“ก็คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะทำไมฉันต้องรายงานด้วยล่ะ”พราวชมพูย้อนยอดนักรบฟังแล้วก็แอบขำ เห็นอาการของเปลวตะวันแล้วก็พอจะเดาออกว่าหึงเขาเข้าให้แล้ว ส่วนพราวชมพูดูจะไม่ได้รับรู้อะไรสักนิด เห็นแบบนี้เขาก็รุกต่อทันที“วันนี้หน้าตาดูสดใสกว่าเมื่อวานอีกนะครับ ท่าทางคงได้คนดูแลดี”พราวชมพูยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร เ