กลางดึกในคืนเดือนดับ
อากาศภายในห้องนอนสีเทาเข้มนั้นเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศเปี่ยมคุณภาพ แต่เจ้าของเรือนกายกำยำกลับร้อนระอุราวกำลังอยู่ในเตาอบ
ร่างหนาพลิกซ้ายป่ายขวากระสับกระส่ายเพราะไม่อาจข่มตาหลับลงได้ในหัวของเขามีแต่ภาพวันเก่าในคืนเร่าร้อนผุดพรายฉากแล้วฉากเล่าแจ่มชัด
“เร็วอีก เร็วอีก โอว...เอาอีก แรงอีก” เสียงเจ้าหล่อนเร่งเร้ากังวานก้องอยู่ในหัวเขาเปลวตะวันพยายามสลัดเท่าไรก็ไม่สลัดไม่หลุด ยิ่งพยายามสะกดกั้นปัดป้อง เสียงนั้นก็เหมือนยิ่งดังกึกก้องกังวาน
“อ๊า...อ...อา คุณนี่เอวดุเป็นบ้า” นั่นคือถ้อยคำที่หลุดลอดออกมาจากปากคนได้ชื่อว่าเพิ่งถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์เป็นครั้งแรก
ฟังแล้วเขาก็ฉุนจัด เจ้าหล่อนช่างก๋ากั่นนัก เขาไม่อยากนึกคิดว่าหากคืนนี้คนที่อยู่บนเตียงกับเจ้าหล่อนไม่ใช่เขา เจ้าหล่อนจะครางระงมออดอ้อนเร่าร้อนมากขนาดนี้หรือไม่!
บัดซบ! คิดถึงตรงนี้ทีไร ความหึงหวงก็แล่นปราดขึ้นเล่นงานเขา ทุกครั้งไป เขาไม่อยากเดาให้ขุ่นเคืองใจเลยว่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมาพอสะบัดก้นจากเขาแล้วเจ้าหล่อนไล่ล่าลากผู้ชายขึ้นเตียงมาแล้วกี่คน
“โอว...คุณนี่งานดีสุดๆ ฉันไม่เสียใจเลยที่ยอมเสียสาวให้คุณ”
เจ้าหล่อนพร่ำเสียงสั่นพร่าแล้วตามติดด้วยเร่งเร้าเว้าวอนระรัว
ลมหายใจของเธอถี่กระชั้นราวคนกำลังเผชิญกับความตื่นเต้นระทึกขวัญ ปากเธอพร่ำไม่เป็นศัพท์ สะโพกงามงอนก็ขยับส่ายร่อนต้อนรับเจ้างูยักษ์ร้ายแสนดุดันของเขาอย่างไม่ประหวั่นพรั่นพรึง
“อึ้ก!” เสียงเธอบ่งบอกอาการจุกดังขึ้นเบาๆหลังจากเขาจงใจส่งแรงโหมสะโพกตอกอัดเข้าไปหนักๆ เป็นการระบายความอัดอั้นที่ก่อเกิดจากความเสียดเสียวม้วนตัวขมวดเป็นเกลียวอัดแน่นแล่นพล่านในกายจนเขาสะกดกลั้นเอาไว้ต่อไปไม่ไหว
ใช่! เขายอมรับอย่างหน้าไม่อาย
แม่สาวเวอร์จิ้นที่ถูกเขากระซวกจนเยื่อบางๆนั่นขาดวิ่นในคืนนั้นกระตุ้นแรงกำหนัดที่อัดแน่นในกายเขาให้พุ่งทะยานจนเกินขีดจำกัด
อาการสนองตอบอย่างไม่ประสีประสาปลุกเร้าความเถื่อนดิบที่ซุกซ่อนในตัวเขาออกมาได้แบบไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
เขาควรจบทุกสิ่งหลังสัมพันธ์สวาทในค่ำคืนนั้นจบลง แต่เพราะความโกรธที่ตื่นมาเจอเงินปึกหนึ่งกับจดหมายน้อยนั่นทำให้เขาควานหาตัวเธอให้ควั่ก
ยิ่งหายากเย็นเท่าไรความรู้สึกเคืองขุ่นก็ยิ่งพุ่งพล่านอัดแน่นในหัวใจ ความรู้สึกเสียดเสียวซาบซ่านยามลำกายใหญ่ยาวของเจ้างูยักษ์คู่ใจลอดเลื้อยเสียดสีกับผิวเนื้ออ่อนนุ่มในซอกหลืบนั้นยิ่งร้อยรัดอัดแน่นในห้วงความคิดเขาจนยากจะลืมเลือน
“เธอต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นพราวชมพู”
เขาเค้นเสียงเครียดก่อนสลัดผ้าห่มทิ้งแล้วลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมตัวโคร่งมาสวมใส่ เขาจงใจแค่ใช้ห่อหุ้มร่างกายลวกๆ ไม่ได้ใส่ใจปิดบังร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองให้มิดชิดจากสายตาคน
จะปิดซ่อนทำไมกัน ในเมื่อเธอและเขาเผยเรือนร่างต่อกันไปถึงไหนต่อไหนมาแล้ว
แกร๊ก!! แอ๊ดดดด...
เสียงเปิดประตูดังมาทำเอาพราวชมพูที่นอนหลับๆตื่นๆถึงกับสะดุ้งพรวด หญิงสาวรีบดีดกายลุกขึ้นแล้วเปิดโคมไฟข้างเตียงทันที
“ดึกมากแล้วคนจะหลับจะนอนเข้ามาทำไม”
เธอถามเมื่อเห็นหน้าคนก้าวเข้ามา หญิงสาวเบือนหน้ามองไปทางอื่นทันทีที่เห็นชายเสื้อคลุมแย้มกว้าง
ตรงเอวสอบมีเชือกผูกไว้ลวกๆจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่แย้มให้เห็นเรือนกายสีแทนที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ
กลางรอยแยกแผงอกกว้างเต็มไปด้วยไรขนสีน้ำตาลอ่อนรกครึ้มแผ่กระจายไล่เรื่อยต่ำลงมายังหน้าท้องที่เต็มไปด้วยรอนคลื่น ขนาดว่าเบือนหน้าหนีไปเสียก่อนจะทันได้เห็นภาพนั้นเต็มตาแต่เธอกลับเก็บรายละเอียดเสียทุกตารางนิ้ว
ใช่! เธอไม่จำเป็นต้องจับจ้องมองเต็มสองตา เพราะตั้งแต่ค่ำคืนหวาม กายและหัวใจอ่อนๆของเธอก็มีแต่ทุกส่วนสัดของกายกำยำเด่นชัดในห้วงคำนึงตราตรึง
“มาดูว่าตายหรือยัง”
“หึ! กลัวจะโดนข้อหาฆาตกรรมหรือไง”
“เปล่า! กลัวจะเหม็นเน่าคาบ้านแล้วเดือดร้อนฉันต้องจ้างแม่บ้านมากวาดล้างครั้งใหญ่อีก”
พราวชมพูหันมาถลึงตาใส่ เธอควรสงบปากสงบคำ ยิ่งถกเถียงกับเขาไปก็ไม่เป็นผลดีอะไรโดยเฉพาะไม่ดีต่อสุขภาพจิตของลูกในครรภ์
“ฉันถามหน่อยเถอะ ท้องไม่มีพ่อแบบนี้ไม่กลัวใครนินทาเลยเหรอ”
“ปากคนเหมือนปากกาทำไมต้องแคร์”
“แล้วถ้าลูกโตจะบอกลูกยังไงว่าใครเป็นพ่อ”
“แล้วคุณจะมาสนใจทำไมนี่ชีวิตฉัน ชีวิตลูกฉัน มันไม่เกี่ยวกับคุณ”
“แล้วไอ้ดุ้นยักษ์นี่ที่มันแผลงฤทธิ์ใส่เธอจนท้องโย้มันไม่เกี่ยวจะเรียกว่าอะไร”
เขาไม่ว่าเปล่ายังสะบัดสาบเสื้อคลุมให้แยกออกจากกันจนเผยให้เห็นเจ้างูยักษ์ส่ายหัวผงาดกล้าต่อหน้าต่อตาเธอ
พราวชมพูพยายามฝืนกดกลืนความรู้สึกที่ตื่นอยู่ภายใน หัวใจเธอเต้นโครมครามไปหมด
ทุกบททุกตอนอันเร่าร้อนในค่ำคืนนั้นผุดพรายแจ่มชัด
“หรือจะบอกว่านอกจากฉันแล้วไปนอนอ้าให้ใครดันมาอีก”
“หยาบ! เรียนมาก็สูงทำไมถึงหยาบได้ขนาดนี้” พราวชมพูแหวอย่างเหลืออด หากไม่ได้ยินกับหูไม่ได้รู้กับตาเธอไม่เชื่อแน่ว่าผู้ชายนิสัยแย่ๆตรงหน้าคือหมอผู้เก่งกาจ
“พูดเรื่องใต้สะดือมันก็ต้องถึงพริกถึงขิงแบบนี้แหละ เธอจะมามัวทำกระบิดกระบวนเหนียมอายมันไม่ใช่”
“โอ๊ย! จะอะไรยังไงก็ตามใจคุณเถอะ ฉันเพลียมากอยากจะนอนแล้ว คุณออกไปก็ช่วยปิดไฟปิดประตูด้วยก็แล้วกัน”
พราวชมพูทำไม่รู้ไม่ชี้หันหน้าหนีแล้วทิ้งตัวลงนอน หวังอย่างยิ่งว่าเขาจะถอยร่นออกไปเอง
“ว้าย!” เจ้าหล่อนอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆแล้วรั้งเอาร่างเธอไปสวมกอดเท่านั้นยังไม่พอยังส่งจมูกโด่งเข้าซุกไซ้ซอกซอนตรงซอกคอ สองมือหนาใหญ่ก็ขยำขยุ้มทรวงสวยนุ่มหยุ่นของเธออย่างจงใจ
“อย่ามาทำรุ่มร่ามนะ ออกไป๊!”
พราวชมพูพยายามสะบัดสลัดความรู้สึกวาบหวามที่จู่โจมเข้าครอบงำ แต่ยิ่งต้านก็เหมือนยิ่งถลำลึกด่ำดิ่งลงไปทุกขณะ
“อย่าโกหกตัวเองเลย ฉันรู้ว่าเธอต้องการมัน”
เขากระซิบเสียงแหบห้าวแล้วพลิกกายเธอให้นอนหงายราบก่อนเคลื่อนกายกำยำขึ้นทาบทับปลุกปั่นโลมเล้าจนพราวชมพูหลุดครางเร่า
“ภูมิใจเถอะเธอเป็นคนแรกที่ฉันยอมขึ้นเตียงด้วยเป็นครั้งที่สอง”
เขาว่าแล้วทาบริมฝีปากร้อนผ่าวแนบนาบบดจูบ สองมือตะโบมคลึงเคล้าดอกบัวคู่งาม ยิ่งคลึงยิ่งเคล้ายิ่งกระตุ้นไฟราคะอันเร่าร้อนในกายก็ยิ่งลุกโชน
“แล้วก็จงภูมิใจเอาไว้ที่ได้เป็นคนแรกที่ฉันจูบคลุกเคล้าถึงพริกถึงขิงแบบนี้”
พราวชมพูส่ายหน้า เธอมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว
ใจหนึ่งตะโกนก้องปฏิเสธสัมผัสซ่านสยิว แต่ใจหนึ่งกลับหวีดลั่น ร่ำร้องเรียกหาอยากให้เขาตอกตรึงผนึกร่างหลอมกายเข้าด้วยกัน
“ไหนด่าว่าฉันไวไฟยิ่งกว่ากระหรี่ไม่กลัวติดโรคจากฉันรึไง” พราวชมพูพยายามงัดข้อใช่! เธอกำลังงัดข้อ ทั้งกับตัวเองและกับเขา เธอกำลังต่อสู้กับแรงกำหนัดที่พุ่งพล่าน เธอจะยอมให้เขาใช้เรือนร่างของเธอปรนเปรอความใคร่ง่ายๆไม่ได้ค่ำคืนนั้นจะเป็นเพียงแค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้น มันคือค่ำคืนที่เธอเลือก แต่หลังจากนั้นเธอจะไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม“สมุดฝากครรภ์บ่งบอกว่าเธอปลอดภัย เธอเองก็สบายใจได้ฉันสะอาดพอไม่ต้องกลัวจะมีโรคส่งให้เธอ”“แล้วไม่รังเกียจเหรอที่ฉันแรดร่านอ่อยใครต่อใครให้ลากขึ้นเตียงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้น่ะ”“หึๆ อีกเดี๋ยวก็รู้ว่าความแรดร่านของเธอหยุดแค่คืนนั้นหรือว่าเที่ยวไปดันกับใครต่อใครไม่ซ้ำหน้าอย่างที่ว่า”เปลวตะวันว่าแล้วก็ดึงรั้งเสื้อผ้าออกจากร่างอ้อนแอ้นอย่างรวดเร็ว เธอคงคิดว่าสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดจะรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้เสื้อยืดกางเกงวอร์มแค่นี้ไม่คณามือเขาหรอก“อย่า!! ฉันไม่ชอบแบบนี้”พราวชมพูท้วงเสียงสั่นเมื่อไม่อาจทัดทานแรงเขาได้ แต่เปลวตะวันไม่ได้สนใจเสียงห้ามเขายังคงโลมลูบจูบคลอเคล้าปลุกปั่นกระตุ้นแรงกำหนัดในกายเธอให้โหมทวี“บิดพล่านขนาดนี้อย่าฝืนต้านหน่อยเล
'หมอขา...พราวไม่ไหวแล้ว เร็วอีก แรงอีก'"บัดซบ! เธอจะตามหลอกตามหลอนให้คลั่งตายเลยรึไงแม่ตัวดี" เขาสบถเพราะยิ่งพยายามปัดภาพเหตุการณ์ในฝันเสมือนจริงออกไปเท่าไรก็เหมือนยิ่งพุ่งจู่โจมเข้าตอกย้ำความอับอายให้เขามากหลายเท่าตัว เขาฝันไปได้ยังไง ไม่อยากเชื่อว่ารสสวาทอันเร่าร้อนนั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันใช่! มันแค่ความฝัน เขารู้จักร่างกายตัวเองดี หากผ่านศึกฮึกเหิมมาราธอนขนาดนั้นมีหรือจะไม่ทิ้งร่องรอยของความปวดปร่าเหนื่อยล้า แต่เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงไง เจ้างูยักษ์ของเขาถึงได้นอนสงบแบบไม่ระคายเคืองใดๆสักนิด“เธอต้องชดใช้ให้ฉันแน่พราวชมพู ทั้งเรื่องว่าฉันเป็นผู้ชายขายกล้วย ทั้งเรื่องทำให้ฉันสติฟั่นเฟืองถึงขั้นฝันเป็นวรรคเป็นเวรนั่น”ขณะที่เปลวตะวันคาดโทษ อีกฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็กำลังหยัดกายลุกขึ้นเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่างกายเช่นกัน เธอจะขอบคุณเขาดีหรือเปล่าที่ใจดีหอบเอากระเป๋าเสื้อผ้าเธอมาด้วยและยังยกขึ้นมาโยนให้ถึงในห้อง เธอจึงไม่ต้องทนสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวให้เหนียวเหนอะกายขอบคุณทำไมเล่า ต้องด่าล่ะไม่ว่า เธออยู่ของเธอดีๆแต่เขาดันไปตามรังควาญแล้วลากเธอมากักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้แบบนี้ หล
“โอ๊ย...หมอเปลว ฉันเจ็บนะ”“เดี๋ยวก็หายเจ็บน่า” เขาตอบเสียงแหบห้าวสั่นพร่า เรือนร่างกำยำของเขาก็สั่นเทาไม่แพ้กันพราวชมพูจิกปลายเล็บลงบนต้นแขนแกร่งทั้งสองข้างแล้วขบเรียวฟันสวยลงบนบ่ากว้างยามเกร็งร่างรับการสอดแทรกแบบไม่ทันตั้งตัวนั้น“ไม่เจอกันตั้งนานยังฟิตแน่นเหมือนเดิมเลยนะ” เขาว่าแล้วค่อยๆบังคับสะโพกสอบเป็นจังหวะเนิบนาบนำพากระบอกฉีดยาบ้องใหญ่คู่ใจเคลื่อนเข้าเคลื่อนออกทำความคุ้นเคยกับความนุ่มหยุ่นคับแน่นนั้นถึงตอนนี้พราวชมพูเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดรัดต้นคอแกร่งแล้วแหงนดวงหน้าสวยพร้อมกับเปล่งเสียงครวญกระเส่าแผ่วเบาด้วยความซ่านสยิวเปลวตะวันเองก็เปล่งเสียงครางกระหึ่มอย่างหลงลืมตัวไปชั่วขณะเช่นกัน อารมณ์กระสันเสียวที่ขมวดม้วนเป็นเกลียวคลื่นถาโถมสาดซัดอัดแน่นในกายแกร่งของเขาคืนแล้วคืนเล่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมากำลังจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระดิ๊งด่อง....ดิ๊งด่อง...เปลวตะวันชะงักกึกเมื่อเสียงกริ่งหน้าบ้านดังก้องบ่งบอกว่ามีคนมาหาเขา คนกำลังด่ำดิ่งสู่ห้วงกามาวาดหวังจะนำพาเจ้าหล่อนทะยานไปเริงระบำบนวิมานชั้นฟ้าด้วยกันถึงกับหัวเสียดิ๊งด่อง...ดิ๊งด่อง...พราวชมพูผ่อนลมหายใจพรู เธอไม่รู้ว่าควรดีใจ
“นี่เปลวเปลี่ยนรสนิยมพาผู้หญิงมานอนที่บ้านแล้วเหรอ”เปลวตะวันเลิกคิ้วมองคนถามอย่างแปลกใจ ปกติเกวลินมักจะบ่นเขาไปตามประสาแต่ไม่เคยแสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจนแบบนี้ และยังไม่ทันที่เขาจะทันได้ตอบอะไร เจ้าของเสียงหวานที่ทักดังมาก็เดินฉับๆเข้ามานั่งเบียดแนบสนิทพร้อมกับคล้องสองแขนเข้าที่ต้นคอแกร่งแล้วจู่โจมหอมแก้มสากของเขาฟอดใหญ่“ที่รักน่ะ ปล่อยให้พราวรอ...ร้อ...รอ...นานมากไปแล้วนะคะ ไหนบอกจะลงมาดูแค่แป๊บเดียวไง”“นี่เธอทำอะไรของเธอฮึ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มแล้วทำตาดุใส่ แต่พราวชมพูกับยิ้มหน้าระรื่น“ต๊าย! ดุจัง อย่าดุนักสิคะ พราวนึกว่าที่รักจะดุแค่บนเตียงเสียอีกฮิๆๆ”“อะแฮ่ม!!” เกวลินทนไม่ไหวถึงกับต้องกระแอมไอเจอผู้หญิงของเปลวตะวันมาก็มากแต่ไม่เคยมีคนไหนระริกระรี้ต่อหน้าต่อตาเธอแบบนี้อาการออดอ้อนออเซาะเกาะกอดเปลวตะวันแนบแน่นจนแทบจะสิงร่างนั้นก็ทำเอาความหึงหวงพุ่งปรี๊ดจนเกินขีดจำกัดเธออยากลุกขึ้นไปกระชากร่างอ้อนแอ้นออกมาตบเสียให้สมกับความชัง แต่ก็ต้องซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้จนลึกสุดหัวใจแล้วคลี่ยิ้มสวยเอ่ยเสียงอ่อนหวานสวมบทบาทหญิงสาวผู้แสนอ่อนโยน“ฉันว่าคุณควรจะออกไปนั่งรอในที่ของคุณนะค
เกวลินเห็นแล้วของแทบขึ้น ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกรับมือยากเหมือนผู้หญิงคนนี้สักคน“เกลว่าเปลวพา เอ่อ...เธอไปพักเถอะ กำลังท้องไม่ใช่เหรอ แม่เครียดมากเดี๋ยวลูกได้เครียดตามกันพอดี”ปากบอกด้วยความหวังดีแต่สายตาลอบมองหน้าท้องที่ดูเหมือนจะเริ่มนูนขึ้นมาน้อยๆของพราวชมพูด้วยความริษยา ยิ่งคิดว่ามีเลือดเนื้อของเปลวตะวันอยู่ในนั้นเธอก็แทบจะรับไม่ได้เปลวตะวันเห็นพราวชมพูอารมณ์ปรวนแปรขึ้นๆลงๆก็พอเข้าใจว่าเป็นอาการอย่างหนึ่งของคนท้อง แต่ก็อดห่วงผลกระทบที่จะตกถึงเด็กไม่ได้“หยุดร้องไห้เสียทีเถอะพราวชมพู เห็นแล้วฉันเครียดแทนลูกเธอ”พราวชมพูได้ยินเปลวตะวันพูดแบบนั้นก็หยุดสะอึกสะอื้นทันที ดวงตาคู่สวยวาววับหลุบลงมือหน้าท้อง แล้วใช้มือลูบไล้หน้าท้องแผ่วเบาก่อนผุดลุกขึ้นยืนรวดเร็วจนเปลวตะวันตามอารมณ์แทบไม่ทัน“เชิญคุยกันไปตามสบายเถอะค่ะ พราวขอตัว”“นั่นจะไปไหน” เปลวตะวันถามเสียงเครียดเขารู้ว่าจุดประสงค์แรกของพราวชมพูคือมาก่อกวน แต่ตอนนี้เขาเห็นสีหน้าแววตาเธอแล้วเดาใจไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร“มันเรื่องของพราวกับลูก ไม่เกี่ยวกับหมอ อยากจะคุยอะไรกันก็เชิญคุยกันเถอะค่ะ แล้วก็ช่วยเคลียร์ให้จบซะวันนี้นะคะ อย่าให้พร
พราวชมพูบอกไม่ถูกว่าทำไมตัวเองถึงต้องไม่พอใจมากขนาดนี้ที่เปลวตะวันทิ้งให้เธออยู่บ้านลำพังส่วนตัวเขาออกไปเริงร่ากับแม่หมอคู่ขาเอ่อ...ไม่สิเขาบอกเองว่าเป็นเพื่อน แม่หมอคนนั้นก็พูดแบบเดียวกัน“เฮอะ! เพื่อนสนิทท้องติดกันล่ะสิ ป่านนี้ถึงยังไม่กลับ”พราวชมพูเบะปากแล้วหันกลับไปสนใจภาพเคลื่อนไหวในหน้าจอทีวี เขาจะเป็นอะไรกับใครไม่เกี่ยวกับเธอจะเป็นแค่เพื่อนสนิท ใกล้ชิดแนบแน่นแค่ไหนก็เรื่องของเขาเธอจะเก็บมาใส่ใจให้รกสมองทำไมแต่ว่าจนป่านนี้ก็เลยเวลาค่ำมานานแล้ว ตั้งแต่เช้ามาเธอมีเพียงแค่น้ำกับนมเพียงเล็กน้อยที่ตกถึงท้อง อาหารอื่นๆที่เขาเอามากองให้บนโต๊ะเธอแทบไม่ได้แตะใช่! เขาหอบเอามากองให้แล้วก็ปิดล็อกห้องขังเธอเอาไว้ในนี้แล้วออกไประรี้ระริกกับแม่เพื่อนสนิทคนดีนั่นการกระทำของเขามันน่ารังเกียจนัก คอยดูเถอะเธอจะปั่นป่วนก่อกวนเอาให้หาความสงบไม่ได้เลยเชียวคิดไปคิดมาพราวชมพูก็เริ่มพะอืดพะอม จะว่าเพราะอาการแพ้ท้องอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ คงเพราะท้องเธอว่างเปล่าจึงเกิดอาการคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนหนักขึ้นอาหารบนโต๊ะพวกนั้นเหรอ? เธอไม่แตะสักนิด ไม่ใช่หยิ่งไม่ยอมกิน แต่เพราะวันนี้อาการแพ้ท้องเหมือนจะม
“อ้าว! พี่เปลวสวัสดีครับพี่ คนนั้นใครเหรอพี่เห็นว่าเป็นคนไข้พิเศษ”เจ้าของไร่เผือกเปิดฉากถามพร้อมยิ้มระรื่นอารมณ์ดี แต่เหมือนคนถูกถามจะไม่ได้อารมณ์ดียามตอบ“นายจะมาวุ่นอะไรกับคนไข้ฉัน” น้ำเสียงที่ใช้นั้นราบเรียบ สีหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์คนอยากรู้อยากเห็นหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิดแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม“ไม่ได้วุ่นอะไรหรอกครับพี่ ก็แค่ถามไปตามประสาแหละครับ”เปลวตะวันไม่ได้สนใจคำตอบนั้น เขาจดบันทึกคำสั่งการรักษาลงไป เสร็จแล้วก็ยื่นแฟ้มส่งคืนให้พยาบาล“ได้ห้องเรียบร้อยแล้วโทรบอกด้วย แล้วพยาบาลพิเศษก็ให้มาพรุ่งนี้เช้านะ คืนนี้ไม่ต้อง ผมจะเฝ้าไข้เอง”คนบอกไม่ได้วุ่นถึงกับหูผึ่งที่ได้ยินคำสั่งนั้น และความปากไวก็พูดออกไปโดยไม่ต้องคิด“พิเศษใส่ไข่เสียด้วย ใส่ใจเฝ้าไข้ด้วยตัวเองแบบนี้ คนพิเศษของพี่เปลวเหรอครับ”เปลวตะวันเริ่มฉุน เขาตวัดสายตามองคนถามแวบหนึ่งเก็บข่มความไม่พึงพอใจเอาไว้แล้วตอบแบบนิ่งขรึมแสนสุภาพ“จะพิเศษใส่ไข่ใส่ใจแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมาบอกกล่าวใคร นายเองก็เอาเวลาไปใส่ใจคนไข้นายเถอะ น่าจะต้องใส่ใจเยอะหน่อย ได้ข่าวมาว่ารถไฟชนกันระเนระนาดไปหมด ยังไงก็ช่วยดูๆให้ดีหน่อยนะ” เขาบอ
พราวชมพูหลับตาลงได้ไม่นานเสียงประตูห้องก็ถูกเปิดและปิดอีกครั้ง หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วมองผู้เข้ามาคนใหม่เห็นเป็นเปลวตะวันมาพร้อมกับพยาบาลสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม คนอยากจะนอนก็ขยับลุกนั่งทันที“อย่าลุกเร็วนักสิ เดี๋ยวก็หัวทิ่มตกเตียงหรอก” เขาว่าหลังจากถลาเข้ามาช่วยประคองให้เธอลุกนั่งพราวชมพูรู้สึกหัวใจฟูฟ่องขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาคู่หวานตวัดมองพยาบาลวัยละอ่อนแวบหนึ่งเห็นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มละมัยไร้พิษภัยก็แอบชำเลืองมองหมอที่เป็นพ่อของลูกอย่างจับผิด“คุณแม่ต้องระมัดระวังให้มากนะคะ ช่วงนี้อาจวิงเวียนศีรษะมากหน่อยอาจทำให้ทำอะไรได้ไม่คล่องตัวเหมือนตอนยังไม่มีเจ้าตัวเล็กในท้องค่ะ”“ขอบคุณค่ะ”พราวชมพูยิ้มรับกับคำบอกกล่าวของพยาบาลสาวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเปลวตะวันที่ยังคงประคองเธอเอาไว้ ความไม่คุ้นเคยและรู้สึกกระดากอายทำให้เธอปัดมือเขาออก“นิศาชลเป็นพยาบาลพิเศษที่จะดูแลเธอจนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล แล้วบางทีอาจไปดูแลเธอต่อตอนกลับไปพักฟื้นที่บ้านด้วย”“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้ป่วยเสียหน่อยทำไมต้องมีพยาบาลดูแลใกล้ชิด”“ไม่ได้ป่วยแต่ก็ไม่ได้แข็งแรงมากพอจะอยู่คนเดียว”“แต่ว่าฉัน...”“อย่าดื้อ”พราว
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็