แม้จะประหลาดใจอยู่บ้างที่เจ้าของถ้ำที่ไม่เคยเชื้อเชิญให้ใครเข้าเชยชมกลับเต็มใจแย้มพรายให้เขาทั้งที่เจ้าหล่อนควรสงวนเอาไว้สำหรับคนพิเศษมากกว่า
เท่าที่ดูทรงแล้วเจ้าหล่อนไม่น่าจะเป็นคนชอบเชื้อเชิญชักชวนใครให้เข้ามาย่ำกรายได้ง่ายๆ แต่นั่นเป็นเพียงความคิดแวบหนึ่งที่ผุดวาบขึ้นมาแล้วก็หายวับไป
เขาไม่จำเป็นต้องคิดอ่านอะไรแทนใคร ในเมื่อต่างฝายต่างเต็มใจและเมื่อทุกอย่างจบสิ้นลงก็จะเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
‘ถามจริงเถอะ คุณรอดพ้นจากพวกเสือสิงห์กระทิงแรดมาถึงผมได้ยังไงกัน’
เขาถามพรางเม้มปากเก็บข่มความซ่านสยิวที่กำลังพุ่งพล่านอัดแน่นในกาย
เขาอยากสาดซัดความเถื่อนดิบใส่เสียให้สาสมกับก๋ากั่นมั่นอกมั่นใจของเจ้าหล่อน แต่ต้องยับยั้งเอาไว้รอคอยให้ความคับแน่นคลายตัวลงเสียก่อนเพราะตอนนี้มันรึงรัดเจ้ายักษ์ร้ายของเขาเสียจนปวดปร่าไปหมด
‘จำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอคะ ฉันว่าคุณสนใจแค่สิ่งที่ต้องทำตรงหน้าดีกว่านะ’
‘คุณนี่ใจถึงเป็นบ้า’
‘อย่าพูดมากเลยน่า รีบๆเข้าเถอะฉันเจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้วนะ’
‘ฮื่อ...ไม่อยากเจ็บต้องใจเย็นๆสิ นอนนิ่งๆเดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองว่าซาบซ่านถึงใจจนลืมเจ็บเชียวแหละ’
เพียงสิ้นเสียงแหบโหย คนบอกให้ใจเย็นก็เริ่มขยับเขยื้อนนำพาเจ้าอนาคอนด้ายักษ์เคลื่อนตัวลอดเข้าลอดออกช้าๆ
ยามผิวกายร้อนผ่าวของลำกายแกร่งกร้าวของเจ้างูยักษ์ถูไถเสียดสีกับพื้นผิวนุ่มหยุ่นของคอคอดคับแน่นนั้นสร้างความรู้สึกประหลาดล้ำให้กับเขาอย่างไม่เคยพบเจอมาก่อน
ทุกช่วงจังหวะลอดเข้าถอยออกแสนเชื่องช้าเนิบนาบนั้นก่อเกิดความเสียดเสียวขมวดม้วนเป็นเกลียวคลื่นถาโถมสาดซัดอัดแน่นอยู่ในกายกำยำ
ระลอกแล้ว...ระลอกเล่า!
เขามั่นใจว่าเจ้าหล่อนก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพราะร่างอ้อนแอ้นแอ่นระแน้ของเจ้าหล่อนนั้นบิดพล่านหยัดยกสะโพกร่อนรับทุกการขับเคลื่อนของเขาราวกับคนรู้งาน
ยิ่งเขาเร่งจังหวะจุ่มจ้วงล่วงล้ำหนักหน่วงและรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ เสียงเจ้าหล่อนก็หวีดหวานกังวานก้องร้องเร่งเขาจนฟังไม่เป็นศัพท์
ยิ่งเขาเร่งทะยานต่อไปด้วยความรวดเร็วและรุนแรงตามอารมณ์เถื่อนดิบ เกลียวคลื่นแห่งความหฤหรรษ์ในกายเขานั้นก็ยิ่งขมวดม้วนพุ่งทะยานสาดซัดเข้าใส่ไม่ปราณี
ความรู้สึกที่ก่อเกิดนี้ช่างยั่วยวนลึกล้ำจนเสียจนเขาต้องพยายามสะกดกลั้นหักห้ามใจไม่ให้สั่นหวิวพลิ้วไปตามอารมณ์ปรารถนา
ใช่! เขาจะถลำลึกกับความรู้สึกประหลาดล้ำที่ก่อเกิดไม่ได้
เขาลากเธอขึ้นเตียงเพียงความสนุกชั่วคราว ไม่ใช่ชั่วนิรันดร์
เจ้าหล่อนเองก็แค่อยากลิ้มลองความสนุกเฉกเช่นคนอื่น
One Night Stand เท่านั้นกับค่ำคืนนี้ เมื่อวันพรุ่งนี้มาถึง เขาและเธอก็ต่างคนต่างไป
ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
ไม่มีวันหวนกลับมาพานพบกันอีก
“ผิดแล้ว! คนอื่นอาจไม่มีวันหวนกลับแต่นั่นไม่ใช่สำหรับเธอแม่คนอวดดี” เปลวตะวันสบถเสียงเข้มดุ ดวงตากร้าวเขม้นมองผนังห้องน้ำเขม็ง
แม้สายน้ำที่ไหลซู่จากฝักบัวละผ่านม่านตาจะเย็นเยียบแต่ก็ไม่อาจผ่อนปรนความร้อนแรงของเปลวไฟแห่งดวงตะวันที่กำลังลุกโชนด้วยความโกรธเกรี้ยวให้คลายลงได้เลย
“ผู้ชายขายกล้วย หึๆ ผู้หญิงบ้า กล้าดีนัก แล้วเธอจะได้รู้ว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายห่วยๆแบบนั้น”
*****************
“สองขีด สองขีด สองขีด ใช่แล้ว! ใช่แน่ๆ เยส!!”
เสียงกรีดร้องอย่างตื่นเต้นดังขึ้นพร้อมๆกับเจ้าตัวกระโดดจนตัวลอยด้วยความดีใจ พอได้สติก็รีบหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาบุนวมตัวเก่าคร่ำครึ บ่งบอกอายุใช้งานว่าผ่านมานานนับสิบปี
สองมือเล็กๆลูบเบาๆตรงท้องน้อย ริมฝีปากเต็มอิ่มสีชมพูระเรื่อคลี่ยิ้มกว้างดวงตากลมโตเปล่งประกายราวดวงดาวนับล้านดวงทอแสงระยิบระยับบนท้องฟ้าในคืนเดือนดับ
“ไม่เสียแรงที่ลงทุนหนักขนาดนั้น ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาประทานลูกน้อยมาให้ค่ะ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ”
เสียงหวานของเจ้าหล่อนพร่ำพรรณนาถึงความสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา
ใช่! เธอกำลังสมหวัง ความหวัง ความปรารถนาอันแรงกล้าที่เธอวาดฝันมาเนิ่นนานกำลังจะเป็นจริงแล้ว
“ขอบคุณทุกสรรพสิ่งที่ดลบันดาลให้มีวันนี้ค่ะ”
พราวชมพูอยากตะโกนดังๆให้โลกทั้งโลกรู้ว่าเธอกำลังจะเป็นแม่คน
ใช่แล้ว! ฟังไม่ผิดหรอก
ผู้หญิงสาว สวย รวย แต่โสดอย่างเธอกำลังจะเป็นแม่คน แล้วใครกันเล่าที่เธอเอามาเป็นพ่อพันธุ์
โอ...ไม่นะ เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงพันธุ์นั้น ใช่ว่าเธอจะก๋ากั่นกระโดดขึ้นเตียงกับใครต่อใครเป็นว่าเล่นเห็นเป็นของสนุก
ไม่ใช่เลย! เธอไม่เคยทำตัวไร้ค่าไร้ราคาแบบนั้นและครั้งนี้ก็ไม่เช่นกัน เธอตัดสินใจดีแล้วและมันจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต จากคืนนั้นมาจนคืนนี้นานนับกว่าสองเดือนที่เธอเฝ้ารอผลลัพธ์ด้วยใจลุ้นระทึก
หากพลาด! หมายความว่าสิ่งที่ลงแรงไปก็เสียเปล่า
หากโชคดี เธอก็ยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่
เธอไม่สนใครหน้าไหนทั้งสิ้น ชีวิตเป็นของเธอ เธอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ
ผิดเหรอที่เธออยากมีลูกแต่ไม่ได้อยากมี ผอ สระอัว เป็นตัวตน
ผิดเหรอที่เธอคิดและตัดสินใจไม่เหมือนใคร
ไม่ผิด! เธอไม่ผิด คนอื่นก็ไม่ผิดเช่นกัน เพียงแค่มันไม่เป็นไปตามจารีตและธรรมเนียมปฏิบัติของมนุษย์ผู้ได้ชื่อว่าสัตว์ประเสริฐก็เท่านั้น แต่ใครกันจะมาสนชีวิตคนอื่นมากไปกว่าชีวิตตัวเอง
สนใจก็เพียงชั่วพักชั่วครู่ เพียงลมพัดวูบหนึ่งแล้วก็เลิกสนกันไป
แล้วถ้ามีใครถาม...
เด็กในท้องนั่นเกิดมาได้ยังไงกัน
หมอผีจอมขมังเวทย์มีแต่เสกตะปูหนังควายเข้าท้องคน ไม่เคยมีใครสัปดนเสกคนเข้าท้องใคร เธอไม่ใช่สาวไวไฟขึ้นเตียงกับใครจนโชกโชนแล้วท้องโย้ไม่มีพ่อ แล้วเด็กนั่นลูกใครกัน
หึๆ ถ้ามั่นหน้ากล้ามาถาม เธอก็จะตอบอย่างนางงามด้วยสีหน้านิ่งๆแล้วยิ้มหวานๆ
‘บ้านหนูไม่ได้ปลูกมันปลูกเผือก ไปหาขุดที่อื่นดีกว่านะคะ’
“เอาล่ะ! ลูกจ๋า การเดินทางของเราแม่ลูกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะดูแลหนูเอง” พราวชมพูบอกกล่าวพร้อมกับลูบท้องน้อยเบาๆทะนุถนอม
“พรุ่งนี้แม่จะพาหนูไปอยู่บ้านที่แม่เตรียมไว้รอรับหนูแล้วนะ แม่สัญญาว่าหนูจะเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุด”
ใช่! เธอเตรียมพร้อมรองรับกับอีกหนึ่งชีวิตที่ก่อเกิดแล้ว
ใครจะมองอย่างไรเธอไม่ใส่ใจ สำหรับเธอแล้วสิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจคือสิ่งที่ดีที่สุด
ค่ำคืนนั้นก็เป็นค่ำคืนที่ดีที่สุดในชีวิตเช่นกัน
ไม่นะ! หยุดคิดถึงมันได้แล้ว
นั่นก็แค่กรรมวิธีขั้นตอนหนึ่งที่ช่วยให้เธอมีลูกสมใจก็เท่านั้น จะเอามาผูกพันรึงรัดตัวเองไว้ชั่วนิจนิรันดร์ไม่ได้
แม้ใครคนนั้นในค่ำคืนหวามจะชวนให้ใฝ่ฝันถึงทุกคืนวันก็ตาม แต่เธอไม่ปรารถนา เธอมั่นใจชั่วชีวิตนี้เธอและเขาไม่มีวันพานพบกันอีกแน่นอน
“เป็นไปได้ยังไง ผู้หญิงคนเดียวสองเดือนกว่าแล้วแต่หาตัวไม่เจอ” เปลวตะวันสบถบ่นอย่างหัวเสียเมื่อคนสนิทที่เรียกใช้งานเป็นประจำรายงานความคืบหน้าเรื่องที่เขาให้ติดตามหาตัวผู้หญิงคนนั้นจากคืนนั้นจนวันนี้เขาแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในหัวเขามีแต่ข้อความหยามหน้าที่เจ้าหล่อนคนนั้นทิ้งเอาไว้ให้ตอกย้ำวันแล้ววันเล่าสาบานได้เลยว่าถ้าหากชาตินี้เขาตามล่าลากเจ้าหล่อนมาลงทัณฑ์ให้สาสมกับความอวดดีไม่ได้ เขาจะตามจองเวรทุกชาติไปไม่สิ้นสุด คนอย่างเขาสามชาติสามภพแก้แค้นก็ยังไม่สาย“นายมั่นใจนะว่านายตั้งใจหาแม่นั่นจริงๆ”“โธ่...นายครับ ผมเคยโกหกนายเสียที่ไหนล่ะครับ นี่ผมก็ควานหาแทบพลิกแผ่นดินแล้วก็ไม่พบใครสักคนเลยนะครับที่จะเข้าข่ายว่าเป็นผู้หญิงที่นายตามหา”“บ้าชะมัด! ผู้หญิงคนเดียวทำไมหายากหาเย็นแบบนี้นะ”“เอ่อ...นายครับ”“มีอะไร”“ปกตินายไม่เคยเรียกหาใครครั้งที่สองแล้วนี่...”“อย่าเสือกสักเรื่องจะได้ไหม จะไปไหนก็ไป แล้วถ้าตามหาแม่นั่นไม่เจอก็อย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีกเข้าใจไหม”จบคำตวาดของหมอหนุ่มรูปงามแต่ดุดันยิ่งกว่าเสือ ลูกน้องผู้รู้ใจก็รีบเผ่นแนบไม่ลีลาท่ามาก เจ้านายของเขาอารมณ์ร้ายไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งเ
เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆหลังจากตรวจคนไข้รายสุดท้ายของวันเสร็จสิ้นใครว่างานคลินิกคืองานสบาย เขาบอกเลยว่าคิดผิดเพราะนอกจากจะต้องเต็มที่กับงานรักษาแล้วยังต้องวุ่นวายกับงานบริหารจัดการอีกซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดเขาจึงปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดให้หนักสมองเมื่อพี่สาวยื่นข้อเสนอให้เขามาบริหารงานในโรงพยาบาลและคลินิกที่บิดามารดาเป็นผู้ก่อตั้งมา แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธหมดเสียทุกอย่าง เมื่อพี่สาว ร้องขอในบางเวลาเขาก็ยื่นมือเข้าช่วยด้วยความยินดี“หมอเปลวคะ ขออีกสักคนนะคะ พอดีคนไข้ฝากครรภ์กับหมอป่านแต่มีอาการผิดปกติเลยมาก่อนวันนัดค่ะ”เปลวตะวันพ่นลมหายใจออกมาเบาๆก่อนพยักหน้าแล้วขยับตัวเตรียมพร้อมรอตรวจเรื่องความเจ็บป่วยของคนไข้เขาไม่เคยรั้งรอให้เสียเวลา เขาเข้าใจความทุกข์ร้อนของคนเจ็บดี ไม่เกินจำเป็นจริงๆก็ไม่มีใครอยากมาหาหมอรักษา“เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะคุณพราวชมพู” พยาบาลสาวรีบบอกเมื่อกลับออกมาจากห้องตรวจว่าที่คุณแม่มือใหม่รีบลุกขึ้นแล้วเดินเร็วๆตรงไปยังห้องดังกล่าว พยาบาลสาวเห็นเข้ารีบท้วงเสียงลั่น“ใจเย็นๆค่ะคุณแม่ อย่าเดินเร็วนัก เดี๋ยววิงเวียนเป็นลมล้มลงจะไม่ดีต่อลูกในครรภ์นะคะ”พราว
“ขอโทษนะเบบี๋ มามี้ต้องพาหนูไปอยู่ที่อื่นแล้วแหละ ถ้ามีโอกาสเราอาจได้กลับมาอยู่บ้านของเราหลังนี้นะ”พราวชมพูลูบท้องเบาๆทะนุถนอมแล้วลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องตรงไปยังโถงใหญ่กลางบ้านที่ด้านข้างเชื่อมต่อกับโรงจอดรถ แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ยกสัมภาระขึ้นรถ หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง“จะรีบไปไหนเหรอครับคุณพราวชมพู”“โธ่! คุณหมอนั่นเองนึกว่าใคร ทำเอาตกใจหมด ฮ่าๆๆ แหม...ตามมาดูคนไข้ถึงบ้านเลยนะคะ ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่เป็นอะไรคุณหมอไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”พราวชมพูหัวเราะแก้เก้อพยายามทำใสซื่อตีหน้ามึนเหมือนคนไม่เคยมีอะไรลึกซึ้งต่อกันเปลวตะวันเห็นแล้วหมั่นไส้ยิ่งนัก คอยดูเถอะเขาจะสั่งสอนเจ้าหล่อนให้หลาบจำที่บังอาจลบเหลี่ยมคนอย่างเขา หน้าตาก็สวยดูฉลาดแต่ไม่น่าตาถั่วมาว่าเขามั่วๆว่าเป็นผู้ชายขายกล้วย“คุณเป็นคนไข้ของพี่ป่าน ผมเป็นหมอรับผิดชอบดูแลต่อก็ต้องมาดูให้แน่ใจว่าคนไข้สบายดี เห็นพยาบาลบอกว่า...คุณกังวลเรื่อง...”“ไม่ค่ะ ไม่กังวลเลย ไม่แล้ว ไม่มีอะไรแล้วค่ะ ฉันสบายดีจริงๆนะคะ” พราวชมพูรีบแทรกขัดเสียงหลง เธอไม่ประสงค์ได้ยินได้ฟังอะไรทั้งนั้น และตอนนี้เธอต้องหาทางหนีจากเขาให้ได้ เธ
“ลงไปได้แล้ว อย่าตุกติกล่ะ ฉันบอกได้เลยว่าไม่ปล่อยเธอง่ายๆแน่” เปลวตะวันบอกหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาจอดในรั้วบ้านสองชั้นเล็กๆหลังหนึ่งพราวชมพูมองลอดกระจกรถออกไปสำรวจดูด้านนอกอย่างระแวดระวัง ดูจากความมืดสนิทมีเพียงแสงไฟสลัวหน้าบ้านดวงเดียวแล้วเธอก็พอจะประเมินได้ว่าที่นี่มีเพียงเขาและเธอสองคนเท่านั้น“ลงมาสิ ฉันไม่บ้าขนาดพาเธอมาฆ่าที่นี่หรอกน่ะ” เปลวตะวันเค้นเสียงเข้มดุ แววตาบ่งบอกความหงุดหงิดเมื่อเจ้าหล่อนไม่ยอมลงจากรถจนเขาต้องเดินอ้อมมาเปิดประตูเชื้อเชิญ“ต้องให้เอาพรมแดงมาปูด้วยไหมถึงจะลงมาได้น่ะฮะ”“พูดดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องขู่ตะคอกกันเลย” พราวชมพูบ่นแล้วก้าวลงจากรถอย่างไม่พอใจ สีหน้าแววตาเธอหงุดหงิดไม่แพ้กัน“ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย จะยิ้มหวานๆยั่วๆเหมือนไอ้วันที่เชื้อเชิญฉันขึ้นเตียงก็ได้ฉันไม่ว่า”“ลองมาเป็นฉันสิ คุณจะรู้ว่ามันน่ายิ้มหรือน่าหงุดหงิด เอ๊ะ!” ปลายเสียงอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆเขาก็กระชากแขนเธอแล้วบีบแรงๆจนร้าวระบมไปหมด“นี่คุณคำว่าอ่อนโยนกับสุภาพสตรีน่ะสะกดเป็นไหม”“ไม่! แต่ถ้าเธอจะถามว่าฉันจับกดแล้วดันเป็นไหมฉันบอกเลยว่าคล่อง”“อี๋!! ไอ้หมอบ้า ไอ้คนลามก”“คนบ้า คนลามกก็เคย
“ฉันถามจริงๆเถอะ คุณโกรธแค้นอะไรนักหนา ฉันไม่เห็นว่าฉันไปทำร้ายคุณตอนไหน”“เงินห้าหมื่นกับความคิดมั่วๆหาว่าฉันมันผู้ชายขายกล้วย เธอคิดว่าฉันควรยิ้มระรื่นดีใจสินะ” เขาถามและจ้องเขม็งพราวชมพูกลืนน้ำลายอึกใหญ่เธอพอจะเข้าใจเขาอยู่หรอก แต่ว่านั่นก็ผ่านมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วเขาจะมาแค้นจริงแค้นจังอะไรมากมายขนาดนั้น“ฉันบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่รับคำขอโทษด้วยวาจา แต่ฉันจะพิจารณายกโทษก็ต่อเมื่อฉันชำระความตามความพึงพอใจของฉันแล้วเท่านั้น” เปลวตะวันดักคอก่อนที่พราวชมพูจะทันได้เอ่ยคำนั้นออกไปหญิงสาวได้ฟังแล้วก็ปิดปากสนิท เธอจินตนาการไม่ออกสักนิดว่าเขาจะชำระความกับเธอแบบไหนกันแน่“ลุกขึ้น แล้วตามมา”เขาสั่งหลังจากยืดกายตรงและขยับถอยห่างออกไปยืนจังก้าเท้าสะเอวมองเธอนิ่งพราวชมพูช้อนสายตาขึ้นมองเห็นดวงตาดำวาววับแฝงด้วยความขุ่นเคืองเต็มพิกัดก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนตามคำสั่งเปลวตะวันเห็นท่าอีกฝ่ายจำยอมทำตามอย่างเสียมิได้ก็ยิ่งขู่ฟ่อๆต่อไป“เดินไปสิยืนทำเบื้ออะไรอยู่ หรือจะให้ฉันชำระความเสียตรงนี้”พราวชมพูเบิกตากว้างจ้องเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เห็นเปลวตะวันทำท่าจะคุกคาม สองเท้าเล็กๆจึงรีบก้าวฉ
กลางดึกในคืนเดือนดับอากาศภายในห้องนอนสีเทาเข้มนั้นเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศเปี่ยมคุณภาพ แต่เจ้าของเรือนกายกำยำกลับร้อนระอุราวกำลังอยู่ในเตาอบร่างหนาพลิกซ้ายป่ายขวากระสับกระส่ายเพราะไม่อาจข่มตาหลับลงได้ในหัวของเขามีแต่ภาพวันเก่าในคืนเร่าร้อนผุดพรายฉากแล้วฉากเล่าแจ่มชัด“เร็วอีก เร็วอีก โอว...เอาอีก แรงอีก” เสียงเจ้าหล่อนเร่งเร้ากังวานก้องอยู่ในหัวเขาเปลวตะวันพยายามสลัดเท่าไรก็ไม่สลัดไม่หลุด ยิ่งพยายามสะกดกั้นปัดป้อง เสียงนั้นก็เหมือนยิ่งดังกึกก้องกังวาน“อ๊า...อ...อา คุณนี่เอวดุเป็นบ้า” นั่นคือถ้อยคำที่หลุดลอดออกมาจากปากคนได้ชื่อว่าเพิ่งถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์เป็นครั้งแรกฟังแล้วเขาก็ฉุนจัด เจ้าหล่อนช่างก๋ากั่นนัก เขาไม่อยากนึกคิดว่าหากคืนนี้คนที่อยู่บนเตียงกับเจ้าหล่อนไม่ใช่เขา เจ้าหล่อนจะครางระงมออดอ้อนเร่าร้อนมากขนาดนี้หรือไม่!บัดซบ! คิดถึงตรงนี้ทีไร ความหึงหวงก็แล่นปราดขึ้นเล่นงานเขา ทุกครั้งไป เขาไม่อยากเดาให้ขุ่นเคืองใจเลยว่าตลอดสองเดือนกว่าที่ผ่านมาพอสะบัดก้นจากเขาแล้วเจ้าหล่อนไล่ล่าลากผู้ชายขึ้นเตียงมาแล้วกี่คน“โอว...คุณนี่งานดีสุดๆ ฉันไม่เสียใจเลยที่ยอมเสียสาวให้คุณ”เจ้าห
“ไหนด่าว่าฉันไวไฟยิ่งกว่ากระหรี่ไม่กลัวติดโรคจากฉันรึไง” พราวชมพูพยายามงัดข้อใช่! เธอกำลังงัดข้อ ทั้งกับตัวเองและกับเขา เธอกำลังต่อสู้กับแรงกำหนัดที่พุ่งพล่าน เธอจะยอมให้เขาใช้เรือนร่างของเธอปรนเปรอความใคร่ง่ายๆไม่ได้ค่ำคืนนั้นจะเป็นเพียงแค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้น มันคือค่ำคืนที่เธอเลือก แต่หลังจากนั้นเธอจะไม่มีวันปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม“สมุดฝากครรภ์บ่งบอกว่าเธอปลอดภัย เธอเองก็สบายใจได้ฉันสะอาดพอไม่ต้องกลัวจะมีโรคส่งให้เธอ”“แล้วไม่รังเกียจเหรอที่ฉันแรดร่านอ่อยใครต่อใครให้ลากขึ้นเตียงไม่ซ้ำหน้าแบบนี้น่ะ”“หึๆ อีกเดี๋ยวก็รู้ว่าความแรดร่านของเธอหยุดแค่คืนนั้นหรือว่าเที่ยวไปดันกับใครต่อใครไม่ซ้ำหน้าอย่างที่ว่า”เปลวตะวันว่าแล้วก็ดึงรั้งเสื้อผ้าออกจากร่างอ้อนแอ้นอย่างรวดเร็ว เธอคงคิดว่าสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดจะรอดพ้นเงื้อมมือเขาไปได้เสื้อยืดกางเกงวอร์มแค่นี้ไม่คณามือเขาหรอก“อย่า!! ฉันไม่ชอบแบบนี้”พราวชมพูท้วงเสียงสั่นเมื่อไม่อาจทัดทานแรงเขาได้ แต่เปลวตะวันไม่ได้สนใจเสียงห้ามเขายังคงโลมลูบจูบคลอเคล้าปลุกปั่นกระตุ้นแรงกำหนัดในกายเธอให้โหมทวี“บิดพล่านขนาดนี้อย่าฝืนต้านหน่อยเล
'หมอขา...พราวไม่ไหวแล้ว เร็วอีก แรงอีก'"บัดซบ! เธอจะตามหลอกตามหลอนให้คลั่งตายเลยรึไงแม่ตัวดี" เขาสบถเพราะยิ่งพยายามปัดภาพเหตุการณ์ในฝันเสมือนจริงออกไปเท่าไรก็เหมือนยิ่งพุ่งจู่โจมเข้าตอกย้ำความอับอายให้เขามากหลายเท่าตัว เขาฝันไปได้ยังไง ไม่อยากเชื่อว่ารสสวาทอันเร่าร้อนนั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝันใช่! มันแค่ความฝัน เขารู้จักร่างกายตัวเองดี หากผ่านศึกฮึกเหิมมาราธอนขนาดนั้นมีหรือจะไม่ทิ้งร่องรอยของความปวดปร่าเหนื่อยล้า แต่เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นจริงไง เจ้างูยักษ์ของเขาถึงได้นอนสงบแบบไม่ระคายเคืองใดๆสักนิด“เธอต้องชดใช้ให้ฉันแน่พราวชมพู ทั้งเรื่องว่าฉันเป็นผู้ชายขายกล้วย ทั้งเรื่องทำให้ฉันสติฟั่นเฟืองถึงขั้นฝันเป็นวรรคเป็นเวรนั่น”ขณะที่เปลวตะวันคาดโทษ อีกฝ่ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็กำลังหยัดกายลุกขึ้นเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่างกายเช่นกัน เธอจะขอบคุณเขาดีหรือเปล่าที่ใจดีหอบเอากระเป๋าเสื้อผ้าเธอมาด้วยและยังยกขึ้นมาโยนให้ถึงในห้อง เธอจึงไม่ต้องทนสวมใส่เสื้อผ้าชุดเดียวให้เหนียวเหนอะกายขอบคุณทำไมเล่า ต้องด่าล่ะไม่ว่า เธออยู่ของเธอดีๆแต่เขาดันไปตามรังควาญแล้วลากเธอมากักขังหน่วงเหนี่ยวเอาไว้แบบนี้ หล
แอ๊ดดดด...เสียงประตูห้องพักเปิดออกพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ก้าวเข้ามาในห้องดังขึ้น พราวชมพูกับเปลวตะวันหันไปมองตามเสียงนั้นพอเห็นหมอปาลิดาอุ้มลูกน้อยเข้ามาก็ยิ้มกว้างพร้อมกับสบตากันโดยไม่ได้นัดหมายก่อนที่จะมองไปยังร่างน้อยๆในอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมๆกัน“ปาป๊ามามี้ขาเจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เสียงปาลิดาเอ่ยนำมาพร้อมกับเดินมาหยุดข้างเตียงและส่งหนูน้อยในอ้อมแขนให้กับเปลวตะวันที่ยื่นมือไปรับลูกน้อยเข้าสู่อ้อมอก พราวชมพูมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในหัวใจ เธอซึมซับเก็บความรักท่วมท้นนี้ไว้ทุกอณูความรู้สึก“ลูกสาวของปาป๊าสวยน่ารักเหลือเกิน”“สวยน่ารักเหมือนแม่แต่ดูๆไปพี่ว่าเหมือนเปลวมากๆเลยนะ”“นั่นสิครับพี่ป่าน ผมว่าเจ้าหญิงเหมือนผมเอามากๆเลยนะครับ” เปลวตะวันยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย ดวงตาคมพริบพราวด้วยความตื่นเต้น“ดูสิพราวเจ้าหญิงหน้าตาเหมือนพี่อย่างกับแกะพิมพ์ออกมาเลยนะ” คนเห่อลูกหันมาทางเมียรักพร้อมกับบรรจงวางลูกน้อยลงสู่อ้อมแขนคนเป็นแม่อย่างทะนุถนอม“ถ้าพี่ไม่ตั้งใจพราวจะได้ลูกสมใจเหรอครับ”พราวชมพูค้อนวงเล็กแล้วหันมาสนใจลูกน้อยในอ้อมอก เ
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าพราวไม่เชื่อใจพี่” เปลวตะวันแสร้งทำเสียงงอนๆ ทอดสายตาออดอ้อนยามมองเมียรัก พราวชมพูทำหน้ายู่แล้วตอบอย่างเสียไม่ได้“ก็บอกแล้วว่าพราวเชื่อใจพี่แต่ไม่ไว้ใจคนอื่น”เปลวตะวันถอนหายใจเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน“ถ้าเชื่อใจก็ต้องวางใจว่าพี่จะไม่มีวันทำให้พราวเสียใจ”“พราวรักพี่หมอนี่คะ รักแล้วก็หวงมาก พราวไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้พี่หมอ”ได้ฟังแบบนี้เปลวตะวันก็หัวใจฟูฟ่อง เขาบีบปลายจมูกพราวชมพูเบาๆก่อนทำท่าขบคิดแล้วพูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นพี่จะดึงเอานักศึกษาชายมาคั่นกลางไม่ให้สาวๆเข้าใกล้ดีไหมครับ”“ชายแท้นะคะ ชายเทียมก็ห้ามพราวหวง”คราวนี้เปลวตะวันถึงกับหัวเราะลั่นห้อง ก็พอรู้หรอกว่าเมียขี้หึงและหวงหนักมากแต่นี่เล่นหวงไปถึงเพศที่สามทำเอาเขาถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้“อย่าหัวเราะสิคะ”“ไม่หัวเราะก็ได้แต่ขอจูบพราวแทนก็แล้วกัน” เปลวตะวันว่าแล้วก็โน้มใบหน้าเข้าหาบรรจงจูบเมียรักตามปากว่าทันทีพราวชมพูที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับครางท้วงเบาๆ แต่ถึงจะท้วงก็ไม่ได้ผลักไสพอเขาบดจูบเว้าวอนเธอก็ตอบรับจูบหวาม
กริ๊งงงงง...กริ๊งงงงง...“หมอเปลวค่ะ หมอเปลวโทรมาแสดงว่าน่าจะถึงแล้ว” นิศาชลรับร้องบอกเมื่อเห็นสายเรียกเข้า พราวชมพูยิ้มกว้างด้วยความดีใจแต่ยิ้มได้ไม่เท่าไรก็ต้องร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อมดลูกเริ่มหดรัดตัวอีกระลอกและอาการปวดท้องก็หนักหน่วงขึ้นจับหัวใจ“โอ๊ยยยย...ปวดอีกแล้ว ลูกจ๋า...ใจเย็นๆนะลูก โอ๊ย....พี่ป่านขา ปวดมากคราวนี้ปวดมากจริงๆ”“นิบอกพยาบาลเตรียมห้องคลอดให้พร้อมแล้วย้ายพราวไปที่เตียงได้แล้ว”“ค่ะๆหมอป่าน ฮัลโหล หมอเปลวคะมาที่ห้องคลอดได้เลยนะคะตอนนี้คุณพราวกำลังจะย้ายขึ้นเตียงรอคลอดแล้วค่ะ” นิศาชลรับบอกกับปลายสายทันทีที่กดรับสายแล้วรีบกดอินเตอร์คอมพ์บอกกับพยาบาลเวรในวันนี้ให้เตรียมความพร้อมตามคำสั่งของหมอปาลิดาหลังจากนั้นไม่นานพราวชมพูก็ถูกย้ายขึ้นเตียงรอคลอด และพอคุณแม่มือใหม่ขึ้นขาหยั่งเตรียมพร้อม สายตาของเธอก็สบเข้ากับร่างสูงของสามีที่รักเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน“พี่หมอมาแล้ว”“พี่อยู่นี่แล้วพราว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาให้พี่มาทันเวลา”&ldq
“พราวปวดมากไหม”“พอไหวค่ะพี่ป่าน มันไม่ได้ปวดตลอด ปวดเป็นพักๆตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้วค่ะ”“โอเค ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ เราต้องไปโรงพยาบาลกัน”“พราวกำลังจะคลอดใช่ไหมคะพี่ป่าน”“เดี๋ยวต้องตรวจดูให้ละเอียดอีกทีว่าจะยืดการคลอดออกไปได้ไหม ปวดท้องแล้วก็มีน้ำเดินแบบนี้บางทีอาจต้องคลอดเลย”“ถ้าพราวคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ยัยหนูจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่ป่าน” พราวชมพูถามอย่างกังวล ความไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแล้วยังต้องมาคลอดก่อนกำหนดแบบนี้ทำเอาเธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แถมยังมาปวดท้องคลอดตอนที่เปลวตะวันไม่อยู่เธอยิ่งรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก“ทำใจให้สบายนะพราว ถ้าหากต้องคลอดจริงๆยัยหนูก็ไม่เป็นไรหรอก อายุครรภ์ของพราวกับน้ำหนักยัยหนูถ้าคลอดก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”“ถึงจะอย่างนั้นแต่พราวก็อดใจเสียไม่ได้ค่ะ พี่หมอก็ไม่อยู่ด้วยพราวเลยกังวลไปหมด”“เรื่องปกติจ้ะพราวไม่ว่าใครก็กังวลทั้งนั้นแหละ แต่พราวมีพี่ทำใจให้สบายนะ มาเถอะพี่จ
เขาพูดอีกก็ถูกอีกเขาไม่ได้เอาตามแต่ใจเขาแต่เขาเอาตามแต่ใจเธอด้วยเช่นกันและเธอเองก็สุขหฤหรรษ์ไปพร้อมกันกับเขาเสียทุกครา“หายเหนื่อยแล้วมาต่อกันเถอะ”“พอก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพราวจะคลอดก่อนกำหนดหรือไม่ก็แท้งเสียก่อน”“ไม่หรอกน่า พี่เป็นหมอนะรู้ดีว่าท่าไหนถึงจะปลอดภัย”พราวชมพูค้อนรอบที่เท่าไรเธอนับไม่ถ้วน เปลวตะวันเห็นแล้วก็กระเซ้าอารมณ์ดี“สายตาแบบนี้ไม่เชื่อสินะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่จะทำให้ดู ทำมันทุกท่าที่ว่าเด็ดแต่ปลอดภัยนั่นแหละ พราวจะได้รู้ว่าพี่รู้จริงไม่ได้ขี้โม้” เขาบอกแล้วก็เริ่มต้นกระบวนท่าแรกทันทีพราวชมพูไม่ทันตั้งหลักถึงกับหวีดเบาๆด้วยความเสียดเสียวยิ่งเห็นเธอถูกปลุกอารมณ์ง่ายดายแบบนี้เปลวตะวันยิ่งฮึกเหิมจากที่คิดว่าจะเริ่มวันละท่าสองท่าเห็นแล้วค่ำคืนอันยาวนานคืนนี้น่าจะได้หลายกระบวนท่ากว่าจะหมดเรี่ยวแรงไม่เป็นไร! ไม่เป็นไร! จะวันละท่าสองท่าหรือหลายท่า ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆไปเขาก็พร้อมเสมอ***************************เวลาผ่านมาหลายเดือนแล้วหลังจากที่เธอกับหมอห
พราวชมพูค่อยๆปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เธอนอนตะแคงน้อยๆหันหลังให้เขาขณะที่ฝ่ามือร้อนผ่าวของเขาคลึงเบาๆไปตามเรือนร่าง สัมผัสนั้นช่างนุ่มนวลชวนให้ผ่อนคลายจนแทบจะดำดิ่งลงสู่ห้วงนิทราแต่ยังไม่ทันหลับ พราวชมพูก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขานาบริมฝีปากร้อนชื้นลงบนต้นคอนวลเนียนของเธอ ดูดกลืนนวลเนื้อตรงนั้น หากเดาไม่ผิดตอนนี้คงเป็นรอยคิสมาร์กที่เขาจงใจฝากฝังเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของเท่านั้นไม่พอฝ่ามือร้อนที่โลมลูบไปตามเอวคอดเลื่อนลากไปยังส่วนโค้งของสะโพกกลมกลึงก็ค่อยๆสอดผ่านรอยแยกของสาบเสื้อคลุมเข้าไปทักทายส่วนนั้นตรงกลางกาย“อย่าซนสิคะ พราวให้นวดไม่ได้ให้มาซุกซนแบบนี้”“เซ็กส์คือการนวดที่ดีที่สุด เชื่อพี่สิพี่เรียนมา” เขากระซิบเสียงสั่นแล้วปลุกปั่นเธออย่างเอาแต่ใจพราวชมพูเผลอไผลหลุดครางออกมาเบาๆเมื่อปลายนิ้วร้ายของเขาลากไล้ถูไถจุดกลางกายของเธอหน่วงหนักแต่แฝงด้วยความนุ่มนวลยั่วยวนให้เธอคลั่งไคล้คล้อยตาม“ปล่อยตัวตามสบายนะครับ พราวจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็สุขจนเคลิ้มเลยเชียวแหละ”“อย่ามาอ้อล้อ พราวเจ็บหนักเพิ่งหายออกมาแบบนี้พี่หมอยังมีอารมณ์มาป
พราวชมพูรับรู้เรื่องราวด้วยอาการสงบนิ่งผิดจากเปลวตะวันที่แสดงอาการเคืองแค้นชัดเจน พราวชมพูเห็นแล้วก็ปลอบประโลมผ่อนปรนความเครียดขึงของเขาด้วยรอยยิ้มน้อยๆพร้อมลูบท่อนแขนแกร่งอย่างเอาอกเอาใจ“เรื่องมันผ่านไปแล้วพี่หมออย่าใส่ใจเลยนะคะ ตอนนี้พราวกับลูกก็ปลอดภัยแล้ว อะไรที่ให้อภัยได้ ก็ให้อภัยเถอะค่ะ โกรธแค้นไปก็เท่ากับเราร้อนอยู่ในใจเรา หาความสุขสงบไม่ได้หรอกนะคะ”“พี่รู้ว่าโกรธเขาเท่ากับจุดไฟเผาตัวเอง แต่พี่ก็ยังตัดใจอภัยให้ง่ายๆไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกลทำผิด แต่มันครั้งแล้วครั้งเล่าและเกลก็ไม่เคยสำนึก”“พราวเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมค่ะ ใครทำอย่างไรย่อมได้อย่างนั้น พราวคนหนึ่งแหละที่จะไม่เอาขาตัวเองไปเกี่ยวไว้กับวิบากกรรมของใคร”“เพิ่งรู้ว่าเมียพี่จิตใจเป็นแม่พระเหลือเกิน พราวคนที่ฟาดใครไม่ยั้งหายไปไหนกันนะ”“ก็ยังอยู่ตรงนี้ยังเป็นคนเดิมนี่แหละค่ะแค่พราวรู้จักปล่อยวางและให้อภัยเป็น”เปลวตะวันฟังแล้วก็นิ่งไปสักพัก พราวชมพูพูดถูกหากปล่อยวางและให้อภัยได้ใจเราก็สงบสุข“จบเรื่องร้ายๆเสียทีออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้เราไปจดท
“พี่ไม่เข้าใจ พี่ไม่รู้ พูดได้หน้าตายไปไหมพี่”“กูไปแย่งแฟนมึงตอนไหน เกิดมากูก็คบของกูอยู่คนเดียวแล้วกูก็ไม่ได้ไปแย่งใครมา มึงต่างหากมาแย่งเขาไปจากกู”“เรื่องพี่แย่งผมไปตอนไหนเอาไว้มีเวลาพี่ลองไปคิดเอาเองจะดีกว่า ผมขี้เกียจเล่า คนฉลาดๆทันคนแบบพี่น่าจะคิดออกได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องแฟนพี่นั่นผมไม่ได้แย่งหรอกว่ะพี่ แต่ที่เขาตีตัวออกห่างหันมาซบอกผมวันนั้นก็เพราะพี่ดูแลรักษาเขาไว้ไม่ได้ต่างหาก เหมือนวันนี้ไงพี่เองก็รักษาคุณ พราวชมพูไว้ไม่ได้ ถ้าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นพี่ลองคิดสิว่าจะเป็นยังไง เธอกับลูกจะรอดชีวิตมาได้ไหมวะพี่”“มึงไม่ต้องมาแดกดันมายกยอตัวเองข่มกู”“เปล่าพี่ ผมไม่ได้ข่มพี่ แต่ผมพูดจริง ปล่อยพราวชมพูให้ผมดูแลต่อเถอะพี่ เพราะอะไรๆมันพิสูจน์มาหลายครั้งแล้วว่าพี่ดูแลใครไม่ได้จริงๆ”“อย่าคิดว่ากูจะปล่อยให้มึงมายุ่งกับเมียกูเหมือนปล่อยให้มึงมาแย่งคนรักกูไป”“ว้าว! คำก็แฟน สองคำก็คนรัก ถ้าคุณพราวลุกขึ้นมาได้ยินแบบนี้เธอจะภูมิใจไหมนะที่พ่อของลูกเอาแต่พูดถึงผู้หญิงอื่นแบบนี้”“มึงกลับไปซะไอ้หมอยอด เรื่องที่มึงกวนตีนกูวันนี้กูจะถือ
อีกด้านของท้องถนนรถกระบะโฟร์วีลรุ่นล่าสุดของค่ายยักษ์ใหญ่จอดแบบกะทันหันเพราะเจ้าของรถทันได้เห็นเหตุการณ์เข้าแบบพอดิบพอดีอุบัติเหตุเป็นสิ่งไม่คาดคิดเสมอ และเขาเองก็ไม่อาจปล่อยผ่านเลยไปได้ จึงรีบจอดรถและเปิดประตูก้าวลงจากรถวิ่งข้ามถนนมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุเพียงแค่มาถึงคิ้วดกสวยของเขาก็ต้องขมวดมุ่นเพราะรถที่อัดติดอยู่กับต้นไม้นั้นช่างคุ้นตาเสียเหลือเกินสองตามองสองเท้าก้าวเข้าไปส่วนมือก็รีบโทรออกเรียกรถกู้ภัยทันทีพอบอกพิกัดเสร็จก็มาถึงตัวรถพอดี แล้วเขาก็ต้องตกใจจนทำสมาร์ตโฟนในมือร่วงหล่นเพราะเห็นคนเจ็บที่ติดอยู่ในรถเต็มสองตา“คุณพราว” ยอดนักรบรีบหาทางเปิดประตูรถหวังช่วยคนเจ็บ เห็นเธออยู่ในรถของเปลวตะวันเพียงลำพังก็ยิ่งเครียดขึงคนกำลังท้องแบบนี้ปล่อยให้มาขับรถเพียงลำพังในที่ไกลห่างผู้คนแบบนี้ได้อย่างไรโชคดีหรือเปล่าที่เขาผ่านมาเห็นเข้าถ้าหากโชคดีของเธอ เขาก็ขอให้โชคดีตลอดไป ให้เขาช่วยเธอได้ทันเวลาก่อนที่จะสายไป“คุณพราว! คุณได้ยินผมไหม” เขาทุบกระจกตะโกนเรียกเธอสุดเสียง ภาวนาให้รถกู้ภัยมาถึงโดยเร็