การต่อสู้พันตูหน้าป้ายสำนักเกาซิ่งที่บ่งบอกว่าผู้ที่มาต้องการจะได้มันไปครอบครอง ส่วนผู้ที่ปกป้องก็สู้ยิบตาต่างยืนลิ้นห้อยหอบเหนื่อยจากการสู้รบ
“ปู้ตานซิน มอบป้ายสำนักมาให้ข้าเสียแต่โดยดี”เสียงคำรามดังลั่น
ปู้ตานซินถอนหายใจ พยักหน้าให้กับหวังต้าฉิน
“อาจารย์ศิษย์โง่งมไม่เข้าใจความหมาย”หวังต้าฉินยิ้มเจื่อนๆ
“ปลดป้าย สำนักลงมาให้ ท่านอาวุโสเง็กเต็กเสีย”
“อาจารย์ยยยยยยยย”
เสียงทัดทานด้วยความตกใจของเหล่าศิษย์ระงมไปทั่วบริเวณ
“ปลดลงมาให้เขาเสีย”
พูดดังๆด้วยเสียงเข็มดุ หวังต้าฉินทะยานขึ้นไปปลดป้ายลงมา ยื่นส่งให้อาวุโสเง็กเต็กไปถือไว้ อย่างนอบน้อม
“555 ข้าประเมินท่านสูงจนเกินไป แม้จะคิดไว้ล่วงหน้าว่าสำนักเกาซิ่งในเวลาสามปียิ่งใหญ่ได้เพียงนี้ก็เพียงแค่ราคาคุย เจ้าสำนักที่เหล่าศิษย์หลายรุ่นเรียกว่าปรมาจารย์ก็ยังหนุ่มแน่น จะมีฝีมือเพียงใดกัน ข้ากำลังคิดว่าประมือกับท่านคงไม่ต้องออกแรง ส่งป้ายสำนักมาแต่โดยดีแบบนี้นับว่าทำถูกแล้ว จึงจะได้ไม่ต้องมีใครบาดเจ็บ”แววตาเย้ยหยัน
ศิษย์หลายคนทิ้งกระบี่ทรุดกายลงด้วยความผิดหวัง บ้างก็ปาดน้ำตาและหยาดเหงื่อลงทุนปกป้องป้ายสำนัก บ้างก็คิดว่าข้าเหตุใดถึงได้โง่งมเสี่ยงตายฝ่าค่ายกลขึ้นมาบนเขาเพื่อมาคารวะปรมาจารย์โง่งมอย่างปู้ตานซินเป็นอาจารย์ ยังความผิดหวังเสียจริง มีเพียงหวังต้าฉินที่ยังมีสายตาเชื่อมั่นศรัทธาในอาจารย์เหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน ปู้ตานซินเองยิ้มส่ายหน้าไปมาหาได้มีอาการเสียขวัญไม่ สีหน้ายังคงไม่แยแส ก็ในเมื่อเขารู้ดีว่าตัวเองเป็นต่อ
“เดือนจิ่วเยว่ ปกติข้าไม่รับศิษย์เพราะปิดปรับปรุงค่ายกลที่พวกท่านขึ้นมาได้ เพียงเพราะข้าปิดค่ายกลเสียครึ่งหนึ่งในเดือนนี้ เพราะอย่างนี้จึงจะบอกว่าเสี่ยวงตายขึ้นมาก้ไม่ใช่ค่ายกลถูกปิดเปิดตามใจข้า อีกอย่างอยากจะได้ป้ายสำนักราคาถูกที่ข้า... ซื้อจากตลาดด้านล่างแล้วสั่งให้ช่างแกะสลักเพียงไม่ถึงชั่วยาม ก็บอกกันดีๆ ข้าสั่งให้ศิษย์ของข้าที่มีวรยุทธ์สูงส่งผ่าค่ายกลนำป้ายสำนักไปมอบให้กับท่านอาวุโสเง็กเต็กไม่จำเป็นต้องแบกสังขารขึ้นมาเอง”
“เจ้า…. ป้ายสำนักเป็นของสำคัญเช่นไรจึงพูดแบบนี้ ”
ผู้อาวุโสเง็กเต็กเลือดขึ้นหน้าเหมือนถูกตบหน้าด้วยวาจาเชือดเฉือน
“เฮ้อ ความจริงป้ายไม้อันนี้มองไปก็สวยดี ทรงคุณค่าไม่น้อย แต่ติดที่เก่าไปหน่อย หลายเดือนมานี้ข้าว่างจึงได้รังสรรค์หยกชั้นดีจากหุบเขาเซียน มาแกะป้ายสำนักเสียใหม่ งดงามยิ่ง ข้าเองรอวันที่จะปลดป้ายอันเก่าลงพอดี ในเมื่อมีคนฟันฝ่าค่ายกลขึ้นมารับมันนับว่าดีต่อใจข้าไม่น้อย หวังต้าฉินไปหยิบป้ายหยกที่ห้องอาจารย์มาแขวนแทนป้ายไม้สัปปะรังเคนั้นเสีย”
อาวุโสเง็กเต็กกระอักเลือดสดๆ ออกมาด้วยความโมโหสุดขีดจะเป็นด้วย โดนค่ายกลเล่นงานหรืออาจเป็นเพราะ เส้นโลหิตแตกไปแล้วก็ ไม่อาจคาดเดา เหล่าศิษย์ของหงซิ่งต่าง ช่วยกันพยุง
ป้ายหยกชื่อสำนักเกาซิ่งอันใหม่งดงามด้วยฝีมือแกะสลักของปู้ตานซิน งดงาม วิ้งวับ ในสายตาของบรรดาศิษย์ทั้งหลาย ปู้ตานซินรับมาไว้ในมือทะยานขึ้นไปบน หลังคาสูงแขวนป้ายหยกไว้เห็นเด่นเป็นสง่างดงามแวววาวสวยกว่าของเก่าที่ขมุกขมอม
“ปะปะ ไปชิงป้ายหยกอันนั้นมา”
อาวุโสเง็กเต็กยังไม่วาย
“หวังต้าฉินอาจารย์กระหายอยากจะดื่มชา”
ท่ามกล่างสายตา งงงันของคนทั้งหลาย แต่ปู้ตานซินกลับเพียงว่าท่าให้สง่างาม เหมือนเทพสวรรค์มิได้ความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง หวังต้าฉินไปยกจอกชามาก่อนจะนั่งลงบีบนวดให้กับปู้ตานซิน
เหล่าศิษย์หงซิ่งกระโดดตามขึ้นไปหมายปลดป้าย แต่มีบางอย่างที่ผลักร่างของเหล่าศิษย์ที่ทะยานเข้าไปไม่แม้แต่จะเข้าใกล้
“ข้า ส่งพลังยุทธ์หมุนเวียนอยู่ในป้ายหยก หากข้าไม่อนุญาตใครก็ไม่บังอาจแตะต้องป้ายชื่อสำนัก พวกเจ้าต่อไปก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาปกป้องป้ายสำนักให้วุ่นวายเอาเวลาไปฝึกปรือวิชาของสำนักเราจะได้เก่งเหมือนอาจารย์จะดีไม่น้อย”
เหล่าศิษย์ต่างยิ้มย่อง อาวุโสเง็กเต็กหมดสติไปแล้ว ปู้ตานซินกวักมือเรียกสองเด็กน้อยทั้งสอง
“จูจ้าน ยกอาหารสำหรับศิษย์น้องกับอาจารย์ข้าหิวเต็มทนแล้ว หวังต้าฉิน เปิดทางส่งคนลงเขา ขึ้นมาก็สะบักสะบอมหากไม่ฝึกยุทธ์กับข้าเป็นเวลาหนึ่งปีเกรงว่าจะผ่านค่ายกลของเกาซิ่งไปไม่ได้เกรงว่าอาวุโสเง็กเต็กอาจสิ้นชื่อเช่นนั้นให้คนนำป้ายและเปิดทาง”
หวังตาฉินยิ้ม ผายมือเชิญเหล่าศิษยานุศิษย์ของหงซิ่งที่ หันหน้าหันหลังเลิ่กลักหวาดกลัวและไม่แน่ใจบางคนถึงกับทรุดกายลง คุกเข่าตรงหน้าปู้ตานซิน
“ข้าน้อยคารวะอาจารย์”หลายคนเริ่มลังเลไม่ยอมลงเขายินดีคารวะปู้ตานซินเป็นอาจารย์ทว่า
“เดือนจิ่วเยว่ข้าไม่รับศิษย์ รอเดือนต่อไปฝึกปรือตัวเองให้กล้าแกร่งค่อยขึ้นมาคารวะข้ายังไม่สาย”
หวังต้าฉินผายมือเชิญอีกครั้ง
เหล่าศิษย์ของเกาซิ่งล้วนยืดอกด้วยความภาคภูมิ ที่ได้เป็นศิษย์ของปรมาจารย์ปู้ตานซิน ไอ้ความคิดเมื่อครู่ที่คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรบัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นความคิดที่ว่าตัวเองโชคดีที่ได้เป็นศิษย์ของปู้ต้านซิน
นับแต่วันนั้นเรื่องการขึ้นเขาชิงป้าย ล้วนเป็นเรื่องเล่าสุดฮา ใครบ้างไม่เคยได้ยิน แล้วใครบ้างไม่อยากเล่าต่อ เรื่องเล่าเกินจริงยังไม่หมดแค่นั้นบางคนถึงกับบอกว่าอาวุโสเง็กเต็กถึงกับกระอักเลือดเพียงแค่ปู้ตานซินยิ้ม ช่างเป็นเรื่องเล่าที่ขจรไปไกล ต่างแคว้นต่างสำนักล้วนได้ยินเรื่องเล่าขบขันนี้และยังจะกลายเป็นเรื่องเล่าที่ต่อเติมเสริมแต่งให้ผู้ฟังสนุกสนานและ สร้างชื่อเสียงให้กับ ปู้ตานซินและสำนัก..เกาซิ่ง..
“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วอาจารย์ล้วนมีเหตุผลทุกอย่างเป็นอาจารย์ที่ตัดสินใจได้ถูกต้องเสมอ”เหล่าศิษย์น้องทั้งหลายพยักหน้าหงึกหงักต่างยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจที่ตัวเองคิดถูกผ่าด่านค่ายกลหฤโหด มาขอเป็นศิษย์ต่อไปเมื่อสำเร็จวิชาแล้วจึงจะไม่ต้องอายใคร“ศิษย์พี่ใหญ่ ไท่จือขึ้นเขามาตอนนี้อีกคน อาจารย์ยินดีรับเขาเป็นศิษย์หรือไม่เพราะอาจารย์เคยบอกไว้แล้วว่า เดือนจิวเยว่ไม่รับศิษย์”“ไท่จือ”“หลงตั๋วไท่จือผู้ยโสที่ใครต่างเล่าขาน”“เจ้ารีบไปรับหน้าไท่จือข้าจะไปรายงานอาจารย์ให้ทราบ”สะพานชมจันทร์“อาจารย์ ทำไมต้องฝึกจิต”จี้โม่ถามเมื่อปู้ตานซินให้นั่งฝึกจิตห้ามขยับกาย“จิตใจเจ้าจะได้สงบ ยิ่งสงบก็ยิ่งทำให้ซึมซับสิ่งที่ข้าต้องการสอน”“ข้าอยากเรียนเพลงกระบี่และฝึกยุทธ์”จี้โม่ มีความกระตือรือร้นตั้งแต่อายุยังน้อย มิน่าเมื่อภพก่อนเข้าถึงได้รู้สึกว่าจี้โม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ผิดกับหยางหว่านที่พูดน้อย ไม่แสดงท่าทีอยากได้ใคร่มีสิ่งใดเหมือนจี้โม่“รอจนกว่า ข้าเห็นสมควรพวกเจ้าจึงจะฝึกยุทธ์ได้”“อาจารย์ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”หวังต้าฉินลนลานเหมือนเคย และเป้นเรื่องใหญ่เหมือนเคย“หวังต้าฉินข้าสอนเจ้าสามปีผ่านไปให้เจ้าส่ง
คนผู้หนึ่งจะกลับไปแก้ไขสิ่งใดในอดีตได้ดีเพียงใดหากเพียงแต่ทำวันนี้ให้ดี ชีวิตเขาล้วนสิ้นแล้วความทุกข์หยางหว่านกับจี้โม่ กอดก่ายกันบนแท่นนอนเสร็จสมอารมณ์หมายลักลอบพบกันในคืนเดือนมืด“พี่จี้โม่ ทุกอย่างที่เราทำล้วนไม่ผิดเป็นอาจารย์ที่กดดันเราทั้งคู่ ข้าไม่เคยมีใจให้อาจารย์มีเพียงความแค้นฆ่าพ่อที่ไม่อาจลืมเลือนในเมื่อใจเราสองคนต่างรู้ดีแต่อาจารย์กลับ โป้ปดว่าเขาเป็นผู้ที่ชุบเลี้ยงเราทั้งคู่มา”“หากฆ่าเขาเคล็ดวิชาที่ สืบทอดจึงหายไปจนสิ้น เจ้าก็รู้ว่าอาจารย์เป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับการสืบทอดเคล็ดวิชามาจากอาจายร์ปู่เตี่ยงเลี่ยง”จี้โม่ยังไม่อยากจะให้หยางหว่านสังหาร ปู้ตานซิน เพราะด้วยสุดยอดเคล็ดวิชานั้น เป็นหนึ่งในสุดยอดเคล็ดวิชาที่ใต้หล้าล้วนยอมสยบ“พี่จี้โม่แล้วท่านจะปล่อยให้ข้าต้องเป็นของอาจารย์ ท่านทนได้หรือ”“แน่นอนว่าข้าไม่อาจทนรับมัน แต่หยางหว่าน หากเราได้ครอบครองสำนักเกาซิ่งซึ่งควรเป็นของเราแต่เดิม ปู้ตานซินอายุเพียง28ปีก็ได้เป็นเจ้าสำนัก อีกทั้งยังได้ครอบครองสุดยอดเคล็ดวิชาแต่เพียงผู้เดียว ปลิดชีพบิดาของเราทั้งสองอ้างคุณธรรม นำเราสองคนมาชุบเลี้ยงใต้หล้าต่างชื่นชมยกย่องเขา มิใช่เ
“อาจารย์ หยางหว่านคิดถึงท่านแม่ของนางเช่นกัน”จี้โม้ พูดแทนหยางหว่าน ปู้ตานซินยิ้ม จี้โม้เติบโตขึ้นมากที่เขาทำล้วนเพื่อหยางหว่านหลายอย่างในเวลาเจ็ดเดือนที่ผ่านมานี่อาจเป็นเพราะร่วมทุกข์สุขกันมาจนสนิทกันดังพี่น้องหรืออาจเป็นเพราะสวรรค์ลิขิตไว้แล้วให้สองคนได้เห็นอกเห็นใจกัน“แล้วเจ้าไม่อยากลงไปหรือจี้โม่”“ข้าเป็นบุรุษ เรื่องอ่อนแอเช่นนี้ไม่พึงกระทำ ในวันที่ยินยอมขึ้นเขามากับท่านพ่อข้าสัญญากับท่านแม่ไว้ว่าจะเชื่อฟังอาจารย์รีบสำเร็จวิชาโดยเร็วกลับไปดูแลท่านแม่”ปู้ตานซินยิ้มบางๆจี้โม่ก็คือจี้โม่ไม่ว่า จะเป็นจี้โม่ในวัยสามขวบเกือบจะสี่ขวบหรือว่าจี้โม่ในวัย18ปีล้วนไม่ต่างกัน“ตกลงข้าให้ศิษย์พี่หยางหว่านของเจ้าลงไปกับข้า”เขา ให้หยางหว่านเป็นศิษย์พี่ของจี้โม่ในการที่เขากลับมาในครั้งนี้ เพื่อที่หยางหว่านจะได้รู้สึกว่าตัวเองอาวุโสกว่า ไม่คิดเกินเลยหรือมีใจให้กับจี้โม่ที่เป็นศิษย์น้องเป็นเพียงหนึ่งในหลายอย่างที่เขากลับมาเปลี่ยนแปลงไม่ให้มันซ้ำรอยเดิม และเขาไม่อยากได้ยิน หยางหว่านเรียกจี้โม่ว่า..ศิษย์พี่..หรือพี่จี้โม่อย่างที่เคยได้ยินแม้คำพูดเรียก ..พี่จี้โม่..ก็บาดใจเขารอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าน้
“เปลี่ยนอาภรณ์เสีย เรากำลังจะไปที่วังหลวงอาภรณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นศิษย์ของข้าเจ้าก็ควรเปลี่ยนมันใหม่เสียหมด”ปู้ตานซินล่อหลอกหลงตั๋วให้ทำตามแผนการเขาส่วนเขาก็เปลี่ยนอาภรณ์ที่งามสง่าให้เป็นอาภรณ์สีทึมทึบ“อาจารย์อาจารย์จงใจพาข้ามาเยี่ยมเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ”เพียงพยักหน้าน้อยๆ ไม่ได้อธิบายอะไรปู้ตานซินไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งใดให้ใครฟังเขาเองทำสิ่งใดเพียงลำพังมาตลอด“ออกเดินทางต่อได้แล้ว หยางหว่านอยู่ข้างอาจารย์อาจารย์จะอุ้มเจ้าหากเหนื่อยนักก็ต้องพัก ระหว่างนี้ห้ามออกห่างอาจารย์”หยางหว่านพยักหน้ากอดรอบลำคอ เหมือนพ่อกับลูกสาวตัวน้อย ปีศาจพรายน้ำแอบมองคนทั้งสามไม่วางตา สองสามวันมานี่ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องชาวบ้านล้วนหวาดกลัว ไม่มีใครเข้าใกล้ลำธารสองคนพ่อลูกแม้จะเหมือนไม่ระวังตัว และสองคนทำให้อิ่มไปหลายวัน แต่บางอย่างในตัวคนเป็นพ่อทำเอาเจ้าปีศาจไม่อยากเข้าใกล้ จะว่าไปบุรุษหนุ่มหล่อเหลาเช่นไรถึงต้องแบกลูกสาวเพียงลำพัง เป็นม่ายตั้งแต่ยังหนุ่ม ส่วนเจ้าหนุ่มหน้าตาเหลอหลานั่นมองอย่างไรก็โง่งม แม้ผิวพรรณหน้าตาจะต่างจากชาวบ้านทั่วไป จากที่ดูแล้วคาดว่าแม้แต่ธนูยังยิงไม่เป็น เอาเป็นว่าเจ้าหนุ่มนั่นล่
ปู้ตานซินทำสีหน้าเรียบเฉยยังคงสูงส่งบริสุทธิ์เช่นเดิม เรื่องใดกันที่เขาจะต้องรับผิดชอบต่อชาวบ้านเช่นนี้หากไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากให้เสียงร่ำลือน่ารำคาญดังมาถึงหูของเขาว่าด้วยเรื่อง ไม่มีใครสนใจเรื่องทุกข์ร้อนของชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์หรือฮ่องเต้ จึงไม่จัดตัวเองอยู่ในคนที่ไม่สนใจความทุกข์ร้อนของชาวบ้านด้วยเป็นคนขี้รำคาญหาใช่อยากจะเป็นคนดีอะไรถ้ำใต้น้ำ“เจ้าจะต้อง ถูกอาจารย์ของข้าจัดการราบคาบเจ้าพรายน้ำหน้าโง่”“อาจารย์เจ้าใครกันจะต้องกลัว ในเมื่อใต้น้ำนี่เป็นที่ของข้า อาจารย์เจ้าเก่งแค่ไหนเมื่อลงมาใต้น้ำก็ต้องเป็นรองข้า มนุษย์ธรรมดาเช่นไรจึงจะสามารถมาถึงนี่ได้ ต้องเก่งกาจเพียงใดจึงจะลงมาเมืองบาดาลของข้า”“อาจารย์ข้าเป็นถึงปรมาจารย์”“555ได้ยินมาหลายคนแล้วที่อ้างตัวเป็นปรมาจารย์เพียงแค่ข้าฉีกเนื้อกินเสียก็สารภาพจนสิ้นว่าแอบอ้าง”“เจ้าปีศาจร้าย ไม่เชื่อที่ข้าพูดก็เรื่องของเจ้าแต่หากอาจารย์มาจะต้องจัดการเจ้าปางตายแน่ทางที่ดีปล่อยข้าไปเสีย”“เรื่องใดกันข้าต้องปล่อยเจ้า ดูจากท่าทางแล้ว คงอร่อยไม่เบา น่าลิ้มลองเสียจริง”“เฮ้ยไม่ได้นะ จะกินข้าไม่ได้ข้าเป็นถึงไท่จือ”“555เดี๋ยวก็เอาอาจารย์
“เดินทางต่อหากช้าเกรงว่าไท่จือจะพบกับอันตราย”หยางหว่านแหงนหน้ามอง หลินอี้หลิว ด้วยแววตาชื่นชมที่นางช่างงดงามแล้วยังมีท่าทีองอาจดุจชายชาตรี มือข้างหนึ่งกำกระบี่ไว้ในมือนั่นอีกเล่าช่างงดงามยิ่งนัก“น้องสาวนั่งบนหลังม้าไปกับข้าดีไหม”หยางหว่านพยักหน้าช้าๆ ปู้ตานซินเบือนหน้าหนีเสีย หากมองนางเกรงว่าจะคิดว่าเขาสนใจ เขาจึงพึงกระทำเช่นนี้ประจำไม่เคยมองหรือสบตาหญิงใดนอกจากหยางหว่านคนเดียวลำธารกลางป่า“ที่นี่ ไท่จือหายไปที่ตรงนี้”“ตรงกับที่ข้าได้ยินมาจากชาวบ้านหลายคนหายไปที่นี่”หลินอี้หลิว พูดขึ้น“ท่านปรมาจารย์จะทำเช่นไรจึงจะพบตัวไท่จือ”แม่ทัพที่มาด้วยประสานมือพูดด้วยความนอบน้อม“ข้า เปิดทางน้ำไปจนถึงเมืองบาดาลได้ไม่ยาก พวกท่านก็แค่ช่วยไท่จือ”“ง่ายดายเช่นนั้น เชียวหรือ”หลินอี้หลิวถามขึ้นดังๆอยากจะพูดโต้ตอบไปว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าจะรู้อะไร ว่านี่มันคือแผนการ ที่เขาวางไว้หมดแล้วเขาก็แค่ทำในสิ่งที่องครักษ์กับทหารพวกนั้นทำไม่ได้รอรับคำสรรเสริญ แต่เรื่องจัดการกับเจ้าปีศาจปลายแถวนั่นต้องเป็นหน้าที่ของทหารพวกนั้น หรืออาจเป็นนาง ปู้ตานซินก็เพียงแค่นั่งมอง พวกเขาจัดการกับปีศาจให้ชาวบ้านโจษขานก
“โอหังเจ้าปีศาจชั้นต่ำพวกข้าเป็นถึงองครักษ์เกราะทองเกราะเงินเช่นไรจึงจะกินพวกข้าได้”“ฮ่องเต้ข้าก็จะกิน ไท่จือยังเกือบถูกข้ากินไปแล้วหากช้าอีกนิดคงต้องเป็นอาหารเข้าไปแล้ว”ใช้เล็บจิกเข้าไปในคอของหลงตั๋ว“พวกเจ้ามัวแต่ต่อปากต่อคำรีบจัดการมันเสีย อะอะอาจารย์ช่วยข้าด้วย”ปู้ตานซิน สะบัดฝ่ามือ แรงลมมหาศาลปะทะใบหน้าของปีศาจพรายน้ำจนกระเด็นไปเกือบสามจั๋ง หลงตั๋วหลุดออกจากการเกาะกุม เหล่าองครักษ์รีบพยุงร่างของไท่จือ“ไม่เลว ถึงว่าเจ้าหนุ่มนี่ถึงได้พร่ำพูดถึงอาจารย์”เ้าปีศาจพรายน้ำรวบรวมกำลังลมปราณก่อนจะผลักก้อนพลังกลมสีแดงใส่ ปู้ตานซินอย่างแรง เพียงคิดว่ายืนเฉยๆ อย่างสง่างามก็ไม่มีพลังใดทำอันตรายเขาได้ด้วยเศษพลังอันน้อยนิดที่เจ้าปีศาจพรายน้ำรวบรวมมานั้น ปู้ตานซินสัมผัสได้ว่ามันไม่ทำให้สะทกสะท้านแต่อย่างใดแต่ หลินอี้หลิวคนโง่เขลานั้น ถลาเข้ามาขว้างก้อนพลังไว้ ก้อนพลังสีแดง ถูกผลักเข้าเต็มอกของหลินอี้หลิว ที่สะอึกกระอักเลือดสดๆ ออกมา ปู้ตานซินถอนหายใจส่ายหน้าด้วยความเบื่อระอานางคิดว่านางเป็นใครกันสบประมาทเขาเพียงนั้นเชียวหรือช่างไม่น่าไห้อภัยอย่างยิ่ง หญิงโง่งม ไร้ความเฉลียวฉลาด คิดว่าตัวเองม
“พวกเจ้าต้องเห็นตอนที่ท่านปรมาจารย์สะบัดฝ่ามือเปิดทางน้ำให้พวกข้าเดินลงไปในเมืองบาดาล จะบอกให้ตั้งแต่ข้าเกิดมา ไม่เคยเห็นว่ามีปรมาจารย์ท่านใดทำเรื่องเช่นนี้ได้มาก่อน”ดวงตาทุกคู่ในที่นั้นล้วนแสดงถึงความตื่นเต้น“เสียดายที่พวกข้าไม่ได้รับบัญชาให้ตามไป นับเป็นบุญตาขององครักษ์เกราะเงินและเกราะทอง และแปดกองธงคราวหลังองครักษ์เสื้อแพรคงต้องขันอาสาตามติดท่านปรมาจารย์ ไปให้ได้”“ยังไม่หมดเท่านั้น ตอนที่ท่านปรมาจารย์พลิกฝ่ามือผนึกเจ้าปีศาจพรายน้ำจนกลายเป็นหินพวกข้าแทบไม่กะพริบตาเลยทีเดียว ท่วงท่างดงาม ราวกับเทพลงมาจุติเป็นโชคดีของไท่จือที่ได้เป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์ปู้ตานซิน”“ท่านปรมาจารย์ น่าสรรเสริญเสียจริง ข้าพูดแล้วอยากมีลูกขึ้นมาจะส่งไปฝึกวิชากับ ท่านปรมาจารย์เสียเลย”“ว่ากันว่าขึ้นเขาต้องผ่านค่ายกลที่ท่านปรมาจารย์สร้างขึ้นเอง บางคนใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่านได้ วนมาเวียนไปหลายปีกว่าจะขึ้นเขาไปคารวะเป็นศิษย์ แต่ได้ยินมาว่าไท่จือ เพียงแค่แอบขึ้นไปเดือนจิ่วเยว่ที่ค่ายกลอ่อนแอ”“อย่าได้พูดไป ปกติท่านปรมาจารย์ไม่รับศิษย์เดือนจิ่วเยว่ถึงขึ้นไปได้ก็ไม่รับ แต่นี่เพียงแค่ อาศัยรับศิษย์ที่เป็นหลานลูก