“ข้าบอกพวกเจ้าแล้วอาจารย์ล้วนมีเหตุผลทุกอย่างเป็นอาจารย์ที่ตัดสินใจได้ถูกต้องเสมอ”
เหล่าศิษย์น้องทั้งหลายพยักหน้าหงึกหงักต่างยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจที่ตัวเองคิดถูกผ่าด่านค่ายกลหฤโหด มาขอเป็นศิษย์ต่อไปเมื่อสำเร็จวิชาแล้วจึงจะไม่ต้องอายใคร
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไท่จือขึ้นเขามาตอนนี้อีกคน อาจารย์ยินดีรับเขาเป็นศิษย์หรือไม่เพราะอาจารย์เคยบอกไว้แล้วว่า เดือนจิวเยว่ไม่รับศิษย์”
“ไท่จือ”
“หลงตั๋วไท่จือผู้ยโสที่ใครต่างเล่าขาน”
“เจ้ารีบไปรับหน้าไท่จือข้าจะไปรายงานอาจารย์ให้ทราบ”
สะพานชมจันทร์
“อาจารย์ ทำไมต้องฝึกจิต”จี้โม่ถามเมื่อปู้ตานซินให้นั่งฝึกจิตห้ามขยับกาย
“จิตใจเจ้าจะได้สงบ ยิ่งสงบก็ยิ่งทำให้ซึมซับสิ่งที่ข้าต้องการสอน”
“ข้าอยากเรียนเพลงกระบี่และฝึกยุทธ์”
จี้โม่ มีความกระตือรือร้นตั้งแต่อายุยังน้อย มิน่าเมื่อภพก่อนเข้าถึงได้รู้สึกว่าจี้โม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูง ผิดกับหยางหว่านที่พูดน้อย ไม่แสดงท่าทีอยากได้ใคร่มีสิ่งใดเหมือนจี้โม่
“รอจนกว่า ข้าเห็นสมควรพวกเจ้าจึงจะฝึกยุทธ์ได้”
“อาจารย์ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”หวังต้าฉินลนลานเหมือนเคย และเป้นเรื่อง
ใหญ่เหมือนเคย
“หวังต้าฉินข้าสอนเจ้าสามปีผ่านไปให้เจ้าส่งเสียงเรียกข้าแค่พอดี อย่าได้ร้อนรนเพียงนั้น”
อยากจะพูดต่อว่าทุกอย่างเขาแก้ไขได้ไม่จำเป็นต้องร้อนรน แต่กลัวว่าจะเสียภาพพจน์
“อาจารย์”เสียงเบาลง
“มีสิ่งใดว่ามา”
พูดจาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนจะสอนหวังต้าฉินกลายๆ ว่าให้วางท่าทีให้ได้เช่นอาจารย์
“หลงตั่วไท่จือ ขึ้นเขามาแล้ว อาจารย์พร้อมจะรับเขาเป็นศิษย์หรือไม่หรือว่าจะให้ ศิษย์ปฏิเสธไปเสีย”
“ให้เขามาพบข้า”
จะดูว่าไท่จือผู้นี้มีท่าทีเช่นไรเหมาะที่จะรับเป็นศิษย์หรือไม่หรือว่าควรไล่กลับไปเสียแต่หากจะไล่ไป ฮ่องเต้จะต้องไม่พอใจเขาอย่างมากอาจจะส่งทหารมา จัดการกับสำนักของเขา ไม่ได้กลัวแต่ทว่าหากรับไท่จือ คนทั่วไปก็จะพูดว่า ไหนว่าไม่รับศิษย์ในเดือนจิ่วเยว่ พอมีฐานะเป็นถึงไท่จือกลับรับไว้ทันที ข้อดีของการรับไว้ก็คือคนทั่วไปอีกเช่นกันก็จะพูดว่า แม้กระทั่งไท่จือ ฮ่องเต้ในอนาคตก็ยังต้องมาร่ำเรียนกับเขาแทนที่จะปฏิเสธ อย่างไท่จือจะไปร่ำเรียนวิชาที่ไหนก็ได้ และอาจทำให้สำนักกระบี่ของที่นั่นมีชื่อเสียงเพราะขึ้นชื่อว่าไท่จือใครๆ ก็ต้องอยากเอาใจ
“หลงตั่วไท่จือขึ้นเขามาเพื่อให้ท่านรับเป็นศิษย์ ตามบัญชาของเสด็จพ่อ”
ใบหน้ายโสของไท่จือหน้าหมั่นไส้ยิ่งนัก ปู้ตานซินทำสีหน้าเรียบเฉยวางตัวสูงส่งบริสุทธิ์เช่นเดิม คิดในใจบัญชาพ่อเจ้าไม่มีผลกับข้านั่นไม่ใช่บิดาข้าเสียหน่อย ข้าอยู่เหนือการปกครองทั้งปวงมีเพียงคำร้องขอ ข้าจึงจะยอมอ่อนข้อให้
“ท่านรับน้ำชา ข้านำชาดีจากทางใต้ของแคว้นที่สามารถผลิตชาได้ปีละครั้ง แบกขึ้นเขาผ่านค่ายกลขึ้นมาคารวะอาจารย์”ยิ้มบางๆปรากฏที่ริมฝีปาก อยู่เป็นหลงตั๋วผู้อยู่เป็น
“ปกติข้าไม่รับศิษย์ในเดือนจิ่วเยว่” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของหลงตั๋วบ้าง
“ศิษย์ทั่วไปอาจารย์ไม่รับแต่ข้าเป็นถึงไท่จือ อีกอย่างข้าได้ยินมาว่าอาจารย์ รับศิษย์มาสองคนในเดือนนี้ ในเมื่อพวกเขามาได้ทำไมข้าจะมาไม่ได้ ในเมื่อข้าเป็นถึงไท่จือ”หมายถึงหยางหว่านกับจี้โม่
"เจ้าต้องเรียกพวกเขาว่าศิษย์พี่ ในเมื่อเขาทั้งสองขึ้นเขามาก่อนเจ้า”จะอย่างไรก็ต้องรับไท่จือโอหังคนนี้อย่างเสียไม่ได้
“อ๋อแน่นอนหากอาจารย์รับข้าข้าจึงต้องเรียกเขาว่าศิษย์พี่”
“เจ้ายินดีคารวะศิษย์พี่ทั้งสองไหม”หลงตั๋วยิ้มยียวน
“ยินดี”
“หยางหว่านจี้โม่ออกมานี่ มาให้ศิษย์น้องของพวกเจ้าคารวะเสียหน่อยจึงดี”
หยางหว่านกับจึ้โม่เดินออกมาทันที หลงตั๋วไท่จือเลิกคิ้วสูงหน้าชาด้วยคาดไม่ถึงว่า ศิษย์พี่ที่พูดถึงหมายถึงพวกเขาทั้งสองที่ยังเป้นเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ศิษย์น้อยใหญ่ที่มามุงดูต่างอมยิ้มขบขัน
“อาจารย์ล้อข้าเล่น ทำไมข้าต้องคารวะเด็กตัวกระเปี๊ยกอย่างพวกเขาด้วย”
“เด็กตัวกระเปี๊ยกแต่ก้าวหน้ากว่าเจ้าไม่น้อย อย่างน้อยเขาทั้งสองก็เรียนรู้ว่า จะต้องไม่สร้างปัญหาให้กับอาจารย์ยินยอมทำในสิ่งที่ข้าสอนสั่ง ตอนนี้เขาก้าวหน้ากว่าเจ้าไปไกล หยางหว่านกับจี้โม่ ฝึกจิตจนถึงขั้นสองแล้ว”
“อาจารย์ ข้าไม่อยากคารวะพวกเขา ข้าเป็นถึงไท่จือ”
“เช่นนั้น ข้าก็คงจะต้องให้หวังต้าฉินเชิญไท่จือลงเขา ที่นี่เรานับพี่น้องใครมาก่อนล้วนเป็นพี่ ไม่มีใครฐานะสูงส่งกว่าใคร เช่นนั้นหากอ้างฐานะแล้ว ใช้ฐานะที่สูงส่ง มาข่มขู่เหล่าศิษย์ที่คารวะข้า เป็นศิษย์อยู่ก่อนแล้วเช่นไรจึงจะมีศิษย์พี่ศิษย์น้อง ต่อไปหากจะอยากฝึกวรยุทธ์กับข้าเจ้าจะต้องมีหน้าที่ ตบตูดให้สองศิษย์พี่หลับใหลในทุกค่ำคืน ”
หลงตั๋วหน้าจ๋อยไม่คิดว่าความเป็นไท่จือของเขาจะใช้ที่นี่ไม่ได้
“แต่”
“มีสองทางเลือกจะฝึกปรือวรยุทธ์อยู่ที่นี่หรือจะลงเขาไปเสีย ถึงคราวนั้นผู้คนก็จะต้องอดที่จะสอบถามไท่จือเสียไม่ได้ว่าเช่นไรข้าจึงไม่รับเป็นศิษย์หรืออาจถามว่าเมื่อข้ารับเป็นศิษย์แล้ว ทำไมไม่ยอมฝึกวรยุทธ์อยู่บนเขา คนเขาก็จะพากันนินทาว่าเป็นเพราะไท่จือไร้ความเพียรพยายาม”
ลุกขึ้นยืนไม่สนใจหลงตั๋วไท่จืออีกต่อไป เพียงแค่ทดสอบความอยากและความอดทนของหลงตั๋ว ศิษย์หลายคนของปู้ตานซิน กว่าจะถูกรับเป็นศิษย์มิใช่จะง่ายดายเช่น หยางหว่านกับจี้โม่ทุกคนไป จึงนับว่าเขาให้อภิสิทธิ์ กับสองคนมากกว่าผู้ใดเพียงเพราะอยากไถ่โทษหรือว่าทำดีเพื่อพวกเขาจะได้สำนึกบุญคุณ
หวังต้าฉินยิ้ม เมื่อเห็นว่าหลงตั๋ว ประสานมือตรงหน้าคารวะ สองเด็กน้อยอย่างอายๆ ศิษย์พี่ทั้งหลายต่างเบือนหน้าหนีแสร้งว่าไม่เห็นเสียเพื่อให้เกียรติไท่จือ
คนผู้หนึ่งจะกลับไปแก้ไขสิ่งใดในอดีตได้ดีเพียงใดหากเพียงแต่ทำวันนี้ให้ดี ชีวิตเขาล้วนสิ้นแล้วความทุกข์หยางหว่านกับจี้โม่ กอดก่ายกันบนแท่นนอนเสร็จสมอารมณ์หมายลักลอบพบกันในคืนเดือนมืด“พี่จี้โม่ ทุกอย่างที่เราทำล้วนไม่ผิดเป็นอาจารย์ที่กดดันเราทั้งคู่ ข้าไม่เคยมีใจให้อาจารย์มีเพียงความแค้นฆ่าพ่อที่ไม่อาจลืมเลือนในเมื่อใจเราสองคนต่างรู้ดีแต่อาจารย์กลับ โป้ปดว่าเขาเป็นผู้ที่ชุบเลี้ยงเราทั้งคู่มา”“หากฆ่าเขาเคล็ดวิชาที่ สืบทอดจึงหายไปจนสิ้น เจ้าก็รู้ว่าอาจารย์เป็นเพียงผู้เดียวที่ได้รับการสืบทอดเคล็ดวิชามาจากอาจายร์ปู่เตี่ยงเลี่ยง”จี้โม่ยังไม่อยากจะให้หยางหว่านสังหาร ปู้ตานซิน เพราะด้วยสุดยอดเคล็ดวิชานั้น เป็นหนึ่งในสุดยอดเคล็ดวิชาที่ใต้หล้าล้วนยอมสยบ“พี่จี้โม่แล้วท่านจะปล่อยให้ข้าต้องเป็นของอาจารย์ ท่านทนได้หรือ”“แน่นอนว่าข้าไม่อาจทนรับมัน แต่หยางหว่าน หากเราได้ครอบครองสำนักเกาซิ่งซึ่งควรเป็นของเราแต่เดิม ปู้ตานซินอายุเพียง28ปีก็ได้เป็นเจ้าสำนัก อีกทั้งยังได้ครอบครองสุดยอดเคล็ดวิชาแต่เพียงผู้เดียว ปลิดชีพบิดาของเราทั้งสองอ้างคุณธรรม นำเราสองคนมาชุบเลี้ยงใต้หล้าต่างชื่นชมยกย่องเขา มิใช่เ
“อาจารย์ หยางหว่านคิดถึงท่านแม่ของนางเช่นกัน”จี้โม้ พูดแทนหยางหว่าน ปู้ตานซินยิ้ม จี้โม้เติบโตขึ้นมากที่เขาทำล้วนเพื่อหยางหว่านหลายอย่างในเวลาเจ็ดเดือนที่ผ่านมานี่อาจเป็นเพราะร่วมทุกข์สุขกันมาจนสนิทกันดังพี่น้องหรืออาจเป็นเพราะสวรรค์ลิขิตไว้แล้วให้สองคนได้เห็นอกเห็นใจกัน“แล้วเจ้าไม่อยากลงไปหรือจี้โม่”“ข้าเป็นบุรุษ เรื่องอ่อนแอเช่นนี้ไม่พึงกระทำ ในวันที่ยินยอมขึ้นเขามากับท่านพ่อข้าสัญญากับท่านแม่ไว้ว่าจะเชื่อฟังอาจารย์รีบสำเร็จวิชาโดยเร็วกลับไปดูแลท่านแม่”ปู้ตานซินยิ้มบางๆจี้โม่ก็คือจี้โม่ไม่ว่า จะเป็นจี้โม่ในวัยสามขวบเกือบจะสี่ขวบหรือว่าจี้โม่ในวัย18ปีล้วนไม่ต่างกัน“ตกลงข้าให้ศิษย์พี่หยางหว่านของเจ้าลงไปกับข้า”เขา ให้หยางหว่านเป็นศิษย์พี่ของจี้โม่ในการที่เขากลับมาในครั้งนี้ เพื่อที่หยางหว่านจะได้รู้สึกว่าตัวเองอาวุโสกว่า ไม่คิดเกินเลยหรือมีใจให้กับจี้โม่ที่เป็นศิษย์น้องเป็นเพียงหนึ่งในหลายอย่างที่เขากลับมาเปลี่ยนแปลงไม่ให้มันซ้ำรอยเดิม และเขาไม่อยากได้ยิน หยางหว่านเรียกจี้โม่ว่า..ศิษย์พี่..หรือพี่จี้โม่อย่างที่เคยได้ยินแม้คำพูดเรียก ..พี่จี้โม่..ก็บาดใจเขารอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าน้
“เปลี่ยนอาภรณ์เสีย เรากำลังจะไปที่วังหลวงอาภรณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นศิษย์ของข้าเจ้าก็ควรเปลี่ยนมันใหม่เสียหมด”ปู้ตานซินล่อหลอกหลงตั๋วให้ทำตามแผนการเขาส่วนเขาก็เปลี่ยนอาภรณ์ที่งามสง่าให้เป็นอาภรณ์สีทึมทึบ“อาจารย์อาจารย์จงใจพาข้ามาเยี่ยมเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ”เพียงพยักหน้าน้อยๆ ไม่ได้อธิบายอะไรปู้ตานซินไม่จำเป็นต้องอธิบายสิ่งใดให้ใครฟังเขาเองทำสิ่งใดเพียงลำพังมาตลอด“ออกเดินทางต่อได้แล้ว หยางหว่านอยู่ข้างอาจารย์อาจารย์จะอุ้มเจ้าหากเหนื่อยนักก็ต้องพัก ระหว่างนี้ห้ามออกห่างอาจารย์”หยางหว่านพยักหน้ากอดรอบลำคอ เหมือนพ่อกับลูกสาวตัวน้อย ปีศาจพรายน้ำแอบมองคนทั้งสามไม่วางตา สองสามวันมานี่ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องชาวบ้านล้วนหวาดกลัว ไม่มีใครเข้าใกล้ลำธารสองคนพ่อลูกแม้จะเหมือนไม่ระวังตัว และสองคนทำให้อิ่มไปหลายวัน แต่บางอย่างในตัวคนเป็นพ่อทำเอาเจ้าปีศาจไม่อยากเข้าใกล้ จะว่าไปบุรุษหนุ่มหล่อเหลาเช่นไรถึงต้องแบกลูกสาวเพียงลำพัง เป็นม่ายตั้งแต่ยังหนุ่ม ส่วนเจ้าหนุ่มหน้าตาเหลอหลานั่นมองอย่างไรก็โง่งม แม้ผิวพรรณหน้าตาจะต่างจากชาวบ้านทั่วไป จากที่ดูแล้วคาดว่าแม้แต่ธนูยังยิงไม่เป็น เอาเป็นว่าเจ้าหนุ่มนั่นล่
ปู้ตานซินทำสีหน้าเรียบเฉยยังคงสูงส่งบริสุทธิ์เช่นเดิม เรื่องใดกันที่เขาจะต้องรับผิดชอบต่อชาวบ้านเช่นนี้หากไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากให้เสียงร่ำลือน่ารำคาญดังมาถึงหูของเขาว่าด้วยเรื่อง ไม่มีใครสนใจเรื่องทุกข์ร้อนของชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์หรือฮ่องเต้ จึงไม่จัดตัวเองอยู่ในคนที่ไม่สนใจความทุกข์ร้อนของชาวบ้านด้วยเป็นคนขี้รำคาญหาใช่อยากจะเป็นคนดีอะไรถ้ำใต้น้ำ“เจ้าจะต้อง ถูกอาจารย์ของข้าจัดการราบคาบเจ้าพรายน้ำหน้าโง่”“อาจารย์เจ้าใครกันจะต้องกลัว ในเมื่อใต้น้ำนี่เป็นที่ของข้า อาจารย์เจ้าเก่งแค่ไหนเมื่อลงมาใต้น้ำก็ต้องเป็นรองข้า มนุษย์ธรรมดาเช่นไรจึงจะสามารถมาถึงนี่ได้ ต้องเก่งกาจเพียงใดจึงจะลงมาเมืองบาดาลของข้า”“อาจารย์ข้าเป็นถึงปรมาจารย์”“555ได้ยินมาหลายคนแล้วที่อ้างตัวเป็นปรมาจารย์เพียงแค่ข้าฉีกเนื้อกินเสียก็สารภาพจนสิ้นว่าแอบอ้าง”“เจ้าปีศาจร้าย ไม่เชื่อที่ข้าพูดก็เรื่องของเจ้าแต่หากอาจารย์มาจะต้องจัดการเจ้าปางตายแน่ทางที่ดีปล่อยข้าไปเสีย”“เรื่องใดกันข้าต้องปล่อยเจ้า ดูจากท่าทางแล้ว คงอร่อยไม่เบา น่าลิ้มลองเสียจริง”“เฮ้ยไม่ได้นะ จะกินข้าไม่ได้ข้าเป็นถึงไท่จือ”“555เดี๋ยวก็เอาอาจารย์
“เดินทางต่อหากช้าเกรงว่าไท่จือจะพบกับอันตราย”หยางหว่านแหงนหน้ามอง หลินอี้หลิว ด้วยแววตาชื่นชมที่นางช่างงดงามแล้วยังมีท่าทีองอาจดุจชายชาตรี มือข้างหนึ่งกำกระบี่ไว้ในมือนั่นอีกเล่าช่างงดงามยิ่งนัก“น้องสาวนั่งบนหลังม้าไปกับข้าดีไหม”หยางหว่านพยักหน้าช้าๆ ปู้ตานซินเบือนหน้าหนีเสีย หากมองนางเกรงว่าจะคิดว่าเขาสนใจ เขาจึงพึงกระทำเช่นนี้ประจำไม่เคยมองหรือสบตาหญิงใดนอกจากหยางหว่านคนเดียวลำธารกลางป่า“ที่นี่ ไท่จือหายไปที่ตรงนี้”“ตรงกับที่ข้าได้ยินมาจากชาวบ้านหลายคนหายไปที่นี่”หลินอี้หลิว พูดขึ้น“ท่านปรมาจารย์จะทำเช่นไรจึงจะพบตัวไท่จือ”แม่ทัพที่มาด้วยประสานมือพูดด้วยความนอบน้อม“ข้า เปิดทางน้ำไปจนถึงเมืองบาดาลได้ไม่ยาก พวกท่านก็แค่ช่วยไท่จือ”“ง่ายดายเช่นนั้น เชียวหรือ”หลินอี้หลิวถามขึ้นดังๆอยากจะพูดโต้ตอบไปว่าเด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าจะรู้อะไร ว่านี่มันคือแผนการ ที่เขาวางไว้หมดแล้วเขาก็แค่ทำในสิ่งที่องครักษ์กับทหารพวกนั้นทำไม่ได้รอรับคำสรรเสริญ แต่เรื่องจัดการกับเจ้าปีศาจปลายแถวนั่นต้องเป็นหน้าที่ของทหารพวกนั้น หรืออาจเป็นนาง ปู้ตานซินก็เพียงแค่นั่งมอง พวกเขาจัดการกับปีศาจให้ชาวบ้านโจษขานก
“โอหังเจ้าปีศาจชั้นต่ำพวกข้าเป็นถึงองครักษ์เกราะทองเกราะเงินเช่นไรจึงจะกินพวกข้าได้”“ฮ่องเต้ข้าก็จะกิน ไท่จือยังเกือบถูกข้ากินไปแล้วหากช้าอีกนิดคงต้องเป็นอาหารเข้าไปแล้ว”ใช้เล็บจิกเข้าไปในคอของหลงตั๋ว“พวกเจ้ามัวแต่ต่อปากต่อคำรีบจัดการมันเสีย อะอะอาจารย์ช่วยข้าด้วย”ปู้ตานซิน สะบัดฝ่ามือ แรงลมมหาศาลปะทะใบหน้าของปีศาจพรายน้ำจนกระเด็นไปเกือบสามจั๋ง หลงตั๋วหลุดออกจากการเกาะกุม เหล่าองครักษ์รีบพยุงร่างของไท่จือ“ไม่เลว ถึงว่าเจ้าหนุ่มนี่ถึงได้พร่ำพูดถึงอาจารย์”เ้าปีศาจพรายน้ำรวบรวมกำลังลมปราณก่อนจะผลักก้อนพลังกลมสีแดงใส่ ปู้ตานซินอย่างแรง เพียงคิดว่ายืนเฉยๆ อย่างสง่างามก็ไม่มีพลังใดทำอันตรายเขาได้ด้วยเศษพลังอันน้อยนิดที่เจ้าปีศาจพรายน้ำรวบรวมมานั้น ปู้ตานซินสัมผัสได้ว่ามันไม่ทำให้สะทกสะท้านแต่อย่างใดแต่ หลินอี้หลิวคนโง่เขลานั้น ถลาเข้ามาขว้างก้อนพลังไว้ ก้อนพลังสีแดง ถูกผลักเข้าเต็มอกของหลินอี้หลิว ที่สะอึกกระอักเลือดสดๆ ออกมา ปู้ตานซินถอนหายใจส่ายหน้าด้วยความเบื่อระอานางคิดว่านางเป็นใครกันสบประมาทเขาเพียงนั้นเชียวหรือช่างไม่น่าไห้อภัยอย่างยิ่ง หญิงโง่งม ไร้ความเฉลียวฉลาด คิดว่าตัวเองม
“พวกเจ้าต้องเห็นตอนที่ท่านปรมาจารย์สะบัดฝ่ามือเปิดทางน้ำให้พวกข้าเดินลงไปในเมืองบาดาล จะบอกให้ตั้งแต่ข้าเกิดมา ไม่เคยเห็นว่ามีปรมาจารย์ท่านใดทำเรื่องเช่นนี้ได้มาก่อน”ดวงตาทุกคู่ในที่นั้นล้วนแสดงถึงความตื่นเต้น“เสียดายที่พวกข้าไม่ได้รับบัญชาให้ตามไป นับเป็นบุญตาขององครักษ์เกราะเงินและเกราะทอง และแปดกองธงคราวหลังองครักษ์เสื้อแพรคงต้องขันอาสาตามติดท่านปรมาจารย์ ไปให้ได้”“ยังไม่หมดเท่านั้น ตอนที่ท่านปรมาจารย์พลิกฝ่ามือผนึกเจ้าปีศาจพรายน้ำจนกลายเป็นหินพวกข้าแทบไม่กะพริบตาเลยทีเดียว ท่วงท่างดงาม ราวกับเทพลงมาจุติเป็นโชคดีของไท่จือที่ได้เป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์ปู้ตานซิน”“ท่านปรมาจารย์ น่าสรรเสริญเสียจริง ข้าพูดแล้วอยากมีลูกขึ้นมาจะส่งไปฝึกวิชากับ ท่านปรมาจารย์เสียเลย”“ว่ากันว่าขึ้นเขาต้องผ่านค่ายกลที่ท่านปรมาจารย์สร้างขึ้นเอง บางคนใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่านได้ วนมาเวียนไปหลายปีกว่าจะขึ้นเขาไปคารวะเป็นศิษย์ แต่ได้ยินมาว่าไท่จือ เพียงแค่แอบขึ้นไปเดือนจิ่วเยว่ที่ค่ายกลอ่อนแอ”“อย่าได้พูดไป ปกติท่านปรมาจารย์ไม่รับศิษย์เดือนจิ่วเยว่ถึงขึ้นไปได้ก็ไม่รับ แต่นี่เพียงแค่ อาศัยรับศิษย์ที่เป็นหลานลูก
“ข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า ที่นั่นเป็นที่ผนึกร่างมารของจอมมารฉูฉางที่ปรมาจารย์กงล้งในอดีตใช้สุดยอดเคล็ดวิชาผนึกไว้จนตัวเองต้องแตกดับสลายร่างกลับสู่สรวงสวรรค์ช่างน่าค้นหาเสียจริง”“น้องเล็กเจ้าคิดเห็นเช่นไร”ป้อก้านหันไปทางปู้ตานซิน“ไม่ควรเข้าไปอย่างยิ่งหากประเหมาะเคราะห์ร้ายทำผนึกแตก แล้วจะต่อกรกับจอมมารได้อย่างไร”วิเคราะห์ตามแบบของปู้ตานซิน“เป็นเพียงตำนาน ล่อลวงไม่ให้ผู้คนย่างกรายเข้าไปเสียมากกว่า แต่เดิมเหล่าจอมยุทธ์ล้วนแวะเวียบนเข้าไปทว่าบัดนี้ฝ่าบาทกลับให้องครักษ์เฝ้าระวัง สร้างเรือนอารักขาไว้ด้านหน้าเสียงร่ำลือยังบอกอีกว่า”ปอคุนกระซิบเบาสุดเบา“ฝ่าบาทต้องการหวงแหนเคล็ดวิชานั่นเอาไว้ให้กับไท่จือเพียงผู้เดียว”ปู้ตานซินคิดถึงใบหน้ายะโสของหลงตั๋วไท่จือที่ไม่แม้แต่จะทักทายเขาในวันที่เขากับศิษย์พี่ทั้งสองเข้าไปในวังหลวงตามคำเชิญของฮ่องเต้เพื่อให้หลงตั๋วในตอนนั้นคัดเลือกใครสักคน ในพวกเขาสามคนเป็นอาจารย์ อดีตเป็นบทเรียน หลงตั๋วไท่จือชี้มือมายังปู้ตานซินต้องการให้เขาเป็นอาจารย์“ท่านจะต้องมาอาศัยในวังหลวงคอยสั่งสอนข้าเรื่องจะให้ข้าขึ้นเขาคงไม่อาจ ด้วยฐานะไท่จือของข้าสูงส่งยิ่ง ไม่เหมาะท