“คือข้อเสนอของผมที่จะบอกกับคุณก็คือผมอยากให้คุณจดทะเบียนสมรสกับผมครับเพื่อที่จะให้การเป็นอยู่ชีวิตที่นี่ง่ายขึ้น"
ชายหนุ่มพูดพร้อมมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวตอนนี้เขาสังเกตได้ว่าสีหน้าหญิงสาวมีอาการที่อึ้งเล็กน้อยและคิดหนักอย่างเห็นได้ชัดแถมยังตกใจกับคำที่เขาพูดอย่างมากอีกด้วยก็ไม่แปลกที่เธอตกใจเพราะว่าเจอเธอเจอกับเขาได้ไม่ดีวันเขากลับจะมาให้เธอจดทะเบียนกับเราเสียอย่างนั้นเป็นคนอื่นก็คงจะตกใจประมาณนี้แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเขาคิดได้เพียงวิธีเดียวในตอนนี้ที่จะรั้งเธอเอาไว้ก็คือให้เธอจดทะเบียนกับเขานั่นเอง
“อันที่จริงมันก็..อืมม..ตะวันขอคิดดูอีกนิดนะคะคุณเอส”
หญิงสาวพูดติดขัดเล็กน้อยเพราะเธอยังสับสนเรื่องที่อยู่ในใจที่จริงที่เขาพูดมันก็ถูกถ้าจะให้เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างอิสระก็คือจะต้องเป็นประชาชนของคนที่นี่ซึ่งมีวิธีเดียวก็คือจะต้องแต่งงานกับคนที่ภูมิลำเนาอยู่ที่นี่เพราะว่าเธอก็ไม่ได้มีญาติอยู่ที่นี่เลยและอีกอย่างเธอก็เป็นคนไทยแท้ด้วยถ้าจะให้ใช้ชีวิตที่นี่โดยง่ายก็คงต้องเลือกวิธีของชายหนุ่มนั่นเอง
เอริคกลับมาที่บ้านพักของเขาพร้อมนั่งรอหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อภาวนาในใจว่าให้หญิงสาวเห็นด้วยกับข้อเสนอของเขาเถอะในชีวิตของเขานั้นไม่เคยคิดที่จะเล่นแง่กับหญิงสาวคนไหนแต่กับเธอนั้นเขาอยากได้เธอมาครอบครองอย่างมากจนต้องเลือกที่จะใช้วิธีที่ที่เรียกว่าลวงหลอกกับเธอก็ว่าได้
ก็อกๆๆ
“ว่าไงครับตะวัน”
เอริคที่เดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูเขาจึงรีบเดินไปเปิดทันทีพร้อมกับเค้นเอาคำตอบที่อยากรู้กับหญิงสาว
“คือตะวันตกลงที่จะทำตามข้อเสนอของคุณค่ะ”
ตอนนี้ทานตะวันไม่ลังเลอะไรแล้วเธอยอมรับข้อเสนอของชายหนุ่มเพราะเธอคิดว่าเธอไม่สามรถที่จะลีลาอะไรได้อีกกับสถานการณ์การหายตัวไปของน้องสาวเธอในตอนนี้เธอสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อที่จะให้การตามหาน้องสาวของเธอเจอให้เร็วที่สุด
“ผมดีใจที่คุณรับข้อเสนอของผม...อืมม...แล้วยังไงเมื่อเจอน้องคุณแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะครับ”
ตอนนี้เอริคแทบอยากจะกระโดดอย่างดีใจอยู่ตรงนั้นแต่เขานั้นต้องเก็บอาการเพื่อไม่ให้หญิงสาวดูออกว่าเขานั้นดีใจกับเรื่องนี้มากขนาดไหน
“ค่ะ...เอ่อแล้วเราจะไปจดทะเบียนกันเมื่อไรคะ”
ทานตะวันอยากรู้ว่าเธอนั้นต้องจดทะเบียนกับเขาตอนไหนเพื่อที่เธอจะได้ปเตรียมตัวนั่นเอง
“เร็วที่สุดครับ”
เอริคโพร่งออกมาอย่างเสียงดังเพราะว่าเจาเริ่มใจร้อนอยากจะจดทะเบียนกับเธอเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
“คะ..”
“ผมหมายถึงถ้าเร็วที่สุดมันก็ดีต่อตัวคุณน่ะครับ”
ทานตะวันเห็นอาการของชายหนุ่มเธอเองถึงกับตกใจจนชายหนุ่มต้องดึงสติเก็บอาการให้อยู่พร้อมให้เหตุผลกับหญิงสาวว่ายิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีกับตัวของหญิงสาวและน้องสาวของเธอเอง
“อ๋อ...ค่ะงั้นตกลงวันไหนดีคะ...แล้วเรื่องเอกสารมันจะไม่ยุ่งยากเหรอคะ”
ทานตะวันคิดว่าการจะทะเบียนสมรสอาจจะยุ่งยากเป็นแน่เพราะเธอนั้นเคยรู้มาว่าการมาจดทะเบียนกับชายต่างชาติและในประเทศของเขานั้นมันต้องตรวจสอบหลายอย่างอีกทั้งต้องขอเอกสารรับรองจากหน่วยราชการอีกมากมายอย่างเร็วก็น่าจะเป็นเดือน
“ไม่มีปัญหาครับเรื่องนั้นผมจัดการได้พรุ่งนี้ครับพรุ่งนี้เช้า...เดี๋ยวผมจะให้เจ้าหน้าที่มาที่นี่”
เอริคเห็นว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นปัญหาต่อเขาเลยสักนิดเพียงแค่เขากระดิกนิ้วสั่งลูกน้องทุกอย่างมันก็ราบรื่น
“อ๋อ..ค่ะ...ตะวันขอตัวนะคะ”
หญิงสาวเดินกลับบ้านพักของเธอเองอย่างมีสีหน้าที่สงสัยเล็กน้อยว่าเขาจะจัดการอะไรได้เร็วขนาดนั้นเชียวหรือเธอคิดว่าคงเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนที่นี่เขาเลยรู้วิธีที่ดีกว่าเธอหญิงสาวพยายามสลัดความคิดเรื่องนี้ออกไปเพราะตอนนี้90เปอร์เซ็นในหัวของเธอมีแต่เรื่องของน้องสาวของเธอเท่านั้น
เช้าวันต่อมา
“ยินดีด้วยนะครับคุณสองคนเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว”
หลังจากที่เจ้าหน้าที่นำเอกสารมาให้ทั้งสองเซ็นรวดเร็วอย่างกับสายฟ้าฟาดเพราะฝีมือการจัดการของลูกน้องของชายหนุ่มที่ทำตามคำสั่งได้รวดเร็วทันใจเจ้านายของเขาเพราะรู้ใจว่าเจ้านายหนุ่มนั้นตอนนี้ใจร้อนแค่ไหน
เมื่อเสร็จสิ้นการจดทะเบียนคนที่ดีใจจนเนื้อเต้นที่สุดก็คงจะไม้พ้นเอริคที่ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยใช้วิธีนี้กับผู้หญิงคนไหนเพราะต่างก็เข้ามาหาเขาเองโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลยทั้งนั้นแต่กับทานตะวันนั้นไม่ใช่เขาเห็นเธอครั้งแรกก็รู้ได้ในทันทีว่าเขานั้นจะปล่อยเธอไปไม่ได้เลยคิดหาวิธีต่างๆนานๆเพื่อให้ได้เธอมานั่นเอง
“คุณเอสคะ...เอ่อ..พอจะได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับน้องสาวตะวันบ้างไหมคะ”
ทานตะวันเห็นว่านี่มันก็เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เธอนั้นได้ให้ชายหนุ่มช่วยตามหาน้องสาวของเธอหญิงสาวคิดว่ามันน่าจะได้เบาะแสอะไรบ้างถ้ายังไงก็ได้เป็นความคืบหน้าในการทำงานของเขาก็ยังดีมันพอให้เธอได้มีกำลังใจนั่นเอง
“ตอนนี้...เอ่อ...ผมกำลังรอให้ลูกน้องของผมส่งเรื่องมาอีกทีไม่เกินพรุ่งนี้รู้เรื่องครับ...”
เอริครู้สึกผิดในใจอย่างไรบอกไม่ถูกเพราะว่าเขารู้แล้วว่าน้องสาวของเธออยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่สามารถบอกกับเธอได้นะสิพร้อมยื่นมือไปกุมที่มือของเธอที่มันกุมกันเอาไว้แสดงถึงความกังวลในใจอย่างเห็นได้ชัดเห็นทีเขาจะต้องรีบจัดการเร่องนี้ให้เร็วขึ้นเสียแล้วไม่อย่างนั้นหญิงสาวคงต้องมีสีหน้าที่อมทุกข์อยู่ทุกวันเป็นแน่
“ค่ะแล้วตะวันจะรอฟังข่าวดีนะคะ”
ทานตะวันเดินกลับบ้านพักของเธอด้วยสีหน้าและจิตใจที่ห่อเหี่ยวตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าการที่เธอรอให้คนอื่นช่วยอย่างเดียวนั้นมันจะดีหรือเปล่าหรือเธอนั้นจะต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองจะดีกว่า
คฤหาสน์มาติเนส
“ลูคัสนายรออยู่ที่นี่ก็ได้”
“ครับคุณเอส”
เอริคตั้งใจมาหาน้องชายเขาเพื่อจัดการเรื่องที่เขานั้นต้องการให้จบเพื่อทำให้หญิงสานั้นสบายใจเมื่อถึงวันนั้นแล้วเขาคงจะต้องบอกความจริงกับเธอว่าเขานั้นเป็นใครเขาคิดว่าหากเธอรู้ว่าเธอนั้นได้จดทะเบียนกับใครเธอคงจะไม่ปฏิเสธเขาแน่นอนเขาไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองและไม่ได้ดูถูกเธอผู้หญิงที่ได้ผู้ชายที่ดูแลเธอให้สุขสบายได้เป็นสามีเธอก็คงจะไม่ปฏิเสธเขาหวังว่ามันจะเป็นตามที่เขาคิด
“แบล็คอยู่ที่ไหน”เอริคเดินเข้ามาด้านในคนเดียวเขาถามหาน้องชายของเขากับบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าอย่างเสียงแข็งและสีหน้าที่นิ่งเฉยจนน่ากลัว“เอ่อ...”เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มเห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามาและกำลังถามหาเจ้านายน้อยของเขาอยู่เขาจึงลังเลและอึดอัดอย่างมากในการที่จะตอบคำถามนายใหญ่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเพราะหากจะบอกว่านายน้อยของเขาอยู่ที่ไหนก็กลัวว่าจะโดนเล่นงานเพราะขัดความสุขของนายน้อยและถ้าตอนนี้เขาไม่บอกความจริงกับนายใหญ่ว่านายน้อยของเขาอยู่ที่ไหนเขาก็อาจจะถึงขั้นหัวขาดได้เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง“ฉัน..ถาม..ว่า..แบล็ค..อยู่..ไหน..”เอริคถามย้ำบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างชัดๆพร้อมจ้องหน้าคนตรงหน้าเขม็งเพียงเพื่อเขาต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้และเป็นการบอกว่าหากคิดจะแข็งข้อกับเขามันจบไม่สวยแน่“ข้างบนห้องครับนายใหญ่”บอดี้การ์ดหนุ่มชั่งน้ำหนักอยู่ในใจว่าหากเขาจะเลือกที่จะเข้าข้างนายน้อยเขาคิดว่าการที่เข้าข้างในใหญ่นั้นจะส่งผลดีต่อเขามากกว่าเขาเลยรีบบอกกับเจ้านายหนุ่มตรงหน้าว่านายน้อยของเขาอยู่ที่ไหนทันทีเพราะเขานั้นรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตของคนตรงหน้าที่ส่งมาให้เขาอย่างรุนแรงเมื่อได้คำตอบจากบอดี้ก
“ฉันยอมแลก”เอริคจ้องที่หน้าของน้องชายของเขาสายตาอมหิตนั้นบ่งบอกว่าถ้าหากว่าน้องชายของเขาไม่ทำตามไม่ว่าอะไรเขาก็ยอมแลกแม้จะต้องผิดใจกับทานตะวันตอนนี้ก็ตามถ้ามันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ“โอเคๆ...เดี๋ยวจะจัดการให้”เบรย์เดนมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าสายตาแบบนี้ของพี่ชายเขานั้นเอาจริงทำให้เขาต้องรีบตอบตกลงพี่ชายของเขาอย่างทันทีเรื่องแค่นี้เขาจัดการให้ได้อยู่แล้วขอเพียงอย่างเดียงขอให้กระต่ายน้อยจันทร์เจ้าได้อยู่กับเขาก่อนก็พอเย็นวันต่อมาสวนสาธารณะ“ผมเห็นคุณดูเครียดๆก็เลยพามาเดินเล่นที่นี่น่ะครับ”เอริคชวนหญิงสาวมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับบ้านพักทีพวกเขาอยู่เพราะชายหนุ่มนั้นอยากจะให้หญิงสาวได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างอีกอย่างวันนี้ก็จะเป็นวันที่ทำให้เธอยิ้มได้อีกด้วย“ขอบคุณค่ะ”ทานตะวันรู้ว่าชายหนุ่มนั้นหวังดีกับเธออันที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากมีอาการกังวลนี้ให้คนอื่นเห็นสักเท่าไรแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆเพราะในใจเธอมันมีแต่เรื่องมากมายเต็มไปหมด“ผมมีข่าวดีเกี่ยวกับน้องสาวของคุณมาบอก”เอริคเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครโทรมาเขายิ้มร่าและหันไปทางหญิงสาวพร้อมส่งมือถือให้หญิงสาว“จริงเหรอคะ”ทานตะวนมีท่าทางทีด
“จริงสิตะวันต้องตอบแทนคุณที่คุณช่วยตะวัน...คุณเอสต้องการอะไรบอกตะวันมาได้เลยนะคะเพราะตะวันคิดว่าตะวันจะอยู่ที่นี่อีกไม่นานก็จะกลับไทยแล้วค่ะ”ทานตะวันลืมไปเสียสนิทเพราะมัวแต่ดีใจว่าเธอนั้นต้องตอบแทนชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเธอเพราะจะให้เขาช่วยเธอฟรีๆไม่ได้อย่างน้อยก็ขอให้เขาบอกกับเธอมาว่าเขานั้นต้องการอะไรถ้าเธอทำให้เขาได้เธอก็เต็มใจที่จะทำ“อะไรนะครับ...เอ่อ..”เอริคถึงกับใจหายวาบไปไม่เป็นเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะพูดเรื่องที่จะกลับบ้านของเธอเร็วขนาดนี้“คุณเอสอยากให้ตะวันตอบแทนอะไรคะ...”ทานตะวันเห็นว่าชายหนุ่มยังมีท่าทีที่อ้ำอึ้งอยู่เธอจึงย้ำถามเขาอีกรอบเพื่อให้ชายหนุ่มนั้นบอกความต้องการของเขามา“เอ่อ...คือผมไม่รู้ว่าเรื่องที่ผมขอมันจะทำให้คุณลำบากใจไหมนะครับแต่ผมอยากให้คุณอยู่เที่ยวที่นี่เป็นเพื่อนผมอีกสักพัก”เอริคอยากจะบอกกับเธอตอนนี้ว่าเขาอยากให้เธอมาลองคบกับเขาดูจะได้ไหมจริงๆแต่มันก็ทำไม่ได้เขากลัวว่าเธอจะคิดว่าเขานั้นฉวยโอกาสกับเธอน่ะสิจึงแสร้งหาเรื่องเพื่อที่จะยื้อเวลาให้เธออยู่ที่นี่อีกสักพักก็น่าจะพอมีเวลาทำคะแนนกับเธอได้อยู่“ตะวันยินดีค่ะ...”ทานตะวันคิดว่าหากอยู่ที่นี่ต่ออีกสัก
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ...ตะวันอยากทานไอศครีมคุณเอสทานไหมคะ”ทานตะวันหันมายิ้มหนาแป้นให้กับชายหนุ่มเพราะวันนี้เธอรู้สึกสนุกมากเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งได้เล่นซนตามอิสระโดยที่มีชายหนุ่มคอยดูแลเธออยู่ข้างๆเธอบอกกับเขาว่าเธอนั้นไม่เหนื่อยเลยสักนิดแถมสายตายังมองเห็นร้านไอศครีมตักใส่ถ้วยอกเธอจึงนึกอยากทานพร้อมชวนชายหนุ่มด้วย“ดีครับ”ตอนนี้เอริคไม่มีคำพูดที่จะปฏิเสธหญิงสาวแม้แต่น้อยเธออยากทำอะไรหรืออยากทานอะไรเขาเองก็อยากจะมีส่วนร่วมกับเธอเสียทุกอย่าง“ไอศรีมได้แล้วค่ะคุณเอส”ทานตะวันยืนสั่งไอศกรีมอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลังออกมาด้วยไอศครีมสองถ้วยพอดีมือพร้อมส่งให้ชายหนุ่มหนึ่งถ้วย“ขอบคุณครับ”“5555..แน่จริงก็ตามมาให้ทันเส้5555”ปึ้กกกกกเอริครับถ้วยไอศครีมมาจากหญิงสาวพร้อมกำลังจะพากันเดินไปนั่งที่เก้าอี้สาธารณะเพื่อจะนั่งทานไอศครีมแต่จู่ๆก็มีเด็กชายสองคนกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันและมาชนที่ชายหนุ่มเข้าทำให้คนตัวโตที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นโดนไอศครีมก้อนล้นถ้วยที่ถืออยู่ในมือกระเด็นเข้ามาที่หน้าอย่างจัง“เอ่อะ!!!...”เอริคสบถออกมาเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าไอศกรีมที่ถืออยู่ในมือนั้นจะกระเด็นเข้ามาที่หน้าของ
ตอนนี้เอริคส่งข้อความบอกกับลูคัสให้จัดการเรื่องนี้ให้เขาโดยด่วนเพราะว่าตอนนี้เขาอยากออกไปจากที่นี่แย่แล้วเอริคสั่งเบียร์เย็นๆมาดื่มเพียงขวดสองขวดเพื่อรอเวลาให้ลูกน้องของเขาจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเพื่อที่เขาจะได้พาหญิงสาวกลับเสียที“คุณเอสไหวไหมคะ”ทานตะวันเห็นท่าทางของชายหนุ่มมีท่าทีที่เหมือนจะเมามากแต่เธอเองเห็นเขานั้นดื่มไปแค่เบียร์ขวดสองขวดเองหญิงสาวคิดในใจว่าหรือชายหนุ่มนั้นจะเป็นคนคออ่อนก็เป็นได้ตอนนี้ทานตะวันประคองชายหนุ่มเข้ามาในบ้านของเขาเธอพยุงตัวชายหนุ่มที่ดูจะใหญ่กว่าเธอหลายเท่ามาวางที่เตียงของเขาแล้วยืนสูดหายใจให้คลายเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งจึงหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับชายหนุ่มตอนนี้ชายหนุ่มหลับตาพริ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์แน่นอนว่าเขาไม่ได้เมาเพียงแต่อยากเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวเพียงเท่านั้นเพราะกว่าลูคัสจะส่งข้อความมาหาเขาว่าจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้วในการที่เขานั่งรอเวลาอยู่ในร้านนั้นมันทำให้เขาคิดอะไรออกนั่นเอง“อืม”เอริคที่หลับตาพริ้มอยู่นั้นเขารู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆมาแตะที่หน้าเขารู้ว่าหญิงสาวกำลังจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับเขาชายหนุ่มจึงขยับตัวเล็กน้อยแล้วแสร้งดึงมื
เมื่อลูคัสออกไปนอกห้องแล้วชายหนุ่มลุกยืนขึ้นพร้อมใช้มือตบโต๊ะทำงานเขาจนเกิดสียงดังสนั่นจนหญิงสาวที่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้าของเขานั้นถึงกับสะด้งเล็กน้อยและเริ่มมีเหงื่อผุดอยู่ที่หน้าผากเพราะท่านประธานหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นเขากำลังโกรธจัดจนน่ากลัวถ้าสายตาของเขาเป็นไฟก็น่าจะเผามอดไหม้หญิงสาวตรงหน้าให้สิ้นไปแล้วเมื่อตอนเข้ามาเอริคกัดฟันถามหญิงสาวอย่างเจ็บใจเธอเป็นดีไซน์เนอร์ที่เก่งหัวไวแถมยังทำงานให้เขาได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องเขาจึงเลื่อนให้เธอได้เป็นหัวหน้าและตัดสินใจเลือกผลงานเองทั้งหมดในการจัดการสินค้าออกมาขายโดยที่ไม่ต้องผ่านเขาและรายได้ที่เขาให้เธอนั้นมันมหาศาลจนเขาเชื่อว่าเธอนั้นคงจะใช้ไม่มีวันหมดอย่างแน่นอนแต่เขานั้นไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอมีเหตุอะไรจึงต้องหักหลังบริษัทและเขาแบบนี้“มิเชลขอโทษค่ะ..มิเชลจำเป็นต้องทำ..”มิเชลยืนสูดหายใจเข้าอยู่ครู่หนึ่งเพื่อลดความกลัวของเธอพร้อมตอบประธานหนุ่มที่ถามเธอด้วยน้ำสียงที่เรียบเฉยเธอไม่ใช่ไม่รู้สึกผิดแต่เธอนั้นจำเป็นที่ต้องทำเรื่องนี้จริงๆอย่างเลี่ยงไม่ได้เธอไม่ได้อยากหักหลังและไม่ได้ลืมบุญคุณของประธานหนุ่มแต่สถานการณ์บางอย่างมันบีบเธอนั
“เป็นยังไงบ้างลุค”เมื่อลูคัสเข้ามาหาเขาที่เพนท์เฮ้าส์ตามคำสั่งเพราะเขาอยากฟังรายงานเรื่องที่เขาให้ชายหนุ่มนั้นจัดการแทนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาต้องรื้อระบบใหม่ของบริษัทเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทุจริตแบบนี้ขึ้นอีก“มีคนมาประกันตัวเธอออกไปครับคุณเอส”ลูคัสรายงานเจ้านายหนุ่มของเขาตามที่เขานั้นได้รับเรื่องมาอีกทีหนึ่ง“หึ่!!...คิดแล้วไม่มีผิด”เอริคคิดแล้วว่าจะต้องมีคนมาช่วยเธอถึงแม้ว่าคนที่มาประกันตัวหญิงสาวจะเป็นบุคคลที่เขาไม่รู้จักแต่เขาก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งมาเพื่อช่วยหญิงสาว“แล้วเรื่องนี้คุณเอสจะยังไงต่อครับ...เรื่องที่...เอ่อ..เรื่องมิเชล”ลูคัสเห็นว่าเจ้านายของเขานิ่งผิดปกติเพราะถ้าเขารู้แบบนี้แล้วอันที่จริงต้องสั่งให้เขาจัดการอะไรสักอย่างโดยไม่ต้องรอให้เขานั้นถามออกไปแต่นี่มันไม่ใช่“ฉันจะถอนแจ้งความ...”เอริคมองไปที่ลูคัสพร้อมบอกกับลูกน้องเขาเป็นแนวคำสั่งว่าให้ชายหนุ่มนั้นจัดการเรื่องอะไรต่อไป“เธอไม่น่าตกเป็นเหยื่อของคนพวกนั้นเลย”ลูคัสพูดออกมาเบาๆพร้อมหลบสายตาลงเขาดีใจที่เจ้านายของเขายังเห็นใจหญิงสาวอยู่บ้างเพราะเรื่องที่เขารู้มาพร้อมๆกับเจ้านายหนุ่มของเขาไม่นานมานี้ก็คือครอบ
วันต่อมา19.00 น.ก๊อกๆๆ“คุณเอสอยู่ไหมคะ”เป็นเวลาสองสามวันแล้วที่ทานตะวันนั้นไม่ได้เจอกับเอริคเธอเพียงอยากที่บอกกับเขาว่าเรื่องคืนนั้นเธอไม่ได้ถือสาอะไรเขาแล้วและอยากที่จะขอบคุณเขาอย่างมากที่ช่วยเหลือเธอมาโดยตลอดอีกทั้งตอนนี้เธอก็ยังเซ็นสัญญากับบริษัทของแบรนด์ดังที่ได้ความช่วยเหลือจากเขาแล้วด้วยแปลกที่ตอนนี้เธออยากให้เขานั้นรับรู้เป็นคนแรกว่าเธอดีใจมากแค่ไหนแต่กลับไม่เจอเขาเสียอย่างนั้นเธอพยายามติดต่อเขาไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ติดต่อไม่ได้หญิงสาวจึงให้กำลังใจตัวเองว่าตอนนี้เขาอาจจะรับงานสืบเรื่องอะไรอยู่ก็เป็นได้จึงทำให้เธอนั้นติดต่อเขาได้ยากนั่นเอง“คุณตะวัน”“อ้าวคุณวิลล์มาที่นี่ได้ไงคะ”ตะวันได้ยินเสียงของผู้ชายด้านหลังเรียกชื่อเธอเมื่อหันไปก็เห็นว่าเป็นวิลล์เพื่อนชายที่เธอพึ่งจะรู้จักโดยบังเอิญได้ไม่นานแต่ก็คุยกันถูกคอเพราะเป็นคนที่ชอบเรื่องผ้าเหมือนกันอีกทั้งยังไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอที่นี่“ก็คุณตะวันเป็นคนบอกผมเองนี่ครับว่าคุณอยู่ที่นี่”วิลล์ยิ้มเล็กน้อยพร้อมหอบของพลุงพลังออกมาจากรถและบอกว่าหญิงสาวเป็นคนบอกกับเขาเองว่าเธออยู่ที่นี่“อ๋อ...ใช่จริงด้วยตะวันลืมไปเลยค่ะ...คุณวิลล์มีธ