Share

ตอนที่13 ศรัตรูหมายเลขหนึ่ง

“เป็นยังไงบ้างลุค”

เมื่อลูคัสเข้ามาหาเขาที่เพนท์เฮ้าส์ตามคำสั่งเพราะเขาอยากฟังรายงานเรื่องที่เขาให้ชายหนุ่มนั้นจัดการแทนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาต้องรื้อระบบใหม่ของบริษัทเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทุจริตแบบนี้ขึ้นอีก

“มีคนมาประกันตัวเธอออกไปครับคุณเอส”

ลูคัสรายงานเจ้านายหนุ่มของเขาตามที่เขานั้นได้รับเรื่องมาอีกทีหนึ่ง

“หึ่!!...คิดแล้วไม่มีผิด”

เอริคคิดแล้วว่าจะต้องมีคนมาช่วยเธอถึงแม้ว่าคนที่มาประกันตัวหญิงสาวจะเป็นบุคคลที่เขาไม่รู้จักแต่เขาก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งมาเพื่อช่วยหญิงสาว

“แล้วเรื่องนี้คุณเอสจะยังไงต่อครับ...เรื่องที่...เอ่อ..เรื่องมิเชล”

ลูคัสเห็นว่าเจ้านายของเขานิ่งผิดปกติเพราะถ้าเขารู้แบบนี้แล้วอันที่จริงต้องสั่งให้เขาจัดการอะไรสักอย่างโดยไม่ต้องรอให้เขานั้นถามออกไปแต่นี่มันไม่ใช่

“ฉันจะถอนแจ้งความ...”

เอริคมองไปที่ลูคัสพร้อมบอกกับลูกน้องเขาเป็นแนวคำสั่งว่าให้ชายหนุ่มนั้นจัดการเรื่องอะไรต่อไป

“เธอไม่น่าตกเป็นเหยื่อของคนพวกนั้นเลย”

ลูคัสพูดออกมาเบาๆพร้อมหลบสายตาลงเขาดีใจที่เจ้านายของเขายังเห็นใจหญิงสาวอยู่บ้างเพราะเรื่องที่เขารู้มาพร้อมๆกับเจ้านายหนุ่มของเขาไม่นานมานี้ก็คือครอบครัวของหญิงสาวนั้นเป็นลูกน้องของคนในตระกูลมอแกนไม่ว่าจะเป็นพ่อและแม่ของมิเชล

ที่มิหญิงสาวนั้นยอมทำเรื่องทั้งหมดก็เพราะว่าอยากให้ครอบครัวเธอเองปลอดภัยจากคนที่กดขี่เธออยู่นั่นเอง

มิเชลหนีออกจากบ้านตั้งแต่เรียนมหาลับเพราะเธอนั้นไม่ชอบที่ลูกชายของตระกูลนั้นชอบใช้พวกเธอรองมือรองเท้าทุกอย่างพ่อแม่ของเธอก็ยอมทำทั้งๆที่สามารถออกไปจากบ้านนี้ได้แต่เพราะบุญคุณของนายใหญ่ของบ้านที่เสียไปแล้วทำให้พ่อกับแม่ของมิเชลนั้นยังยอมรับใช้ลูกชายของตระกูลนั้นอยู่

มิเชลนั้นทนกับการกดขี่ของบ้านนั้นไม่ไหวเธอจึงตัดสินใจหนีออกมาหาเงินเรียนเองและเมื่อจบมาก็มาทำงานที่บริษัทในเครือของมาติเนสแม้จะต้องผิดใจกับพ่อและแม่ของเธอก็ตามแต่เธอทนอยู่กับคนตระกูลนั้นไม่ได้จริงๆ

และเมื่อวิลล์มอแกนลูกชายของผู้มีพระคุณที่เคยชุบเลี้ยงครอบครัวเธอมารู้ว่าเธอนั้นได้เข้าทำงานอยู่ที่บริษัทในเครือของมาติเนสซึ่งเป็นคู่แข่งกับมอแกนแต่ไหนแต่ไรเขาจึงใช้ครอบครัวหญิงสาวมาบีบบังคับเพื่อให้เธอนั้นทำตามที่เขาสั่งจนหญิงสาวต้องยอมจำนนแต่โดยดี

“เธอเลือกเองถ้าเธอมาขอความช่วยเหลือเราตั้งแต่แรกเธอก็ไม่ต้องเจอจุดจบแบบนี้”

เอริคถอนหายใจพร้อมก้มหน้าใช้สองมือประสานกันอย่างครุ่นคิดพร้อมพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจเขาคิดว่าถ้าหากเธอบอกกับเขาและให้เขาช่วยเหลือพวกเธอตั้งแต่คราแรกเรื่องราวมันก็คงไม่เป็นเช่นนี้

“แล้ว...ทานตะวัน”

“เอ่อ...เธอตอบตกลงเรื่องการทำงานแล้วครับ...แล้ว...เอ่อ...นี่ครับคุณเอส”

ลูคัสรู้แล้วว่าคำถามต่อไปที่เจ้านายหนุ่มของเขาจะถามคืออะไรเขาจึงรีบบอกกับเจ้านายหนุ่มของเขาว่าหญิงสาวนั้นตอบรับที่จะเป็นพนักงานในเครือของมาติเนสแล้วแต่เรื่องที่เขานั้นกังวลอีกเรื่องหนึ่งที่จะทำให้เข้านายหนุ่มของเขาเครียดอีกรอบก็น่าจะเป็นรูปถ่ายจากเหตุการณ์เมื่อวานที่หญิงสาวเข้าชมงานนิทรรศกาลโชว์ผ้าของแต่ละประเทศที่โรงแรมดังของที่เคมบริจด์นี่แหละ

“นี่มันวิลล์นี่...แล้วมันไปอยู่กับทานตะวันได้ยังไง”

เอริคถึงกับตาโตเมื่อเห็นว่าวิลล์มอแกนศรัตรูทางการค้าหมายเลขหนึ่งของเขาที่พึ่งมีคดีมาหมาดๆกับเขาจะมาเจ๊าะแจ๊ะอยู่กับหญิงสาวของเขาอีกในรูปภาพที่แอบถ่ายมาได้ทั้งสองยังดูสนิทสนมกันอีกด้วยและด้วยความที่หญิงสาวเป็นคนที่ยิ้มง่ายอยู่แล้วเขาเองรู้สึกฉุนกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเพราะเขาไม่อยากแบ่งรอยยิ้มที่มันควรจะป็นของเขาให้ใครได้มองน่ะสิ

“เอ่อ...เมื่อวันก่อนจากคนที่ตามดูคุณทานตะวันบอกว่าคุณทานตะวันเจอกับวิลล์ที่สวนสาธาณะหลังจากที่ผมกลับมาแล้วเพราะว่าคุณทานตะวันเก็บกระเป๋าเงินของชายหนุ่มได้แล้วแจ้งกับคนที่ดูแลสวนให้คืนเจ้าของทั้งสองจึงได้เจอกันเมื่อวิลล์รู้ว่าคุณทานตะวันชอบงานผ้าอย่างมากเขาจึงชวนเธอไปเดินดูงานด้วยกันเมื่อวานครับ”

ลูคัสรายงานตามที่เขาได้รับจากคนที่ติดตามหญิงสาวอีกครั้ง

“ฉันว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

เอริคเห็นว่าเรื่องนี้คงจะไม่พ้นเป็นแผนการของวิลล์อย่างแน่นอนเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเล่นสงครามอะไรกับเขากันแน่ตอนนี้มันเริ่มลามมาที่เรื่องส่วนตัวของเขาเสียแล้วสิ

“ผมก็คิดว่ามันน่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะวิลล์ไม่มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องไปที่นั่น”

ลูคัสเห็นด้วยกับความคิดของเจ้านายหนุ่มของเขาเรื่องนี้มันยากที่จะเข้าใจได้ว่าบังเอิญที่ทั้งวิลล์และทานตะวันไปเจอกันแต่มันน่าจะเป็นเรื่องที่จงใจของทางวิลล์มากกว่า

“จับตาดูเรื่องนี้ไว้ให้ดีลุค”

เอริคกำหมัดแน่นพร้อมสั่งลูคัสว่าให้จับตาดูเรื่องนี้อย่าให้คลาดสายตาเพราะเขาไม่รู้ว่าทางฝั่งของวิลล์จะมาไม้ไหนกับเขาอีกเรื่องเก่าสะสางพึ่งจบแต่เขานั้นกลับมีเรื่องใหม่ให้ต้องคิดเพิ่มอีกแล้ว

“ครับคุณเอส”

ลูคัสจับสังเกตได้ว่าเจ้านายหนุ่มของเขามีสีหน้าที่ค่อนข้างกังวลอยู่ไม่น้อยในใจของเขาเองตอนนี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าทางฝั่งของพวกมอแกนคิดจะเล่นงานมาติเนสด้วยวิธีไหนเพราะสองตระกูลนี้เขารู้อยู่แก่ใจว่ามีปัญหากันตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่แล้ว

อันที่จริงพ่อของเจ้านายหนุ่มของเขาและพ่อของวิลล์มอแกนนั้นเป็นเพื่อนกันมาเลยเปิดธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้านี้ร่วมกันโดยพ่อของเจ้านายหนุ่มของเขาถือหุ้นใหญ่และไว้ใจให้พ่อของวิลล์เป็นผู้จัดการบริษัทนี้คนเดียวโดยพ่อของเจ้านายหนุ่มของเขานั้นต้องบริหารกิจการอื่นอยู่อย่างล้นมือจึงไม่ค่อยได้มาตรวจสอบรายได้ของแบรนด์เสื้อผ้าเท่าไรนักเพราะไว้ใจพ่อของวิลล์นั่นเอง

จนวันนึงพ่อของเอริครู้สึกว่ารายได้ที่เขาบริษัทของแบรนด์เสื้อผ้ามันน้อยนิดแต่มันช่างขัดกับภาพที่เขาเห็นว่าเพื่อนของเขานั้นใช้ชีวิตหรูหราผิดปกติเมื่อพ่อของเอริคเข้าตรวจสอบจริงจังจึงรู้ว่าคนที่เขานั้นไว้ใจที่สุดกับหักหลังอย่างน่าเกลียด

พ่อของเอริคขอยกเลิกหุ้นทั้งหมดของพ่อของวิลล์และไม่เอาความใดๆเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกันมาแต่จะให้คบกันต่อคงเป็นไปไม่ได้ทำให้พ่อของวิลล์ที่กำลังหลงระเริงกับอำนาจลาภยศรู้สึกเสียหน้าเขาจึงรวบรวมเงินที่มีอยู่ทั้งหมดเปิดบริษัทแบนด์เสื้อผ้ามาแข่งกับบริษัทของพ่อเอริคนั่นเองและบริษัทในเครือของมอแกนนั้นก็ตั้งตนเป็นคู่แข่งของมาติเนสเรื่อยมาจนถึงรุ่นลูกนั่นเองแต่เห็นว่ามีแต่ฝ่ายมอแกนที่จะวิ่งเต้นโจมตีมาติเนสอยู่ฝ่ายเดียวแต่จนแล้วจนเล่าก็ยังสู้มาติเนสไม่ได้อยู่ดี

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status