“มิเชล”
วิลล์เปิดซองเอกสารตรงหน้าดูว่าฮานนั้นเอาอะไรมาวางไว้ให้เขาแล้วก็ไปเมื่อเปิดดูข้างในซองปรากฏว่าข้างในมีรูปถ่ายของหญิงสาวตอนที่อยู่โรงพยาบาลตอนที่เธอตรวจครรภ์และรูปอัลตร้าซาวด์ลูกในท้องของหญิงสาวอีกด้วยจากเอกสารที่เขาได้อ่านตอนนี้หญิงสาวก็ท้องได้ประมาณหกเดือนแล้วชายหนุ่มนั่งอึ้งอยู่พักใหญ่เขาไม่ยักรู้ว่าฮานนั้นไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหนแต่ตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณลูกน้องของเขาอย่างมากที่วันนี้ทำให้เขานั้นเขาได้รับข่าวดีที่สุดในตอนนี้เลย
เช้าวันต่อมา
“ฮานวันนี้ฉันไม่เข้าบริษัทนายจัดการงานแทนฉันด้วย”
“ครับนาย...โชคดีนะครับ”
“ขอบใจนายมากเรื่องเมื่อคืน”
“ครับ”
วิลล์ยกกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าพร้อมบอกกับลูกน้องของให้ดูแลงานแทนเพราะวันนี้เขาต้องไปจัดการธุระส่วนตัวของเขาให้เรียบร้อยอีกทั้งยังไม่ลืมที่จะขอบคุณฮานจากการที่เก็บข้อมูลดีๆไว้ให้เขานั่นเอง
ตัวของฮานเองก็ดีใจกับเจ้านายของเขาที่เริ่มทำตามใจของตัวเองเสียทีเพราะเขาคิดว่ายังไงเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วการที่ทั้งสองคนได้คุยกันมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้
บ้านพัก
มิเชลเดินออกมาจากห้องเพื่อที่จะมาดื่มนมบำรุงครรภ์ของเธอในตอนเช้าหญิงสาวทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันนับตั้งแต่รู้ว่าตัวเองนั้นมีเจ้าตัวเล็กตอนนี้อายุครรภ์ของเธอก็ร่วมหกเดือนแล้วแต่หญิงสาวก็ไม่ยักจะบอกกับคนที่เป็นพ่อของลูกให้เขาได้รู้เพราะเธอเองยังไม่พร้อมที่จะบอกเขาน่ะสิ
หากถามเธอว่าระยะเวลาที่ผ่านมาการที่เธออยู่คนเดียวหญิงสาวคิดว่าหัวใจของเธอจะลืมเขาได้แต่ไม่เลยยิ่งเขารักษาสัญญากับเธอว่าจะไม่มาให้เห็นหน้าเธอก็เริ่มมั่นใจแล้วว่าเขานั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วจริงๆแต่ที่เธอยังไม่ได้บอกเขาเพราะกลัวว่าเขานั้นจะเสียเวลามาดูแลเธอเพราะเธอนั้นพอจะรับรู้อยู่บ้างว่าที่บริษัทตอนนี้มีปัญหาแค่ไหน
ในใจของหญิงสาวก็แอบเป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกันแต่เธอก็ทำได้แค่ส่งกำลังใจไปช่วยเขาและภาวนาอยู่ทุกคืนว่าให้บริษัทของเขานั้นพ้นวิกฤตไปอย่างเร็ววันเธอรู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนที่จริงจังและเครียดกับงานมากและตอนนี้เขาก็คงจะนั่งเครียดอยู่ที่ทำงานของเขาเป็นแน่
“หืมม...ใครเป็นคนซื้อกันนะ”
มิเชลเดินคิดอะไรเพลินๆจนมาถึงตู้เก็บนมบำรุงของเธอในห้องครัวเมื่อเปิดออกมาก็เห็นว่ามีของบำรุงครรภ์ของเธอเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นนมที่ซื้อไว้หลายกล่องอัดจนเต็มตู้และที่โต๊ะก็ยังมีทั้งผลไม้ที่มีประโยชน์อีกมากมายเธอคิดว่าน่าจะเป็นวีนาเมดที่ชายหนุ่มสั่งไว้ให้ดูแลเธอซื้อของมาไว้แต่ปกติแล้ววีนาจะไม่ซื้อของที่เธอไม่ได้สั่งนี่นาหญิงสาวคิดในใจ
“เอ่อ!!...คุณวิลล์”
“ผมขอกอดคุณสักพักได้ไหม”
มิเชลตกใจเล็กน้อยเมื่อจู่ๆก็มีคนมาสวมกอดเธอจากด้านหลังเมื่อเธอหันไปมองทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวจนรู้สึกได้เพราะคนที่มากอดเธอนั้นเป็นคนที่เธอพึ่งนึกถึงอยู่เมื่อครู่พอดีเธอไม่คิดว่าเขาจะเข้ามาที่นี่โดยที่ไม่ได้บอกเธอก่อนแล้วของนี่ก็น่าจะเป็นเขาซื้อมาสินะหญิงสาวคิดว่าเขาคงจะรู้เรื่องที่เธอนั้นกำลังจะมีลูกกับเขาแล้วถึงได้เข้ามาหาเธอที่นี่
หญิงสาวกำลังจะหันตัวมาหาชายหนุ่มแต่เขากลับบอกกับเธอว่าให้อยู่แบบนี้สักพักเพราะเขาอยากกอดเธอแบบนี้ให้หายคิดถึงและได้ผ่อนคลายความกังวลอีกด้วย
“ลูกเราน่าจะตัวใหญ่แล้วก็แข็งแรงมากเลยนะ...ดูสิดิ้นใหญ่เลย”
วิลล์กอดเอวหนากลมของหญิงสาวเขาใช้มือทั้งสองลูบสัมผัสวนไปมาเรื่อยพร้อมหลับตาพริ้มซบอยู่ที่หลังของเธอเมื่อสัมผัสได้สักครู่ก็รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวเล็กกำลังดิ้นถีบสู้มือคนเป็นพ่ออย่างเขาอยู่ก็อมยิ้มเล็กน้อยตอนนี้เขารู้สึกดีเหลือเกินพร้อมบอกกับหญิงสาวว่าเจ้าตัวเล็กน่าจะแข็งแรงดีเพราะดิ้นแรงมากเลยทีเดียว
“เราไปนั่งคุยกันข้างนอกดีกว่าไหมคะ”
มิเชลเห็นว่าชายหนุ่มนั้นยืนกอดเธออยู่นานแล้วจนตอนนี้เธอเองก็เริ่มที่จะเมื่อยแล้วเหมือนกันจึงต้องเอ่ยปากบอกกับเขาว่าควรที่จะไปนั่งคุยกันข้างนอกจะดีกว่า
“ถ้าผมไม่รู้เองคุณคิดจะบอกผมเมื่อไรเรื่องลูก”
เมื่อทั้งสองมานั่งที่โซฟาที่ห้องนั่งเล่นวิลล์ก็ปิดประเด็นถามหญิงสาวเรื่องลูกทันทีว่าถ้าเขานั้นไม่รู้เองเธอจะบอกเขาเมื่อไรเขาไม่อยากจะคิดหากว่าฮานไม่บอกเขาอาจจะรู้ว่าตัวเองนั้นมีลูกตอนที่คลอดออกมาแล้วก็เป็นได้
“ก็มิเชลเห็นว่าคุณยุ่งอยู่กับงานนี่คะ”
มิเชลก้มหน้าลงพร้อมตอบชายหนุ่มว่าเธอนั้นไม่อยากรบกวนใจเขาสักเท่าไรเธอรู้ว่าตอนนี้เขานั้นเครียดอยู่กับงานอย่างมาก
“พูดแบบนี้แสดงว่าเป็นห่วงผม...หายโกรธผมแล้วใช่ไหม”
วิลล์ยิ้มออกเมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาวมันแสดงออกถึงความเป็นห่วงแสดงว่าตอนนี้เฮก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ไม่ดีกับเขาแล้วด้วยความอยากรู้ว่าเขานั้นไม่ได้คิดไปเองจึงเอ่ยปากถามหญิงสาวขึ้นถึงความรู้สึกที่เธอนั้นมีต่อเขาในตอนนี้
“อันที่จริงพ่อกับแม่มิเชลมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณมิเชลต่างหากที่ต้องขอโทษคุณที่เอาแต่ทิฐิส่วนเรื่องที่ผ่านมามิเชลทิ้งมันเป็นอดีตไปแล้วล่ะค่ะ”
มิเชลอยากบอกกับชายหนุ่มให้รู้ว่าตอนนี้เธอนั้นคิดยังไงความจริงระยะเวลาที่เธออยู่คนเดียวทำให้เธอนั้นคิดได้ว่าการที่ใช้ทิฐิในการตัดสินใจและเอาเรื่องอดีตมาคิดมากมันไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวเธอเองเลยสักนิดสู้อยู่กับปัจจุบันอย่ามีความสุขจะดีกว่า
“ขอบคุณนะ...ขอบคุณมากที่มองข้ามการการะทำของผมต่อไปนี้ผมจะเป็นพ่อเป็นสามีที่ดีของคุณเอง”
“ค่ะ..”
วิลล์เข้าไปกอดหญิงสาวที่เธอนั้นยอมให้อภัยเขาเขาดีใจอย่างมากที่ได้รับโอกาสนี้จากเธอและสัญญากับตัวเองว่าต่อไปนี้เขาจะเป็นสามีและพ่อที่ดีเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกเขาจะใช้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนและสั่งสอนลูกของเขาลูกของเขาจะได้ไม่ต้องเดินทางผิดแบบเขานั่นเอง
10 นาทีต่อมา
“แล้วนี่คุณไม่กลับไปทำงานเหรอคะเห็นว่าที่บริษัทกำลังมีปัญหา”
หลังจากที่ทั้งสองนั่งคุยกันถึงเรื่องลูกอยู่พักใหญ่มิเชลก็เห็นว่าวันนี้เป็นวันทำงานของชายหนุ่มแต่เขากลับมาอยู่ที่นี่แล้วงานที่เขาต้องจัดการเขาไม่ต้องรีบกลับไปดูหรืออย่างไรยิ่งตอนนี้ที่บริษัทมีปัญหาให้แก้ไม่เว้นแต่ละวันอีกด้วย
“อืมม...ตอนนี้ผมให้ฮานดูแลแทนอยู่”วิลล์ไม่อยากจะคิดเรื่องงานอะไรทั้งนั้นเมื่ออยู่กับหญิงสาวเขายอมรับในสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นได้แล้วหากวันหนึ่งกิจการเขาๆไปไม่รอดก็ไม่เป็นไรเมื่อมีกิจการใหญ่แล้วมันไม่ประสบผลสำเร็จเขาเองคิดไว้ว่าจะหันมาทำอะไรเล็กๆแทนก็ได้ขอแค่มีหญิงสาวและลุกอยู่เคียงข้างกันก็พอแล้ว“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปคะ”“ก็ต้องประคองไปก่อนเพราะยอดขายสินค้าตัวใหม่ยังไม่มีกำไรเลย”“มิเชลคิดว่าคุณน่าจะลองเปลี่ยนคอยเซปใหม่เป็นเสื้อผ้าสำหรับลูกค้ากลุ่มใหม่อย่างที่มาติเนสลองทำดูสิคะ”มิเชลคิดว่าแบรนด์เสื้อผ้าในเครือของมอแกนออกแบบเสื้อผ้าค่อนข้างที่จะจับกลุ่มลูกค้าแบบเดิมเธอเองคิดอยากจะบอกกับเขาหลายครั้งแล้วแต่ติดตรงที่เธอนั้นคิดว่าชายหนุ่มอาจจะไม่รับฟังเธอแต่วันนี้เธอจำต้องลองเสนอแนวทางนี้ให้กับชายหนุ่มดูมันอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็ได้เพราะจากข่าวคราวของแบรนด์เสื้อผ้าในเครือมาติเนสของเอริคที่เปิดตัวใหม่จับกลุ่มลูกค้าใหม่ก็เป็นผลดีทีเดียวเธอเลยลองพูดให้ชายหนุ่มได้คิดตามดู“คุณจะให้ผมเลียนแบบเหรอไม่เอานะผมไม่ได้แข่งกับใครแล้ว”วิลล์ส่ายหัวให้กับความคิดของหญิงสาวทันทีเพราะเขาไม่อยากที
“...ฉันพยายามโอ๋อยู่นี่ไง...”วิลล์รู้ว่าเสียงร้องของวีน่าอาจจะทำให้อาทอร์ลูกชายของเอริคนั้นตื่นแต่จะให้เขาทำอย่างไรได้เขาทำดีที่สุดได้เท่านี้“นี่นายเลี้ยงลูกเป็นไหมของเล่นเอาไว้เล่นกับลูกเอามาไหม”เอริคเห็นว่าถ้าเด็กๆร้องก็ต้องมีของเล่นเอาไว้ปลอบเหมือนกับทานตะวันที่มักจะเตรียมติดตัวเอาไว้เพื่อหยอกล้อเล่นกับอาเทอรเวลาที่งอแงเขาเลยถามว่าวิลล์นั้นได้เอาติดมาด้วยหรือไม่เพราะมันอาจจะช่วยได้“อ่อ..เอ่อมิเชลเป็นคนเตรียมของมาฉันไม่รู้อยู่ไหน”วิลล์รู้ว่าเด็กคู่กับของเล่นแต่เขาก็ไม่รู้อีกว่ามิเชลนั้นเอาไว้ที่ไหนอันนี้เขาก็แอบเซ็งตัวเองอยู่เหมือนกัน“แง๊.ๆๆๆๆ.....แอะๆ”“วีน่าคะ...ดูของเล่นที่ลุงสิคะ...หนูเห็นไหมเอ่ย”เอริคจำต้องหยิบลูกบอลของลูกชายของเขาออกมาจากกระเป๋าและเดินมาที่หลังของวิลล์พร้อมเล่นกับเด็กหญิงที่กำลังร้องให้ซบบ่าคนเป็นพ่ออยู่เอริคใช้เสียงสองพร้อมเขย่าลูกบอลให้มีเสียงเพื่อเรียกความสนใจจากหนูน้อยซึ่งมันก็เป็นไปตามคาดหนูน้อยวีน่าหยุดร้องทันทีพร้อมทำหน้าสงสัยว่าคนตรงหน้านั้นกำลังทำอะไรอยู่“นายทำอะไรเอส”วิลล์อยากจะหลุดขำออกมาตั้งแต่ตอนที่เอริคใช้เสียงสองคุยกับลูกของเขาแต่เขานั้
20.00 น.เสียงดนตรีบนแคทวอล์คดังคลออยู่ที่หน้าเวทีเหล่านายแบบนางแบบที่สวมผ้าไทยเดินโชว์บนเวทีอยู่ในเวลานี้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับคนที่เข้าชมงานการตัดเย็บผ้าไทยโดยฝีมือของหญิงสาวที่เป็นดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ของแบรนด์นี้ว่าทำออกมาได้แปลกใหม่ทันสมัยแต่ยังคงความเป็นไทยไว้ดังเดิมอย่างดีอีกด้วย“โอเคไหมครับตะวัน”คงไทยเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่จ้างหญิงสาวมาเป็นดีไซน์เนอร์เดินมาเชคงานที่หลังเวทีเพราะว่าวันนี้งานค่อนข้างยุ่งและอีกอย่างทานตะวันนั้นก็แทบจะจัดการทุกอย่างคนเดียวและอีกอย่างตอนนี้หญิงสาวก็ต้องขึ้นเดินโชว์ชุดฟินนาเล่แทนนางแบบที่มาไม่ได้อีกต่างหากเขาจึงคิดว่าต้องมาให้กำลังใจเธอหน่อย“ตะวันตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะพี่ไทย”ทานตะวันยืนสูดหายใจเข้าออกลึกๆถึงแม้ว่าเธอนั้นจะจัดเวทีเดินแบบมาแล้วหลายงานตั้งแต่มาทำงานที่นี่แต่เธอก็ไม่เคยเดินเองเสียทีจนตอนนี้เธอนั้นรู้สึกประหม่าอยู่มากเมื่อได้คุยกับชายหนุ่มทำให้เธอนั้นสบายใจขึ้นมานิดหน่อยทานตะวันและคงไทยรู้จักกันตั้งแต่ที่สมัยทานตะวันนั้นเรียนมหาลัยโดยหญิงสาวนั้นเรียนศิลปกรรมศาสตร์สาขามัณฑนศิลป์(แฟชั่นดีไซน์)ส่วนชายหนุ่มนั้นเรียนบริหารธุรกิจที่ทั
20.00 น.เป็นเวลาหลังจากเลิกงานวันสุดท้ายของหญิงสาวนานแล้วเธอกลับบ้านมาด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวหญิงสาวรู้สึกหนักอึ้งอึดอัดในหัวใจอย่างมากที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือคลายทุกข์เธอได้เลย“ฮือๆๆ...ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันนะจันทร์เจ้ารู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงเธอขนาดไหน”ทานตะวันยังนั่งกอดลูกน้องสาวของเธอร้องไห้ยังไม่หยุดเพราะว่าเป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้วที่น้องสาวเธอได้หายตัวไปเธอพยายามวิ่งเต้นแจ้งตำรวจเรื่องคดีทุกอย่างแต่ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าขึ้นมาเลยและถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้เบาะแสด้วยซ้ำว่าน้องเธอไปอยู่ที่ไหนหญิงสาวจึงคิดว่าเธอต้องใช้เงินเก็บของเธอทั้งหมดที่มีออกตามหาน้องสาวเธอเองแล้วแหละตอนนี้เธอนั่งร้องไห้ไปด้วยเก็บกระเป๋าไปด้วยเธอซื้อตั๋วเพื่อจะเดินทางไปที่อังกฤษในวันพรุ่งนี้เธอคิดว่าเป็นยังไงเป็นกันเพราะตอนนี้เธอได้ลาออกจากงานเรียบร้อยแล้วเพื่อที่จะตามหาน้องสาวของเธอได้เต็มที่ในเมื่อกฎหมายช่วยอะไรเธอไม่ได้เธอก็คงจะต้องช่วยเหลือตัวเองเพราะเธอไม่รู้ว่าในตอนนี้น้องสาวของเธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้ชีวิตของเธอเหลือเพียงแค่น้องสาวคนเดียวยังไงเธอก็ต้องตามหาคนในครอบครัวกลับมาให้ได้ให้นายเร็วที่สุ
หญิงสาวพยายามเข้าไปสอบถามพนักงานในโรงแรมว่ามีรายชื่อน้องสาวของเธอที่เคยเข้าพักที่นี่หรือไม่ก็ได้คำตอบอย่างผิดหวังกลับมาว่าไม่มีชื่อหญิงสาวเข้าพักที่นี่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีชื่อหญิงชื่อน้องสาวของเธอเข้ามาพักที่นี่เพราะว่าหลังจากที่จันทร์เจ้ามาที่อังกฤษน้องสาวของเธอบอกกับเธอเองว่าเธอนั้นพักอยู่ที่นี่แต่ในเมื่อได้รับความผิดหวังกลับมาทานตะวันก็ยังไม่ละความพยายามเธอพยายามที่จะสืบเสาะตามหาน้องสาวของเธอในเมืองนี้อยู่เพราะเธอคิดว่ายังไงเธอนั้นก็จะต้องตามหาน้องสาวของเธอให้เจอให้ได้แม้จะใช้ความพยายามมากมายแค่ไหนก็ตาม“ว้าย...ช่วยด้วยค่ะ”ในขณะที่ทานตะวันยืนคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นจู่ๆก็ได้มีผู้ชายฉกรรจ์วิ่งมาฉกกระเป๋าเธอและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วทำให้หญิงสาวตกใจอย่างมากเพราะในกระเป๋านั้นมีทั้งมือถือและเงินสดอีกมากมายที่จะทำให้เธอใช้ชีวิตที่นี่ได้อีกเป็นเดือนๆหญิงสาวเลยวิ่งตามคนที่ขโมยกระเป๋าเธออย่างไม่คิดชีวิตพร้อมร้องเรียกให้คนอื่นช่วยเป็นภาษาของคนที่นี่“หืมมม”เอริคที่กำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้ายังสบายอารมณ์อยู่นั้นเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของหญิงสาวว่าต้องค่ะต้องการความช่วยเหลือเขาจึงรีบหัน
“ผม...จะบอกกับคุณว่าผมเป็นนักสืบและผมสามารถช่วยคุณได้”ชายหนุ่มจำต้องโกหกหญิงสาวว่าเขานั้นเป็นนักสืบเพราะว่าเขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เธอได้รู้จักนั่นเองแต่ที่เขาต้องโกหกกับเธอว่าเป็นนักสืบเพราะว่าเขาอยากช่วยเธอจริงๆเพราะการบอกกับเธอว่าเขาเป็นนักสืบมันคงทำให้เธอมั่นใจได้ว่าเขานั้นสามารถหาน้องสาวของเธอได้จริงๆ“จริงเหรอคะงั้นคุณคุณก็ต้องช่วยฉันได้แน่ๆคุณเป็นคนที่นี่คุณต้องการค่าจ้างเท่าไหร่ฉันพร้อมจ่ายให้คุณค่ะขอเพียงแค่คุณตามหาน้องสาวฉันให้เจอ”ทานตะวันมีแววตาเป็นประกายและมีความหวังอย่างมากเพราะเธอรู้สึกว่าชายหนุ่มต้องช่วยเธอได้แน่ๆ“เอาแบบนี้นะครับ...ผมจะช่วยคุณเพราะผมเห็นว่าคุณเป็นคนต่างบ้านต่างเมืองผมเป็นคนพื้นที่ที่นี่อยู่แล้วผมสามารถที่จะช่วยคุณได้ง่ายๆผมไม่คิดเงินคุณก็แล้วกันแต่ว่าผมขอแค่ว่าต่อจากนี้เราเป็นเพื่อนกันนะครับ”ชายหนุ่มที่ถูกใจหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็นเขาคิดว่าการที่ใช้วิธีนี้จะทำให้เขานั้นใกล้ชิดกับหญิงสาวได้มากขึ้นค่อยๆแทรกซึมไปทีละนิดแบบไม่ให้เธอนั้นรู้ตัว“โอเคค่ะฉันจะเป็นเพื่อนกับคุณแต่ว่าให้ฉันได้ตอบแทนอะไรคุณบ้างนะคะที่คุณยอมช่วยเหลือฉัน”หญิงสาวไม่รู้จะข
“เข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าก่อน”เอริคเห็นว่าที่นี่ก็ไม่ได้มีที่ใหญ่สำหรับจะให้ลูกน้องของเขาเข้าไปหลบเพราะตอนนี้มันไม่ทันแล้วเขาเลยให้ลูกน้องของเขาเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องของเขานั่นเองเพราะการที่จะเข้าไปที่ฉันใต้ดินของที่นี่นั้นต้องใช้รหัสยุ่งยากลูคัสเองก็เข้าไปเบียดตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าอย่างทุลักทุเลเพราะตัวของเขามันค่อนข้างที่จะใหญ่ขาที่ยาวเก้งก้างนั้นก็จัดการยากเสียเหลือเกินเพื่อไม่ให้หญิงสาวที่น่าจะเป็นคนสำคัญของเจ้านายได้รู้ว่าเขาอยู่ในนี้เขาต้องพยายามจัดการตัวเองให้ได้“ว่าไงครับตะวัน”“คือตะวันทำอาหารไทยเป็นแกงจืดน่ะค่ะเป็นอาหารไทยตะวันเลยอยากจะให้คุณเอสลองทาน”หญิงสาวยื่นกล่องอาหารให้ชายหนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้เขาแล้วกำลังจะหลังหลังเดินกลับบ้านพักของเธอไป“คุณจะเข้าไปคุยกับผมข้างในก่อนไหมครับ”เอริคมองหน้าหญิงสาวพร้อมทั้งใช้มืออีกข้างชี้ไปในห้องพรอมถามหญิงสาวว่าเธอจะเข้าไปคุยกับเขาข้างในหรือเปล่าเพราะเขาเองอยากมีเวลาที่จะคุยกับเธอให้นานกว่านี้“ตะวันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ”ทานตะวันยิ้มให้ชายหนุ่มพร้อมทั้งเดินออกไปทันทีเพราะเธอคิดว่าไม่อยากรบกวนเวลาของเขามากเกินไปนั่นเอ
“คือข้อเสนอของผมที่จะบอกกับคุณก็คือผมอยากให้คุณจดทะเบียนสมรสกับผมครับเพื่อที่จะให้การเป็นอยู่ชีวิตที่นี่ง่ายขึ้น"ชายหนุ่มพูดพร้อมมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวตอนนี้เขาสังเกตได้ว่าสีหน้าหญิงสาวมีอาการที่อึ้งเล็กน้อยและคิดหนักอย่างเห็นได้ชัดแถมยังตกใจกับคำที่เขาพูดอย่างมากอีกด้วยก็ไม่แปลกที่เธอตกใจเพราะว่าเจอเธอเจอกับเขาได้ไม่ดีวันเขากลับจะมาให้เธอจดทะเบียนกับเราเสียอย่างนั้นเป็นคนอื่นก็คงจะตกใจประมาณนี้แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเขาคิดได้เพียงวิธีเดียวในตอนนี้ที่จะรั้งเธอเอาไว้ก็คือให้เธอจดทะเบียนกับเขานั่นเอง“อันที่จริงมันก็..อืมม..ตะวันขอคิดดูอีกนิดนะคะคุณเอส”หญิงสาวพูดติดขัดเล็กน้อยเพราะเธอยังสับสนเรื่องที่อยู่ในใจที่จริงที่เขาพูดมันก็ถูกถ้าจะให้เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างอิสระก็คือจะต้องเป็นประชาชนของคนที่นี่ซึ่งมีวิธีเดียวก็คือจะต้องแต่งงานกับคนที่ภูมิลำเนาอยู่ที่นี่เพราะว่าเธอก็ไม่ได้มีญาติอยู่ที่นี่เลยและอีกอย่างเธอก็เป็นคนไทยแท้ด้วยถ้าจะให้ใช้ชีวิตที่นี่โดยง่ายก็คงต้องเลือกวิธีของชายหนุ่มนั่นเองเอริคกลับมาที่บ้านพักของเขาพร้อมนั่งรอหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อภาวนาในใจว่าให้หญิงสาวเห็นด้ว