“ผม...จะบอกกับคุณว่าผมเป็นนักสืบและผมสามารถช่วยคุณได้”
ชายหนุ่มจำต้องโกหกหญิงสาวว่าเขานั้นเป็นนักสืบเพราะว่าเขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เธอได้รู้จักนั่นเองแต่ที่เขาต้องโกหกกับเธอว่าเป็นนักสืบเพราะว่าเขาอยากช่วยเธอจริงๆเพราะการบอกกับเธอว่าเขาเป็นนักสืบมันคงทำให้เธอมั่นใจได้ว่าเขานั้นสามารถหาน้องสาวของเธอได้จริงๆ
“จริงเหรอคะงั้นคุณคุณก็ต้องช่วยฉันได้แน่ๆคุณเป็นคนที่นี่คุณต้องการค่าจ้างเท่าไหร่ฉันพร้อมจ่ายให้คุณค่ะขอเพียงแค่คุณตามหาน้องสาวฉันให้เจอ”
ทานตะวันมีแววตาเป็นประกายและมีความหวังอย่างมากเพราะเธอรู้สึกว่าชายหนุ่มต้องช่วยเธอได้แน่ๆ
“เอาแบบนี้นะครับ...ผมจะช่วยคุณเพราะผมเห็นว่าคุณเป็นคนต่างบ้านต่างเมืองผมเป็นคนพื้นที่ที่นี่อยู่แล้วผมสามารถที่จะช่วยคุณได้ง่ายๆผมไม่คิดเงินคุณก็แล้วกันแต่ว่าผมขอแค่ว่าต่อจากนี้เราเป็นเพื่อนกันนะครับ”
ชายหนุ่มที่ถูกใจหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็นเขาคิดว่าการที่ใช้วิธีนี้จะทำให้เขานั้นใกล้ชิดกับหญิงสาวได้มากขึ้นค่อยๆแทรกซึมไปทีละนิดแบบไม่ให้เธอนั้นรู้ตัว
“โอเคค่ะฉันจะเป็นเพื่อนกับคุณแต่ว่าให้ฉันได้ตอบแทนอะไรคุณบ้างนะคะที่คุณยอมช่วยเหลือฉัน”
หญิงสาวไม่รู้จะขอบคุณชายหนุ่มอย่างไรเธอรู้สึกว่าเธอโชคดีเหลือเกินที่ได้เจอเขาในตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอเจอแต่สิ่งแย่ๆก่อนหน้านี้
“เรื่องนั้นค่อยว่ากันเถอะครับเอาเป็นว่าผมจะช่วยคุณตามหาน้องสาวคุณให้เจอก่อน"
ชายหนุ่มชอบแววตาของหญิงสาวที่เป็นประกายตอนนี้จริงๆเธอดูมีความหวังเธอยิ้มออกมาจากใจที่แท้จริงมันทำให้ใบหน้าสวยหวานของเธอที่ไร้เครื่องสำอางแบบนี้สวยงามขึ้นไปอีกหลายเท่า
“เราคุยกันมาตั้งนานผมยังไม่รู้จักชื่อของคุณเลยนะครับ”
ชายหนุ่มอยากจะรู้ว่าหญิงสาวที่หน้าตาสวยหวานขนาดนี้เธอจะมีชื่อว่าอะไรกันนะ
“ฉันชื่อทานตะวันค่ะยินดีที่ได้รู้จักค่ะแล้วคุณ....”
หญิงสาวยื่นมือไปให้ชายหนุ่มจับทั้งยังทำหน้าสงสัยว่าเธอนั้นจะเรียกใช้หนุ่มว่าอะไรเพราะเธอก็ยังไม่รู้ชื่อของเขาเหมือนกัน
“ผมเอริคครับเรียกผมว่าเอสก็ได้ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทานตะวัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะเรียกฉันว่าตะวันเฉยๆก็ได้ค่ะ”
เมื่อทั้งสองทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็ได้คุยกันได้พักใหญ่พร้อมทั้งชายหนุ่มยังถามหญิงสาวอีกว่าเขาเธอนั้นพักอยู่ที่ไหนมันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่บ้านพักของเธอนั้นอยู่ใกล้ๆกับเขานั่นเองเมื่อรู้ว่าหญิงสาวนั่งพักใกล้ๆกับบ้านของเขาชายหนุ่มคิดว่าเหมือนเรื่องนี้มันเข้าทางกับเขายิ่งนักไม่รู้ว่าทำไมโลกมันกลมและดูท่าว่าจะเข้าข้างเขาขนาดนี้
สามวันต่อมา
“เรื่องที่ฉันให้ไปสืบได้เรื่องยังไงบ้างลุค”
เมื่อได้ข้อมูลจากของน้องสาวของทานตะวันมาเอริคก็สั่งให้ลูกน้องเขาไปตามเรื่องนี้ทันทีเพื่อให้ได้ข้อมูลของน้องสาวของหญิงสาวให้เร็วที่สุด
“ข้อมูลที่ผมได้เกรงว่า....”
ลูคัสนั้นไม่กล้าที่จะบอกอะไรกับเจ้านายหนุ่มของเขามากเท่าไรเพราะว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับน้องชายของเจ้านายหนุ่มเขานั่นเองเมื่อเขารู้ว่าหญิงสาวที่เจ้านายหนุ่มของเขานั้นให้ตามหาอยู่ในมือของใครเขาเองก็ขอละมือจากเรื่องนี้ทันที
“เป็นอย่างที่ฉันคิดใช่ไหมลุค”
“ครับคุณเอส”
“ฉันว่าแล้วเรื่องนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับน้องของฉันแน่ๆฉันละเบื่อกับนิสัยของมันแบบนี้จริงๆนี่แบล็คมันจะรู้บ้างไหมว่าทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนแค่ไหนกับนิสัยเรื่องผู้หญิงของมัน”
เอริคส่ายหัวให้กับสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้เขาต้องคอยเก็บกวาดเรื่องผู้หญิงของน้องชายเขาไปอีกเท่าไรกันแล้วแบบนี้เขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไงเขาเองก็ยังคิดไม่ตก
“ผมว่าเรื่องนี้คุณเอสคุยกับคุณแบล็คเองเถอะนะครับเพราะเรื่องนี้ผมไม่อยากจะไปก้าวก่ายสักเท่าไหร่ผมว่าก็คงคุณเอสคงเข้าใจผมดีนะครับ”
ลูคัสเห็นว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องในครอบครัวและสิ่งที่เขาตามสืบนั้นมันก็เกี่ยวข้องกับนายน้อยของเขาอีกด้วยเขาจึงไม่อยากก้าวก่ายเรื่องนี้เท่าไหร่เขาคิดว่าให้พี่น้องเขาเคลียร์กันเองจะดีกว่าเขาคิดว่าหน้าที่ของเขาหมดเท่านี้แล้วจึงเตรียมขตัวกลับทันที
“โอเคลุคฉันเข้าใจนาย”
เอริคเข้าใจว่าทำไมลูคัสถึงอยากจะถอนตัวเรื่องนี้เขาเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีแล้วเพราะไม่อย่างนั้นน้องเขาคงจะไม่พอใจกับการกระทำแบบนี้เป็นแน่เขาคิดว่าเรื่องนี้เขาต้องเข้าไปคุยกับน้องชายของเขาเองแล้วล่ะ
ก๊อกๆๆๆ
“คุณเอสอยู่ไหมคะ”
ทานตะวันทำอาหารไทยเธอจึงคิดว่าควรจะมาแบ่งปันให้ชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเธอบ้างจะดีกว่าเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกันและเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของเธอตอบแทนที่เขาได้ยอมช่วยเหลือเธอยังไม่หวังสิ่งตอบแทนอีกด้วย
“ลุคนายเข้าไปหลบก่อน”
เอริคถึงกับตาโตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูและได้ยินเสียงของหญิงสาวที่กำลังจะเข้ามาเขาจึงให้ลูกน้องของเขาเข้าไปหลบก่อนเพราะไม่อยากให้หญิงสาวเห็นว่าใครอยู่ในห้องกับเขานั่นเอง
“คุณเอสจะให้ผมหลบตรงไหนครับ”
ลูคัสเห็นว่าบ้านนี้มันช่างเล็กเหลือเกินเขาก็ไม่รู้ว่าคนโตยังเขาจะต้องไปหลบที่ไหนตอนนี้เขาได้แต่ยืนหันซ้ายหันขวาผายมือมองตรงไปที่เจ้านายของเขาอย่างลนลานว่าตกลงจะให้เขาหลบตรงไหน
“เข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าก่อน”
“เข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าก่อน”เอริคเห็นว่าที่นี่ก็ไม่ได้มีที่ใหญ่สำหรับจะให้ลูกน้องของเขาเข้าไปหลบเพราะตอนนี้มันไม่ทันแล้วเขาเลยให้ลูกน้องของเขาเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องของเขานั่นเองเพราะการที่จะเข้าไปที่ฉันใต้ดินของที่นี่นั้นต้องใช้รหัสยุ่งยากลูคัสเองก็เข้าไปเบียดตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าอย่างทุลักทุเลเพราะตัวของเขามันค่อนข้างที่จะใหญ่ขาที่ยาวเก้งก้างนั้นก็จัดการยากเสียเหลือเกินเพื่อไม่ให้หญิงสาวที่น่าจะเป็นคนสำคัญของเจ้านายได้รู้ว่าเขาอยู่ในนี้เขาต้องพยายามจัดการตัวเองให้ได้“ว่าไงครับตะวัน”“คือตะวันทำอาหารไทยเป็นแกงจืดน่ะค่ะเป็นอาหารไทยตะวันเลยอยากจะให้คุณเอสลองทาน”หญิงสาวยื่นกล่องอาหารให้ชายหนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้เขาแล้วกำลังจะหลังหลังเดินกลับบ้านพักของเธอไป“คุณจะเข้าไปคุยกับผมข้างในก่อนไหมครับ”เอริคมองหน้าหญิงสาวพร้อมทั้งใช้มืออีกข้างชี้ไปในห้องพรอมถามหญิงสาวว่าเธอจะเข้าไปคุยกับเขาข้างในหรือเปล่าเพราะเขาเองอยากมีเวลาที่จะคุยกับเธอให้นานกว่านี้“ตะวันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ”ทานตะวันยิ้มให้ชายหนุ่มพร้อมทั้งเดินออกไปทันทีเพราะเธอคิดว่าไม่อยากรบกวนเวลาของเขามากเกินไปนั่นเอ
“คือข้อเสนอของผมที่จะบอกกับคุณก็คือผมอยากให้คุณจดทะเบียนสมรสกับผมครับเพื่อที่จะให้การเป็นอยู่ชีวิตที่นี่ง่ายขึ้น"ชายหนุ่มพูดพร้อมมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวตอนนี้เขาสังเกตได้ว่าสีหน้าหญิงสาวมีอาการที่อึ้งเล็กน้อยและคิดหนักอย่างเห็นได้ชัดแถมยังตกใจกับคำที่เขาพูดอย่างมากอีกด้วยก็ไม่แปลกที่เธอตกใจเพราะว่าเจอเธอเจอกับเขาได้ไม่ดีวันเขากลับจะมาให้เธอจดทะเบียนกับเราเสียอย่างนั้นเป็นคนอื่นก็คงจะตกใจประมาณนี้แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเขาคิดได้เพียงวิธีเดียวในตอนนี้ที่จะรั้งเธอเอาไว้ก็คือให้เธอจดทะเบียนกับเขานั่นเอง“อันที่จริงมันก็..อืมม..ตะวันขอคิดดูอีกนิดนะคะคุณเอส”หญิงสาวพูดติดขัดเล็กน้อยเพราะเธอยังสับสนเรื่องที่อยู่ในใจที่จริงที่เขาพูดมันก็ถูกถ้าจะให้เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างอิสระก็คือจะต้องเป็นประชาชนของคนที่นี่ซึ่งมีวิธีเดียวก็คือจะต้องแต่งงานกับคนที่ภูมิลำเนาอยู่ที่นี่เพราะว่าเธอก็ไม่ได้มีญาติอยู่ที่นี่เลยและอีกอย่างเธอก็เป็นคนไทยแท้ด้วยถ้าจะให้ใช้ชีวิตที่นี่โดยง่ายก็คงต้องเลือกวิธีของชายหนุ่มนั่นเองเอริคกลับมาที่บ้านพักของเขาพร้อมนั่งรอหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อภาวนาในใจว่าให้หญิงสาวเห็นด้ว
“แบล็คอยู่ที่ไหน”เอริคเดินเข้ามาด้านในคนเดียวเขาถามหาน้องชายของเขากับบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าอย่างเสียงแข็งและสีหน้าที่นิ่งเฉยจนน่ากลัว“เอ่อ...”เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มเห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามาและกำลังถามหาเจ้านายน้อยของเขาอยู่เขาจึงลังเลและอึดอัดอย่างมากในการที่จะตอบคำถามนายใหญ่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเพราะหากจะบอกว่านายน้อยของเขาอยู่ที่ไหนก็กลัวว่าจะโดนเล่นงานเพราะขัดความสุขของนายน้อยและถ้าตอนนี้เขาไม่บอกความจริงกับนายใหญ่ว่านายน้อยของเขาอยู่ที่ไหนเขาก็อาจจะถึงขั้นหัวขาดได้เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง“ฉัน..ถาม..ว่า..แบล็ค..อยู่..ไหน..”เอริคถามย้ำบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างชัดๆพร้อมจ้องหน้าคนตรงหน้าเขม็งเพียงเพื่อเขาต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้และเป็นการบอกว่าหากคิดจะแข็งข้อกับเขามันจบไม่สวยแน่“ข้างบนห้องครับนายใหญ่”บอดี้การ์ดหนุ่มชั่งน้ำหนักอยู่ในใจว่าหากเขาจะเลือกที่จะเข้าข้างนายน้อยเขาคิดว่าการที่เข้าข้างในใหญ่นั้นจะส่งผลดีต่อเขามากกว่าเขาเลยรีบบอกกับเจ้านายหนุ่มตรงหน้าว่านายน้อยของเขาอยู่ที่ไหนทันทีเพราะเขานั้นรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตของคนตรงหน้าที่ส่งมาให้เขาอย่างรุนแรงเมื่อได้คำตอบจากบอดี้ก
“ฉันยอมแลก”เอริคจ้องที่หน้าของน้องชายของเขาสายตาอมหิตนั้นบ่งบอกว่าถ้าหากว่าน้องชายของเขาไม่ทำตามไม่ว่าอะไรเขาก็ยอมแลกแม้จะต้องผิดใจกับทานตะวันตอนนี้ก็ตามถ้ามันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ“โอเคๆ...เดี๋ยวจะจัดการให้”เบรย์เดนมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าสายตาแบบนี้ของพี่ชายเขานั้นเอาจริงทำให้เขาต้องรีบตอบตกลงพี่ชายของเขาอย่างทันทีเรื่องแค่นี้เขาจัดการให้ได้อยู่แล้วขอเพียงอย่างเดียงขอให้กระต่ายน้อยจันทร์เจ้าได้อยู่กับเขาก่อนก็พอเย็นวันต่อมาสวนสาธารณะ“ผมเห็นคุณดูเครียดๆก็เลยพามาเดินเล่นที่นี่น่ะครับ”เอริคชวนหญิงสาวมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับบ้านพักทีพวกเขาอยู่เพราะชายหนุ่มนั้นอยากจะให้หญิงสาวได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างอีกอย่างวันนี้ก็จะเป็นวันที่ทำให้เธอยิ้มได้อีกด้วย“ขอบคุณค่ะ”ทานตะวันรู้ว่าชายหนุ่มนั้นหวังดีกับเธออันที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากมีอาการกังวลนี้ให้คนอื่นเห็นสักเท่าไรแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆเพราะในใจเธอมันมีแต่เรื่องมากมายเต็มไปหมด“ผมมีข่าวดีเกี่ยวกับน้องสาวของคุณมาบอก”เอริคเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครโทรมาเขายิ้มร่าและหันไปทางหญิงสาวพร้อมส่งมือถือให้หญิงสาว“จริงเหรอคะ”ทานตะวนมีท่าทางทีด
“จริงสิตะวันต้องตอบแทนคุณที่คุณช่วยตะวัน...คุณเอสต้องการอะไรบอกตะวันมาได้เลยนะคะเพราะตะวันคิดว่าตะวันจะอยู่ที่นี่อีกไม่นานก็จะกลับไทยแล้วค่ะ”ทานตะวันลืมไปเสียสนิทเพราะมัวแต่ดีใจว่าเธอนั้นต้องตอบแทนชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเธอเพราะจะให้เขาช่วยเธอฟรีๆไม่ได้อย่างน้อยก็ขอให้เขาบอกกับเธอมาว่าเขานั้นต้องการอะไรถ้าเธอทำให้เขาได้เธอก็เต็มใจที่จะทำ“อะไรนะครับ...เอ่อ..”เอริคถึงกับใจหายวาบไปไม่เป็นเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะพูดเรื่องที่จะกลับบ้านของเธอเร็วขนาดนี้“คุณเอสอยากให้ตะวันตอบแทนอะไรคะ...”ทานตะวันเห็นว่าชายหนุ่มยังมีท่าทีที่อ้ำอึ้งอยู่เธอจึงย้ำถามเขาอีกรอบเพื่อให้ชายหนุ่มนั้นบอกความต้องการของเขามา“เอ่อ...คือผมไม่รู้ว่าเรื่องที่ผมขอมันจะทำให้คุณลำบากใจไหมนะครับแต่ผมอยากให้คุณอยู่เที่ยวที่นี่เป็นเพื่อนผมอีกสักพัก”เอริคอยากจะบอกกับเธอตอนนี้ว่าเขาอยากให้เธอมาลองคบกับเขาดูจะได้ไหมจริงๆแต่มันก็ทำไม่ได้เขากลัวว่าเธอจะคิดว่าเขานั้นฉวยโอกาสกับเธอน่ะสิจึงแสร้งหาเรื่องเพื่อที่จะยื้อเวลาให้เธออยู่ที่นี่อีกสักพักก็น่าจะพอมีเวลาทำคะแนนกับเธอได้อยู่“ตะวันยินดีค่ะ...”ทานตะวันคิดว่าหากอยู่ที่นี่ต่ออีกสัก
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ...ตะวันอยากทานไอศครีมคุณเอสทานไหมคะ”ทานตะวันหันมายิ้มหนาแป้นให้กับชายหนุ่มเพราะวันนี้เธอรู้สึกสนุกมากเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งได้เล่นซนตามอิสระโดยที่มีชายหนุ่มคอยดูแลเธออยู่ข้างๆเธอบอกกับเขาว่าเธอนั้นไม่เหนื่อยเลยสักนิดแถมสายตายังมองเห็นร้านไอศครีมตักใส่ถ้วยอกเธอจึงนึกอยากทานพร้อมชวนชายหนุ่มด้วย“ดีครับ”ตอนนี้เอริคไม่มีคำพูดที่จะปฏิเสธหญิงสาวแม้แต่น้อยเธออยากทำอะไรหรืออยากทานอะไรเขาเองก็อยากจะมีส่วนร่วมกับเธอเสียทุกอย่าง“ไอศรีมได้แล้วค่ะคุณเอส”ทานตะวันยืนสั่งไอศกรีมอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลังออกมาด้วยไอศครีมสองถ้วยพอดีมือพร้อมส่งให้ชายหนุ่มหนึ่งถ้วย“ขอบคุณครับ”“5555..แน่จริงก็ตามมาให้ทันเส้5555”ปึ้กกกกกเอริครับถ้วยไอศครีมมาจากหญิงสาวพร้อมกำลังจะพากันเดินไปนั่งที่เก้าอี้สาธารณะเพื่อจะนั่งทานไอศครีมแต่จู่ๆก็มีเด็กชายสองคนกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันและมาชนที่ชายหนุ่มเข้าทำให้คนตัวโตที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นโดนไอศครีมก้อนล้นถ้วยที่ถืออยู่ในมือกระเด็นเข้ามาที่หน้าอย่างจัง“เอ่อะ!!!...”เอริคสบถออกมาเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าไอศกรีมที่ถืออยู่ในมือนั้นจะกระเด็นเข้ามาที่หน้าของ
ตอนนี้เอริคส่งข้อความบอกกับลูคัสให้จัดการเรื่องนี้ให้เขาโดยด่วนเพราะว่าตอนนี้เขาอยากออกไปจากที่นี่แย่แล้วเอริคสั่งเบียร์เย็นๆมาดื่มเพียงขวดสองขวดเพื่อรอเวลาให้ลูกน้องของเขาจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเพื่อที่เขาจะได้พาหญิงสาวกลับเสียที“คุณเอสไหวไหมคะ”ทานตะวันเห็นท่าทางของชายหนุ่มมีท่าทีที่เหมือนจะเมามากแต่เธอเองเห็นเขานั้นดื่มไปแค่เบียร์ขวดสองขวดเองหญิงสาวคิดในใจว่าหรือชายหนุ่มนั้นจะเป็นคนคออ่อนก็เป็นได้ตอนนี้ทานตะวันประคองชายหนุ่มเข้ามาในบ้านของเขาเธอพยุงตัวชายหนุ่มที่ดูจะใหญ่กว่าเธอหลายเท่ามาวางที่เตียงของเขาแล้วยืนสูดหายใจให้คลายเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งจึงหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับชายหนุ่มตอนนี้ชายหนุ่มหลับตาพริ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์แน่นอนว่าเขาไม่ได้เมาเพียงแต่อยากเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวเพียงเท่านั้นเพราะกว่าลูคัสจะส่งข้อความมาหาเขาว่าจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้วในการที่เขานั่งรอเวลาอยู่ในร้านนั้นมันทำให้เขาคิดอะไรออกนั่นเอง“อืม”เอริคที่หลับตาพริ้มอยู่นั้นเขารู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆมาแตะที่หน้าเขารู้ว่าหญิงสาวกำลังจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับเขาชายหนุ่มจึงขยับตัวเล็กน้อยแล้วแสร้งดึงมื
เมื่อลูคัสออกไปนอกห้องแล้วชายหนุ่มลุกยืนขึ้นพร้อมใช้มือตบโต๊ะทำงานเขาจนเกิดสียงดังสนั่นจนหญิงสาวที่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้าของเขานั้นถึงกับสะด้งเล็กน้อยและเริ่มมีเหงื่อผุดอยู่ที่หน้าผากเพราะท่านประธานหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นเขากำลังโกรธจัดจนน่ากลัวถ้าสายตาของเขาเป็นไฟก็น่าจะเผามอดไหม้หญิงสาวตรงหน้าให้สิ้นไปแล้วเมื่อตอนเข้ามาเอริคกัดฟันถามหญิงสาวอย่างเจ็บใจเธอเป็นดีไซน์เนอร์ที่เก่งหัวไวแถมยังทำงานให้เขาได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องเขาจึงเลื่อนให้เธอได้เป็นหัวหน้าและตัดสินใจเลือกผลงานเองทั้งหมดในการจัดการสินค้าออกมาขายโดยที่ไม่ต้องผ่านเขาและรายได้ที่เขาให้เธอนั้นมันมหาศาลจนเขาเชื่อว่าเธอนั้นคงจะใช้ไม่มีวันหมดอย่างแน่นอนแต่เขานั้นไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอมีเหตุอะไรจึงต้องหักหลังบริษัทและเขาแบบนี้“มิเชลขอโทษค่ะ..มิเชลจำเป็นต้องทำ..”มิเชลยืนสูดหายใจเข้าอยู่ครู่หนึ่งเพื่อลดความกลัวของเธอพร้อมตอบประธานหนุ่มที่ถามเธอด้วยน้ำสียงที่เรียบเฉยเธอไม่ใช่ไม่รู้สึกผิดแต่เธอนั้นจำเป็นที่ต้องทำเรื่องนี้จริงๆอย่างเลี่ยงไม่ได้เธอไม่ได้อยากหักหลังและไม่ได้ลืมบุญคุณของประธานหนุ่มแต่สถานการณ์บางอย่างมันบีบเธอนั