“ไม่เหนื่อยเลยค่ะ...ตะวันอยากทานไอศครีมคุณเอสทานไหมคะ”
ทานตะวันหันมายิ้มหนาแป้นให้กับชายหนุ่มเพราะวันนี้เธอรู้สึกสนุกมากเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งได้เล่นซนตามอิสระโดยที่มีชายหนุ่มคอยดูแลเธออยู่ข้างๆ
เธอบอกกับเขาว่าเธอนั้นไม่เหนื่อยเลยสักนิดแถมสายตายังมองเห็นร้านไอศครีมตักใส่ถ้วยอกเธอจึงนึกอยากทานพร้อมชวนชายหนุ่มด้วย
“ดีครับ”
ตอนนี้เอริคไม่มีคำพูดที่จะปฏิเสธหญิงสาวแม้แต่น้อยเธออยากทำอะไรหรืออยากทานอะไรเขาเองก็อยากจะมีส่วนร่วมกับเธอเสียทุกอย่าง
“ไอศรีมได้แล้วค่ะคุณเอส”
ทานตะวันยืนสั่งไอศกรีมอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลังออกมาด้วยไอศครีมสองถ้วยพอดีมือพร้อมส่งให้ชายหนุ่มหนึ่งถ้วย
“ขอบคุณครับ”
“5555..แน่จริงก็ตามมาให้ทันเส้5555”
ปึ้กกกกก
เอริครับถ้วยไอศครีมมาจากหญิงสาวพร้อมกำลังจะพากันเดินไปนั่งที่เก้าอี้สาธารณะเพื่อจะนั่งทานไอศครีมแต่จู่ๆก็มีเด็กชายสองคนกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันและมาชนที่ชายหนุ่มเข้าทำให้คนตัวโตที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นโดนไอศครีมก้อนล้นถ้วยที่ถืออยู่ในมือกระเด็นเข้ามาที่หน้าอย่างจัง
“เอ่อะ!!!...”
เอริคสบถออกมาเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าไอศกรีมที่ถืออยู่ในมือนั้นจะกระเด็นเข้ามาที่หน้าของเขาอย่างเหมาะเจาะขนาดนี้
“คุณเอส....5555555...เลอะหมดเลยยย”
ทานตะวันยืนอึ้งเล็กน้อยพร้อมขำออกมาเพราะตอนนี้ใบหน้าชายหนุ่มนั้นตั้งรับไอศครีมทั้งถ้วยได้เป็นอย่างดีจนน่าตลกนั่นเองเธอขำไปพร้อมใช้ผ้าเช็ดหน้าของเธอเช็ดหน้าชายหนุ่มไปดีที่เธอพกทิชชู่เปียกสำหรับเช็ดหน้ามาด้วย
“เฮ้ออ”
เอริคยืนทำหน้าเซ็งพร้อมถอนหายใจเล็กน้อยเพราะรู้สึกเสียอารมณ์กับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่เขาอยากจะจับพ่อแม่เด็กพวกนั้นมาสั่งสอนยิ่งนักที่ไม่ดูลูกให้ดี
“อย่าไปถือสาเด็กๆเลยนะคะแกก็เล่นซนตามประสาเด็กน่ะค่ะ...ตะวันเช็ดให้นะคะ”
ทานตะวันรู้ว่าชายหนุ่มนั้นรู้สึกเฟลเล็กน้อยเพราะเด็กๆที่เล่นซนกันแต่เธอเห็นว่ามันก็เป็นเรื่องปกติที่เด็กๆจะเล่นกันตามประสาพร้อมบอกชายหนุ่มให้อย่าถือสา
“ขอบคุณนะครับ”
ตอนนี้เอริคไม่ได้สนใจเด็กๆพวกนั้นแล้วเพราะเขาเอาแต่จ้องมองใบหน้าหญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่ใกล้ๆกับเขานั่นเองเมื่อรู้สึกว่าหน้าของเขาสะอาดแล้วเขาจึงจับมือหญิงสาวเพื่อเป็นการบอกให้พอพร้อมส่งสายตาที่หยาดเยิ้มไปให้เธอเป็นสัญญาณในการทอดสะพาน
“เอ่อ...เราไปต่อแถวขึ้นชิงช้าสวรรค์กันเถอะค่ะ”
ทานตะวันรู้สึกใจเต้นผิดปกติเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มแถมตอนนี้เธอยังรู้สึกเขินแปลกๆอีกด้วยหญิงสาวจึงรีบเปลี่ยนจุดสนใจโดยการชวนชายหนุ่มนั้นไปต่อแถวเล่นชิงช้าสวรรค์ทันที
“ไปครับคนตรงนั้นค่อนข้างเยอะจับมือผมไว้นะเดี๋ยวจะหลงกันครับ”
เอริคจับอาการของหญิงสาวได้แสดงว่าสิ่งที่เขาทอดสะพานให้เธอเมื่อครู่นั้นได้ผลเขาเห็นว่าคนตรงนั้นค่อนข้างจะเยอะจึงถือโอกาสนี้เป็นเหตุผลในการเดินจับมือเธอเดินเที่ยวงานเสียเลย
“เอ่อ..ค่ะ”
ทานตะวันไม่ทันได้อนุญาตหรือปฏิเสธชายหนุ่มก็รั้งมือเธอเดินเข้าไปต่อแถวเสียแล้วตอนนี้เธอรู้สึกว่าหัวใจเธอมันเต้นปลกๆเสียแล้วเมื่อยิ่งอยู่ใกล้ชายหนุ่มมากเท่าไรใจเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะมากเท่านั้นหญิงสาวไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าเธอนั้นเป็นอะไรเพราะตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยใกล้ชิดขนาดนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน
“ดูท่าคุณจะชอบเด็กนะครับ”
เมื่อขึ้นมานั่งที่ชิงช้าสวรรค์กันแล้วเอริคเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่สนใจที่จะถ่ายรูกับวิวด้านบนเขาจึงหาเรื่องชวนหญิงสาวคุยใช้เวลานี้เพื่อสานสัมพันธ์กับเธอให้ได้มากที่สุดเขาเหก้นว่าเธอดูท่าจะเอ็นดูเด็กๆเป็นพิเศษเพราะจากคำพูดและสายตาที่เธอพูดกับเขาตอนที่เด็กๆวิ่งชนเขามันดูอบอุ่นอย่างมาก
“ค่ะ...ตะวันชอบอยู่กับเด็กๆมันทำให้สดชื่นน่ะค่ะ”
ทานตะวันละสายตาจากการมองดูวิวรอบๆพร้อมหันมาตอบคำถามชายหนุ่มเธอนั้นชอบเด็กๆอยู่แล้วเพราะเด็กนั้นจะแสดงออกมาทุกอย่างที่เขารู้สึกเธอจึงชอบที่จะอยู่กับเด็กๆเพราะมันทำให้เธอนั้นยิ้มได้ตลอดเวลา
“งั้นเรามามีลูกกันไหมครับ”
เอริคเห็นแววตาที่หญิงสาวตอบคำถามของเขาทำให้เขานั้นได้รู้ว่าเขานั้นเลือกคนไม่ผิดที่จะมาเป็นแม่ของลูกเธอช่างดูอ่อนโยนเหลือเกินเขาไม่รู้ว่าทำไมเวลาน้อยนิดที่เขารู้จักเธอมันทำให้เขานั้นชอบเธอได้ขนาดนี้
“คะ..”
ทานตะวันถึงกับจ้องหน้าชายหนุ่มเขม็งงงกับสิ่งที่เขาพูดออกมา
“เอ่อ...ผมพูดเล่นน่ะครับ”
เอริคเห็นท่าทางของหญิงสาวเขาจำต้องเอามือเกาหัวพร้อมบอกกับเธอว่าเขานั้นพูดเล่นเท่านั้นเพราะดูเธอจะตกใจอย่างมาก
“อืมม...ค่ะ”
ทานตะวันรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อยที่ชายหนุ่มพูดเล่นกับเธอแบบนี้เธอก็มีแอบเขินอยู่เหมือนกันถ้าเธอไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขาเธอคงจะคิดว่าเขานั้นกำลังจีบเธออยู่แน่เลย
“เราจะไปไหนกันต่อคะ”
เมื่อลงจากชิงช้าสวรรค์ตอนนี้มันก็เริ่มที่จะมืดแล้วทานตะวันเลยถามชายหนุ่มว่าเขาจะไปไหนต่อเพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะเที่ยวตรงไหนแล้วเหมือนกัน
แชะๆ
“หืมมม”
เอริคเห็นแสงแฟลชที่ค่อนข้างจะกระทบกับตาของเขาได้อย่างดีเพราะตอนนี้เริ่มมืดแล้วด้วยร่างที่สูงของเขาเลยทำให้เห็นคนที่กำลังแอบถ่ายภาพของเขาอยู่นั้นอย่างง่ายดายเขาลืมไปเสียสนิทว่าหากมาที่แบบนี้เขาควรที่จะระวังตัวในการเป็นข่าวแต่วันนี้เขานั้นมัวแต่สนใจอยู่กับหญิงสาวเพียงอย่างเดียวเลยลืมคิดเรื่องอื่น
“เราเข้าไปในนั้นดีกว่าครับ”
“เอ่อ..คุณเอสคะตะวันดื่มไม่เป็นนะคะ”
เอริคใช้มือแกร่งทั้งสองจับที่ไหล่หญิงสาวพร้อมดันตัวเธอเข้าไปในร้านที่น่าจะเป็นบาร์นั่งดื่มอยู่ข้างถนนทางเดินหญิงสาวเห็นว่าชายหนุ่มกำลังจะเข้าไปนั่งที่ไหนเธอจึงรีบบอกกับเขาว่าเธอนั้นไม่ใช่สายดื่มเพราะเธอดื่มไม่เป็น
“เอ่อ...คุณนั่งเป็นเพื่อนผมได้ไหมครับ”
เอริคหันซ้ายหันขวาและพาหญิงสาวเข้มานั่งด้านในสุดของร้านที่แสงมันค่อนข้างสลัวเขารู้ว่าเธอม่าจะดื่มแต่ตอนนี้เขานั้นขอหลบอยู่ในนี้ก่อนก็แล้วกันในเมื่อมันไม่มีที่อื่นที่ดูปลอดภัยเท่าที่นี่แล้วเขาจึงต้องเสียมารยาทโดยการให้หญิงสาวนั่งเป็นเพื่อนตอนที่เขาดื่มนั่นเอง
“ถ้าจะให้ตะวันนั่งเป็นเพื่อนก็โอเคค่ะ”
ทานตะวันเห็นว่าถ้าชายหนุ่มนั้นอยากที่จะดื่มเธอก็นั่งเป็นเพื่อนได้ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วแต่อย่ามาบังคับให้เธอดื่มด้วยเป็นพอ
ตอนนี้เอริคส่งข้อความบอกกับลูคัสให้จัดการเรื่องนี้ให้เขาโดยด่วนเพราะว่าตอนนี้เขาอยากออกไปจากที่นี่แย่แล้วเอริคสั่งเบียร์เย็นๆมาดื่มเพียงขวดสองขวดเพื่อรอเวลาให้ลูกน้องของเขาจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเพื่อที่เขาจะได้พาหญิงสาวกลับเสียที“คุณเอสไหวไหมคะ”ทานตะวันเห็นท่าทางของชายหนุ่มมีท่าทีที่เหมือนจะเมามากแต่เธอเองเห็นเขานั้นดื่มไปแค่เบียร์ขวดสองขวดเองหญิงสาวคิดในใจว่าหรือชายหนุ่มนั้นจะเป็นคนคออ่อนก็เป็นได้ตอนนี้ทานตะวันประคองชายหนุ่มเข้ามาในบ้านของเขาเธอพยุงตัวชายหนุ่มที่ดูจะใหญ่กว่าเธอหลายเท่ามาวางที่เตียงของเขาแล้วยืนสูดหายใจให้คลายเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งจึงหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับชายหนุ่มตอนนี้ชายหนุ่มหลับตาพริ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์แน่นอนว่าเขาไม่ได้เมาเพียงแต่อยากเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวเพียงเท่านั้นเพราะกว่าลูคัสจะส่งข้อความมาหาเขาว่าจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้วในการที่เขานั่งรอเวลาอยู่ในร้านนั้นมันทำให้เขาคิดอะไรออกนั่นเอง“อืม”เอริคที่หลับตาพริ้มอยู่นั้นเขารู้สึกว่ามีอะไรเย็นๆมาแตะที่หน้าเขารู้ว่าหญิงสาวกำลังจะเช็ดหน้าเช็ดตาให้กับเขาชายหนุ่มจึงขยับตัวเล็กน้อยแล้วแสร้งดึงมื
เมื่อลูคัสออกไปนอกห้องแล้วชายหนุ่มลุกยืนขึ้นพร้อมใช้มือตบโต๊ะทำงานเขาจนเกิดสียงดังสนั่นจนหญิงสาวที่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงหน้าของเขานั้นถึงกับสะด้งเล็กน้อยและเริ่มมีเหงื่อผุดอยู่ที่หน้าผากเพราะท่านประธานหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นเขากำลังโกรธจัดจนน่ากลัวถ้าสายตาของเขาเป็นไฟก็น่าจะเผามอดไหม้หญิงสาวตรงหน้าให้สิ้นไปแล้วเมื่อตอนเข้ามาเอริคกัดฟันถามหญิงสาวอย่างเจ็บใจเธอเป็นดีไซน์เนอร์ที่เก่งหัวไวแถมยังทำงานให้เขาได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องเขาจึงเลื่อนให้เธอได้เป็นหัวหน้าและตัดสินใจเลือกผลงานเองทั้งหมดในการจัดการสินค้าออกมาขายโดยที่ไม่ต้องผ่านเขาและรายได้ที่เขาให้เธอนั้นมันมหาศาลจนเขาเชื่อว่าเธอนั้นคงจะใช้ไม่มีวันหมดอย่างแน่นอนแต่เขานั้นไม่เข้าใจจริงๆว่าเธอมีเหตุอะไรจึงต้องหักหลังบริษัทและเขาแบบนี้“มิเชลขอโทษค่ะ..มิเชลจำเป็นต้องทำ..”มิเชลยืนสูดหายใจเข้าอยู่ครู่หนึ่งเพื่อลดความกลัวของเธอพร้อมตอบประธานหนุ่มที่ถามเธอด้วยน้ำสียงที่เรียบเฉยเธอไม่ใช่ไม่รู้สึกผิดแต่เธอนั้นจำเป็นที่ต้องทำเรื่องนี้จริงๆอย่างเลี่ยงไม่ได้เธอไม่ได้อยากหักหลังและไม่ได้ลืมบุญคุณของประธานหนุ่มแต่สถานการณ์บางอย่างมันบีบเธอนั
“เป็นยังไงบ้างลุค”เมื่อลูคัสเข้ามาหาเขาที่เพนท์เฮ้าส์ตามคำสั่งเพราะเขาอยากฟังรายงานเรื่องที่เขาให้ชายหนุ่มนั้นจัดการแทนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะเขาต้องรื้อระบบใหม่ของบริษัทเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทุจริตแบบนี้ขึ้นอีก“มีคนมาประกันตัวเธอออกไปครับคุณเอส”ลูคัสรายงานเจ้านายหนุ่มของเขาตามที่เขานั้นได้รับเรื่องมาอีกทีหนึ่ง“หึ่!!...คิดแล้วไม่มีผิด”เอริคคิดแล้วว่าจะต้องมีคนมาช่วยเธอถึงแม้ว่าคนที่มาประกันตัวหญิงสาวจะเป็นบุคคลที่เขาไม่รู้จักแต่เขาก็รู้ว่าใครเป็นคนส่งมาเพื่อช่วยหญิงสาว“แล้วเรื่องนี้คุณเอสจะยังไงต่อครับ...เรื่องที่...เอ่อ..เรื่องมิเชล”ลูคัสเห็นว่าเจ้านายของเขานิ่งผิดปกติเพราะถ้าเขารู้แบบนี้แล้วอันที่จริงต้องสั่งให้เขาจัดการอะไรสักอย่างโดยไม่ต้องรอให้เขานั้นถามออกไปแต่นี่มันไม่ใช่“ฉันจะถอนแจ้งความ...”เอริคมองไปที่ลูคัสพร้อมบอกกับลูกน้องเขาเป็นแนวคำสั่งว่าให้ชายหนุ่มนั้นจัดการเรื่องอะไรต่อไป“เธอไม่น่าตกเป็นเหยื่อของคนพวกนั้นเลย”ลูคัสพูดออกมาเบาๆพร้อมหลบสายตาลงเขาดีใจที่เจ้านายของเขายังเห็นใจหญิงสาวอยู่บ้างเพราะเรื่องที่เขารู้มาพร้อมๆกับเจ้านายหนุ่มของเขาไม่นานมานี้ก็คือครอบ
วันต่อมา19.00 น.ก๊อกๆๆ“คุณเอสอยู่ไหมคะ”เป็นเวลาสองสามวันแล้วที่ทานตะวันนั้นไม่ได้เจอกับเอริคเธอเพียงอยากที่บอกกับเขาว่าเรื่องคืนนั้นเธอไม่ได้ถือสาอะไรเขาแล้วและอยากที่จะขอบคุณเขาอย่างมากที่ช่วยเหลือเธอมาโดยตลอดอีกทั้งตอนนี้เธอก็ยังเซ็นสัญญากับบริษัทของแบรนด์ดังที่ได้ความช่วยเหลือจากเขาแล้วด้วยแปลกที่ตอนนี้เธออยากให้เขานั้นรับรู้เป็นคนแรกว่าเธอดีใจมากแค่ไหนแต่กลับไม่เจอเขาเสียอย่างนั้นเธอพยายามติดต่อเขาไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ติดต่อไม่ได้หญิงสาวจึงให้กำลังใจตัวเองว่าตอนนี้เขาอาจจะรับงานสืบเรื่องอะไรอยู่ก็เป็นได้จึงทำให้เธอนั้นติดต่อเขาได้ยากนั่นเอง“คุณตะวัน”“อ้าวคุณวิลล์มาที่นี่ได้ไงคะ”ตะวันได้ยินเสียงของผู้ชายด้านหลังเรียกชื่อเธอเมื่อหันไปก็เห็นว่าเป็นวิลล์เพื่อนชายที่เธอพึ่งจะรู้จักโดยบังเอิญได้ไม่นานแต่ก็คุยกันถูกคอเพราะเป็นคนที่ชอบเรื่องผ้าเหมือนกันอีกทั้งยังไม่คิดว่าเขาจะมาหาเธอที่นี่“ก็คุณตะวันเป็นคนบอกผมเองนี่ครับว่าคุณอยู่ที่นี่”วิลล์ยิ้มเล็กน้อยพร้อมหอบของพลุงพลังออกมาจากรถและบอกว่าหญิงสาวเป็นคนบอกกับเขาเองว่าเธออยู่ที่นี่“อ๋อ...ใช่จริงด้วยตะวันลืมไปเลยค่ะ...คุณวิลล์มีธ
“นี่ครับ...คุณเอริค มาติเนส..ชื่อเค้าคล้ายเพื่อนคุณเลยนะครับผลงานของแบรนด์นี้ผู้คนทั่วโลกต่างก็รู้จักเพราะฝีมือการบริหารงานของเค้าเลยนะครับคุณโชคดีมากเลยที่ได้มาทำงานที่นี่เสียดายคุณน่าจะเจอผมก่อนไม่อย่างนั้นผมคงชวนคุณมาทำงานที่บริษัทผมแน่”วิลล์เห็นหญิงสาวจ้องมือถือด้วยสีหน้าและอาการที่ตกใจเล็กน้อยแต่เธอยังนิ่งอยู่เขาจึงค่อยๆอธิบายว่าคนในรูปเป็นใครเก่งแค่ไหนและยังไม่ลืมที่จะย้ำว่าชื่อเหมือนเพื่อนที่อยู่ข้างบ้านของเธออีกและสิ่งที่เขาเสียดายจริงๆก็คือเขาน่าจะเจอเธอก่อนเอริคนั่นเอง“อ๋อ...ค่ะ...เหมือนเพื่อนตะวันจริงๆด้วย”ทานตะวันค่อยๆส่งมือถือคืนชายหนุ่มด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อยเธอพยายามข่มไม่ให้น้ำตาของเธอนั้นไหลลงมาเพราะที่ผ่านมาทั้งหมดเธอเหมือนโดนคนที่เธอไว้ใจปั่นหัวเล่นเหมือนเธอเป็นตัวตลกนั่นเองเธอไม่เข้าใจว่าเขานั้นต้องการอะไรจากเธอกันแน่เขาดีกับเธอทุกอย่างแต่นั่นมันก็แฝงด้วยกาหลอกลวงเธออยู่ทุกอย่างเหมือนกัน“อืมม..นี่มันก็เริ่มดึกแล้วผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับตะวัน”วิลล์เห็นสีหน้าของหญิงสาวดูไม่คอยดีสักเท่าไรเขาเองคิดว่าตอนนี้ควรจะขอตัวกลับจะดีกว่าเพราะว่าหญิงสาวอาจจะมีอะไรให้ต้อ
ทานตะวันถึงกับต้องหันไปมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่โกรธจริงจังพร้อมบอกให้ขั้นหยุดที่จะมาสั่งเธอเสียทีเธอโตแล้วเธอคิดเองได้และเขาก็ไม่ได้มีสิทธิ์มาตัดสินใจอะไรแทนเธอด้วยและตอนนี้เธอจึงพูดประชดให้เขาได้รู้ว่าเธอนั้นรู้ความจริงแล้วว่าเขานั้นเป็นใครชายหนุ่มจะได้รู้ตัวว่าเธอนั้นไม่ได้โง่ให้เขาหลอกอีกต่อไปแล้ว“ตะวัน...”เอริคถึงกับตะลึงนิ่งงันเขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะรู้เรื่องนี้เร็วขนาดนี้คงไม่พ้นฝีมือของวิลล์อีกเป็นแน่“ออกไปให้พ้นหน้าตะวัน...ตะวันหวังว่าคุณคงจะล้อเล่นกับตะวันมามากพอแล้วแต่ก็ขอบคุณเรื่องที่ผ่านมานะคะที่คุณยังอุตส่าห์ช่วยตามหาน้องสาวตะวัน...เราจะหย่ากันให้เร็วที่สุดแล้วตะวันจะกลับบ้าน”ทานตะวันเห็นว่าชายหนุ่มเถียงอะไรไม่ออกเมื่อเธอพูดสิ่งที่เธอนั้นรู้ออกมาพร้อมไล่ให้เขาไปให้พ้นหน้าเธอเพราะเธอเกลียดคนโกหกและเกลียดการที่เป็นตัวตลกในสายตาของคนอื่นแต่ก็ยังต้องขอบคุณเขาที่ไม่รู้ว่าเขาจะใช้วิธีไหนก็ตามเพื่อตามหาน้องสาวของเธอให้เธอนั้นได้รู้ว่าน้องสาวของเธอยังมีชีวิตอยู่และอยู่ที่ไหนนั่นเอง“ไม่ได้นะตะวันผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น...ผมชอบคุณเหตุผลที่ผมทำไปทั้งหมดเพราะผมอยากอยู่ใกล้คุณ”เอร
“อร้ายยยย”ปึ้กกๆๆๆ เพี๊ยะๆๆๆทานตะวันเองได้แต่ส่งเสียงแผดร้องออกมาเพราะไม่พอใจในการกระทำของเขาที่ดูท่าว่าจะไม่หยุดง่ายๆเมื่อเธอเห็นว่าเขานั้นกำลังสนใจอยู่กับการฉีกเสื้อผ้าที่ห่อหุ้มของเธออยู่นั้นหญิงสาวจึงรวบรวมกำลังจากแขนทั้งสองข้างทั้งตบตีจิกข่วนชายหนุ่ม“อื้มมมม”เมื่อมือหนาของเอริคดึงบราของหญิงสาวออกไปได้สองเต้างามก็โผล่ประจักษ์แกสายตาของเขาสองเต้ากลมกลึงที่เต็มไม้เต็มมือมันล่อตาล่อใจให้เขาอดที่จะใช้ปากดูดเม้มคลึงเล่นไม่ได้เสียจริงเมื่อเห็นดังนั้นแล้วเขาก็ไม่รีรอใช้ปากครอบคลุมยอดเต้างามดูดคลึงเล่นอย่างหิวกระหายมืออีกข้างก็ไม่ได้อยู่เฉยเขาใช้ให้มันมีประโยชน์โดยการบีบคลึงเล่นสร้างอารมณ์วาบหวามให้เขาและหญิงสาวไปในตัวอีกด้วย“อร้ายยยย...อื้มมมม”การกระทำที่ป่าเถื่อนของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกเจ็บที่หน้าอกทั้งสองจึงร้องออกมาและตามด้วยเสียงกัดปากครางเบาๆเพราะรู้สึกวาบหวามแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนหญิงสาวเตือนตัวเองว่าเธอจะเผลอใจกับคนที่จะขืนใจเธอไม่ได้เพี๊ยะเพล้งงงงงงงหญิงสาวมือของเธอจิกที่ผมของชายหนุ่มขึ้นมาให้เขาหลุดจากการดูดคลึงเล่นที่ของสงวนของเธอเสียทีและใช้มืออีกข้างฟาดไป
ตอนนี้เนื้อตัวของหญิงสาวมีแต่รอยแดงเต็มไปหมดเพราะความหวานไปทั้งตัวของหญิงสาวนั่นเองจึงทำให้ชายหนุ่มอดที่จะดูดคลึงตามเนื้อตัวของหญิงสาวไม่ได้ที่เขาทำตามอารมณ์ของเขาได้ทั้งหมดในตอนนี้เพราะหญิงสาวนั้นไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านเขาจะมีก็แต่เสียงครางเบาๆเรียกอารมณ์ให้เขานั่นเอง“ไม่ไหวแล้ว...อ้าส์”ช่องทางรักที่บีบรัดแน่นของหญิงสาวที่มันบีบรัดตัวตนของชายหนุ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆทำให้เขานั้นรู้ว่าเธอได้เสร็จสมแล้วเขาเองก็ควบคุมมันไม่ได้เหมือนกันจึงต้องปล่อยน้ำรักเข้าไปในช่องทางรักของหญิงสาวทุกหยาดหยดอย่างรวดเร็วนั่นเองทั้งที่เขานั้นก็ยังไม่หมดเรี่ยวแรงที่จะต่อกิจกรรมรักนี้ต่อ“ไม่นะ...ไอ้คนบ้า..ฮืออ”ทานตะวันที่นอนเหนื่อยหอบอยู่นั้นรู้ว่าชายหนุ่มนั้นไม่ได้ป้องกันและกำลังจะปล่อยน้ำรักของเขาเข้ามาในตัวเธอหญิงสาวจึงต้องสั่นหัวห้ามชายหนุ่มอย่างพัลวันเพราะเธอกลัวผลที่มันจะตามมาแต่มันก็ไม่ทันแล้วเธอจึงก่นด่าเขาอย่างเจ็บใจและมีน้ำตาไหลรินลงมาอีกรอบและมีสายตาจิกมองที่ชายหนุ่มอย่างโมโห“คนบ้าเหรอ...ขออีกรอบแล้วกัน”“ม่ายยย....อื้มมมม”เอริคไม่ได้สะท้านต่อคำพูดของหญิงสาวแต่อย่างใดเขาเห็นว่าเธอนั้นมีแรงท