“ค่ะ...คุณเอส”
ทานตะวันน้ำตาคลอพร้อมยื่นมือซ้ายให้ชายหนุ่มเธอพร้อมแล้วที่จะให้เขานั้นดูแลเธอไปตลอดชีวิตและเธอก็ยังมีชีวิตน้อยๆในท้องที่จะให้เขาได้ดูแลอีกด้วย
“ขอบคุณนะครับตะวัน..ผมรักคุณมากเลยรู้ไหม”
“ตะวันก็รักคุณค่ะ...แต่คุณจะดูแลแค่ตะวันคนเดียวก็คงไม่ได้”
เอริครีบสวมแหวนให้หญิงสาวพร้อมลุกขึ้นมากอดเธอเอาไว้อย่างแนบแน่นด้วยอาการดีใจทานตะวันเองก็เช่นกันเธอมีความสุขที่สุดเลยไม่คิดว่าเขาจะตามตื๊อเธอจนมีวันนี้ได้พร้อมบอกกับชายหนุ่มว่าหากเขานั้นจะดูแลเธอคนเดียวเห็นทีคงจะไม่ได้เสียแล้ว
“คุณกำลังหมายถึงอะไรผมไม่เข้าใจ”
เอริคผละกอดจากหญิงสาวพร้อมมองหน้าของเธอเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดสักเท่าไร
“นี่ค่ะ”
ทานตะวันหยิบผลการตั้งครรภ์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเธอมาให้ชายหนุ่มดูสองอันเป็นคำตอบว่าสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่กับเข้านั้นมันคืออะไร
“นี่เรากำลัง...จะมีลูกกก...ลูกเรา...เย่!!”
“55555...คุณเอสเบาๆค่ะ”
เอริคมือสั่นเล็กน้อยเมื่อหยิบผลตรวจครรภ์จากมือหญิงสาวมาดูตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าที่เธอพูดมันคืออะไรชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างภูมิใจต่อไปนี้เขาจะเป็นพ่อคนแล้วและตอนนี้เขาก็กำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้วด้วยต่อให้มีลูกสักสิบคนเขาก็ดูแลไหวอยู่แล้วขอแค่หญิงสาวมีไหวเถอะ
“เย่ๆๆ...เราจะมีลูกกันแล้ววววววว...วู้ววววววส”
ด้วยความดีใจเอริคจึงอุ้มเธอขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวแล้วพร้อมกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปชายหาดและตะโกนว่าเธอกับเขานั้นกำลังจะมีลูกกันแล้วจนทานตะวันเองต้องปรามให้ชายหนุ่มนั้นดีใจน้อยกว่านี้หน่อยเพราะเธอเริ่มกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินแล้ว
แต่หญิงสาวนั้นหารู้ไม่ว่าคนทั้งเกาะนี้เห็นทุกอย่างตั้งแต่ตอนต้นแต่แค่หลบอยู่ตามมุมมืดเท่านั้นเพราะพวกเค้าช่วยกันเตรียมจัดเซอร์ไพรซ์วันนี้ขึ้นมานั่นเองทั้งไฟทั้งซุ้มสวยๆแถมโต๊ะดินเนอที่มีอาหารน่าทานนั่นอีกล้วนเนรมิตออกมาได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเพราะทุกคนร่วมด้วยช่วยกันเพื่อเจ้านายของพวกเขานั่นเอง
เช้าวันต่อมา
ฟอดดด
“ตื่นได้แล้วครับตะวัน”
เอริคเข้าไปหอมแก้มหญิงสาวฟอดใหญ่เป็นการปลุกเธอให้ตื่นมาชมบรรยากาศยามเช้าของที่นี่
“คะ..ตะวันยังง่วงอยู่เลยค่ะ”
ทานตะวันลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีงัวเงียเพราะเธอนั้นพึ่งจะได้นอนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้เองเพราะการรบกวนของชายหนุ่มนั้นเอง
“วันนี้ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่งรับรองคุณต้องชอบแน่ๆ”
เอริคพูดไปมือไม้ก็ปัดป่ายไปตามเนื้อตัวหญิงสาวอย่างอยู่ไม่สุข
“อืมม...งั้นตะวันขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ...”
“ครับ”
ทานตะวันต้องจำใจลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปข้างนอกกับชายหนุ่มตามที่เขานั้นอยากพาเธอไปขืนเธอยังไม่ยอมตื่นดีๆมีหวังเธอไม่ได้ลุกจากเตียงเป็นแน่เมื่อดูจากอาการของชายหนุ่มแล้ว
1 ชั่วโมงต่อมา
“คุณเอสพาตะวันเดินเข้ามาในป่าทำไมคะ”
ทานตะวันเดินตามชายหนุ่มมาพักหนึ่งจนตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วแต่ก็ไม่ยักจะเห็นอะไรพิเศษนอกจากต้นไม้กับต้นไม้จึงเอ่ยถามเค้าว่าตกลงเขานั้นพาเธอมาที่นี่ทำไมกันแน่
“ดูข้างหน้าสิครับตะวัน”
เอริคหันไปมองหญิงสาวที่มีอาการเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดพร้อมเดินหลีกออกจากสายตาหญิงสาวแล้วให้เธอมองไปหาสิ่งที่อยู่ตรงหน้าว่ามันเธอจะชอบมันอย่างที่เขาคิดว่าเธอจะชอบหรือเปล่า
“โห...นี่มันเป็นป่าที่สวยมากๆเลยค่ะคุณเอส...ว้าว...เห็นแบบนี้ตะวันหายเหนื่อยเลยค่ะ”
“ผมดีใจนะที่คุณชอบ”
ทานตะวันถึงกับตาโตอ้าปากค้างเพราะภาพที่เธอเห็นตรงหน้าคือเหล่าต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งสูงตระหง่านแต่ไม่ได้รกทึบเพราะน่าจะมีคนดูแลอยู่ตามต้นไม้ก็จะมีกล้วยไม้ป่าที่หลากสีสันช่างเป็นธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์อย่างมากแถมยังมีเหล่าผีเสื้อบอนไปมาเป็นกลุ่มๆจนทำให้เธออดที่จะเดินไปดูตรงโน้นทีตรงนี้ทีไม่ได้
เอริคเห็นว่าทานตะวันมีท่าทีที่ตื่นเต้นเพราะชอบสิ่งที่เขาพาเธอมาดูเขาเองก็พลอยมีความสุขกับเธอไปด้วยเขาดีใจที่ทำให้หญิงสาวนั้นยิ้มได้ในทุกๆวัน
“กล้องครับ”
“รู้ใจตะวันที่สุดเลยขอบคุณนะคะ”
เอริคเดินถือกล้องถ่ายรูปของหญิงสาวมาให้เธอเขาเตรียมมาเพราะเขารู้ว่าเธอต้องอยากเก็บภาพที่นี่ไว้เป็นแน่ทานตะวันรับกล้องจากชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งเธอรู้สึกขอบคุณชายหนุ่มที่ไม่ลืมที่จะใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้แสดงว่าเขานั้นรู้ใจเธอว่าเธอจะต้องอยากที่จะเก็บภาพที่นี่ไว้นั่นเอง
20.00 น.
“นมอุ่นๆสำหรับคุณแม่คนสวยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“นั่งทำงานอีกแล้วผมพาคุณมาพักนะครับไม่ใช่มาทำงาน”
เอริคเห็นว่าหญิงสาวกำลังนั่งจ้องอยู่กับหน้าโน๊ตบุ๊คเพื่อทำงานอีกแล้วเขาจึงบอกกับเธอด้วยความเป็นห่วงว่าเขาให้เธอมาที่นี่เพื่อพักผ่อนและเธอก็ควรที่จะวางมือจากงานก่อน
“คือตะวันนึกไอเดียออกพอดีค่ะก็เลยอยากจะลองร่างเอาไว้..คุณเอสว่ามันโอเคไหมคะ”
ทานตะวันคิดไอเดียออกเธอก็เลยอยากที่จะร่างมันเอาไว้เสียตอนนี้และแบบที่เธอร่างออกมาก็เป็นที่น่าพอใจของเธอด้วยหญิงสาวเลยเรียกให้ชายหนุ่มนั้นดูผลงานที่เธอทำออกมาว่ามันโอเคไหมเพราะใจเธอตอนนี้เห็นว่ามันดีแล้วแต่อยากขอความเห็นจากเจ้าของแบรนด์เท่านั้นเอง
“ไหนขอดูฝีมือคุณหน่อย...หืมม...เป็นอะไรที่ค่อนข้างฉีกไปจากแบบเดิมนะแต่ผมว่ามันโอเคมากเลยอย่าบอกนะว่าได้ไอเดียมาจากดอกไม้กับผีเสื้อ”
เอริคยืนมองดูผลงานของหญิงสาวเขาเลื่อนดูแต่ละภาพชุดแต่ละชุดที่หญิงสาวออกแบบนั้นมันฉีกจากคอนเซปของแบรนด์นิดหน่อยแต่ยังคงแพทเทิลความหรูแบบฉบับเดิมของแบรนด์ไว้อยู่แตกต่างจากเดิมก็ตรงสีสันและลายผ้าเท่านั้นเองที่ดูจะจับกลุ่มเด็กวัยรุ่นเข้าไปด้วยเพราะแบบเดิมเสื้อผ้าของแบรนด์เขาสวยมากคนที่ใส่จะเป็นวัยทำงานนั่นเอง
ชายหนุ่มพอจะเดาออกว่าไอ้สีสันที่หลากหลายของลายผ้านี้เธอคงจะได้ไอเดียมาจากสิ่งที่เขาพาเธอไปดูวันนี้เป็นแน่แต่โดยรวมถือว่าเขาชอบอย่างมากและเขาคิดว่าหากนำเสนอบนบอร์ดประชุมทุกคนต้องเห็นด้วยในเสื้อผ้าคอลเลคชั่นที่หญิงสาวออกแบบเป็นแน่“ค่ะ...พวกเค้าช่วยตะวันได้ไอเดียเยอะเลยค่ะ”ทานตะวันหันมายิ้มให้ชายหนุ่มที่เขารู้ทันเธอว่าได้ไอเดียมาจากไหนเธอหวังว่านี่มันจะเป็นมิติใหม่ของแบรนด์ที่จะจับกลุ่มการตลาดแบบไหม่ที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นผลดีต่อแบรนด์อีกด้วย“แต่ว่าผมอยากให้ตะวันพักจากการทำงานทั้งหมดแล้วเอาเวลาดูแลครรภ์ดีกว่าเนอะเรื่องต่อจากนี้เดี๋ยวผมกับทีมจะจัดการเอง”เอริคเห็นว่าตอนนี้หญิงสาวตั้งท้องอ่อนๆเขาไม่อยากให้เธอทำงานอะไรทั้งสิ้นถ้าเธอออกแบบเสร็จแล้วต่อไปเขาจะเป็นคนสานต่อเรื่องนี้เองเพราะเขาอยากให้เธอได้พักเอาเวลาดูแลตัวเองกับลูกที่อยู่ในท้องจะดีกว่า“อืมม...แต่ตะวันอยากลงมืองานนี้ด้วยตัวเองนะคะ..นะคะคุณเอสไม่อย่างนั้นตะวันคงเครียดแย่”ทานตะวันหน้าบูดขึ้นทันทีเธอคิดไว้แล้วว่าชายหนุ่มต้องห้ามเธอทำงานแน่นอนรู้แบบนี้เธอค่อยบอกกับเขาเรื่องลูกดีกว่าหญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มเป็นห่วงแต่เธอเองรู้ว่าเธอทำ
3 เดือนต่อมา01.00 น.“โอ้ะ..โอ้ยย..คุณเอสคะ...”ทานตะวันรู้สึกเจ็บท้องขึ้นมากะทันหันเอรู้ว่านี่น่าจะเป็นอาการของคนเจ็บท้องคลอดเพราะเธอได้เข้ารับการอบรมกับคุณหมอและพยาบาลมาแล้วหญิงสาวพยายามหายใจเข้าออกลึกๆพร้อมเรียกชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ข้างๆเธอให้รู้สึกตัว“อือ...อืม...เป็นอะไรครับตะวัน”เอริคยังมีอาการงัวเงียจากการปลุกของหญิงสาวพร้อมหันมาถามเธอว่าเป็นอะไรหรือเปล่าถึงได้ปลุกเขากลางึกแบบนี้“ตะวันเจ็บท้องค่ะ”“ฮะ...!!”เมื่อได้ยินว่าหญิงสาวบอกกว่าเจ็บท้องชายหนุ่มที่กำลังมีตาสะลึมสะลืออยู่นั้นกลับเบิกตาโพรงพร้อมพาหญิงสาวไปส่งโรงพยาบาลทันทีตอนนี้อาการง่วงนอนหายไปหมดเหลือแต่อาการตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าลูกแล้วนั่นเองโรงพยาบาลXXXลูคัสใช้เวลาขับรถไม่นานก็พาทั้งสองมาถึงโรงพยาบาลเมื่อมาถึงแล้วพยาบาลกพาหญิงสาวไปตรวจที่ด้านในทันทีว่าตอนนี้ปากมดลูกนั้นเปิดกี่เซ็นแล้วและเธอนั้นพร้อมที่จะคลอดเองหรือเปล่า10 นาทีผ่านไป“ตอนนี้ภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้างครับหมอ”เอริครีบเดินเข้าไปคุยกับหมอที่พึ่งเดินออกมาจากห้องตรวจหญิงสาวเขาอยากรู้ว่าอาการของเธอตอนนี้นั้นเป็นอย่างไรบ้างและเธอนั้นพร้อมคลอดแล้วหรือยัง
“มิเชล”วิลล์เปิดซองเอกสารตรงหน้าดูว่าฮานนั้นเอาอะไรมาวางไว้ให้เขาแล้วก็ไปเมื่อเปิดดูข้างในซองปรากฏว่าข้างในมีรูปถ่ายของหญิงสาวตอนที่อยู่โรงพยาบาลตอนที่เธอตรวจครรภ์และรูปอัลตร้าซาวด์ลูกในท้องของหญิงสาวอีกด้วยจากเอกสารที่เขาได้อ่านตอนนี้หญิงสาวก็ท้องได้ประมาณหกเดือนแล้วชายหนุ่มนั่งอึ้งอยู่พักใหญ่เขาไม่ยักรู้ว่าฮานนั้นไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหนแต่ตอนนี้เขารู้สึกขอบคุณลูกน้องของเขาอย่างมากที่วันนี้ทำให้เขานั้นเขาได้รับข่าวดีที่สุดในตอนนี้เลยเช้าวันต่อมา“ฮานวันนี้ฉันไม่เข้าบริษัทนายจัดการงานแทนฉันด้วย”“ครับนาย...โชคดีนะครับ”“ขอบใจนายมากเรื่องเมื่อคืน”“ครับ”วิลล์ยกกระเป๋าใบใหญ่ออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าพร้อมบอกกับลูกน้องของให้ดูแลงานแทนเพราะวันนี้เขาต้องไปจัดการธุระส่วนตัวของเขาให้เรียบร้อยอีกทั้งยังไม่ลืมที่จะขอบคุณฮานจากการที่เก็บข้อมูลดีๆไว้ให้เขานั่นเองตัวของฮานเองก็ดีใจกับเจ้านายของเขาที่เริ่มทำตามใจของตัวเองเสียทีเพราะเขาคิดว่ายังไงเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วการที่ทั้งสองคนได้คุยกันมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้บ้านพักมิเชลเดินออกมาจากห้องเพื่อที่จะมาดื่มนมบำรุงครรภ์ของเธอในตอนเช้าหญิง
“อืมม...ตอนนี้ผมให้ฮานดูแลแทนอยู่”วิลล์ไม่อยากจะคิดเรื่องงานอะไรทั้งนั้นเมื่ออยู่กับหญิงสาวเขายอมรับในสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นได้แล้วหากวันหนึ่งกิจการเขาๆไปไม่รอดก็ไม่เป็นไรเมื่อมีกิจการใหญ่แล้วมันไม่ประสบผลสำเร็จเขาเองคิดไว้ว่าจะหันมาทำอะไรเล็กๆแทนก็ได้ขอแค่มีหญิงสาวและลุกอยู่เคียงข้างกันก็พอแล้ว“แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปคะ”“ก็ต้องประคองไปก่อนเพราะยอดขายสินค้าตัวใหม่ยังไม่มีกำไรเลย”“มิเชลคิดว่าคุณน่าจะลองเปลี่ยนคอยเซปใหม่เป็นเสื้อผ้าสำหรับลูกค้ากลุ่มใหม่อย่างที่มาติเนสลองทำดูสิคะ”มิเชลคิดว่าแบรนด์เสื้อผ้าในเครือของมอแกนออกแบบเสื้อผ้าค่อนข้างที่จะจับกลุ่มลูกค้าแบบเดิมเธอเองคิดอยากจะบอกกับเขาหลายครั้งแล้วแต่ติดตรงที่เธอนั้นคิดว่าชายหนุ่มอาจจะไม่รับฟังเธอแต่วันนี้เธอจำต้องลองเสนอแนวทางนี้ให้กับชายหนุ่มดูมันอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็ได้เพราะจากข่าวคราวของแบรนด์เสื้อผ้าในเครือมาติเนสของเอริคที่เปิดตัวใหม่จับกลุ่มลูกค้าใหม่ก็เป็นผลดีทีเดียวเธอเลยลองพูดให้ชายหนุ่มได้คิดตามดู“คุณจะให้ผมเลียนแบบเหรอไม่เอานะผมไม่ได้แข่งกับใครแล้ว”วิลล์ส่ายหัวให้กับความคิดของหญิงสาวทันทีเพราะเขาไม่อยากที
“...ฉันพยายามโอ๋อยู่นี่ไง...”วิลล์รู้ว่าเสียงร้องของวีน่าอาจจะทำให้อาทอร์ลูกชายของเอริคนั้นตื่นแต่จะให้เขาทำอย่างไรได้เขาทำดีที่สุดได้เท่านี้“นี่นายเลี้ยงลูกเป็นไหมของเล่นเอาไว้เล่นกับลูกเอามาไหม”เอริคเห็นว่าถ้าเด็กๆร้องก็ต้องมีของเล่นเอาไว้ปลอบเหมือนกับทานตะวันที่มักจะเตรียมติดตัวเอาไว้เพื่อหยอกล้อเล่นกับอาเทอรเวลาที่งอแงเขาเลยถามว่าวิลล์นั้นได้เอาติดมาด้วยหรือไม่เพราะมันอาจจะช่วยได้“อ่อ..เอ่อมิเชลเป็นคนเตรียมของมาฉันไม่รู้อยู่ไหน”วิลล์รู้ว่าเด็กคู่กับของเล่นแต่เขาก็ไม่รู้อีกว่ามิเชลนั้นเอาไว้ที่ไหนอันนี้เขาก็แอบเซ็งตัวเองอยู่เหมือนกัน“แง๊.ๆๆๆๆ.....แอะๆ”“วีน่าคะ...ดูของเล่นที่ลุงสิคะ...หนูเห็นไหมเอ่ย”เอริคจำต้องหยิบลูกบอลของลูกชายของเขาออกมาจากกระเป๋าและเดินมาที่หลังของวิลล์พร้อมเล่นกับเด็กหญิงที่กำลังร้องให้ซบบ่าคนเป็นพ่ออยู่เอริคใช้เสียงสองพร้อมเขย่าลูกบอลให้มีเสียงเพื่อเรียกความสนใจจากหนูน้อยซึ่งมันก็เป็นไปตามคาดหนูน้อยวีน่าหยุดร้องทันทีพร้อมทำหน้าสงสัยว่าคนตรงหน้านั้นกำลังทำอะไรอยู่“นายทำอะไรเอส”วิลล์อยากจะหลุดขำออกมาตั้งแต่ตอนที่เอริคใช้เสียงสองคุยกับลูกของเขาแต่เขานั้
20.00 น.เสียงดนตรีบนแคทวอล์คดังคลออยู่ที่หน้าเวทีเหล่านายแบบนางแบบที่สวมผ้าไทยเดินโชว์บนเวทีอยู่ในเวลานี้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับคนที่เข้าชมงานการตัดเย็บผ้าไทยโดยฝีมือของหญิงสาวที่เป็นดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ของแบรนด์นี้ว่าทำออกมาได้แปลกใหม่ทันสมัยแต่ยังคงความเป็นไทยไว้ดังเดิมอย่างดีอีกด้วย“โอเคไหมครับตะวัน”คงไทยเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่จ้างหญิงสาวมาเป็นดีไซน์เนอร์เดินมาเชคงานที่หลังเวทีเพราะว่าวันนี้งานค่อนข้างยุ่งและอีกอย่างทานตะวันนั้นก็แทบจะจัดการทุกอย่างคนเดียวและอีกอย่างตอนนี้หญิงสาวก็ต้องขึ้นเดินโชว์ชุดฟินนาเล่แทนนางแบบที่มาไม่ได้อีกต่างหากเขาจึงคิดว่าต้องมาให้กำลังใจเธอหน่อย“ตะวันตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะพี่ไทย”ทานตะวันยืนสูดหายใจเข้าออกลึกๆถึงแม้ว่าเธอนั้นจะจัดเวทีเดินแบบมาแล้วหลายงานตั้งแต่มาทำงานที่นี่แต่เธอก็ไม่เคยเดินเองเสียทีจนตอนนี้เธอนั้นรู้สึกประหม่าอยู่มากเมื่อได้คุยกับชายหนุ่มทำให้เธอนั้นสบายใจขึ้นมานิดหน่อยทานตะวันและคงไทยรู้จักกันตั้งแต่ที่สมัยทานตะวันนั้นเรียนมหาลัยโดยหญิงสาวนั้นเรียนศิลปกรรมศาสตร์สาขามัณฑนศิลป์(แฟชั่นดีไซน์)ส่วนชายหนุ่มนั้นเรียนบริหารธุรกิจที่ทั
20.00 น.เป็นเวลาหลังจากเลิกงานวันสุดท้ายของหญิงสาวนานแล้วเธอกลับบ้านมาด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวหญิงสาวรู้สึกหนักอึ้งอึดอัดในหัวใจอย่างมากที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือคลายทุกข์เธอได้เลย“ฮือๆๆ...ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันนะจันทร์เจ้ารู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงเธอขนาดไหน”ทานตะวันยังนั่งกอดลูกน้องสาวของเธอร้องไห้ยังไม่หยุดเพราะว่าเป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้วที่น้องสาวเธอได้หายตัวไปเธอพยายามวิ่งเต้นแจ้งตำรวจเรื่องคดีทุกอย่างแต่ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าขึ้นมาเลยและถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้เบาะแสด้วยซ้ำว่าน้องเธอไปอยู่ที่ไหนหญิงสาวจึงคิดว่าเธอต้องใช้เงินเก็บของเธอทั้งหมดที่มีออกตามหาน้องสาวเธอเองแล้วแหละตอนนี้เธอนั่งร้องไห้ไปด้วยเก็บกระเป๋าไปด้วยเธอซื้อตั๋วเพื่อจะเดินทางไปที่อังกฤษในวันพรุ่งนี้เธอคิดว่าเป็นยังไงเป็นกันเพราะตอนนี้เธอได้ลาออกจากงานเรียบร้อยแล้วเพื่อที่จะตามหาน้องสาวของเธอได้เต็มที่ในเมื่อกฎหมายช่วยอะไรเธอไม่ได้เธอก็คงจะต้องช่วยเหลือตัวเองเพราะเธอไม่รู้ว่าในตอนนี้น้องสาวของเธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้ชีวิตของเธอเหลือเพียงแค่น้องสาวคนเดียวยังไงเธอก็ต้องตามหาคนในครอบครัวกลับมาให้ได้ให้นายเร็วที่สุ
หญิงสาวพยายามเข้าไปสอบถามพนักงานในโรงแรมว่ามีรายชื่อน้องสาวของเธอที่เคยเข้าพักที่นี่หรือไม่ก็ได้คำตอบอย่างผิดหวังกลับมาว่าไม่มีชื่อหญิงสาวเข้าพักที่นี่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีชื่อหญิงชื่อน้องสาวของเธอเข้ามาพักที่นี่เพราะว่าหลังจากที่จันทร์เจ้ามาที่อังกฤษน้องสาวของเธอบอกกับเธอเองว่าเธอนั้นพักอยู่ที่นี่แต่ในเมื่อได้รับความผิดหวังกลับมาทานตะวันก็ยังไม่ละความพยายามเธอพยายามที่จะสืบเสาะตามหาน้องสาวของเธอในเมืองนี้อยู่เพราะเธอคิดว่ายังไงเธอนั้นก็จะต้องตามหาน้องสาวของเธอให้เจอให้ได้แม้จะใช้ความพยายามมากมายแค่ไหนก็ตาม“ว้าย...ช่วยด้วยค่ะ”ในขณะที่ทานตะวันยืนคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นจู่ๆก็ได้มีผู้ชายฉกรรจ์วิ่งมาฉกกระเป๋าเธอและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วทำให้หญิงสาวตกใจอย่างมากเพราะในกระเป๋านั้นมีทั้งมือถือและเงินสดอีกมากมายที่จะทำให้เธอใช้ชีวิตที่นี่ได้อีกเป็นเดือนๆหญิงสาวเลยวิ่งตามคนที่ขโมยกระเป๋าเธออย่างไม่คิดชีวิตพร้อมร้องเรียกให้คนอื่นช่วยเป็นภาษาของคนที่นี่“หืมมม”เอริคที่กำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้ายังสบายอารมณ์อยู่นั้นเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของหญิงสาวว่าต้องค่ะต้องการความช่วยเหลือเขาจึงรีบหัน