20.00 น.
เสียงดนตรีบนแคทวอล์คดังคลออยู่ที่หน้าเวทีเหล่านายแบบนางแบบที่สวมผ้าไทยเดินโชว์บนเวทีอยู่ในเวลานี้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับคนที่เข้าชมงานการตัดเย็บผ้าไทยโดยฝีมือของหญิงสาวที่เป็นดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ของแบรนด์นี้ว่าทำออกมาได้แปลกใหม่ทันสมัยแต่ยังคงความเป็นไทยไว้ดังเดิมอย่างดีอีกด้วย
“โอเคไหมครับตะวัน”
คงไทยเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่จ้างหญิงสาวมาเป็นดีไซน์เนอร์เดินมาเชคงานที่หลังเวทีเพราะว่าวันนี้งานค่อนข้างยุ่งและอีกอย่างทานตะวันนั้นก็แทบจะจัดการทุกอย่างคนเดียวและอีกอย่างตอนนี้หญิงสาวก็ต้องขึ้นเดินโชว์ชุดฟินนาเล่แทนนางแบบที่มาไม่ได้อีกต่างหากเขาจึงคิดว่าต้องมาให้กำลังใจเธอหน่อย
“ตะวันตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะพี่ไทย”
ทานตะวันยืนสูดหายใจเข้าออกลึกๆถึงแม้ว่าเธอนั้นจะจัดเวทีเดินแบบมาแล้วหลายงานตั้งแต่มาทำงานที่นี่แต่เธอก็ไม่เคยเดินเองเสียทีจนตอนนี้เธอนั้นรู้สึกประหม่าอยู่มากเมื่อได้คุยกับชายหนุ่มทำให้เธอนั้นสบายใจขึ้นมานิดหน่อย
ทานตะวันและคงไทยรู้จักกันตั้งแต่ที่สมัยทานตะวันนั้นเรียนมหาลัยโดยหญิงสาวนั้นเรียนศิลปกรรมศาสตร์สาขามัณฑนศิลป์(แฟชั่นดีไซน์)ส่วนชายหนุ่มนั้นเรียนบริหารธุรกิจที่ทั้งสองรู้จักกันก็เพราะผ่านเพื่อนเพราะเพื่อนของเขาและเธอนั้นเป็นแฟนกันชายหนุ่มแอบมองหญิงสาวตั้งแต่ตอนเรียนแล้วและหลังจากเรียนจบทั้งคู่ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยเป็นเวลาหลายปีจนกระทั่งตอนนี้เขาได้มีโอกาสร่วมงานกับเธอและรู้ว่าสถานะตอนนี้ของเธอนั้นยังโสดเขาจึงไม่รอให้เสียโอกาสที่จะทำคะแนนกับหญิงสาวนั่นเอง
“วันนี้ตั้งใจนะครับตะวันเพราะวันนี้มีประธานใหญ่จากบริษัทต่างชาติมาร่วมดูงานในครั้งนี้ด้วยถ้างานนี้สำเร็จการดีไซน์ของตะวันเตะตาท่านประธานคนนี้ล่ะก็เราก็มีโอกาสที่จะร่วมธุรกิจกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของต่างชาติแน่ครับ”
“ตะวันจะพยายามให้เต็มที่ค่ะพี่ไทย”
“ไปเร็วถึงคิวตะวันแล้ว”
“ค่ะ”
คงไทยยืนดูหญิงสาวที่กำลังเดินแบบอยู่บนแคทวอล์คอย่างสง่างามเขาแอบคิดในใจหญิงสาวช่างเป็นมืออาชีพเสียจริงเพราะหลังเวทีตื่นเต้นแทบตายแต่เมื่อออกสู่เวทีแล้วฝีมือเธอนั้นไม่แพ้นางแบบมืออาชีพเสียเลยเธอช่างทำให้เขาได้ตกหลุมรักเธอนั้นทุกครั้งไปสิน่า
ตอนนี้ทานตะวันต้องเดินปั้นหน้ายิ้มน้อยๆและเดินเฉิดฉายบนเวทีด้วยไทยชุดฟินนาเล่เกาะอกสีทองเข้ากับรูร่างของเธออย่างสง่างามแต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้ใจของเธอนั้นเต้นจะกระเด็นออกมาจากตัวเธออยู่แล้ว
จู่ๆก็มีบางสิ่งทำให้หญิงสาวนั้นชะงักงันอยู่ครู่หนึ่งเพราะเธอนั้นรู้สึกเหมือนว่าเธอนั้นเจอคนที่เคยรู้จักที่เธอไม่ได้ยากจะเจอแต่แค่เพียงเอกระพริบตาแวบเดียวเขาคนนั้นก็หายไปแล้วหญิงสาวจึงเริ่มตั้งสติใหม่ยังไงวันนี้เธอก็ต้องทำหน้าที่ของเธอให้ดีที่สุดเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลังว่าคนที่เธอเห็นนั้นจะเป็นเขาหรือไม่แต่เมื่อคิดไปคิดมาความเป็นไปได้ที่เขาจะอยู่ที่นี่มันยากมากเหมือนกันเธอไม่รู้ว่าทำไมในใจของเธอนั้นต้องคิดว่าเป็นผู้ชายคนนั้นที่เธอไม่ได้อยากเจอด้วย
“เยี่ยมมากเลยตะวัน..ไปเปลี่ยนชุดเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน”
“ขอบคุณค่ะพี่ไทย”
วันนี้ถือว่าการจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากเพราะทั้งคนที่มาร่วมงานกับสื่อมวลชนต่างก็ให้ความสนใจกับฝีมือการออกแบบและตัดเย็บของดีไซน์เนอร์มือใหม่เป็นอย่างดีหลังจากเสร็จจากงานแล้วคงไทยก็รอหญิงสาวอยู่ที่หน้างานเพราะต้องการจะไปส่งเธอที่บ้านเพราะว่าตอนนี้มันเริ่มดึกมากแล้ว
“ลูคัสตามไปอย่าให้พวกเค้าจับสงสัยได้ล่ะ”
“ครับคุณเอส”
เอริคให้ลูกน้องของเขาตามรถคันหรูที่พึ่งขับออกไปจากโรงแรมอย่างทิ้งห่างเพื่อไม่ให้คนในรถที่เขาตามนั้นจับสังเกตได้วันนี้เขาจงใจมาดูงานที่นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เขานั้นจงใจที่จะมาที่นี่เพราะว่าเขาจะมาทวงบางสิ่งบางอย่างของเขาคืนน่ั่นเอง
“ขับรถกลับดีๆนะคะพี่ไทยขอบคุณมากนะคะที่มาส่งตะวัน”
เมื่อคงไทยมาส่งทานตะวันที่บ้านเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เอ่ยปากของคุณพร้อมจะลงจากรถทันทีแต่ก็ต้องชะงักเพราะว่ามีมือของชายหนุ่มดึงเธอเอาไว้
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่มารับนะครับ”
คงไทยเอ่ยปากขอหญิงสาวว่าจะมารับเธอในวันพรุ่งนี้เช้าถ้าเป็นไปได้เขาอยากไปรับไปส่งเธอทุกวันก็ยังได้เพราะเขาเต็มใจทำเพื่อเธออยู่แล้ว
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะพี่ไทยย้อนไปย้อนมาเสียเวลาเปล่าๆค่ะตะวันนั่งรถไปเองจะสะดวกกว่าค่ะ”
ทานตะวันพอจะดูออกว่ายหนุ่มนั้นพยายามเข้าหาเธอมากเพียงใดแต่ตอนนี้เธอนั้นมีฐานะเป็นลูกน้องของเขาและอีกอย่างเธอก็คิดกับเขาแค่พี่ชายเท่านั้นหญิงสาวปฏิเสธเขาอย่างนุ่มนวลโดยใช้เหตุผลของเส้นทางมาอ้างเพราะเธอไม่ค่อยอยากที่จะไปกลับพร้อมเจ้านายของเธอให้เป็นขี้ปากของคนในบริษัทเพราะแค่เขามีท่าทีที่สนิทสนมกับเธอเท่านี้ก็ยังทำให้มีบางกลุ่มบางพวกไม่ค่อยพอใจเธออยู่ไม่น้อยเธอจึงคิดว่าควรที่จะรักษาระยะห่างเอาไว้จะดีกว่าอีกอย่างในใจของเธอนั้นก็ยังไม่พร้อมที่จะเปิดรับใครเข้ามาด้วย
“อืม...โอเคครับงั้นพี่กลับก่อนนะครับ”
คงไทยต้องกลับไปอย่างผิดหวังเพราะเขานั้นโดนหญิงสาวปฏิเสธเป็นรอบที่หลายร้อยแล้วละมั้งแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อหญิงสาวยังไม่มีเจ้าของหัวใจเขาเองก็ยังมีสิทธิ์
ปึ้กกก
“หึ่”
เอริคที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ห่างๆเมื่อเห็นว่าหญิงสาวถึงบ้านของเธอแล้วแต่ก็ไม่ยักจะลงมาเสียทีแถมเขายังเห็นจากข้างหลังว่าหญิงสาวและชายหนุ่มบนรถยังพูดคุยจับไม้จับมือกันอีกด้วยใจจริงเขาอยากจะเดินออกไปเปิดเผยตัวตอนนี้ด้วยซ้ำแต่เขายังไม่อยากทำให้ไก่ตื่นเท่านั้นเอง
“กลับกันได้แล้วลูคัส”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาลงจากรถแล้วเข้าบ้านไปคนเดียวและชายหนุ่มก็ได้ขับรถออกไปจากตรงหน้าบ้านของหญิงสาวแล้วเขาเองก็อุ่นใจที่ชายหนุ่มไม่ได้ตามหญิงสาวเข้าบ้านไปด้วยไม่อย่างนั้นเขาจะต้องอกแตกตายแน่เมื่อโล่งใจว่าหญิงสาวอยู่ในบ้านของเธอคนเดียวแล้วเขาจึงเตรียมตัวกลับทันทีและเข้านั้นคิดว่าอีกไม่นานเขาจะต้องได้สิ่งที่มันเป็นของเขากลับคืนอย่างแน่นอนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
20.00 น.เป็นเวลาหลังจากเลิกงานวันสุดท้ายของหญิงสาวนานแล้วเธอกลับบ้านมาด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวหญิงสาวรู้สึกหนักอึ้งอึดอัดในหัวใจอย่างมากที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือคลายทุกข์เธอได้เลย“ฮือๆๆ...ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนกันนะจันทร์เจ้ารู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงเธอขนาดไหน”ทานตะวันยังนั่งกอดลูกน้องสาวของเธอร้องไห้ยังไม่หยุดเพราะว่าเป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้วที่น้องสาวเธอได้หายตัวไปเธอพยายามวิ่งเต้นแจ้งตำรวจเรื่องคดีทุกอย่างแต่ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าขึ้นมาเลยและถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้เบาะแสด้วยซ้ำว่าน้องเธอไปอยู่ที่ไหนหญิงสาวจึงคิดว่าเธอต้องใช้เงินเก็บของเธอทั้งหมดที่มีออกตามหาน้องสาวเธอเองแล้วแหละตอนนี้เธอนั่งร้องไห้ไปด้วยเก็บกระเป๋าไปด้วยเธอซื้อตั๋วเพื่อจะเดินทางไปที่อังกฤษในวันพรุ่งนี้เธอคิดว่าเป็นยังไงเป็นกันเพราะตอนนี้เธอได้ลาออกจากงานเรียบร้อยแล้วเพื่อที่จะตามหาน้องสาวของเธอได้เต็มที่ในเมื่อกฎหมายช่วยอะไรเธอไม่ได้เธอก็คงจะต้องช่วยเหลือตัวเองเพราะเธอไม่รู้ว่าในตอนนี้น้องสาวของเธอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้ชีวิตของเธอเหลือเพียงแค่น้องสาวคนเดียวยังไงเธอก็ต้องตามหาคนในครอบครัวกลับมาให้ได้ให้นายเร็วที่สุ
หญิงสาวพยายามเข้าไปสอบถามพนักงานในโรงแรมว่ามีรายชื่อน้องสาวของเธอที่เคยเข้าพักที่นี่หรือไม่ก็ได้คำตอบอย่างผิดหวังกลับมาว่าไม่มีชื่อหญิงสาวเข้าพักที่นี่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีชื่อหญิงชื่อน้องสาวของเธอเข้ามาพักที่นี่เพราะว่าหลังจากที่จันทร์เจ้ามาที่อังกฤษน้องสาวของเธอบอกกับเธอเองว่าเธอนั้นพักอยู่ที่นี่แต่ในเมื่อได้รับความผิดหวังกลับมาทานตะวันก็ยังไม่ละความพยายามเธอพยายามที่จะสืบเสาะตามหาน้องสาวของเธอในเมืองนี้อยู่เพราะเธอคิดว่ายังไงเธอนั้นก็จะต้องตามหาน้องสาวของเธอให้เจอให้ได้แม้จะใช้ความพยายามมากมายแค่ไหนก็ตาม“ว้าย...ช่วยด้วยค่ะ”ในขณะที่ทานตะวันยืนคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นจู่ๆก็ได้มีผู้ชายฉกรรจ์วิ่งมาฉกกระเป๋าเธอและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วทำให้หญิงสาวตกใจอย่างมากเพราะในกระเป๋านั้นมีทั้งมือถือและเงินสดอีกมากมายที่จะทำให้เธอใช้ชีวิตที่นี่ได้อีกเป็นเดือนๆหญิงสาวเลยวิ่งตามคนที่ขโมยกระเป๋าเธออย่างไม่คิดชีวิตพร้อมร้องเรียกให้คนอื่นช่วยเป็นภาษาของคนที่นี่“หืมมม”เอริคที่กำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้ายังสบายอารมณ์อยู่นั้นเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของหญิงสาวว่าต้องค่ะต้องการความช่วยเหลือเขาจึงรีบหัน
“ผม...จะบอกกับคุณว่าผมเป็นนักสืบและผมสามารถช่วยคุณได้”ชายหนุ่มจำต้องโกหกหญิงสาวว่าเขานั้นเป็นนักสืบเพราะว่าเขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เธอได้รู้จักนั่นเองแต่ที่เขาต้องโกหกกับเธอว่าเป็นนักสืบเพราะว่าเขาอยากช่วยเธอจริงๆเพราะการบอกกับเธอว่าเขาเป็นนักสืบมันคงทำให้เธอมั่นใจได้ว่าเขานั้นสามารถหาน้องสาวของเธอได้จริงๆ“จริงเหรอคะงั้นคุณคุณก็ต้องช่วยฉันได้แน่ๆคุณเป็นคนที่นี่คุณต้องการค่าจ้างเท่าไหร่ฉันพร้อมจ่ายให้คุณค่ะขอเพียงแค่คุณตามหาน้องสาวฉันให้เจอ”ทานตะวันมีแววตาเป็นประกายและมีความหวังอย่างมากเพราะเธอรู้สึกว่าชายหนุ่มต้องช่วยเธอได้แน่ๆ“เอาแบบนี้นะครับ...ผมจะช่วยคุณเพราะผมเห็นว่าคุณเป็นคนต่างบ้านต่างเมืองผมเป็นคนพื้นที่ที่นี่อยู่แล้วผมสามารถที่จะช่วยคุณได้ง่ายๆผมไม่คิดเงินคุณก็แล้วกันแต่ว่าผมขอแค่ว่าต่อจากนี้เราเป็นเพื่อนกันนะครับ”ชายหนุ่มที่ถูกใจหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็นเขาคิดว่าการที่ใช้วิธีนี้จะทำให้เขานั้นใกล้ชิดกับหญิงสาวได้มากขึ้นค่อยๆแทรกซึมไปทีละนิดแบบไม่ให้เธอนั้นรู้ตัว“โอเคค่ะฉันจะเป็นเพื่อนกับคุณแต่ว่าให้ฉันได้ตอบแทนอะไรคุณบ้างนะคะที่คุณยอมช่วยเหลือฉัน”หญิงสาวไม่รู้จะข
“เข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าก่อน”เอริคเห็นว่าที่นี่ก็ไม่ได้มีที่ใหญ่สำหรับจะให้ลูกน้องของเขาเข้าไปหลบเพราะตอนนี้มันไม่ทันแล้วเขาเลยให้ลูกน้องของเขาเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องของเขานั่นเองเพราะการที่จะเข้าไปที่ฉันใต้ดินของที่นี่นั้นต้องใช้รหัสยุ่งยากลูคัสเองก็เข้าไปเบียดตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้าอย่างทุลักทุเลเพราะตัวของเขามันค่อนข้างที่จะใหญ่ขาที่ยาวเก้งก้างนั้นก็จัดการยากเสียเหลือเกินเพื่อไม่ให้หญิงสาวที่น่าจะเป็นคนสำคัญของเจ้านายได้รู้ว่าเขาอยู่ในนี้เขาต้องพยายามจัดการตัวเองให้ได้“ว่าไงครับตะวัน”“คือตะวันทำอาหารไทยเป็นแกงจืดน่ะค่ะเป็นอาหารไทยตะวันเลยอยากจะให้คุณเอสลองทาน”หญิงสาวยื่นกล่องอาหารให้ชายหนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานให้เขาแล้วกำลังจะหลังหลังเดินกลับบ้านพักของเธอไป“คุณจะเข้าไปคุยกับผมข้างในก่อนไหมครับ”เอริคมองหน้าหญิงสาวพร้อมทั้งใช้มืออีกข้างชี้ไปในห้องพรอมถามหญิงสาวว่าเธอจะเข้าไปคุยกับเขาข้างในหรือเปล่าเพราะเขาเองอยากมีเวลาที่จะคุยกับเธอให้นานกว่านี้“ตะวันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ”ทานตะวันยิ้มให้ชายหนุ่มพร้อมทั้งเดินออกไปทันทีเพราะเธอคิดว่าไม่อยากรบกวนเวลาของเขามากเกินไปนั่นเอ
“คือข้อเสนอของผมที่จะบอกกับคุณก็คือผมอยากให้คุณจดทะเบียนสมรสกับผมครับเพื่อที่จะให้การเป็นอยู่ชีวิตที่นี่ง่ายขึ้น"ชายหนุ่มพูดพร้อมมองไปที่ใบหน้าของหญิงสาวตอนนี้เขาสังเกตได้ว่าสีหน้าหญิงสาวมีอาการที่อึ้งเล็กน้อยและคิดหนักอย่างเห็นได้ชัดแถมยังตกใจกับคำที่เขาพูดอย่างมากอีกด้วยก็ไม่แปลกที่เธอตกใจเพราะว่าเจอเธอเจอกับเขาได้ไม่ดีวันเขากลับจะมาให้เธอจดทะเบียนกับเราเสียอย่างนั้นเป็นคนอื่นก็คงจะตกใจประมาณนี้แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นเขาคิดได้เพียงวิธีเดียวในตอนนี้ที่จะรั้งเธอเอาไว้ก็คือให้เธอจดทะเบียนกับเขานั่นเอง“อันที่จริงมันก็..อืมม..ตะวันขอคิดดูอีกนิดนะคะคุณเอส”หญิงสาวพูดติดขัดเล็กน้อยเพราะเธอยังสับสนเรื่องที่อยู่ในใจที่จริงที่เขาพูดมันก็ถูกถ้าจะให้เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างอิสระก็คือจะต้องเป็นประชาชนของคนที่นี่ซึ่งมีวิธีเดียวก็คือจะต้องแต่งงานกับคนที่ภูมิลำเนาอยู่ที่นี่เพราะว่าเธอก็ไม่ได้มีญาติอยู่ที่นี่เลยและอีกอย่างเธอก็เป็นคนไทยแท้ด้วยถ้าจะให้ใช้ชีวิตที่นี่โดยง่ายก็คงต้องเลือกวิธีของชายหนุ่มนั่นเองเอริคกลับมาที่บ้านพักของเขาพร้อมนั่งรอหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อภาวนาในใจว่าให้หญิงสาวเห็นด้ว
“แบล็คอยู่ที่ไหน”เอริคเดินเข้ามาด้านในคนเดียวเขาถามหาน้องชายของเขากับบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าอย่างเสียงแข็งและสีหน้าที่นิ่งเฉยจนน่ากลัว“เอ่อ...”เมื่อบอดี้การ์ดหนุ่มเห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามาและกำลังถามหาเจ้านายน้อยของเขาอยู่เขาจึงลังเลและอึดอัดอย่างมากในการที่จะตอบคำถามนายใหญ่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเพราะหากจะบอกว่านายน้อยของเขาอยู่ที่ไหนก็กลัวว่าจะโดนเล่นงานเพราะขัดความสุขของนายน้อยและถ้าตอนนี้เขาไม่บอกความจริงกับนายใหญ่ว่านายน้อยของเขาอยู่ที่ไหนเขาก็อาจจะถึงขั้นหัวขาดได้เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง“ฉัน..ถาม..ว่า..แบล็ค..อยู่..ไหน..”เอริคถามย้ำบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างชัดๆพร้อมจ้องหน้าคนตรงหน้าเขม็งเพียงเพื่อเขาต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้และเป็นการบอกว่าหากคิดจะแข็งข้อกับเขามันจบไม่สวยแน่“ข้างบนห้องครับนายใหญ่”บอดี้การ์ดหนุ่มชั่งน้ำหนักอยู่ในใจว่าหากเขาจะเลือกที่จะเข้าข้างนายน้อยเขาคิดว่าการที่เข้าข้างในใหญ่นั้นจะส่งผลดีต่อเขามากกว่าเขาเลยรีบบอกกับเจ้านายหนุ่มตรงหน้าว่านายน้อยของเขาอยู่ที่ไหนทันทีเพราะเขานั้นรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตของคนตรงหน้าที่ส่งมาให้เขาอย่างรุนแรงเมื่อได้คำตอบจากบอดี้ก
“ฉันยอมแลก”เอริคจ้องที่หน้าของน้องชายของเขาสายตาอมหิตนั้นบ่งบอกว่าถ้าหากว่าน้องชายของเขาไม่ทำตามไม่ว่าอะไรเขาก็ยอมแลกแม้จะต้องผิดใจกับทานตะวันตอนนี้ก็ตามถ้ามันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ“โอเคๆ...เดี๋ยวจะจัดการให้”เบรย์เดนมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าสายตาแบบนี้ของพี่ชายเขานั้นเอาจริงทำให้เขาต้องรีบตอบตกลงพี่ชายของเขาอย่างทันทีเรื่องแค่นี้เขาจัดการให้ได้อยู่แล้วขอเพียงอย่างเดียงขอให้กระต่ายน้อยจันทร์เจ้าได้อยู่กับเขาก่อนก็พอเย็นวันต่อมาสวนสาธารณะ“ผมเห็นคุณดูเครียดๆก็เลยพามาเดินเล่นที่นี่น่ะครับ”เอริคชวนหญิงสาวมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับบ้านพักทีพวกเขาอยู่เพราะชายหนุ่มนั้นอยากจะให้หญิงสาวได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้างอีกอย่างวันนี้ก็จะเป็นวันที่ทำให้เธอยิ้มได้อีกด้วย“ขอบคุณค่ะ”ทานตะวันรู้ว่าชายหนุ่มนั้นหวังดีกับเธออันที่จริงเธอก็ไม่ได้อยากมีอาการกังวลนี้ให้คนอื่นเห็นสักเท่าไรแต่มันก็อดไม่ได้จริงๆเพราะในใจเธอมันมีแต่เรื่องมากมายเต็มไปหมด“ผมมีข่าวดีเกี่ยวกับน้องสาวของคุณมาบอก”เอริคเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครโทรมาเขายิ้มร่าและหันไปทางหญิงสาวพร้อมส่งมือถือให้หญิงสาว“จริงเหรอคะ”ทานตะวนมีท่าทางทีด
“จริงสิตะวันต้องตอบแทนคุณที่คุณช่วยตะวัน...คุณเอสต้องการอะไรบอกตะวันมาได้เลยนะคะเพราะตะวันคิดว่าตะวันจะอยู่ที่นี่อีกไม่นานก็จะกลับไทยแล้วค่ะ”ทานตะวันลืมไปเสียสนิทเพราะมัวแต่ดีใจว่าเธอนั้นต้องตอบแทนชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเธอเพราะจะให้เขาช่วยเธอฟรีๆไม่ได้อย่างน้อยก็ขอให้เขาบอกกับเธอมาว่าเขานั้นต้องการอะไรถ้าเธอทำให้เขาได้เธอก็เต็มใจที่จะทำ“อะไรนะครับ...เอ่อ..”เอริคถึงกับใจหายวาบไปไม่เป็นเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะพูดเรื่องที่จะกลับบ้านของเธอเร็วขนาดนี้“คุณเอสอยากให้ตะวันตอบแทนอะไรคะ...”ทานตะวันเห็นว่าชายหนุ่มยังมีท่าทีที่อ้ำอึ้งอยู่เธอจึงย้ำถามเขาอีกรอบเพื่อให้ชายหนุ่มนั้นบอกความต้องการของเขามา“เอ่อ...คือผมไม่รู้ว่าเรื่องที่ผมขอมันจะทำให้คุณลำบากใจไหมนะครับแต่ผมอยากให้คุณอยู่เที่ยวที่นี่เป็นเพื่อนผมอีกสักพัก”เอริคอยากจะบอกกับเธอตอนนี้ว่าเขาอยากให้เธอมาลองคบกับเขาดูจะได้ไหมจริงๆแต่มันก็ทำไม่ได้เขากลัวว่าเธอจะคิดว่าเขานั้นฉวยโอกาสกับเธอน่ะสิจึงแสร้งหาเรื่องเพื่อที่จะยื้อเวลาให้เธออยู่ที่นี่อีกสักพักก็น่าจะพอมีเวลาทำคะแนนกับเธอได้อยู่“ตะวันยินดีค่ะ...”ทานตะวันคิดว่าหากอยู่ที่นี่ต่ออีกสัก