เบื้องหลังรอยยิ้มอันแสนหวาน ซ่อนเร้นความมืดมิดที่น่าสะพรึงกลัว เมื่อความรักกลายเป็นอาวุธ และเวทมนตร์ดำเข้าครอบงำทุกสิ่ง เสน่ห์มรณะที่พันธนาการหัวใจ เมื่อความรักและความแค้นปะทะกัน เกิดเป็นเกมอันตรายที่ไม่มีใครรอด ในโลกที่ความสวยงามคือหน้ากาก ความลับดำมืดกำลังจะถูกเปิดเผย และความรักที่แท้จริงจะยังคงอยู่หรือไม่? ชัญญา เลขาสาวสวยผู้ใฝ่สูง ญาณวดี เซลล์สาวผู้หลงตัวเอง กานต์รวี สาวเลสเบี้ยนผู้แอบรัก และอาคิรา หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ ต่างต้องเผชิญหน้ากับความลับที่ซ่อนอยู่ภายในใจ เมื่อความรัก ความอิจฉาริษยา และความโลภมาบรรจบกัน พวกเขาจะต้องเลือกเส้นทางของตัวเอง และเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่ตามมา ความรักที่บิดเบี้ยว ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน และการทรยศหักหลัง เมื่อความลับถูกเปิดเผย ใครจะเป็นผู้เสียใจที่สุด? ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันเพื่อความสำเร็จ ความรักที่แท้จริงยังคงมีอยู่หรือไม่? หรือมันถูกกลืนกินไปด้วยความอิจฉาริษยาและความโลภ เมื่อความรักกลายเป็นยาพิษ ความริษยาคือดาบสองคม และเสน่ห์ยาแฝดคืออาวุธสังหาร ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังเกมการล้างแค้นอันโหดร้าย? ค้นหาคำตอบได้ในนิยาย "รัก ลวง ร้าย เสน่ห์มรณะ”
View Moreหลังจากที่พลังมืดที่เคยปกคลุมทุกชีวิตถูกทำลายลง ความสงบสุขก็กลับคืนมาอีกครั้ง กฤติน อาคิรา ธีรเทพและณัฐรินีย์ต่างหายใจโล่งขึ้น พวกเขาได้ผ่านพ้นความท้าทายและการต่อสู้อันโหดร้ายที่ทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นบรรยากาศในสวนหลังคฤหาสถ์เทวานุรักษ์นั้นชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ยามค่ำคืนที่อบอุ่นเต็มไปด้วยแสงเทียนที่ส่องสว่างรอบๆ พุ่มดอกไม้ เสียงลมพัดเบาๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ บรรยากาศในวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนอยู่ด้วยกันเพื่อฉลองการเริ่มต้นใหม่ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ดอกไม้บานสะพรั่งรอบๆ สวน มีแสงเทียนนุ่มนวลที่ถูกจุดประดับประดา สร้างบรรยากาศโรแมนติกธีรเทพมองไปที่ณัฐรินีย์อย่างอ่อนโยน ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เธอหัวเราะและพูดคุยกับอาคิราอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับดวงดาวธีรเทพรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเธอ หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ยากลำบากเขารู้ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ความรักที่เ
เงาแห่งความสูญหายณัฐภัทรเดินเข้ามาในหอสมุดเทวานุรักษ์ด้วยท่าทางเร่งรีบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน ขณะที่ก้าวเข้าไปในโถงทางเดิน หัวของเขาก็หมุนวนไปกับความคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเดินมาถึงห้องประชุมเล็กที่เขามักจะมาพูดคุยกับกฤติน เขาก็หยุดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง กฤติน อาคิรา ธีรเทพ และณัฐรินีย์ ต่างกำลังนั่งทำงานอยู่ในส่วนของตนเอง บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงแผ่วเบาจากการพลิกกระดาษและพิมพ์แป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ ทุกคนดูเหมือนจะมีสมาธิในงานที่ทำ จนกระทั่งณัฐภัทรก้าวเข้ามาในห้อง“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ณัฐภัทรพูดเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเร่งด่วนในน้ำเสียง ทุกสายตาในห้องหันมามองเขาในทันทีอาคิราส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา“คุณภัทร เชิญนั่งค่ะ” เธอเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร พร้อมดึงเก้าอี้ให้เขานั่งลงตรงข้ามกับกฤตินกฤตินสังเกตถึงท่าทางที่ไม่ปกติของณัฐภัทร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยความสนใจณัฐภัทรนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อน
ชัญญาเดินวนไปมาภายในห้อง ความเงียบภายในห้องใหญ่ทำให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งน่ากังวลมากขึ้น ทุกเสียงฝีเท้าที่เธอเดินสะท้อนกลับมาเหมือนเสียงกระทบจากความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอพยายามติดต่อหมอผียงซานหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แม้แต่ข้อความหรือตอบกลับก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบสงัดเหมือนคนที่หายไปในอากาศ ความกังวลเริ่มเกาะกินหัวใจของเธอ ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเริ่มถาโถมเข้ามาแต่สิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากกว่าการหายตัวไปของยงซาน คือเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้นกับเธอทุกคืน เหตุการณ์ที่เธอไม่อาจอธิบายได้ทุกคืน เมื่อเธอล้มตัวลงนอนในห้องนอนที่กว้างขวางและโดดเดี่ยว เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ เธอ สัมผัสที่ลึกลับและอ่อนโยนเริ่มเข้ามาลูบไล้ร่างกายของเธอ ค่อยๆ แตะต้องเหมือนลมหายใจเบาๆ ที่คอยกระซิบข้างหู ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความรู้สึกเสียวซ่านและหวานหวามไหลเวียนไปทั่วร่างกาย เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปตามผิวเนื้อของเธอในช่วงแรก ชัญญาพยายามจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ เธอคิดว่ามันอาจเป็นเพียงภาพหลอนจากควา
อาคิรายืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ด้านหน้าของหอสมุด ความเงียบของยามค่ำคืนไม่ได้ช่วยให้เธอสงบลงได้แม้แต่น้อยหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากกฤตินว่าเขากำลังจะกลับมาถึงในไม่ช้าหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล เธออดคิดไม่ได้ว่าการต่อสู้ที่เขาเผชิญหน้ามาจะเป็นอย่างไร และเขาบาดเจ็บมากแค่ไหนไไม่นานนัก เธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าหอสมุด กฤตินดูเหนื่อยล้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแม้ว่าเขาจะพยายามเดินอย่างมั่นคง แต่ความอ่อนล้าก็ปกคลุมอยู่บนใบหน้า อาคิราไม่รอช้า เธอวิ่งตรงไปหาเขาโดยไม่คิดอะไร โผเข้ากอดเขาแน่นทันที“ฉันกลับมาแล้ว”กฤตินยิ้มบางๆ ก่อนจะทิ้งกระเป๋าลงกับพื้นแล้วรับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน อ้อมกอดของเธอให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบโยน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าเพียงใด แต่การได้กลับมาหาเธอทำให้ความเจ็บปวดนั้นเบาบางลงไปในทันทีอาคิรากอดเขาแน่น ราวกับไม่ต้องการให้เขาห่างไปไหนอีก“กฤต...” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก แต่ทันใดนั้น กฤตินก็ครางออกมาเบาๆ“โอ๊ย...เบาหน่อยสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดที่พยายามเก็บไว้อาคิรารีบผละออกจากเขาทันที เธอ
หลังจากที่พลังมืดของยงซานถูกทำลายลง เหลือเพียงร่างกายของเขาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ ยงซานมองไปที่กฤตินด้วยสายตาอาฆาตและความโกรธ แม้พลังมืดที่เคยครอบครองจะหายไปหมด แต่ร่างกายของยงซานยังแข็งแกร่งจากการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีกฤตินยกดาบขึ้นพร้อมจะจบการต่อสู้นี้ แต่ยงซานไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขารู้ว่าการใช้เพียงกายภาพอาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดได้ ยงซานพุ่งเข้าหากฤตินอย่างรวดเร็ว กฤตินยกดาบขึ้นป้องกัน หมัดของยงซานกระแทกเข้ากับดาบเสียงดังสนั่น แรงนั้นทำให้กฤตินถอยหลังไปเล็กน้อยกฤตินและยงซาน ยืนประจันหน้ากันกลางลานโล่ง บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งด้วยความเงียบ ราวกับธรรมชาติหยุดนิ่งเพื่อรอคอยผลการต่อสู้ครั้งนี้กฤตินที่ผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะเป็นไอคิโด เทควันโด และวิชาการต่อสู้แขนงอื่นๆ ยืนในท่าพร้อมรับมือ เขารู้ดีว่ายงซานเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตราย แม้พลังเวทจะหมดไปแล้ว แต่ร่างกายของเขายังสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงได้ทันใดนั้น ยงซานก็พุ่งเข้าโจมตีกฤตินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หมัดแรกพุ่งตรงเข้าที่กลางลำตัวของกฤติน แต่กฤตินที่คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแบบนี้หลบได้อย่างค
หมอผีเขมร ยงซาน ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ราวกับว่าเขาคือส่วนหนึ่งของความมืดนั้นเอง ทุกย่างก้าวของเขาเงียบสงัด แต่กลับสร้างแรงกดดันที่หนักอึ้ง บรรยากาศรอบตัวพลันหนาวเย็นลงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ใบหน้าของยงซานที่ซ่อนอยู่ใต้เงาผ้าคลุมเผยออกมาเพียงบางส่วน ผิวของเขาคล้ำจากการใช้ชีวิตอยู่กับมนตร์ดำมาเนิ่นนาน ดวงตาสีดำสนิทของเขามองทะลุความมืด ลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับเป็นช่องว่างแห่งความสิ้นหวังที่ดูดกลืนทุกสิ่งที่มองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ได้สะท้อนแสงใดๆ แต่กลับเหมือนเป็นบ่อน้ำลึกที่เก็บกักความลับและความโหดเหี้ยมของโลกวิญญาณ ราวกับว่าความมืดทั้งหมดในโลกนี้ถูกกักขังอยู่ภายใน เขาสวมผ้าคลุมยาวสีดำที่พริ้วไหวตามการเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่เพราะสายลม ผ้าคลุมของเขาเหมือนมีชีวิต มันโอบรัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา ราวกับจะปกป้องนายของมันจากสิ่งใดก็ตามที่พยายามเข้ามาใกล้อักขระโบราณสีเทาหม่นถูกปักลงบนผ้าคลุมนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งมนตร์ดำที่ยงซานใช้ควบคุมวิญญาณชั่วร้าย และเหนือหัวของเขามีกลุ่มเงามืดหมุนวน วิญญาณร้ายหลายตนซ่อนตัวอยู่ในนั้น รอเพียงคำสั่งจากยงซานเพื่อปลดปล่อยความวินาศออกมา“พวกเจ้าช่างชักช้าจริง” ยงซานเอ่ยเสี
กฤตินยืนอยู่ตรงพรมแดนระหว่างไทยและเขมร สายลมอ่อนๆ พัดผ่านต้นไม้สูงในป่าทึบที่ล้อมรอบเขา เสียงใบไม้เสียดสีกันทำให้บรรยากาศรอบข้างดูเงียบสงัดและเคร่งเครียด สถานที่นี้เงียบเกินกว่าที่เขาคาดไว้ ราวกับธรรมชาติรับรู้ได้ถึงการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าข้างกายของกฤติน โซระวิญญาณเทพเจ้าที่มีรูปร่างเป็นเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน โซระดูนิ่งสงบ แต่เต็มไปด้วยความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู เขามีปีกสีดำที่ใหญ่โอบล้อมรอบตัวเล็กน้อย ราวกับเตรียมปกป้องกฤตินจากอันตรายที่กำลังจะมาถึงอีกด้านหนึ่ง อาเรีย วิญญาณเทพพิทักษ์ของอาคิรา เดินตามติดกฤตินอย่างใกล้ชิด แต่ต่างจากโซระที่เป็นเทพแห่งแสงสว่าง อาเรียคือเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายที่ทรงพลัง เธอมีพลังที่รุนแรงและดุดัน ดวงตาของเธอส่องประกายด้วยความหิวกระหายในการทำลายล้าง ใบหน้าของเธอดูแข็งแกร่งและมุ่งมั่น พร้อมที่จะบวกกับทุกสิ่งที่ขวางหน้าอาเรียไม่ใช่วิญญาณพิทักษ์ธรรมดา เธอคือเทพเจ้าที่มีพลังแห่งความมืดและการทำลายล้างอย่างแท้จริง เธอเป็นส่วนหนึ่งของอาคิรามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจัดการวิญญาณที่แข็งแกร่ง หรือปกป้องยามเธอมี
กลางคืนที่เงียบสงบในคฤหาสน์ของกฤติน กลับเต็มไปด้วยความกังวลในใจของอาคิรา เธอนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ขณะกำลังแปรงผมยาวสลวยของตัวเอง แสงไฟจากโคมเล็กๆ ส่องแสงอ่อนๆ ให้เห็นเงาสะท้อนของเธอในกระจก จิตใจของเธอกำลังหมุนวนไปกับความคิดที่ไม่อาจสงบลงได้การต่อสู้กับหมอผีเขมรอย่างยงซาน เป็นสิ่งที่เธอกังวล แม้ว่ากฤตินจะบอกให้เธอวางใจว่าเขาสามารถจัดการได้ แต่ในใจของเธอยังคงไม่สามารถปล่อยวางได้ เธอรู้ว่าการต่อสู้นี้เต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ เธอไม่อยากให้เขาไปเผชิญหน้าเพียงลำพังเสียงน้ำหยดลงจากฝักบัวในห้องน้ำข้างๆ หยุดลง กฤตินเพิ่งอาบน้ำเสร็จและนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมา ท่อนบนของเขาเปล่าเปลือย โชว์กล้ามท้องเป็นลอนสวยงาม เขาเดินเข้าไปโอบกอดเธอจากด้านหลังอย่างอ่อนโยน อ้อมแขนแข็งแรงของเขาสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับอาคิรา แม้ว่าความกังวลยังคงค้างคาอยู่ในใจเธอ“เป็นอะไร?” กฤตินจรดริมฝีปากที่ซอกหูของเธอ เสียงนุ่มนวลของเขาทำให้เธอใจเต้นแรง เธอวางแปรงผมลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วมองเงาสะท้อนของเขาในกระจก“ฉันจะไปด้วย” อาคิราพูดอย่างหนักแน่นกฤตินมองเธอในกระจก รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเ
“อึ๊..อ๊า...”เสียงหอบหายใจสะท้านก้องไปทั่วห้องที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแห่งมนตร์ดำ หมอผียงซานนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีชัญญานั่งคร่อมร่างของเขาอยู่ เธอกำลังโยกร่างกายส่วนล่างของเธอบดเบียดกับเขา“อื้ม..ดี..แรงอีกหน่อย...” หมอผียงซานพึมพำเสียงกระเส่า ใช้ฝ่ามือดันหลังของชัญญาให้แอ่นขึ้น พลางลากเรียวลิ้นไปบนยอดอกที่ชูชันของเธอ มืออีกข้างคลึงเคล้นหน้าอกของเธอ“อื้ม..อ๊ะ..เสียวจัง..” ชัญญาเสียวสะท้าน ครางกระเส่า บั้นท้ายของเธอบดขยี้และขยับเร็วขึ้น“อ๊ะ..อ๊า....”ไม่นานเสียงครางที่สุขสมของทั้งสองคนก็ดังขึ้น ชัญญาเกร็งร่างกระตุกก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคอของเขาอย่างอ่อนแรง สองแขนยังคงโอบคอของเขา“ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการกับเอกวัฒน์” หมอผียงซานกระซิบข้างหูชัญญา“.....” ชัญญาดันตัวขึ้นมองหน้าหมอผีหนุ่ม“ถ้าไม่ทำ ทุกสิ่งที่ทำมาจะสูญเปล่า” หมอผียงซานพูดเสียงเรียบ ใช้มือข้างหนึ่งปัดไรผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของเธอ“เจ้าเสียดายเขารึ?” หมอผียงซานมองนิ่ง ขณะที่มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปตามเนินอกของเธอชัญญายิ้มเยือกเย็น สายตาเย็นชาและไร้ความรู้สึกใดๆ ต่อเอกวัฒน์ คนที่เธอเคยหลงใหลและหมายปอง ตอนนี้เหลือเพียงความว่างเป
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านตึกสูงระฟ้าในกรุงเทพฯ เสียงรถราและผู้คนพลุกพล่าน เป็นสัญญาณเริ่มต้นของอีกหนึ่งวันทำงาน สำหรับชัญญา พนักงานสาวสวยฝ่ายการตลาด เช้าวันนี้เธอมีรอยยิ้มที่สดใส แฝงไว้ด้วยความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่นชัญญา เดินเข้ามาในบริษัท “Vivid Enterprise” ด้วยท่าทางสง่า เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสีแดงโดยสวมทับด้วยสูทสีดำเรียบหรู เส้นผมสลวยยาว ใบหน้าสวยคม ดวงตาเฉียบคม เธอเป็นที่หมายปองของผู้ชายในบริษัท แต่ชัญญาไม่เคยสนใจใคร เธอมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว นั่นคือการก้าวขึ้นสู่อำนาจ เป็นผู้หญิงที่เหนือกว่าใครๆภายในห้องทำงาน ชัญญาในชุดเดรสสีแดง นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอมองไปรอบๆ เห็นพนักงานคนอื่นๆ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่มีใครเก่งเท่าเธอ ชัญญารู้สึกภูมิใจในตัวเอง เธอคิดว่าเธอสมควรได้รับตำแหน่งที่สูงกว่านี้ก๊อก ก๊อก“เชิญค่ะ” ชัญญาตอบด้วยน้ำเสียงหวานใส“คุณญ่าคะ คุณเอกวัฒน์ว่างแล้วค่ะ” เลขาแจ้ง“ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ชัญญาตอบ รีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน จัดเอกสารให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องไปก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตค่ะ” ชัญญาบอกเสียงใส...
Comments