ณ บ้านพักตากอากาศริมทะเล
แสงจันทร์ส่องสว่างท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ
กานต์รวีกำลังยืนอยู่บนระเบียงบ้านพักตากอากาศ มองดูชัญญา เพื่อนสนิทสุดที่รักของเธอที่อยู่ริมทะเล
ชัญญากำลังถือขวดแก้วในมือ ซึ่งมีผีพรายที่ชื่อ “ริน”
กานต์รวีกังวลใจ เธอรู้ว่าชัญญากำลังจะใช้ผีพรายไปเล่นงานภรรยาของเอกวัฒน์
คุณเกศ กชมน ภรรยาของคุณเอกวัฒน์เป็นคนดี ไม่เคยทำร้ายใคร กานต์รวีไม่อยากให้ชัญญาทำร้ายเธอ
เธอพยายามห้ามชัญญาแล้ว แต่ชัญญาไม่ฟัง ภาพเหตุการณ์วันนี้ไหลเข้ามาในสมอง
“อย่าทำเลยนะ ญ่า”
“ทำไม?”
“มันไม่ดี” กานต์รวีไม่อยากให้คนที่เธอรักทำร้ายคนอื่น
“ถ้าฉันได้เป็นเมียคุณเอก หน้าที่การงานของเธอก็จะดีขึ้นนะ” ชัญญาเลิกคิ้วมองเพื่อน
“แต่.....”
“ไม่อยากให้ฉันเป็นเมียหลวงคุณเอกเหรอ?” ชัญญาเอียงคอมองเพื่อนสาว
“ฉัน....”
“เธอก็รู้.....” ชัญญาเดินเข้าเชยคางเพื่อนสาว
“ฉันทำแบบนี้ เพื่อตัวฉัน และเพื่อหน้าที่การงานของเธอด้วย”
ชัญญารู้จุดอ่อนของกานต์รวีดี รู้ว่ากานต์รวีรักเธอมาก ยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ แม้สิ่งนั้นจะผิดก็ตาม
“เธอจะช่วยฉันใช่มั้ย รวี” ชัญญาออดอ้อน และช้อนตามองกานต์รวี
“อื้อ ถ้าญ่าต้องการ” กานต์รวีใจอ่อนแบบนี้เสมอ
ชัญญากำลังนั่งอยู่ริมชายหาดมองแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาบนผิวน้ำ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวระยิบระยับ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่โชยมาแตะต้องตัวเธอ
“ได้เวลาแล้วสินะ”
ชัญญากำขวดแก้วในมือแน่น ขวดแก้วนั้นปิดด้วยจุกไม้สนแน่นหนา ด้านในมีเงาดำมืดสลัวๆ ลอยอยู่
ชัญญาพึมพำบทคาถาโบราณ เสียงของเธอเบาหวิว แต่ชัดเจน เต็มไปด้วยพลังอำนาจ
ทันใดนั้น ขวดแก้วก็สั่นสะเทือน เสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้นจากภายใน ชัญญารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างไหลผ่านเธอไปยังขวดแก้ว ฝาขวดแก้วค่อยๆ คลายออก เผยให้เห็นเงาดำมืดที่ค่อยๆ ขยายตัว
ผีพรายตัวหนึ่งปรากฎขึ้นต่อหน้าชัญญา ผีพรายนั้นมีรูปร่างคล้ายผู้หญิง ใบหน้าซีดขาว ดวงตาดำสนิท ผมยาวสีดำขลับ
“ริน” ชัญญายิ้มอย่างชั่วร้าย
“.....” ผีพรายตัวนั้นจ้องมองชัญญานิ่ง
“ฉันต้องการพลังของเธอ เพื่อทำลายศัตรูของฉัน”
ผีพรายก้มหน้าลงเล็กน้อย เสียงกระซิบของมันดังก้องอยู่ในหัวของชัญญา
“ข้าจะรับใช้ท่าน แต่ท่านต้องมอบวิญญาณตอบแทน”
“จงไปทำให้คนชื่อ กชมน ตายซะ วิญญาณของมันคือของตอบแทนเธอ” ชัญญายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
ผีพรายยิ้มอย่างโหดร้าย
“ข้าจะจัดการให้ท่านสมดังใจปรารถนา”
หลังจากผีพรายเอ่ยเสร็จ มันก็หายวับไปในอากาศ
ชัญญายืนมองไปยังทะเลกว้าง รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฎบนใบหน้าของเธอ
“ฉันจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ ไม่มีใครมาขวางอีกต่อไป”
ณ ห้องนอนในคอนโดมิเนียมหรู
เวลาดึกคืนวันเสาร์ แสงไฟในห้องนอนหรี่สลัว บรรยากาศเต็มไปด้วยความโรแมนติก
ญาณวดีนอนอยู่บนเตียง สวมชุดนอนบางเบา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก้องเกียรติเดินเข้ามาหาเธอ ยิ้มอย่างเจ้าชู้
“คืนนี้คุณสวยมากเลยนะ”
“ทำไม...วันนี้ถึงให้ฉันมานอนที่นี่ล่ะ”
“นวลไม่อยู่น่ะ”
“แหม...คุณนี่ นิสัยไม่ดีเลยนะ” ญาณวดีหัวเราะคิกคัก
ก้องเกียรตินั่งลงบนเตียงข้างๆ ญาณวดี เขาเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าของเธอ
“ผมคิดถึงคุณ”
“ฉันก็คิดถึงคุณเหมือนกันค่ะ”
ก้องเกียรติโน้มตัวลงมาจูบญาณวดีอย่างเร่าร้อน ญาณวดีตอบสนองเขาด้วยความรัก
การจูบของพวกเขาค่อยๆ รุนแรงขึ้น ก้องเกียรติเริ่มถอดเสื้อผ้าของญาณวดีออกทีละชิ้น ญาณวดีก็ช่วยเขาถอดเสื้อผ้าของตัวเองเช่นกัน
ในไม่ช้าพวกเขาก็เปลือยเปล่า ก้องเกียรติมองดูร่างกายของญาณวดีด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“คุณสวยมากเลย”
ก้องเกียรติเริ่มลูบไล้ร่างกายญาณวดีอย่างเร่าร้อน เธอรู้สึกขนลุกซู่
“อ๊า..ก้องคะ” ญาณวดีครางเบาๆ
ก้องเกียรติโน้มตัวลงมาจูบหน้าอกของญาณวดี เธอรู้สึกมีความสุขมาก
“ก้องคะ ฉันรักคุณ....”
“ผมก็รักคุณ ญาณวดี”
ก้องเกียรติยิ้ม เขาก้มลงจูบไล้ไปทั่วร่างกายของญาณวดี
“พร้อมไหม?”
“อื้อ...” ญาณวดีพยักหน้า
ก้องเกียรติเริ่มสอดใส่เข้าไปในตัวญาณวดี เธอร้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ก็รู้สึกมีความสุขในเวลาเดียวกัน
“อ๊ะ ก้องคะ เบา...หน่อยค่ะ”
“เดี๋ยวก็ชิน”
ก้องเกียรติสอดใส่เข้าไปจนสุด ญาณวดีรู้สึกแน่นและตึง ก้องเกียรติเริ่มขยับอย่างช้าๆ ญาณวดีมีความสุขมาก เธอเริ่มครางด้วยความพึงพอใจ ร่างกายของเธอสั่นระริก ก้องเกียรติรู้สึกมีความสุขมาก เขาเหมือนกำลังลอยอยู่บนสวรรค์
“อ๊า ก้องคะ...ฉันจะไม่ไหวแล้วค่ะ”
ก้องเกียรติขยับเร็วขึ้น ญาณวดีครางดังขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายเธอสั่นระริกจนเตียงสั่นไปด้วย
ก้องเกียรติและญาณวดีปลดปล่อยความสุขพร้อมกัน ร่างกายของพวกเขาสั่นระริกไปด้วยความพึงพอใจ
“ฉันรักคุณนะคะ”
“ผมก็รักคุณ..”
ก้องเกียรติและญาณวดีนอนกอดกันบนเตียง โดยที่ไม่รู้เลยว่า บทรักที่พวกเขาแสดงต่อกันนั้น นวลพรรณ ภรรยาของก้องเกียรติเห็นหมดแล้ว และยืนตัวแข็งอยู่ตรงประตูห้องนอนที่แง้มเอาไว้
ณ ร้านกาแฟในโรงแรมย่านใจกลางเมือง
ภายในร้านกาแฟที่บรรยากาศดูอบอุ่น แสงไฟสลัวๆ นวลพรรณ แต่งตัวอย่างเรียบง่าย กำลังนั่งจิบกาแฟลาเต้นร้อนๆ ภายในจิตใจกำลังปั่นป่วน ร้อนรน
มินตราเพื่อนสนิทของเธอ แต่งตัวเปรี้ยว หน้าตาทันสมัยนั่งอยู่ตรงกันข้าม เธอรู้ดีว่า ท่าทางของนวลพรรณดูสงบนิ่ง แต่ภายในใจคงร้อนเป็นไฟ
“มิน ฉันจะทำยังไงดี” นวลพรรณเริ่มต้นประโยคเสียงของเธอดูสั่นเครือ
“มีอะไรหรือนวล เล่ามาเลย”
“ก้อง....ก้องมีชู้” นวลพรรณสูดหายใจเข้าลึกๆ
“พูดเล่นรึเปล่า?” มินตราเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ฉันเห็นกับตา...”
“ยังไง ? เล่ามาให้หมด” มินตราถามต่อ เสียงเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
นวลพรรณเล่าเรื่องเมื่อคืนทั้งหมดให้มินตราฟัง
เมื่อคืนนวลพรรณรีบเร่งกลับจากงานเลี้ยงทางสัมคม จริงๆ แล้วเธอตั้งใจจะค้างคืนกับมินตรา แต่เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เธอจึงตัดสินใจบอกลาเพื่อน และตรงกลับคอนโดทันทีนวลพรรณกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นห้องของเธอ เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เธอก็รีบเดินไปที่ห้องและไขกุญแจเปิดประตูทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันดังออกมาจากห้องนอน เธอรู้สึกแปลกใจ เธอค่อยๆ เดินเบาๆ ไม่ให้เกิดเสียงประตูห้องนอนของเธอแง้มอยู่ นวลพรรณจึงแอบมองลอดประตูเข้าไปภาพที่เห็นทำให้เธอช็อค และตกใจมาก เมื่อเห็นสามีของเธอและญาณวดีกำลังร่วมรักกันอย่างเร่าร้อน นวลพรรณรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอแตกสลายนวลพรรณร้องไห้ออกมา เธอเอามือปิดปากไม่ให้เสียงสะอื้นรอดออกมา เธอย่องออกจากห้องอย่างรวดเร็วเมื่อคืนเธอจึงตัดสินใจค้างที่โรงแรมแทนที่จะกลับบ้าน“ไอ้เลว!! กล้าทำแบบนี้ได้ไง” มินตราโกรธมาก“ฉันไม่รู้จะทำยังไง ฉันรักก้องมาก แต่....” นวลพรรณน้ำตาคลอเบ้า“ใจเย็นๆ เธอไม่ต้องร้องไห้ เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง” มินตราจับมือเพื่อน“ฉันควรทำยังไงดี....”มินตรานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง“เธอรู้จักชู้ก้องมั้ย?” มินตราถาม“รู้จัก เธอชื่อญาณวดี แอบรักก้องมานานแล้ว” น
ณ ห้องในคอนโดในห้องคอนโดมิเนียมอันกว้างขวางของณัฐรินีย์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ อาคิรายืนหน้าเคาน์เตอร์ครัว กำลังเทกาแฟร้อนๆ ลงในแก้ว แต่สายตาของเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับกาแฟตรงหน้า เธอกลับเหม่อลอยคิดถึงกฤติน ชายหนุ่มที่เธอแอบชอบ คำพูดของเขาเมื่อวันนั้น ยังคงก้องอยู่ในหัว อาคิราไม่ทันสังเกตว่าแก้วเต็มแล้ว ทำให้กาแฟร้อนๆ ล้นออกจากแก้ว“เอ้า ล้นแล้วแม่คุ้นน”“ห๊ะ?”ณัฐรินีย์จับมือที่กำลังเทกาแฟของอาคิราไว้ได้ทัน ก่อนที่จะหกไปมากกว่านี้“อุ๊ย โทษที”“มัวเหม่ออะไรอยู่ยะ”อาคิรารีบหยิบผ้ามาเช็ดคราบกาแฟ เธอรู้สึกเก้อเขิน“แหมๆๆ ตั้งกะไปเดทวันนั้น ดูจิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัวเลยเนอะ”ณัฐรินีย์หรี่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์ และอมยิ้มล้อเลียนเพื่อนสาว“บ้า เดทเดิทอะไรกัน”อาคิราแก้เขินด้วยการถือแก้วกาแฟแล้วเดินไปนั่งที่โซฟานั่งเล่น“จ้า ไม่ได้เดท”ณัฐรินีย์หัวเราะคิกคัก พร้อมกับหอบหนังสือออกแบบประมาณ 5-6 เล่ม มาวางกองไว้ที่โต๊ะ พร้อมกับหยิบโน้ตบุ๊คมาวางไว้ข้างๆ“ทำงานเหรอ?”“อื้อ อีตาธีรเทพนั่น บอกอยากได้ภาพร่างของแบบสินค้าเร็วๆ น่ะ ฉันเลยต้องถ่างตาทำอยู่เนี่ย”“อื้อหือ แบบเยอะเลยนี่
ภายในห้องคอนโดหรูแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องผ่านหน้าต่าง ปลุกให้ธีรเทพตื่น เขาขยับตัวมองไปรอบๆ ห้องนอน แต่ไม่พบกานต์รวีธีรเทพรู้สึกงุนงง เขาลุกจากเตียงและเดินออกมาด้านนอก มองหาภรรยาของเขา พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง ติดไว้ที่ตู้เย็นเขียนว่า “สุดสัปดาห์นี้ ฉันไปกับชัญญานะคะ กลับมาวันจันทร์ค่ะ”ธีรเทพอ่านโน้ตจบ ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะหมู่นี้กานต์รวีใช้เวลากับชัญญา เพื่อนสนิทของเธอเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งกานต์รวีก็ไม่กลับมานอนที่ห้อง โดยให้เหตุผลว่า ชัญญามีปัญหา เธอจึงไปนอนเป็นเพื่อนแต่ธีรเทพก็ปล่อยผ่านไป เพราะกานต์รวีเคยเล่าให้เขาฟังว่า ชัญญาเป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญ และเขาก็เคยเจอชัญญาครั้งหนึ่ง เท่าที่เขาเห็น ชัญญาเป็นผู้หญิงสวย เก่ง ฉลาด พูดจาไพเราะ การที่กานต์รวีมีเพื่อนดีแบบนี้ เขาก็รู้สึกดีใจด้วยแต่ช่วงนี้เขารู้สึกเหมือนกานต์รวีห่างเหินไป เรื่องปกติที่เขาเคยปฏิบัติกันทุกคืน กานต์รวีก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมมีอะไรด้วย“เฮ้อ...แล้ววันหยุดแบบนี้เราจะทำอะไรดีล่ะเนี่ย”ธีรเทพถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปที่เครื่องชงกาแฟ พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นงานออกแบบสินค้าตัวใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเขาก
ณ ร้านอาหารหรูหราแสงแดดยามเย็นส่องผ่านกระจกบานใหญ่ของร้าน บวกกับแสงไฟที่สลัว ทำให้บรรยากาศภายในร้านอาหารเต็มไปด้วยความโรแมนติก มีผู้คนมากมายที่มาทานอาหาร เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของผู้คนดังทั่วร้านญาณวดีนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างสบายใจ รอก้องเกียรติที่กำลังเดินทางมาหานวลพรรณ เดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยสีหน้าเย็นชา สายตาของเธอจับจ้องไปที่ญาณวดี ที่นั่งอยู่คนเดียวตรงโต๊ะริมหน้าต่างนวลพรรณพุ่งตรงไปหาญาณวดีอย่างรวดเร็ว“วดี ในที่สุดก็เจอแก!”“คุณนวล!” ญาณวดีตกใจมาก“เธอมาทำไม?”“ฉันจะมาเอาผัวฉันคืน”“ผัวเธอ? อย่ามาตลก ก้องรักฉัน ไม่ได้รักเธอ” ญาณวดียิ้มเยาะ“รักเหรอ? ถ้ารักแล้วทำไมเขายังอยู่กับฉัน ทำไมก้องไม่ทิ้งฉันไปหาเธอ?” นวลพรรณยิ้มเหยียด“เพราะก้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว เธอคิดว่าก้องอยากอยู่กับเธอเหรอ?” ญาณวดีเอนตัวไปด้านหลัง เลิกคิ้วเป็นเชิงถามนวลพรรณ“แก...” นวลพรรณตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ“ฉันจะบอกความลับให้นะ...” ญาณวดีลุกขึ้นเดินไปหานวลพรรณ“ก้องน่ะ เขาเบื่อมีเซ็กส์กับเธอแล้ว เพราะเธอมันจืดชืด ส่วนฉันน่ะ เร่าร้อนทุกคืน เขาถึงได้ชอบมามีอะไรกั
ตัณหาราคะร้อนแรงโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ภายนอกเป็นอาคารสูงใหญ่ทันสมัย ผู้คนสัญจรไปมาอย่างรีบเร่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นตัว ผู้คนเดินเข้าออกกันขวักไขว่ภายในของโรงพยาบาลตกแต่งอย่างหรูหรา สะอาดตา พนักงานทุกคนแต่งกายสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใสบริเวณโถงกลางมีผู้ป่วยและญาติรอคิวเข้ารับการตรวจ สามารถนั่งผ่อนคลายบนโซฟานุ่มๆ มีเสียงเพลงบรรเลงเบาๆตึกผู้ป่วยหนักที่ชั้น 5 เป็นโซนที่คุณเกศ หรือคุณกชมน ภรรยาของเอกวัฒน์รักษาตัวอยู่ห้องที่คุณเกศพักเป็นห้องผู้ป่วยส่วนตัว มีขนาดกว้างขวาง สว่างไสว มีหน้าต่างขนาดใหญ่ มองเห็นวิวเมืองได้ไกลบนเตียงผู้ป่วย คุณเกศนอนหลับตาอย่างสงบอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดขาว เครื่องช่วยหายใจส่งเสียงออกมาเป็นระยะ สายยางน้ำเกลือ และจอแสดงผลสัญญาณชีพ เอกวัฒน์นั่งอยู่ข้างเตียง จับมือของเธอไว้ด้วยความเป็นห่วงบรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด ชัญญากำลังจัดแจกันดอกไม้อยู่มุมห้อง แอบมองทั้งคู่ด้วยความริษยา“นายขา ไปนอนพักผ่อนตรงโซฟาหน่อยมั้ยคะ” ชัญญาแตะแขนของเอกวัฒน์เบา“อืม..ก็ดีเหมือนกัน” เอกวัฒน์มีสีหน้าไม่สดชื่น“นายคะ ญ่าว่านายไปล้างหน้าซักหน่อยดีกว่าค่ะ จะได้สดชื่น เดี๋ยวญ่า
รอยยิ้มที่หายไปณ บ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นของธีรเทพและกานต์รวี ช่วงเวลายามเย็นหลังเลิกงาน แสงแดดที่สาดส่องเข้าไปทำให้บ้านดูสวยงามเป็นอย่างมากธีรเทพเพิ่งเลิกงานกลับมา เขาเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย ภายในบ้านที่ตกแต่งอย่างหรูหราและทันสมัยธีรเทพมองไปรอบๆ บ้านที่เต็มไปด้วยงานศิลปะและการตกแต่งภายในที่เขาเป็นผู้ดูแล เมื่อก่อนเขารู้สึกว่ามันช่างให้ความอบอุ่น และทำให้เขาอยากกลับบ้านเร็วๆ แต่วันนี้กลับไม่มีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นได้เลย“รวี อยู่ไหนครับ?”เสียงเรียกของเขาดังไปทั่วบ้าน แต่ไม่มีการตอบกลับ ธีรเทพถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เขาพบว่ากานต์รวีกำลังจดจ่ออยู่กับโน้ตบุ๊ค แสงจอคอมพิวเตอร์สว่างส่องหน้าเธอขณะที่เธอพิมพ์อะไรบางอย่างอย่างรีบเร่ง“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”“อื๊อ ก็เหมือนเดิมล่ะค่ะ” กานต์รวีเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากของสามีที่กำลังจะหอมแก้มเธอ ทำให้เขาชะงักไปธีรเทพเดินไปนั่งลงข้างๆ เธอ พยายามดึงความสนใจของเธอ“เราควรใช้เวลาด้วยกันหน่อยมั้ย? ไปทานข้าวข้างนอกกับผมนะ” ธีรเทพแตะแขนเธอกานต์รวีหยุดพิมพ์ชั่วครู่ แต่ยังคงไม่ละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ค
รอยจูบในความทรงจำยามบ่ายวันศุกร์ใกล้เลิกงาน ณัฐรินีย์นั่งอยู่ที่โต๊ะในมุมหนึ่งของคาเฟ่เล็ก ๆ ที่อยู่ในตึกของบริษัท Vivid บรรยากาศในร้านสงบเงียบ เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ลอยคลออยู่ในอากาศ ข้างๆ เธอ กลิ่นหอมของกาแฟคั่วสดใหม่ทำให้บรรยากาศยิ่งอบอุ่นยิ่งขึ้น แต่จิตใจของณัฐรินีย์กลับไม่ได้สงบตามไปด้วยเธอนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดถึงธีรเทพ หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึงเขา ภาพของเขาที่นั่งรอเธอทำมาม่าให้ทาน ภาพของรอยยิ้มที่อบอุ่น และสายตาที่มองเธอด้วยความห่วงใยยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอณัฐรินีย์คิดถึงวันที่ธีรเทพเข้ามาในชีวิตของเธอ โดยไม่ทันได้คาดคิด ความใกล้ชิดและการพูดคุยที่เป็นธรรมชาติทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่หายไปนาน ความรู้สึกที่เคยเก็บซ่อนไว้กลับมาปรากฏชัดในใจอีกครั้ง(ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้นะ?ทั้งๆ ที่เขามีภรรยาอยู่แล้ว เราควรจะตัดใจสิ...แต่มันยากเหลือเกิน)ณัฐรินีย์คิดในใจ พลางถอนหายใจเบา ๆเธอรู้ว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่หัวใจของเธอกลับไม่ยอมฟังเหตุผล ความคิดถึงและความรู้สึกหวั่นไหวที่เธอมีต่อธีรเทพทำให้เธอต้องต่อสู้กับตัวเองในทุกๆ วันณัฐรินีย์เ
สัญญาณอันตรายบ่งบอกกฤตินนั่งอยู่ในห้องอ่านหนังสือส่วนตัวภายในหอสมุด แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างสร้างบรรยากาศที่สงบเงียบและเหมาะสมสำหรับการศึกษาค้นคว้าเขาเปิดตำราเก่าแก่ที่บันทึกเรื่องราวของคุณไสยและเวทมนตร์ขาว แต่จู่ ๆ ความรู้สึกไม่สบายใจบางอย่างก็เกิดขึ้นในใจของเขา“เฮ้ เจ้ารู้สึกมั้ย?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งจู่ๆ ก็โผล่มาด้านหลัง“อื้อ” กฤตินปิดหนังสือทันที“แหม พอเป็นเรื่องของยัยเด็กนั่น เจ้ารีบร้อนทุกทีเลยนะ” เด็กหนุ่มค่อนแคะ“หนวกหูน่า โซระ”กฤตินลุกขึ้นและเดินออกจากหอสมุดไปทันทีภายในร้านอาหารไทยสไตล์ทันสมัยที่ตั้งอยู่ใกล้ออฟฟิศอาคิราและณัฐรินีย์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารริมหน้าต่าง แสงแดดยามเย็นที่ตกกระทบผ่านกระจกทำให้ภายในร้านดูอบอุ่นและเงียบสงบ คนในร้านไม่พลุกพล่านมากนัก ทำให้บรรยากาศเป็นใจสำหรับบทสนทนาที่เคร่งเครียดและสำคัญอาคิราและณัฐรินีย์นั่งตรงข้ามกัน อาหารบนโต๊ะถูกจัดเรียงอย่างน่าทาน แต่ทั้งสองคนแทบไม่ได้แตะต้อง มีเพียงถ้วยชาที่ถูกหยิบขึ้นมาจิบเป็นระยะๆอาคิรานำขวดยาเสน่ห์ที่ได้มาจากญาณวดียื่นให้ณัฐรินีย์ดู“นี่แหล่ะ ยาเสน่ห์แน่นอน”“เธอแน่ใจได้ยังไง?” ณัฐรินีย์มอง