ภายในห้องคอนโดหรู
แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องผ่านหน้าต่าง ปลุกให้ธีรเทพตื่น เขาขยับตัวมองไปรอบๆ ห้องนอน แต่ไม่พบกานต์รวี
ธีรเทพรู้สึกงุนงง เขาลุกจากเตียงและเดินออกมาด้านนอก มองหาภรรยาของเขา พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง ติดไว้ที่ตู้เย็นเขียนว่า “สุดสัปดาห์นี้ ฉันไปกับชัญญานะคะ กลับมาวันจันทร์ค่ะ”
ธีรเทพอ่านโน้ตจบ ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะหมู่นี้กานต์รวีใช้เวลากับชัญญา เพื่อนสนิทของเธอเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งกานต์รวีก็ไม่กลับมานอนที่ห้อง โดยให้เหตุผลว่า ชัญญามีปัญหา เธอจึงไปนอนเป็นเพื่อน
แต่ธีรเทพก็ปล่อยผ่านไป เพราะกานต์รวีเคยเล่าให้เขาฟังว่า ชัญญาเป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญ และเขาก็เคยเจอชัญญาครั้งหนึ่ง เท่าที่เขาเห็น ชัญญาเป็นผู้หญิงสวย เก่ง ฉลาด พูดจาไพเราะ การที่กานต์รวีมีเพื่อนดีแบบนี้ เขาก็รู้สึกดีใจด้วย
แต่ช่วงนี้เขารู้สึกเหมือนกานต์รวีห่างเหินไป เรื่องปกติที่เขาเคยปฏิบัติกันทุกคืน กานต์รวีก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมมีอะไรด้วย
“เฮ้อ...แล้ววันหยุดแบบนี้เราจะทำอะไรดีล่ะเนี่ย”
ธีรเทพถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปที่เครื่องชงกาแฟ พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นงานออกแบบสินค้าตัวใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเขาก็นึกออก เขาหยิบโทรศัพท์กดโทรหาทันที
“สวัสดีครับ คุณณัฐ” ธีรเทพทักทายหลังจากที่อีกฝ่ายรับสาย
“ตอนนี้คุณอยู่ไหน ผมอยากเห็นแบบร่างน่ะ”
เสียงปลายสายโวยวายออกมาเสียงดัง จนธีรเทพต้องเอาหูออกห่างจากโทรศัพท์
“น่า น่า ผมขอเห็นหน่อยนึงก็ยังดี นะ” ธีรเทพไม่ละความพยายาม
“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันครับ” ธีรเทพยิ้มกริ่มอารมณ์ดีหลังจากวางโทรศัพท์
“ไปเจอหน้าสาวขี้โวยวายซะหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
ธีรเทพหัวเราะกับตัวเอง ก่อนจะรีบไปอาบน้ำและแต่งตัวเพื่อออกไปข้างนอก
คลังความรู้มหาศาล
ณัฐรินีย์กำลังเดินเลือกหนังสืออยู่ภายในหอสมุดโบราณ ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่ชั้นวางหนังสือเรียงรายอยู่สองข้างทางที่เต็มไปด้วยหนังสือเก่าและใหม่มากมาย
ณัฐรินีย์รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมาก เมื่อเห็นหนังสือออกแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเรียงรายอยู่บนชั้นหนังสือ
“เชิญเลือกตามสบายเลยนะครับ คุณหนู” วิลเลียม พ่อบ้านหอสมุดนำเธอมายังโซนหนังสือออกแบบที่มีมากมายตระการตา
“ขอบคุณมากค่ะ”
ณัฐรินีย์ดีใจมาก เธอค่อยๆ เลือกหนังสือทีละเล่มที่เธอสนใจ จนหนังสือในมือของเธอมีประมาณสิบเล่ม
“ไอ ไอ ดูนี่สิ” ณัฐรินีย์ร้องเรียกอาคิราด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“อะไรเหรอ ?”
“หนังสือออกแบบสมัยโบราณ นี่ก็สมัยโกธิค นี่ก็สมัย...”
“พอๆ เห็นแล้วจ้ะ” อาคิรารีบเบรกก่อนที่ณัฐรินีย์จะพล่ามไปมากกว่านี้
“หึหึ ดูท่าคุณณัฐจะได้หนังสือมากมายเลยนะครับ”
กฤตินที่เดินเข้ามาพร้อมกับวางกาแฟลาเต้เย็นไว้ตรงหน้าณัฐรินีย์
“อุ๊ย ขอบคุณค่ะ” ณัฐรินีย์ยังไม่หายตื่นเต้น
“หนังสือเยอะแบบนี้ ฉันขอมาทำงานที่นี่ทุกเสาร์-อาทิตย์ได้มั้ยอะ” ณัฐรินีย์ถามกฤติน ดวงตาเป็นประกาย
“ยัยณัฐ!” อาคิราตีแขนเพื่อน
“ก็นะ หนังสือออกแบบเยอะแบบนี้ ฉันดูวันเดียวไม่พอหรอก ได้มั้ยคะ?”
“ได้สิครับ ถ้าไอมาด้วย” กฤตินยิ้มกริ่มพลางเหลือบมองอาคิรา
“ไอต้องมาด้วยอยู่แล้วล่ะ” ณัฐรินีย์ตะโกน
“เฮ้ย ฉันตกลงเมื่อไหร่?”
“ตอนนี้ไง” ณัฐรินีย์ยิ้มแผล่ให้เพื่อนสาว
“เดี๋ยวเหอะ!” อาคิราถลึงตามองเพื่อน
“อ๊ะ รับโทรศัพท์ก่อนนะ” เสียงโทรศัพท์ของณัฐรินีย์ดังขัดจังหวะพอดี
“ขอโทษนะที่..”
“ไม่เป็นไร เพื่อนเธอกระตือรือร้นดีนี่” กฤตินยิ้ม
“อย่ามาเร่งฉันได้มั้ยคุณ งานเพิ่งรับมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จะเร่งไปไหนกันห๊า!”
เสียงณัฐรินีย์ตะโกนโวยวายโหวกเหวก ทำให้กฤตินและอาคิราหันไปมอง
“ฉันละปวดหัวกับยัยคนนี้จริงๆ” อาคิราส่ายหน้าอ่อนใจ
“ทำไมล่ะ เพื่อนเธอจริงใจดีออก”
“บางทีก็ห่ามเกินไปน่ะสิ” อาคิราถอนหายใจ
“เออๆ อยากมาก็มา ตามใจคุณ แค่นี้นะ” ณัฐรินีย์วางโทรศัพท์ด้วยความขัดเคือง
“มีอะไรอะ?”
“ก็อีตาธีรเทพน่ะสิ ขอมาดูแบบร่างสินค้าตัวใหม่ ฉันยังทำไม่ถึงไหนเลย รีบไปไหนก็ไม่รู้” ณัฐรินีย์บ่นพึมพำไม่พอใจ
“เอ่อ คุณกฤตินคะ จะว่าอะไรมั้ย ถ้ามีคนมาเพิ่ม..”
“ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมให้คุณยืมห้องทำงานด้านซ้าย คุณจะได้มีสมาธิทำงาน” กฤตินบอก และเดินออกจากห้องไป
“ยัยณัฐ!เกรงใจเค้า” อาคิรากระซิบเบาๆ
“เกรงใจอะไร แฟนตัวเองแท้ๆ”
“ยัยณัฐ!!!”
ณัฐรินีย์ทำปากยื่นใส่ก่อนจะคว้าโน้ตบุ๊ค และหนังสือลุกขึ้นเดินตามกฤตินออกไปทันที
ธีรเทพใช้เวลาขับรถสปอร์ตสีดำหรูของเขาไม่นาน ก็เดินทางมาถึงหอสมุดโบราณที่ณัฐรินีย์ส่งพิกัดให้ทางมือถือ
เมื่อมาถึงเขาก็ตกตะลึงในความสวยงามของหอสมุดโบราณแห่งนี้ไม่ต่างจากณัฐรินีย์
“มีสถานที่แบบนี้ด้วยรึเนี่ย” ธีรเทพพึมพำเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในของหอสมุด
ทันทีที่ธีรเทพย่างก้าวเข้าในหอสมุด วิลเลียมก็เดินตรงมาหาเขาทันที และเชิญเขาไปยังห้องที่ณัฐรินีย์ทำงาน
“คุณนี่เจ๋งนะ หาสถานที่ทำงานสวยๆ แบบนี้ได้น่ะ”
ธีรเทพเอ่ยชมณัฐรินีย์ทันทีที่เห็นหน้า
“เพื่อนฉันหาให้น่ะ” ณัฐรินีย์ไม่สนใจ เธอง่วนกับการออกแบบในโน้ตบุ๊ค
“เหรอ? แล้วงานถึงไหนแล้วน่ะ?” ธีรเทพหยิบงานออกแบบที่ณัฐรินีย์วางกางไว้บนโต๊ะขึ้นมาดู
“โอ้โห อันนี้ก็ดีเลยนะ แต่แบบ...”
“มันยังไม่โดน”
“มันยังไม่โดน”
ธีรเทพและณัฐรินีย์พูดขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งคู่มองหน้ากัน ก่อนจะหัวเราะออกมา
ถึงณัฐรินีย์จะไม่ชอบขี้หน้าธีรเทพ แต่ด้วยวิธีการทำงาน และความชื่นชอบในการออกแบบ ทำให้ทั้งคู่เข้ากันได้ดี
ท่าทางของทั้งสองคน ทำให้อาคิราและกฤตินที่แอบมองอยู่รู้สึกโล่งอก ที่ไม่เกิดการทะเลาะกันขึ้น
ค่ำคืนที่ชวนวาบหวาม
การทำงานของณัฐรินีย์และธีรเทพเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งสองคนได้ไอเดียจากหนังสือออกแบบโบราณที่อยู่ภายในหอสมุด
ทั้งนี้ หอสมุดแห่งนี้มีกฎไม่ให้ยืมหนังสือโบราณที่มีอายุเกินห้าสิบปีขึ้นไปออกไปข้างนอก ทำให้ทั้งสองคนจำเป็นต้องกลับมาที่หอสมุดแห่งนี้ใหม่ในวันรุ่งขึ้น
“คุณจะกลับรึยัง เดี๋ยวผมไปส่ง” ธีรเทพถามณัฐรินีย์
“ฉันเอารถมา”
“เดี๋ยวผมไปส่งไอเองครับ” กฤตินชิงบอก
“คุณกฤตมีรถเหรอ?”
“นั่งรถเมล์ก็ได้นี่ครับ” กฤตินหัวเราะ
“งั้น...ฉันฝากไอด้วย นี่กุญแจ” ณัฐรินีย์ยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งกุญแจรถของเธอให้กฤตินทันที
“เฮ้ย ณัฐ!”
“งั้นเราไปกันเถอะ เจอกันพรุ่งนี้นะไอ”
ณัฐรินีย์โบกมือลาอาคิราอย่างร่าเริง และรีบดึงแขนธีรเทพให้เดินตามเธอไป
“เอ๊า เทกันเฉย” อาคิราบ่นอุบ
“เพื่อนเธอรู้งานดีนี่” กฤตินยักคิ้วให้อาคิรา
“ไปช่วยฉันเช็คหนังสือแปปนึง แล้วเราค่อยกลับกัน”
กฤตินส่งยิ้มหวาน อาคิรารู้ดีว่า เธอปฏิเสธเขาไม่ได้เหมือนเดิม
กฤตินพาอาคิราเข้าไปห้องทำงานส่วนตัวของเขา และให้เธอช่วยเช็คหนังสือที่เพิ่งได้มาใหม่ อาคิราเพลิดเพลินกับการเช็คหนังสือและนำไปเก็บเข้าในชั้นหนังสือ ไม่นานเธอก็ทำเสร็จ
“ขอโทษนะที่ให้อยู่ช่วยจนดึกเลย” กฤตินเก็บหนังสือเล่มสุดท้ายเข้าชั้นพอดี
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันชอบหนังสือน่ะ” อาคิรายิ้มหวานให้กฤติน
“หืม...ยิ้มให้ฉันแบบนี้ อันตรายนะ” กฤตินหรี่ตามองหญิงสาว
“เอ๊ะ?”
กฤตินดันตัวอาคิราไปจนติดชั้นหนังสือ ใบหน้าของเขาใกล้เธอเหลือเกิน หัวใจของอาคิราเต้นระรัว
“รู้มั้ย...ว่าวันนี้เธอแต่งตัวน่ารักเกินไป จนฉันอยากจะ...”
กฤตินไม่พูดเปล่า ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปตามแก้มนุ่มนิ่มของเธอ ลมหายใจอุ่นรดที่ซอกคอ มือของเขาเริ่มซุกซน อาคิราหน้าแดง ตัวสั่นเล็กน้อย กฤตินหอมแก้มเธอเบาๆ
“วันนี้พอแค่นี้ดีกว่า” กฤตินปล่อยตัวอาคิรา
“ปะ กลับกัน” กฤตินส่งมือให้อาคิรา
“รึอยากจะต่อ ?” กฤตินหัวเราะร่า
“อึก!”
“พอเลย” อาคิราพึมพำก่อนจะส่งมือให้เขา
กฤตินยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางของอาคิรา
เขาคิดว่า เขารอได้ ถ้าอาคิราพร้อม
เพราะฉะนั้น เขาไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ
เขารอมาตั้งนานแล้ว รออีกนิดจะเป็นไรไป
ณ ร้านอาหารหรูหราแสงแดดยามเย็นส่องผ่านกระจกบานใหญ่ของร้าน บวกกับแสงไฟที่สลัว ทำให้บรรยากาศภายในร้านอาหารเต็มไปด้วยความโรแมนติก มีผู้คนมากมายที่มาทานอาหาร เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของผู้คนดังทั่วร้านญาณวดีนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างสบายใจ รอก้องเกียรติที่กำลังเดินทางมาหานวลพรรณ เดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยสีหน้าเย็นชา สายตาของเธอจับจ้องไปที่ญาณวดี ที่นั่งอยู่คนเดียวตรงโต๊ะริมหน้าต่างนวลพรรณพุ่งตรงไปหาญาณวดีอย่างรวดเร็ว“วดี ในที่สุดก็เจอแก!”“คุณนวล!” ญาณวดีตกใจมาก“เธอมาทำไม?”“ฉันจะมาเอาผัวฉันคืน”“ผัวเธอ? อย่ามาตลก ก้องรักฉัน ไม่ได้รักเธอ” ญาณวดียิ้มเยาะ“รักเหรอ? ถ้ารักแล้วทำไมเขายังอยู่กับฉัน ทำไมก้องไม่ทิ้งฉันไปหาเธอ?” นวลพรรณยิ้มเหยียด“เพราะก้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว เธอคิดว่าก้องอยากอยู่กับเธอเหรอ?” ญาณวดีเอนตัวไปด้านหลัง เลิกคิ้วเป็นเชิงถามนวลพรรณ“แก...” นวลพรรณตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ“ฉันจะบอกความลับให้นะ...” ญาณวดีลุกขึ้นเดินไปหานวลพรรณ“ก้องน่ะ เขาเบื่อมีเซ็กส์กับเธอแล้ว เพราะเธอมันจืดชืด ส่วนฉันน่ะ เร่าร้อนทุกคืน เขาถึงได้ชอบมามีอะไรกั
ตัณหาราคะร้อนแรงโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ภายนอกเป็นอาคารสูงใหญ่ทันสมัย ผู้คนสัญจรไปมาอย่างรีบเร่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นตัว ผู้คนเดินเข้าออกกันขวักไขว่ภายในของโรงพยาบาลตกแต่งอย่างหรูหรา สะอาดตา พนักงานทุกคนแต่งกายสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใสบริเวณโถงกลางมีผู้ป่วยและญาติรอคิวเข้ารับการตรวจ สามารถนั่งผ่อนคลายบนโซฟานุ่มๆ มีเสียงเพลงบรรเลงเบาๆตึกผู้ป่วยหนักที่ชั้น 5 เป็นโซนที่คุณเกศ หรือคุณกชมน ภรรยาของเอกวัฒน์รักษาตัวอยู่ห้องที่คุณเกศพักเป็นห้องผู้ป่วยส่วนตัว มีขนาดกว้างขวาง สว่างไสว มีหน้าต่างขนาดใหญ่ มองเห็นวิวเมืองได้ไกลบนเตียงผู้ป่วย คุณเกศนอนหลับตาอย่างสงบอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดขาว เครื่องช่วยหายใจส่งเสียงออกมาเป็นระยะ สายยางน้ำเกลือ และจอแสดงผลสัญญาณชีพ เอกวัฒน์นั่งอยู่ข้างเตียง จับมือของเธอไว้ด้วยความเป็นห่วงบรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด ชัญญากำลังจัดแจกันดอกไม้อยู่มุมห้อง แอบมองทั้งคู่ด้วยความริษยา“นายขา ไปนอนพักผ่อนตรงโซฟาหน่อยมั้ยคะ” ชัญญาแตะแขนของเอกวัฒน์เบา“อืม..ก็ดีเหมือนกัน” เอกวัฒน์มีสีหน้าไม่สดชื่น“นายคะ ญ่าว่านายไปล้างหน้าซักหน่อยดีกว่าค่ะ จะได้สดชื่น เดี๋ยวญ่า
รอยยิ้มที่หายไปณ บ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นของธีรเทพและกานต์รวี ช่วงเวลายามเย็นหลังเลิกงาน แสงแดดที่สาดส่องเข้าไปทำให้บ้านดูสวยงามเป็นอย่างมากธีรเทพเพิ่งเลิกงานกลับมา เขาเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย ภายในบ้านที่ตกแต่งอย่างหรูหราและทันสมัยธีรเทพมองไปรอบๆ บ้านที่เต็มไปด้วยงานศิลปะและการตกแต่งภายในที่เขาเป็นผู้ดูแล เมื่อก่อนเขารู้สึกว่ามันช่างให้ความอบอุ่น และทำให้เขาอยากกลับบ้านเร็วๆ แต่วันนี้กลับไม่มีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นได้เลย“รวี อยู่ไหนครับ?”เสียงเรียกของเขาดังไปทั่วบ้าน แต่ไม่มีการตอบกลับ ธีรเทพถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เขาพบว่ากานต์รวีกำลังจดจ่ออยู่กับโน้ตบุ๊ค แสงจอคอมพิวเตอร์สว่างส่องหน้าเธอขณะที่เธอพิมพ์อะไรบางอย่างอย่างรีบเร่ง“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”“อื๊อ ก็เหมือนเดิมล่ะค่ะ” กานต์รวีเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากของสามีที่กำลังจะหอมแก้มเธอ ทำให้เขาชะงักไปธีรเทพเดินไปนั่งลงข้างๆ เธอ พยายามดึงความสนใจของเธอ“เราควรใช้เวลาด้วยกันหน่อยมั้ย? ไปทานข้าวข้างนอกกับผมนะ” ธีรเทพแตะแขนเธอกานต์รวีหยุดพิมพ์ชั่วครู่ แต่ยังคงไม่ละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ค
รอยจูบในความทรงจำยามบ่ายวันศุกร์ใกล้เลิกงาน ณัฐรินีย์นั่งอยู่ที่โต๊ะในมุมหนึ่งของคาเฟ่เล็ก ๆ ที่อยู่ในตึกของบริษัท Vivid บรรยากาศในร้านสงบเงียบ เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ลอยคลออยู่ในอากาศ ข้างๆ เธอ กลิ่นหอมของกาแฟคั่วสดใหม่ทำให้บรรยากาศยิ่งอบอุ่นยิ่งขึ้น แต่จิตใจของณัฐรินีย์กลับไม่ได้สงบตามไปด้วยเธอนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดถึงธีรเทพ หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึงเขา ภาพของเขาที่นั่งรอเธอทำมาม่าให้ทาน ภาพของรอยยิ้มที่อบอุ่น และสายตาที่มองเธอด้วยความห่วงใยยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอณัฐรินีย์คิดถึงวันที่ธีรเทพเข้ามาในชีวิตของเธอ โดยไม่ทันได้คาดคิด ความใกล้ชิดและการพูดคุยที่เป็นธรรมชาติทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่หายไปนาน ความรู้สึกที่เคยเก็บซ่อนไว้กลับมาปรากฏชัดในใจอีกครั้ง(ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้นะ?ทั้งๆ ที่เขามีภรรยาอยู่แล้ว เราควรจะตัดใจสิ...แต่มันยากเหลือเกิน)ณัฐรินีย์คิดในใจ พลางถอนหายใจเบา ๆเธอรู้ว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่หัวใจของเธอกลับไม่ยอมฟังเหตุผล ความคิดถึงและความรู้สึกหวั่นไหวที่เธอมีต่อธีรเทพทำให้เธอต้องต่อสู้กับตัวเองในทุกๆ วันณัฐรินีย์เ
สัญญาณอันตรายบ่งบอกกฤตินนั่งอยู่ในห้องอ่านหนังสือส่วนตัวภายในหอสมุด แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างสร้างบรรยากาศที่สงบเงียบและเหมาะสมสำหรับการศึกษาค้นคว้าเขาเปิดตำราเก่าแก่ที่บันทึกเรื่องราวของคุณไสยและเวทมนตร์ขาว แต่จู่ ๆ ความรู้สึกไม่สบายใจบางอย่างก็เกิดขึ้นในใจของเขา“เฮ้ เจ้ารู้สึกมั้ย?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งจู่ๆ ก็โผล่มาด้านหลัง“อื้อ” กฤตินปิดหนังสือทันที“แหม พอเป็นเรื่องของยัยเด็กนั่น เจ้ารีบร้อนทุกทีเลยนะ” เด็กหนุ่มค่อนแคะ“หนวกหูน่า โซระ”กฤตินลุกขึ้นและเดินออกจากหอสมุดไปทันทีภายในร้านอาหารไทยสไตล์ทันสมัยที่ตั้งอยู่ใกล้ออฟฟิศอาคิราและณัฐรินีย์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารริมหน้าต่าง แสงแดดยามเย็นที่ตกกระทบผ่านกระจกทำให้ภายในร้านดูอบอุ่นและเงียบสงบ คนในร้านไม่พลุกพล่านมากนัก ทำให้บรรยากาศเป็นใจสำหรับบทสนทนาที่เคร่งเครียดและสำคัญอาคิราและณัฐรินีย์นั่งตรงข้ามกัน อาหารบนโต๊ะถูกจัดเรียงอย่างน่าทาน แต่ทั้งสองคนแทบไม่ได้แตะต้อง มีเพียงถ้วยชาที่ถูกหยิบขึ้นมาจิบเป็นระยะๆอาคิรานำขวดยาเสน่ห์ที่ได้มาจากญาณวดียื่นให้ณัฐรินีย์ดู“นี่แหล่ะ ยาเสน่ห์แน่นอน”“เธอแน่ใจได้ยังไง?” ณัฐรินีย์มอง
ราตรีที่หน้าคอนโดภายในร้านอาหารไทยสไตล์ ณัฐรินีย์นั่งตัวลีบ หน้าจ๋อยอยู่ตรงข้ามกับชายหนุ่มหล่อมาดนักธุรกิจ ที่อยู่ในชุดไปรเวทแบบสบายๆ แต่ใบหน้าหล่อกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจหญิงสาวตรงหน้า เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เคร่งเครียด“นี่คุณ...ทำไมถึงทำเรื่องเสี่ยงแบบนี้” ธีรเทพกุมขมับ“ขโมยของคนอื่น มันผิดกฎหมายนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว“แค่ขวดน้ำมันน่ะ วดีคงไม่รู้เรื่องหรอก”“ยังจะพูดอีกนะ” ธีรเทพเสียงเข้ม“.......” ณัฐรินีย์สงบปากสงบคำทันที“ว่าแต่ คุณกับอาคิราเชื่อเรื่องพวกนี้เหรอ?” ธีรเทพถอนใจ สายตาที่มองดูณัฐรินีย์เริ่มอ่อนลง“อื้อ ไอเป็นพวกมีสัมผัสพิเศษน่ะ” ณัฐรินีย์พยักหน้าหงึกๆ และเผลอหลุดปากออกมา“ยังไง?”“แหงะ มะ มะ ไม่มีอะไร” ณัฐรินีย์ตกใจนึกขึ้นได้ รีบปฏิเสธทันควัน“บอกมา” ธีรเทพคาดคั้น“คือ...ถ้าฉันเล่าแล้ว คุณจะไม่บอกใครใช่มั้ย?” ณัฐรินีย์กระพริบตาท่าทางลังเล“อื้อ”“คุณจะไม่หัวเราะใช่มั้ย?” ณัฐรินีย์ถามย้ำ สายตาจริงจัง“อื้อ” ธีรเทพพยักหน้า แอบยกมุมปากเล็กน้อยกับท่าทางของเธอ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม“ไอ มีความสามารถพิเศษ เธอมองเห็นวิญญาณได้” ณัฐรินีย์สูดหายใจลึกก่อนพูดออกมา“คุณ
คืนนี้ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยหมู่เมฆสีเทาอึมครึม กฤตินยืนอยู่หน้ากระจกในห้องของเขา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำและเนกไทสีเข้มเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิตคืนนี้เขาจะไปงานสวดพระอภิธรรมศพของคุณเกศ ภรรยาของเอกวัฒน์ ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายแล้ว“ข้าไปด้วยสิ” เด็กหนุ่มนามว่า “โซระ” โผล่ออกมาอย่างไม่ให้สุ้มเสียง“นายไปก็ได้ แต่ทำยังไงกับสีตาของนายด้วยนะ” กฤตินเหลือบมองก่อนจะยิ้มออกมา“ข้าใส่อันนี้ได้” โซระคลี่ยิ้ม ก่อนจะหยิบแว่นกันแดดออกจากกระเป๋าเสื้อ“นี่นาย...” กฤตินถอนใจ“ใครเขาใส่แว่นกันแดดตอนกลางคืนกัน”“ข้านี่ไง เอาน่า ถ้าต้องถอดแว่นออก ข้าค่อยพลางสายตาเอา” โซระยิ้มด้วยท่าทางสนุก เขาถูกใจแว่นกันแดดมาก“ตามใจนาย” กฤตินรู้ดีว่าห้ามไม่ได้ เลยปล่อยเลยตามเลย“ว่าแต่ นายอย่ากินวิญญาณแถวนั้นมากนักล่ะ เดี๋ยวจะป่วยเอาซะก่อน” กฤตินเอ่ยเตือน“รู้แล้วน่า” โซระยักไหล่“ข้าไม่ต้องให้เจ้ามาดูแลหรอก เจ้าไปดูแลยัยเด็กคนนั้นเถอะ” โซระยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว” กฤตินยิ้มรับราตรีแห่งความสูญเสียงานศพของคุณเกศ ภรรยาของเอกวัฒน์ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย และเร่งรีบหลังจากที่เธอเสียได้ไม่กี่วันภา
แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องทำงานของพ่อ ฉันนั่งขดตัวอยู่บนพื้นไม้เก่าๆ กำลังวาดรูปอะไรบางอย่างลงบนกระดาษแผ่นใหญ่ ดินสอสีหลากสีเรียงรายอยู่ข้างกายฉันชอบมาที่นี่ที่สุดแล้ว ห้องทำงานของพ่อเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เสียงดนตรีคลาสสิกแผ่วเบา ทำให้ฉันรู้สึกสงบและผ่อนคลาย“ณัฐรินีย์ลูก มาดูสิ พ่อทำอะไรให้ดู” เสียงพ่อดังขึ้นจากด้านหลังฉันรีบหันไปมอง พ่อกำลังวาดภาพร่างชุดเดรสลายดอกไม้สวยงาม ฉันตื่นเต้นมาก รีบวิ่งไปดูใกล้ๆ“สวยจังค่ะพ่อ” ฉันพูดพลางชี้ไปที่ภาพร่าง“พ่อว่าลูกวาดสวยกว่าพ่ออีกนะ” พ่อชมฉัน ทำให้ฉันยิ้มแก้มปริพ่อมักจะชมเชยผลงานของฉันเสมอ และให้คำแนะนำต่างๆ นานา ทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันชอบเวลาที่ได้อยู่กับพ่อ พ่อจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฉันฟัง ทั้งเรื่องราวในวัยเด็กของพ่อ เรื่องราวของการออกแบบ และเรื่องราวเกี่ยวกับแม่แม่... ฉันแทบจะจำหน้าแม่ไม่ได้แล้ว รู้แค่ว่าแม่สวยมาก และรักฉันมาก ฉันเคยถามพ่อว่าแม่ไปไหน พ่อจะตอบว่าแม่ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว และแม่กำลังดูแลฉันอยู่เสมอ คำตอบของพ่อทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจในวันหนึ่ง"ณัฐ พ่อมีเรื่องอยากจะเล่าให้ลูกฟังนะ" พ่อขอ