รอยยิ้มที่หายไป
ณ บ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นของธีรเทพและกานต์รวี ช่วงเวลายามเย็นหลังเลิกงาน แสงแดดที่สาดส่องเข้าไปทำให้บ้านดูสวยงามเป็นอย่างมาก
ธีรเทพเพิ่งเลิกงานกลับมา เขาเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย ภายในบ้านที่ตกแต่งอย่างหรูหราและทันสมัย
ธีรเทพมองไปรอบๆ บ้านที่เต็มไปด้วยงานศิลปะและการตกแต่งภายในที่เขาเป็นผู้ดูแล เมื่อก่อนเขารู้สึกว่ามันช่างให้ความอบอุ่น และทำให้เขาอยากกลับบ้านเร็วๆ แต่วันนี้กลับไม่มีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นได้เลย
“รวี อยู่ไหนครับ?”
เสียงเรียกของเขาดังไปทั่วบ้าน แต่ไม่มีการตอบกลับ ธีรเทพถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เขาพบว่ากานต์รวีกำลังจดจ่ออยู่กับโน้ตบุ๊ค แสงจอคอมพิวเตอร์สว่างส่องหน้าเธอขณะที่เธอพิมพ์อะไรบางอย่างอย่างรีบเร่ง
“วันนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
“อื๊อ ก็เหมือนเดิมล่ะค่ะ” กานต์รวีเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากของสามีที่กำลังจะหอมแก้มเธอ ทำให้เขาชะงักไป
ธีรเทพเดินไปนั่งลงข้างๆ เธอ พยายามดึงความสนใจของเธอ
“เราควรใช้เวลาด้วยกันหน่อยมั้ย? ไปทานข้าวข้างนอกกับผมนะ” ธีรเทพแตะแขนเธอ
กานต์รวีหยุดพิมพ์ชั่วครู่ แต่ยังคงไม่ละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ค
“คุณไปทานเถอะค่ะ ฉันกำลังยุ่งมากเลย”
ธีรเทพรู้สึกผิดหวัง แต่พยายามไม่แสดงออกมา เขาถอนใจ ยืนขึ้น และเดินไปที่ประตูห้อง
“ถ้าอย่างนั้นผมคงกลับดึกหน่อยนะ”
กานต์รวียังคงไม่ตอบสนอง ธีรเทพเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกเปล่าเปลี่ยว เขารู้สึกว่า ชีวิตคู่ของเขากับกานต์รวีเริ่มห่างเหินมากขึ้นเรื่อยๆ ความหวังที่จะได้รับความสนใจและความรักจากภรรยาของเขากลับถูกละเลยอย่างต่อเนื่อง
ณ ร้านอาหารหรูที่ธีรเทพมักไปประจำ
ธีรเทพนั่งอยู่ที่โต๊ะในมุมหนึ่งของร้านอาหารหรู เขามองไปที่อาหารบนโต๊ะด้วยสายตาเหงาๆ ความคิดของเขาล่องลอยไปถึงช่วงเวลาที่เขาและกานต์รวีเคยมีความสุขด้วยกัน
ภรรยาของเขาที่เคยต้อนรับเขาเวลากลับบ้านอย่างสดใสร่าเริง เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เธอมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการเอาใจชัญญา เพื่อนรักของเธอ และละเลยธีรเทพอย่างสิ้นเชิง
ธีรเทพรู้สึกผิดหวัง เขาพยายามปรับตัว หาทางเอาใจกานต์รวี แต่เธอก็ไม่สนใจ ธีรเทพเริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตคู่ที่จืดชืด ไร้สีสัน
(ทำไมทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปแบบนี้
เราเคยมีช่วงเวลาที่ดีด้วยกันแล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น)
ธีรเทพยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มด้วยความหงุดหงิดอยู่ในใจ
ขณะที่เขากำลังตกอยู่ในความคิดลึกซึ้ง เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ธีรเทพหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเป็นข้อความจากณัฐรินีย์
“นี่คุณ ฉันมีไอเดียใหม่จะนำเสนอน่ะ ถ้าว่างก็ช่วยมาดูหน่อยนะ”
ธีรเทพอดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวที่เพิ่งส่งข้อความมา
เขายังจำครั้งแรกที่เจอณัฐรินีย์ได้ดี และเป็นโชคดีของเขาที่กานต์รวีแนะนำให้เขารู้จักในฐานะนักออกแบบฝีมือดี
ณัฐรินีย์ หญิงสาวผู้เต็มไปด้วยพลังงาน เธอมีความคิดสร้างสรรค์มากมาย ที่สำคัญณัฐรินีย์มีนิสัยตรงไปตรงมา พูดจาโผงผาง แต่มีความจริงใจอยู่ในทุกคำพูดคำจา
ธีรเทพรู้สึกประทับใจในตัวณัฐรินีย์ เขาชอบการโต้เถียงกับเธอ ชอบรอยยิ้มสดใสของเธอ ณัฐรินีย์ทำให้เขานึกถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กหนุ่ม สดใส ร่าเริง
ธีรเทพเริ่มรู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เขามักแอบมองณัฐรินีย์บ่อยๆ เวลาที่ไปทำงานร่วมกันในวันเสาร์-อาทิตย์ ยิ้มให้เธอเวลาที่เธอเผลอ เขาแทบจะนับวันให้ถึงสุดสัปดาห์ไวๆ เพื่อไปพบเธอ
ในใจธีรเทพรู้สึกสับสน เขาพยายามบอกตัวเองว่า เขารักกานต์รวี ภรรยาของเขา แต่รอยยิ้มของณัฐรินีย์กลับทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง
ธีรเทพรู้ดีว่า เขาไม่ควรมีความสัมพันธ์กับณัฐรินีย์ แต่เขาก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกของตัวเองได้ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออก
“คุณอยู่ไหน?”
ความลับในใจ
ภายในห้องคอนโด ณัฐรินีย์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอในห้องที่เต็มไปด้วยร่างแบบและเอกสารการออกแบบสินค้าให้กับธีรเทพ
ห้องเงียบสงบและมีแสงไฟนวลๆ จากโคมไฟที่โต๊ะทำงาน เธอมองดูเอกสารที่เต็มไปด้วยไอเดียการออกแบบใหม่ๆ แต่จิตใจของเธอกลับล่องลอยไปที่เรื่องราวระหว่างเธอกับธีรเทพ
(ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา...เขาฉลาด และเก่งเรื่องออกแบบมาก แทบเข้าใจในสิ่งที่ฉันคิดทุกอย่าง ฉันรู้สึกชื่นชมเขา แต่ทำไมหัวใจฉันถึงเต้นแรงขนาดนี้?)
เธอถอนหายใจเบาๆ พยายามไม่ให้ตัวเองเสียสมาธิ แต่ความคิดเกี่ยวกับธีรเทพกลับยังวนเวียนอยู่ในหัว
(ฉันไม่ควรรู้สึกแบบนี้...เขามีภรรยาอยู่แล้ว..
แต่ทำไมทุกครั้งที่เขามองฉันและให้คำปรึกษา ฉันถึงรู้สึกดีกับเขานะ)
ณัฐรินีย์พยายามหาคำตอบให้กับความรู้สึกของตนเอง เธอเริ่มคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกับธีรเทพ ความทรงจำเกี่ยวกับการพูดคุยและแลกเปลี่ยนไอเดียต่างๆ ทำให้เธอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ณัฐรินีย์ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานและเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปเห็นทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงทำให้เธอรู้สึกสงบ
(ฉันต้องจัดการกับความรู้สึกนี้ คุณธีรเทพเป็นคนดี และฉันไม่ควรให้ความรู้สึกนี้มาทำลายความสัมพันธ์ในการทำงาน)
ณัฐรินีย์ตัดสินใจว่า จะไม่ให้ความรู้สึกนี้มาแทรกแซงในการทำงาน และจะทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในการทำงานให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม
เธอยิ้มให้กับตัวเอง แล้วกลับไปที่โต๊ะทำงาน ตั้งใจทำงานต่อด้วยความมุ่งมั่น ในใจเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและความเข้าใจที่มีให้กับธีรเทพ แต่เธอก็ตัดสินใจว่าจะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ
ณัฐรินีย์ตั้งใจทำงานอยู่สักครู่ ก็ปิ๊งไอเดียใหม่ขึ้นมาได้ เธอจ้องมองโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาแล้วส่งข้อความออกไป
ณัฐรินีย์เดินไปหยุดที่หน้าต่างและมองออกไปด้านนอก ทั้งๆ ที่เพิ่งจะพยายามหยุดความรู้สึกอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้เธอก็อดคิดถึงเขาไม่ได้อยู่ดี เธอได้แต่ขำตัวเองทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
“คะ? ฉันอยู่ที่....”
ณัฐรินีย์ตกใจ ก่อนจะเผลอบอกที่อยู่ของตัวเองไป
บททดสอบหัวใจ
ภายในห้องคอนโด ณัฐรินีย์นั่งไม่ติดหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากธีรเทพ เธอเดินไปเดินมาอย่างวุ่นวายใจ
“ทำไมฉันถึงบอกที่อยู่ไปนะ”
“โธ่เอ๊ยยยย จะบ้าตายยย”
ณัฐรินีย์ยีผมตัวเองจนยุ่งเหยิง และได้แต่ตะโกนอยู่ภายในห้องเพียงคนเดียว
ทันใดนั้นเสียงกริ่งประตู้ห้องทำให้เธอสะดุ้ง
“เฮ้ย ทำไมไวจัง?”
ณัฐรินีย์แปลกใจ เธอเดินไปส่องดูที่ตาแมว ก็พบธีรเทพยืนยิ้มอยู่หน้าประตู
“ทำไมมาเร็วจัง?” ณัฐรินีย์เปิดประตูให้สีหน้างุนงง
“ผมอยู่แถวนี้พอดีน่ะ ว่าแต่หิวจัง มีไรให้กินมั้ยอะ?” ธีรเทพยังไม่ได้ทานอะไรเลยสักนิด
“มีแต่มาม่า ได้มั้ยอะ?” ณัฐรินีย์ย้อนทันควัน
“ได้สิ ขอแค่คุณเป็นคนทำอะ” ธีรเทพยิ้มอย่างดีใจ
“งั้นรอแปป”
ณัฐรินีย์เดินไปที่ครัวเล็กๆ ในห้องพักของเธอ ขณะที่ธีรเทพนั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เขามองไปรอบๆ ห้องของณัฐรินีย์ และสังเกตเห็นว่าห้องของเธอสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย มีหนังสือและนิตยสารเกี่ยวกับการออกแบบวางเรียงรายอยู่บนชั้นวางหนังสือ
ธีรเทพหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาและเริ่มเปิดดู เขารู้สึกทึ่งกับความสามารถและความรู้ที่ณัฐรินีย์มีในการออกแบบ เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกัน
ในขณะเดียวกันในครัว ณัฐรินีย์กำลังต้มน้ำให้เดือด เธอใส่มาม่าลงในหม้อและเริ่มเตรียมส่วนผสมต่างๆ กลิ่นหอมของมาม่าเริ่มลอยเข้ามาในห้องนั่งเล่น ทำให้ธีรเทพรู้สึกหิวมากขึ้น
ไม่นานนักณัฐรินีย์ก็กลับมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับชามมาม่าในมือ เธอวางชามมาม่าลงบนโต๊ะเล็กๆ หน้าโซฟาและยิ้มให้
“อะ อาจจะไม่อร่อยก็ได้นะ” ณัฐรินีย์ยิ้มเขินๆ
“ผมกินได้” ธีรเทพวางหนังสือลงและยิ้มตอบ
ธีรเทพหยิบตะเกียบขึ้นมา และเริ่มทานมาม่าร้อนๆ ที่ณัฐรินีย์ทำ ธีรเทพรู้สึกอบอุ่นหัวใจที่ได้ทานอาหารง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยความใส่ใจของณัฐรินีย์
“อร่อยมากเลย”
“ดีใจที่คุณชอบ”
บรรยากาศในห้องพักเงียบสงบ มีเพียงเสียงของตะเกียบที่กระทบกับชามเบาๆ ธีรเทพทานมาม่าไปพลางพูดคุยเรื่องงานออกแบบ และเรื่องราวต่างๆ อย่างเป็นกันเอง ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้ทั้งคู่รู้สึกอบอุ่นและสบายใจ
หลังจากที่ธีรเทพทานมาม่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ณัฐรินีย์ก็นำเขาไปที่โต๊ะทำงานและเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อแสดงงานออกแบบที่เธอกำลังทำอยู่
“นี่ไง ไอเดียที่ฉันเพิ่งคิดได้เมื่อกี้เลย คุณลองดูสิ”
ธีรเทพนั่งลงข้างๆ ณัฐรินีย์ เขามองดูงานออกแบบบนหน้าจออย่างตั้งใจ
“เยี่ยมมากเลย ผมชอบแนวคิดและการจัดวางของคุณจริงๆ มันมีความคิดสร้างสรรค์และมีเอกลักษณ์มากเลย”
ธีรเทพรู้สึกชื่นชมณัฐรินีย์จากใจจริง เธอช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ
“จริงเหรอ ดีจังที่คุณชอบ”
ณัฐรินีย์หันไปยิ้มหวานให้ธีรเทพ ก่อนจะชะงักงันไป เมื่อเห็นสายตาของเขาที่จับจ้องมาที่เธอ ความรู้สึกอบอุ่นและความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นในขณะนั้นทำให้ทั้งสองคนเผลอลืมทุกสิ่งรอบตัว
ในช่วงเวลานั้น ธีรเทพค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าใกล้ณัฐรินีย์ ความรู้สึกอัดอั้นในใจมานาน ทำให้เขาตัดสินใจที่จะทำตามความรู้สึกของตัวเอง เขาเอื้อมมือมาแตะเบาๆ ที่แก้มของณัฐรินีย์
“ณัฐ..”
ณัฐรินีย์รู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสของเขา ใจของเธอเต้นแรงและหายใจถี่ ใบหน้าร้อนผ่าว เธอรู้สึกถึงความต้องการที่จะอยู่ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น
“คุณ..”
ธีรเทพค่อยๆ เคลื่อนหน้าเข้าใกล้ ณัฐรินีย์หลับตาลง ในขณะที่หัวใจของเธอเต้นแรง ธีรเทพจูบเธอเบาๆ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธออย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
ณัฐรินีย์รู้สึกถึงความรักและความอบอุ่นที่ส่งผ่านจูบนั้น เธอไม่สามารถต่อต้านความรู้สึกนี้ได้ ทั้งสองคนจมอยู่ในช่วงเวลาที่สวยงามและเต็มไปด้วยความรักที่เก็บอัดอั้นอยู่ในใจ
รอยจูบในความทรงจำยามบ่ายวันศุกร์ใกล้เลิกงาน ณัฐรินีย์นั่งอยู่ที่โต๊ะในมุมหนึ่งของคาเฟ่เล็ก ๆ ที่อยู่ในตึกของบริษัท Vivid บรรยากาศในร้านสงบเงียบ เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ลอยคลออยู่ในอากาศ ข้างๆ เธอ กลิ่นหอมของกาแฟคั่วสดใหม่ทำให้บรรยากาศยิ่งอบอุ่นยิ่งขึ้น แต่จิตใจของณัฐรินีย์กลับไม่ได้สงบตามไปด้วยเธอนั่งเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่าง พลางคิดถึงธีรเทพ หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึงเขา ภาพของเขาที่นั่งรอเธอทำมาม่าให้ทาน ภาพของรอยยิ้มที่อบอุ่น และสายตาที่มองเธอด้วยความห่วงใยยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอณัฐรินีย์คิดถึงวันที่ธีรเทพเข้ามาในชีวิตของเธอ โดยไม่ทันได้คาดคิด ความใกล้ชิดและการพูดคุยที่เป็นธรรมชาติทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่หายไปนาน ความรู้สึกที่เคยเก็บซ่อนไว้กลับมาปรากฏชัดในใจอีกครั้ง(ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้นะ?ทั้งๆ ที่เขามีภรรยาอยู่แล้ว เราควรจะตัดใจสิ...แต่มันยากเหลือเกิน)ณัฐรินีย์คิดในใจ พลางถอนหายใจเบา ๆเธอรู้ว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่หัวใจของเธอกลับไม่ยอมฟังเหตุผล ความคิดถึงและความรู้สึกหวั่นไหวที่เธอมีต่อธีรเทพทำให้เธอต้องต่อสู้กับตัวเองในทุกๆ วันณัฐรินีย์เ
สัญญาณอันตรายบ่งบอกกฤตินนั่งอยู่ในห้องอ่านหนังสือส่วนตัวภายในหอสมุด แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างสร้างบรรยากาศที่สงบเงียบและเหมาะสมสำหรับการศึกษาค้นคว้าเขาเปิดตำราเก่าแก่ที่บันทึกเรื่องราวของคุณไสยและเวทมนตร์ขาว แต่จู่ ๆ ความรู้สึกไม่สบายใจบางอย่างก็เกิดขึ้นในใจของเขา“เฮ้ เจ้ารู้สึกมั้ย?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งจู่ๆ ก็โผล่มาด้านหลัง“อื้อ” กฤตินปิดหนังสือทันที“แหม พอเป็นเรื่องของยัยเด็กนั่น เจ้ารีบร้อนทุกทีเลยนะ” เด็กหนุ่มค่อนแคะ“หนวกหูน่า โซระ”กฤตินลุกขึ้นและเดินออกจากหอสมุดไปทันทีภายในร้านอาหารไทยสไตล์ทันสมัยที่ตั้งอยู่ใกล้ออฟฟิศอาคิราและณัฐรินีย์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารริมหน้าต่าง แสงแดดยามเย็นที่ตกกระทบผ่านกระจกทำให้ภายในร้านดูอบอุ่นและเงียบสงบ คนในร้านไม่พลุกพล่านมากนัก ทำให้บรรยากาศเป็นใจสำหรับบทสนทนาที่เคร่งเครียดและสำคัญอาคิราและณัฐรินีย์นั่งตรงข้ามกัน อาหารบนโต๊ะถูกจัดเรียงอย่างน่าทาน แต่ทั้งสองคนแทบไม่ได้แตะต้อง มีเพียงถ้วยชาที่ถูกหยิบขึ้นมาจิบเป็นระยะๆอาคิรานำขวดยาเสน่ห์ที่ได้มาจากญาณวดียื่นให้ณัฐรินีย์ดู“นี่แหล่ะ ยาเสน่ห์แน่นอน”“เธอแน่ใจได้ยังไง?” ณัฐรินีย์มอง
ราตรีที่หน้าคอนโดภายในร้านอาหารไทยสไตล์ ณัฐรินีย์นั่งตัวลีบ หน้าจ๋อยอยู่ตรงข้ามกับชายหนุ่มหล่อมาดนักธุรกิจ ที่อยู่ในชุดไปรเวทแบบสบายๆ แต่ใบหน้าหล่อกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจหญิงสาวตรงหน้า เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เคร่งเครียด“นี่คุณ...ทำไมถึงทำเรื่องเสี่ยงแบบนี้” ธีรเทพกุมขมับ“ขโมยของคนอื่น มันผิดกฎหมายนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว“แค่ขวดน้ำมันน่ะ วดีคงไม่รู้เรื่องหรอก”“ยังจะพูดอีกนะ” ธีรเทพเสียงเข้ม“.......” ณัฐรินีย์สงบปากสงบคำทันที“ว่าแต่ คุณกับอาคิราเชื่อเรื่องพวกนี้เหรอ?” ธีรเทพถอนใจ สายตาที่มองดูณัฐรินีย์เริ่มอ่อนลง“อื้อ ไอเป็นพวกมีสัมผัสพิเศษน่ะ” ณัฐรินีย์พยักหน้าหงึกๆ และเผลอหลุดปากออกมา“ยังไง?”“แหงะ มะ มะ ไม่มีอะไร” ณัฐรินีย์ตกใจนึกขึ้นได้ รีบปฏิเสธทันควัน“บอกมา” ธีรเทพคาดคั้น“คือ...ถ้าฉันเล่าแล้ว คุณจะไม่บอกใครใช่มั้ย?” ณัฐรินีย์กระพริบตาท่าทางลังเล“อื้อ”“คุณจะไม่หัวเราะใช่มั้ย?” ณัฐรินีย์ถามย้ำ สายตาจริงจัง“อื้อ” ธีรเทพพยักหน้า แอบยกมุมปากเล็กน้อยกับท่าทางของเธอ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม“ไอ มีความสามารถพิเศษ เธอมองเห็นวิญญาณได้” ณัฐรินีย์สูดหายใจลึกก่อนพูดออกมา“คุณ
คืนนี้ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยหมู่เมฆสีเทาอึมครึม กฤตินยืนอยู่หน้ากระจกในห้องของเขา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำและเนกไทสีเข้มเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิตคืนนี้เขาจะไปงานสวดพระอภิธรรมศพของคุณเกศ ภรรยาของเอกวัฒน์ ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายแล้ว“ข้าไปด้วยสิ” เด็กหนุ่มนามว่า “โซระ” โผล่ออกมาอย่างไม่ให้สุ้มเสียง“นายไปก็ได้ แต่ทำยังไงกับสีตาของนายด้วยนะ” กฤตินเหลือบมองก่อนจะยิ้มออกมา“ข้าใส่อันนี้ได้” โซระคลี่ยิ้ม ก่อนจะหยิบแว่นกันแดดออกจากกระเป๋าเสื้อ“นี่นาย...” กฤตินถอนใจ“ใครเขาใส่แว่นกันแดดตอนกลางคืนกัน”“ข้านี่ไง เอาน่า ถ้าต้องถอดแว่นออก ข้าค่อยพลางสายตาเอา” โซระยิ้มด้วยท่าทางสนุก เขาถูกใจแว่นกันแดดมาก“ตามใจนาย” กฤตินรู้ดีว่าห้ามไม่ได้ เลยปล่อยเลยตามเลย“ว่าแต่ นายอย่ากินวิญญาณแถวนั้นมากนักล่ะ เดี๋ยวจะป่วยเอาซะก่อน” กฤตินเอ่ยเตือน“รู้แล้วน่า” โซระยักไหล่“ข้าไม่ต้องให้เจ้ามาดูแลหรอก เจ้าไปดูแลยัยเด็กคนนั้นเถอะ” โซระยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว” กฤตินยิ้มรับราตรีแห่งความสูญเสียงานศพของคุณเกศ ภรรยาของเอกวัฒน์ ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย และเร่งรีบหลังจากที่เธอเสียได้ไม่กี่วันภา
แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างห้องทำงานของพ่อ ฉันนั่งขดตัวอยู่บนพื้นไม้เก่าๆ กำลังวาดรูปอะไรบางอย่างลงบนกระดาษแผ่นใหญ่ ดินสอสีหลากสีเรียงรายอยู่ข้างกายฉันชอบมาที่นี่ที่สุดแล้ว ห้องทำงานของพ่อเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ เสียงดนตรีคลาสสิกแผ่วเบา ทำให้ฉันรู้สึกสงบและผ่อนคลาย“ณัฐรินีย์ลูก มาดูสิ พ่อทำอะไรให้ดู” เสียงพ่อดังขึ้นจากด้านหลังฉันรีบหันไปมอง พ่อกำลังวาดภาพร่างชุดเดรสลายดอกไม้สวยงาม ฉันตื่นเต้นมาก รีบวิ่งไปดูใกล้ๆ“สวยจังค่ะพ่อ” ฉันพูดพลางชี้ไปที่ภาพร่าง“พ่อว่าลูกวาดสวยกว่าพ่ออีกนะ” พ่อชมฉัน ทำให้ฉันยิ้มแก้มปริพ่อมักจะชมเชยผลงานของฉันเสมอ และให้คำแนะนำต่างๆ นานา ทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันชอบเวลาที่ได้อยู่กับพ่อ พ่อจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฉันฟัง ทั้งเรื่องราวในวัยเด็กของพ่อ เรื่องราวของการออกแบบ และเรื่องราวเกี่ยวกับแม่แม่... ฉันแทบจะจำหน้าแม่ไม่ได้แล้ว รู้แค่ว่าแม่สวยมาก และรักฉันมาก ฉันเคยถามพ่อว่าแม่ไปไหน พ่อจะตอบว่าแม่ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว และแม่กำลังดูแลฉันอยู่เสมอ คำตอบของพ่อทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจในวันหนึ่ง"ณัฐ พ่อมีเรื่องอยากจะเล่าให้ลูกฟังนะ" พ่อขอ
เด็กสาวผู้ลึกลับที่มากับหญิงสาวสวยงามสง่าทุกครั้งที่ฉันมาห้องสมุด ฉันมักจะเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมเดิมเสมอ เด็กสาวคนนั้นมีความงามแบบธรรมชาติ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มที่มักจะปล่อยสยาย ไว้หน้าม้าบางๆ ปกปิดดวงตาคู่งามที่ดูลึกล้ำ ผิวขาวเนียนของเธอตัดกับผมยาวสีน้ำตาลเข้ม ดูงดงามอย่างไม่มีที่ติฉันชอบแอบมองเธอจากมุมที่เธอไม่เห็น เธอเป็นคนอ่านหนังสือเก่งมาก ฉันเห็นเธอจดบันทึกอะไรบางอย่างลงในสมุดบ่อยครั้ง ฉันอยากรู้จังว่าเธออ่านหนังสือเกี่ยวกับอะไรนะวันหนึ่งที่ฉันรู้สึกว่า เด็กสาวคนนั้นคงรู้ตัวว่าฉันกำลังแอบมองเธออยู่วันนั้นเป็นวันที่แดดจ้ามาก ฉันมานั่งที่โต๊ะประจำเหมือนเช่นเคย และแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวคนนั้น กำลังนั่งคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนหญิงสาวคนนั้นสวยมาก ผมยาวสีขาวที่สวยงาม ราวกับเส้นไหมที่สะท้อนแสงไฟในห้องสมุด ดวงตาของเธอถูกปิดไว้ด้วยแว่นกันแดดสีดำ ริมฝีปากสีแดงสดที่ดูโดด เธอสวมชุดสีดำที่ดูงดงามและสง่า การแต่งตัวของเธอทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจและความลึกลับในตัวขณะที่พวกเธอกำลังพูดคุยกัน หญิงสาวคนนั้นก็กระซิบที่ข้างหูของเด็กสาวคนนั้น ทำให้เด็กสาวคนนั้นหัน
วางแผนงานเลี้ยงเปิดตัวณัฐรินีย์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องประชุมของบริษัท จิบกาแฟจากถ้วยใบโปรด ดวงตาของเธอจับจ้องที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค พลางพิมพ์รายละเอียดของการเตรียมงานเลี้ยงสำหรับเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทไปด้วยอาคิราและณัฐรินีย์เพิ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลแขกในงานเลี้ยงเปิดตัวสินค้าใหม่ที่จะจัดขึ้นในคืนวันเสาร์นี้ ซึ่งเป็นงานเลี้ยงที่ค่อนข้างใหญ่โต มีการเชิญแขกคนสำคัญจากบริษัทที่เป็นคู่ค้า รวมไปถึงผู้บริหารห้างสรรพสินค้าชื่อดังในประเทศไทย“เป็นไงบ้าง ณัฐ?” อาคิราเปิดประตูเข้ามา ยิ้มให้เพื่อนเล็กน้อยก่อนจะลงฝั่งตรงข้าม“เกือบจะเสร็จละ แต่ยังมีหลายอย่างที่ต้องจัดการอยู่” ณัฐรินีย์ตอบพร้อมกับส่งเอกสารให้เพื่อนดู“งานเลี้ยงครั้งนี้ดูสำคัญมากเลยแฮะ”“อื้อ เราต้องทำให้มันสมบูรณ์แบบให้ได้” ณัฐรินีย์พูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ณัฐรินีย์แสดงแผนผังการจัดงานเลี้ยงที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค มีแผนที่ของสถานที่จัดงน การจัดวางโต๊ะต่างๆ“เราน่าจะต้องเริ่มจากการเตรียมพื้นที่และตกแต่งสถานที่ให้ดูหรูหราและน่าประทับใจ....จากนั้นก็....”ทั้งสองคนทำงานอย่างขะมักเขม้นและตั้งใจ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องทำให้งานเลี้ยงเปิดต
ประกาศรักใหม่ค่ำคืนวันเสาร์ที่สดใสในเมืองใหญ่ ท้องฟ้าปลอดโปร่งและเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ งานเลี้ยงเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัท Vivid Enterprise จัดขึ้นในบรรยากาศหรูหราที่โรงแรมห้าดาวใจกลางเมืองทั้งบริเวณถูกตกแต่งด้วยแสงไฟหลากสีที่ส่องสว่างอยู่ทุกมุม การตกแต่งภายในเต็มไปด้วยสีสันที่สดใสและล้ำสมัย สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์และนวัตกรรมของบริษัทเมื่อเข้ามาในงาน แขกทุกคนต่างรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศที่จัดเตรียมไว้อย่างอลังการ พื้นที่รับรองมีดอกไม้ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม และมีมุมต่างๆ ให้แขกได้ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก หรือจะโพสต์ลงโซเชียลตามใจของแขกผู้เข้าร่วมงานเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ จากวงดนตรีสร้างบรรยากาศที่สง่างามและอบอุ่น ผู้คนในงานเลี้ยงต่างพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ชุดราตรีที่งดงามและชุดสูทที่หรูหราทำให้แขกทุกคนดูสง่างามและมีเสน่ห์บนเวทีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องโถง ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และไฟส่องสว่าง ผู้คนต่างมารวมกันเพื่อรอการเปิดตัวสินค้าใหม่อาคิราและณัฐรินีย์ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องโถง เฝ้าดูแลและต้อนรับแขกที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ อาคิราสวมชุดราตรีสีฟ้าเข้มที่สะท้