Share

ตอนที่ 23 ความรักที่เบ่งบาน

วางแผนงานเลี้ยงเปิดตัว

ณัฐรินีย์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องประชุมของบริษัท จิบกาแฟจากถ้วยใบโปรด ดวงตาของเธอจับจ้องที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค พลางพิมพ์รายละเอียดของการเตรียมงานเลี้ยงสำหรับเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทไปด้วย

อาคิราและณัฐรินีย์เพิ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลแขกในงานเลี้ยงเปิดตัวสินค้าใหม่ที่จะจัดขึ้นในคืนวันเสาร์นี้ ซึ่งเป็นงานเลี้ยงที่ค่อนข้างใหญ่โต มีการเชิญแขกคนสำคัญจากบริษัทที่เป็นคู่ค้า รวมไปถึงผู้บริหารห้างสรรพสินค้าชื่อดังในประเทศไทย

“เป็นไงบ้าง ณัฐ?” อาคิราเปิดประตูเข้ามา ยิ้มให้เพื่อนเล็กน้อยก่อนจะลงฝั่งตรงข้าม

“เกือบจะเสร็จละ แต่ยังมีหลายอย่างที่ต้องจัดการอยู่” ณัฐรินีย์ตอบพร้อมกับส่งเอกสารให้เพื่อนดู

“งานเลี้ยงครั้งนี้ดูสำคัญมากเลยแฮะ”

“อื้อ เราต้องทำให้มันสมบูรณ์แบบให้ได้” ณัฐรินีย์พูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

ณัฐรินีย์แสดงแผนผังการจัดงานเลี้ยงที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค มีแผนที่ของสถานที่จัดงน การจัดวางโต๊ะต่างๆ

“เราน่าจะต้องเริ่มจากการเตรียมพื้นที่และตกแต่งสถานที่ให้ดูหรูหราและน่าประทับใจ....จากนั้นก็....”

ทั้งสองคนทำงานอย่างขะมักเขม้นและตั้งใจ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องทำให้งานเลี้ยงเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทเป็นที่จดจำและประทับใจของทุกคน

“โอ้ย กี่โมงแล้วเนี่ย” อาคิราตกใจดูนาฬิกา หลังจากที่ทั้งสองคนวางแผนงานจนลืมดูเวลา

“เฮ้ย ทุ่มครึ่งละเรอะ” ณัฐรินีย์ตกใจหนักกว่า

“ณัฐ ฉันว่าโทรศัพท์เธอดังหลายรอบแล้วนะ” อาคิราชี้มือไปที่โทรศัพท์มือถือของเพื่อนที่สั่นอยู่นานแล้ว

“ตายล่ะหว่า ลืมไปเลยว่านัดอีตานั่นไว้” ณัฐรินีย์ตบหน้าผากตัวเอง และรีบเก็บของอย่างว่องไว

“นัดคุณธีร์ไว้เหรอ?” อาคิรารีบเก็บข้าวของทันทีเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเธอเองก็ลืมเหมือนกันว่า กฤตินจะมารับ

“รีบไปกันเถอะ ก่อนจะซวย”

ณัฐรินีย์รีบคว้าโน้ตบุ๊คพร้อมกับลากมือเพื่อนสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ลิฟท์ของตึก แต่ทว่า...

“นี่พวกคุณลืมพวกเราใช่มั้ย?”

ธีรเทพยืนกอดอกรออยู่ตรงหน้าลิฟท์ โดยมีกฤตินยืนพิงกำแพงอมยิ้มด้วยท่าทางดูสนุกสนาน

“ขอโทษ....” ณัฐรินีย์ตรงเข้าไปหาธีรเทพด้วยท่าทางจ๋อยๆ

“ขอโทษที่ช้า” อาคิรายิ้มเดินตรงไปหากฤติน

“ไม่เป็นไร หิวมั้ย?” กฤตินดึงโน้ตบุ๊คจากอาคิรามาถือเอาไว้

“อื้อ”

“งั้นไปหาไรกินกัน” กฤตินยิ้มให้ ยื่นมือไปกดลิฟท์

“นี่ๆ อย่าอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองคนสิ” ณัฐรินีย์หันไปหรี่ตามองไม่พอใจ

“อิจฉาเขารึไง คุณ” ธีรเทพกระซิบข้างหู

“เปล่าซะหน่อย” ณัฐรินีย์ค้อนขวับ

“ไปด้วยกันสิ ณัฐ” อาคิราหันมาชวน

“ว้าว รักเธอที่สุดเลย ไอ” ณัฐรินีย์กอดแขนเพื่อนรัก ก่อนจะหันมาแลบลิ้นให้ธีรเทพ ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ


ค่ำคืนที่แสนหวาน

ภายในร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกแถวเก่าแก่ บรรยากาศภายในร้านอบอุ่นเหมือนบ้าน โคมไฟสลัวส่องแสงกระทบผนังอิฐเปลือยที่ดูขรุขระ เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเอง เสียงเพลงแจ๊สเบา ๆ ดังแผ่วเบา ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย

เสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มเพื่อนที่มานั่งคุยกันดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยจานอาหารน่าทานหลากหลายชนิด ทั้งพาสต้า สลัด และพิซซ่าที่อบใหม่ ๆ

ร้านอาหารแห่งนี้เป็นเหมือนโอเอซิสเล็ก ๆ กลางเมืองใหญ่ ที่เราสามารถหลีกหนีจากความวุ่นวายและมาผ่อนคลายกับเพื่อน ๆ ได้อย่างเต็มที่

ณัฐรินีย์นั่งข้างธีรเทพ ส่วนกฤตินและอาคิราอยู่ฝั่งตรงข้าม บนโต๊ะมีอาหารที่ตกแต่งอย่างสวยงาม จานอาหารหลากหลายวางเรียงรายอยู่ตรงกลาง เสียงหัวเราะเบาๆ ผสมกับเสียงดนตรีคลอเบาๆ ทำให้บรรยกาศในร้านดูอบอุ่นเป็นกันเอง

“ผมได้รับจดหมายเชิญไปงานเลี้ยงบริษัทคุณด้วยนะ”

ธีรเทพเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“ก็...บริษัทคุณใหญ่โตนี่นา ถ้าไม่ใช่บริษัทใหญ่ คุณเอกไม่มีทางเชิญแน่ๆ” ณัฐรินีย์ใช้ส้อมม้วนสปาเก็ตตี้ในจานขึ้นมาใส่ปาก

“ผมก็ได้รับเชิญนะ” กฤตินยิ้ม ก่อนจะยกแก้วชาขึ้นมาจิบ

“เอ๊ะ?” อาคิรากับณัฐรินีย์หันไปมองพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ

“ทำไม?” กฤตินยักคิ้วให้อาคิราอย่างเจ้าเล่ห์

“ก็...”

“นี่ไง บัตรเชิญ” กฤตินยื่นจดหมายส่งให้สองสาวดู

“ไหนๆ ขอเรียนเชิญคุณกฤติน เทวานุรักษ์ เข้าร่วมงานเลี้ยง...” ณัฐรินีย์อ่านออกเสียง

“เทวานุรักษ์...คุ้นๆ แฮะ”

“หืม..นี่คุณอยู่ในตระกูล ‘ผู้ดูแลความลับของโลก’ งั้นเหรอ?” ธีรเทพขมวดคิ้วเล็กน้อย

“คืออะไรอะ?” ณัฐรินีย์หันไปถามสีหน้างุนงง

“จะว่าไงดีล่ะ” ธีรเทพเกาศีรษะเล็กน้อย

“ตระกูลผู้ดูแลความลับของโลก แบ่งเป็น 3 ตระกูลใหญ่ได้แก่ ผู้รักษาความลับ ผู้ปกป้องความสมดุล และผู้พิทักษ์หอสมุด จุดมุ่งหมายส่วนใหญ่ของตระกูลนี้คือ ‘รักษาความรู้โบราณและความลับของจักรวาลให้คงอยู่อย่างสมดุล’ ส่วนเรื่องอื่นผมก็ไม่รู้แล้ว” ธีรเทพยกมือยอมแพ้

“ดูท่า คุณก็รู้มากพอควรอยู่” กฤตินคลี่ยิ้มบางๆ ดวงตาเป็นประกาย

“แปลว่า คุณอยู่ในตระกูลผู้พิทักษ์หอสมุดสินะ มิน่าล่ะ หอสมุดของคุณถึงได้สวยขนาดนั้น” ณัฐรินีย์ถึงบางอ้อ

“งั้นก็ไม่แปลกที่จะได้บัตรเชิญสินะ” อาคิราหรี่ตามองชายหนุ่ม

“อื้ม” กฤตินยื่นหน้าเข้าไปใกล้อาคิรา และยักคิ้วให้อย่างเจ้าเล่ห์

“เอ่อ นี่ช่วยอย่าทำเหมือนอยู่กันสองคนได้ปะ” ณัฐรินีย์พ่นลมออกจมูกไม่พอใจ

“ตอนนี้มีเรื่องด่วนกว่า เราควรกังวลเรื่องของคุณเอกกับชัญญามั้ยอะ?” อยู่ๆ ณัฐรินีย์ก็พูดขึ้นมา

“ทำไมล่ะ?” ธีรเทพเลิกคิ้ว

“ฉันได้ข่าวลือมาว่า คุณเอกจะขอชัญญาแต่งงานในงานเลี้ยงครั้งนี้น่ะสิ” ณัฐรินีย์กระซิบ

“ห๊ะ? แต่ภรรยาคุณเอกเพิ่ง...” อาคิราชะงักมือที่จะตักพิซซ่า

“นั่นล่ะ มันแปลกใช่มั้ยล่า”

“ผมว่า อย่าเพิ่งคิดมากนักเลย อาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ธีรเทพเอ่ยค้าน

“คุณก็พูดได้สิ ไม่เห็นเหตุการณ์ประหลาดๆ นี่นา” ณัฐรินีย์เถียง

“แล้วคุณล่ะ มัวแต่แอบไปดูเหตุการณ์ประหลาดๆ จนไม่ทำงานรึไง?” ธีรเทพสวนทันควัน

“หึหึ พวกเธอนี่ชอบเถียงกันจริงๆ นะ” อาคิราอดขำออกมาไม่ได้

“เดี๋ยวเถอะ ไอ!” ณัฐรินีย์ค้อนเพื่อนสาว

“นี่ก็ดึกแล้ว กลับกันเถอะ” กฤตินตัดบท พร้อมกับเรียกพนักงานเช็คบิลค่าอาหารทันที

“โหย ฉันยังไม่อิ่มเลย” ณัฐรินีย์ทักท้วง

“เดี๋ยวค่อยไปกินมาม่าด้วยกันก็ได้” ธีรเทพกระซิบข้างหูเธอเบาๆ ทำให้ณัฐรินีย์หน้าแดงและทุบไปที่ไหล่ของชายหนุ่มหลายที

หลังจากทานอาหารเสร็จ ธีรเทพและณัฐรินีย์เดินคุยกันไปที่ลานจอดรถ ขณะที่กฤตินและอาคิราเดินตามมาทีหลัง

“ไอ ให้อีตานี่ไปส่งมั้ย?” ณัฐรินีย์หันกลับมาถามเพื่อน

“เดี๋ยวผมไปส่งไอเองครับ” กฤตินรั้งตัวอาคิราเอาไว้

“เอ๋? คุณมีรถเหรอ?” ณัฐรินีย์ถามด้วยความแปลกใจ เพราะเธอไม่ค่อยเห็นกฤตินขับรถ

“จอดอยู่ตรงนั้นไง”

กฤตินบอกพร้อมกับหยิบกุญแจรถออกมา และกดปลดล็อคไปที่รถสปอร์ตคันหรู สีดำเงางามที่ดูมีราคาสูงจอดนิ่งสงบอยู่ฝั่งตรงข้ามของรถธีรเทพ

“โห นี่รถคุณเหรอ?” ณัฐรินีย์ตาโตด้วยความตื่นเต้น

“อื้อ” กฤตินยิ้ม พร้อมกับจูงมืออาคิราไปที่รถ และเปิดประตูด้านข้างให้

“คุณนี่ เป็นคนที่เกินความคาดหมายจริงๆ นะ คุณกฤติน” ณัฐรินีย์เดินมามองรอบๆ รถสปอร์ตคันหรูที่มีเส้นสายโค้งมนและดีไซน์ทันสมัยด้วยความตื่นเต้น

“เกินไปละ ยัยณัฐ รีบไปเลย คุณธีร์รอหน้าหงิกแล้ว”

อาคิราดันหลังเพื่อนให้กลับไปหาชายหนุ่มสีหน้าบูดบึ้งยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม

“ย่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” ณัฐรินีย์แลบลิ้นให้เพื่อน ก่อนจะเดินกลับไปหาธีรเทพ

“เหนื่อยกับยัยคนนี้จริงๆ” อาคิราส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

“ฉันว่าเพื่อนเธอดีนะ รู้งานดี” กฤตินยิ้ม

“บางทีก็เกินไปมั้ง” อาคิราหัวเราะเบาๆ และก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ

กฤตินปิดประตูและขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ เขาสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์สปอร์ตดังกระหึ่มขึ้น พวกเขาเริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ มุ่งหน้าสู่ท้องถนนในยามค่ำคืน

แสงไฟจากถนนส่องสว่างผ่านกระจกหน้ารถ สะท้อนความหรูหราและความตื่นเต้นในค่ำคืนนี้

“คุณนี่ มีอะไรเกินคาดจริงๆ นะ” อาคิราพูดขึ้น

“รอให้เธอมาค้นหาไง” กฤตินตอบและยิ้มให้เธออย่างเจ้าเล่ห์

บรรยากาศในรถเงียบสงบ ขณะที่กฤตินขับรถไปตามถนนยามค่ำคืน แสงไฟจากสองข้างทางส่องสลับกับเงามืดของต้นไม้ที่เรียงราย สายลมเย็นสบายพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดเล็กน้อย

อาคิรานั่งข้างคนขับ มองดูทิวทัศน์ภายนอกด้วยความสงบ แต่ภายในใจกับเต็มไปด้วยความคิดถึงเรื่องที่ได้ยินเมื่อตอนทานอาหารค่ำ

“ตระกูลของคุณ...” อาคิราเอ่ยขึ้นเบาๆ ทำลายความเงียบในรถ

“ฉันไม่รู้เลยว่า คุณอยู่ในตระกูลที่มีความสำคัญขนาดนั้น”

“มันเป็นความลับน่ะ” กฤตินหันมายิ้มเล็กน้อย

“เราไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนให้ใครรู้มากนักหรอก”

“แล้ว...”

“แต่ถ้าเธออยากรู้ ฉันจะเล่าให้ฟัง” กฤตินยิ้มให้อาคิรา

“ไม่อะ ฉันยังไม่อยากรู้” อาคิราตัดสินใจข่มความอยากรู้ของตัวเองเอาไว้

“ทำไมล่ะ?”

“ฉันคิดว่า ถ้าคุณพร้อมจะบอก คุณคงบอกฉันเอง” อาคิราหันไปสบตากับกฤติน ดวงตาสีอำพันจ้องมองราวกับจะอ่านความรู้สึกของเขา

“ไว้ถึงเวลา เธอก็จะรู้เองล่ะ”

กฤตินยิ้ม จ้องมองอาคิราด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับ ทำให้อาคิราต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาแทนด้วยความเขินอาย

เมื่อมาถึงหน้าบ้านของอาคิรา กฤตินจอดรถที่ข้างถนนและหันมามองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกความปรารถในใจ อาคิราเริ่มรู้สึกตื่นเต้นและหัวใจเต้นแรง เธอหันมามองกฤตินอย่างเขินอาย

“ขอบคุณที่มาส่งนะ” อาคิรากล่าวเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก

“ยินดีเสมอ” กฤตินยิ้มและตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“งั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะ” อาคิราเขิน

“ไอ...” กฤตินรั้งตัวเธอเอาไว้

“หืม?” อาคิราหันมาสบตากับเขา ใจเต้นแรง

กฤตินเอื้อมมือไปแตะที่ใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน อาคิราสบตากับเขา ราวกับเวลาทั้งหมดหยุดหมุน

ความเงียบที่แสนหวานปกคลุมอยู่สักครู่ ก่อนที่กฤตินจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ อาคิราไม่สามารถต้านทานความรู้สึกที่ท่วมท้นได้ เธอปิดตาลงอย่างช้าๆ และรู้สึกถึงริมฝีปากของกฤตินที่ประกบเข้ากับริมฝีปากของเธอ จูบนี้อบอุ่นและอ่อนหวาน ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้หายไป เหลือเพียงพวกเขาสองคน

เสียงหัวใจของอาคิราดังชัดเจนในหูของเธอ ทุกความรู้สึก ทุกอารมณ์ถูกส่งผ่านจูบนี้ เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันที่ไม่อยากตื่นขึ้นมา

กฤตินถอนจูบออกอย่างช้าๆ และมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก

“ฝันดีนะ ไอ” เขากระซิบเบาๆ ก่อนจะจูบหน้าผากเธอเบาๆ เป็นการร่ำลา

“อื้อ ฝันดีเช่นกัน” อาคิรายิ้มเขินอายและพยักหน้า เธอเปิดประตูรถและลงจากรถ ยืนมองกฤตินที่ขับรถออกไปจากบ้านของเธอด้วยหัวใจที่เต้นแรงและเต็มไปด้วยความสุข

ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่เธอจะจดจำตลอดไป เพราะมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ ทั้งความรัก ความอบอุ่น และความสุขที่แท้จริง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status