“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ” ณัฐรินีย์เล่าจบก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“แปลกมาก” ธีรเทพมีสีหน้าครุ่นคิด
“รวี สนิทกับชัญญามากที่สุด เธอควรได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวสิ ไม่ใช่เป็นพวกคุณ”
“ใช่มะ! ประหลาดมาก” ณัฐรินีย์พยักหน้าเห็นด้วยกับธีรเทพ
“ฉันว่า ที่แปลกคือคุณเอกต่างหาก ภรรยาเพิ่งเสียแต่รีบแต่งงานเร็วเกิน แบบนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ดีแน่ๆ” อาคิราขมวดคิ้ว
“ที่สำคัญ....” อาคิราหันไปสบตากับกฤติน เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย
“แน่ะ อย่าอยู่ในโลกส่วนตัวกันแค่สองคนเซ่!” ณัฐรินีย์สังเกตเห็นรีบโวยวาย
“เอาน่ะ ไว้เราค่อยคุยกันหลังจบงานนี้ก็แล้วกัน” อาคิราตัดบท
“แน่นะ?” ณัฐรินีย์คาดคั้นเพื่อนสาว
“อื้อ สัญญาเลย” อาคิราหัวเราะพร้อมกับดีดหน้าผากเพื่อน
“คุณอาคิราและคุณณัฐรินีย์คะ คุณชัญญาให้มาตามค่ะ” พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินมาหาพวกเธอ
“รับทราบค่ะ” ทั้งสองคนพยักหน้า อาคิราหันไปสบตากับกฤติน เขายิ้มให้กำลังใจเธอ ก่อนที่หญิงสาวทั้งสองคนจะเดินออกไปจากห้องจัดงาน
ณัฐรินีย์และอาคิราถูกเรียกตัวมาที่ห้องจัดเตรียม ซึ่งเป็นห้องโถงเล็กๆ ข้างหลังห้องจัดเลี้ยงหลัก
ชัญญายืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โดยมีช่างแต่งหน้ากำลังจัดแต่งหน้าให้เธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความสมหวัง ชุดเจ้าสาวสีขาวงดงามที่เธอสวมใส่ทำให้เธอดูเด่นเป็นประกาย
เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนต้องออกไปที่ห้องจัดเลี้ยงหลัก บรรยากาศก็เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับและดอกไม้ที่ประดับประดาอย่างสวยงาม เสียงดนตรีเบาๆ คลอเคลียอยู่ในบรรยากาศสร้างความโรแมนติกให้กับงานแต่งงานนี้
เอกวัฒน์ในชุดทักซิโด้สีดำ ดูหล่อเหล่าและสง่างามยืนรออยู่ที่แท่นบูชาพร้อมกับเพื่อนเจ้าบ่าว ทั้งหมดยืนรอเจ้าสาวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังและความตื่นเต้น
เมื่อชัญญาในชุดเจ้าสาวสีขาวประดับด้วยลูกไม้สวยงาม เดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงพร้อมกับเสียงเพลงหวานซึ้ง ทุกสายตาจับจ้องไปที่เธอ ใบหน้าของชัญญาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความสุข เธอยิ้มแย้มราวกับเจ้าหญิงในนิทานที่ได้พบกับเจ้าชายในฝัน
ณัฐรินีย์และอาคิราเดินตามชัญญาไปที่เวทีในฐานะเพื่อนเจ้าสาว ทั้งคู่รู้สึกถึงความตึงเครียดที่แผ่ซ่านออกมาจากแขกที่มาร่วมงาน หลายคนยังคงงุนงงและพูดคุยกันถึงความรวดเร็วของการจัดงานแต่งงานนี้
ในขณะที่ชัญญาก้าวเดินไปยังเวทีที่ตกแต่งด้วยดอกไม้และแสงไฟอ่อนๆ เอกวัฒน์ที่ยืนรออยู่ เขามองดูชัญญาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เมื่อชัญญามาถึงตรงหน้าเอกวัฒน์ เขาจับมือเธออย่างนุ่มนวล
พิธีกรของงานเริ่มกล่าวคำอวยพรและคำกล่าวเปิดงาน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกที่มาร่วมงาน
“ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่วันสำคัญของเรา” เอกวัฒน์กล่าวเสียงหนักแน่น ขณะที่ชัญญายืนเคียงข้างเขาด้วยรอยยิ้ม
“ผมรู้ว่าเหตุการณ์นี้อาจจะทำให้หลายคนแปลกใจ” เอกวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
“แต่ผมเชื่อว่าในทุกๆ ความรัก มันมีทางที่ต้องการจะไป และวันนี้ผมก็ได้พบกับทางของผม”
“ชัญญาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความรักและความอบอุ่นอย่างแท้จริง เธอเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างผมในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน และวันนี้ ผมอยากประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ผมและชัญญาจะเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่ด้วยกัน”
เสียงฮือฮาในห้องจัดเลี้ยงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หลายคนยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ขณะที่ชัญญายืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ดวงตาของเธอส่องประกายด้วยความสุข
“วันนี้เป็นวันที่สำคัญและมีความหมายมากสำหรับเรา ขอให้ทุกคนร่วมยินดีและฉลองไปกับเราด้วยกันนะคะ” ชัญญาเสริมด้วยน้ำเสียงหวานใส
ณัฐรินีย์และอาคิรายืนอยู่ด้านข้าง รู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ก่อตัวขึ้นในใจ แต่พยายามเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ และทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวอย่างดีที่สุด
“วันนี้เป็นวันที่พิเศษสำหรับทั้งสองท่าน”
“คุณชัญญาและคุณเอกวัฒน์ เราขออวยพรให้ทั้งสองมีความสุขและรักกันตลอดไป” พิธีกรกล่าวด้วยเสียงอบอุ่น
เมื่อพิธีกรกล่าวจบ ชัญญาและเอกวัฒน์แลกแหวนกัน แสงแฟลชจากกล้องถ่ายภาพสว่างวาบไปทั่วห้อง เมื่อชัญญาสวมแหวนที่นิ้วของเอกวัฒน์และเอกวัฒน์สวมแหวนที่นิ้วของชัญญา
ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักและความสุข
เมื่อพิธีแลกแหวนเสร็จสิ้น เสียงเพลงบรรเลงขึ้นอีกครั้ง ชัญญาและเอกวัฒน์เดินลงจากเวที ทั้งสองคนเริ่มต้นเต้นรำคู่กันอย่างโรแมนติก แขกที่มาร่วมงานต่างมองดูด้วยความชื่นชมและอวยพรให้ทั้งสองคน
ความลับในห้องนอนในห้องนอนส่วนตัวของกฤตินที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและมีเสน่ห์ด้วยโทนสีขาวและดำ กลิ่นหอมของดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงลอยมาเบาๆ ขณะที่แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาให้แสงสว่างนุ่มนวลนอกจากแสงจันทร์ ยังมีแสงเทียนที่สลัวอบอุ่นประดับอยู่ตามมุมห้อง สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและโรแมนติกกฤตินนั่งอยู่บนเตียงในชุดนอนสีเข้ม มองอาคิราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แปรงผมอยู่ตรงโต๊ะของเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงแรมจัดงานเลี้ยง กฤตินก็พาอาคิราตรงกลับมาที่บ้านของเขาทันที โดยที่เธอไม่ได้ทักท้วงใดๆ เขารู้สึกว่า คืนนี้เขาไม่ปล่อยเธอกลับบ้านแน่นอน“อะไรเหรอ?” อาคิราถามขึ้นเบาๆ เธอรับรู้ถึงสายตาที่เขามองมา“เปล่า”กฤตินยิ้มกริ่ม อาคิราไม่รู้หรอกว่า เขารอเวลานี้มานานแค่ไหน“เดี๋ยวเถอะ!” อาคิราหันมาและเอาแปรงผมชี้หน้าเขา ใบหน้าของเธอแดงก่ำ“หึหึ มานี่สิ” กฤตินยิ้มและยื่นมือให้เธอ“.....”อาคิรามองมือของเขา ก่อนจะวางแปรงผมที่โต๊ะ ลุกขึ้นและจับมือของเขา“อ๊ะ”กฤตินดึงมือและเอาแขนอีกข้างรวบตัวของอาคิราให้ขึ้นมาบนเตียง อาคิราที่โดนดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาใบหน้าแดงก่ำ“คื
ความปรารถนาที่ถูกบ่ายเบี่ยงภายในห้องนอนของญาณวดีและก้องเกียรติ ที่เพิ่งผ่านพ้นมรสุมของความรักไป แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างกระทบกับเตียงที่เปียกชื้นจากเหงื่อและความรู้สึกที่ร้อนแรง ญาณวดีนอนอยู่ข้างก้องเกียรติ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข แต่ในสายตาของเธอซ่อนเร้นด้วยเล่ห์ร้ายบางอย่างเธอมองดูร่างของก้องเกียรติที่นอนเปลือยเปล่าข้าง ๆ กัน พลางลูบไล้เบา ๆ ไปที่แผ่นหลังของเขา สัมผัสอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความหวัง“ก้องคะ..” ญาณวดีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“หืม?”“ฉันอยากคุยเรื่องของเราน่ะค่ะ”“อะไรล่ะ?” ก้องเกียรติหลับตา เพราะยังรู้สึกเพลียกับสมรภูมิรักเมื่อครู่“ฉันอยากให้เราก้าวไปอีกขั้นในความสัมพันธ์นี้ ฉันอยากเป็นภรรยาที่ถูกต้องของคุณ”ก้องเกียรติที่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ รอยยิ้มที่เคยมีหายไปในทันที ความสงสัยและความไม่แน่ใจปรากฎในดวงตาของเขา“แต่นวล...ยังอยู่โรงพยาบาล ผมทิ้งเธอไม่ได้หรอก” ก้องเกียรติพยายามเลี่ยง“ฉันเข้าใจค่ะ แต่เธอเป็นบ้าไปแล้ว คุณจะปล่อยให้ตัวเองยึดติดกับคนที่เสียสติไปแล้วเหรอ?”“ฉันรักคุณ และฉันพร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ฉันต้องการเป็นเมียที่ถูกต้องของคุณค่ะ” ญาณวดีแสร้งทำเ
ความลับที่ถูกซ่อนเมื่อเข็มนาฬิกาเคลื่อนเข้าสู่เวลาเลิกงาน อาคิราก็เก็บข้าวของเตรียมตัวเพื่อกลับบ้าน วันนี้เธอต้องกลับบ้านเพียงลำพัง เพราะณัฐรินีย์ต้องอยู่ช่วยงานออกแบบของธีรเทพหลังเลิกงานทุกวัน เนื่องจากใกล้ถึงกำหนดเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทธีรเทพแล้วหญิงสาวเดินออกจากออฟฟิศและกดลิฟท์ลงไปยังชั้นหนึ่ง อาคิราเผลอคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ โดยไม่รู้ตัวว่า ในเงามืดของทางเดินมีใครบางคนกำลังรออยู่“เฮ้ คุณ”เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เธอหยุดชะงักและหันกลับไปมอง ก้องเกียรติยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของมีความกังวลเล็กน้อย“คุณนี่เอง” อาคิรานึกออกทันทีว่าเขาคือแฟนของญาณวดี“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ” ก้องเกียรติมองหน้าอาคิรานิ่ง“คาเฟ่ชั้นหนึ่งยังเปิดอยู่ เราไปคุยกันที่นั่นก็แล้วกัน”ทั้งสองคนเดินไปยังคาเฟ่ชั้นหนึ่งของตึก อาคารที่เต็มไปด้วยคนเดินขวักไขว่ แต่บรรยากาศในคาเฟ่กลับเงียบสงบอย่างประหลาด พวกเขาเลือกที่นั่งมุมหนึ่งที่เงียบสงบ“ผมมีเรื่องอยากถามสองเรื่อง” ก้องเกียรติเริ่มต้นก่อนหลังจากที่สั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว“หนึ่ง เรื่องญาณวดีที่คุณพูดหมายความว่ายังไง สองคุณรู้ได้ยังไงว
ความลับของญาณวดีในค่ำคืนที่เงียบสงบและมืดมิด ญาณวดีเดินผ่านตรอกซอยแคบๆ ที่มืดทึบและเต็มไปด้วยความลึกลับ ความรู้สึกตื่นเต้นและหวาดหวั่นกระจายไปทั่วใจเธอ แม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่น่ากลัวและอันตราย แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะเดินเข้ามาเมื่อเธอถึงหน้าประตูไม้เก่าๆ ที่ดูเหมือนจะผ่านกาลเวลามานาน เธอเคาะเบาๆ ไม่กี่ครั้ง ประตูค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นหญิงวัยชราคนหนึ่ง ผู้มีดวงตาลึกลับและน่ากลัวที่มองตรงมาที่เธอ“คือฉัน...”“เข้ามาสิ” เสียงแหบพร่าดังขึ้นญาณวดีพยักหน้าเบาๆ และเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นห้องที่มืดและเต็มไปด้วยกลิ่นธูปและสมุนไพรลอยอวล ญาณวดีเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ใจเธอเต้นรัวไปด้วยความกล้าและความกลัวเสียงกระพือของลมเย็นยามค่ำคืนดังแทรกเข้ามาในห้อง แสงเทียนวับวาวสะท้อนเงามืดที่ดูน่ากลัว“มาแล้วหรือ?”เสียงแหบพร่าของหมอผีดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง เขานั่งอยู่บนเบาะเก่า ๆ ในสภาพที่ดูราวกับออกมาจากฝันร้าย ผมยาวสีดำนั้นยุ่งเหยิงและแววตาสะท้อนแสงเทียนจ้องมองมาที่ญาณวดี“ฉันมาขอความช่วยเหลือค่ะ” ญาณวดีตอบเบา ๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกระหายที่จะได้สิ่งที่ต้องการ“เจ้าต้องการอะไร?” หมอผียิ้มอย่า
ณัฐรินีย์หลับตาเพื่อพักสายตาครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่นัก ธีรเทพกำลังจ้องมองโน้ตบุ๊คเบื้องหน้าของเขาด้วยสายตาจริงจัง แว่นกันแสงบลูไลท์ที่เขาใส่ ทำให้เขาดูเท่และสมกับเป็นนักธุรกิจยิ่งขึ้น“นี่คุณ” ณัฐรินีย์เอ่ยทำลายความเงียบ“หืม?” ธีรเทพตอบกลับโดยไม่ได้ละสายตาจากโน้ตบุ๊ค“คุณ...ไม่ต้องพากานต์รวีไปเที่ยวบ้างเหรอ?”“....” มือของธีรเทพชะงักไป ก่อนจะหันมามองหญิงสาวที่จ้องมองเขาด้วยความสงสัย“ไม่อะ” ชายหนุ่มตอบง่ายๆ“เอ้า ทำไมอะ?”“รวีไปกับชัญญาน่ะ” ธีรเทพตอบอย่างไม่ใส่ใจ“ห๊ะ?” ณัฐรินีย์ยิ่งแปลกใจมากขึ้น“ตั้งแต่รวีเจอกับชัญญา รวีก็แทบไม่ได้อยู่บ้าน ส่วนมากจะไปกับชัญญาตลอด” ธีรเทพตอบด้วยท่าทางไม่เดือดร้อน“นี่คุณ ที่คุณพูดมา มันแปลกไม่ใช่เหรอ? เป็นสามีภรรยากัน มีอย่างที่ไหนไปกับเพื่อน?” ณัฐรินีย์ขมวดคิ้ว“อืม...ไม่รู้สิ ผมก็พยายามหาคำตอบอยู่”“แล้วคุณไม่เดือดร้อนเหรอ? โดนเพื่อนภรรยาแย่งเวลาไปหมดแบบนี้น่ะ” ณัฐรินีย์ชะโงกหน้าเข้าไปจ้องมองราวกับจะอ่านความรู้สึกของธีรเทพ“ไม่นะ เพราะผมได้ทำงานเต็มที่ ที่สำคัญ....” ธีรเทพหันไปมองตาณัฐรินีย์“ผมได้เจอคุณ
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านตึกสูงระฟ้าในกรุงเทพฯ เสียงรถราและผู้คนพลุกพล่าน เป็นสัญญาณเริ่มต้นของอีกหนึ่งวันทำงาน สำหรับชัญญา พนักงานสาวสวยฝ่ายการตลาด เช้าวันนี้เธอมีรอยยิ้มที่สดใส แฝงไว้ด้วยความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่นชัญญา เดินเข้ามาในบริษัท “Vivid Enterprise” ด้วยท่าทางสง่า เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสีแดงโดยสวมทับด้วยสูทสีดำเรียบหรู เส้นผมสลวยยาว ใบหน้าสวยคม ดวงตาเฉียบคม เธอเป็นที่หมายปองของผู้ชายในบริษัท แต่ชัญญาไม่เคยสนใจใคร เธอมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว นั่นคือการก้าวขึ้นสู่อำนาจ เป็นผู้หญิงที่เหนือกว่าใครๆภายในห้องทำงาน ชัญญาในชุดเดรสสีแดง นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอมองไปรอบๆ เห็นพนักงานคนอื่นๆ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่มีใครเก่งเท่าเธอ ชัญญารู้สึกภูมิใจในตัวเอง เธอคิดว่าเธอสมควรได้รับตำแหน่งที่สูงกว่านี้ก๊อก ก๊อก“เชิญค่ะ” ชัญญาตอบด้วยน้ำเสียงหวานใส“คุณญ่าคะ คุณเอกวัฒน์ว่างแล้วค่ะ” เลขาแจ้ง“ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ชัญญาตอบ รีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน จัดเอกสารให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องไปก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตค่ะ” ชัญญาบอกเสียงใส
ในบ้านหลังใหญ่ที่หรูหราภายในห้องนอนที่มืดมิด แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่าง เป็นประกายระยิบระยับ กานต์รวี นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ดวงตาของเธอปิดสนิท แต่หัวใจของเธอดิ้นรนด้วยความปรารถนา เธอคิดถึงชัญญา หญิงสาวผู้จุดประกายไฟแห่งรักในตัวเธอกานต์รวี รู้จักชัญญามานานแล้ว ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันสมัยเรียนด้วยกัน ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกัน ชอบทำกิจกรรมคล้ายๆ กัน กานต์รวี ชื่นชมในความสวยงามและความร่าเริงของชัญญา ในขณะที่ชัญญา ชื่นชอบในความฉลาดและความใจดีของกานต์รวี ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอกานต์รวีแอบหลงรักชัญญา เธอเกือบจะสารภาพรักกับชัญญา แต่เมื่อชัญญาพาแฟนหนุ่มที่หล่อเหลาและดูดีมาแนะนำให้รู้จัก กานต์วรีรู้สึกเสียใจ และต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้หลังเรียนจบ ทั้งคู่แยกย้ายกันไปทำงานและไม่ได้ติดต่อกันอีก ในที่สุดกานต์รวีตัดสินใจแต่งงานกับชายหนุ่มที่ชื่อ ธีรเทพ เพื่อลืมความรักที่มีต่อชัญญา แต่ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว กานต์รวีก็ยังไม่สามารถลืมชัญญาได้ เธอแอบติดตามชีวิตของชัญญาผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เสมอจนกระทั่งวันหนึ่ง เหมือนสวรรค์เล่นตลกให้ชัญญามาสมัครงานที่บริษัท Vivid Ente
สัปดาห์ถัดมา ชัญญาได้เริ่มต้นทำงานใหม่ในตำแหน่งเลขาของเอกวัฒน์ เธอตั้งเป้าที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเธอ และเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจที่เธอต้องการภายในห้องทำงานของเอกวัฒน์ชัญญา ทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอสามารถตอบคำถามของเอกวัฒน์ได้อย่างถูกต้อง และตรงประเด็น เอกวัฒน์รู้สึกประทับใจในความสามารถของชัญญามากขึ้นทุกทีในฐานะเลขาของเอกวัฒน์ ชัญญามีงานที่หนักขึ้น เธอต้องจัดการงานต่างๆ ให้กับเอกวัฒน์ ทั้งงานเอกสาร งานประชุม งานติดต่อลูกค้า ชัญญาทำงานอย่างคล่องแคล่ว และมีประสิทธิภาพ เธอสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเอกวัฒน์นั่งมองหญิงสาวทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง“นายคะ กาแฟค่ะ” ชัญญาเสิร์ฟกาแฟ พร้อมเปลี่ยนสรรพานามในการเรียกเอกวัฒน์ใหม่“ขอบคุณมาก คุณทำงานดีมาก ผมประทับใจจริงๆ” เอกวัฒน์ชม พร้อมกับจับมือของชัญญาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้ และแรงปรารถนา“อ๊ะ..ถ้านายชอบ ญ่าก็ดีใจค่ะ” ชัญญามีท่าทีเขินอาย เธอพยายามดึงมือออก“คืนนี้คุณว่างมั้ย ?” เอกวัฒน์ยอมปล่อยมือ“ว่างค่ะ ทำไมเหรอคะ?” ชัญญาประสานมือไว้ด้