ความลับที่ถูกซ่อน
เมื่อเข็มนาฬิกาเคลื่อนเข้าสู่เวลาเลิกงาน อาคิราก็เก็บข้าวของเตรียมตัวเพื่อกลับบ้าน วันนี้เธอต้องกลับบ้านเพียงลำพัง เพราะณัฐรินีย์ต้องอยู่ช่วยงานออกแบบของธีรเทพหลังเลิกงานทุกวัน เนื่องจากใกล้ถึงกำหนดเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทธีรเทพแล้ว
หญิงสาวเดินออกจากออฟฟิศและกดลิฟท์ลงไปยังชั้นหนึ่ง อาคิราเผลอคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ โดยไม่รู้ตัวว่า ในเงามืดของทางเดินมีใครบางคนกำลังรออยู่
“เฮ้ คุณ”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เธอหยุดชะงักและหันกลับไปมอง ก้องเกียรติยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของมีความกังวลเล็กน้อย
“คุณนี่เอง” อาคิรานึกออกทันทีว่าเขาคือแฟนของญาณวดี
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ” ก้องเกียรติมองหน้าอาคิรานิ่ง
“คาเฟ่ชั้นหนึ่งยังเปิดอยู่ เราไปคุยกันที่นั่นก็แล้วกัน”
ทั้งสองคนเดินไปยังคาเฟ่ชั้นหนึ่งของตึก อาคารที่เต็มไปด้วยคนเดินขวักไขว่ แต่บรรยากาศในคาเฟ่กลับเงียบสงบอย่างประหลาด พวกเขาเลือกที่นั่งมุมหนึ่งที่เงียบสงบ
“ผมมีเรื่องอยากถามสองเรื่อง” ก้องเกียรติเริ่มต้นก่อนหลังจากที่สั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว
“หนึ่ง เรื่องญาณวดีที่คุณพูดหมายความว่ายังไง สองคุณรู้ได้ยังไงว่า ภรรยาผมเสียสติ” ก้องเกียรติยิงคำถามทันที
“ฉันบอกไม่ได้” อาคิราตอบมองหน้าเขานิ่ง
“เพราะอะไร?”
“เพราะคุณไม่เชื่อ” อาคิราสวนทันควัน
“เชื่อหรือไม่ มันเรื่องของผม แต่คุณควรบอก” ก้องเกียรติไม่ยอมให้อาคิราปฏเสธ
“....”
“ก็ได้” อาคิราถอนหายใจ ดวงตาสีอำพันมองก้องเกียรติราวกับจะอ่านความรู้สึกของเขา
“เรื่องแรก ญาณวดีใส่น้ำมันพรายยาเสน่ห์ในของให้คุณกิน เพื่อให้คุณหลงรักเธอ เรื่องที่สอง วิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่กับคุณบอกฉัน”
“...”
ก้องเกียรตินิ่งอึ้งไปชั่วขณะ คำพูดของหญิงสาวตรงหน้าเหมือนคนเสียสติ เธอพูดเรื่องอะไร น้ำมันพราย วิญญาณ ของพวกนั้นมันมีจริงที่ไหนกัน
“คุณไม่เชื่อ” อาคิราย้ำคำพูดอีกครั้ง
“มัน...ออกจะเหลือเชื่อดีกว่า นี่มันยุคไหนแล้ว ของพวกนั้น มันไม่มีอยู่จริงซักหน่อย” ก้องเกียรติส่ายหน้าอย่างเชื่อไม่ลง
“คุณไม่เห็น ไม่เคยสัมผัส ไม่ได้หมายความว่า มันไม่มีอยู่จริงซักหน่อย” อาคิราพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เฮ่อ...ผมนึกว่าคุณจะมีหลักฐาน หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ผมเชื่อได้เสียอีก มโนขึ้นมาเองแบบนี้ ผมว่า..มันก็เกินไปหน่อยมั้ง” ก้องเกียรติยักไหล่
“ภรรยาของคุณชื่อ นวลพรรณ ก่อนหน้าที่เธอจะเข้าโรงพยาบาล เธอมีเรื่องกับญาณวดีในร้านอาหารที่ชื่อว่า....”
“!!”
ก้องเกียรติมีสีหน้าตกใจ ทุกสิ่งที่อาคิรากล่าวมา เป็นเรื่องจริง และเธอไม่มีทางรู้แน่นอน เพราะวันนั้นมีคนอยู่ในเหตุการณ์เพียงแค่ เขา นวลพรรณ และญาณวดีเท่านั้น
“คุณรู้ได้ไง คุณแอบไปเอากล้องวงจรปิดมาดูเหรอ?”
“ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างคุณตอนนี้ เล่าให้ฉันฟัง”
“....” ก้องเกียรติหันไปมองรอบตัวด้วยความตกใจ
“ฮะๆ หลอกกันสินะ”
“คุณจะเชื่อหรือไม่ มันเรื่องของคุณ”
“แต่ฉันบอกได้ว่า ภรรยาของคุณเห็นสิ่งที่คุณทำกับญาณวดี ก่อนวันที่จะเกิดเรื่องทะเลาะกัน”
อาคิราพูดเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับวางเงินไว้บนโต๊ะเป็นค่าเครื่องดื่มที่เธอสั่ง
“ถ้าคุณอยากรู้ว่าจริงมั้ย ลองถาม ‘คุณมินตรา’ ที่เป็นเพื่อนของภรรยาคุณดูสิ เผื่อคุณจะได้คำตอบ”
อาคิราพูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกจากคาเฟ่ไปโดยไม่เหลียวกลับมามองก้องเกียรติแม้แต่นิดเดียว
“มินตรา...งั้นเหรอ?” ก้องเกียรติกุมขมับ ก่อนจะพึมพำออกมาเบา
ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่า การพบกันของทั้งคู่มีสายตาประสงค์ร้ายแอบจ้องมองด้วยความริษยาอยู่ที่มุมมืดแห่งหนึ่งในคาเฟ่แห่งนั้น
การประชุมลับในหอสมุด
ในหอสมุดลึกลับอีกแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในมุมลึกของเมือง แสงไฟจากโคมไฟเก่าทำให้บรรยากาศในห้องอ่านหนังสือดูอบอุ่นและลึกลับ เสียงกระซิบของการพูดคุยเบา ๆ ดังไปทั่ว
กฤติน อาคิรา ธีรเทพ และณัฐรินีย์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ใหญ่กลางห้องสมุด มีหนังสือเก่าแก่ และถ้วยชาเล็กๆ วางอยู่เคียงข้างแต่ละคน
เสียงใบไม้ที่พัดผ่านและเสียงจิ้งหรีดทำให้บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความเงียบสงบ
“เอาล่ะ ฉันขอสรุปแบบง่ายๆ ละกัน หนึ่ง เรื่องการแต่งงานกระทันหันของคุณเอกและชัญญา ฉันคิดว่าเกิดจากยาเสน่ห์ที่ชัญญาใช้เพื่อควบคุมคุณเอก ซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก”
“และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้คุณเอกวัฒน์เริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการติดสินใจอย่างไม่ปกติ” กฤตินพยักหน้าเห็นด้วย
“สอง การที่คุณเกศเสียชีวิต น่าจะเกิดจากการใช้ไสยศาสตร์มนตร์ดำของใครซักคน โดยคนที่ออกคำสั่งก็น่าจะคือ ชัญญา” อาคิราสรุปแบบเหตุการณ์รวดเดียวจบ
“แล้วเราต้องทำยังไงล่ะ?” ณัฐรินีย์ที่ฟังอยู่เงียบๆ เอ่ยถาม
“ผมว่า เราควรต้องหาหลักฐานให้ได้ว่า ชัญญาเป็นคนทำ” ธีรเทพเสนอขึ้นมา
“....”
อาคิรามองหน้ากฤตินที่อมยิ้มด้วยท่าทางสนุกสนาน ก่อนจะหันไปมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าแปลกใจที่ทั้งคู่ยอมรับผลการสรุปของพวกเขาอย่างไม่คัดค้าน และไม่มีคำถามเลยสักนิด
“ผมคิดว่า..น่าจะมีคนที่คอยช่วยเหลือชัญญาอยู่เบื้องหลังด้วย” ธีรเทพมีสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยออกมา
“ฉันว่าคนที่เข้าข่ายน่าสงสัยคือ....” ณัฐรินีย์ชะงักไปเล็กน้อย
“ทำไมเหรอ?” ณัฐรินีย์ถาม มองอาคิราด้วยความสงสัย
“เอ่อ...พวกเธอดูยอมรับได้แบบแปลกๆ น่ะ” อาคิรามีสีหน้าที่งุนงง ส่วนกฤตินกลั้นหัวเราะ
“ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ก็คงไม่เชื่อหรอก” ธีรเทพยักไหล่
“เห็น!!” อาคิราเบิกตาโต หันไปมองณัฐรินีย์
“อื้อ”
“อ๊ะ คุณรู้อยู่แล้วเหรอ?” อาคิรานึกขึ้นได้หันไปคาดคั้นกฤตินที่อมยิ้ม
“เธอคิดว่าไงล่ะ?” กฤตินยักคิ้วให้เธอ
“..นี่คุณ...” อาคิราหรี่ตามองอย่างเจ็บใจ
“เอาน่ะ ว่าแต่เมื่อกี้คุณณัฐสงสัยใครนะ?” กฤตินยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องทันที
“อ่ะ คนที่ฉันสงสัยคือ....” ณัฐรินีย์อึกอักเล็กน้อย
“รวีสินะ” ธีรเทพกลับเป็นคนพูดชื่อบุคคลน่าสงสัยออกมาเอง
“ใช่ ฉันสงสัยกานต์รวีน่ะ” ณัฐรินีย์พูดเบาๆ ด้วยความเกรงใจ
“คุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมเห็นด้วยกับคุณ” ธีรเทพยิ้มให้ณัฐรินีย์
“ถ้าเห็นตรงกันแบบนี้ งั้นผมว่าใช้แผนนี้ดีกว่า” กฤตินครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเสนอแผนการ
“คุณณัฐกับคุณธีร์ ช่วยหาหลักฐานที่เป็นรูปธรรมจากกานต์รวีและชัญญา ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการว่าจ้างหมอผี หรือหมอที่ทำคุณไสยแล้วกัน”
“ส่วนผมกับไอ จะหาทางแก้ให้คุณเอกวัฒน์พ้นจากเสน่ห์มนตร์ดำเอง”
“โอเค ตกลงตามนี้”
ความลับของญาณวดีในค่ำคืนที่เงียบสงบและมืดมิด ญาณวดีเดินผ่านตรอกซอยแคบๆ ที่มืดทึบและเต็มไปด้วยความลึกลับ ความรู้สึกตื่นเต้นและหวาดหวั่นกระจายไปทั่วใจเธอ แม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่น่ากลัวและอันตราย แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะเดินเข้ามาเมื่อเธอถึงหน้าประตูไม้เก่าๆ ที่ดูเหมือนจะผ่านกาลเวลามานาน เธอเคาะเบาๆ ไม่กี่ครั้ง ประตูค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นหญิงวัยชราคนหนึ่ง ผู้มีดวงตาลึกลับและน่ากลัวที่มองตรงมาที่เธอ“คือฉัน...”“เข้ามาสิ” เสียงแหบพร่าดังขึ้นญาณวดีพยักหน้าเบาๆ และเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นห้องที่มืดและเต็มไปด้วยกลิ่นธูปและสมุนไพรลอยอวล ญาณวดีเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ใจเธอเต้นรัวไปด้วยความกล้าและความกลัวเสียงกระพือของลมเย็นยามค่ำคืนดังแทรกเข้ามาในห้อง แสงเทียนวับวาวสะท้อนเงามืดที่ดูน่ากลัว“มาแล้วหรือ?”เสียงแหบพร่าของหมอผีดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง เขานั่งอยู่บนเบาะเก่า ๆ ในสภาพที่ดูราวกับออกมาจากฝันร้าย ผมยาวสีดำนั้นยุ่งเหยิงและแววตาสะท้อนแสงเทียนจ้องมองมาที่ญาณวดี“ฉันมาขอความช่วยเหลือค่ะ” ญาณวดีตอบเบา ๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกระหายที่จะได้สิ่งที่ต้องการ“เจ้าต้องการอะไร?” หมอผียิ้มอย่า
ณัฐรินีย์หลับตาเพื่อพักสายตาครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่นัก ธีรเทพกำลังจ้องมองโน้ตบุ๊คเบื้องหน้าของเขาด้วยสายตาจริงจัง แว่นกันแสงบลูไลท์ที่เขาใส่ ทำให้เขาดูเท่และสมกับเป็นนักธุรกิจยิ่งขึ้น“นี่คุณ” ณัฐรินีย์เอ่ยทำลายความเงียบ“หืม?” ธีรเทพตอบกลับโดยไม่ได้ละสายตาจากโน้ตบุ๊ค“คุณ...ไม่ต้องพากานต์รวีไปเที่ยวบ้างเหรอ?”“....” มือของธีรเทพชะงักไป ก่อนจะหันมามองหญิงสาวที่จ้องมองเขาด้วยความสงสัย“ไม่อะ” ชายหนุ่มตอบง่ายๆ“เอ้า ทำไมอะ?”“รวีไปกับชัญญาน่ะ” ธีรเทพตอบอย่างไม่ใส่ใจ“ห๊ะ?” ณัฐรินีย์ยิ่งแปลกใจมากขึ้น“ตั้งแต่รวีเจอกับชัญญา รวีก็แทบไม่ได้อยู่บ้าน ส่วนมากจะไปกับชัญญาตลอด” ธีรเทพตอบด้วยท่าทางไม่เดือดร้อน“นี่คุณ ที่คุณพูดมา มันแปลกไม่ใช่เหรอ? เป็นสามีภรรยากัน มีอย่างที่ไหนไปกับเพื่อน?” ณัฐรินีย์ขมวดคิ้ว“อืม...ไม่รู้สิ ผมก็พยายามหาคำตอบอยู่”“แล้วคุณไม่เดือดร้อนเหรอ? โดนเพื่อนภรรยาแย่งเวลาไปหมดแบบนี้น่ะ” ณัฐรินีย์ชะโงกหน้าเข้าไปจ้องมองราวกับจะอ่านความรู้สึกของธีรเทพ“ไม่นะ เพราะผมได้ทำงานเต็มที่ ที่สำคัญ....” ธีรเทพหันไปมองตาณัฐรินีย์“ผมได้เจอคุณ
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านตึกสูงระฟ้าในกรุงเทพฯ เสียงรถราและผู้คนพลุกพล่าน เป็นสัญญาณเริ่มต้นของอีกหนึ่งวันทำงาน สำหรับชัญญา พนักงานสาวสวยฝ่ายการตลาด เช้าวันนี้เธอมีรอยยิ้มที่สดใส แฝงไว้ด้วยความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่นชัญญา เดินเข้ามาในบริษัท “Vivid Enterprise” ด้วยท่าทางสง่า เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสีแดงโดยสวมทับด้วยสูทสีดำเรียบหรู เส้นผมสลวยยาว ใบหน้าสวยคม ดวงตาเฉียบคม เธอเป็นที่หมายปองของผู้ชายในบริษัท แต่ชัญญาไม่เคยสนใจใคร เธอมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว นั่นคือการก้าวขึ้นสู่อำนาจ เป็นผู้หญิงที่เหนือกว่าใครๆภายในห้องทำงาน ชัญญาในชุดเดรสสีแดง นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอมองไปรอบๆ เห็นพนักงานคนอื่นๆ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่มีใครเก่งเท่าเธอ ชัญญารู้สึกภูมิใจในตัวเอง เธอคิดว่าเธอสมควรได้รับตำแหน่งที่สูงกว่านี้ก๊อก ก๊อก“เชิญค่ะ” ชัญญาตอบด้วยน้ำเสียงหวานใส“คุณญ่าคะ คุณเอกวัฒน์ว่างแล้วค่ะ” เลขาแจ้ง“ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ชัญญาตอบ รีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน จัดเอกสารให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องไปก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตค่ะ” ชัญญาบอกเสียงใส
ในบ้านหลังใหญ่ที่หรูหราภายในห้องนอนที่มืดมิด แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่าง เป็นประกายระยิบระยับ กานต์รวี นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ดวงตาของเธอปิดสนิท แต่หัวใจของเธอดิ้นรนด้วยความปรารถนา เธอคิดถึงชัญญา หญิงสาวผู้จุดประกายไฟแห่งรักในตัวเธอกานต์รวี รู้จักชัญญามานานแล้ว ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันสมัยเรียนด้วยกัน ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกัน ชอบทำกิจกรรมคล้ายๆ กัน กานต์รวี ชื่นชมในความสวยงามและความร่าเริงของชัญญา ในขณะที่ชัญญา ชื่นชอบในความฉลาดและความใจดีของกานต์รวี ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอกานต์รวีแอบหลงรักชัญญา เธอเกือบจะสารภาพรักกับชัญญา แต่เมื่อชัญญาพาแฟนหนุ่มที่หล่อเหลาและดูดีมาแนะนำให้รู้จัก กานต์วรีรู้สึกเสียใจ และต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้หลังเรียนจบ ทั้งคู่แยกย้ายกันไปทำงานและไม่ได้ติดต่อกันอีก ในที่สุดกานต์รวีตัดสินใจแต่งงานกับชายหนุ่มที่ชื่อ ธีรเทพ เพื่อลืมความรักที่มีต่อชัญญา แต่ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว กานต์รวีก็ยังไม่สามารถลืมชัญญาได้ เธอแอบติดตามชีวิตของชัญญาผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เสมอจนกระทั่งวันหนึ่ง เหมือนสวรรค์เล่นตลกให้ชัญญามาสมัครงานที่บริษัท Vivid Ente
สัปดาห์ถัดมา ชัญญาได้เริ่มต้นทำงานใหม่ในตำแหน่งเลขาของเอกวัฒน์ เธอตั้งเป้าที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเธอ และเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจที่เธอต้องการภายในห้องทำงานของเอกวัฒน์ชัญญา ทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอสามารถตอบคำถามของเอกวัฒน์ได้อย่างถูกต้อง และตรงประเด็น เอกวัฒน์รู้สึกประทับใจในความสามารถของชัญญามากขึ้นทุกทีในฐานะเลขาของเอกวัฒน์ ชัญญามีงานที่หนักขึ้น เธอต้องจัดการงานต่างๆ ให้กับเอกวัฒน์ ทั้งงานเอกสาร งานประชุม งานติดต่อลูกค้า ชัญญาทำงานอย่างคล่องแคล่ว และมีประสิทธิภาพ เธอสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเอกวัฒน์นั่งมองหญิงสาวทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง“นายคะ กาแฟค่ะ” ชัญญาเสิร์ฟกาแฟ พร้อมเปลี่ยนสรรพานามในการเรียกเอกวัฒน์ใหม่“ขอบคุณมาก คุณทำงานดีมาก ผมประทับใจจริงๆ” เอกวัฒน์ชม พร้อมกับจับมือของชัญญาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้ และแรงปรารถนา“อ๊ะ..ถ้านายชอบ ญ่าก็ดีใจค่ะ” ชัญญามีท่าทีเขินอาย เธอพยายามดึงมือออก“คืนนี้คุณว่างมั้ย ?” เอกวัฒน์ยอมปล่อยมือ“ว่างค่ะ ทำไมเหรอคะ?” ชัญญาประสานมือไว้ด้
ในห้องทำงานหรูหราใจกลางคฤหาสน์เอกวัฒน์ นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังนุ่ม แสงไฟจากโคมระย้าส่องสว่างลงมาบนใบหน้าของเขา ในมือถือแก้วไวน์แดง จิบไปช้าๆ พลางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างค่ำคืนนี้ เอกวัฒน์รู้สึกเหงา และคิดถึงชัญญา เลขาคนสวย ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาจากดินเนอร์กับชัญญา บรรยากาศในร้านอาหารโรแมนติก แสงไฟสลัว เสียงเพลงคลอเบาๆชัญญา ดูสวยมากในชุดเดรสสีดำ เธอฉลาด พูดเก่ง ภาพชัญญายิ้มหวาน พูดคุยอย่างสนุกสนาน ดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว และรู้สึกหลงใหลในตัวชัญญา เขารู้สึกว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขารู้จักเขารู้สึก...เหมือนหลงรักเธอเขารู้สึก..อยากกอด จูบเธอเขารู้สึก...อยากครอบครองเธอเอกวัฒน์ถอนหายใจยาว พักหลัง เขารู้สึกถึงความเย็นชาในความสัมพันธ์ของเขากับภรรยา เขาต้องการผู้หญิงที่สดใส มีชีวิตชีวา และทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนชัญญาเอกวัฒน์ วางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังหน้าต่าง เขามองออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงดาวระยิบระยับ เหมือนกับความฝันของเขาเขาฝันอยากจะมีความสุขกับชัญญาเอกวัฒน์กำหมัดแน่น เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องได้ตัวชัญญามาคร
นที่ 5:ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในห้องทำงานของญาณวดีญาณวดีนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูขวดแก้วสีแดงที่บรรจุยาเสน่ห์สีดำขลับ เธอรู้สึกโกรธแค้นและผิดหวังยาเสน่ห์ที่เธอคิดว่าจะช่วยให้เธอเอาชนะใจของเอกวัฒน์ กลับกลายเป็นว่าไร้ผล เอกวัฒน์ไม่ได้หลงรักเธอ แต่เขากลับหลงรักชัญญา เลขาสาวของเขา“ทำไมมันถึงไม่ได้ผล ฉันใช้ยาเสน่ห์ชั้นดี แต่ทำไมคุณเอกถึงไม่หลงรักฉัน” ญาณวดีกำขวดยาเสน่ห์แน่นญาณวดีนึกย้อนเหตุการณ์ในอดีต เธอเคยใช้ยาเสน่ห์กับผู้ชายมากมาย และทุกครั้งมันก็ได้ผล ผู้ชายทุกคนหลงรักเธอ หัวปักหัวปำ แต่ทำไมกับเอกวัฒน์ ยาเสน่ห์ถึงไม่ทำงาน“ชัญญา เธอต้องชดใช้ ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะต้องเอาชนะเธอให้ได้” ญาณวดีคำรามในลำคอเบาๆญาณวดีลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบขวดแก้วอีกขวดหนึ่งขึ้นมา ขวดแก้วนี้บรรจุยาเสน่ห์สูตรใหม่ที่เธอเพิ่งได้รับจากหมอทำเสน่ห์ที่มีชื่อเสียงแถวภาคกลาง“ยาสูตรนี้แรงมาก ไม่จำเป็นต้องหยดใส่ให้ไอ้หนุ่มนั่นกิน แต่เธอต้องเป็นคนกินเอง ว่าแต่เธอจะกล้ากินหรือเปล่า?” คำพูดของหมอทำเสน่ห์ดังก้องในหัว“ก็เอาสิ ลองดูกันสักตั้ง”ญาณวดีเทยาเสน่ห์ลงในแก้วน้ำ และยกขึ้นจิบ รสชาติของยาเสน่ห์ช่างขมขื่น แต่เ
มนุษย์เรานั้นช่างน่าประหลาด อะไรที่ตัวเองมีอยู่ ก็มักไม่สนใจ อยากได้ของคนอื่น ของที่เคยทำแล้วทำ ได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดี ก็ไม่พอใจกับผลลัพธ์ของมัน อยากได้ผลสัมฤทธิ์ที่มากกว่านั้นชัญญาเองก็เช่นกัน แม้ว่าเอกวัฒน์จะหลงเสน่ห์เธอจนหัวปั่น เขาทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ ตั้งแต่...ซื้อคอนโดหรูใจกลางเมืองเพื่อเป็นรังรักของเขาและเธอทำบัตรเครดิตให้เธอ เพื่อให้เธอใช้ตามสบายเวลาว่างก็พาเธอไปเที่ยวต่างประเทศซื้อรถสปอร์ตคันหรูให้เธอชีวิตของชัญญายิ่งสะดวกสบายมากขึ้น ตั้งแต่เธอยอมพลีกายให้เอกวัฒน์เชยชม และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้ว่า เอกวัฒน์และภรรยาห่างเหินเรื่องบนเตียงนานมากทุกครั้งที่เอกวัฒน์มาหาเธอที่คอนโด เธอสั่งอาหารจากภัตราคารหรูมารอเสมอ และหลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอกวัฒน์ก็ต้องการชัญญาเป็นของหวานหลังมื้ออาหารทุกครั้งแต่เธอก็ยังไม่พอใจ เพราะความทะเยอทะยานของเธอคือ ต้องการเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แต่...เอกวัฒน์ก็ไม่เคยคิดที่จะหย่ากับภรรยา นั่นทำให้เธอคิดว่า ยาเสน่ห์ที่เธอทำ ฤทธิ์ของมันคงไม่แรงพอ“นายขา.....” ชัญญาเรียกเสียงหวานจากบนเตียง“หืม ?”เอกวัฒน์กำลังยืนผูกเนคไทอยู่หน้ากระจก เ