ความลับของญาณวดี
ในค่ำคืนที่เงียบสงบและมืดมิด ญาณวดีเดินผ่านตรอกซอยแคบๆ ที่มืดทึบและเต็มไปด้วยความลึกลับ ความรู้สึกตื่นเต้นและหวาดหวั่นกระจายไปทั่วใจเธอ แม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่น่ากลัวและอันตราย แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะเดินเข้ามา
เมื่อเธอถึงหน้าประตูไม้เก่าๆ ที่ดูเหมือนจะผ่านกาลเวลามานาน เธอเคาะเบาๆ ไม่กี่ครั้ง ประตูค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นหญิงวัยชราคนหนึ่ง ผู้มีดวงตาลึกลับและน่ากลัวที่มองตรงมาที่เธอ
“คือฉัน...”
“เข้ามาสิ” เสียงแหบพร่าดังขึ้น
ญาณวดีพยักหน้าเบาๆ และเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นห้องที่มืดและเต็มไปด้วยกลิ่นธูปและสมุนไพรลอยอวล ญาณวดีเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ใจเธอเต้นรัวไปด้วยความกล้าและความกลัว
เสียงกระพือของลมเย็นยามค่ำคืนดังแทรกเข้ามาในห้อง แสงเทียนวับวาวสะท้อนเงามืดที่ดูน่ากลัว
“มาแล้วหรือ?”
เสียงแหบพร่าของหมอผีดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง เขานั่งอยู่บนเบาะเก่า ๆ ในสภาพที่ดูราวกับออกมาจากฝันร้าย ผมยาวสีดำนั้นยุ่งเหยิงและแววตาสะท้อนแสงเทียนจ้องมองมาที่ญาณวดี
“ฉันมาขอความช่วยเหลือค่ะ” ญาณวดีตอบเบา ๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกระหายที่จะได้สิ่งที่ต้องการ
“เจ้าต้องการอะไร?” หมอผียิ้มอย่างสะพรึง
“ฉันต้องการให้หมอส่งโหงพรายไปทำเสน่ห์ใส่ผู้ชายคนที่ชื่อก้องเกียรติค่ะ” ญาณวดีกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ พร้อมกับเอารูปของก้องเกียรติวางไว้ด้านหน้า เธอต้องการให้ก้องเกียรติตกหลุมรักเธอจนหมดใจ
“เจ้าแน่ใจหรือ? การใช้โหงพรายทำเสน่ห์ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มันอาจนำพาหายนะมาสู่ตัวเจ้าเองได้” หมอผีหรี่ตาลง และในห้องนั้นเสียงธูปไหม้เปล่งประกายเล็กน้อย
“ฉันแน่ใจค่ะ” ญาณวดีหายใจเข้าลึกและตอบด้วยความมั่นใจ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะช่วยเจ้า แต่จำไว้ว่า ทุกสิ่งมีราคาที่ต้องจ่าย” หมอผีแสยะยิ้ม
หมอผีพยักหน้าเบาๆ และลุกขึ้นไปหยิบขวดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำมันสีเข้มจากชั้นวาง
“เจ้าจงรู้ไว้ว่านี่คือโหงพราย มันจะทำให้คนที่เจ้าต้องการหลงรักเจ้าจนไม่มีสติ แต่ราคาที่เจ้าต้องจ่ายนั้นสูงมาก”
ภายในขวดแก้วนั้นเหมือนมีพลังงานมืดบางอย่างอาศัยอยู่ ญาณวดีรู้สึกถึงความเย็นที่ไหลผ่านร่างกายเมื่อหมอผีเริ่มร่ายคาถา
“จงไปทำให้ผู้ชายคนนี้หลงรักผู้หญิงคนนี้ เจ้าจงทำให้เขาหลงใหลจนไม่อาจห้ามใจได้”
หมอผีส่งเสียงแหบพร่าขณะที่พ่นคาถาใส่ขวดแก้วนั้น พลังงานดำมืดที่อยู่ภายในขวดแก้ว ม้วนเป็นสีดำวงกลมใหญ่ราวกับเข้าใจในคำสั่ง มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มืดมิดและน่ากลัว ปกคลุมด้วยเงามืดและแสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่สะท้อนจากเปลวเทียน
หมอผีส่งขวดแก้วนั้นให้กับญาณวดี
“ขอบคุณมากค่ะ พ่อหมอ แล้วค่าใช้จ่าย..” ญาณวดีรับขวดนั้นมาและเก็บไว้ในกระเป๋า
“ไม่ต้องรีบ รอให้มันได้ผลก่อน ค่อยมาจ่ายก็ได้” หมอผีแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว
หลังจากได้รับขวดโหงพราย ญาณวดีกลับออกมาจากบ้านของหมอผี ความมืดมิดของค่ำคืนนี้ไม่สามารถทำให้ใจของเธอหวาดหวั่นได้ ความมุ่งมั่นในใจทำให้เธอก้าวเดินไปข้างหน้า ด้วยความหวังที่จะได้ครอบครองหัวใจของก้องเกียรติ แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยความลับที่แสนอันตราย
นักสืบจำเป็น
ห้องทำงานภายในหอสมุดลึกลับที่กฤตินเป็นผู้ดูแลนั้น ดูราวกับหลุดออกมาจากยุคสมัยที่ต่างออกไป ผนังห้องหุ้มด้วยหนังสีน้ำตาลเข้มที่ดูเก่าคร่ำคร่า บรรจุหนังสือโบราณที่เต็มไปด้วยฝุ่นผงไว้เป็นจำนวนมาก ชั้นวางหนังสือสูงเสียดฟ้าเรียงรายอยู่รอบห้อง สร้างบรรยากาศที่ทั้งน่าค้นหาและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน
แสงไฟ ในห้องสลัวมาจากโคมไฟระย้าคริสตัลที่ห้อยลงมาจากเพดานสูง โคมไฟกระพริบวูบวาบราวกับจะเตือนถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในห้องนี้ เงาของหนังสือและชั้นวางหนังสือทอดเงาลงบนพื้นไม้ขัดมัน ทำให้เกิดลวดลายที่แปลกตาและน่าหลงใหล
โต๊ะทำงานไม้โอ๊คขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง บนโต๊ะเต็มไปด้วยเครื่องมือแปลกประหลาดที่ไม่สามารถระบุได้ว่าใช้ทำอะไรบ้าง มีกล้องส่องทางไกลโบราณ หมึกหมึกต่างๆ และแผ่นป้ายที่เขียนด้วยอักษรโบราณวางเรียงรายอยู่
เก้าอี้นวมตัวใหญ่หุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้มตั้งอยู่ข้างโต๊ะทำงาน เชิญชวนให้ผู้ใดผู้หนึ่งมานั่งพักผ่อนและอ่านหนังสือ แต่ดูเหมือนว่าเก้าอี้นั่งตัวนี้จะเคยผ่านการใช้งานมานานมากแล้ว และดูเหมือนจะมีเรื่องราวมากมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
มุมหนึ่งของห้อง มีเตาผิงขนาดใหญ่ที่ดับสนิทแล้ว เถ้าถ่านที่เหลืออยู่ภายในเตาบ่งบอกว่าเคยมีคนจุดไฟในที่แห่งนี้มาก่อน เหนือเตาผิงมีนาฬิกาตั้งโต๊ะโบราณที่หยุดเดินมานานแล้ว เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เวลา 12:00 น. เหมือนกับเวลาได้หยุดนิ่งลง ณ ที่แห่งนี้
บนชั้นวางหนังสือสูงสุด มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ดูแตกต่างจากเล่มอื่นๆ มันมีขนาดใหญ่กว่าและมีปกหนังที่ทำจากวัสดุแปลกประหลาด หนังสือเล่มนี้ดูเหมือนจะมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่ และอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการไขปริศนาของห้องสมุดแห่งนี้ก็เป็นได้
บรรยากาศโดยรวมของห้องทำงานนี้เต็มไปด้วยความลึกลับและน่าค้นหา แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความน่ากลัวและอันตราย ผู้ที่เข้ามาในห้องนี้จะรู้สึกเหมือนถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังเฝ้าดูพวกเขาอยู่เบื้องหลัง
บัดนี้ ห้องทำงานที่เคยเงียบสงบกลับคึกคักขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงกระดาษที่พลิกไปมา เสียงเคาะแป้นพิมพ์ของโน้ตบุ๊คดังเบาๆ และเสียงพูดคุยเบาๆ ของณัฐรินีย์กับธีรเทพดังก้องไปทั่วห้อง
เนื่องจากใกล้ถึงกำหนดการเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทธีรเทพ ช่วงนี้ณัฐรินีย์และธีรเทพจึงมาพบกันเพื่อทำงานร่วมกันเกือบทุกวัน ณัฐรินีย์ตั้งสมาธิกับการออกแบบที่เหลือเพียงเล็กน้อย ก็จะเสร็จสมบูรณ์
เพียงครู่หนึ่ง ณัฐรินีย์ก็ยืดเหยียดแขนทั้งสองข้างออกไปด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการแก้ไขแบบ เธอหันไปหยิบถ้วยชาที่อยู่ด้านข้างยกขึ้นมาจิบ แล้วก็ต้องประหลาดใจที่ความร้อนของน้ำชายังคงอยู่ ราวกับมีใครคอยทำให้มันอุ่นร้อนตลอดเวลา
ณัฐรินีย์หลับตาเพื่อพักสายตาครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่นัก ธีรเทพกำลังจ้องมองโน้ตบุ๊คเบื้องหน้าของเขาด้วยสายตาจริงจัง แว่นกันแสงบลูไลท์ที่เขาใส่ ทำให้เขาดูเท่และสมกับเป็นนักธุรกิจยิ่งขึ้น“นี่คุณ” ณัฐรินีย์เอ่ยทำลายความเงียบ“หืม?” ธีรเทพตอบกลับโดยไม่ได้ละสายตาจากโน้ตบุ๊ค“คุณ...ไม่ต้องพากานต์รวีไปเที่ยวบ้างเหรอ?”“....” มือของธีรเทพชะงักไป ก่อนจะหันมามองหญิงสาวที่จ้องมองเขาด้วยความสงสัย“ไม่อะ” ชายหนุ่มตอบง่ายๆ“เอ้า ทำไมอะ?”“รวีไปกับชัญญาน่ะ” ธีรเทพตอบอย่างไม่ใส่ใจ“ห๊ะ?” ณัฐรินีย์ยิ่งแปลกใจมากขึ้น“ตั้งแต่รวีเจอกับชัญญา รวีก็แทบไม่ได้อยู่บ้าน ส่วนมากจะไปกับชัญญาตลอด” ธีรเทพตอบด้วยท่าทางไม่เดือดร้อน“นี่คุณ ที่คุณพูดมา มันแปลกไม่ใช่เหรอ? เป็นสามีภรรยากัน มีอย่างที่ไหนไปกับเพื่อน?” ณัฐรินีย์ขมวดคิ้ว“อืม...ไม่รู้สิ ผมก็พยายามหาคำตอบอยู่”“แล้วคุณไม่เดือดร้อนเหรอ? โดนเพื่อนภรรยาแย่งเวลาไปหมดแบบนี้น่ะ” ณัฐรินีย์ชะโงกหน้าเข้าไปจ้องมองราวกับจะอ่านความรู้สึกของธีรเทพ“ไม่นะ เพราะผมได้ทำงานเต็มที่ ที่สำคัญ....” ธีรเทพหันไปมองตาณัฐรินีย์“ผมได้เจอคุณ
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านตึกสูงระฟ้าในกรุงเทพฯ เสียงรถราและผู้คนพลุกพล่าน เป็นสัญญาณเริ่มต้นของอีกหนึ่งวันทำงาน สำหรับชัญญา พนักงานสาวสวยฝ่ายการตลาด เช้าวันนี้เธอมีรอยยิ้มที่สดใส แฝงไว้ด้วยความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่นชัญญา เดินเข้ามาในบริษัท “Vivid Enterprise” ด้วยท่าทางสง่า เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสีแดงโดยสวมทับด้วยสูทสีดำเรียบหรู เส้นผมสลวยยาว ใบหน้าสวยคม ดวงตาเฉียบคม เธอเป็นที่หมายปองของผู้ชายในบริษัท แต่ชัญญาไม่เคยสนใจใคร เธอมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว นั่นคือการก้าวขึ้นสู่อำนาจ เป็นผู้หญิงที่เหนือกว่าใครๆภายในห้องทำงาน ชัญญาในชุดเดรสสีแดง นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอมองไปรอบๆ เห็นพนักงานคนอื่นๆ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่มีใครเก่งเท่าเธอ ชัญญารู้สึกภูมิใจในตัวเอง เธอคิดว่าเธอสมควรได้รับตำแหน่งที่สูงกว่านี้ก๊อก ก๊อก“เชิญค่ะ” ชัญญาตอบด้วยน้ำเสียงหวานใส“คุณญ่าคะ คุณเอกวัฒน์ว่างแล้วค่ะ” เลขาแจ้ง“ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ชัญญาตอบ รีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน จัดเอกสารให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องไปก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตค่ะ” ชัญญาบอกเสียงใส
ในบ้านหลังใหญ่ที่หรูหราภายในห้องนอนที่มืดมิด แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่าง เป็นประกายระยิบระยับ กานต์รวี นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ดวงตาของเธอปิดสนิท แต่หัวใจของเธอดิ้นรนด้วยความปรารถนา เธอคิดถึงชัญญา หญิงสาวผู้จุดประกายไฟแห่งรักในตัวเธอกานต์รวี รู้จักชัญญามานานแล้ว ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันสมัยเรียนด้วยกัน ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกัน ชอบทำกิจกรรมคล้ายๆ กัน กานต์รวี ชื่นชมในความสวยงามและความร่าเริงของชัญญา ในขณะที่ชัญญา ชื่นชอบในความฉลาดและความใจดีของกานต์รวี ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอกานต์รวีแอบหลงรักชัญญา เธอเกือบจะสารภาพรักกับชัญญา แต่เมื่อชัญญาพาแฟนหนุ่มที่หล่อเหลาและดูดีมาแนะนำให้รู้จัก กานต์วรีรู้สึกเสียใจ และต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้หลังเรียนจบ ทั้งคู่แยกย้ายกันไปทำงานและไม่ได้ติดต่อกันอีก ในที่สุดกานต์รวีตัดสินใจแต่งงานกับชายหนุ่มที่ชื่อ ธีรเทพ เพื่อลืมความรักที่มีต่อชัญญา แต่ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว กานต์รวีก็ยังไม่สามารถลืมชัญญาได้ เธอแอบติดตามชีวิตของชัญญาผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เสมอจนกระทั่งวันหนึ่ง เหมือนสวรรค์เล่นตลกให้ชัญญามาสมัครงานที่บริษัท Vivid Ente
สัปดาห์ถัดมา ชัญญาได้เริ่มต้นทำงานใหม่ในตำแหน่งเลขาของเอกวัฒน์ เธอตั้งเป้าที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเธอ และเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจที่เธอต้องการภายในห้องทำงานของเอกวัฒน์ชัญญา ทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอสามารถตอบคำถามของเอกวัฒน์ได้อย่างถูกต้อง และตรงประเด็น เอกวัฒน์รู้สึกประทับใจในความสามารถของชัญญามากขึ้นทุกทีในฐานะเลขาของเอกวัฒน์ ชัญญามีงานที่หนักขึ้น เธอต้องจัดการงานต่างๆ ให้กับเอกวัฒน์ ทั้งงานเอกสาร งานประชุม งานติดต่อลูกค้า ชัญญาทำงานอย่างคล่องแคล่ว และมีประสิทธิภาพ เธอสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเอกวัฒน์นั่งมองหญิงสาวทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง“นายคะ กาแฟค่ะ” ชัญญาเสิร์ฟกาแฟ พร้อมเปลี่ยนสรรพานามในการเรียกเอกวัฒน์ใหม่“ขอบคุณมาก คุณทำงานดีมาก ผมประทับใจจริงๆ” เอกวัฒน์ชม พร้อมกับจับมือของชัญญาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้ และแรงปรารถนา“อ๊ะ..ถ้านายชอบ ญ่าก็ดีใจค่ะ” ชัญญามีท่าทีเขินอาย เธอพยายามดึงมือออก“คืนนี้คุณว่างมั้ย ?” เอกวัฒน์ยอมปล่อยมือ“ว่างค่ะ ทำไมเหรอคะ?” ชัญญาประสานมือไว้ด้
ในห้องทำงานหรูหราใจกลางคฤหาสน์เอกวัฒน์ นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังนุ่ม แสงไฟจากโคมระย้าส่องสว่างลงมาบนใบหน้าของเขา ในมือถือแก้วไวน์แดง จิบไปช้าๆ พลางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างค่ำคืนนี้ เอกวัฒน์รู้สึกเหงา และคิดถึงชัญญา เลขาคนสวย ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาจากดินเนอร์กับชัญญา บรรยากาศในร้านอาหารโรแมนติก แสงไฟสลัว เสียงเพลงคลอเบาๆชัญญา ดูสวยมากในชุดเดรสสีดำ เธอฉลาด พูดเก่ง ภาพชัญญายิ้มหวาน พูดคุยอย่างสนุกสนาน ดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว และรู้สึกหลงใหลในตัวชัญญา เขารู้สึกว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขารู้จักเขารู้สึก...เหมือนหลงรักเธอเขารู้สึก..อยากกอด จูบเธอเขารู้สึก...อยากครอบครองเธอเอกวัฒน์ถอนหายใจยาว พักหลัง เขารู้สึกถึงความเย็นชาในความสัมพันธ์ของเขากับภรรยา เขาต้องการผู้หญิงที่สดใส มีชีวิตชีวา และทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนชัญญาเอกวัฒน์ วางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังหน้าต่าง เขามองออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงดาวระยิบระยับ เหมือนกับความฝันของเขาเขาฝันอยากจะมีความสุขกับชัญญาเอกวัฒน์กำหมัดแน่น เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องได้ตัวชัญญามาคร
นที่ 5:ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในห้องทำงานของญาณวดีญาณวดีนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูขวดแก้วสีแดงที่บรรจุยาเสน่ห์สีดำขลับ เธอรู้สึกโกรธแค้นและผิดหวังยาเสน่ห์ที่เธอคิดว่าจะช่วยให้เธอเอาชนะใจของเอกวัฒน์ กลับกลายเป็นว่าไร้ผล เอกวัฒน์ไม่ได้หลงรักเธอ แต่เขากลับหลงรักชัญญา เลขาสาวของเขา“ทำไมมันถึงไม่ได้ผล ฉันใช้ยาเสน่ห์ชั้นดี แต่ทำไมคุณเอกถึงไม่หลงรักฉัน” ญาณวดีกำขวดยาเสน่ห์แน่นญาณวดีนึกย้อนเหตุการณ์ในอดีต เธอเคยใช้ยาเสน่ห์กับผู้ชายมากมาย และทุกครั้งมันก็ได้ผล ผู้ชายทุกคนหลงรักเธอ หัวปักหัวปำ แต่ทำไมกับเอกวัฒน์ ยาเสน่ห์ถึงไม่ทำงาน“ชัญญา เธอต้องชดใช้ ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะต้องเอาชนะเธอให้ได้” ญาณวดีคำรามในลำคอเบาๆญาณวดีลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบขวดแก้วอีกขวดหนึ่งขึ้นมา ขวดแก้วนี้บรรจุยาเสน่ห์สูตรใหม่ที่เธอเพิ่งได้รับจากหมอทำเสน่ห์ที่มีชื่อเสียงแถวภาคกลาง“ยาสูตรนี้แรงมาก ไม่จำเป็นต้องหยดใส่ให้ไอ้หนุ่มนั่นกิน แต่เธอต้องเป็นคนกินเอง ว่าแต่เธอจะกล้ากินหรือเปล่า?” คำพูดของหมอทำเสน่ห์ดังก้องในหัว“ก็เอาสิ ลองดูกันสักตั้ง”ญาณวดีเทยาเสน่ห์ลงในแก้วน้ำ และยกขึ้นจิบ รสชาติของยาเสน่ห์ช่างขมขื่น แต่เ
มนุษย์เรานั้นช่างน่าประหลาด อะไรที่ตัวเองมีอยู่ ก็มักไม่สนใจ อยากได้ของคนอื่น ของที่เคยทำแล้วทำ ได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดี ก็ไม่พอใจกับผลลัพธ์ของมัน อยากได้ผลสัมฤทธิ์ที่มากกว่านั้นชัญญาเองก็เช่นกัน แม้ว่าเอกวัฒน์จะหลงเสน่ห์เธอจนหัวปั่น เขาทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ ตั้งแต่...ซื้อคอนโดหรูใจกลางเมืองเพื่อเป็นรังรักของเขาและเธอทำบัตรเครดิตให้เธอ เพื่อให้เธอใช้ตามสบายเวลาว่างก็พาเธอไปเที่ยวต่างประเทศซื้อรถสปอร์ตคันหรูให้เธอชีวิตของชัญญายิ่งสะดวกสบายมากขึ้น ตั้งแต่เธอยอมพลีกายให้เอกวัฒน์เชยชม และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้ว่า เอกวัฒน์และภรรยาห่างเหินเรื่องบนเตียงนานมากทุกครั้งที่เอกวัฒน์มาหาเธอที่คอนโด เธอสั่งอาหารจากภัตราคารหรูมารอเสมอ และหลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอกวัฒน์ก็ต้องการชัญญาเป็นของหวานหลังมื้ออาหารทุกครั้งแต่เธอก็ยังไม่พอใจ เพราะความทะเยอทะยานของเธอคือ ต้องการเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แต่...เอกวัฒน์ก็ไม่เคยคิดที่จะหย่ากับภรรยา นั่นทำให้เธอคิดว่า ยาเสน่ห์ที่เธอทำ ฤทธิ์ของมันคงไม่แรงพอ“นายขา.....” ชัญญาเรียกเสียงหวานจากบนเตียง“หืม ?”เอกวัฒน์กำลังยืนผูกเนคไทอยู่หน้ากระจก เ
ณ อาศรมในป่าลึกแห่งหนึ่งกานต์รวีพาชัญญามาหาอาจารย์มั่น เป็นหมอทำคุณไสย เธอรู้จักหมอคุณไสยนี้เป็นการส่วนตัว เพราะเธอเคยขอความช่วยเหลือมาก่อนหน้าแล้วเมื่อไปถึงตำหนักอาศรม กานต์รวีก็พาชัญญาเข้าไปพบกับอาจารย์มั่นแบบเป็นการส่วนตัว“แม่หนู ของดีเต็มตัวเลยนี่” อาจารย์มั่นทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าชัญญา“อาจารย์รู้ดีจังนะคะ” ชัญญายิ้มหวาน“หึหึ แม่หนู คนที่เจ้าอยากได้ ก็ได้มาแล้ว จะเอาอะไรอีกล่ะ”“ฉันต้องการกำจัดผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ”“เธอขวางทางความรักของฉัน” ชัญญาบอกเสียงเรียบ“ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายนะ” อาจารย์มั่นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ฉันพร้อมจ่ายค่ะ”“ฮ่าๆ ดี ดี” อาจารย์มั่นหัวเราะเสียงดัง“ไอ้ดำ เอาของสิ่งนั้นมาซิ”เมื่ออาจารย์ได้เครื่องรางของขลัง เขาก็เริ่มบริกรรมคาถา เสียงร้องของสัตว์ดังก้องไปทั่วป่าชัญญาและกานต์รวีรู้สึกขนลุก แต่พวกเธอก็อดทนรอจนเสร็จพิธีกรรม“เอ้า แม่หนูมานี่” อาจารย์มั่นกวักมือเรียกชัญญา“นี่คืออะไรคะ?” ชัญญารับเครื่องรางที่อยู่ในถุงดำมาถือไว้“มันคือผีพรายชื่อ ริน”“ถ้าอยากสั่งให้มันทำอะไร ก็ท่องคาถาบทนี้ แล้วก็พูดสั่งการมัน” อาจารย์มั่นส่งบทคาถาให้ชัญญา“แล้วต้องบูช