ณัฐรินีย์หลับตาเพื่อพักสายตาครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่นัก ธีรเทพกำลังจ้องมองโน้ตบุ๊คเบื้องหน้าของเขาด้วยสายตาจริงจัง แว่นกันแสงบลูไลท์ที่เขาใส่ ทำให้เขาดูเท่และสมกับเป็นนักธุรกิจยิ่งขึ้น
“นี่คุณ” ณัฐรินีย์เอ่ยทำลายความเงียบ
“หืม?” ธีรเทพตอบกลับโดยไม่ได้ละสายตาจากโน้ตบุ๊ค
“คุณ...ไม่ต้องพากานต์รวีไปเที่ยวบ้างเหรอ?”
“....” มือของธีรเทพชะงักไป ก่อนจะหันมามองหญิงสาวที่จ้องมองเขาด้วยความสงสัย
“ไม่อะ” ชายหนุ่มตอบง่ายๆ
“เอ้า ทำไมอะ?”
“รวีไปกับชัญญาน่ะ” ธีรเทพตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ห๊ะ?” ณัฐรินีย์ยิ่งแปลกใจมากขึ้น
“ตั้งแต่รวีเจอกับชัญญา รวีก็แทบไม่ได้อยู่บ้าน ส่วนมากจะไปกับชัญญาตลอด” ธีรเทพตอบด้วยท่าทางไม่เดือดร้อน
“นี่คุณ ที่คุณพูดมา มันแปลกไม่ใช่เหรอ? เป็นสามีภรรยากัน มีอย่างที่ไหนไปกับเพื่อน?” ณัฐรินีย์ขมวดคิ้ว
“อืม...ไม่รู้สิ ผมก็พยายามหาคำตอบอยู่”
“แล้วคุณไม่เดือดร้อนเหรอ? โดนเพื่อนภรรยาแย่งเวลาไปหมดแบบนี้น่ะ” ณัฐรินีย์ชะโงกหน้าเข้าไปจ้องมองราวกับจะอ่านความรู้สึกของธีรเทพ
“ไม่นะ เพราะผมได้ทำงานเต็มที่ ที่สำคัญ....” ธีรเทพหันไปมองตาณัฐรินีย์
“ผมได้เจอคุณด้วยไง” ธีรเทพยิ้มกริ่ม ดวงตาเป็นประกาย
“เอ้อ....ทำงานๆ” ณัฐรินีย์หน้าแดง ก่อนจะเบือนหน้าหนี
“หึหึ” ธีรเทพหัวเราะเบาๆ
“อีตาบ้านี่...” ณัฐรินีย์บ่นพึมพำ และเอามือแตะหน้าของตัวเองเพราะรู้สึกร้อนวูบ
“นี่คุณ ดูนี่สิ” จู่ๆ ธีรเทพก็โพล่งขึ้น พร้อมกับหันจอโน้ตบุ๊คของเขาให้เธอดู
“โห อะไรของคุณ ดูไม่รู้เรื่องเลย” หน้าจอโน้ตบุ๊คของธีรเทพเต็มไปด้วยตัวเลข ณัฐรินีย์มองแล้วได้แต่งุนงง
“อะไรเนี้ย คุณไม่ดูไม่รู้เรื่องเหรอ?” ธีรเทพขมวดคิ้ว ณัฐรินีย์หรี่ตามองเขาไม่สบอารมณ์
“มันคือสเตทเมนท์บัตรเครดิต”
“แล้ว?”
“มันแปลกตรงที่ ช่วงวันหยุดใช้บัตรเครดิตอยู่ที่จังหวัดเดิมทุกครั้งน่ะสิ” ธีรเทพใช้ความคิด
“หืม...ถ้าจำไม่ผิด จังหวัดนี้มีหมอทำเสน่ห์ขึ้นชื่อนี่นา รู้สึกจะชื่อว่า หมอมั่นกับอาจารย์คงมั้งนะ” ณัฐรินีย์หยิบแท็บเล็ตของตัวเองออกมาแล้วเปิดค้นหาข้อมูลทันที ธีรเทพฟังข้อมูลแล้วรู้สึกอึ้ง
“แล้วก็นะ...”
“เฮ้อ...ผมไม่คิดเลยนะว่า ต้องมาหาข้อมูลเรื่องพวกนี้” ธีรเทพถอนใจยาว
“?” ณัฐรินีย์มองเขาอย่างงุนงง
“จะว่าไงดีล่ะ ผมว่ามันบ้ามากเลยนะ เรื่องที่เรากำลังทำเนี่ย”
“คุณคิดดูสิ วิญญาณเอย หมอทำเสน่ห์เอย คุณไสยมนตร์ดำเอย นี่มันยุคไหนแล้ว เรื่องพวกนี้มันมีจริงที่ไหน” ธีรเทพกุมขมับ ณัฐรินีย์ได้กระพริบตาปริบๆ มองเขา
“นี่ถ้าผมไม่เห็นเหตุการณ์วันนั้นก็คงจะดีหรอก” ธีรเทพถอนหายใจยาว
ธีรเทพยังคงจำได้ไม่ลืม ภาพเหตุการณ์วันนั้น ความมืดมิดที่ปกคลุมและเริ่มกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้าง ดวงตาสีแดงที่อยู่ในความมืดวาวโรจน์เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชัง เขาคิดว่าคงไม่มีชีวิตรอดออกจากตรงนั้นได้
แต่ทันใดนั้น แสงสว่างสีขาว ก็ปรากฎออกจากร่างชายหนุ่มที่เขารู้จักเป็นอย่างดี กฤติน แสงสีขาวจากร่างของเขาเปล่งประกายคล้ายผีเสื้อขนาดเล็ก และส่องสว่างเจิดจ้า จนทำให้ความมืดมิดนั้น หายไปราวกับเรื่องโกหก
เขาได้แต่คิดว่า วันนั้นเขาคงฝันไป
“เอาน่า เดี๋ยวก็ชิน” ณัฐรินีย์ตบบ่าของเขาเป็นเชิงปลอบใจ ก่อนจะยิ้มให้กำลังใจ
“คุณก็พูดได้สิ” ธีรเทพถอดแว่นกันบลูไลท์วางไว้บนโต๊ะ ประสานสายตากับหญิงสาวที่นั่งด้านข้าง
“วันนั้นน่าจะตัวเป้ง ปกติเจอกับไอแค่ตัวเล็กๆ แปปเดียวไอก็จัดการได้ละ” ณัฐรีนีย์เล่าไปเรื่อย พลางเอามือจิ้มขนมใส่ปาก เป็นขนมเค้กที่พ่อบ้านวิลเลียมมาเสิร์ฟไว้ตอนไหนก็ไม่ทันรู้ตัว
“ที่น่าแปลกคือ คุณกฤตต่างหาก” ณัฐรินีย์เคี้ยวขนมตุ้ยๆ พูดออกมาแบบไม่ทุกข์ร้อน
“เฮ้อ ช่างเถอะ เรื่องนี้มันเกินความรู้สึกสามัญธรรมดาไปละ” ธีรเทพยอมแพ้
“อะ แล้วเราจะทำยังไงกับเรื่องสเตทเมนท์บัตรเครดิตนี้ล่ะ”
“ผมว่า เราบอกคุณกฤตกับอาคิราตอนมื้อค่ำวันนี้ละกัน แล้วค่อยวางแผนว่าจะทำยังไงกันต่อไป” ธีรเทพตัดสินใจ ซึ่งณัฐรินีย์เห็นด้วยกับความคิดของเขา
แผนสืบหาความจริง
ภายในห้องอาหารของหอสมุดลึกลับของกฤติน ที่ตั้งอยู่ในมุมที่เงียบสงบและแฝงด้วยมนต์ขลัง โคมไฟระย้าที่ประดับประดาด้วยคริสตัลส่องแสงอ่อนโยนลงมายังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเตรียมอย่างประณีต บนโต๊ะมีผ้าปูโต๊ะสีขาวบริสุทธิ์ และถ้วยชามที่ประดับด้วยลายทอง
อาหารบนโต๊ะมีความหลากหลาย ทั้งซุปข้าวโพดเนียนละเอียดเสิร์ฟในถ้วยเล็ก ๆ ขนมปังฝรั่งเศสที่อบกรอบ หอมกรุ่นจากเตา สลัดผักสดที่จัดเรียงอย่างสวยงาม และจานหลักที่เป็นสเต็กเนื้อชั้นดีที่ปรุงสุกกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งอบและผักย่าง น้ำจิ้มและซอสต่าง ๆ ถูกจัดวางอยู่ในถ้วยเล็ก ๆ ที่เรียงรายอยู่ข้างกัน
ณัฐรินีย์นั่งเคียงข้างธีรเทพ ส่วนอาคิรานั่งเคียงข้างกฤติน ทั้งหมดกำลังร่วมรับประทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน มีพ่อบ้านวิลเลี่ยมและคนรับใช้หญิงสาวอีกประมาณสามคน คอยผลัดกันเสิร์ฟอาหารให้กับพวกเขา
“เอาล่ะ ข้อมูลที่ได้มาจากพวกคุณน่าสนใจมาก เท่าที่ผมทราบดูเหมือนแถวนั้นจะมีหมอผีฝีมือดีอยู่จริงๆ”
กฤตินเริ่มต้นพูดหลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พ่อบ้านวิลเลี่ยมกำลังเตรียมเสิร์ฟน้ำชากลิ่นหอมหวานให้หลังอาหารมื้อค่ำ
“แล้วเราจะทำเอาไงดี?”
“ฉันกับณัฐไปดูให้มั้ย?” อาคิรายกมือเสนอตัว
“ไม่ได้ เธอต้องไปทำธุระกับฉันก่อน” กฤตินปฏิเสธทันที อาคิราหน้าจ๋อย
“งั้นผมไปกับณัฐก็ได้” ธีรเทพเสนอตัว
“ห๊ะ? จะไหวเหรอคุณ?” ณัฐรินีย์เหล่มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ไหวสิ”
“แค่เห็นไอ้ตัวนั้น คุณก็เข่าอ่อนแล้วไม่ใช่เหรอ?” ณัฐรินีย์หัวเราะคิกคัก
“เปล่าซะหน่อย” ธีรเทพโวยวาย
“.....” กฤตินมองทั้งคู่ที่ถกเถียงกันอย่างใช้ความคิด
“พวกคุณไปก็ได้ แต่ว่า....”
“โซระ”
“ว่า?”
ทันทีที่กฤตินเอ่ยชื่อ เด็กหนุ่มหล่อ ผมสั้นสีดำ ดวงตาสีดำ แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าสีดำก็เดินออกมาจากด้านหลังของเขา
“นายไปกับพวกเขาที” กฤตินบอกก่อนจะยกแก้วชาขึ้นจิบ
“โอ้ ได้สิ” โซระคลี่ยิ้มอย่างพอใจ
“เอ่อ..เขาคือ...?”
ณัฐรินีย์มองสำรวจตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เด็กหนุ่มคนนี้ดูแล้วอายุไม่น่าเกิน 20 ปี แต่สีหน้าและดวงตาดูหยิ่งผยองมาก ที่สำคัญรู้สึกถึงรังสีบางอย่างที่แผ่กระจายออกจากตัวของเขา
“ผู้ช่วยบรรณารักษ์น่ะ” กฤตินตอบยิ้มๆ
“เห...ลักษณะไม่น่าเป็นผู้ช่วยเลยนะ” ณัฐรินีย์แคลงใจ
“โซระ เป็นคนใน ‘ตระกูล’ รับรองช่วยเหลือพวกคุณได้แน่นอน”
“ฝากตัวด้วยล่ะ” โซระแสยะยิ้มให้ ยิ่งทำให้ดวงตาของเขาดูเจ้าเล่ห์และชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น
“ฝากตัวด้วยเช่นกัน” ธีรเทพตอบรับอย่างง่ายดาย
“จะดีเหรอ? เดี๋ยวพวกเขากลัวจะทำยังไงล่ะ” อาคิรากระซิบข้างหูกฤติน
“ทำไมต้องกลัวล่ะ?” กฤตินกระซิบกลับ
“ก็...ผมสีดำ ตาสีแดง แถมมีปีกสีดำอยู่ข้างหลังแบบนั้น”
อาคิรากระซิบพร้อมกับหรี่ตามองชายหนุ่มตรงหน้าคาดคั้น
“หึหึ คุณเห็นจริงด้วย” กฤตินยิ้มเป็นปริศนา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านตึกสูงระฟ้าในกรุงเทพฯ เสียงรถราและผู้คนพลุกพล่าน เป็นสัญญาณเริ่มต้นของอีกหนึ่งวันทำงาน สำหรับชัญญา พนักงานสาวสวยฝ่ายการตลาด เช้าวันนี้เธอมีรอยยิ้มที่สดใส แฝงไว้ด้วยความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่นชัญญา เดินเข้ามาในบริษัท “Vivid Enterprise” ด้วยท่าทางสง่า เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสีแดงโดยสวมทับด้วยสูทสีดำเรียบหรู เส้นผมสลวยยาว ใบหน้าสวยคม ดวงตาเฉียบคม เธอเป็นที่หมายปองของผู้ชายในบริษัท แต่ชัญญาไม่เคยสนใจใคร เธอมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว นั่นคือการก้าวขึ้นสู่อำนาจ เป็นผู้หญิงที่เหนือกว่าใครๆภายในห้องทำงาน ชัญญาในชุดเดรสสีแดง นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอมองไปรอบๆ เห็นพนักงานคนอื่นๆ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่มีใครเก่งเท่าเธอ ชัญญารู้สึกภูมิใจในตัวเอง เธอคิดว่าเธอสมควรได้รับตำแหน่งที่สูงกว่านี้ก๊อก ก๊อก“เชิญค่ะ” ชัญญาตอบด้วยน้ำเสียงหวานใส“คุณญ่าคะ คุณเอกวัฒน์ว่างแล้วค่ะ” เลขาแจ้ง“ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ชัญญาตอบ รีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน จัดเอกสารให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องไปก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตค่ะ” ชัญญาบอกเสียงใส
ในบ้านหลังใหญ่ที่หรูหราภายในห้องนอนที่มืดมิด แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่าง เป็นประกายระยิบระยับ กานต์รวี นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ดวงตาของเธอปิดสนิท แต่หัวใจของเธอดิ้นรนด้วยความปรารถนา เธอคิดถึงชัญญา หญิงสาวผู้จุดประกายไฟแห่งรักในตัวเธอกานต์รวี รู้จักชัญญามานานแล้ว ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันสมัยเรียนด้วยกัน ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกัน ชอบทำกิจกรรมคล้ายๆ กัน กานต์รวี ชื่นชมในความสวยงามและความร่าเริงของชัญญา ในขณะที่ชัญญา ชื่นชอบในความฉลาดและความใจดีของกานต์รวี ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอกานต์รวีแอบหลงรักชัญญา เธอเกือบจะสารภาพรักกับชัญญา แต่เมื่อชัญญาพาแฟนหนุ่มที่หล่อเหลาและดูดีมาแนะนำให้รู้จัก กานต์วรีรู้สึกเสียใจ และต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้หลังเรียนจบ ทั้งคู่แยกย้ายกันไปทำงานและไม่ได้ติดต่อกันอีก ในที่สุดกานต์รวีตัดสินใจแต่งงานกับชายหนุ่มที่ชื่อ ธีรเทพ เพื่อลืมความรักที่มีต่อชัญญา แต่ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว กานต์รวีก็ยังไม่สามารถลืมชัญญาได้ เธอแอบติดตามชีวิตของชัญญาผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เสมอจนกระทั่งวันหนึ่ง เหมือนสวรรค์เล่นตลกให้ชัญญามาสมัครงานที่บริษัท Vivid Ente
สัปดาห์ถัดมา ชัญญาได้เริ่มต้นทำงานใหม่ในตำแหน่งเลขาของเอกวัฒน์ เธอตั้งเป้าที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเธอ และเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจที่เธอต้องการภายในห้องทำงานของเอกวัฒน์ชัญญา ทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอสามารถตอบคำถามของเอกวัฒน์ได้อย่างถูกต้อง และตรงประเด็น เอกวัฒน์รู้สึกประทับใจในความสามารถของชัญญามากขึ้นทุกทีในฐานะเลขาของเอกวัฒน์ ชัญญามีงานที่หนักขึ้น เธอต้องจัดการงานต่างๆ ให้กับเอกวัฒน์ ทั้งงานเอกสาร งานประชุม งานติดต่อลูกค้า ชัญญาทำงานอย่างคล่องแคล่ว และมีประสิทธิภาพ เธอสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเอกวัฒน์นั่งมองหญิงสาวทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง“นายคะ กาแฟค่ะ” ชัญญาเสิร์ฟกาแฟ พร้อมเปลี่ยนสรรพานามในการเรียกเอกวัฒน์ใหม่“ขอบคุณมาก คุณทำงานดีมาก ผมประทับใจจริงๆ” เอกวัฒน์ชม พร้อมกับจับมือของชัญญาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้ และแรงปรารถนา“อ๊ะ..ถ้านายชอบ ญ่าก็ดีใจค่ะ” ชัญญามีท่าทีเขินอาย เธอพยายามดึงมือออก“คืนนี้คุณว่างมั้ย ?” เอกวัฒน์ยอมปล่อยมือ“ว่างค่ะ ทำไมเหรอคะ?” ชัญญาประสานมือไว้ด้
ในห้องทำงานหรูหราใจกลางคฤหาสน์เอกวัฒน์ นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังนุ่ม แสงไฟจากโคมระย้าส่องสว่างลงมาบนใบหน้าของเขา ในมือถือแก้วไวน์แดง จิบไปช้าๆ พลางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างค่ำคืนนี้ เอกวัฒน์รู้สึกเหงา และคิดถึงชัญญา เลขาคนสวย ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาจากดินเนอร์กับชัญญา บรรยากาศในร้านอาหารโรแมนติก แสงไฟสลัว เสียงเพลงคลอเบาๆชัญญา ดูสวยมากในชุดเดรสสีดำ เธอฉลาด พูดเก่ง ภาพชัญญายิ้มหวาน พูดคุยอย่างสนุกสนาน ดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว และรู้สึกหลงใหลในตัวชัญญา เขารู้สึกว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขารู้จักเขารู้สึก...เหมือนหลงรักเธอเขารู้สึก..อยากกอด จูบเธอเขารู้สึก...อยากครอบครองเธอเอกวัฒน์ถอนหายใจยาว พักหลัง เขารู้สึกถึงความเย็นชาในความสัมพันธ์ของเขากับภรรยา เขาต้องการผู้หญิงที่สดใส มีชีวิตชีวา และทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนชัญญาเอกวัฒน์ วางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังหน้าต่าง เขามองออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงดาวระยิบระยับ เหมือนกับความฝันของเขาเขาฝันอยากจะมีความสุขกับชัญญาเอกวัฒน์กำหมัดแน่น เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องได้ตัวชัญญามาคร
นที่ 5:ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในห้องทำงานของญาณวดีญาณวดีนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูขวดแก้วสีแดงที่บรรจุยาเสน่ห์สีดำขลับ เธอรู้สึกโกรธแค้นและผิดหวังยาเสน่ห์ที่เธอคิดว่าจะช่วยให้เธอเอาชนะใจของเอกวัฒน์ กลับกลายเป็นว่าไร้ผล เอกวัฒน์ไม่ได้หลงรักเธอ แต่เขากลับหลงรักชัญญา เลขาสาวของเขา“ทำไมมันถึงไม่ได้ผล ฉันใช้ยาเสน่ห์ชั้นดี แต่ทำไมคุณเอกถึงไม่หลงรักฉัน” ญาณวดีกำขวดยาเสน่ห์แน่นญาณวดีนึกย้อนเหตุการณ์ในอดีต เธอเคยใช้ยาเสน่ห์กับผู้ชายมากมาย และทุกครั้งมันก็ได้ผล ผู้ชายทุกคนหลงรักเธอ หัวปักหัวปำ แต่ทำไมกับเอกวัฒน์ ยาเสน่ห์ถึงไม่ทำงาน“ชัญญา เธอต้องชดใช้ ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะต้องเอาชนะเธอให้ได้” ญาณวดีคำรามในลำคอเบาๆญาณวดีลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบขวดแก้วอีกขวดหนึ่งขึ้นมา ขวดแก้วนี้บรรจุยาเสน่ห์สูตรใหม่ที่เธอเพิ่งได้รับจากหมอทำเสน่ห์ที่มีชื่อเสียงแถวภาคกลาง“ยาสูตรนี้แรงมาก ไม่จำเป็นต้องหยดใส่ให้ไอ้หนุ่มนั่นกิน แต่เธอต้องเป็นคนกินเอง ว่าแต่เธอจะกล้ากินหรือเปล่า?” คำพูดของหมอทำเสน่ห์ดังก้องในหัว“ก็เอาสิ ลองดูกันสักตั้ง”ญาณวดีเทยาเสน่ห์ลงในแก้วน้ำ และยกขึ้นจิบ รสชาติของยาเสน่ห์ช่างขมขื่น แต่เ
มนุษย์เรานั้นช่างน่าประหลาด อะไรที่ตัวเองมีอยู่ ก็มักไม่สนใจ อยากได้ของคนอื่น ของที่เคยทำแล้วทำ ได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดี ก็ไม่พอใจกับผลลัพธ์ของมัน อยากได้ผลสัมฤทธิ์ที่มากกว่านั้นชัญญาเองก็เช่นกัน แม้ว่าเอกวัฒน์จะหลงเสน่ห์เธอจนหัวปั่น เขาทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ ตั้งแต่...ซื้อคอนโดหรูใจกลางเมืองเพื่อเป็นรังรักของเขาและเธอทำบัตรเครดิตให้เธอ เพื่อให้เธอใช้ตามสบายเวลาว่างก็พาเธอไปเที่ยวต่างประเทศซื้อรถสปอร์ตคันหรูให้เธอชีวิตของชัญญายิ่งสะดวกสบายมากขึ้น ตั้งแต่เธอยอมพลีกายให้เอกวัฒน์เชยชม และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้ว่า เอกวัฒน์และภรรยาห่างเหินเรื่องบนเตียงนานมากทุกครั้งที่เอกวัฒน์มาหาเธอที่คอนโด เธอสั่งอาหารจากภัตราคารหรูมารอเสมอ และหลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอกวัฒน์ก็ต้องการชัญญาเป็นของหวานหลังมื้ออาหารทุกครั้งแต่เธอก็ยังไม่พอใจ เพราะความทะเยอทะยานของเธอคือ ต้องการเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แต่...เอกวัฒน์ก็ไม่เคยคิดที่จะหย่ากับภรรยา นั่นทำให้เธอคิดว่า ยาเสน่ห์ที่เธอทำ ฤทธิ์ของมันคงไม่แรงพอ“นายขา.....” ชัญญาเรียกเสียงหวานจากบนเตียง“หืม ?”เอกวัฒน์กำลังยืนผูกเนคไทอยู่หน้ากระจก เ
ณ อาศรมในป่าลึกแห่งหนึ่งกานต์รวีพาชัญญามาหาอาจารย์มั่น เป็นหมอทำคุณไสย เธอรู้จักหมอคุณไสยนี้เป็นการส่วนตัว เพราะเธอเคยขอความช่วยเหลือมาก่อนหน้าแล้วเมื่อไปถึงตำหนักอาศรม กานต์รวีก็พาชัญญาเข้าไปพบกับอาจารย์มั่นแบบเป็นการส่วนตัว“แม่หนู ของดีเต็มตัวเลยนี่” อาจารย์มั่นทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าชัญญา“อาจารย์รู้ดีจังนะคะ” ชัญญายิ้มหวาน“หึหึ แม่หนู คนที่เจ้าอยากได้ ก็ได้มาแล้ว จะเอาอะไรอีกล่ะ”“ฉันต้องการกำจัดผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ”“เธอขวางทางความรักของฉัน” ชัญญาบอกเสียงเรียบ“ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายนะ” อาจารย์มั่นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ฉันพร้อมจ่ายค่ะ”“ฮ่าๆ ดี ดี” อาจารย์มั่นหัวเราะเสียงดัง“ไอ้ดำ เอาของสิ่งนั้นมาซิ”เมื่ออาจารย์ได้เครื่องรางของขลัง เขาก็เริ่มบริกรรมคาถา เสียงร้องของสัตว์ดังก้องไปทั่วป่าชัญญาและกานต์รวีรู้สึกขนลุก แต่พวกเธอก็อดทนรอจนเสร็จพิธีกรรม“เอ้า แม่หนูมานี่” อาจารย์มั่นกวักมือเรียกชัญญา“นี่คืออะไรคะ?” ชัญญารับเครื่องรางที่อยู่ในถุงดำมาถือไว้“มันคือผีพรายชื่อ ริน”“ถ้าอยากสั่งให้มันทำอะไร ก็ท่องคาถาบทนี้ แล้วก็พูดสั่งการมัน” อาจารย์มั่นส่งบทคาถาให้ชัญญา“แล้วต้องบูช
ราชาแห่งการตกแต่งภายในในห้องทำงานอันหรูหรา ธีรเทพนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูวิวเมืองกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับธีรเทพ ชายหนุ่มวัย 38 ปี เจ้าของบริษัทผลิตสินค้าตกแต่งภายในบ้านที่มีชื่อว่า “บ้านสไตล์” บริษัทของเขามีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วประเทศ เขาเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจด้วยความเก่งกาจและฉลาดธีรเทพก่อตั้งบริษัทของเขามาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จากธุรกิจเล็กๆ ที่เริ่มต้นในโรงรถของบ้าน ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อยเขาทำงานหนัก ทุ่มเท และอดทน เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ และพัฒนาธุรกิจของเขาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด เขาก็ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นเจ้าของบริษัทที่ใหญ่โตธีรเทพ ไม่ได้มุ่งหวังแค่ความสำเร็จทางธุรกิจ เขาต้องการที่จะสร้างสรรค์สินค้าตกแต่งบ้านที่สวยงาม และมีคุณภาพ เขาต้องการช่วยให้ผู้คนสร้างบ้านให้สวยงาม และน่าอยู่ เขาต้องการทำให้บ้านของทุกคนเป็นสถานที่ที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยความสุขธีรเทพ เป็นคนทำงานหนัก และทุ่มเทให้กับธุรกิจของเขา แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่าง ธีรเทพ ชอบออกไปเที่ยว และผ่อนคลาย เขามักจะไปเล่นกอล์ฟ หรือไปทานอาหารกับ