ณัฐรินีย์และธีรเทพยืนตัวแข็งอยู่ที่ทางเดิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้ทั้งสองคนตกตะลึงอย่างมาก วิญญาณร้ายของคุณเกศที่เคยเต็มไปด้วยความโกรธและความมืดมิดกลับกลายเป็นแสงสว่างที่งดงาม โดยมีผีเสื้อแห่งแสงสว่างชำระล้างเธอจนสลายไปในอากาศ ทั้งสองคนรู้สึกได้ถึงพลังที่ยิ่งใหญ่และไม่เคยเห็นมาก่อน
“นั่น..มัน..อะไรกัน..” ณัฐรินีย์พึมพำด้วยความสับสน พลางหันมามองหน้าธีรเทพที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่รู้เหมือนกัน” ธีรเทพพยายามรวบรวมความคิดของตัวเอง มองดูภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
ทั้งสองคนมองไปทางกฤตินที่เดินเข้าไปอุ้มอาคิราที่นั่งอยู่กับพื้นขึ้นมา และเดินหายไปทางสวนด้านหลังโรงแรม
“เอ่อ...เรากลับเข้าไปในงานดีกว่ามั้ย?” ณัฐรินีย์ถามเบาๆ
“อื้ม ก็ต้องงั้นล่ะ” ธีรเทพจับมือณัฐรินีย์เดินกลับไปทางห้องโถงจัดงานเลี้ยง
ธีรเทพจับมือณัฐรินีย์เบาๆ เดินกลับไปทางห้องโถงจัดงานเลี้ยง แต่เขาไม่ได้กลับเข้าภายในห้องที่จัดงานเลี้ยง เขาพาเธอออกไปยังระเบียงของโรงแรมที่เชื่อมต่อกับห้องที่อยู่ติดกับงานเลี้ยง อากาศเย็นสบายในยามค่ำคืนพร้อมกับแสงไฟสลัวจากในงานเลี้ยงทำให้บรรยากาศดูโรแมนติก
“ที่นี่สวยจัง” ณัฐรินีย์พูดเบาๆ พลางมองไปรอบๆ ระเบียงที่ตกแต่งด้วยดอกไม้และไฟประดับ
“ใช่ และยิ่งสวยขึ้นเมื่อมีคุณอยู่ที่นี่”
ธีรเทพตอบกลับ ยิ้มให้เธอ ณัฐรินีย์หน้าแดงเล็กน้อย พลางหันหน้าหนีไปมองทางอื่น แต่ธีรเทพกลับจับมือเธอไว้แน่นขึ้น
“ณัฐรินีย์” ธีรเทพเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เต้นรำกับฉันนะ”
เสียงเพลงเบาๆ จากงานเลี้ยงยังคงเล่นคลออยู่ในอากาศ ณัฐรินีย์มองหน้าธีรเทพ เห็นความจริงจังและอ่อนโยนในสายตาของเขา เธอพยักหน้าเบาๆ ยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
“ฉันเต้นไม่เก่งนะ” เธอกระซิบเบาๆ
“ไม่เป็นไร ผมจะนำเอง” ธีรเทพยิ้ม
เขาค่อยๆ ดึงณัฐรินีย์เข้ามาในอ้อมแขน วางมือหนึ่งไว้ที่เอวของเธอ ส่วนอีกมือจับมือเธอไว้อย่างนุ่มนวล ทั้งสองเริ่มเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลงเบาๆ ร่างกายของพวกเขาสัมผัสกันเบาๆ ในขณะที่หมุนตัวไปช้าๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวและลมเย็นยามค่ำคืน
“ขอบคุณนะ ที่อยู่กับฉันคืนนี้” ณัฐรินีย์พูดเบาๆ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา
“ไม่ใช่แค่คืนนี้นะ ผมอยากอยู่กับคุณทุกคืนเลย” ธีรเทพยิ้มกริ่ม ทำให้ณัฐรินีย์รู้สึกเขินหน้าแดงระเรื่อ
เสียงเพลงยังคงเล่นอยู่เบาๆ พวกเขาเต้นรำไปตามจังหวะเพลงอย่างนุ่มนวล ท่ามกลางบรรยากาศที่โรแมนติก ณัฐรินีย์รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยในอ้อมแขนของธีรเทพ ใจของเธอเต้นแรงด้วยความเขินอาย ในที่สุดณัฐรินีย์ก็พบว่า ตัวเองหลงใหลในความอบอุ่นและความอ่อนโยนของธีรเทพอย่างลึกซึ้ง
งานแต่งงานแห่งความลับ
หลังจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ผ่านไปเพียงสามสัปดาห์ ทุกอย่างก็ถูกจัดเตรียมให้พร้อมสำหรับงานแต่งงานของเอกวัฒน์กับชัญญาอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่ยังคงอยู่ในงานต่างก็รู้สึกตื่นเต้นและงุนงงไปพร้อมกันกับความฉับไวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
งานนี้ถูกจัดขึ้นในโรงแรมหรูหราใจกลางเมือง ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่จัดงานเลี้ยงเปิดตัวสินค้าใหม่
ณัฐรินีย์และอาคิราได้รับการขอให้เป็นเพื่อนเจ้าสาว สองสาวต้องมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานนี้แม้ว่าจะยังมีความรู้สึกไม่สบายใจจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา
อาคิราในชุดราตรีสีชมพูอ่อน ดูน่ารักและอ่อนหวาน แม้จะรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลในงานนี้ แต่เธอก็พยายามทำหน้าที่ของเธออย่างดีที่สุด
ณัฐรินีย์ในชุดราตรียาวสีพีชอ่อน ดูสวยงามและสง่า เธอพยายามยิ้มและทำหน้าที่เพื่อนเจ้าสาวอย่างเต็มที่ แม้ว่าภายในใจยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับชัญญา
“มันแปลกๆ มั้ยอะ” ณัฐรินีย์กระซิบกับอาคิราขณะที่พักจากการต้อนรับแขกเหรื่อในงาน
“ทำไมรีบจัดงานแต่งงานขนาดนี้?”
“นั่นสิ เร็วมาก” อาคิราเห็นด้วยกับเพื่อนสาว
“มาอยู่ที่นี่เอง”
กฤตินและธีรเทพเดินเข้ามาหาหญิงสาวทั้งสองคนพร้อมๆ กัน
“อ้าว ทำไมพวกคุณมาด้วยกันล่ะ?” ณัฐรินีย์ประหลาดใจ
“เจอกันที่หน้างานน่ะ” กฤตินยิ้ม และตอบอาคิราที่ถามเขาด้วยสายตา
“ว่าแต่ ทำไมพวกคุณถึงกลายเป็นเพื่อนเจ้าสาวได้ล่ะ?” ธีรเทพมองชุดที่ณัฐรินีย์แต่งอย่างแปลกใจ
“ก็...เรื่องมีอยู่ว่า....”
หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า
“ไอ ณัฐ”
จู่ๆ ชัญญาก็เดินมานั่งลงที่โต๊ะ ในขณะที่อาคิราและณัฐรินีย์กำลังพักเบรกทานกาแฟในร้านคาเฟ่ที่อยู่ชั้นหนึ่งของบริษัท
“มีอะไยเหย๋อ?” ณัฐรินีย์ถามทั้งๆ ที่กำลังดูดกาแฟอยู่
“คือ..ฉัน..” ชัญญายิ้มเขินอาย ก่อนจะสูดลมหายใจลึก
“ฉันอยากให้พวกเธอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวน่ะ”
พรวด!
“แค้กๆ” ณัฐรินีย์พ่นกาแฟกลับลงไปในแก้ว ก่อนจะไอออกมาเพราะสำลักกาแฟ
“ณัฐ โคตรสกปรกเลย” อาคิราหลบเศษละอองของกาแฟ และหยิบทิชชู่ออกมาและยื่นให้เพื่อนเช็ด
“อะไรนะ? เธอพูดอะไรอะ ญ่า” ณัฐรินีย์ตาเหลือก
“เฮ้อ...เธอก็รู้ว่าฉันมีแค่พวกเธอสองคนที่เป็นเพื่อนในบริษัทนี้” ชัญญาถอนหายใจ
อาคิราและณัฐรินีย์สบตากัน ใช่ พวกเธอรู้ ตั้งแต่มีข่าวว่า ชัญญาแอบคบกับคุณเอกวัฒน์ลับหลังภรรยา พนักงานในบริษัทต่างก็แบนเธอ เพราะเธอทำตัวกร่าง เที่ยวออกคำสั่งไปทั่ว โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของเอกวัฒน์
ปัจจุบันนี้มีเพียงแค่พวกเธอสองคนเท่านั้นที่พูดคุยกับชัญญา (ยกเว้น กานต์รวีที่ทั้งรักและบูชาชัญญาสุดใจ) และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ชัญญาต้องมาขอร้องทั้งสองคน
“ญ่า ฉันไม่แน่ใจว่าจะดีมั้ยนะ...” ณัฐรินีย์พูดขึ้นมาเบาๆ
“ฉันรู้ว่าฉันอาจจะทำตัวไม่ค่อยน่ารัก แต่ฉันรู้สึกว่าพวกเธอเป็นคนที่ฉันไว้ใจได้ ดังนั้นในวันสำคัญของฉัน ฉันอยากมีพวกเธออยู่เคียงข้าง” ชัญญาเข้ามาใกล้และจับมือทั้งสองคนไว้
“เธอแน่ใจเหรอ? ฉันว่ามีคนอยากเป็นเพื่อนเจ้าสาวเธอมากกว่าพวกเราอยู่นะ” อาคิรามองลึกเข้าไปในดวงตาของชัญญา
“รวีน่ะเหรอ?”
“ไม่ได้หรอก รวีแต่งงานแล้ว และฉันก็อยากได้เพื่อนเจ้าสาวที่จะมารับดอกไม้ต่อจากฉันนะ” ชัญญายิ้มอย่างอ่อนหวาน
“วดีล่ะ?” ณัฐรินีย์ถามขึ้นบ้าง
“เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น” ชัญญาถอนใจ
“ไม่เหมือนพวกเธอ ที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทของฉัน” ชัญญายิ้มอย่างอ่อนโยน
“ก็ได้ ถ้าเธอมั่นใจ พวกเราจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เธอ” อาคิราถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า
“จริงนะ ดีใจที่สุดเลย” ชัญญายิ้มอย่างดีใจ
“เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ” ณัฐรินีย์เล่าจบก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ“แปลกมาก” ธีรเทพมีสีหน้าครุ่นคิด“รวี สนิทกับชัญญามากที่สุด เธอควรได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวสิ ไม่ใช่เป็นพวกคุณ”“ใช่มะ! ประหลาดมาก” ณัฐรินีย์พยักหน้าเห็นด้วยกับธีรเทพ“ฉันว่า ที่แปลกคือคุณเอกต่างหาก ภรรยาเพิ่งเสียแต่รีบแต่งงานเร็วเกิน แบบนี้ต้องมีอะไรที่ไม่ดีแน่ๆ” อาคิราขมวดคิ้ว“ที่สำคัญ....” อาคิราหันไปสบตากับกฤติน เขาพยักหน้าให้เล็กน้อย“แน่ะ อย่าอยู่ในโลกส่วนตัวกันแค่สองคนเซ่!” ณัฐรินีย์สังเกตเห็นรีบโวยวาย“เอาน่ะ ไว้เราค่อยคุยกันหลังจบงานนี้ก็แล้วกัน” อาคิราตัดบท“แน่นะ?” ณัฐรินีย์คาดคั้นเพื่อนสาว“อื้อ สัญญาเลย” อาคิราหัวเราะพร้อมกับดีดหน้าผากเพื่อน“คุณอาคิราและคุณณัฐรินีย์คะ คุณชัญญาให้มาตามค่ะ” พนักงานโรงแรมคนหนึ่งเดินมาหาพวกเธอ“รับทราบค่ะ” ทั้งสองคนพยักหน้า อาคิราหันไปสบตากับกฤติน เขายิ้มให้กำลังใจเธอ ก่อนที่หญิงสาวทั้งสองคนจะเดินออกไปจากห้องจัดงานณัฐรินีย์และอาคิราถูกเรียกตัวมาที่ห้องจัดเตรียม ซึ่งเป็นห้องโถงเล็กๆ ข้างหลังห้องจัดเลี้ยงหลักชัญญายืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โดยมีช่างแต่งหน้ากำลังจัดแต่งหน้าให้เธอ ใบ
ความลับในห้องนอนในห้องนอนส่วนตัวของกฤตินที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและมีเสน่ห์ด้วยโทนสีขาวและดำ กลิ่นหอมของดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงลอยมาเบาๆ ขณะที่แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาให้แสงสว่างนุ่มนวลนอกจากแสงจันทร์ ยังมีแสงเทียนที่สลัวอบอุ่นประดับอยู่ตามมุมห้อง สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและโรแมนติกกฤตินนั่งอยู่บนเตียงในชุดนอนสีเข้ม มองอาคิราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แปรงผมอยู่ตรงโต๊ะของเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงแรมจัดงานเลี้ยง กฤตินก็พาอาคิราตรงกลับมาที่บ้านของเขาทันที โดยที่เธอไม่ได้ทักท้วงใดๆ เขารู้สึกว่า คืนนี้เขาไม่ปล่อยเธอกลับบ้านแน่นอน“อะไรเหรอ?” อาคิราถามขึ้นเบาๆ เธอรับรู้ถึงสายตาที่เขามองมา“เปล่า”กฤตินยิ้มกริ่ม อาคิราไม่รู้หรอกว่า เขารอเวลานี้มานานแค่ไหน“เดี๋ยวเถอะ!” อาคิราหันมาและเอาแปรงผมชี้หน้าเขา ใบหน้าของเธอแดงก่ำ“หึหึ มานี่สิ” กฤตินยิ้มและยื่นมือให้เธอ“.....”อาคิรามองมือของเขา ก่อนจะวางแปรงผมที่โต๊ะ ลุกขึ้นและจับมือของเขา“อ๊ะ”กฤตินดึงมือและเอาแขนอีกข้างรวบตัวของอาคิราให้ขึ้นมาบนเตียง อาคิราที่โดนดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาใบหน้าแดงก่ำ“คื
ความปรารถนาที่ถูกบ่ายเบี่ยงภายในห้องนอนของญาณวดีและก้องเกียรติ ที่เพิ่งผ่านพ้นมรสุมของความรักไป แสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างกระทบกับเตียงที่เปียกชื้นจากเหงื่อและความรู้สึกที่ร้อนแรง ญาณวดีนอนอยู่ข้างก้องเกียรติ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข แต่ในสายตาของเธอซ่อนเร้นด้วยเล่ห์ร้ายบางอย่างเธอมองดูร่างของก้องเกียรติที่นอนเปลือยเปล่าข้าง ๆ กัน พลางลูบไล้เบา ๆ ไปที่แผ่นหลังของเขา สัมผัสอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความหวัง“ก้องคะ..” ญาณวดีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“หืม?”“ฉันอยากคุยเรื่องของเราน่ะค่ะ”“อะไรล่ะ?” ก้องเกียรติหลับตา เพราะยังรู้สึกเพลียกับสมรภูมิรักเมื่อครู่“ฉันอยากให้เราก้าวไปอีกขั้นในความสัมพันธ์นี้ ฉันอยากเป็นภรรยาที่ถูกต้องของคุณ”ก้องเกียรติที่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ รอยยิ้มที่เคยมีหายไปในทันที ความสงสัยและความไม่แน่ใจปรากฎในดวงตาของเขา“แต่นวล...ยังอยู่โรงพยาบาล ผมทิ้งเธอไม่ได้หรอก” ก้องเกียรติพยายามเลี่ยง“ฉันเข้าใจค่ะ แต่เธอเป็นบ้าไปแล้ว คุณจะปล่อยให้ตัวเองยึดติดกับคนที่เสียสติไปแล้วเหรอ?”“ฉันรักคุณ และฉันพร้อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ฉันต้องการเป็นเมียที่ถูกต้องของคุณค่ะ” ญาณวดีแสร้งทำเ
ความลับที่ถูกซ่อนเมื่อเข็มนาฬิกาเคลื่อนเข้าสู่เวลาเลิกงาน อาคิราก็เก็บข้าวของเตรียมตัวเพื่อกลับบ้าน วันนี้เธอต้องกลับบ้านเพียงลำพัง เพราะณัฐรินีย์ต้องอยู่ช่วยงานออกแบบของธีรเทพหลังเลิกงานทุกวัน เนื่องจากใกล้ถึงกำหนดเปิดตัวสินค้าใหม่ของบริษัทธีรเทพแล้วหญิงสาวเดินออกจากออฟฟิศและกดลิฟท์ลงไปยังชั้นหนึ่ง อาคิราเผลอคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ โดยไม่รู้ตัวว่า ในเงามืดของทางเดินมีใครบางคนกำลังรออยู่“เฮ้ คุณ”เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เธอหยุดชะงักและหันกลับไปมอง ก้องเกียรติยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของมีความกังวลเล็กน้อย“คุณนี่เอง” อาคิรานึกออกทันทีว่าเขาคือแฟนของญาณวดี“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ” ก้องเกียรติมองหน้าอาคิรานิ่ง“คาเฟ่ชั้นหนึ่งยังเปิดอยู่ เราไปคุยกันที่นั่นก็แล้วกัน”ทั้งสองคนเดินไปยังคาเฟ่ชั้นหนึ่งของตึก อาคารที่เต็มไปด้วยคนเดินขวักไขว่ แต่บรรยากาศในคาเฟ่กลับเงียบสงบอย่างประหลาด พวกเขาเลือกที่นั่งมุมหนึ่งที่เงียบสงบ“ผมมีเรื่องอยากถามสองเรื่อง” ก้องเกียรติเริ่มต้นก่อนหลังจากที่สั่งเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว“หนึ่ง เรื่องญาณวดีที่คุณพูดหมายความว่ายังไง สองคุณรู้ได้ยังไงว
ความลับของญาณวดีในค่ำคืนที่เงียบสงบและมืดมิด ญาณวดีเดินผ่านตรอกซอยแคบๆ ที่มืดทึบและเต็มไปด้วยความลึกลับ ความรู้สึกตื่นเต้นและหวาดหวั่นกระจายไปทั่วใจเธอ แม้ว่าจะเป็นสถานที่ที่น่ากลัวและอันตราย แต่เธอก็ไม่ลังเลที่จะเดินเข้ามาเมื่อเธอถึงหน้าประตูไม้เก่าๆ ที่ดูเหมือนจะผ่านกาลเวลามานาน เธอเคาะเบาๆ ไม่กี่ครั้ง ประตูค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นหญิงวัยชราคนหนึ่ง ผู้มีดวงตาลึกลับและน่ากลัวที่มองตรงมาที่เธอ“คือฉัน...”“เข้ามาสิ” เสียงแหบพร่าดังขึ้นญาณวดีพยักหน้าเบาๆ และเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นห้องที่มืดและเต็มไปด้วยกลิ่นธูปและสมุนไพรลอยอวล ญาณวดีเดินเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ใจเธอเต้นรัวไปด้วยความกล้าและความกลัวเสียงกระพือของลมเย็นยามค่ำคืนดังแทรกเข้ามาในห้อง แสงเทียนวับวาวสะท้อนเงามืดที่ดูน่ากลัว“มาแล้วหรือ?”เสียงแหบพร่าของหมอผีดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง เขานั่งอยู่บนเบาะเก่า ๆ ในสภาพที่ดูราวกับออกมาจากฝันร้าย ผมยาวสีดำนั้นยุ่งเหยิงและแววตาสะท้อนแสงเทียนจ้องมองมาที่ญาณวดี“ฉันมาขอความช่วยเหลือค่ะ” ญาณวดีตอบเบา ๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกระหายที่จะได้สิ่งที่ต้องการ“เจ้าต้องการอะไร?” หมอผียิ้มอย่า
ณัฐรินีย์หลับตาเพื่อพักสายตาครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเธอเท่าไหร่นัก ธีรเทพกำลังจ้องมองโน้ตบุ๊คเบื้องหน้าของเขาด้วยสายตาจริงจัง แว่นกันแสงบลูไลท์ที่เขาใส่ ทำให้เขาดูเท่และสมกับเป็นนักธุรกิจยิ่งขึ้น“นี่คุณ” ณัฐรินีย์เอ่ยทำลายความเงียบ“หืม?” ธีรเทพตอบกลับโดยไม่ได้ละสายตาจากโน้ตบุ๊ค“คุณ...ไม่ต้องพากานต์รวีไปเที่ยวบ้างเหรอ?”“....” มือของธีรเทพชะงักไป ก่อนจะหันมามองหญิงสาวที่จ้องมองเขาด้วยความสงสัย“ไม่อะ” ชายหนุ่มตอบง่ายๆ“เอ้า ทำไมอะ?”“รวีไปกับชัญญาน่ะ” ธีรเทพตอบอย่างไม่ใส่ใจ“ห๊ะ?” ณัฐรินีย์ยิ่งแปลกใจมากขึ้น“ตั้งแต่รวีเจอกับชัญญา รวีก็แทบไม่ได้อยู่บ้าน ส่วนมากจะไปกับชัญญาตลอด” ธีรเทพตอบด้วยท่าทางไม่เดือดร้อน“นี่คุณ ที่คุณพูดมา มันแปลกไม่ใช่เหรอ? เป็นสามีภรรยากัน มีอย่างที่ไหนไปกับเพื่อน?” ณัฐรินีย์ขมวดคิ้ว“อืม...ไม่รู้สิ ผมก็พยายามหาคำตอบอยู่”“แล้วคุณไม่เดือดร้อนเหรอ? โดนเพื่อนภรรยาแย่งเวลาไปหมดแบบนี้น่ะ” ณัฐรินีย์ชะโงกหน้าเข้าไปจ้องมองราวกับจะอ่านความรู้สึกของธีรเทพ“ไม่นะ เพราะผมได้ทำงานเต็มที่ ที่สำคัญ....” ธีรเทพหันไปมองตาณัฐรินีย์“ผมได้เจอคุณ
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านตึกสูงระฟ้าในกรุงเทพฯ เสียงรถราและผู้คนพลุกพล่าน เป็นสัญญาณเริ่มต้นของอีกหนึ่งวันทำงาน สำหรับชัญญา พนักงานสาวสวยฝ่ายการตลาด เช้าวันนี้เธอมีรอยยิ้มที่สดใส แฝงไว้ด้วยความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่นชัญญา เดินเข้ามาในบริษัท “Vivid Enterprise” ด้วยท่าทางสง่า เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสีแดงโดยสวมทับด้วยสูทสีดำเรียบหรู เส้นผมสลวยยาว ใบหน้าสวยคม ดวงตาเฉียบคม เธอเป็นที่หมายปองของผู้ชายในบริษัท แต่ชัญญาไม่เคยสนใจใคร เธอมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว นั่นคือการก้าวขึ้นสู่อำนาจ เป็นผู้หญิงที่เหนือกว่าใครๆภายในห้องทำงาน ชัญญาในชุดเดรสสีแดง นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอมองไปรอบๆ เห็นพนักงานคนอื่นๆ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่มีใครเก่งเท่าเธอ ชัญญารู้สึกภูมิใจในตัวเอง เธอคิดว่าเธอสมควรได้รับตำแหน่งที่สูงกว่านี้ก๊อก ก๊อก“เชิญค่ะ” ชัญญาตอบด้วยน้ำเสียงหวานใส“คุณญ่าคะ คุณเอกวัฒน์ว่างแล้วค่ะ” เลขาแจ้ง“ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ชัญญาตอบ รีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน จัดเอกสารให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องไปก๊อก ก๊อก“ขออนุญาตค่ะ” ชัญญาบอกเสียงใส
ในบ้านหลังใหญ่ที่หรูหราภายในห้องนอนที่มืดมิด แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่าง เป็นประกายระยิบระยับ กานต์รวี นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ดวงตาของเธอปิดสนิท แต่หัวใจของเธอดิ้นรนด้วยความปรารถนา เธอคิดถึงชัญญา หญิงสาวผู้จุดประกายไฟแห่งรักในตัวเธอกานต์รวี รู้จักชัญญามานานแล้ว ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันสมัยเรียนด้วยกัน ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกัน ชอบทำกิจกรรมคล้ายๆ กัน กานต์รวี ชื่นชมในความสวยงามและความร่าเริงของชัญญา ในขณะที่ชัญญา ชื่นชอบในความฉลาดและความใจดีของกานต์รวี ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอกานต์รวีแอบหลงรักชัญญา เธอเกือบจะสารภาพรักกับชัญญา แต่เมื่อชัญญาพาแฟนหนุ่มที่หล่อเหลาและดูดีมาแนะนำให้รู้จัก กานต์วรีรู้สึกเสียใจ และต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้หลังเรียนจบ ทั้งคู่แยกย้ายกันไปทำงานและไม่ได้ติดต่อกันอีก ในที่สุดกานต์รวีตัดสินใจแต่งงานกับชายหนุ่มที่ชื่อ ธีรเทพ เพื่อลืมความรักที่มีต่อชัญญา แต่ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว กานต์รวีก็ยังไม่สามารถลืมชัญญาได้ เธอแอบติดตามชีวิตของชัญญาผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เสมอจนกระทั่งวันหนึ่ง เหมือนสวรรค์เล่นตลกให้ชัญญามาสมัครงานที่บริษัท Vivid Ente