ดาราฉายาดาวพิฆาต ตกอับรับช่วงต่ออารามบนเขา ทั้งรก ทั้งโทรมจึงหาทางบูรณะด้วยการดูดวงและปราบผี!!
View Moreคุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวลแต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใครเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”เทพเจ้า?!คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขาหย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร
เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจคุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ18K ก็พอแล้ว”“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ?
รถของตระกูลฉู่จอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลซ่ง หย่งฟางลงจากรถแล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากข้างทาง ก่อนจะเดินมาที่หน้าประตูบ้าน เธอท่องคาถาอย่างรวดเร็ว“ขออัญเชิญท่านเทพแห่งห้องสุขา ผู้ที่เชื่อมต่อสวรรค์และโลก สามารถผ่านเข้าออกในโลกมนุษย์และโลกแห่งความตายได้”เมื่อเธอทิ่มกิ่งไม้ลงกับพื้นเมื่อท่องคาถาเสร็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใสและชัดเจน “ขออัญเชิญ!” ทันใดนั้นใบไม้และฝุ่นบนพื้นถูกลมหมุนพัดขึ้นมาสิบวินาทีต่อมาลมสงบลง และหมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กๆ ที่โค้งงอหลังของมันออกมาจากหมอกสีขาว พร้อมกับไม้เท้าในมือ ปรากฏร่างพร้อมรอยยิ้มเป็นเทพเทพแห่งห้องสุขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่านมองหย่งฟางด้วยดวงตาที่เป็นมิตร “เจ้าหย่งฟางน้อย”“ขอคารวะท่านเทพ” หย่งฟางก้มโค้งคำนับอย่างเคารพ“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก ข้าเป็นแค่เทพเล็กๆ ได้รับธูปและกระดาษเงินกระดาษทองจ
เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอายของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบากหย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้างในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพ
หลินตงน้ำตาคลอเบ้า มองไปที่หย่งฟางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความวิงวอน แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาเคยทำสิ่งไม่ดี จึงไม่มีสิทธิ์ขอร้องใคร อีกทั้งเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะให้หย่งฟางแต่ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาด จนทำให้ไม่สามารถพูดคุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายได้ เขาก็ยังคงต้องการขอโอกาส ที่จะให้เธอได้เกิดใหม่ในฐานะที่ดีกว่าเดิมในภพหน้า“ฉันไม่ได้ใจแข็งเหมือนคุณ ที่แม้แต่ลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็ยังกล้าทำร้ายได้” หย่งฟางพูดขึ้นเธอทำพิธีส่งดวงวิญญาณ ซึ่งปกติจะเรียกให้ยมทูตมารับไป แต่ครั้งนี้กลัวว่าอาจจะไม่ทันเวลา เธอจึงเปิดประตูนรกขึ้นมาเอง แล้วผลักดันวิญญาณของหลินเหมียนเข้าไปประตูนรกสีฟ้าเข้มหายไปในทันทีหย่งฟางหันไปบอกกับคุณนายฉู่ “ตอนนี้คุณก็คงรู้แล้ว ว่าลูกชายของคุณมีผีสองตนสิงอยู่ แต่เป็นเพราะหลินเหมียนพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ เขาถึงยังรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่อีกไม่นาน ถ้าคืนนี้ผ่านไป ฉู่เหยียนก็จะไม่รอดแล้ว” ดังนั้นที่พวกคุณเรียกฉันมาทำพิธีแก้เคล็ดนี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ฉู่เหยียนก็ไม่มีทางรอด ทางเลือกของพวกคุณคือ จะให้เขาตายไปพร้อมกับภรรยาที่เป็นผีหรือให้เขาโสดไปชีวิต ฉันพูดอย
วิญญาณสาวกรีดร้อง ขูดกรงเล็บยาวกว่าครึ่งเมตร พร้อมกับไล่มองตั้งแต่หย่งฟาง ไปยังพ่อบ้านหลินและฉู่หมิงถิง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา "ที่นี่ใครแซ่ฉู่! สมควรตาย!!"เคร้ง!เสียงดาบที่ทำจากเหรียญจักรพรรดิทั้งห้า กั้นกรงเล็บคมของวิญญาณอาฆาตได้อย่างแม่นยำ เมื่อเล็บยาวแหลมสัมผัสกับดาบนั้นก็เกิดประกายไฟ พร้อมกับเสียงซู่ซ่าของควันสีดำ และกลิ่นไหม้ที่เหม็นคลุ้งไปทั่ว ผีสาวหันกลับมามองหย่งฟางด้วยความโกรธ ผมยาวของหล่อนสยายชี้ขึ้นไปในอากาศ กรงเล็บพุ่งเข้ามาและฉีกเสื้อคลุมเจ้าสาวที่บริเวณไหล่หย่งฟางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมของเธอถูกฉีกขาด แต่ร่างกายไม่เป็นอะไร หญิงสาวควักยันต์หลายแผ่นจากแขนเสื้อออกมาและโยกไปเบื้องหน้า แผ่นยันต์ที่ควรจะตกกระจัดกระจาย ตอนนี้กลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง"พยัคฆ์ทองสยบภูตผีวิญญาณนับพันไม่อาจหลบหลีกได้ ไป!" หย่งฟางเปลี่ยนท่ามือและสุดท้ายชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสือทองคำในตำนานก็ปรากฏขึ้น เสียงคำรามของมันดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งตรงไปหาวิญญาณอาฆาต ถูกกดดันจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร เมื่อเสือทองคำหายไปถูกแทนที่ด้วยยันต์หกแผ่นที่เปล่งแสงสีทอง ล้อมรอบวิญญาณเอาไว้คล้ายเชือกพั
“พูดจาบ้าบออะไร! แกเป็นใครถึงมีสิทธิ์พูดแบบนั้น?!” แม่บ้านเจินโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาหย่งฟางไม่ตอบโต้ เพราะเมื่อข้อมูลดวงชะตาของหลินเหมียนปรากฏบนโต๊ะพิธี คนที่พอมีสมองก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไรนายท่านฉู่ถามอย่างเคร่งเครียด “หลินตง หลินเหมียนเสียชีวิตเมื่อครึ่งปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนเดินทางไปพบลูกค้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวเหยียน?” “เสี่ยวเหยียนกับหลินเหมียนเป็นแฟนกันหรือเปล่า? ถ้าพวกคุณไม่รู้เรื่องนี้ นั่นแสดงว่าพวกเขาคงแอบคบกันลับๆ” หย่งฟางบอกการคาดเดาของตัวเองทันใดนั้นเองเสียงไก่ตัวผู้ในอ้อมแขนของคุณนายฉู่ร้องออกมาสองครั้ง หย่งฟางมองไปที่ไก่และสังเกตว่ามันมีสีหน้าที่ดูเหมือนหมดหวัง เธอเข้าใจแล้ว ไก่ปฏิเสธถ้าเป็นเช่นนั้น “ลูกสาวของคุณชอบเสี่ยวเหยียน คุณเลยอยากให้เขาแต่งงานกับเธอในฐานะผี” หย่งฟางหันไปมองพ่อบ้านหลิน “ตอนนี้ฉันพูดถูกทั้งหมดแล้วใช่ไหม”ใช่ ถูกทั้งหมด! หลินตงยังสวมชุดทำงานที่เรียบร้อยของหัวหน้าพ่อบ้านอยู่ แต่ตอนนี้เขาหมดคำพูดในการโต้แย้งอีกต่อไป ราวกับว่าถูกดึงพลังชีวิตออกไปหมดสิ้น แม้แต่กระดูกก็เหมือนจะไม่แข็งแรงอีกแล้ว เขาดูแก่ลงหลายปี ท่าทางหมดแ
“ช้าก่อน!”เจ้าสาวที่สวมชุดแต่งงานสีแดงยกข้อมือทำท่าห้าม เสียงของเธอดังมาจากใต้ผ้าคลุมหน้า “ฉันอยากให้ความร่วมมือ แต่ฉันอยากรู้ว่าจริงๆ แล้ว เป็นฉันหย่งฟางหรือหลินเหมียน ที่จะแต่งงานกับคุณชายรองแห่งตระกูลฉู่”ทันทีที่เธอพูดจบ ทกคนต่างตกตะลึง เธอกำลังพูดถึงอะไร? ทำไมถึงลากหลินเหมียนไปเกี่ยวข้องด้วย? ลูกสาวของพ่อบ้านหลินเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปตั้งครึ่งปีแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับหล่อน? ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองพ่อบ้านหลินใบหน้าของพ่อบ้านเฒ่ายังคงสงบ ไม่ได้โต้แย้งหรือแสดงความสงสัยอะไร เขาพูดอย่างใจเย็น “คุณนาย นี่เป็นการพูดเหลวไหล หล่อนแค่ต้องการถ่วงเวลาเท่านั้น อย่าไปฟัง...”หย่งฟางตะโกนขัดจังหวะ “ฉันขอแนะนำให้คุณนายฉู่ ตรวจสอบวันเดือนปีเกิดของเจ้าสาวที่เขียนบนโต๊ะบูชาดูนะคะ ตรวจดูว่าเป็นวันเดือนปีเกิดและชื่อของใคร แล้วจะรู้ว่าเป็นฉันที่ถูกเรียกมาเพื่อแก้เคล็ด หรือถูกใช้งานแทนคนอื่นเพื่อจัดงานแต่งกับวิญญาณ”ตอนแรกคุณนายฉู่ไม่ได้สนใจ แต่พอได้ยินคำว่า "แต่งงานกับวิญญาณ" สามคำนี้ จึงเริ่มคิดที่จะตรวจสอบตามที่หย่งฟางกล่าวการแต่งงานแก้เคล็ด คือ การแต่งงานระหว่างคนเป็นการแต่งง
ดวงตาของหย่งฟางเบิกกว้างขึ้น เมื่อใช้มือวาดท่าใหม่เพื่อร่ายมนต์ จากนั้นก็สามารถสัมผัสกับวัตถุได้ เธอจับคางของชายหนุ่มไว้ แล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางดันมันขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉู่เหยียนถูกบังคับให้เปิดปากออก เผยให้เห็นลิ้นของเขา บนนั้นมีเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งใบหน้าของหย่งฟางเคร่งขรึมขึ้น พลังคำสาปถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เหรียญทองแดงเหรียญนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ เป็นไปไม่ได้ที่คุณนายฉู่ จะใส่ของป้องกันเพื่อให้ลูกชายฟื้นคืนสติ เพราะเหรียญทองแดงนี้เป็นของที่ขุดขึ้นมาจากหลุมฝังศพ ของแบบนี้มีพลังแห่งความอาฆาตติดอยู่น่าจะไม่มีใครรู้ว่าฉู่เหยียนมีสิ่งนี้อยู่ในปาก หรืออาจเป็นไปได้ว่าคุณนายฉู่ถูกหลอกให้เชื่อ และยินยอมให้ใครบางคนใส่ของนี้เข้าไปในปากลูกชายของหล่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นคนที่คุณนายที่ไว้ใจ และทำให้เข้าใกล้ฉู่เหยียนได้เพราะตอนที่หย่งฟางเข้ามา เธอเห็นบอดี้การ์ดในชุดสูทดำ คอยเฝ้าอยู่หน้าประตูตลอดเวลา พลังคำสาปที่หนักแน่น กลับเข้ามารวมตัวบนร่างของชายหนุ่มที่ดูน่ารักขณะหลับใหล หย่งฟางก็รู้ว่าวิญญาณของเธอจะต้องกลับคืนร่างแล้ว จึงปล่อยมือจากคางของเขาแล้วเปลี่ยนท่าใหม่เ
[วันที่ 19 มิถุนายน ปี 20XX, เป็นวันที่ 53 ที่หย่งฟางลาออกจากวงการ, อากาศแจ่มใส, วงการบันเทิงเงียบสงบ][หรือฉันคิดไปเอง? หลังจากหย่งฟางจากไป วงการบันเทิงไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอีกเลย][มั่นใจได้เลยว่า ไม่ได้คิดไปเองแน่]กิตติศัพท์เมื่อตอนที่หย่งฟางยังอยู่ในวงการ เธอเสมือนระเบิดปรมณูไปที่ไหนวาดวอดที่นั่น การประกวดเลือกตัวนักแสดง ก็ไปเรื่องกับแฟนคลับจนบ้านแตก ไปที่กองถ่ายพระเอกมีปัญหาเสพสารเสพติดจนโดนจับ ไปเข้ารายการวาไรตี้ แขกรับเชิญประจำก็จะโดนข้อหาหลบเลี่ยงภาษีจนโดนแบน แม้ว่าจะไม่ชอบหย่งฟางแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในการปั่นป่วนความสงบในวงการบันเทิงเธอเปรียบเสมือนระเบิด ไปที่ไหนก็เกิดเรื่องที่นั่น! แฟนคลับบางคนเรียกเธอว่า “ยมทูตประจำวงการบันเทิง” และแฟนๆ บางส่วนถึงกับคร่ำครวญขออย่าให้เธอมาเฉียดบ้านหรือเข้าใกล้ครอบครัว เพราะกลัวจะถูกความโชคร้ายของหย่งฟางติดตัวแต่ในตอนนี้ทุกคนรู้สึกเหงาหงอยนิดหน่อย เพราะแม้แต่คำว่า “ตัวระเบิดของวงการ” ในเว่ยป๋อก็ไม่ปรากฏขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่หย่งฟางออกจากวงการบันเทิง[ขาดหย่งฟางไป ความสนุกก็หายไปด้วย][ฉันเริ่มคิดถึงเธอแล้ว]
Comments