แชร์

บทที่ 5 ทำลายแผน

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-06 10:35:18

“ช้าก่อน!”

เจ้าสาวที่สวมชุดแต่งงานสีแดงยกข้อมือทำท่าห้าม เสียงของเธอดังมาจากใต้ผ้าคลุมหน้า “ฉันอยากให้ความร่วมมือ แต่ฉันอยากรู้ว่าจริงๆ แล้ว เป็นฉันหย่งฟางหรือหลินเหมียน ที่จะแต่งงานกับคุณชายรองแห่งตระกูลฉู่”

ทันทีที่เธอพูดจบ ทกคนต่างตกตะลึง เธอกำลังพูดถึงอะไร? ทำไมถึงลากหลินเหมียนไปเกี่ยวข้องด้วย? ลูกสาวของพ่อบ้านหลินเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปตั้งครึ่งปีแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับหล่อน? ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองพ่อบ้านหลิน

ใบหน้าของพ่อบ้านเฒ่ายังคงสงบ ไม่ได้โต้แย้งหรือแสดงความสงสัยอะไร เขาพูดอย่างใจเย็น  “คุณนาย นี่เป็นการพูดเหลวไหล หล่อนแค่ต้องการถ่วงเวลาเท่านั้น อย่าไปฟัง...”

หย่งฟางตะโกนขัดจังหวะ “ฉันขอแนะนำให้คุณนายฉู่ ตรวจสอบวันเดือนปีเกิดของเจ้าสาวที่เขียนบนโต๊ะบูชาดูนะคะ ตรวจดูว่าเป็นวันเดือนปีเกิดและชื่อของใคร แล้วจะรู้ว่าเป็นฉันที่ถูกเรียกมาเพื่อแก้เคล็ด หรือถูกใช้งานแทนคนอื่นเพื่อจัดงานแต่งกับวิญญาณ”

ตอนแรกคุณนายฉู่ไม่ได้สนใจ แต่พอได้ยินคำว่า "แต่งงานกับวิญญาณ" สามคำนี้ จึงเริ่มคิดที่จะตรวจสอบตามที่หย่งฟางกล่าว

การแต่งงานแก้เคล็ด คือ การแต่งงานระหว่างคนเป็น

การแต่งงานวิญญาณ คือ การแต่งงานระหว่างวิญญาณของคนสองคนที่เสียชีวิตแล้ว หรือคนหนึ่งที่ตายไปแล้วและอีกคนกำลังจะตาย

เรื่องเกี่ยวกับฉู่เหยียนเป็นเรื่องที่สำคัญเกินกว่าจะปล่อยผ่านไปได้ เมื่อคุณนายฉู่เดินเข้าไปใกล้โต๊ะบูชา พ่อบ้านหลินสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาต้องการจะทำอะไรบางอย่าง แต่หย่งฟางเคลื่อนไหวเร็วกว่ามาก เธอโยนผ้าคลุมหน้าสีแดงทิ้งและแย่งไก่ตัวผู้สีแดงสดจากโต๊ะบูชา ไก่ตัวผู้ไม่ใช่เป้าหมายหลักของพ่อบ้านหลินในตอนนี้ เขาไม่ได้สนใจที่จะไล่ตามไก่ แต่กลับวิ่งขึ้นบันไดแทน

“หยุดเขาไว้! เขาจะไปที่ห้องของฉู่เหยียน!” หย่งฟางตะโกนอย่างมั่นใจ

พ่อบ้านหลินไม่หยุดยังคงขึ้นบันไดไปด้วยในที่มั่นคง ถึงแม้ว่าพิธีแต่งงานวิญญาณจะถูกขัดขวาง แต่เขายังมีแผนสำรองอยู่ ตราบใดที่วิ่งขึ้นไปฆ่าฉู่เหยียนในตอนนี้ ความปรารถนาของลูกสาวเขาก็จะเป็นจริง ถึงแม้มันจะไม่สมบูรณ์แบบนักก็ตาม

บอดี้การ์ดที่ชั้นล่างไม่มีใครฟังคำสั่งของหย่งฟา งเธอจึงต้องโยนไก่ตัวผู้สีแดงสดไปที่คุณนายฉู่ “ดูแลให้ดีนะ! นี่คือชีวิตของลูกชายคุณ!!” แล้วเธอก็ไล่ตามพ่อบ้านหลินขึ้นไปชั้นบน

ไก่ตัวผู้สีแดงสดบินอยู่ในอากาศ

คุณนายฉู่โดยสัญชาตญาณจับมันไว้ แม้ว่าจะกลัวขนของมันอยู่บ้าง แต่ไก่ตัวผู้ก็ไม่ได้ทำอะไรหล่อน เพียงแค่จ้องมองด้วยสายตาที่ฉลาดเฉลียว ทำให้คุณนายฉู่เริ่มเชื่อคำพูดของหย่งฟางขึ้นมาทันที

จึงหยิบกระดาษสีแดงสองแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะบูชา ซึ่งเป็นหลักฐานที่ใช้ในการสมรสต่อหน้าสวรรค์และบรรพบุรุษของตระกูลฉู่ บนกระดาษสีแดงมีวันเดือนปีเกิดของคู่บ่าวสาว แผ่นหนึ่งเป็นของฉู่เหยียน ไม่ผิดแน่

แผ่นหนึ่ง... คุณนายฉู่เห็นชื่อ “หลินเหมียน” สองคำนี้

ลายมือของพ่อบ้านหลินสวยมาก ดังนั้นกระดาษสมรสจึงเป็นลายมือของเขา และเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน หล่อนยังได้ตรวจสอบด้วยตัวเองเลยว่า ตอนนั้นเป็นวันเดือนปีเกิดของหย่งฟางจริงๆ

แต่ตอนนี้มันถูกเปลี่ยนแล้ว

เพียงแค่เห็นคำว่า “หลินเหมียน” ก็พอจะบอกได้ว่ายังคงเป็นลายมือของพ่อบ้านหลิน

คุณนายฉู่รู้สึกกลัวจนเสียงสั่น ตะโกนสั่งบอดี้การ์ดอย่างร้อนใจ “ทุกคนไปที่ชั้นสามเร็ว!”

บอดี้การ์ดจึงเริ่มเคลื่อนไหวและรีบวิ่งขึ้นบันได แม้ว่าคุณนายฉู่จะรู้สึกเจ็บจากอาการข้อเท้าพลิก แต่หล่อนก็กอดไก่ตัวผู้สีแดงสดไว้แน่น แล้ววิ่งตามไป นายท่านฉู่ เสี่ยวเฉียว เสี่ยวเซ่อ แม่บ้านเจิน และคนอื่นๆ ก็วิ่งตามไปที่ชั้นสามเช่นกัน ในขณะที่เหล่าคนรับใช้ที่อยู่ในห้องโถงชั้นล่าง ต่างมองหน้ากันและเริ่มซุบซิบเสียงเบาๆ

ชั้นสาม ห้องของฉู่เหยียน

แม้ว่าหย่งฟางจะถูกพ่อเฒ่าบังคับให้ฝึกฝนตั้งแต่เด็กจนร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่พลังของชายหนุ่มที่แข็งแรงก็ยังมากกว่าเธอ การต่อสู้ด้วยกำลังตรงๆ ไม่ใช่เรื่องดี หย่งฟางไม่ใช่คนโง่ เธอจึงใช้ทักษะการจับแบบนุ่มนวล จับจังหวะแล้วควบคุมพ่อบ้านหลินได้ในที่สุด

เมื่อบอดี้การ์ดขึ้นมาถึง ก็เห็นว่าพ่อบ้านหลินถูกหย่งฟางจับกดหน้าลงกับพื้นอย่างอับอาย หย่งฟางใช้เข่ากดลงบนหลังของเขา มือข้างหนึ่งบิดข้อมือเขาไว้ ส่วนอีกมือกดที่ศีรษะ หย่งฟางเองก็ไม่อยากลงมือ แต่บอดี้การ์ดเหล่านี้ไม่มีใครสู้ได้เลย

เธอถอนหายใจหนักๆ “ตอนนี้พวกคุณจะฟังคำพูดของฉันไหม?”

บอดี้การ์ดพยักหน้า

“มารับช่วงต่อไป ดูแลให้ดี”

เมื่อส่งมอบพ่อบ้านหลินให้กับบอดี้การ์ด คุณนายฉู่และคนอื่นๆ ก็มาถึงพอดี หย่งฟางไม่เสียเวลาพูดมาก เมื่อคุณนายฉู่มาถึงเธอก็บีบแก้มของฉู่เหยียนให้เปิดปาก ภายในมีเหรียญทองแดงเก่าๆ อยู่เหรียญหนึ่ง

หย่งฟางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมันออกมา แล้วถามคุณนายฉู่ “คุณรู้ไหมว่ามีสิ่งนี้ในปากของลูกชายคุณ?”

คุณนายฉู่พยักหน้า “ลุงหลินบอกว่านี่เป็นเครื่องรางเพื่อปกป้องจิตวิญญาณ...”

หย่งฟางส่ายหัว “นี่คือของที่ใช้ในพิธีศพ ไม่ใช่เครื่องรางเพื่อปกป้องจิตวิญญาณ แต่เป็นเพื่อการเปลี่ยนวิญญาณ  ปากของไก่ตัวผู้น่าจะมีเหรียญนี้อยู่ด้วย คุณลองดูสิ”

คุณนายฉู่มองไปที่ไก่ตัวผู้ในอ้อมแขน แต่ก็ไม่กล้าลงมือ แม่บ้านเจินจึงก้าวมาข้างหน้า เปิดปากของไก่ตัวผู้ และก็พบเหรียญทองแดงอีกเหรียญหนึ่งจริงๆ คุณนายฉู่จ้องมองพ่อบ้านหลินที่ถูกกดไว้ ภายในใจยากที่จะเชื่อ

“ลุงหลิน สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงหรือ?”

เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากเขา ทำให้ใจของคุณนายฉู่เริ่มเย็นลง เสียงของเธอสั่น “หลินตง หลินเหมียนเติบโตในบ้านตระกูลฉู่ของเรา เธอเรียนในโรงเรียนเดียวกับลูกๆ ของบ้านเรา ขึ้นรถโรงเรียนคันเดียวกับเสี่ยวเหยียน ไม่มีใครปฏิบัติกับเธอแตกต่างจากลูกหลานของบ้านเราเลน การที่หลินเหมียนได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็เป็นเงินของตระกูลเราที่จ่ายให้...ครอบครัวเราทำดีถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณถึงต้องการชีวิตของเสี่ยวเหยียนอีก!”

เมื่อได้ฟังคำตัดพ้อของคุณนายฉู่ แม่บ้านเจินเลือกที่จะเข้าข้างพ่อบ้านหลิน “คุณนาย คำพูดของเด็กคนนี้อาจจะไม่จริงก็ได้ ลุงหลินดูแลเสี่ยวเหยียนมาตั้งแต่เด็ก เขาไม่น่าจะใจร้ายถึงขนาดนั้นได้หรอกค่ะ อย่าเชื่อคำพูดของเธอทั้งหมดนะคะ!”

หย่งฟางยิ้มเล็กน้อย “แม่บ้านเจิน ถ้าคุณยังเข้าข้างพ่อบ้านหลินอีก ฉันคงต้องถือว่าคุณเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดแล้วล่ะ”

หลังจากที่เธอฟื้นตัวและวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ก็ได้ล็อกเป้าหมายสองคนคือแม่บ้านเจินและพ่อบ้านหลิน แต่แม่บ้านเจินไม่ได้ฉลาดเท่าไหร่ และจากข้อมูลที่ได้จากตระกูลฉู่ เธอมีลูกชายเพียงคนเดียว ทำให้หย่งฟางตัดแม่บ้านเจินออกจากผู้ต้องสงสัย เมื่อเธอทราบถึงเรื่องของหลินเหมียน เธอก็เริ่มเข้าใจภาพรวม แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน

จึงต้องเสี่ยงดูว่าการแต่งงานวิญญาณเป็นเรื่องจริงหรือไม่

ดังนั้นเธอจึงมาที่สถานที่ทำพิธีแต่งงาน และรู้ว่าพ่อบ้านหลินเป็นคนถือไก่ตัวผู้ เธอจึงใช้สัญลักษณ์เล็กๆ เพื่อปล่อยวิญญาณจากไก่ในขณะนั้น และก็พบว่าวิญญาณนั้นคือฉู่เหยียน การเปลี่ยนวิญญาณได้รับการยืนยัน

จากนั้นเธอให้คุณนายฉู่ตรวจสอบกระดาษสีแดงบนโต๊ะบูชาที่เป็นชื่อของเจ้าสาว ซึ่งก็ได้รับการยืนยันแล้วเช่นกัน ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังการที่ฉู่เหยียนหมดสติเป็นใคร ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว แต่แม่บ้านเจินกลับไม่เข้าใจ ยังคงช่วยพูดเข้าข้างอีก ทำให้หย่งฟางเริ่มสงสัยว่าเธออาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

เพราะเธอยังไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ ว่ามีหลายคนร่วมกันก่อเหตุในคดีนี้

ล้ำลึกมากพ่อบ้านหลินนน ที่คุณชายรองไม่ฟื้นก็เพราะแบบนี้สินะ!!!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่6 ปราบวิญญาณ

    “พูดจาบ้าบออะไร! แกเป็นใครถึงมีสิทธิ์พูดแบบนั้น?!” แม่บ้านเจินโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาหย่งฟางไม่ตอบโต้ เพราะเมื่อข้อมูลดวงชะตาของหลินเหมียนปรากฏบนโต๊ะพิธี คนที่พอมีสมองก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไรนายท่านฉู่ถามอย่างเคร่งเครียด “หลินตง หลินเหมียนเสียชีวิตเมื่อครึ่งปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนเดินทางไปพบลูกค้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวเหยียน?” “เสี่ยวเหยียนกับหลินเหมียนเป็นแฟนกันหรือเปล่า? ถ้าพวกคุณไม่รู้เรื่องนี้ นั่นแสดงว่าพวกเขาคงแอบคบกันลับๆ” หย่งฟางบอกการคาดเดาของตัวเองทันใดนั้นเองเสียงไก่ตัวผู้ในอ้อมแขนของคุณนายฉู่ร้องออกมาสองครั้ง หย่งฟางมองไปที่ไก่และสังเกตว่ามันมีสีหน้าที่ดูเหมือนหมดหวัง เธอเข้าใจแล้ว ไก่ปฏิเสธถ้าเป็นเช่นนั้น “ลูกสาวของคุณชอบเสี่ยวเหยียน คุณเลยอยากให้เขาแต่งงานกับเธอในฐานะผี” หย่งฟางหันไปมองพ่อบ้านหลิน “ตอนนี้ฉันพูดถูกทั้งหมดแล้วใช่ไหม”ใช่ ถูกทั้งหมด! หลินตงยังสวมชุดทำงานที่เรียบร้อยของหัวหน้าพ่อบ้านอยู่ แต่ตอนนี้เขาหมดคำพูดในการโต้แย้งอีกต่อไป ราวกับว่าถูกดึงพลังชีวิตออกไปหมดสิ้น แม้แต่กระดูกก็เหมือนจะไม่แข็งแรงอีกแล้ว เขาดูแก่ลงหลายปี ท่าทางหมดแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่7 เรื่องราวที่ถูกซ่อน

    วิญญาณสาวกรีดร้อง ขูดกรงเล็บยาวกว่าครึ่งเมตร พร้อมกับไล่มองตั้งแต่หย่งฟาง ไปยังพ่อบ้านหลินและฉู่หมิงถิง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา "ที่นี่ใครแซ่ฉู่! สมควรตาย!!"เคร้ง!เสียงดาบที่ทำจากเหรียญจักรพรรดิทั้งห้า กั้นกรงเล็บคมของวิญญาณอาฆาตได้อย่างแม่นยำ เมื่อเล็บยาวแหลมสัมผัสกับดาบนั้นก็เกิดประกายไฟ พร้อมกับเสียงซู่ซ่าของควันสีดำ และกลิ่นไหม้ที่เหม็นคลุ้งไปทั่ว ผีสาวหันกลับมามองหย่งฟางด้วยความโกรธ ผมยาวของหล่อนสยายชี้ขึ้นไปในอากาศ กรงเล็บพุ่งเข้ามาและฉีกเสื้อคลุมเจ้าสาวที่บริเวณไหล่หย่งฟางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมของเธอถูกฉีกขาด แต่ร่างกายไม่เป็นอะไร หญิงสาวควักยันต์หลายแผ่นจากแขนเสื้อออกมาและโยกไปเบื้องหน้า แผ่นยันต์ที่ควรจะตกกระจัดกระจาย ตอนนี้กลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง"พยัคฆ์ทองสยบภูตผีวิญญาณนับพันไม่อาจหลบหลีกได้ ไป!" หย่งฟางเปลี่ยนท่ามือและสุดท้ายชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสือทองคำในตำนานก็ปรากฏขึ้น เสียงคำรามของมันดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งตรงไปหาวิญญาณอาฆาต ถูกกดดันจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร เมื่อเสือทองคำหายไปถูกแทนที่ด้วยยันต์หกแผ่นที่เปล่งแสงสีทอง ล้อมรอบวิญญาณเอาไว้คล้ายเชือกพั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่8 ส่งดวงวิญญาณ

    หลินตงน้ำตาคลอเบ้า มองไปที่หย่งฟางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความวิงวอน แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาเคยทำสิ่งไม่ดี จึงไม่มีสิทธิ์ขอร้องใคร อีกทั้งเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะให้หย่งฟางแต่ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาด จนทำให้ไม่สามารถพูดคุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายได้ เขาก็ยังคงต้องการขอโอกาส ที่จะให้เธอได้เกิดใหม่ในฐานะที่ดีกว่าเดิมในภพหน้า“ฉันไม่ได้ใจแข็งเหมือนคุณ ที่แม้แต่ลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็ยังกล้าทำร้ายได้” หย่งฟางพูดขึ้นเธอทำพิธีส่งดวงวิญญาณ ซึ่งปกติจะเรียกให้ยมทูตมารับไป แต่ครั้งนี้กลัวว่าอาจจะไม่ทันเวลา เธอจึงเปิดประตูนรกขึ้นมาเอง แล้วผลักดันวิญญาณของหลินเหมียนเข้าไปประตูนรกสีฟ้าเข้มหายไปในทันทีหย่งฟางหันไปบอกกับคุณนายฉู่ “ตอนนี้คุณก็คงรู้แล้ว ว่าลูกชายของคุณมีผีสองตนสิงอยู่ แต่เป็นเพราะหลินเหมียนพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ เขาถึงยังรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่อีกไม่นาน ถ้าคืนนี้ผ่านไป ฉู่เหยียนก็จะไม่รอดแล้ว” ดังนั้นที่พวกคุณเรียกฉันมาทำพิธีแก้เคล็ดนี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ฉู่เหยียนก็ไม่มีทางรอด ทางเลือกของพวกคุณคือ จะให้เขาตายไปพร้อมกับภรรยาที่เป็นผีหรือให้เขาโสดไปชีวิต ฉันพูดอย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่10 การขอบคุณของคุณชายฉู่

    เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอายของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบากหย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้างในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่9 เทพแห่งห้องสุขา

    รถของตระกูลฉู่จอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลซ่ง หย่งฟางลงจากรถแล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากข้างทาง ก่อนจะเดินมาที่หน้าประตูบ้าน เธอท่องคาถาอย่างรวดเร็ว“ขออัญเชิญท่านเทพแห่งห้องสุขา ผู้ที่เชื่อมต่อสวรรค์และโลก สามารถผ่านเข้าออกในโลกมนุษย์และโลกแห่งความตายได้”เมื่อเธอทิ่มกิ่งไม้ลงกับพื้นเมื่อท่องคาถาเสร็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใสและชัดเจน “ขออัญเชิญ!” ทันใดนั้นใบไม้และฝุ่นบนพื้นถูกลมหมุนพัดขึ้นมาสิบวินาทีต่อมาลมสงบลง และหมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กๆ ที่โค้งงอหลังของมันออกมาจากหมอกสีขาว พร้อมกับไม้เท้าในมือ ปรากฏร่างพร้อมรอยยิ้มเป็นเทพเทพแห่งห้องสุขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่านมองหย่งฟางด้วยดวงตาที่เป็นมิตร “เจ้าหย่งฟางน้อย”“ขอคารวะท่านเทพ” หย่งฟางก้มโค้งคำนับอย่างเคารพ“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก ข้าเป็นแค่เทพเล็กๆ ได้รับธูปและกระดาษเงินกระดาษทองจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-09
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่11 เทพเจ้าคุ้มครอง

    เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจคุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ18K ก็พอแล้ว”“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ?

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่12 เรื่องวุ่นๆ ของเหล่าคุณนาย

    คุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวลแต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใครเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”เทพเจ้า?!คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขาหย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่13 การดูควันธูป

    หลังจากที่ดูควันธูปให้คุณนายสี่คนติดต่อกัน หย่งฟางที่เพิ่งตื่นจากการนอนก็รู้สึกง่วงอีกครั้ง ตั้งแต่จำความได้เมื่อสิบปีก่อนก็มีคนมาน้อยมาก หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย ปกติเธอกับลุงก็มักจะจุดธูปเองและตีความควันกันเอง ไม่เคยลองดูให้คนเยอะขนาดนี้มาก่อน เลยเพิ่งรู้ว่าคำพูดของอาจารย์ใหญ่เป็นสูตรตายตัวใช่แล้ว ที่ว่า “คุณเป็นแขกคนที่…ในรอบสิบปี เทพเจ้าจำคุณได้ จะคอยปกป้องคุ้มครองคุณ” นั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แต่งเรื่องเพื่อให้คนรู้สึกสบายใจ หย่งฟางรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายบริการลูกค้าของเว็บขายของออนไลน์ เน้นพูดตามแพทเทิร์นก็ซื้อใจลูกค้าได้!การพูดแบบนี้น่าจะดึงดูดใจลูกค้าได้มั้ง? หย่งฟางยังคงสงสัย เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก และไม่รู้ว่าในอนาคตจะทำให้เธอมีชื่อเสียงจากการทำนายจนคาดไม่ถึงสุดท้ายคุณนายคนที่ห้าก็เข้ามาในห้องหย่งฟางพิจารณาควันธูป และพบว่ามีสองก้านที่ขาดจากกัน จึงกวาดตาไปที่ควันธูปของคุณนายสี่คนก่อนห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-12

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่14 คำทำนายเป็นจริง ลูกชายได้เจอรักแท้แล้ว

    นี่มัน...อาจารย์มีตาทิพย์จริงๆทางด้านหลิวซานซานหลังจากหย่งฟางทำนายว่าลูกชายของเธอได้พบกับรักแท้แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นจึงไปซื้อวัตถุดิบเพื่อเตรียมทำอาหารไปให้ลูกชายที่คอนโดหรู เพราะต้องการสอบถามว่าเรื่องที่อาจารย์หย่งบอกเป็นความจริงหรือไม่หลิวซานซานถือถุงผักสด เนื้อสัตว์ และของสดใหม่สามสี่ถุงเข้าไปในคอนโด เมื่อใส่รหัสผ่านประตูแล้วเปิดเข้าไป เธอก็เห็นชายสองคนที่ไม่มีเสื้อผ้านั่งอยู่บนโซฟา“…”สุดท้ายชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น “แม่ ถ้าผมบอกว่าเรากำลังออกกำลังกาย แม่จะเชื่อไหม?”หลิวซานซานขว้างไข่ไก่สดจำนวนหนึ่งไปที่ลูกชาย “เธอคิดว่าแม่จะเชื่อรึเปล่าล่ะ?!”ไข่กระจัดกระจาย ลูกชายร้องไห้ขอความเมตตา หลิวซานซานฟังลูกชายร้องไห้ระบายความอึดอัดใจ เรื่องการค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์ในช่วงวัยรุ่น และเล่าถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกัน เธอค่อยๆ สงบลง ช่างเถอะ! เป็นแม่คนแล้ว

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่13 การดูควันธูป

    หลังจากที่ดูควันธูปให้คุณนายสี่คนติดต่อกัน หย่งฟางที่เพิ่งตื่นจากการนอนก็รู้สึกง่วงอีกครั้ง ตั้งแต่จำความได้เมื่อสิบปีก่อนก็มีคนมาน้อยมาก หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย ปกติเธอกับลุงก็มักจะจุดธูปเองและตีความควันกันเอง ไม่เคยลองดูให้คนเยอะขนาดนี้มาก่อน เลยเพิ่งรู้ว่าคำพูดของอาจารย์ใหญ่เป็นสูตรตายตัวใช่แล้ว ที่ว่า “คุณเป็นแขกคนที่…ในรอบสิบปี เทพเจ้าจำคุณได้ จะคอยปกป้องคุ้มครองคุณ” นั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แต่งเรื่องเพื่อให้คนรู้สึกสบายใจ หย่งฟางรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายบริการลูกค้าของเว็บขายของออนไลน์ เน้นพูดตามแพทเทิร์นก็ซื้อใจลูกค้าได้!การพูดแบบนี้น่าจะดึงดูดใจลูกค้าได้มั้ง? หย่งฟางยังคงสงสัย เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก และไม่รู้ว่าในอนาคตจะทำให้เธอมีชื่อเสียงจากการทำนายจนคาดไม่ถึงสุดท้ายคุณนายคนที่ห้าก็เข้ามาในห้องหย่งฟางพิจารณาควันธูป และพบว่ามีสองก้านที่ขาดจากกัน จึงกวาดตาไปที่ควันธูปของคุณนายสี่คนก่อนห

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่12 เรื่องวุ่นๆ ของเหล่าคุณนาย

    คุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวลแต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใครเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”เทพเจ้า?!คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขาหย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่11 เทพเจ้าคุ้มครอง

    เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจคุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ18K ก็พอแล้ว”“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ?

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่9 เทพแห่งห้องสุขา

    รถของตระกูลฉู่จอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลซ่ง หย่งฟางลงจากรถแล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากข้างทาง ก่อนจะเดินมาที่หน้าประตูบ้าน เธอท่องคาถาอย่างรวดเร็ว“ขออัญเชิญท่านเทพแห่งห้องสุขา ผู้ที่เชื่อมต่อสวรรค์และโลก สามารถผ่านเข้าออกในโลกมนุษย์และโลกแห่งความตายได้”เมื่อเธอทิ่มกิ่งไม้ลงกับพื้นเมื่อท่องคาถาเสร็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใสและชัดเจน “ขออัญเชิญ!” ทันใดนั้นใบไม้และฝุ่นบนพื้นถูกลมหมุนพัดขึ้นมาสิบวินาทีต่อมาลมสงบลง และหมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กๆ ที่โค้งงอหลังของมันออกมาจากหมอกสีขาว พร้อมกับไม้เท้าในมือ ปรากฏร่างพร้อมรอยยิ้มเป็นเทพเทพแห่งห้องสุขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่านมองหย่งฟางด้วยดวงตาที่เป็นมิตร “เจ้าหย่งฟางน้อย”“ขอคารวะท่านเทพ” หย่งฟางก้มโค้งคำนับอย่างเคารพ“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก ข้าเป็นแค่เทพเล็กๆ ได้รับธูปและกระดาษเงินกระดาษทองจ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่10 การขอบคุณของคุณชายฉู่

    เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอายของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบากหย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้างในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่8 ส่งดวงวิญญาณ

    หลินตงน้ำตาคลอเบ้า มองไปที่หย่งฟางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความวิงวอน แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาเคยทำสิ่งไม่ดี จึงไม่มีสิทธิ์ขอร้องใคร อีกทั้งเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะให้หย่งฟางแต่ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาด จนทำให้ไม่สามารถพูดคุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายได้ เขาก็ยังคงต้องการขอโอกาส ที่จะให้เธอได้เกิดใหม่ในฐานะที่ดีกว่าเดิมในภพหน้า“ฉันไม่ได้ใจแข็งเหมือนคุณ ที่แม้แต่ลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็ยังกล้าทำร้ายได้” หย่งฟางพูดขึ้นเธอทำพิธีส่งดวงวิญญาณ ซึ่งปกติจะเรียกให้ยมทูตมารับไป แต่ครั้งนี้กลัวว่าอาจจะไม่ทันเวลา เธอจึงเปิดประตูนรกขึ้นมาเอง แล้วผลักดันวิญญาณของหลินเหมียนเข้าไปประตูนรกสีฟ้าเข้มหายไปในทันทีหย่งฟางหันไปบอกกับคุณนายฉู่ “ตอนนี้คุณก็คงรู้แล้ว ว่าลูกชายของคุณมีผีสองตนสิงอยู่ แต่เป็นเพราะหลินเหมียนพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ เขาถึงยังรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่อีกไม่นาน ถ้าคืนนี้ผ่านไป ฉู่เหยียนก็จะไม่รอดแล้ว” ดังนั้นที่พวกคุณเรียกฉันมาทำพิธีแก้เคล็ดนี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ฉู่เหยียนก็ไม่มีทางรอด ทางเลือกของพวกคุณคือ จะให้เขาตายไปพร้อมกับภรรยาที่เป็นผีหรือให้เขาโสดไปชีวิต ฉันพูดอย

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่7 เรื่องราวที่ถูกซ่อน

    วิญญาณสาวกรีดร้อง ขูดกรงเล็บยาวกว่าครึ่งเมตร พร้อมกับไล่มองตั้งแต่หย่งฟาง ไปยังพ่อบ้านหลินและฉู่หมิงถิง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา "ที่นี่ใครแซ่ฉู่! สมควรตาย!!"เคร้ง!เสียงดาบที่ทำจากเหรียญจักรพรรดิทั้งห้า กั้นกรงเล็บคมของวิญญาณอาฆาตได้อย่างแม่นยำ เมื่อเล็บยาวแหลมสัมผัสกับดาบนั้นก็เกิดประกายไฟ พร้อมกับเสียงซู่ซ่าของควันสีดำ และกลิ่นไหม้ที่เหม็นคลุ้งไปทั่ว ผีสาวหันกลับมามองหย่งฟางด้วยความโกรธ ผมยาวของหล่อนสยายชี้ขึ้นไปในอากาศ กรงเล็บพุ่งเข้ามาและฉีกเสื้อคลุมเจ้าสาวที่บริเวณไหล่หย่งฟางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมของเธอถูกฉีกขาด แต่ร่างกายไม่เป็นอะไร หญิงสาวควักยันต์หลายแผ่นจากแขนเสื้อออกมาและโยกไปเบื้องหน้า แผ่นยันต์ที่ควรจะตกกระจัดกระจาย ตอนนี้กลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง"พยัคฆ์ทองสยบภูตผีวิญญาณนับพันไม่อาจหลบหลีกได้ ไป!" หย่งฟางเปลี่ยนท่ามือและสุดท้ายชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสือทองคำในตำนานก็ปรากฏขึ้น เสียงคำรามของมันดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งตรงไปหาวิญญาณอาฆาต ถูกกดดันจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร เมื่อเสือทองคำหายไปถูกแทนที่ด้วยยันต์หกแผ่นที่เปล่งแสงสีทอง ล้อมรอบวิญญาณเอาไว้คล้ายเชือกพั

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่6 ปราบวิญญาณ

    “พูดจาบ้าบออะไร! แกเป็นใครถึงมีสิทธิ์พูดแบบนั้น?!” แม่บ้านเจินโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาหย่งฟางไม่ตอบโต้ เพราะเมื่อข้อมูลดวงชะตาของหลินเหมียนปรากฏบนโต๊ะพิธี คนที่พอมีสมองก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไรนายท่านฉู่ถามอย่างเคร่งเครียด “หลินตง หลินเหมียนเสียชีวิตเมื่อครึ่งปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนเดินทางไปพบลูกค้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวเหยียน?” “เสี่ยวเหยียนกับหลินเหมียนเป็นแฟนกันหรือเปล่า? ถ้าพวกคุณไม่รู้เรื่องนี้ นั่นแสดงว่าพวกเขาคงแอบคบกันลับๆ” หย่งฟางบอกการคาดเดาของตัวเองทันใดนั้นเองเสียงไก่ตัวผู้ในอ้อมแขนของคุณนายฉู่ร้องออกมาสองครั้ง หย่งฟางมองไปที่ไก่และสังเกตว่ามันมีสีหน้าที่ดูเหมือนหมดหวัง เธอเข้าใจแล้ว ไก่ปฏิเสธถ้าเป็นเช่นนั้น “ลูกสาวของคุณชอบเสี่ยวเหยียน คุณเลยอยากให้เขาแต่งงานกับเธอในฐานะผี” หย่งฟางหันไปมองพ่อบ้านหลิน “ตอนนี้ฉันพูดถูกทั้งหมดแล้วใช่ไหม”ใช่ ถูกทั้งหมด! หลินตงยังสวมชุดทำงานที่เรียบร้อยของหัวหน้าพ่อบ้านอยู่ แต่ตอนนี้เขาหมดคำพูดในการโต้แย้งอีกต่อไป ราวกับว่าถูกดึงพลังชีวิตออกไปหมดสิ้น แม้แต่กระดูกก็เหมือนจะไม่แข็งแรงอีกแล้ว เขาดูแก่ลงหลายปี ท่าทางหมดแ

DMCA.com Protection Status