เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย
“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”
หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา 3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจ
ควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจ
คุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”
หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ 18K ก็พอแล้ว”
“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ? คุณนายฉู่ถามอย่างแปลกใจ
“นอกจากนี้คุณยังเป็นคนแรกในรอบสิบปี ที่มาทำบุญให้กับเทพเจ้าองค์นี้ ท่านจำคุณได้แล้ว ต่อไปจะคอยคุ้มครองคุณให้ปล่อยภัย”
คุณนายฉู่ปล่อยวางข้อสงสัยทั้งหมด และยิ้มด้วยความยินดี จากนั้นหล่อนก็ไหว้อีกครั้งด้วยความเคารพ “ฉันจะติดต่อกับนักออกแบบทันที ทำการปรับปรุงวิหารนี้ให้เรียบร้อยทั้งภายในและภายนอก จากนั้นจะหาคนมาทำเทวรูปทองเคลือบ 18K!”
คุณนายฉู่เป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มโทรศัพท์เพื่อเรียกคนมาดำเนินการ ฉู่เหยียนเองก็ต้องการจุดธูปเพื่อแสดงความเคารพเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน หย่งฟางจึงสอนเขาทีละขั้นตอน
“ถือธูปสามดอกไว้ด้วยมือเดียว แล้วใช้ไฟแช็กจุดไฟ”
ฉู่เหยียนทำตาม ควันที่ปลายธูปลุกลามขึ้น เขากำลังจะเป่าให้ดับ แต่หย่งฟางห้ามไว้
“แค่โบกสองครั้งก็พอแล้ว”
ฉู่เหยียนโบกธูปสองครั้ง จนไฟดับเหลือเพียงปลายธูปที่เป็นสีแดง
หย่งฟางพูดต่อ “จำไว้นะ ต่อไปไม่ว่าจะบูชาเทพองค์ใดก็ห้ามเป่าธูปให้ดับ เข้าใจไหม? ตอนนี้ให้คุณอธิษฐานเงียบๆ ในใจ”
ฉู่เหยียนหลับตาลงและอธิษฐานในใจ หย่งฟางสังเกตเห็นว่าขนตาของเขายาวและหนา นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงตาของเขาดูมีความชื้น และคล้ายกับไก่ที่เธอเคยเห็นในรายการทีวี
ฉู่เหยียนลืมตาขึ้นและมองเธอ
หย่งฟางยังคงรักษาท่าทีอย่างสงบนิ่ง “ใช้มือขวาปักธูปดอกหนึ่งลงในกระถางธูปตรงกลาง”
ฉู่เหยียนทำตามอย่างเคร่งครัด ปักธูปดอกหนึ่งลงในกระถางธูป
“แล้วปักอีกดอกหนึ่งที่ด้านซ้ายของธูปดอกแรก ดอกสุดท้ายที่ด้านขวา เสร็จแล้ว” หย่งฟางสังเกตธูปอย่างตั้งใจ ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็ขมวดคิ้ว “คุณอธิษฐานว่าอะไร?”
“ผมขอให้เทพเจ้ามีสุขภาพแข็งแรง”
เมื่อเห็นท่าทางของหย่งฟาง ฉู่เหยียนจึงรู้สึกไม่มั่นใจจึงพูดต่อ “หรือว่าไม่ควรอธิษฐานแบบนี้? ผมไม่รู้ว่าควรขออะไรดี”
“เทพเจ้าเป็นทิพย์ ท่านแข็งแรงอยู่แล้ว คุณห่วงตัวเองจะดีกว่า”
ฉู่เหยียนถึงกับพูดไม่ออก “...”
คุณนายฉู่ที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์หัวเราะอย่างแห้งๆ “ฮ่าๆ เจ้าลูกคนนี้ช่างซื่อเสียจริง”
เมื่อพวกเขาเดินออกไปที่นอกวิหาร แสงแดดก็สาดส่องมาจนแสบตา คุณนายฉู่ต้องการล้างมือ เห็นมีอ่างน้ำขนาดใหญ่อยู่ในลานกลาง เธอจึงเดินเข้าไป ทันทีที่เปิดฝาไม้ออกมีบางอย่างพ่นน้ำออกมาเป็นสาย เสียงดัง "ป๊อก" น้ำก็พุ่งใส่หน้าเธอเต็มๆ
คุณนายฉู่ตกใจจนหน้าถอดสีและกรีดร้องเสียงดัง หย่งฟางรีบปิดฝาถังน้ำทันที ฉู่เหยียนเข้ามาสำรวจแม่ของเขาเพื่อดูว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงเครื่องสำอางที่เปียก คุณนายฉู่ตกใจและถามด้วยเสียงสั่นเครือ “เมื่อกี้มันคืออะไร?”
“มันเป็นของที่สืบทอดมาจากตระกูลฉู่ ฉันกำลังให้พี่สาวผีแช่น้ำอยู่เจ็ดสิบเจ็ดวันก่อนจะส่งเธอไปสู่สุขติ ดังนั้นถ้าพวกคุณต้องมาที่ศาลเจ้าในช่วงนี้ อย่าเข้าใกล้ถังน้ำนั้น หล่อนเกลียดชังทุกคนในตระกูลฉู่”
คุณนายฉู่กุมหน้าอกของตัวเองและพยักหน้าหลายครั้ง
หย่งฟางถามขึ้นอีกครั้ง “คุณเป็นคนที่มักจะตกใจง่ายใช่ไหม?”
“ใช่ๆ ฉันเป็นแบบนั้น”
หย่งฟางที่เริ่มหวังให้เชฟหลวงอยู่กับเธอนานขึ้น จึงได้บอกถึงยาสมุนไพรจีน 7 ชนิดให้กับคุณนายฉู่ “ต้มและดื่มเหมือนน้ำชามันจะช่วยให้คุณหายตกใจ ดื่มไปก่อนถ้าไม่หายยังไงก็มาหาฉัน หรือไปหาอาจารย์ด้านสมุนไพรก็ได้”
คุณนายฉู่แสดงความภักดีอย่างสุดซึ้ง “อาจารย์หย่ง! ฉันยอมรับแต่อาจารย์และบรรพบุรุษของเราเท่านั้น!!”
หย่งฟางเริ่มคิดถึงคุณนายฉู่ในตอนแรก ที่ยังเป็นหญิงสูงศักดิ์ เพราะอย่างนั้นเธอจะได้รู้สึกไม่ดีที่จะเอาเปรียบมากเกินไป คุณนายฉู่ในวันนี้มีท่าทีเปลี่ยนไปมาก เริ่มรู้สึกผิดที่คิดแผนการรั้งแม่ครัวหลวงไว้ทำอาหาร
“ถ้าคุณยอมรับแค่ฉัน ถ้าอย่างนั้นคุณทำอาหารกลางวันก่อนลงจากเขาจะได้ไหม?” เธออดไม่ได้ที่จะขอ
รู้ว่าเป็นการเอาเปรียบและทำให้หย่งฟางรู้สึกไม่ดีหน่อยๆ แต่แค่ขอให้ทำอาหารมันคงไม่ได้หนักหนาอะไรนัก
ฉู่เหยียนหมดคำพูด “...”
แต่คุณนายฉู่รู้สึกดีใจอย่างมาก ที่ได้รับการยอมรับจากอาจารย์ “ได้เลยค่ะ!”
ในที่สุดคุณนายฉู่ก็ทำอาหาร 5 อย่างและซุป 1 ถ้วยให้กับหย่งฟาง ก่อนที่จะกล่าวคำอำลาลงเขาไปพร้อมกับลูกชายสุดที่รัก หย่งฟางมองดูพวกเขาเดินหายไปจากระยะสายตา จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะเล็กๆ แล้วตักอาหารทั้ง 5 อย่างขึ้นมาวางบนช้อนใหญ่ๆ และกินมันเข้าปากอย่างรวดเร็ว
น้ำตาเธอไหลออกมา อาหารที่ทำโดยเชฟหลวงมันอร่อยมากจริงๆ ฮือออ เธอกินอย่างหลงใหลจนท้องอิ่ม แล้วนำอาหารที่เหลือใส่ชามเล็กๆ อุ่นเอาไว้เพื่อให้มื้อเย็นก็เป็นอันเรียบร้อย
คุณนายฉู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทในสังคมไฮโซ มักจะมีเวลาว่างในช่วงเช้าห้าวันต่อสัปดาห์ เพื่อไปเดินออกกำลังกายที่ทะเลสาบซื่อหลี่เป็นเวลาสองชั่วโมง แต่ตอนนี้หล่อนเปลี่ยนสถานที่เดินออกกำลังกายเป็นภูเขาหลงหย่าแทน หล่อนขับรถมาถึงตอนตีห้าแล้วจึงขึ้นเขา ยังชวนเพื่อนๆ เหล่านั้นมาด้วยกัน แต่พวกเขากลับบอกว่าที่นั่นยังไม่ได้พัฒนา มันอาจจะอันตรายเกินไป
คุณนายฉู่พยายามอธิบาย แต่เพื่อนๆ ของหล่อนก็ยังไม่สนใจ จึงไม่ได้บังคับใครแต่ก็ยังคงขึ้นเขาอย่างตั้งใจ ใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็เข้าไปในศาลเจ้า เพื่อทำอาหารให้หย่งฟาง ถ้าพบว่าในวันก่อนหน้าไม่มีวัตถุดิบพอ ก็จะไปซื้อมาเพิ่มอีกด้วย
หย่งฟางรู้สึกซาบซึ้งมาก จนเรียกเธอด้วยชื่อ ‘หยูถัง’ ทุกคำ
แปลกมากที่หลังจากที่หล่อนกับลูกชายฉู่เหยียน ไปบูชาเทพเจ้าของศาลเจ้า ในคืนนั้นฝันเห็นนายพลเฒ่าผู้หนึ่งสวมชุดเกราะ พร้อมกับผู้หญิงสองคนที่มีหน้าตาเหมือนหล่อนอย่างกับแกะมาหา จากนั้นก็ไม่พูดอะไรแล้วใช้ฝ่ามือตีผู้หญิงสองคน ที่ดูเหมือนหล่อนเข้าไปในร่างของเธอ
หลังจากที่ฝันและยังคงดื่มชาลดความตกใจที่หย่งฟางให้ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยตกใจง่ายอีกต่อไป ถึงแม้สถานที่เดินออกกำลังกายจะแตกต่างจากเพื่อนๆ แต่ก็ยังคงไปร่วมกิจกรรมต่างๆ กับพวกหล่อนอยู่เสมอ เช่นการดื่มชาช่วงบ่ายหรือการชมงานศิลปะ เมื่อพวกหล่อนพูดคุยเรื่องซุบซิบหรือข่าวต่างๆ ด้วยความตื่นเต้น คุณนายฉู่กลับรู้สึกสงบอย่างมากและแสดงสีหน้าที่เรียบเฉย
พวกเขาต่างบอกว่าหล่อนกำลังเสแสร้ง
คุณนายฉู่ไม่ได้อธิบาย แต่รู้สึกว่าความคิดของหล่อนไม่เหมือนกับพวกนั้นอีกต่อไป แม้ว่าจะยังไปเจอกับคนในวงสังคมเพื่อฆ่าเวลา จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำโดยต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น คุณนายฉู่เกิดเป็นตะคริวที่ขา ขณะที่โค้ชหันหลังให้ หล่อนสำลักน้ำไปหลายครั้ง และไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ ขณะที่ความกลัวเข้ามาครอบงำจิตใจ มีพลังบางอย่างผลักหล่อนขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้สามารถส่งเสียงออกมา และได้รับการช่วยเหลือจากโค้ช
วันถัดมาเป็นคลาสขี่ม้า คุณนายฉู่และเพื่อนๆ เปลี่ยนชุดเป็นเรียบร้อย และเตรียมตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่แล้วม้าตัวหนึ่งเกิดตกใจและไม่สามารถควบคุมได้ มันวิ่งชนไปทั่วจนทำให้ม้าทุกตัวต่างวิ่งพล่านไปทั่วสนาม มีคนที่ตกจากม้าแล้วล้มลงไปบ้าง บางคนก็โดนกระแทก แล้วถูกลากไปกับพื้นหลายเมตร บางคนถูกเตะที่หน้าอก อุบัติเหตุนี้รุนแรงมาก และทุกคนรวมทั้งโค้ชต่างถูกส่งไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา
ยกเว้นคุณนายฉู่เพียงคนเดียว ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
สายมูตัวจริงต้องยกให้คุณนายฉู่ แค่บอกว่าจะสร้างก็ได้รับการคุ้มครองแล้ววว
เทพเจ้าในดีกับตระกูลนี้มากกกก
คุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวลแต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใครเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”เทพเจ้า?!คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขาหย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร
หลังจากที่ดูควันธูปให้คุณนายสี่คนติดต่อกัน หย่งฟางที่เพิ่งตื่นจากการนอนก็รู้สึกง่วงอีกครั้ง ตั้งแต่จำความได้เมื่อสิบปีก่อนก็มีคนมาน้อยมาก หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย ปกติเธอกับลุงก็มักจะจุดธูปเองและตีความควันกันเอง ไม่เคยลองดูให้คนเยอะขนาดนี้มาก่อน เลยเพิ่งรู้ว่าคำพูดของอาจารย์ใหญ่เป็นสูตรตายตัวใช่แล้ว ที่ว่า “คุณเป็นแขกคนที่…ในรอบสิบปี เทพเจ้าจำคุณได้ จะคอยปกป้องคุ้มครองคุณ” นั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แต่งเรื่องเพื่อให้คนรู้สึกสบายใจ หย่งฟางรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายบริการลูกค้าของเว็บขายของออนไลน์ เน้นพูดตามแพทเทิร์นก็ซื้อใจลูกค้าได้!การพูดแบบนี้น่าจะดึงดูดใจลูกค้าได้มั้ง? หย่งฟางยังคงสงสัย เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก และไม่รู้ว่าในอนาคตจะทำให้เธอมีชื่อเสียงจากการทำนายจนคาดไม่ถึงสุดท้ายคุณนายคนที่ห้าก็เข้ามาในห้องหย่งฟางพิจารณาควันธูป และพบว่ามีสองก้านที่ขาดจากกัน จึงกวาดตาไปที่ควันธูปของคุณนายสี่คนก่อนห
นี่มัน...อาจารย์มีตาทิพย์จริงๆทางด้านหลิวซานซานหลังจากหย่งฟางทำนายว่าลูกชายของเธอได้พบกับรักแท้แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นจึงไปซื้อวัตถุดิบเพื่อเตรียมทำอาหารไปให้ลูกชายที่คอนโดหรู เพราะต้องการสอบถามว่าเรื่องที่อาจารย์หย่งบอกเป็นความจริงหรือไม่หลิวซานซานถือถุงผักสด เนื้อสัตว์ และของสดใหม่สามสี่ถุงเข้าไปในคอนโด เมื่อใส่รหัสผ่านประตูแล้วเปิดเข้าไป เธอก็เห็นชายสองคนที่ไม่มีเสื้อผ้านั่งอยู่บนโซฟา“…”สุดท้ายชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น “แม่ ถ้าผมบอกว่าเรากำลังออกกำลังกาย แม่จะเชื่อไหม?”หลิวซานซานขว้างไข่ไก่สดจำนวนหนึ่งไปที่ลูกชาย “เธอคิดว่าแม่จะเชื่อรึเปล่าล่ะ?!”ไข่กระจัดกระจาย ลูกชายร้องไห้ขอความเมตตา หลิวซานซานฟังลูกชายร้องไห้ระบายความอึดอัดใจ เรื่องการค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์ในช่วงวัยรุ่น และเล่าถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกัน เธอค่อยๆ สงบลง ช่างเถอะ! เป็นแม่คนแล้ว
เมื่อหย่งฟางกับหยูถังมาถึงโรงแรม หนิวลี่และซ่งเสี่ยวฮุ่ยก็นั่งอยู่ในบริเวณด้านล่าง หนิวลี่กำลังจับมือของซ่งเสี่ยวฮุ่ยและปลอบโยนให้คลายเศร้าหย่งฟางมองเห็นไอสีดำบนหน้าผากของซ่งเสี่ยวฮุ่ย เธอรีบทัก “ขึ้นไปคุยกันข้างบนดีกว่า”หนิวลี่จึงนำทุกคนขึ้นลิฟต์ ใช้บัตรเพื่อไปยังห้องหนึ่งบนชั้นสูงสุด เมื่อเข้าไปในห้องสิ่งแรกที่หย่งฟางทำคือวางแผ่นป้ายของเทพเจ้าไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และจัดเตรียมเครื่องหอมและเทียนที่นำมาให้เรียบร้อย“คุณเสี่ยวฮุ่ย มานี่สิ” หย่งฟางเอ่ยเรียกซ่งเสี่ยวฮุ่ยเดินเข้ามาใกล้ และหย่งฟางจุดธูปสามดอก แล้วหมุนวนรอบหน้าผากของเธอสามรอบ กลิ่นธูปทำให้หน้าผากคุณนายรู้สึกปวดตึง แต่ในขณะที่ธูปวนรอบที่สอง ความรู้สึกนั้นก็ถูกขจัดออกไปทันที ศีรษะของเธอรู้สึกโปร่งสบายและหน้าผากก็อบอุ่นขึ้นหย่งฟางวนธูปสามรอบแล้วจึงนำธูปออกไป เมื่อเห็นว่ามีไอสีดำบนหน้าผากของซ่งเสี่ยวฮุ่ยถูกขจัดออกไป จึงเสียบธูปกลับ
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยเห็นหย่งฟางยืนนิ่งอยู่หน้าประตู เธอจึงเอ่ยขึ้น "นี่คือห้องของลูกชายฉันค่ะ อาจารย์หย่งจะเข้าไปไหม?""เข้า" หย่งฟางพยักหน้าแล้วผลักประตูเข้าไปภายในห้องเป็นห้องของผู้ชายทั่วไป มีเตียงนอน หน้าต่างบานใหญ่ข้างๆ กับโซฟา โต๊ะเล็กๆ พรมปูพื้น ด้านขวามีอุปกรณ์เล่นเกม ส่วนข้างๆ เป็นห้องน้ำและห้องแต่งตัวไม่มีอะไรผิดปกติแม้แต่ในห้องนี้ ไอความอัปมงคลก็ยังลอยละล่องอยู่ ไม่ได้กระจายมาจากจุดใดจุดหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสิ่งใด แสดงว่าในบ้านไม่ได้มีสิ่งไม่ดีใดๆ ไอความอัปมงคลเหล่านี้ถู กนำเข้ามาจากภายนอก และยังคงค้างอยู่ในบ้านไม่ได้สลายไปไหนและห้องนี้เป็นห้องที่ไอดำสิงสถิต ดังนั้นมันจึงกระจายออกมาจากที่นี่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ หย่งฟางก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องค้นห้อง เธอหันกลับไปและเตรียมจะออกไป แต่แล้วก็เห็นหนิวลี่ชี้ไปที่จุดหนึ่ง และหัวเราะเยาะซ่งเสี่ยวฮุ่ย
ยูโจวกงจิ่นยกส้นเท้าขึ้นหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด ต้วนโจวโกรธจัดถึงกับสบถออกมา พร้อมกับถามหย่งฟางว่าคิดจะทำอะไร หย่งฟางไม่ตอบ แต่ยังคงวิ่งไล่ยูโจวกงจิ่นด้วยดาบไม้ท้อ หวังจะฟันให้กลับคืนสู่ร่างเดิม ยูโจวกงจิ่นทั้งร้องไห้และปล่อยน้ำตารูปดาวการ์ตูนกระจายไปทั่วห้อง ในขณะเดียวกันก็วิ่งหนีไปด้วยห้องถูกปิดผนึกด้วยแผ่นยันต์ จึงหนีออกไปที่อื่นไม่ได้ ทำได้แค่วิ่งวนอยู่ในห้อง หย่งฟางวิ่งไล่ตามพร้อมดาบในมือ ราวกับตัวร้ายจากการ์ตูนที่กำลังรังแกนางเอก ต้วนโจวก็พยายามขัดขวางตลอดเวลา ดาบไม้ท้อฟันแก้วแตกและแทงทะลุหมอนความวุ่นวายทำให้ทุกอย่างพังพินาศเหล่าคุณนายมองน้ำตาของยูโจวกงจิ่น ที่กระจายไปทั่วห้องจนไม่กล้าเพิ่มปัญหาให้อีก ได้แต่นั่งขดตัวอยู่ที่ปลายเตียง มองดูการต่อสู้กับตัวการ์ตูนฉากนี้...เป็นการทลายความเชื่อเก่าๆ อย่างสิ้นเชิง หย่งฟางไล่ฟันไม่ถึงสิบรอบ ในที่สุดก็มีโอกาส เหยียดดาบออกพร้อมจะฟันลงไป“ต้วนโจวช่วยด้วย!!!&
“ฉันกำลังทำความดีลงโทษความชั่วอยู่ไม่ใช่เหรอ? ลูกชายของคุณทำร้ายความรู้สึกคนอื่นมากมายขนาดนี้ ไม่สมควรตายหรือไง?! แล้วไงล่ะ? มีลูกชายที่คบผู้หญิงแปดคนพร้อมกัน ภูมิใจมากใช่ไหม? นี่มันปี2024 แล้วนะ ยังมีแม่ที่คิดว่าลูกชายตัวเองเป็นสมบัติ ใครคบกับเขาก็ถือว่าโชคดี ช่างน่าสงสารจริงๆ ทั้งชีวิตต้องหมุนรอบลูกชายที่ไม่มีดีอะไรเลย เป็นโชคชะตาของคุณแล้วล่ะ"ซ่งเสี่ยวฮุ่ยโกรธจนหูร้อน หัวใจพลุ่งพล่าน รีบตอบโต้ทันที ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทะเลาะกับผีผู้หญิง ทั้งสองด่ากันไปมา แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ หยูถิงและหนิวลี่ต่างไม่กล้าหายใจแรง ประหลาดใจที่ซ่งเสี่ยวฮุ่ยกล้าทะเลาะกับผีขณะนั้นต้วนโจวยังคงร้องไห้เพื่อภรรยาการ์ตูนของเขา ส่วนหย่งฟางมองไปที่ดาบไม้ที่หักอยู่ในมือ ถอนหายใจเฮือกใหญ่เก็บดาบสองท่อนใส่ถุงผ้า"ไม่เป็นไร ไว้ค่อยหาช่างฝีมือดีๆ มาซ่อมก็ได้" หย่งฟางนั่งลงบนเก้าอี้เกมมิ่งแล้วกล่าวเบาๆ "คุณเสี่ยวฮุ่ย พอเถอะ"หย่งฟางหันไปถามผีสาวที่นั่งกอดเข่าอยู่มุมห้
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยรีบพยุงลูกชายขึ้นไปนอนบนเตียง ทันใดนั้น วิญญาณผีชุดดำและวิญญาณชุดขาวลอยผ่านหน้าต่างเข้ามา สามคุณนายสะดุ้งตกใจ แต่ผีทั้งสองไม่ได้สนใจพวกหล่อน พวกเขามองไปที่กองน้ำสีดำและหนอนสกปรกบนพื้น ก่อนจะชี้ไปที่เฉิงเสี่ยวอวี่และถามหย่งฟางว่า“หนอนสกปรกพวกนี้เกิดจากหล่อนหรือเปล่า?”“ไม่ใช่ค่ะ คนคนนี้แค่โชคร้าย ไม่รู้ไปโดนสิ่งสกปรกจากไหนมา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเลย” หย่งฟางตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ เธอตอบคำถามอย่างฉับไวโดยไม่ต้องคิดมากคุณนายทั้งสามได้แต่นิ่งเงียบ ซ่งเสี่ยวฮุ่ยก็ไม่กล้าพูดอะไร ท่านอาจารย์หย่งฟางบอกว่าไม่ใช่ ก็ต้องไม่ใช่แน่ๆ ลูกชายของเธอรอดกลับมาได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว เธอยังต้องขอบคุณหย่งฟางอีกมากผีชุดดำและผีชุดขาวไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะพวกเขารู้จักหย่งฟางตั้งแต่เธออายุแปดขวบ ตอนที่เริ่มเรียนรู้วิชาอัญเชิญวิญญาณ แม้ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา พวกเขาจะเจอเธอเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ดูเหมือนว่า
ในตอนนี้แฮชแท็ก#หย่งฟางศาสตร์ลี้ลับ แฟนคลับและแอนตี้ต่างพากันเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ เกี่ยวกับศาสตร์ลี้ลับของหย่งฟางกันอย่างคึกคัก[หย่งฟางดูดีจริงๆ เสียดายจังที่เธอออกจากวงการไปแล้ว][หย่งฟางทำนายดวงได้แม่นมาก บอกสถานการณ์ตอนนี้ของฉันได้ตรงเป๊ะ คำแนะนำที่ให้มาก็ชัดเจนและมีเหตุผล][ไปวัดมาครึ่งวัน พอกลับถึงบ้านก็รู้สึกว่าวัดนี้ก็เหมือนวัดทั่วไปนะ ไม่ได้ลี้ลับเท่าไหร่ แต่ขอพรและรับยันต์มาแล้ว ลองรอดูผลก่อน แล้วจะมาเล่าให้ฟัง][กรี๊ดดด ดีใจมากที่ได้เจอหย่งฟาง][คนที่ไปช่วงบ่ายบอกว่า 55555 อดเจอหย่งฟางเพราะเธอมีธุระออกไป น่าอิจฉาคนที่ไปเช้าจริงๆ]@ยูซึฟองสบู่รีโพสต์:[ฉันก็ไปช่วงบ่ายเหมือนกันนะ แต่เจอหย่งฟางพอดี เธอกลับมาราวห้าโมง พวกเรารออยู่สิบกว่าคนก็ถือว่าคุ้มค่าเลย เธอน่ารักใจดีมาก แจกยันต์ให้ฟรี และยังบอกให
หลังจากทุกคนออกจากบ้านตระกูลลี้ ท้องฟ้ายามบ่ายสี่โมงยังคงร้อนอบอ้าวตามบรรยากาศฤดูร้อน หย่งฟางวางแผนจะนั่งรถเมล์กลับไปแถวภูเขาหลงหย่า แล้วค่อยเดินขึ้นเขาเองเพื่อไม่เป็นการรบกวนคุณนายฉู่ระหว่างที่เธอกำลังจะพูดออกมา เพื่อนในกลุ่มที่สวมแว่นกันแดดทรงกลมก็ถามขึ้น “อาจารย์หย่ง คุณจะกลับไปที่วัดใช่ไหม?”หย่งฟางพยักหน้าเล็กน้อย มองเขาอย่างสงสัย เพื่อนที่ใส่แว่นกันแดดยิ้มอย่างเข้าใจ ก่อนจะกางพัดในมือออก “ฉันแซ่ห่าว ชื่อห่าวจาวไฉ”จากนั้นคนอื่นๆ ก็แนะนำตัวตามมาชายในชุดคลุมสีเทาที่หลวมเล็กน้อยเหมือนจี้กง กำลังจัดเข็มขัดทองที่สีเริ่มหลุด “ฉันแซ่หว่าน ชื่อหว่านเจี้ยนเฉวียน ทุกคนเรียกว่าจินเหยาไต้ที่แปลว่าเข็มขัดทอง”ชายรูปร่างกลมเหมือนแพนด้า แม้แต่รอยคล้ำใต้ตาก็ดูกลมเช่นกัน “ไฉหยวนกุ่นกุ่น เรียกผมว่ากุ่นกุ่นก็พอ”อีกสองคน หย่งฟางก็พอจำชื่อเล่นได้ คนหนึ่ง
เฒ่ากัวมองเพื่อนในกลุ่มที่ได้รับข้อความในแชทกลุ่ม แล้วทำสัญญาณให้รอจนกว่าหย่งฟางจะมาถึง เพื่อนในกลุ่มพยักหน้าเข้าใจ และเริ่มสนทนาเกี่ยวกับการจัดวางฮวงจุ้ยของบ้านเพื่อฆ่าเวลาไปก่อน เฒ่ากัวขับรถมินิคูเปอร์คันโปรดออกไป เร่งเครื่องมุ่งหน้าไปยังเขาหลงหย่าเมื่อถึงจุดหมายเขาเบรกกระทันหัน ปิดเครื่องยนต์แล้วดึงกุญแจรถออก ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นเขาไป แม้รูปร่างของเขาจะดูอ้วน แต่ก็สามารถปีนขึ้นเขาได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวราวกับนก เมื่อถึงหน้าประตูวัดเสวียนเว่ย เฒ่ากัวหยุดหายใจ สบตากับป้ายแล้วเดินเข้าไป ทันทีที่หยู่ถังเห็นชายผู้มีลักษณะคล้ายนักบวชเดินเข้ามาเธอแทบตกใจ"หย่งฟาง ฉันต้องทำอย่างไรบ้าง?" เฒ่ากัวถามด้วยความรีบร้อนหย่งฟางหยิบหนังสือที่มีคำอธิบายการทำนายขึ้นมา "คุณรู้จักการทำนายไหม?"เฒ่ากัวพยักหน้า "ถ้ามีหนังสือก็ไม่มีปัญหา""ก็แค่ให้ผู้ที่มาไหว้เทียนจุดธูป และให้คำทำนายไปตามความต้องการ แต่ไม่ต้องให้พวกเขาทำนายกันเอง" หย่งฟางพูดอย
จนมาถึงวันเกิดของคนที่เกิดในเดือนธันวาคม ก็ผ่านช่วงเช้าไปหลายชั่วโมงแล้ว หย่งฟางสูดหายใจลึก พยายามอดทนต่อไปล่วงเลยมาถึงบ่ายโมง ผู้คนค่อยๆ หายไป เทุกคนเริ่มหิวโซและลงไปกินข้าวกันหมด ร้านอาหารรอบๆ ภูเขาหลงหย่าก็มีรายได้พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วยผลกระทบจากการเป็นอดีตดารามันไม่ใช่เรื่องเล็ก หย่งฟางรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะเธอดังขนาดนั้น จนแม้จะออกจากวงการแล้วก็ยังมีคนจำได้ ในช่วงที่ยังอยู่ในวงการ ก็ไม่เคยมีใครมารุมกันที่สนามบินขนาดนี้เลย ตอนที่เปิดประตูในตอนเช้ามีคนมารอเป็นร้อย แต่หลังจากนั้นก็ยังมีคนทยอยมาทีละคน ความสนใจในอาชีพใหม่ของหย่งฟางมันมากเหลือเกิน ยิ่งวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยผู้คนแห่กันมาจนแน่นขนัด หย่งฟางนอนแผ่อยู่บนเก้าอี้แขนขาเริ่มหย่อนลงข้างตัว เธอหิวเหมือนกันแต่ไม่เหลือแรงแล้ว แม้แต่จะเปิดอินเทอร์เน็ตไปดูว่า ทำไมถึงมีคนรู้จักที่ตั้งของวัดเสวียนเว่ยของเธอมากขนาดนี้ ก็ยังหมดแรงจะหยิบมือถือขึ้นมาดูช่างมันเถอะ! เธอไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย แล้วจะต้องกลัวอะไรล่ะ
เมื่อกระแสแฮชแท็กในโซเชียลทำให้วัดเสวียนเว่ยในเมืองถานจิงเริ่มบูม คนส่วนใหญ่เริ่มแห่กันไปค้นหาข้อมูลในแผนที่และออนไลน์ แต่ยังคงไม่มีข้อมูลมากนัก ทำให้มีการคาดเดาต่างๆ นานา แล้วทันใดนั้น ก็มีคนหนึ่งคิดออกว่า การค้นหาข้อมูลของหย่งฟางผ่านเว็บไซต์สมาคมเทียนซืออาจจะเป็นคำตอบที่ใช่! เมื่อค้นหาไปก็พบข้อมูลของหย่งฟางจริงๆ พร้อมภาพถ่ายติดบัตร ที่ทำให้หลายคนตื่นเต้นและประหลาดใจภาพหน้าบัตรของหย่งฟางที่อายุประมาณ 18-19 ปี แสดงให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอ และข้อมูลในเว็บไซต์ระบุว่าวัดที่เธอประจำอยู่คือ "วัดเสวียนเว่ย" บนภูเขาหลงหย่า เนื่องจากแทบไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับวัดนี้บนโลกออนไลน์ ดังนั้นจึงมีความลึกลับยิ่งทำให้ผู้คนต่างอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิมข่าวลือเรื่องการกลับมาของหย่งฟาง ในฐานะนักพรตหญิงแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว มีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ หลายคนพากันตั้งข้อสงสัย ผู้คนจึงอยากค้นหาและพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าศาสตร์ลึกลับของหย่งฟางนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่จนกระทั่งกระแสนี้เริ่มไ
หย่งฟางผลักประตูเข้าไป ก่อนจะก้มลงยกกล่องวางไว้ข้างใน “ไม่มีเวลา ถ้าคุณย่าของคุณจะมาจุดธูป แก้บน ดูดวง ก็เชิญมาเองได้เลย วัดเปิดเจ็ดโมงเช้าของทุกวัน”เธออดนึกไม่ถึงว่าต้องลำบากเพราะเขา จ่ายเงินซื้อธูปไปสิบดอกก็แล้ว ยังต้องยกของเข้ามาเองอีก ชายคนนั้นยิ้มแหยๆ เดินตามเข้ามาในศาลา“คุณย่าผมอยากมาไหว้ที่วัดด้วยตัวเอง ครอบครัวเลยอยากจัดงานเลี้ยงพบปะกัน และถือโอกาสมาคุยกับคุณเรื่องนี้ด้วย อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันขึ้น 15 ค่ำ อยากถามว่าคุณพอจะปิดวัด ไม่รับคนอื่นในวันนั้นได้ไหม?”หย่งฟางที่กำลังจะเดินกลับไปยกของรอบที่ห้าชะงักไป แล้วหันมามอง “คุณหมายความว่า ย่าของคุณจะเหมาวัดเหรอ?”“ถ้าคิดแบบนั้นก็ได้” ชายหนุ่มตอบ “แค่วันขึ้น 15 ค่ำวันเดียว แต่เดือนหน้าอาจจะต้องขอปิดอีก ในวันขึ้น 1 ค่ำและ 15 ค่ำ ให้รับแค่คุณย่าผมเท่านั้น”หยู่ถังกับหนิวลี่สบตากันเงียบ ๆ วันขึ้น 1 ค่ำและ 15
ไม่นานมานี้ในเมืองถานจิงเกิดเรื่องแปลกขึ้น ร้านค้าแบรนด์หรูกลับเงียบเหงา ร้านสปาก็ไม่มีคนเข้า ส่วนร้านกาแฟเล็กๆ ก็ขายไม่ดีนัก ตรงข้ามกับบริเวณเชิงเขาหลงหย่า ที่ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปอย่างคึกคัก รถหรูเรียงรายจนล้นถนน คุณนายร่ำรวยต่างมาทำบุญกันเป็นกลุ่มต่อเนื่องถึงเจ็ดวัน ส่งผลให้วัดเสวียนเว่ยคึกคักไปด้วยทั้งเจ้าของร้านและลูกค้าใหม่ๆถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สดใส หย่งฟางและท่านอาจารย์ไม่ได้โลภมาก ลูกค้าที่มาทำบุญต่างแวะเวียนกันมาอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ขอพร บ้างก็มาขอให้ความฝันเป็นจริง และคุณนายที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ จะปักหลักอยู่ในวัดตลอดทั้งวัน หากใครอยากให้หย่งฟางดูดวงเธอก็ยินดี แต่ถ้าใครไม่ต้องการ เธอก็จะนั่งพูดคุยกับเทพเจ้าแทน หรือระบายความในใจไปเรื่อยๆท่านอาจารย์ในฝันสั่งให้หย่งฟางซื้อเก้าอี้เพิ่มอีกสิบกว่าตัว เพื่อให้เหล่าคุณนายได้นั่งพักผ่อน พร้อมทั้งจัดโต๊ะชาและนำของที่ถวายแล้วมาให้พวกเธอได้กินเล่นขณะพูดคุยกัน ในตอนแรกเหล่าคุณนายลังเล “นี่...กินของถวายมันจะไม่ดีหรือ?”
หย่งฟางใช้เวลาทั้งวันทำนายดวงและดูแลแขกที่เข้ามาในวัดเสวียนเว่ยอย่างไม่หยุดพัก ขนาดน้ำสักหยดยังไม่ได้ดื่ม เครื่องหอมและเทียนที่เตรียมไว้เริ่มร่อยหรอจนเหลือเพียงหนึ่งในสาม ท่ามกลางความคึกคักนี้ เทพเจ้าประจำอารามดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำนายว่าทุกคนจะได้รับพร ยกเว้นเพียงบางคน รวมถึงคุณนายฉู่ ธูปของพวกเขาถูกทำนายอย่างเย็นชาา "ทำความดีเยอะ ๆ หน่อย"ไม่มีคำอวยพรหรือความสมหวังเหมือนคนอื่น ๆตลอดทั้งวันหย่งฟางแจกยันต์ตามความเหมาะสมกับแขกผู้มาเยือน เมื่อปิดประตูวัดตอนเย็น กลิ่นธูปยังอบอวลไปทั่วโบสถ์ หากท่านอาจารย์ยังอยู่ คงจะยิ้มไม่หุบที่เห็นบรรยากาศเช่นนี้ แต่แม้จะไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร หย่งฟางเริ่มรู้สึกว่างานในวันนี้มีอย่างบางผิดพลาด...ขณะมองไปรอบ ๆ วิหาร สายตาของหย่งฟางหยุดที่กล่องบริจาคเล็กๆ ที่มุมหนึ่ง คำสบถแทบจะหลุดออกมา! เธอลืมเก็บค่าดูดวง ค่าธูป และค่าทำนาย!"…" หย่งฟางแทบกระอักเลือดด้วยความเสียใจ แต่ก็ยังต้องไปเตรียมอาหารแม้วันนี้จะไม่ได้รับค่าบริการ ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่รับแขกเยอะขนาดนี้ คราวหน้าต้องไม่พลาดอีก เธอจัดเสิร์ฟอาหาร และเม
"คุณนายสวี่ คุณมาขอพรอะไรเหรอคะ?"คุณนายสวี่ยิ้มเล็กน้อย "ก็ขอให้ครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขค่ะ แล้วคุณนายหยวนล่ะ?" จริงๆ แล้วในใจเธอก็หวังให้ปัญหาระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้หมดไปด้วยคุณนายหยวนแอบกลอกตานิดๆ แต่ตอบยิ้มๆ "เหมือนกันเลยค่ะ" ที่จริงเธอขอให้ลูกชายหายป่วยไวๆพวกผู้ชายไม่ค่อยพูดเรื่องพวกนี้นัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนใจ ทุกคนต่างรู้กันดีและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แม้กระนั้นก็ยังเห็นได้ว่าพวกเขาสามัคคีกันในจุดนี้มากกว่าผู้หญิงเสียอีก แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์ขันแบบเสียดสีเมื่อเกือบหกโมงเช้า แสงอาทิตย์สีทองสาดแสงลอดผ่านเมฆลงมาอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นขึ้น พวกเขาเงยหน้ามองพระอาทิตย์ขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ราวกับลืมไปว่าความงามของช่วงเวลาธรรมดาๆ นี้เคยผ่านตาไปนานแล้วในขณะนั้น ทุกคนรู้สึกถึงความสงบสุขชั่วครู่ แต่แล้ว... กึก! เสียงประตูของวัดเปิดออกหย่งฟางที่กำลังขยี้ตาเด