ยูโจวกงจิ่นยกส้นเท้าขึ้นหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด ต้วนโจวโกรธจัดถึงกับสบถออกมา พร้อมกับถามหย่งฟางว่าคิดจะทำอะไร หย่งฟางไม่ตอบ แต่ยังคงวิ่งไล่ยูโจวกงจิ่นด้วยดาบไม้ท้อ หวังจะฟันให้กลับคืนสู่ร่างเดิม ยูโจวกงจิ่นทั้งร้องไห้และปล่อยน้ำตารูปดาวการ์ตูนกระจายไปทั่วห้อง ในขณะเดียวกันก็วิ่งหนีไปด้วย
ห้องถูกปิดผนึกด้วยแผ่นยันต์ จึงหนีออกไปที่อื่นไม่ได้ ทำได้แค่วิ่งวนอยู่ในห้อง หย่งฟางวิ่งไล่ตามพร้อมดาบในมือ ราวกับตัวร้ายจากการ์ตูนที่กำลังรังแกนางเอก ต้วนโจวก็พยายามขัดขวางตลอดเวลา ดาบไม้ท้อฟันแก้วแตกและแทงทะลุหมอน
ความวุ่นวายทำให้ทุกอย่างพังพินาศ
เหล่าคุณนายมองน้ำตาของยูโจวกงจิ่น ที่กระจายไปทั่วห้องจนไม่กล้าเพิ่มปัญหาให้อีก ได้แต่นั่งขดตัวอยู่ที่ปลายเตียง มองดูการต่อสู้กับตัวการ์ตูน
ฉากนี้...เป็นการทลายความเชื่อเก่าๆ อย่างสิ้นเชิง หย่งฟางไล่ฟันไม่ถึงสิบรอบ ในที่สุดก็มีโอกาส เหยียดดาบออกพร้อมจะฟันลงไป
“ต้วนโจวช่วยด้วย!!!” ยูโจวกงจิ่นตะโกนเรียกน้ำตาคลอ พลางยกมือไขว้กันไว้บนหัว
“ยูโจวกงจิ่น!! ฉันจะมาช่วยเธอแล้ว!!” ต้วนโจวระเบิดพลังปกป้องเธอชทันที ยกจอคอมพิวเตอร์ขึ้นฟาดใส่ ดาบไม้ท้อของหย่งฟางถูกฟาดจนหักเป็นสองท่อน ท่อนหนึ่งตกอยู่บนพื้น
“...” หย่งฟางมองดูดาบในมือที่เหลือแค่ครึ่งเดียว แล้วหันไปมองอีกครึ่งที่อยู่บนพื้น
“อาจารย์หย่ง!!” คุณนายทั้งสามร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง
“...” หย่งฟางเกือบจะเป็นลมด้วยความโกรธ
ถึงดาบนี้จะไม่ใช่มรดกตกทอด แต่เธอก็ประมูลมาด้วยราคาหนึ่งล้านหยวน แล้วยังต้องแกะสลักเองถึงสามเดือนเพื่อเอาใจท่านอาจารย์ปู่ และมันก็เป็นเครื่องมือทำมาหากินของเธอ
เจ้านายบ้า!!!
ตอนทำงานก็เอาเปรียบเหลือเกิน ลาออกมาแล้วยังมาทำลายเครื่องมือทำมาหากินของเธออีก! แล้วยังไม่รู้ตัวอีกว่ากำลังจะได้ตัวการ์ตูนเป็นเมีย!!
ให้ตายสิ ทำไมเธอต้องมาเจอกับเรื่องไร้สาระของอดีตเจ้านายแบบนี้!! หนึ่งล้านหยวนสำหรับไม้ท้อที่โดนฟ้าผ่า กับสองล้านหยวนค่าฉีกสัญญา หย่งฟางโกรธจนหัวแทบระเบิด เหมือนมีไฟลุกอยู่ในหัวเธอ
ทุกคนตายซะ!!!
ความโกรธของหย่งฟางในครั้งนี้มากกว่าครั้งไหนๆ เธอคว้าเชือกในกระเป๋า หยิบมันขึ้นมาแล้วโยนให้คุณนายทั้งสามบนเตียง “เอาเชือกนี้ไปมัดไอ้โง่นั่นซะ!”
คุณนายทั้งสามรับภารกิจมาและทำตามทันที ต้วนโจวที่ยกจอคอมพิวเตอร์จนหมดแรง ถูกแม่แท้ๆ และป้าอีกสองคนมัดจนดิ้นไม่ได้ ซ่งเสี่ยวฮุ่ยและหนิวลี่ ที่บ้านมีลูกชายติดพ่ออยู่แล้ว จึงมีประสบการณ์มัดได้อย่างรวดเร็ว มีแต่หยูถังที่ช้าหน่อย แต่ก็ยังมัดได้แน่นหนาเรียบร้อย
ต้วนโจวถูกมัดแต่ก็ไม่วายพูดอย่างไม่พอใจ “หย่งฟาง! อย่าทำร้ายเธอนะ!! ถ้ามีปัญหาอะไร ก็มาลงกับฉันสิ!!”
หย่งฟางหันไปยิ้มอย่างเยือกเย็น “ไม่ต้องห่วง คุณเองก็จะโดนด้วย”
ต้วนโจวสงบปากสงบคำทันที “...”
คุณนายทั้งสามรู้สึกว่าอาจารย์หย่งนี่คือตัวร้ายชัดๆ
พอหันกลับไปมองที่ยูโจวกงจิ่น หย่งฟางก็ไม่ได้ใช้เครื่องมือหรืออาวุธใดๆ อีก แต่กลับโยนยันต์ออกมาเรื่อยๆ หนึ่งแผ่นต่อหนึ่งคาถา แต่ละแผ่นใช้เวลาสองวินาที ยันต์นับสิบแผ่นถูกโยนออกมาราวกับไม่ต้องใช้เงินซื้อ ปิดทางหนีของยูโจวกงจิ่นอย่างสิ้นเชิง ไม่ให้มีโอกาสได้หายใจ
ยูโจวกงจิ่นไม่ทันได้แสร้งเล่นละคร เพราะมัวแต่หนีเอาตัวรอด แต่การโจมตีด้วยยันต์ของหย่งฟางนั้นสามารถล็อกเป้าหมายได้ ดังนั้นไม่ว่าจะหลบยังไง ยันต์ก็จะพุ่งมาปิดร่างเธออยู่ดี คุณนายทั้งสามจึงได้เห็นภาพผิวการ์ตูนของยูโจวกงจิ่น เมื่อถูกแสงสีทองจากยันต์เข้าไปปิด ก็เริ่มดำและลอกออก เผยให้เห็นผิวจริงของมนุษย์ที่อยู่ข้างใน ลอกไปกว่า 70% เกือบจะกลับคืนร่างจริงทั้งหมด ต้วนโจวที่ค่อยๆ หยุดดิ้นและเลิกตะโกนโวยวาย
จู่ๆ หย่งฟางก็หยุดมือที่หยิบยันต์ออกมา ยูโจวกงจิ่นเองก็เลิกแกล้งเช่นกัน และกลับคืนร่างจริง เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักจมูกโด่งหน้าเรียวเล็ก
ต้วนโจวสำลักด้วยความตกใจ “เฉิง… เฉิงเสี่ยวอวี่?!!”
คุณนายทั้งสามตกใจเช่นกัน อะไรนะ จริงๆ แล้วเป็นเฉิงเสี่ยวอวี่หรือ
“แล้วยูโจวกงจิ่นของฉันล่ะ?!!”
“ฉันนี่แหละคือยูโจวกงจิ่นของคุณ” เฉิงเสี่ยวอวี่กล่าวอย่างเย้ยหยัน
ต้วนโจวกรีดร้องด้วยความโกรธที่ถูกหลอก!
“อ๊ากกกกกก! ทั้งหมดมันโกหกงั้นเหรอ?! แล้วอะไรที่เป็นความจริง?! บอกมาทีสิ!!!” ความโกรธพุ่งจนเกือบสลบไป
หย่งฟางสั่งคุณนายทั้งสาม “บีบจมูกให้เขาฟื้น! ให้เขาเห็นชัดๆ ว่าภรรยาการ์ตูนของเขาเป็นใครกันแน่!!”
“ยังห่วงเขาอีกเหรอ?” เฉิงเสี่ยวอวี่แสยะยิ้มออกมา “ตอนนี้ถึงตาฉันบ้างล่ะ”
ร่างวิญญาณของเฉิงเสี่ยวอวี่ลอยตัวขึ้นไปในอากาศ พุ่งตรงเข้าหาหย่งฟาง กระจายพลังร้ายแรงออกมาหวังจะทำร้ายเธอเ หลืออีกแค่หนึ่งเมตร ปลายพลังร้ายแรงก็เกือบจะสัมผัสหย่งฟางแล้ว จู่ๆ กลับยิ้มออกมา หยิบตาข่ายที่ถักด้วยเชือกสีแดงจากกระเป๋าออกมาปล่อย
เฉิงเสี่ยวอวี่เบิกตากว้าง แต่ก็สายไปแล้ว หล่อนพุ่งตรงเข้าไปในตาข่าย หย่งฟางเตรียมไว้ตอนหยิบยันต์ออกมา เพื่อล่อตัวหล่อนเข้าสู่กับดักในจังหวะที่เหมาะเจาะพอดี เฉิงเสี่ยวอวี่ถูกตาข่ายสีแดงมัดแน่นอยู่ที่มุมห้อง ตาข่ายนั้นจะกระพริบแสงสีทองทุกหนึ่งวินาที
วิญญาณร้ายแสดงออกถึงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าเฉิงเสี่ยวอวี่หมดโอกาสหนีแล้ว หย่งฟางก็ร่ายคาถาเพื่อยกเลิกการกระพริบอัตโนมัติของตาข่าย แค่เฉิงเสี่ยวอวี่ไม่ขยับ หล่อนก็จะไม่เจ็บ เมื่อเห็นหย่งฟางจัดการเฉิงเสี่ยวอวี่จนเสร็จสิ้น เหล่าคุณนายก็ใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก
หนิวลี่บีบจมูกต้วนโจวอย่างแรง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทื่อๆ “หยูถัง ตอนที่หย่งฟางไปทำงานที่บ้านเธอก็เป็นแบบนี้หรือเปล่า…”
ถึงแม้หยูถังจะเคยเห็นหย่งฟางปราบวิญญาณที่บ้านของเธอมาแล้ว แต่ก็ยังใจเต้นแรง เมื่อนึกถึงคนที่บ้านตระกูลฉู่ที่เป็นลม และตัวเธอเองก็อยากเป็นลมด้วยแต่ทำไม่ได้ “ก็คล้ายๆ กัน”
ต้วนโจวถูกบีบจมูกจนฟื้นคืนสติ น้ำตาไหลพรากด้วยความสิ้นหวัง ทุกอย่างมันโกหก ทั้งหมดมันโกหก ภรรยาการ์ตูนของเขา…หลายวันที่ผ่านมาที่ได้อยู่ด้วยกันในฝัน...เฉิงเสี่ยวอวี่เห็นเขาในสภาพนี้แล้วก็โกรธจนควันออกหู พลางกลอกตาไปมา
“อาจารย์หย่ง... คุณรู้ได้ยังไง ว่ายูโจวกงจิ่นคือเฉิงเสี่ยวอวี่?” หนิวลี่ถามออกมาด้วยความสงสัย หลังจากที่หาจังหวะถามได้ในที่สุด
เพราะก่อนที่ยูโจวกงจิ่นจะเผยร่างจริง พวกเธอไม่เข้าใจว่าหย่งฟางกำลังทำอะไร
หย่งฟางเก็บดาบไม้ท้อที่หักบนพื้นขึ้นมา พยายามต่อดาบเข้าด้วยกันพลางอธิบาย “ง่ายมาก เป็นการคาดเดาธรรมดา เริ่มจากบ้านของเสี่ยวฮุ่ยไม่มีปัญหา ภาพวาดก็ไม่มีปัญหา แต่ต้วนโจวมีปัญหามาก เพราะฉันเห็นว่ามีวิญญาณอยู่ข้างหลังเขา เต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย เมื่อฉันบังคับวิญญาณออกมา ก็เป็นสาวในภาพวาด บอกแล้วว่าภาพวาดไม่มีปัญหา งั้นเด็กสาวที่ว่าจะเป็นใครไปได้ล่ะ? ถ้าไม่ใช่แฟนสาวที่ตายไปของเขา ก็เป็นหนี้ผีจากการเล่นชู้ แต่ความเป็นไปได้ที่เป็นแฟนสาวที่ตายไปมีสูงกว่า” หย่งฟางมีหลักการในการคาดเดาของตัวเอง
คุณนายทั้งสามร้อง "อ๋อ" อย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ต้วนโจว…ฮ่าๆ” ผีหญิงที่อยู่ตรงมุมห้องหัวเราะลั่น เมื่อได้ยินคำเรียกของหย่งฟาง แต่แล้วก็หยุดหัวเราะ เพราะขยับตัวแล้วถูกตาข่ายแดงช็อตทำให้เจ็บปวด
เฉิงเสี่ยวอวี่กอดตัวเอง พยายามไม่ให้ร่างวิญญาณของเธอไปแตะตาข่ายสีแดง
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยรู้สึกตัวและถามอย่างโกรธเคือง “ลูกชายฉันดีกับเธอขนาดนี้ มอบทุกสิ่งให้ตามที่เธอต้องการ แล้วเธอทำร้ายเขาทำไม? ชีวิตของเธอไม่ได้ถูกเขาพรากไปเสียหน่อย!”
มาต่อกันจ้าาาา คอมรวนๆ ย้ายไฟล์เล่นเอาเหนื่อยเลยค่าา
เกิดขิตไฟล์หายแล้ววววว
“ฉันกำลังทำความดีลงโทษความชั่วอยู่ไม่ใช่เหรอ? ลูกชายของคุณทำร้ายความรู้สึกคนอื่นมากมายขนาดนี้ ไม่สมควรตายหรือไง?! แล้วไงล่ะ? มีลูกชายที่คบผู้หญิงแปดคนพร้อมกัน ภูมิใจมากใช่ไหม? นี่มันปี2024 แล้วนะ ยังมีแม่ที่คิดว่าลูกชายตัวเองเป็นสมบัติ ใครคบกับเขาก็ถือว่าโชคดี ช่างน่าสงสารจริงๆ ทั้งชีวิตต้องหมุนรอบลูกชายที่ไม่มีดีอะไรเลย เป็นโชคชะตาของคุณแล้วล่ะ"ซ่งเสี่ยวฮุ่ยโกรธจนหูร้อน หัวใจพลุ่งพล่าน รีบตอบโต้ทันที ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทะเลาะกับผีผู้หญิง ทั้งสองด่ากันไปมา แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ หยูถิงและหนิวลี่ต่างไม่กล้าหายใจแรง ประหลาดใจที่ซ่งเสี่ยวฮุ่ยกล้าทะเลาะกับผีขณะนั้นต้วนโจวยังคงร้องไห้เพื่อภรรยาการ์ตูนของเขา ส่วนหย่งฟางมองไปที่ดาบไม้ที่หักอยู่ในมือ ถอนหายใจเฮือกใหญ่เก็บดาบสองท่อนใส่ถุงผ้า"ไม่เป็นไร ไว้ค่อยหาช่างฝีมือดีๆ มาซ่อมก็ได้" หย่งฟางนั่งลงบนเก้าอี้เกมมิ่งแล้วกล่าวเบาๆ "คุณเสี่ยวฮุ่ย พอเถอะ"หย่งฟางหันไปถามผีสาวที่นั่งกอดเข่าอยู่มุมห้
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยรีบพยุงลูกชายขึ้นไปนอนบนเตียง ทันใดนั้น วิญญาณผีชุดดำและวิญญาณชุดขาวลอยผ่านหน้าต่างเข้ามา สามคุณนายสะดุ้งตกใจ แต่ผีทั้งสองไม่ได้สนใจพวกหล่อน พวกเขามองไปที่กองน้ำสีดำและหนอนสกปรกบนพื้น ก่อนจะชี้ไปที่เฉิงเสี่ยวอวี่และถามหย่งฟางว่า“หนอนสกปรกพวกนี้เกิดจากหล่อนหรือเปล่า?”“ไม่ใช่ค่ะ คนคนนี้แค่โชคร้าย ไม่รู้ไปโดนสิ่งสกปรกจากไหนมา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเลย” หย่งฟางตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ เธอตอบคำถามอย่างฉับไวโดยไม่ต้องคิดมากคุณนายทั้งสามได้แต่นิ่งเงียบ ซ่งเสี่ยวฮุ่ยก็ไม่กล้าพูดอะไร ท่านอาจารย์หย่งฟางบอกว่าไม่ใช่ ก็ต้องไม่ใช่แน่ๆ ลูกชายของเธอรอดกลับมาได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว เธอยังต้องขอบคุณหย่งฟางอีกมากผีชุดดำและผีชุดขาวไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะพวกเขารู้จักหย่งฟางตั้งแต่เธออายุแปดขวบ ตอนที่เริ่มเรียนรู้วิชาอัญเชิญวิญญาณ แม้ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา พวกเขาจะเจอเธอเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ดูเหมือนว่า
หย่งฟางรู้สึกตกใจอยู่บ้าง "แค่ล้มเล็กน้อย คิดว่าจะทำให้กลัวได้หรือไง!"หญิงสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้าห้องน้ำ คราวนี้เธอระมัดระวังตัวมาก เดินช้าๆ เพื่อไม่ให้ล้มหรือลื่นกระทันหัน บีบยาสีฟันก็ทำอย่างรอบคอบ ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างพิถีพิถัน จนกระทั่งเช็ดหน้าเสร็จเรียบร้อย หย่งฟางจึงยิ้มอย่างมั่นใจเมื่อเห็นภาพตัวเองในกระจก‘บรรพบุรุษเก่งกาจอะไรกัน ก็แค่นั้นแหละ’ทันใดนั้นกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น หย่งฟางเดาว่าอาหารเช้าที่สั่งไว้คงมาถึงแล้ว จึงรีบไปเปิดประตู พนักงานบริการห้องพักยกถาดอาหารเข้ามาอย่างเรียบร้อย เมื่อเปิดฝาครอบ เห็นขนมไส้หมูที่ชอบจึงหยิบขึ้นมากัดทันที แต่แล้วก็รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมภายในขนม เธอขมวดคิ้ว พนักงานรีบส่งกระดาษทิชชูให้ หย่งฟางคายสิ่งที่อยู่ในปากออกมาดู พบว่ามีเศษหินเล็กๆ ปนอยู่ในขนมพนักงานตกใจมาก “ขอโทษค่ะคุณหย่ง เราจะนำจานนี้ออกไป ดิฉันจะรายงานให้ผู้จัดการและทางครัวทราบทันที คุณลองทานอย่างอื่นก่อนนะคะ
แต่สิ่งที่ไม่เคยรู้คือ ทุกครั้งที่เพื่อนของเธอพาสุนัขไปเดินเล่น ไม่เคยเก็บอุจจาระของมันเลย หล่อนรำคาญขนสุนัขที่ร่วงเต็มบ้าน จนต้องคอยทำความสะอาดอยู่เสมอ และยังเกลียดเสียงเห่าของมันอีกด้วย โอ้ และครั้งหนึ่งเคยหัวเราะเยาะสุนัขต่อหน้าเพื่อน บอกว่ามันก็แค่สุนัขพันธุ์ทาง นอกจากนี้ สุนัขยังทำลายชุดเครื่องสำอางจนเสียหาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หล่อนตัดสินใจขายมันทิ้ง แต่กลับโกหกว่าสุนัขวิ่งหนีไปเองหญิงสาวฟังแล้วนิ่งอึ้ง เพราะทุกอย่างที่ได้ยินเป็นความจริง เพื่อนของเธอทำงานด้านสื่อออนไลน์ มักจะอยู่บ้านในช่วงกลางวัน และเป็นคนทำความสะอาดบ้านเอง ตอนที่รับเสวี่ยเหมยเนียงมาเลี้ยงใหม่ๆ หล่อนเคยหัวเราะเยาะมันว่าเป็นแค่หมาพันธุ์ธรรมดาเช่นกัน แต่เมื่อได้ยินหย่งฟางพูดถึงเรื่องเครื่องสำอาง หญิงสาวถึงกับตกตะลึง "คุณรู้ได้ยังไง..."ตอนที่หล่อนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง คุยกันผ่านวีแชท ในตอนนั้นเพื่อนของเธอกำลังทำงานอยู่ แม้เธอจะรีบขอโทษ แต่เพื่อนก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธ พูดแค่เพียง "ไม่เป็นไรๆ" สุดท้ายเธอก็ชดเชยค่าเครื่องสำอางให้และพาไปเลี้ยง
"ทำไมคนสวยอย่างเธอถึงอยากทำอาชีพนี้ล่ะ? ฉันบอกเลยว่า พวกเราหากินกันไม่ง่ายนะ ถ้าเธอคิดได้ก็เปลี่ยนอาชีพเถอะ" หมอเฒ่าพูดด้วยความจริงใจ เพราะหย่งฟางไม่ได้เป็นคู่แข่งแย่งลูกค้าของพวกเขาเลย เพราะเธอไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียวหย่งฟางตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "เกรงว่าคงเปลี่ยนไม่ได้แล้วค่ะ อาจารย์ของฉันบอกว่า ฉันเกิดมาเพื่อทำอาชีพนี้"เสียงหัวเราะของเหล่าหมอดูดังขึ้นรอบตัว "ฮ่าๆ"วันถัดมาเมืองถานจิงเจอพายุฝนแรกของฤดูร้อน ตกหนักตลอดทั้งวันจนท้องฟ้าดูมืดครึ้มราวกับเป็นเวลาพลบค่ำ หย่งฟางขอยืมร่มจากพนักงานต้อนรับ เดินฝ่าฝนไปประมาณสามสิบนาที จนถึงใต้สะพานลอยที่เธอมักมานั่งประจำ แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย พื้นใต้สะพานยังคงแห้งสนิท เธอจึงเก็บร่มแล้วหาที่สะอาดๆ นั่งขัดสมาธิลงกับพื้นนั่งอยู่นานไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่จนกระทั่งเสียงเรียกทำให้เธอได้สติกลับมา มองออกไปข้างนอกท้องฟ
เฒ่ากัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่หย่งฟางยินดีจะคบค้าสมาคมกับคนอย่างเขา แม้ว่าจะรู้สึกได้ว่าหญิงสาวผู้นี้แตกต่างจากพวกเขามาก แต่ก็หัวเราะอย่างสดใสและกล่าวตอบ"ดี งั้นไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์กัว เรียกเฒ่ากัวก็พอแล้ว"หลังจากเพิ่มกันเป็นเพื่อนแล้ว เฒ่ากัวก็ถามต่อ “พวกเรามีกลุ่มแชตของพวกที่ตั้งแผงใต้สะพานลอย เธออยากเข้ามาในกลุ่มไหม?”หย่งฟางพยักหน้า "แต่ฉันคงจะมาแค่ไม่กี่วันนะคะ ศาลเจ้าของฉันกำลังจะเปิดให้คนมาขอพรแล้ว"“ไม่เป็นไร วันไหนที่เธอว่างก็คุยเล่นในกลุ่มได้” เฒ่ากัวตอบพลางกดโทรศัพท์หย่งฟางมองหัวโล้นๆ ที่สะท้อนแสงของเขาและอดถามไม่ได้ “คุณบวชเป็นพระหรือคะ?”“เปล่าหรอก เข้าวัยกลางคนแล้วมันก็ล้านแบบนี้แหละ” เฒ่ากัวโบกแขนเสื้อที่คล้ายจีวรไปมา “เสื้อนี่ก็แค่เอาไว้หลอกคนเท่านั้น ซื้อมาจากออนไลน์ แค่สิบเก้าหยวนเก้าสิบเหมาเอง”
เมื่อหย่งฟางลงจากรถก็รู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่สะดวกทันที เธอไวต่อพลังงานที่ไม่ดี และมันมักแสดงอาการออกมาทางร่างกายแย่มาก แย่เกินไปแล้ว...โดยปกติคนสร้างบ้านเองยังต้องเลือกที่ดินที่มีฮวงจุ้ยดีๆ แล้วบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โตแบบนี้จะทำพลาดเรื่องนี้ได้อย่างไร?"พวกคุณทำงานในธุรกิจนี้ ตอนเลือกที่ดินไม่คิดจะให้ใครมาดูดวง หรือฮวงจุ้ยหน่อยหรือคะ?" หย่งฟางถามอย่างตรงไปตรงมา "ถ้าไม่ดูก็อย่างน้อยควรจะทำพิธีบวงสรวงก่อนเริ่มงาน หรือหลังงานก่อสร้างเสร็จสิ้นนะคะ"ถึงแม้เธอจะไม่เคยรับงานแบบนี้มาก่อน แต่ก็รู้ว่ามีธรรมเนียมเกี่ยวกับการสร้างบ้านและตึก ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ในธุรกิจนี้ที่สืบต่อกันมา ต่อให้บรรดาเจ้าของบริษัทไม่เชื่อ ก็ยังปฏิบัติตามเพราะเหตุผลที่คนรุ่นก่อนทำไว้ถังถิงจูไม่ใช่คนดูแลเรื่องเหล่านี้ คนที่ดูแลคือถังเฟยเฮ่อถังเฟยเฮ่อตอบอย่างตกใจ "อาจารย์หย่ง
หย่งฟางเปิดตาที่สามให้พวกเขาชั่วคราว ทำให้เห็นวิญญาณเร่ร่อนมากมาย และออกมาจากพายุหมุน บ้างก็ลอยลงมาจากตึกในหมู่บ้าน วิญญาณเหล่านี้พากันมาที่โต๊ะบูชา เพื่อสูดกลิ่นอาหารและควันธูป หย่งฟางสวดมนต์ไม่ถึงครึ่งนาที โต๊ะบูชาก็เต็มไปด้วยวิญญาณกว่า 50-60 ตน เบียดเสียดกันเหมือนหนอน วิญญาณเด็กแย่งกันกินไข่ต้มจนถึงขั้นทะเลาะกันเอง หย่งฟางจึงรีบกดหัววิญญาณเด็กที่ดุร้ายที่สุด ทำให้พวกเขาหยุดทะเลาะ แล้วหันไปกินของตัวเองต่อถังเฟยเฮ่อขาสั่น จับแขนเสื้อพี่สาว ถามด้วยความหวาดกลัว “พี่ ในหมู่บ้านเรามีวิญญาณเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”ถังถิงจูไม่ได้ตอบ เพียงแต่มองเหตุการณ์เงียบๆ จนผ่านไปประมาณยี่สิบนาที วิญญาณเร่ร่อนทั้งหมดก็อิ่ม หย่งฟางให้ยามเตรียมถังเหล็ก มาเผากระดาษเงินกระดาษทอง เหล่าวิญญาณแย่งกันเก็บจนหมด จากนั้นหญิงสาวเริ่มสวดคาถาส่งพวกเขากลับไปพิธีการส่งวิญญาณเป็นไปได้ด้วยดี ส่วนใหญ่จากไปอย่างสมัครใจ แต่บางตนดื้อรั้น หย่งฟางจึงเปลี่ยนคาถาเป็น “หากมีวิญญาณดื้อรั้น ฟ้าดินไม
หอพักหญิง อาคาร 3A หน้าห้อง 702หลังจากหญิงสาวในห้อง 701 บอกว่า “ห้อง 702 ไม่มีคนอยู่” คำพูดนั้นทำเอาสาวๆ จากห้อง 602 กรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด ถ้าห้อง 702 ไม่มีใครอยู่ แล้วเสียงฝีเท้าเหล่านั้นมาจากไหน?เสียงกรีดร้องทำลายความเงียบของค่ำคืน ไฟทางเดินที่ควบคุมด้วยเซ็นเซอร์เสียงสว่างวาบขึ้นทีละชั้น เสียงโลหะขูดพื้นดังมาจากชั้นล่าง คุณป้าผู้ดูแลหอพักเปิดประตูห้องพัก รีบมองจอมอนิเตอร์กล้องวงจรปิด แล้วกดลิฟต์ขึ้นมายังชั้น 7“เอะอะอะไรกัน! เสียงดังจนคนทั้งตึกได้ยิน!” เมื่อมาถึง คุณป้าผู้ดูแลตำหนิ ก่อนหันไปมองเด็กๆ “พวกเธอห้อง 602 ใช่ไหม? มาเดินเพ่นพ่านอะไรตอนนี้? ไม่รู้เหรอว่าห้ามออกจากห้องหลังไฟดับ?”หญิงสาวจากห้อง 701 รีบช่วยอธิบาย “พวกเธอบอกว่าได้ยินเสียงคนเดินในห้อง 702 เลยขึ้นมาดู...คุณป้า ห้อง 702 มีใครอยู่หรือเปล่าคะ?”คุณป้ามองพวกเธอด้วยสายตานิ่งเรียบ “ห้อง 702 ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว”คำตอบนั้นทำให้สาวๆ จากห้อง 602 ใจหายวาบ หญิงสาวจากห้อง 701 เริ่มลังเลก่อนถามด้วยเสียงสั่น “ป้า... รุ่นพี่บอกว่าหอพักหญิงที่นี่มีผี เรื่องนั้นจริงหรือเปล่าคะ?”“พวกเธออย่าไปเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนั้น” คุณป้
"รับคำทำนายก่อนเถอะ แล้วค่อยคุยกัน" หย่งฟางเอ่ยขึ้นพลางมองแถวคนที่ยืนรออยู่ด้านหลังมีผู้หญิงสี่คนเข้ามาถามคำทำนายทีละคน สองคนถามเรื่องการเรียน อีกสองคนถามเรื่องความรัก กุ่นกุ่นช่วยตอบคำทำนาย หย่งฟางไม่ได้พูดเสริมอะไร มีเพียงกระซิบเบาๆ "ทำนายได้ดีมาก จากนี้ลูกค้าอื่นๆ ให้คุณดูแลคนเดียวเลย ทำให้มั่นใจหน่อย อย่าพูดติดขัด ถ้าคิดว่าจะติดก็พูดคำสำคัญสั้นๆ ก็พอ"กุ่นกุ่นพยักหน้า เรื่องนี้เฒ่ากัวเคยสอนเขามาก่อนแล้ว แนะนำให้พูดแบบเว้นจังหวะบ้างเพื่อให้ดูเป็นปริศนาและน่าเกรงขาม จากนั้นหย่งฟางพาผู้หญิงสี่คนไปยังห้องน้ำชา ขอให้พวกเธอดื่มชากันคนละแก้ว"ฉันก็ไม่คิดว่าเราจะได้เป็นเพื่อนร่วมสถาบันกัน ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่เรียนที่วิทยาลัยศิลปะถานจิง ตอนฉันเห็นภาพวาดกับชื่อพี่ในห้องแสดงผลงาน" ฉู่เสี่ยวเฉียวพูดขึ้นรูมเมตของเธอพยักหน้า "ใช่เลย หย่ง...อาจารย์" ผู้หญิงคนนั้นลังเลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะเรียกหย่งฟางว่าอะไรดี"ทำไมเธอถึงไม่มีรูปอยู่ในชั้นวางศิษย์เก่าที่โดดเด่นล่ะ?"หย่งฟางยิ้มก่อนตอบ "เคยเห็นใครทำงานด้านศาสตร์ลึกลับ แล้วไปเป็นศิษย์เก่าที่โดดเด่นบ้างไหม?"คำพูดนั้นทำให้ผู้หญิงทั้งหมดหัวเราะออกมา ข
[สุดยอดไปเลย หย่งฟางไปหาลูกศิษย์มาจากที่ไหนนะ ทั้งหนิงหมี่และหลงหยวนหยวนเ หมาะจะไปเป็นไอดอลทั้งกลุ่มหญิงและชายได้เลย][หย่งฟางเปิดบริษัทจัดการบันเทิงไปเลยเถอะ]ในที่สุด #เสวียนเว่ยเอ็นเตอร์เทนเมนท์ (#บริษัทบันเทิงเสวียนเว่ย) ก็กลายเป็นคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ #วัดเสวียนเว่ย (#ศาสตร์ลึกลับของหย่งฟาง)เหล่าชาวเน็ตช่วยกันแบ่งตำแหน่งให้เสร็จสรรพแล้ว[#บริษัทบันเทิงเสวียนเว่ยCEO: หย่งฟาง อันดับหนึ่งฝ่ายหญิง: หนิงหมี่ อันดับหนึ่งฝ่ายชาย: หลงหยวนหยวน][ส่วนอาจารย์อ้วน กับอีกสามคนก็เป็นผู้จัดการไปละกัน]เหล่าลูกศิษย์มนุษย์ที่คอยติดตามข่าวในโซเชียลเกี่ยวกับวัด: หือ?หยิบโทรศัพท์เก็บกลับไป มองดู ‘อันดับหนึ่งฝ่ายชาย’ และ ‘อันดับหนึ่งฝ่ายหญิง’ตอนนี้เป็นช่วงหกโมงเย็น หลังจากทานอาหารเสร็จ สองคนนี้ก็สู้กันตั้งแต่ฝั่งตะวันออกไปจนถึงฝั่งตะวันตก เพื่อแย่งควันธูปกัน นี่กลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ของอันดับหนึ่งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายที่ต้องทำทุกวันไปแล้วเพราะหย่งฟางแจกควันธูปอย่างเท่าเทียม ตอนแรกให้ทั้งคู่คนละสองแท่ง แต่หนิงหมี่ไม่พอใจ “ข้าทำงานตั้งขนาดนี้ ส่วนเขาไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมถึงได้เท่ากับข้า! ข้าไม่สน จ
ณ จุดนี้ในวัดเสวียนเว่ยมีสมาชิกทั้งหมดแปดคนเจ้าของอาราม: หย่งฟางศิษย์: หนิงหมี่, เฒ่ากัว, ห่าวจาวไฉ, จินเหยาไต้ ,ไฉหยวนกุ่นกุ่นผู้พักชั่วคราว: วิญญาณลูกกลมสีเทาผู้ไม่ได้รับเชิญ: หลงหยวนหยวนทั้งแปดคนนี้ประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตจากสี่ประเภท ได้แก่ คน เทพ วิญญาณ และปีศาจ"อาจารย์หย่ง คุณคิดจะเก็บสิ่งมีชีวิตทั้งหกไว้ที่นี่หรือ?" ห่าวจาวไฉโบกพัดกระดาษพร้อมถามหย่งฟางเผยยิ้มขมเล็กน้อย จะพูดอย่างไรดี? ตัวตนของหนิงหมี่กับหลงหยวนหยวนนั้น ไม่ใช่ว่าเธอเต็มใจรับเข้ามา คืนนี้พระจันทร์สีเงินส่องสว่างกลางท้องฟ้า หลังจากที่หย่งฟางไหว้เทพเจ้าวัดเสร็จ เธอก็เดินออกจากวิหารหลัก หนิงหมี่กับวิญญาณลูกบอลกลมสีเทา ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนในลาน กำลังตั้งใจเรียนวิชาภาษาชั้นประถมปีที่ 1 ที่ถ่ายทอดสด คราวนี้หย่งฟางเรียนรู้แล้ว เธอจึงหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าที่ตั้งค่าใหม่ให้พวกเขาใช้ขณะเดียวกัน หลงหยวนหยวนที่โดนสองสาวรังเกียจ นั่งอยู่ที่เก้าอี้ในสวนอีกฝั่ง เจ้าหนุ่มชุดดำไม่สนใจเลยที่ตนเองไม่ได้รับความชื่นชอบจากใคร แค่เอนตัวรับลมเย็นอย่างสบายใจ ด้านเฒ่ากัวกับคนอื่นๆ เตรียมไฟฉายและพร้อมจะลงจากภูเขากลับบ้าน"เดี
"อย่างพี่สาวเหอ ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคนดีมากๆ ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีเลย แถมครอบครัวก็ใจดี แม้ว่าเราจะพูดกันไม่นาน แต่ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดอยู่เหมือนกัน แต่อย่างที่บอก พราะเธอเป็นคนดี ฉันก็ไม่แน่ใจว่าควรจะรู้สึกอึดอัดหรือไม่""ส่วนเรื่องจางยู่เฟ่ย ตั้งแต่ฉันมาที่โลกมนุษย์ ฉันก็เริ่มรู้แล้วว่ามีคนที่ไม่อยากทำอะไรด้วยตัวเอง หลายคนชอบหาทางลัด ถ้ามันเป็นทางที่ถูกต้องก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ค่อยเจอคนที่พยายามหาทางพึ่งพาคนอื่นแบบเธอ ทั้งที่เธอก็มีแขนขาครบ มีโอกาสมากมาย แต่กลับเหมือนมองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง คิดแค่ว่าจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชาย" หนิงหมี่พูดไปพร้อมกับทำท่าห่อไหล่เหมือนแมวน้อยที่กำลังครุ่นคิด"แต่พอคิดถึงเป่าฟู่กุ้ยและภรรยาของเขา ฉันก็รู้สึกว่าในโลกมนุษย์ก็ยังมีสิ่งดีๆ บ้างเหมือนกัน" หนิงหมี่พูดสรุปว่า "มนุษย์นี่ซับซ้อนจริงๆ ฉันไม่เข้าใจเลย"หลังจากที่ออกไปทำงานนอกสถานที่มาแค่สองวัน เทพธิดาน้อยก็ได้สัมผัสกับความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ พนักงานบนเครื่องบินเชิญพวกเธอไปยังห้องอาหาร หลังจากทานอาหารจนอิ่มหนำแล้ว หนิงหมี่ก็รู้สึกดีขึ้น"เป่าฟู่กุ้ยสุดยอดจริงๆ!" หนิงหมี่คิด "อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องนอนขดตัวอ
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอนักพรตสาวตัวน้อย กลุ่มเฮ่ยไป่อู่ฉางก็รีบตื่นเต้นและวิ่งเข้าหาเธอ “หย่งน้อย เธอดูอ้วนขึ้นนะ!”“จะทักทายกันแบบสุภาพกว่านี้ไม่ได้หรือไงคะ?” หย่งฟางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงอารมณ์ยมทูตขาวผู้เป็นพี่สาว ยื่นมือไปหยิกแก้มเธอทันที “ฉันหมายถึงหน้าเธอดูมีเนื้อขึ้นนะ! เมื่อก่อนเธอผอมกว่านี้”หย่งฟางสะบัดมือของเธอออกเหมือนปัดแมลงวันยมทูตดำก็ทักขึ้นบ้าง “ถ้าจะให้สุภาพ ฉันก็ทำได้” จากนั้นเขาก็พูดต่อ “หย่งน้อย เราเสมือนญาติผู้ใหญ่เห็นเธอเติบโตมาตลอด เธอก็ไม่ได้มาเยี่ยมเราเลย เราคิดถึงเธอ…”ยมทูตขาวพูดเสริมทันที “…พวกเราอยากได้ธูปหอมบ้างน่ะ”นี่แหละคือวิธีทักทายของพวกเขา หย่งฟางไม่ได้พูดอะไร เธอแค่ย่อตัวลงเปิดกระเป๋าเดินทาง แล้วหยิบธูปสองดอกออกมาหนิงหมี่เบิกตากว้าง “นั่นมันของฉันนะ!!” พูดจบก็พยายามจะแย่ง แต่หย่งฟางก็หลบมือไปจุดไฟ แล้วส่งให้ยมทูตขาวดำทันที“แค่นิดเดียว อย่าไปหวงนักเลย เด็กเล็กก็แบบนี้แหละ ชอบหวงของ”ยมทูตขาวดำกินควันธูปอย่างพอใจจนตาหรี่ลงเป่าฟู่กุ้ยมองยมทูตทั้งสองที่กำลังเคลิบเคลิ้ม…พวกเขาไม่ได้มารับเมียเขาไปโลกหลังความตายเหรอ? แล้วทำไมมานั่งกินของฝากที่บ้า
เปาฟู่กุ้ยมองนักพรตสาวด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงลังเล "ผม...ผมจะได้เจอเธอจริงๆ เหรอ? ภรรยาของผมไม่ได้...ไปอยู่ที่ยมโลกแล้วหรอกเหรอ?""ภรรยาของคุณน่าจะอยู่ข้างคุณตลอดเวลา เพียงแต่ช่วงนี้เธอคอยเฝ้าดูจางยู่เฟ่ยอยู่ เพราะสงสัยว่าคนคนนั้นจะทำอะไรแปลกๆ เราเลยไม่เห็นวิญญาณเธออยู่ในบ้านคุณตั้งแต่แรก" หนิงหมี่อธิบาย"ผม...ผมอยากเจอเธอ!" เปาฟู่กุ้ยพูดด้วยความรู้สึกสดใสขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับได้รับพลังชีวิต ใบหน้าของเขาดูเปล่งปลั่งทันที ทันใดนั้นก็นึกถึงสภาพตัวเอง จึงรีบลูบหนวดเคราที่เพิ่งงอกยาวและกล่าวออกไป "เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวผมต้องจัดการตัวเองก่อน ภรรยาผมไม่ชอบที่ผมดูสกปรกแบบนี้"หลังจากพูดจบ เปาฟู่กุ้ยลากตัวที่ดูอ้วนกลมขึ้นไปชั้นบน เพราะอาการบวมจากยาต้านซึมเศร้า เมื่อเขากลับลงมาอีกครั้ง หย่งฟางและหนิงหมี่ ก็ได้เห็นเปาฟู่กุ้ยในลุคใหม่ที่สะอาดสะอ้าน เขาโกนหนวดโกนเคราจนเกลี้ยงเกลา สระผมจนหอมสะอาด ใบหน้ากลมอวบอิ่มดูสดใสขึ้นทันที เขาใส่สูทสากลและเนคไทเรียบร้อย สวมรองเท้าหนังแม้หน้าตาของเขาจะไม่หล่อเหลามากนัก โดยเฉพาะส่วนแก้มที่อ้วนดูเหมือนผู้ชายธรรมดา แต่ในลุคนี้เขากลับดูอ
หลังจากที่จางยู่เฟ่ยพ่นเลือดออกมา หมอกสีเทาที่วนเวียนอยู่ระหว่างคิ้วของเปาฟู่กุ้ย ก็พลันสลายหายไปทันที แม้ว่าจางยู่เฟ่ยจะมองไม่เห็นพลังงานลี้ลับเหล่านี้ แต่เธอกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อท่านประธานทำตามคำแนะนำของสาวน้อยข้างกายเถ้าแก่เปาเปิดตาขึ้น ยกมือออกหู และมองเลขาอีกครั้งด้วยสายตาที่กลับมาสดใส ปราศจากอาการลุ่มหลงผิดปกติใดๆ จางยู่เฟ่ยตกใจ รีบควานหาบางสิ่งในกระเป๋าของตัวเอง แต่กลับพบว่ามันหายไป“หาอันนี้อยู่หรือเปล่า?” น้ำเสียงเย็นชาแฝงความเหนือชั้นดังมาจากหย่งฟางเมื่อจางยู่เฟ่ยหันไปมอง ก็พบว่ากระดาษยันต์สามเหลี่ยมในมือของหย่งฟาง ถูกฉีกเป็นสองส่วนอย่างเรียบร้อยหนิงมี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มขำ ส่วนหญิงสาวในชุดขาวร่างโปร่งแสงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กับจางยู่เฟ่ย เธอยกนิ้วโป้งให้หนิงมี่ด้วยความชื่นชมใบหน้าของวิญญาณสาวผู้นี้ คือใบหน้าเดียวกันกับหญิงสาว ในภาพถ่ายที่พบในห้องใต้หลังคา ใช่แล้ว... ภรรยาของเปาฟู่กุ้ยยังไม่ได้ไปสู่สุคติ ช่วงนี้เธอสังเกตเห็นความผิดปกติของสามี และหลังจากจับตามองเลขาส่วนตัว ก็พบว่าคู่กรณีใช้คาถามาควบคุมใจสามีของเธอเธอก็พบว่านักพรตสาวจากสำนั
เมื่อวางสายไปใบหน้าของเถ้าแก่เปาแสดงอาการหลงใหล ราวกับถูกบางสิ่งควบคุม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความคิดถึงอย่างท่วมท้น หย่งฟางรีบสวดคาถาเคลียร์จิตใจ ก่อนจะใช้นิ้วแตะเบาๆ ที่หน้าผากของเขา ความอ่อนโยนที่เคยแสดงบนใบหน้าของเปาฟู่กุ้ย หยุดชะงักราวกับถูกหยุดเวลา หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาเป็นปกติ แต่ยังคงมีท่าทางงุนงงหย่งฟางเปิดปากถาม "คนที่โทรหาคุณเมื่อกี้คือใคร?""คะ...คือ...เลขาของผม จางยู่เฟ่ย..." เปาฟู่กุ้ยมองหน้าหย่งฟางและหนิงหมี่ด้วยความสงสัย "มีอะไรเหรอครับ?" ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถจำความรู้สึกอ่อนโยน และความรักใคร่ที่เคยมีเมื่อครู่ได้เลยหนิงหมี่หันไปมองอาจารย์และกระซิบเบาๆ "คาถาชิงรัก"หย่งฟางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองเปาฟู่กุ้ย "ตอนที่คุณโชคร้ายก่อนหน้านี้ มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณคุยกับเลขาของคุณเสร็จใช่ไหม?"เปาฟู่กุ้ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มจำได้ "เหมือนจะใช่ แต่ว่าช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยเจอโชคร้ายแล้วนะ"หย่งฟางอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบ "เพราะช่วงนี้คุณไม่ได้ปฏิเสธคำขอของเธอเลย คาถาชิงรักคือการที่คุณถูกทำให้ตกหลุมรักคนที่ร่ายคาถานี้ ในตอนแรกคุณยังมีสติ คุณสาม