เมื่อหย่งฟางลงจากรถก็รู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่สะดวกทันที เธอไวต่อพลังงานที่ไม่ดี และมันมักแสดงอาการออกมาทางร่างกาย
แย่มาก แย่เกินไปแล้ว...
โดยปกติคนสร้างบ้านเองยังต้องเลือกที่ดินที่มีฮวงจุ้ยดีๆ แล้วบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โตแบบนี้จะทำพลาดเรื่องนี้ได้อย่างไร?
"พวกคุณทำงานในธุรกิจนี้ ตอนเลือกที่ดินไม่คิดจะให้ใครมาดูดวง หรือฮวงจุ้ยหน่อยหรือคะ?" หย่งฟางถามอย่างตรงไปตรงมา "ถ้าไม่ดูก็อย่างน้อยควรจะทำพิธีบวงสรวงก่อนเริ่มงาน หรือหลังงานก่อสร้างเสร็จสิ้นนะคะ"
ถึงแม้เธอจะไม่เคยรับงานแบบนี้มาก่อน แต่ก็รู้ว่ามีธรรมเนียมเกี่ยวกับการสร้างบ้านและตึก ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ในธุรกิจนี้ที่สืบต่อกันมา ต่อให้บรรดาเจ้าของบริษัทไม่เชื่อ ก็ยังปฏิบัติตามเพราะเหตุผลที่คนรุ่นก่อนทำไว้
ถังถิงจูไม่ใช่คนดูแลเรื่องเหล่านี้ คนที่ดูแลคือถังเฟยเฮ่อ
ถังเฟยเฮ่อตอบอย่างตกใจ "อาจารย์หย่ง
หย่งฟางเปิดตาที่สามให้พวกเขาชั่วคราว ทำให้เห็นวิญญาณเร่ร่อนมากมาย และออกมาจากพายุหมุน บ้างก็ลอยลงมาจากตึกในหมู่บ้าน วิญญาณเหล่านี้พากันมาที่โต๊ะบูชา เพื่อสูดกลิ่นอาหารและควันธูป หย่งฟางสวดมนต์ไม่ถึงครึ่งนาที โต๊ะบูชาก็เต็มไปด้วยวิญญาณกว่า 50-60 ตน เบียดเสียดกันเหมือนหนอน วิญญาณเด็กแย่งกันกินไข่ต้มจนถึงขั้นทะเลาะกันเอง หย่งฟางจึงรีบกดหัววิญญาณเด็กที่ดุร้ายที่สุด ทำให้พวกเขาหยุดทะเลาะ แล้วหันไปกินของตัวเองต่อถังเฟยเฮ่อขาสั่น จับแขนเสื้อพี่สาว ถามด้วยความหวาดกลัว “พี่ ในหมู่บ้านเรามีวิญญาณเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”ถังถิงจูไม่ได้ตอบ เพียงแต่มองเหตุการณ์เงียบๆ จนผ่านไปประมาณยี่สิบนาที วิญญาณเร่ร่อนทั้งหมดก็อิ่ม หย่งฟางให้ยามเตรียมถังเหล็ก มาเผากระดาษเงินกระดาษทอง เหล่าวิญญาณแย่งกันเก็บจนหมด จากนั้นหญิงสาวเริ่มสวดคาถาส่งพวกเขากลับไปพิธีการส่งวิญญาณเป็นไปได้ด้วยดี ส่วนใหญ่จากไปอย่างสมัครใจ แต่บางตนดื้อรั้น หย่งฟางจึงเปลี่ยนคาถาเป็น “หากมีวิญญาณดื้อรั้น ฟ้าดินไม
ในห้องพักฟื้น ฤทธิ์ยาชาของถังจ้าวยังไม่หมด เธอนอนหลับสลบอยู่บนเตียง หนิวลี่กับสามีคอยปลอบใจคู่สามีภรรยาถังเฟยเฮ่อ คุณนายถังยังคงเศร้าเสียใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับลูกสาว สายตาเธอเหม่อลอย“ช่วงนี้ครอบครัวเราทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้…” เหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมทวีความรุนแรงขึ้นอีกถังถิงจูมองหลานสาวที่นอนหลับ ก่อนจะหันไปถามหย่งฟาง “อาจารย์หย่ง คุณคิดว่ายังไงบ้าง?”หย่งฟางมองเด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงและคุณนายถัง สังเกตเห็นว่าทั้งสองกำลังถูกพลังลึกลับดูดโชคลาภออกจากหน้าผากอย่างช้า ๆ“ฉันอยากไปดูที่บ้านของตระกูลถังหน่อย”คนในครอบครัวต่างปรึกษากัน และสุดท้ายตัดสินใจให้ถังถิงจู อยู่ดูแลถังจ้าวในห้องพักฟื้น ส่วนถังเฟยเฮ่อ ภรรยา และหนิวลี่กับสามีกลับไปพร้อมกับหย่งฟาง เพื่อช่วยตรวจสอบว่าบ้านมีสิ่งผิดปกติอะไรหรือไม่เมื่อถึงบ้านของถังเฟยเฮ่อ ห
ถังเฟยเฮ่อได้รับสายจากฝ่ายบัญชีของบริษัทแจ้งว่า "คุณถัง เราพบว่าน้องชายของภรรยาคุณยักยอกเงินบริษัทไปห้าล้านบาท เราได้รายงานให้คุณทราบแล้วและได้แจ้งตำรวจตามคำสั่ง แต่ตอนนี้ยังหาตัวเขาไม่พบ คุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน? ตำรวจบอกว่าหากยังไม่พบตัวเขาจะออกหมายจับแล้ว"ถังเฟยเฮ่อตอบกลับไปว่า "ตอนนี้เขาถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจถานจิงแล้ว"ฝ่ายบัญชีของบริษัทอึ้งไป "…อะไรนะ? ถูกจับแล้วหรือ? แต่ตำรวจที่อยู่กับเรายังถามหาเขาอยู่เลย?"เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายที่ได้ยินการสนทนานี้ รู้ว่าจงหยวนถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีถนนถางจิง พวกเขาจึงรีบเดินทางไปที่นั่นทันที ในที่สุดจงหยวนก็ถูกจับข้อหาเกี่ยวกับการยักยอกเงินบริษัท โดยไม่ได้พบหน้าพี่สาวอย่างที่ตั้งใจไว้หนิวลี่และถังเฟยเฮ่อต่างรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้จากฝ่ายบัญชี หย่งฟางกล่าวอย่างเรียบเฉย "ของที่ได้มาโดยวิธีสกปรก มักมีผลสะท้อนกลับมาเร็วเสมอ"ทั้งคู่จึงสอบถามหย่งฟางถึง
คุณนายฉู่ปิดมือถือ ทั้งคู่เริ่มเก็บของ สุดท้ายหย่งฟางก็ห่อแผ่นยันต์และกระถางธูปของเทพเจ้าด้วยผ้าสีจากนั้นพาหย่งฟางกลับไปที่อารามเสวียนเว่ย เมื่อเปิดประตูและผลักหญิงสาวเข้าไป สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ตื่นเต้นทันทีภายในไม่ได้ตกแต่งหรูหราอะไร แต่ยังคงความโบราณไว้ เพียงทาสีใหม่ใช้สีแดงให้สดใสขึ้น แต่ก็ยังเห็นบรรยากาศเก่าๆ อยู่ ถึงจะไม่ใหญ่โตแต่ก็ดูดี สะอาดตาจนทำให้รู้สึกสบายใจ รูปปั้นเทพเจ้าสีทำจากทอง 18 กะรัตยังส่องประกาย ห้องครัวเล็กเดิมก็ถูกขยายให้เป็นห้องครัวใหญ่ขึ้น หยู่ถังไม่ต้องก้มตัวตอนผัดอาหารอีกแล้วหม้อ กระทะ จานชาม ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู ทุกอย่างถูกเปลี่ยนใหม่หมด ผนังสีดำที่เคยมีคราบเปื้อนก็ถูกปูด้วยกระเบื้องที่ทำความสะอาดง่าย ห้องด้านข้างก็ถูกปรับปรุง พื้นและผนังถูกปูกระเบื้องใหม่อย่างเงางาม หลังจากปล่อยผีสาวกลับลงโอ่งน้ำกลางลาน โอ่งสีเทาเข้มที่พ่นฟองสบู่อย่างสบายใจ ในช่วงที่พักอยู่โรงแรม พี่สาวผีต้องอยู่ในขวดน้ำแร่ แต่โอ่งใหญ่แบบนี้ก็สบายกว่า สีของเธอไม่จางลงไปเลยแม้แต
"คุณนายสวี่ คุณมาขอพรอะไรเหรอคะ?"คุณนายสวี่ยิ้มเล็กน้อย "ก็ขอให้ครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขค่ะ แล้วคุณนายหยวนล่ะ?" จริงๆ แล้วในใจเธอก็หวังให้ปัญหาระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้หมดไปด้วยคุณนายหยวนแอบกลอกตานิดๆ แต่ตอบยิ้มๆ "เหมือนกันเลยค่ะ" ที่จริงเธอขอให้ลูกชายหายป่วยไวๆพวกผู้ชายไม่ค่อยพูดเรื่องพวกนี้นัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนใจ ทุกคนต่างรู้กันดีและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แม้กระนั้นก็ยังเห็นได้ว่าพวกเขาสามัคคีกันในจุดนี้มากกว่าผู้หญิงเสียอีก แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์ขันแบบเสียดสีเมื่อเกือบหกโมงเช้า แสงอาทิตย์สีทองสาดแสงลอดผ่านเมฆลงมาอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นขึ้น พวกเขาเงยหน้ามองพระอาทิตย์ขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ราวกับลืมไปว่าความงามของช่วงเวลาธรรมดาๆ นี้เคยผ่านตาไปนานแล้วในขณะนั้น ทุกคนรู้สึกถึงความสงบสุขชั่วครู่ แต่แล้ว... กึก! เสียงประตูของวัดเปิดออกหย่งฟางที่กำลังขยี้ตาเด
หย่งฟางใช้เวลาทั้งวันทำนายดวงและดูแลแขกที่เข้ามาในวัดเสวียนเว่ยอย่างไม่หยุดพัก ขนาดน้ำสักหยดยังไม่ได้ดื่ม เครื่องหอมและเทียนที่เตรียมไว้เริ่มร่อยหรอจนเหลือเพียงหนึ่งในสาม ท่ามกลางความคึกคักนี้ เทพเจ้าประจำอารามดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำนายว่าทุกคนจะได้รับพร ยกเว้นเพียงบางคน รวมถึงคุณนายฉู่ ธูปของพวกเขาถูกทำนายอย่างเย็นชาา "ทำความดีเยอะ ๆ หน่อย"ไม่มีคำอวยพรหรือความสมหวังเหมือนคนอื่น ๆตลอดทั้งวันหย่งฟางแจกยันต์ตามความเหมาะสมกับแขกผู้มาเยือน เมื่อปิดประตูวัดตอนเย็น กลิ่นธูปยังอบอวลไปทั่วโบสถ์ หากท่านอาจารย์ยังอยู่ คงจะยิ้มไม่หุบที่เห็นบรรยากาศเช่นนี้ แต่แม้จะไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร หย่งฟางเริ่มรู้สึกว่างานในวันนี้มีอย่างบางผิดพลาด...ขณะมองไปรอบ ๆ วิหาร สายตาของหย่งฟางหยุดที่กล่องบริจาคเล็กๆ ที่มุมหนึ่ง คำสบถแทบจะหลุดออกมา! เธอลืมเก็บค่าดูดวง ค่าธูป และค่าทำนาย!"…" หย่งฟางแทบกระอักเลือดด้วยความเสียใจ แต่ก็ยังต้องไปเตรียมอาหารแม้วันนี้จะไม่ได้รับค่าบริการ ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่รับแขกเยอะขนาดนี้ คราวหน้าต้องไม่พลาดอีก เธอจัดเสิร์ฟอาหาร และเม
ไม่นานมานี้ในเมืองถานจิงเกิดเรื่องแปลกขึ้น ร้านค้าแบรนด์หรูกลับเงียบเหงา ร้านสปาก็ไม่มีคนเข้า ส่วนร้านกาแฟเล็กๆ ก็ขายไม่ดีนัก ตรงข้ามกับบริเวณเชิงเขาหลงหย่า ที่ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปอย่างคึกคัก รถหรูเรียงรายจนล้นถนน คุณนายร่ำรวยต่างมาทำบุญกันเป็นกลุ่มต่อเนื่องถึงเจ็ดวัน ส่งผลให้วัดเสวียนเว่ยคึกคักไปด้วยทั้งเจ้าของร้านและลูกค้าใหม่ๆถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สดใส หย่งฟางและท่านอาจารย์ไม่ได้โลภมาก ลูกค้าที่มาทำบุญต่างแวะเวียนกันมาอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ขอพร บ้างก็มาขอให้ความฝันเป็นจริง และคุณนายที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ จะปักหลักอยู่ในวัดตลอดทั้งวัน หากใครอยากให้หย่งฟางดูดวงเธอก็ยินดี แต่ถ้าใครไม่ต้องการ เธอก็จะนั่งพูดคุยกับเทพเจ้าแทน หรือระบายความในใจไปเรื่อยๆท่านอาจารย์ในฝันสั่งให้หย่งฟางซื้อเก้าอี้เพิ่มอีกสิบกว่าตัว เพื่อให้เหล่าคุณนายได้นั่งพักผ่อน พร้อมทั้งจัดโต๊ะชาและนำของที่ถวายแล้วมาให้พวกเธอได้กินเล่นขณะพูดคุยกัน ในตอนแรกเหล่าคุณนายลังเล “นี่...กินของถวายมันจะไม่ดีหรือ?”
หย่งฟางผลักประตูเข้าไป ก่อนจะก้มลงยกกล่องวางไว้ข้างใน “ไม่มีเวลา ถ้าคุณย่าของคุณจะมาจุดธูป แก้บน ดูดวง ก็เชิญมาเองได้เลย วัดเปิดเจ็ดโมงเช้าของทุกวัน”เธออดนึกไม่ถึงว่าต้องลำบากเพราะเขา จ่ายเงินซื้อธูปไปสิบดอกก็แล้ว ยังต้องยกของเข้ามาเองอีก ชายคนนั้นยิ้มแหยๆ เดินตามเข้ามาในศาลา“คุณย่าผมอยากมาไหว้ที่วัดด้วยตัวเอง ครอบครัวเลยอยากจัดงานเลี้ยงพบปะกัน และถือโอกาสมาคุยกับคุณเรื่องนี้ด้วย อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันขึ้น 15 ค่ำ อยากถามว่าคุณพอจะปิดวัด ไม่รับคนอื่นในวันนั้นได้ไหม?”หย่งฟางที่กำลังจะเดินกลับไปยกของรอบที่ห้าชะงักไป แล้วหันมามอง “คุณหมายความว่า ย่าของคุณจะเหมาวัดเหรอ?”“ถ้าคิดแบบนั้นก็ได้” ชายหนุ่มตอบ “แค่วันขึ้น 15 ค่ำวันเดียว แต่เดือนหน้าอาจจะต้องขอปิดอีก ในวันขึ้น 1 ค่ำและ 15 ค่ำ ให้รับแค่คุณย่าผมเท่านั้น”หยู่ถังกับหนิวลี่สบตากันเงียบ ๆ วันขึ้น 1 ค่ำและ 15
ในตอนนี้แฮชแท็ก#หย่งฟางศาสตร์ลี้ลับ แฟนคลับและแอนตี้ต่างพากันเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ เกี่ยวกับศาสตร์ลี้ลับของหย่งฟางกันอย่างคึกคัก[หย่งฟางดูดีจริงๆ เสียดายจังที่เธอออกจากวงการไปแล้ว][หย่งฟางทำนายดวงได้แม่นมาก บอกสถานการณ์ตอนนี้ของฉันได้ตรงเป๊ะ คำแนะนำที่ให้มาก็ชัดเจนและมีเหตุผล][ไปวัดมาครึ่งวัน พอกลับถึงบ้านก็รู้สึกว่าวัดนี้ก็เหมือนวัดทั่วไปนะ ไม่ได้ลี้ลับเท่าไหร่ แต่ขอพรและรับยันต์มาแล้ว ลองรอดูผลก่อน แล้วจะมาเล่าให้ฟัง][กรี๊ดดด ดีใจมากที่ได้เจอหย่งฟาง][คนที่ไปช่วงบ่ายบอกว่า 55555 อดเจอหย่งฟางเพราะเธอมีธุระออกไป น่าอิจฉาคนที่ไปเช้าจริงๆ]@ยูซึฟองสบู่รีโพสต์:[ฉันก็ไปช่วงบ่ายเหมือนกันนะ แต่เจอหย่งฟางพอดี เธอกลับมาราวห้าโมง พวกเรารออยู่สิบกว่าคนก็ถือว่าคุ้มค่าเลย เธอน่ารักใจดีมาก แจกยันต์ให้ฟรี และยังบอกให
หลังจากทุกคนออกจากบ้านตระกูลลี้ ท้องฟ้ายามบ่ายสี่โมงยังคงร้อนอบอ้าวตามบรรยากาศฤดูร้อน หย่งฟางวางแผนจะนั่งรถเมล์กลับไปแถวภูเขาหลงหย่า แล้วค่อยเดินขึ้นเขาเองเพื่อไม่เป็นการรบกวนคุณนายฉู่ระหว่างที่เธอกำลังจะพูดออกมา เพื่อนในกลุ่มที่สวมแว่นกันแดดทรงกลมก็ถามขึ้น “อาจารย์หย่ง คุณจะกลับไปที่วัดใช่ไหม?”หย่งฟางพยักหน้าเล็กน้อย มองเขาอย่างสงสัย เพื่อนที่ใส่แว่นกันแดดยิ้มอย่างเข้าใจ ก่อนจะกางพัดในมือออก “ฉันแซ่ห่าว ชื่อห่าวจาวไฉ”จากนั้นคนอื่นๆ ก็แนะนำตัวตามมาชายในชุดคลุมสีเทาที่หลวมเล็กน้อยเหมือนจี้กง กำลังจัดเข็มขัดทองที่สีเริ่มหลุด “ฉันแซ่หว่าน ชื่อหว่านเจี้ยนเฉวียน ทุกคนเรียกว่าจินเหยาไต้ที่แปลว่าเข็มขัดทอง”ชายรูปร่างกลมเหมือนแพนด้า แม้แต่รอยคล้ำใต้ตาก็ดูกลมเช่นกัน “ไฉหยวนกุ่นกุ่น เรียกผมว่ากุ่นกุ่นก็พอ”อีกสองคน หย่งฟางก็พอจำชื่อเล่นได้ คนหนึ่ง
เฒ่ากัวมองเพื่อนในกลุ่มที่ได้รับข้อความในแชทกลุ่ม แล้วทำสัญญาณให้รอจนกว่าหย่งฟางจะมาถึง เพื่อนในกลุ่มพยักหน้าเข้าใจ และเริ่มสนทนาเกี่ยวกับการจัดวางฮวงจุ้ยของบ้านเพื่อฆ่าเวลาไปก่อน เฒ่ากัวขับรถมินิคูเปอร์คันโปรดออกไป เร่งเครื่องมุ่งหน้าไปยังเขาหลงหย่าเมื่อถึงจุดหมายเขาเบรกกระทันหัน ปิดเครื่องยนต์แล้วดึงกุญแจรถออก ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นเขาไป แม้รูปร่างของเขาจะดูอ้วน แต่ก็สามารถปีนขึ้นเขาได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวราวกับนก เมื่อถึงหน้าประตูวัดเสวียนเว่ย เฒ่ากัวหยุดหายใจ สบตากับป้ายแล้วเดินเข้าไป ทันทีที่หยู่ถังเห็นชายผู้มีลักษณะคล้ายนักบวชเดินเข้ามาเธอแทบตกใจ"หย่งฟาง ฉันต้องทำอย่างไรบ้าง?" เฒ่ากัวถามด้วยความรีบร้อนหย่งฟางหยิบหนังสือที่มีคำอธิบายการทำนายขึ้นมา "คุณรู้จักการทำนายไหม?"เฒ่ากัวพยักหน้า "ถ้ามีหนังสือก็ไม่มีปัญหา""ก็แค่ให้ผู้ที่มาไหว้เทียนจุดธูป และให้คำทำนายไปตามความต้องการ แต่ไม่ต้องให้พวกเขาทำนายกันเอง" หย่งฟางพูดอย
จนมาถึงวันเกิดของคนที่เกิดในเดือนธันวาคม ก็ผ่านช่วงเช้าไปหลายชั่วโมงแล้ว หย่งฟางสูดหายใจลึก พยายามอดทนต่อไปล่วงเลยมาถึงบ่ายโมง ผู้คนค่อยๆ หายไป เทุกคนเริ่มหิวโซและลงไปกินข้าวกันหมด ร้านอาหารรอบๆ ภูเขาหลงหย่าก็มีรายได้พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วยผลกระทบจากการเป็นอดีตดารามันไม่ใช่เรื่องเล็ก หย่งฟางรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะเธอดังขนาดนั้น จนแม้จะออกจากวงการแล้วก็ยังมีคนจำได้ ในช่วงที่ยังอยู่ในวงการ ก็ไม่เคยมีใครมารุมกันที่สนามบินขนาดนี้เลย ตอนที่เปิดประตูในตอนเช้ามีคนมารอเป็นร้อย แต่หลังจากนั้นก็ยังมีคนทยอยมาทีละคน ความสนใจในอาชีพใหม่ของหย่งฟางมันมากเหลือเกิน ยิ่งวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยผู้คนแห่กันมาจนแน่นขนัด หย่งฟางนอนแผ่อยู่บนเก้าอี้แขนขาเริ่มหย่อนลงข้างตัว เธอหิวเหมือนกันแต่ไม่เหลือแรงแล้ว แม้แต่จะเปิดอินเทอร์เน็ตไปดูว่า ทำไมถึงมีคนรู้จักที่ตั้งของวัดเสวียนเว่ยของเธอมากขนาดนี้ ก็ยังหมดแรงจะหยิบมือถือขึ้นมาดูช่างมันเถอะ! เธอไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย แล้วจะต้องกลัวอะไรล่ะ
เมื่อกระแสแฮชแท็กในโซเชียลทำให้วัดเสวียนเว่ยในเมืองถานจิงเริ่มบูม คนส่วนใหญ่เริ่มแห่กันไปค้นหาข้อมูลในแผนที่และออนไลน์ แต่ยังคงไม่มีข้อมูลมากนัก ทำให้มีการคาดเดาต่างๆ นานา แล้วทันใดนั้น ก็มีคนหนึ่งคิดออกว่า การค้นหาข้อมูลของหย่งฟางผ่านเว็บไซต์สมาคมเทียนซืออาจจะเป็นคำตอบที่ใช่! เมื่อค้นหาไปก็พบข้อมูลของหย่งฟางจริงๆ พร้อมภาพถ่ายติดบัตร ที่ทำให้หลายคนตื่นเต้นและประหลาดใจภาพหน้าบัตรของหย่งฟางที่อายุประมาณ 18-19 ปี แสดงให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอ และข้อมูลในเว็บไซต์ระบุว่าวัดที่เธอประจำอยู่คือ "วัดเสวียนเว่ย" บนภูเขาหลงหย่า เนื่องจากแทบไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับวัดนี้บนโลกออนไลน์ ดังนั้นจึงมีความลึกลับยิ่งทำให้ผู้คนต่างอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิมข่าวลือเรื่องการกลับมาของหย่งฟาง ในฐานะนักพรตหญิงแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว มีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ หลายคนพากันตั้งข้อสงสัย ผู้คนจึงอยากค้นหาและพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าศาสตร์ลึกลับของหย่งฟางนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่จนกระทั่งกระแสนี้เริ่มไ
หย่งฟางผลักประตูเข้าไป ก่อนจะก้มลงยกกล่องวางไว้ข้างใน “ไม่มีเวลา ถ้าคุณย่าของคุณจะมาจุดธูป แก้บน ดูดวง ก็เชิญมาเองได้เลย วัดเปิดเจ็ดโมงเช้าของทุกวัน”เธออดนึกไม่ถึงว่าต้องลำบากเพราะเขา จ่ายเงินซื้อธูปไปสิบดอกก็แล้ว ยังต้องยกของเข้ามาเองอีก ชายคนนั้นยิ้มแหยๆ เดินตามเข้ามาในศาลา“คุณย่าผมอยากมาไหว้ที่วัดด้วยตัวเอง ครอบครัวเลยอยากจัดงานเลี้ยงพบปะกัน และถือโอกาสมาคุยกับคุณเรื่องนี้ด้วย อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันขึ้น 15 ค่ำ อยากถามว่าคุณพอจะปิดวัด ไม่รับคนอื่นในวันนั้นได้ไหม?”หย่งฟางที่กำลังจะเดินกลับไปยกของรอบที่ห้าชะงักไป แล้วหันมามอง “คุณหมายความว่า ย่าของคุณจะเหมาวัดเหรอ?”“ถ้าคิดแบบนั้นก็ได้” ชายหนุ่มตอบ “แค่วันขึ้น 15 ค่ำวันเดียว แต่เดือนหน้าอาจจะต้องขอปิดอีก ในวันขึ้น 1 ค่ำและ 15 ค่ำ ให้รับแค่คุณย่าผมเท่านั้น”หยู่ถังกับหนิวลี่สบตากันเงียบ ๆ วันขึ้น 1 ค่ำและ 15
ไม่นานมานี้ในเมืองถานจิงเกิดเรื่องแปลกขึ้น ร้านค้าแบรนด์หรูกลับเงียบเหงา ร้านสปาก็ไม่มีคนเข้า ส่วนร้านกาแฟเล็กๆ ก็ขายไม่ดีนัก ตรงข้ามกับบริเวณเชิงเขาหลงหย่า ที่ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปอย่างคึกคัก รถหรูเรียงรายจนล้นถนน คุณนายร่ำรวยต่างมาทำบุญกันเป็นกลุ่มต่อเนื่องถึงเจ็ดวัน ส่งผลให้วัดเสวียนเว่ยคึกคักไปด้วยทั้งเจ้าของร้านและลูกค้าใหม่ๆถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สดใส หย่งฟางและท่านอาจารย์ไม่ได้โลภมาก ลูกค้าที่มาทำบุญต่างแวะเวียนกันมาอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ขอพร บ้างก็มาขอให้ความฝันเป็นจริง และคุณนายที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ จะปักหลักอยู่ในวัดตลอดทั้งวัน หากใครอยากให้หย่งฟางดูดวงเธอก็ยินดี แต่ถ้าใครไม่ต้องการ เธอก็จะนั่งพูดคุยกับเทพเจ้าแทน หรือระบายความในใจไปเรื่อยๆท่านอาจารย์ในฝันสั่งให้หย่งฟางซื้อเก้าอี้เพิ่มอีกสิบกว่าตัว เพื่อให้เหล่าคุณนายได้นั่งพักผ่อน พร้อมทั้งจัดโต๊ะชาและนำของที่ถวายแล้วมาให้พวกเธอได้กินเล่นขณะพูดคุยกัน ในตอนแรกเหล่าคุณนายลังเล “นี่...กินของถวายมันจะไม่ดีหรือ?”
หย่งฟางใช้เวลาทั้งวันทำนายดวงและดูแลแขกที่เข้ามาในวัดเสวียนเว่ยอย่างไม่หยุดพัก ขนาดน้ำสักหยดยังไม่ได้ดื่ม เครื่องหอมและเทียนที่เตรียมไว้เริ่มร่อยหรอจนเหลือเพียงหนึ่งในสาม ท่ามกลางความคึกคักนี้ เทพเจ้าประจำอารามดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำนายว่าทุกคนจะได้รับพร ยกเว้นเพียงบางคน รวมถึงคุณนายฉู่ ธูปของพวกเขาถูกทำนายอย่างเย็นชาา "ทำความดีเยอะ ๆ หน่อย"ไม่มีคำอวยพรหรือความสมหวังเหมือนคนอื่น ๆตลอดทั้งวันหย่งฟางแจกยันต์ตามความเหมาะสมกับแขกผู้มาเยือน เมื่อปิดประตูวัดตอนเย็น กลิ่นธูปยังอบอวลไปทั่วโบสถ์ หากท่านอาจารย์ยังอยู่ คงจะยิ้มไม่หุบที่เห็นบรรยากาศเช่นนี้ แต่แม้จะไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร หย่งฟางเริ่มรู้สึกว่างานในวันนี้มีอย่างบางผิดพลาด...ขณะมองไปรอบ ๆ วิหาร สายตาของหย่งฟางหยุดที่กล่องบริจาคเล็กๆ ที่มุมหนึ่ง คำสบถแทบจะหลุดออกมา! เธอลืมเก็บค่าดูดวง ค่าธูป และค่าทำนาย!"…" หย่งฟางแทบกระอักเลือดด้วยความเสียใจ แต่ก็ยังต้องไปเตรียมอาหารแม้วันนี้จะไม่ได้รับค่าบริการ ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่รับแขกเยอะขนาดนี้ คราวหน้าต้องไม่พลาดอีก เธอจัดเสิร์ฟอาหาร และเม
"คุณนายสวี่ คุณมาขอพรอะไรเหรอคะ?"คุณนายสวี่ยิ้มเล็กน้อย "ก็ขอให้ครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขค่ะ แล้วคุณนายหยวนล่ะ?" จริงๆ แล้วในใจเธอก็หวังให้ปัญหาระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้หมดไปด้วยคุณนายหยวนแอบกลอกตานิดๆ แต่ตอบยิ้มๆ "เหมือนกันเลยค่ะ" ที่จริงเธอขอให้ลูกชายหายป่วยไวๆพวกผู้ชายไม่ค่อยพูดเรื่องพวกนี้นัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนใจ ทุกคนต่างรู้กันดีและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แม้กระนั้นก็ยังเห็นได้ว่าพวกเขาสามัคคีกันในจุดนี้มากกว่าผู้หญิงเสียอีก แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์ขันแบบเสียดสีเมื่อเกือบหกโมงเช้า แสงอาทิตย์สีทองสาดแสงลอดผ่านเมฆลงมาอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นขึ้น พวกเขาเงยหน้ามองพระอาทิตย์ขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ราวกับลืมไปว่าความงามของช่วงเวลาธรรมดาๆ นี้เคยผ่านตาไปนานแล้วในขณะนั้น ทุกคนรู้สึกถึงความสงบสุขชั่วครู่ แต่แล้ว... กึก! เสียงประตูของวัดเปิดออกหย่งฟางที่กำลังขยี้ตาเด