ซ่งเสี่ยวฮุ่ยเห็นหย่งฟางยืนนิ่งอยู่หน้าประตู เธอจึงเอ่ยขึ้น "นี่คือห้องของลูกชายฉันค่ะ อาจารย์หย่งจะเข้าไปไหม?"
"เข้า" หย่งฟางพยักหน้าแล้วผลักประตูเข้าไป
ภายในห้องเป็นห้องของผู้ชายทั่วไป มีเตียงนอน หน้าต่างบานใหญ่ข้างๆ กับโซฟา โต๊ะเล็กๆ พรมปูพื้น ด้านขวามีอุปกรณ์เล่นเกม ส่วนข้างๆ เป็นห้องน้ำและห้องแต่งตัว
ไม่มีอะไรผิดปกติ
แม้แต่ในห้องนี้ ไอความอัปมงคลก็ยังลอยละล่องอยู่ ไม่ได้กระจายมาจากจุดใดจุดหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสิ่งใด แสดงว่าในบ้านไม่ได้มีสิ่งไม่ดีใดๆ ไอความอัปมงคลเหล่านี้ถู กนำเข้ามาจากภายนอก และยังคงค้างอยู่ในบ้านไม่ได้สลายไปไหน
และห้องนี้เป็นห้องที่ไอดำสิงสถิต ดังนั้นมันจึงกระจายออกมาจากที่นี่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ หย่งฟางก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องค้นห้อง เธอหันกลับไปและเตรียมจะออกไป แต่แล้วก็เห็นหนิวลี่ชี้ไปที่จุดหนึ่ง และหัวเราะเยาะซ่งเสี่ยวฮุ่ย
"ลูกชายของคุณยังเด็กอยู่เหรอ คนอื่นในวัยนี้ก็เริ่มแขวนภาพวาดศิลปะกันแล้ว แต่เขากลับแขวนภาพการ์ตูนผู้หญิงไว้แทน" หย่งฟางหันไปมอง เห็นเป็นภาพวาดสไตล์อนิเมะ ของหญิงสาวผมสีชมพู ในชุดกระโปรงพองโตที่หรูหรา ไม่ได้มีอะไรพิเศษนัก
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยก็รู้สึกกระดากใจเล็กน้อย เธอจึงอธิบายแทนลูกชาย "นี่เป็นภาพที่เขาวาดเองตั้งแต่ตอนประถม มันมีความหมายพิเศษสำหรับเขามาก"
"งั้นเหรอ" หนิวลี่หยุดหัวเราะและปิดปากเงียบ เมื่อซ่งเสี่ยวฮุ่ยอธิบายเช่นนั้น
จากการที่ถูกหยอกล้อ เหล่าคุณนายก็เริ่มผ่อนคลายขึ้น แต่ทันใดนั้นหย่งฟางก็รู้สึกว่ามีลมเย็นๆ ผ่านมาที่ใบหน้า เธอรู้สึกเย็นวาบไปถึงหลัง รีบหันไปแล้วผลักทั้งสามคนไปทางขวา สามคนล้มลงไปบนเตียง และเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้อง พวกเธอถึงรู้ตัวว่าเมื่อครู่ชายคนนั้นยืนอยู่ข้างหลัง
"ต้วนโจว!"
"ต้วนโจว?"
เมื่อเห็นชายหนุ่มชัดเจนแล้ว ซ่งเสี่ยวฮุ่ยและอีกสองคนก็ร้องขึ้นพร้อมกัน ขณะที่หย่งฟางก็เอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วย แต่เสียงของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายแรกเต็มไปด้วยความตำหนิ ขณะที่ฝ่ายหลังเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ
"หย่งฟาง?" ต้วนโจวเกาหัวเล็กน้อย แสดงท่าทีตกใจ แต่ไม่นานก็ควบคุมอารมณ์ และแสดงท่าทีหงุดหงิดออกมา
เขาดูเหนื่อยล้ามาก หย่งฟางจ้องมองเขา ไอความอัปมงคลแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ใบหน้าซีดเซียว แก้มและเบ้าตาลึกลงไป และที่หน้าผาก รอบดวงตา และปากก็มีสีดำปกคลุม
"พวกคุณรู้จักกันเหรอ?" หนิวลี่ถาม
ต้วนโจวตอบกลับอย่างไม่พอใจ "พวกคุณไม่รู้เหรอ? เธอเคยเป็นนักแสดงในบริษัทของผม"
"เสี่ยวฮุ่ย ทำไมเธอไม่เคยบอก?" หนิวลี่ถามด้วยความตกใจ
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยไม่ได้รู้เรื่องนี้จริงๆ เธอไม่เคยสนใจธุรกิจของครอบครัวต้วน และไม่เคยรู้ว่าบริษัทของลูกชายมีนักแสดงคนไหนบ้าง
หย่งฟางก็ไม่คิดว่าลูกชายที่น่าสงสารของซ่งเสี่ยวฮุ่ย ซึ่งโดนไอความอัปมงคลแทรกซึม จนแม้แต่จิตวิญญาณก็ยังมองไม่เห็น จะเป็นอดีตเจ้านายผู้โหดร้ายของเธอ
หนิวลี่ยังคงตกใจอยู่ "และอีกอย่าง บ้านเธอเซ็นสัญญากับอาจารย์หย่งแล้ว แต่กลับปล่อยไปแบบนี้ เสียดายมากเลยนะ"
"อาจารย์หย่ง? คุณออกจากวงการแล้วหันมาทำสิ่งนี้เหรอ?" ต้วนโจวพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสีขณะมองหย่งฟาง
เธอไม่ตอบ แต่ยังคงจ้องมองเขา พยายามเพ่งไปที่วิญญาณที่เกาะหลังเขาอยู่
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยถามขึ้น "ทำไมลูกถึงกลับมาที่นี่กะทันหัน?"
"อยู่ที่บริษัทไม่สบายใจ" ต้วนโจวมองไปที่ซ่งเสี่ยวฮุ่ย "แม่ พาคนมาที่ห้องผมทำไม?"
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยไม่ทันคิดคำแก้ตัว หนิวลี่จึงเข้ามาช่วย "มาชื่นชมภาพวาดของเธอ...?"
ต้วนโจวมองไปที่ภาพวาดของหญิงสาวที่ มีลายเส้นน่ารักและไร้เดียงสา แล้วก็ยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในวันนี้ "สวยไหม?"
หนิวลี่กำลังจะพูดชมภาพวาดอย่างสุภาพ แต่ทันใดนั้น หย่งฟางก็ชักดาบไม้ท้อออกมา แล้วพุ่งแทงไปที่ภาพวาดนั้นทันที ต้วนโจวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ และรีบวิ่งเข้าไปกันไว้ ดาบไม้ท้อแทงเข้าไปที่หลังของเขา แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับหย่งฟาง โดยยังคงกางแขนออกปกป้องภาพวาด
"หย่งฟาง คุณบ้าไปแล้วเหรอ?! นี่มันเป็นการทำลายทรัพย์สินส่วนตัวของฉัน!" ต้วนโจวพูดจบก็รู้สึกคอแห้ง ต้องกลืนน้ำลายหลายครั้ง
แค่การวิ่งสี่ห้าก้าวกลับทำให้เขาเหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกหนาวไปทั้งตัว
"จริงเหรอ?" หย่งฟางพูดขณะยกดาบขึ้น แล้วแทงไปที่คอมพิวเตอร์เกม
ต้วนโจวไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
หย่งฟางหัวเราะ "คุณต้วน สนิทกับผู้หญิงคนนั้นมากขนาดนี้เลยเหรอ?"
สามสาวที่ยืนดู อยู่ไม่เข้าใจคำพูดของหย่งฟาง
ต้วนโจวหน้าเปลี่ยนสี และหันไปตะคอกใส่มารดา "แม่พาคนพวกนี้ออกไปเดี๋ยวนี้เลน!!"
"น่าเสียดายที่มันเป็นของปลอม" หย่งฟางไม่สนใจอารมณ์ของต้วนโจว แล้วหันไปถามซ่งเสี่ยวฮุ่ย "แฟนของเขาชื่ออะไร?"
"เฉิงเสี่ยวหยู เธอชื่อเฉิงเสี่ยวหยู"
"เฉิงเสี่ยวหยู ออกมาได้แล้ว"
หย่งฟางใช้นิ้วกัดให้เลือดออก ก่อนจะกดลงที่หน้าผากของต้วนโจว ในขณะที่เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง จุดสีแดงบนหน้าผากทำให้ต้วนโจวรู้สึกแสบร้อนจนต้องเบ้หน้า เขาก้มตัวลงร้องเสียงดัง พยายามยกมือขึ้นมาเช็ด แต่ก็ถูกหย่งฟางจับมือไว้แน่น ตอนนี้เขาอ่อนแอมาก จนแม้แต่แรงของเด็กผู้หญิงก็ยังเอาชนะเขาได้ หย่งฟางรอจนเห็นเงาดำค่อยๆ ถูกบังคับให้แยกออกจากหลังของต้วนโจว ฃเธอจึงปล่อยมือ
ต้วนโจวรีบเช็ดเลือดที่หน้าผากออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นว่าคุณนายทั้งสาม กำลังชี้ไปที่ด้านหลังของเขาและมีสีหน้าตื่นตะลึง
ต้วนโจวหันไปมอง
หญิงสาวในภาพวาดที่เหมือนกับตัวการ์ตูน ปรากฏตัวขึ้นจริงๆ ผมสีชมพู สวมกระโปรงพองโตสีม่วงลายลูกไม้ หญิงสาวกุมหน้าอกและนั่งยองๆ บนพื้น รอบๆ มีแสงดาวของการ์ตูน ส่องประกายอยู่ราวกับเป็นภาพเสมือนจริง เธอปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งห้า
คุณนายทั้งสามรู้สึกตกตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตา
ส่วนต้วนโจวนั้นกลับดีใจอย่างยิ่ง "ยูโจวกงจิ่น! ที่แท้ฉันก็สามารถเห็นเธอ ในโลกแห่งความจริงได้! ฉันรู้อยู่แล้ว! เธอมีตัวตนจริงๆ! หย่งฟาง คุณเป็นอาจารย์จริงๆ ด้วย! คุณสามารถทำให้เธอออกมาได้ตลอดเวลาหรือเปล่า?"
คุณนายทั้งสามพูดพร้อมกันทันที "อะไรนะ?
ต้วนโจวดีใจจนเหมือนเด็กอายุสามขวบ
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยนึกขึ้นได้จึงเล่าให้ฟัง "ดูเหมือนว่าภาพวาดนี้ จะเป็นตัวละครที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ไม่ใช่จากการ์ตูนเรื่องไหน เขาตั้งชื่อว่ายูโจวกงจิ่น"
หย่งฟางอึ้ง "…"
การที่ได้รู้ว่าเจ้านายเก่า ผู้ชอบพูดจาหยาบคายมีมุมแบบนี้ มันก็ไม่ต่างจากการรู้ว่าเ ขาใส่กางเกงในลายชินจังใต้ชุดสูทเลย แม้ว่าการยกเลิกสัญญาจะเป็นไปด้วยดี แต่หย่งฟางก็ยังต้องจ่ายค่าชดเชยการยกเลิกสัญญา 2 ล้านหยวน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ยังต้องมาช่วยเจ้านายเก่าอีก ทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก
หย่งฟางวางดาบไม้ท้อไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ พลางพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์ "เฉิงเสี่ยวหยู จะออกมาดีๆ หรือจะให้ฉันบังคับ?"
ยูโจวกงจิ่นรีบวิ่งไปหลบหลังต้วนโจว มือสองข้างโอบแขนของเขาไว้ด้วยท่าทางที่ไม่ปลอดภัย และมองหย่งฟางด้วยสายตาอ้อนวอน มันเป็นเหมือนฉาก ที่นางเอกในการ์ตูนโดนตัวร้ายกลั่นแกล้ง
หย่งฟางคิดในใจ แฟนเก่านอกวงการของต้วนโจว เล่นบทได้ดีกว่าเธออีก
เธอถอนหายใจลึกๆ แล้วหยิบกระดาษยันต์สี่แผ่นออกมาจากกระเป๋าผ้า สอดกระดาษยันต์ระหว่างสองนิ้วและคลี่เบาๆ จนแผ่นยันต์กางออกเป็นรูปพัด
จากนั้นเธอจึงเริ่มท่องคาถาอย่างรวดเร็ว "ขังวิญญาณร้าย จับวิญญาณร้าย อัญเชิญมาปกป้อง"
แผ่นยันต์ทั้งสี่แผ่นลอยไปติดที่ผนังทั้งสี่ด้าน แสงสีทองปรากฏขึ้น เชื่อมต่อกันเป็นกรงขัง โดยไม่ให้ใครได้มีเวลาตตั้งตัว หย่งฟางก็ชูดาบไม้ท้อขึ้นและฟันไปหนึ่งครั้ง
โลกกลมเสียจริง อยู่ๆ จับพลัดจับผลูมาเจอเจ้านายได้
ว่าแค่คนที่ถูกอาจารย์ดูดวงให้ ส่วนใหญ่จะเคราะห์ร้ายทั้งสิ้น 555555
ยูโจวกงจิ่นยกส้นเท้าขึ้นหลบการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด ต้วนโจวโกรธจัดถึงกับสบถออกมา พร้อมกับถามหย่งฟางว่าคิดจะทำอะไร หย่งฟางไม่ตอบ แต่ยังคงวิ่งไล่ยูโจวกงจิ่นด้วยดาบไม้ท้อ หวังจะฟันให้กลับคืนสู่ร่างเดิม ยูโจวกงจิ่นทั้งร้องไห้และปล่อยน้ำตารูปดาวการ์ตูนกระจายไปทั่วห้อง ในขณะเดียวกันก็วิ่งหนีไปด้วยห้องถูกปิดผนึกด้วยแผ่นยันต์ จึงหนีออกไปที่อื่นไม่ได้ ทำได้แค่วิ่งวนอยู่ในห้อง หย่งฟางวิ่งไล่ตามพร้อมดาบในมือ ราวกับตัวร้ายจากการ์ตูนที่กำลังรังแกนางเอก ต้วนโจวก็พยายามขัดขวางตลอดเวลา ดาบไม้ท้อฟันแก้วแตกและแทงทะลุหมอนความวุ่นวายทำให้ทุกอย่างพังพินาศเหล่าคุณนายมองน้ำตาของยูโจวกงจิ่น ที่กระจายไปทั่วห้องจนไม่กล้าเพิ่มปัญหาให้อีก ได้แต่นั่งขดตัวอยู่ที่ปลายเตียง มองดูการต่อสู้กับตัวการ์ตูนฉากนี้...เป็นการทลายความเชื่อเก่าๆ อย่างสิ้นเชิง หย่งฟางไล่ฟันไม่ถึงสิบรอบ ในที่สุดก็มีโอกาส เหยียดดาบออกพร้อมจะฟันลงไป“ต้วนโจวช่วยด้วย!!!&
“ฉันกำลังทำความดีลงโทษความชั่วอยู่ไม่ใช่เหรอ? ลูกชายของคุณทำร้ายความรู้สึกคนอื่นมากมายขนาดนี้ ไม่สมควรตายหรือไง?! แล้วไงล่ะ? มีลูกชายที่คบผู้หญิงแปดคนพร้อมกัน ภูมิใจมากใช่ไหม? นี่มันปี2024 แล้วนะ ยังมีแม่ที่คิดว่าลูกชายตัวเองเป็นสมบัติ ใครคบกับเขาก็ถือว่าโชคดี ช่างน่าสงสารจริงๆ ทั้งชีวิตต้องหมุนรอบลูกชายที่ไม่มีดีอะไรเลย เป็นโชคชะตาของคุณแล้วล่ะ"ซ่งเสี่ยวฮุ่ยโกรธจนหูร้อน หัวใจพลุ่งพล่าน รีบตอบโต้ทันที ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทะเลาะกับผีผู้หญิง ทั้งสองด่ากันไปมา แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ หยูถิงและหนิวลี่ต่างไม่กล้าหายใจแรง ประหลาดใจที่ซ่งเสี่ยวฮุ่ยกล้าทะเลาะกับผีขณะนั้นต้วนโจวยังคงร้องไห้เพื่อภรรยาการ์ตูนของเขา ส่วนหย่งฟางมองไปที่ดาบไม้ที่หักอยู่ในมือ ถอนหายใจเฮือกใหญ่เก็บดาบสองท่อนใส่ถุงผ้า"ไม่เป็นไร ไว้ค่อยหาช่างฝีมือดีๆ มาซ่อมก็ได้" หย่งฟางนั่งลงบนเก้าอี้เกมมิ่งแล้วกล่าวเบาๆ "คุณเสี่ยวฮุ่ย พอเถอะ"หย่งฟางหันไปถามผีสาวที่นั่งกอดเข่าอยู่มุมห้
ซ่งเสี่ยวฮุ่ยรีบพยุงลูกชายขึ้นไปนอนบนเตียง ทันใดนั้น วิญญาณผีชุดดำและวิญญาณชุดขาวลอยผ่านหน้าต่างเข้ามา สามคุณนายสะดุ้งตกใจ แต่ผีทั้งสองไม่ได้สนใจพวกหล่อน พวกเขามองไปที่กองน้ำสีดำและหนอนสกปรกบนพื้น ก่อนจะชี้ไปที่เฉิงเสี่ยวอวี่และถามหย่งฟางว่า“หนอนสกปรกพวกนี้เกิดจากหล่อนหรือเปล่า?”“ไม่ใช่ค่ะ คนคนนี้แค่โชคร้าย ไม่รู้ไปโดนสิ่งสกปรกจากไหนมา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเลย” หย่งฟางตอบพร้อมรอยยิ้มจางๆ เธอตอบคำถามอย่างฉับไวโดยไม่ต้องคิดมากคุณนายทั้งสามได้แต่นิ่งเงียบ ซ่งเสี่ยวฮุ่ยก็ไม่กล้าพูดอะไร ท่านอาจารย์หย่งฟางบอกว่าไม่ใช่ ก็ต้องไม่ใช่แน่ๆ ลูกชายของเธอรอดกลับมาได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว เธอยังต้องขอบคุณหย่งฟางอีกมากผีชุดดำและผีชุดขาวไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะพวกเขารู้จักหย่งฟางตั้งแต่เธออายุแปดขวบ ตอนที่เริ่มเรียนรู้วิชาอัญเชิญวิญญาณ แม้ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา พวกเขาจะเจอเธอเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ดูเหมือนว่า
หย่งฟางรู้สึกตกใจอยู่บ้าง "แค่ล้มเล็กน้อย คิดว่าจะทำให้กลัวได้หรือไง!"หญิงสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้าห้องน้ำ คราวนี้เธอระมัดระวังตัวมาก เดินช้าๆ เพื่อไม่ให้ล้มหรือลื่นกระทันหัน บีบยาสีฟันก็ทำอย่างรอบคอบ ทุกขั้นตอนเป็นไปอย่างพิถีพิถัน จนกระทั่งเช็ดหน้าเสร็จเรียบร้อย หย่งฟางจึงยิ้มอย่างมั่นใจเมื่อเห็นภาพตัวเองในกระจก‘บรรพบุรุษเก่งกาจอะไรกัน ก็แค่นั้นแหละ’ทันใดนั้นกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น หย่งฟางเดาว่าอาหารเช้าที่สั่งไว้คงมาถึงแล้ว จึงรีบไปเปิดประตู พนักงานบริการห้องพักยกถาดอาหารเข้ามาอย่างเรียบร้อย เมื่อเปิดฝาครอบ เห็นขนมไส้หมูที่ชอบจึงหยิบขึ้นมากัดทันที แต่แล้วก็รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมภายในขนม เธอขมวดคิ้ว พนักงานรีบส่งกระดาษทิชชูให้ หย่งฟางคายสิ่งที่อยู่ในปากออกมาดู พบว่ามีเศษหินเล็กๆ ปนอยู่ในขนมพนักงานตกใจมาก “ขอโทษค่ะคุณหย่ง เราจะนำจานนี้ออกไป ดิฉันจะรายงานให้ผู้จัดการและทางครัวทราบทันที คุณลองทานอย่างอื่นก่อนนะคะ
แต่สิ่งที่ไม่เคยรู้คือ ทุกครั้งที่เพื่อนของเธอพาสุนัขไปเดินเล่น ไม่เคยเก็บอุจจาระของมันเลย หล่อนรำคาญขนสุนัขที่ร่วงเต็มบ้าน จนต้องคอยทำความสะอาดอยู่เสมอ และยังเกลียดเสียงเห่าของมันอีกด้วย โอ้ และครั้งหนึ่งเคยหัวเราะเยาะสุนัขต่อหน้าเพื่อน บอกว่ามันก็แค่สุนัขพันธุ์ทาง นอกจากนี้ สุนัขยังทำลายชุดเครื่องสำอางจนเสียหาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หล่อนตัดสินใจขายมันทิ้ง แต่กลับโกหกว่าสุนัขวิ่งหนีไปเองหญิงสาวฟังแล้วนิ่งอึ้ง เพราะทุกอย่างที่ได้ยินเป็นความจริง เพื่อนของเธอทำงานด้านสื่อออนไลน์ มักจะอยู่บ้านในช่วงกลางวัน และเป็นคนทำความสะอาดบ้านเอง ตอนที่รับเสวี่ยเหมยเนียงมาเลี้ยงใหม่ๆ หล่อนเคยหัวเราะเยาะมันว่าเป็นแค่หมาพันธุ์ธรรมดาเช่นกัน แต่เมื่อได้ยินหย่งฟางพูดถึงเรื่องเครื่องสำอาง หญิงสาวถึงกับตกตะลึง "คุณรู้ได้ยังไง..."ตอนที่หล่อนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง คุยกันผ่านวีแชท ในตอนนั้นเพื่อนของเธอกำลังทำงานอยู่ แม้เธอจะรีบขอโทษ แต่เพื่อนก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธ พูดแค่เพียง "ไม่เป็นไรๆ" สุดท้ายเธอก็ชดเชยค่าเครื่องสำอางให้และพาไปเลี้ยง
"ทำไมคนสวยอย่างเธอถึงอยากทำอาชีพนี้ล่ะ? ฉันบอกเลยว่า พวกเราหากินกันไม่ง่ายนะ ถ้าเธอคิดได้ก็เปลี่ยนอาชีพเถอะ" หมอเฒ่าพูดด้วยความจริงใจ เพราะหย่งฟางไม่ได้เป็นคู่แข่งแย่งลูกค้าของพวกเขาเลย เพราะเธอไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียวหย่งฟางตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "เกรงว่าคงเปลี่ยนไม่ได้แล้วค่ะ อาจารย์ของฉันบอกว่า ฉันเกิดมาเพื่อทำอาชีพนี้"เสียงหัวเราะของเหล่าหมอดูดังขึ้นรอบตัว "ฮ่าๆ"วันถัดมาเมืองถานจิงเจอพายุฝนแรกของฤดูร้อน ตกหนักตลอดทั้งวันจนท้องฟ้าดูมืดครึ้มราวกับเป็นเวลาพลบค่ำ หย่งฟางขอยืมร่มจากพนักงานต้อนรับ เดินฝ่าฝนไปประมาณสามสิบนาที จนถึงใต้สะพานลอยที่เธอมักมานั่งประจำ แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย พื้นใต้สะพานยังคงแห้งสนิท เธอจึงเก็บร่มแล้วหาที่สะอาดๆ นั่งขัดสมาธิลงกับพื้นนั่งอยู่นานไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่จนกระทั่งเสียงเรียกทำให้เธอได้สติกลับมา มองออกไปข้างนอกท้องฟ
เฒ่ากัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่หย่งฟางยินดีจะคบค้าสมาคมกับคนอย่างเขา แม้ว่าจะรู้สึกได้ว่าหญิงสาวผู้นี้แตกต่างจากพวกเขามาก แต่ก็หัวเราะอย่างสดใสและกล่าวตอบ"ดี งั้นไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์กัว เรียกเฒ่ากัวก็พอแล้ว"หลังจากเพิ่มกันเป็นเพื่อนแล้ว เฒ่ากัวก็ถามต่อ “พวกเรามีกลุ่มแชตของพวกที่ตั้งแผงใต้สะพานลอย เธออยากเข้ามาในกลุ่มไหม?”หย่งฟางพยักหน้า "แต่ฉันคงจะมาแค่ไม่กี่วันนะคะ ศาลเจ้าของฉันกำลังจะเปิดให้คนมาขอพรแล้ว"“ไม่เป็นไร วันไหนที่เธอว่างก็คุยเล่นในกลุ่มได้” เฒ่ากัวตอบพลางกดโทรศัพท์หย่งฟางมองหัวโล้นๆ ที่สะท้อนแสงของเขาและอดถามไม่ได้ “คุณบวชเป็นพระหรือคะ?”“เปล่าหรอก เข้าวัยกลางคนแล้วมันก็ล้านแบบนี้แหละ” เฒ่ากัวโบกแขนเสื้อที่คล้ายจีวรไปมา “เสื้อนี่ก็แค่เอาไว้หลอกคนเท่านั้น ซื้อมาจากออนไลน์ แค่สิบเก้าหยวนเก้าสิบเหมาเอง”
เมื่อหย่งฟางลงจากรถก็รู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่สะดวกทันที เธอไวต่อพลังงานที่ไม่ดี และมันมักแสดงอาการออกมาทางร่างกายแย่มาก แย่เกินไปแล้ว...โดยปกติคนสร้างบ้านเองยังต้องเลือกที่ดินที่มีฮวงจุ้ยดีๆ แล้วบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โตแบบนี้จะทำพลาดเรื่องนี้ได้อย่างไร?"พวกคุณทำงานในธุรกิจนี้ ตอนเลือกที่ดินไม่คิดจะให้ใครมาดูดวง หรือฮวงจุ้ยหน่อยหรือคะ?" หย่งฟางถามอย่างตรงไปตรงมา "ถ้าไม่ดูก็อย่างน้อยควรจะทำพิธีบวงสรวงก่อนเริ่มงาน หรือหลังงานก่อสร้างเสร็จสิ้นนะคะ"ถึงแม้เธอจะไม่เคยรับงานแบบนี้มาก่อน แต่ก็รู้ว่ามีธรรมเนียมเกี่ยวกับการสร้างบ้านและตึก ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ในธุรกิจนี้ที่สืบต่อกันมา ต่อให้บรรดาเจ้าของบริษัทไม่เชื่อ ก็ยังปฏิบัติตามเพราะเหตุผลที่คนรุ่นก่อนทำไว้ถังถิงจูไม่ใช่คนดูแลเรื่องเหล่านี้ คนที่ดูแลคือถังเฟยเฮ่อถังเฟยเฮ่อตอบอย่างตกใจ "อาจารย์หย่ง
ในตอนนี้แฮชแท็ก#หย่งฟางศาสตร์ลี้ลับ แฟนคลับและแอนตี้ต่างพากันเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ เกี่ยวกับศาสตร์ลี้ลับของหย่งฟางกันอย่างคึกคัก[หย่งฟางดูดีจริงๆ เสียดายจังที่เธอออกจากวงการไปแล้ว][หย่งฟางทำนายดวงได้แม่นมาก บอกสถานการณ์ตอนนี้ของฉันได้ตรงเป๊ะ คำแนะนำที่ให้มาก็ชัดเจนและมีเหตุผล][ไปวัดมาครึ่งวัน พอกลับถึงบ้านก็รู้สึกว่าวัดนี้ก็เหมือนวัดทั่วไปนะ ไม่ได้ลี้ลับเท่าไหร่ แต่ขอพรและรับยันต์มาแล้ว ลองรอดูผลก่อน แล้วจะมาเล่าให้ฟัง][กรี๊ดดด ดีใจมากที่ได้เจอหย่งฟาง][คนที่ไปช่วงบ่ายบอกว่า 55555 อดเจอหย่งฟางเพราะเธอมีธุระออกไป น่าอิจฉาคนที่ไปเช้าจริงๆ]@ยูซึฟองสบู่รีโพสต์:[ฉันก็ไปช่วงบ่ายเหมือนกันนะ แต่เจอหย่งฟางพอดี เธอกลับมาราวห้าโมง พวกเรารออยู่สิบกว่าคนก็ถือว่าคุ้มค่าเลย เธอน่ารักใจดีมาก แจกยันต์ให้ฟรี และยังบอกให
หลังจากทุกคนออกจากบ้านตระกูลลี้ ท้องฟ้ายามบ่ายสี่โมงยังคงร้อนอบอ้าวตามบรรยากาศฤดูร้อน หย่งฟางวางแผนจะนั่งรถเมล์กลับไปแถวภูเขาหลงหย่า แล้วค่อยเดินขึ้นเขาเองเพื่อไม่เป็นการรบกวนคุณนายฉู่ระหว่างที่เธอกำลังจะพูดออกมา เพื่อนในกลุ่มที่สวมแว่นกันแดดทรงกลมก็ถามขึ้น “อาจารย์หย่ง คุณจะกลับไปที่วัดใช่ไหม?”หย่งฟางพยักหน้าเล็กน้อย มองเขาอย่างสงสัย เพื่อนที่ใส่แว่นกันแดดยิ้มอย่างเข้าใจ ก่อนจะกางพัดในมือออก “ฉันแซ่ห่าว ชื่อห่าวจาวไฉ”จากนั้นคนอื่นๆ ก็แนะนำตัวตามมาชายในชุดคลุมสีเทาที่หลวมเล็กน้อยเหมือนจี้กง กำลังจัดเข็มขัดทองที่สีเริ่มหลุด “ฉันแซ่หว่าน ชื่อหว่านเจี้ยนเฉวียน ทุกคนเรียกว่าจินเหยาไต้ที่แปลว่าเข็มขัดทอง”ชายรูปร่างกลมเหมือนแพนด้า แม้แต่รอยคล้ำใต้ตาก็ดูกลมเช่นกัน “ไฉหยวนกุ่นกุ่น เรียกผมว่ากุ่นกุ่นก็พอ”อีกสองคน หย่งฟางก็พอจำชื่อเล่นได้ คนหนึ่ง
เฒ่ากัวมองเพื่อนในกลุ่มที่ได้รับข้อความในแชทกลุ่ม แล้วทำสัญญาณให้รอจนกว่าหย่งฟางจะมาถึง เพื่อนในกลุ่มพยักหน้าเข้าใจ และเริ่มสนทนาเกี่ยวกับการจัดวางฮวงจุ้ยของบ้านเพื่อฆ่าเวลาไปก่อน เฒ่ากัวขับรถมินิคูเปอร์คันโปรดออกไป เร่งเครื่องมุ่งหน้าไปยังเขาหลงหย่าเมื่อถึงจุดหมายเขาเบรกกระทันหัน ปิดเครื่องยนต์แล้วดึงกุญแจรถออก ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นเขาไป แม้รูปร่างของเขาจะดูอ้วน แต่ก็สามารถปีนขึ้นเขาได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวราวกับนก เมื่อถึงหน้าประตูวัดเสวียนเว่ย เฒ่ากัวหยุดหายใจ สบตากับป้ายแล้วเดินเข้าไป ทันทีที่หยู่ถังเห็นชายผู้มีลักษณะคล้ายนักบวชเดินเข้ามาเธอแทบตกใจ"หย่งฟาง ฉันต้องทำอย่างไรบ้าง?" เฒ่ากัวถามด้วยความรีบร้อนหย่งฟางหยิบหนังสือที่มีคำอธิบายการทำนายขึ้นมา "คุณรู้จักการทำนายไหม?"เฒ่ากัวพยักหน้า "ถ้ามีหนังสือก็ไม่มีปัญหา""ก็แค่ให้ผู้ที่มาไหว้เทียนจุดธูป และให้คำทำนายไปตามความต้องการ แต่ไม่ต้องให้พวกเขาทำนายกันเอง" หย่งฟางพูดอย
จนมาถึงวันเกิดของคนที่เกิดในเดือนธันวาคม ก็ผ่านช่วงเช้าไปหลายชั่วโมงแล้ว หย่งฟางสูดหายใจลึก พยายามอดทนต่อไปล่วงเลยมาถึงบ่ายโมง ผู้คนค่อยๆ หายไป เทุกคนเริ่มหิวโซและลงไปกินข้าวกันหมด ร้านอาหารรอบๆ ภูเขาหลงหย่าก็มีรายได้พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วยผลกระทบจากการเป็นอดีตดารามันไม่ใช่เรื่องเล็ก หย่งฟางรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะเธอดังขนาดนั้น จนแม้จะออกจากวงการแล้วก็ยังมีคนจำได้ ในช่วงที่ยังอยู่ในวงการ ก็ไม่เคยมีใครมารุมกันที่สนามบินขนาดนี้เลย ตอนที่เปิดประตูในตอนเช้ามีคนมารอเป็นร้อย แต่หลังจากนั้นก็ยังมีคนทยอยมาทีละคน ความสนใจในอาชีพใหม่ของหย่งฟางมันมากเหลือเกิน ยิ่งวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยผู้คนแห่กันมาจนแน่นขนัด หย่งฟางนอนแผ่อยู่บนเก้าอี้แขนขาเริ่มหย่อนลงข้างตัว เธอหิวเหมือนกันแต่ไม่เหลือแรงแล้ว แม้แต่จะเปิดอินเทอร์เน็ตไปดูว่า ทำไมถึงมีคนรู้จักที่ตั้งของวัดเสวียนเว่ยของเธอมากขนาดนี้ ก็ยังหมดแรงจะหยิบมือถือขึ้นมาดูช่างมันเถอะ! เธอไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย แล้วจะต้องกลัวอะไรล่ะ
เมื่อกระแสแฮชแท็กในโซเชียลทำให้วัดเสวียนเว่ยในเมืองถานจิงเริ่มบูม คนส่วนใหญ่เริ่มแห่กันไปค้นหาข้อมูลในแผนที่และออนไลน์ แต่ยังคงไม่มีข้อมูลมากนัก ทำให้มีการคาดเดาต่างๆ นานา แล้วทันใดนั้น ก็มีคนหนึ่งคิดออกว่า การค้นหาข้อมูลของหย่งฟางผ่านเว็บไซต์สมาคมเทียนซืออาจจะเป็นคำตอบที่ใช่! เมื่อค้นหาไปก็พบข้อมูลของหย่งฟางจริงๆ พร้อมภาพถ่ายติดบัตร ที่ทำให้หลายคนตื่นเต้นและประหลาดใจภาพหน้าบัตรของหย่งฟางที่อายุประมาณ 18-19 ปี แสดงให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอ และข้อมูลในเว็บไซต์ระบุว่าวัดที่เธอประจำอยู่คือ "วัดเสวียนเว่ย" บนภูเขาหลงหย่า เนื่องจากแทบไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับวัดนี้บนโลกออนไลน์ ดังนั้นจึงมีความลึกลับยิ่งทำให้ผู้คนต่างอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิมข่าวลือเรื่องการกลับมาของหย่งฟาง ในฐานะนักพรตหญิงแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว มีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ หลายคนพากันตั้งข้อสงสัย ผู้คนจึงอยากค้นหาและพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าศาสตร์ลึกลับของหย่งฟางนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่จนกระทั่งกระแสนี้เริ่มไ
หย่งฟางผลักประตูเข้าไป ก่อนจะก้มลงยกกล่องวางไว้ข้างใน “ไม่มีเวลา ถ้าคุณย่าของคุณจะมาจุดธูป แก้บน ดูดวง ก็เชิญมาเองได้เลย วัดเปิดเจ็ดโมงเช้าของทุกวัน”เธออดนึกไม่ถึงว่าต้องลำบากเพราะเขา จ่ายเงินซื้อธูปไปสิบดอกก็แล้ว ยังต้องยกของเข้ามาเองอีก ชายคนนั้นยิ้มแหยๆ เดินตามเข้ามาในศาลา“คุณย่าผมอยากมาไหว้ที่วัดด้วยตัวเอง ครอบครัวเลยอยากจัดงานเลี้ยงพบปะกัน และถือโอกาสมาคุยกับคุณเรื่องนี้ด้วย อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันขึ้น 15 ค่ำ อยากถามว่าคุณพอจะปิดวัด ไม่รับคนอื่นในวันนั้นได้ไหม?”หย่งฟางที่กำลังจะเดินกลับไปยกของรอบที่ห้าชะงักไป แล้วหันมามอง “คุณหมายความว่า ย่าของคุณจะเหมาวัดเหรอ?”“ถ้าคิดแบบนั้นก็ได้” ชายหนุ่มตอบ “แค่วันขึ้น 15 ค่ำวันเดียว แต่เดือนหน้าอาจจะต้องขอปิดอีก ในวันขึ้น 1 ค่ำและ 15 ค่ำ ให้รับแค่คุณย่าผมเท่านั้น”หยู่ถังกับหนิวลี่สบตากันเงียบ ๆ วันขึ้น 1 ค่ำและ 15
ไม่นานมานี้ในเมืองถานจิงเกิดเรื่องแปลกขึ้น ร้านค้าแบรนด์หรูกลับเงียบเหงา ร้านสปาก็ไม่มีคนเข้า ส่วนร้านกาแฟเล็กๆ ก็ขายไม่ดีนัก ตรงข้ามกับบริเวณเชิงเขาหลงหย่า ที่ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปอย่างคึกคัก รถหรูเรียงรายจนล้นถนน คุณนายร่ำรวยต่างมาทำบุญกันเป็นกลุ่มต่อเนื่องถึงเจ็ดวัน ส่งผลให้วัดเสวียนเว่ยคึกคักไปด้วยทั้งเจ้าของร้านและลูกค้าใหม่ๆถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สดใส หย่งฟางและท่านอาจารย์ไม่ได้โลภมาก ลูกค้าที่มาทำบุญต่างแวะเวียนกันมาอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ขอพร บ้างก็มาขอให้ความฝันเป็นจริง และคุณนายที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ จะปักหลักอยู่ในวัดตลอดทั้งวัน หากใครอยากให้หย่งฟางดูดวงเธอก็ยินดี แต่ถ้าใครไม่ต้องการ เธอก็จะนั่งพูดคุยกับเทพเจ้าแทน หรือระบายความในใจไปเรื่อยๆท่านอาจารย์ในฝันสั่งให้หย่งฟางซื้อเก้าอี้เพิ่มอีกสิบกว่าตัว เพื่อให้เหล่าคุณนายได้นั่งพักผ่อน พร้อมทั้งจัดโต๊ะชาและนำของที่ถวายแล้วมาให้พวกเธอได้กินเล่นขณะพูดคุยกัน ในตอนแรกเหล่าคุณนายลังเล “นี่...กินของถวายมันจะไม่ดีหรือ?”
หย่งฟางใช้เวลาทั้งวันทำนายดวงและดูแลแขกที่เข้ามาในวัดเสวียนเว่ยอย่างไม่หยุดพัก ขนาดน้ำสักหยดยังไม่ได้ดื่ม เครื่องหอมและเทียนที่เตรียมไว้เริ่มร่อยหรอจนเหลือเพียงหนึ่งในสาม ท่ามกลางความคึกคักนี้ เทพเจ้าประจำอารามดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำนายว่าทุกคนจะได้รับพร ยกเว้นเพียงบางคน รวมถึงคุณนายฉู่ ธูปของพวกเขาถูกทำนายอย่างเย็นชาา "ทำความดีเยอะ ๆ หน่อย"ไม่มีคำอวยพรหรือความสมหวังเหมือนคนอื่น ๆตลอดทั้งวันหย่งฟางแจกยันต์ตามความเหมาะสมกับแขกผู้มาเยือน เมื่อปิดประตูวัดตอนเย็น กลิ่นธูปยังอบอวลไปทั่วโบสถ์ หากท่านอาจารย์ยังอยู่ คงจะยิ้มไม่หุบที่เห็นบรรยากาศเช่นนี้ แต่แม้จะไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร หย่งฟางเริ่มรู้สึกว่างานในวันนี้มีอย่างบางผิดพลาด...ขณะมองไปรอบ ๆ วิหาร สายตาของหย่งฟางหยุดที่กล่องบริจาคเล็กๆ ที่มุมหนึ่ง คำสบถแทบจะหลุดออกมา! เธอลืมเก็บค่าดูดวง ค่าธูป และค่าทำนาย!"…" หย่งฟางแทบกระอักเลือดด้วยความเสียใจ แต่ก็ยังต้องไปเตรียมอาหารแม้วันนี้จะไม่ได้รับค่าบริการ ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่รับแขกเยอะขนาดนี้ คราวหน้าต้องไม่พลาดอีก เธอจัดเสิร์ฟอาหาร และเม
"คุณนายสวี่ คุณมาขอพรอะไรเหรอคะ?"คุณนายสวี่ยิ้มเล็กน้อย "ก็ขอให้ครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขค่ะ แล้วคุณนายหยวนล่ะ?" จริงๆ แล้วในใจเธอก็หวังให้ปัญหาระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้หมดไปด้วยคุณนายหยวนแอบกลอกตานิดๆ แต่ตอบยิ้มๆ "เหมือนกันเลยค่ะ" ที่จริงเธอขอให้ลูกชายหายป่วยไวๆพวกผู้ชายไม่ค่อยพูดเรื่องพวกนี้นัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนใจ ทุกคนต่างรู้กันดีและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แม้กระนั้นก็ยังเห็นได้ว่าพวกเขาสามัคคีกันในจุดนี้มากกว่าผู้หญิงเสียอีก แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์ขันแบบเสียดสีเมื่อเกือบหกโมงเช้า แสงอาทิตย์สีทองสาดแสงลอดผ่านเมฆลงมาอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นขึ้น พวกเขาเงยหน้ามองพระอาทิตย์ขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ราวกับลืมไปว่าความงามของช่วงเวลาธรรมดาๆ นี้เคยผ่านตาไปนานแล้วในขณะนั้น ทุกคนรู้สึกถึงความสงบสุขชั่วครู่ แต่แล้ว... กึก! เสียงประตูของวัดเปิดออกหย่งฟางที่กำลังขยี้ตาเด