เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอาย ของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่
หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบาก
หย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้าง
ในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพราะเสียงดัง เธอไม่มีอะไรทำ จึงตัดสินใจลงเขาไปยังตลาดในเมืองใกล้ๆ เพื่อซื้อของ
เมื่อเรียบร้อยแล้วก่อนกลับวัด เธอผ่านสวนสาธารณะเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้เฒ่าผู้แก่กำลังออกกำลังกาย เล่นหมากรุก เล่นไพ่ และพาเด็กๆ มาเดินเล่น ทำให้มีร้านขายของเล็กๆ มาเปิดแผงขายกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็นตัดผมราคาสามหยวน ร้านทำเล็บ ทำความสะอาดหู และแม้กระทั่งแผงรับทำนายดวงชะตา
หย่งฟางเข้าไปดูที่แผงเหล่านั้น แต่พบว่าเป็นของปลอม เธอจึงช่วยผู้เฒ่าผู้แก่ที่เกือบจะถูกหลอกเอาเงิน เจ้าของแผงโกรธมากหาว่าเธอมาทำลายชื่อเสียงของเขา และเริ่มมีเรื่องชกต่อยกัน
หย่งฟางเอาชนะเจ้าของแผงได้อย่างง่ายดาย ความเสียหายเพียงอย่างเดียว คือไข่สองฟองที่แตก แต่ไข่สองฟองนี่นะ! สามารถทำซุปได้ถ้วยใหญ่เลยทีเดียว แม้ว่าเธอจะไม่รู้วิธีทำก็ตาม ทว่าโชคดีที่เธอไม่ได้สวมชุดนักพรตออกมาวัด ไม่อย่างนั้นคงมีคนมาตามล้างแค้นเป็นแน่
เช้าวันนี้หย่งฟางตื่นขึ้น พร้อมกับเสียงการก่อสร้างที่ดังตามเวลาเจ็ดโมงเช้า เธอนั่งล้างหน้าอยู่หน้าศาลเจ้า หลังจากบ้วนฟองยาสีฟันเสร็จ เธอวางแปรงสีฟันและถ้วยน้ำลง และเดินเข้าครัวเล็กๆ เพื่อเตรียมทำอาหารเช้าให้ตัวเอง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ครัวที่ถูกควันจากเตาไฟทำให้ดำสนิทอยู่แล้วก็ยิ่งดำขึ้นไปอีก ควันไฟพวยพุ่งออกมาจากประตู หย่งฟางไอโขลกๆ แล้ววิ่งออกมาพร้อมกับโบกมือไล่ควัน
“อาจารย์หย่ง?” เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้น
หย่งฟางหันไปมอง เห็นว่ามีคนสองคนยืนอยู่ตรงนั้น เป็นคุณนายฉู่และลูกชายของหล่อนฉู่เหยียน สตรีสูงวัยเคยบ่นเรื่องการขึ้นเขาในการมาเยือนครั้งแรก ตอนนี้ใส่ชุดออกกำลังกายและรองเท้าสำหรับขึ้นเขา ถือของขวัญหลายถุง เช่นธูปและน้ำมันหอมมาด้วย
เมื่อคุณนายฉู่เห็นใบหน้าของหย่งฟาง ที่ถูกเขม่าถ่านทำให้เปรอะเปื้อน หล่อนจึงถามอย่างลังเล “อาจารย์หย่ง คุณกำลังจะทำอาหารหรือ?”
หย่งฟางพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
คุณนายฉู่จึงนึกย้อนกลับไปตอนที่เจอกันครั้งแรก ตอนนั้นหย่งฟางกำลังตวงเครื่องปรุง...การมาครั้งนี้เป็นเพราะลูกชายคะยั้นคะยอ คุณนายฉู่ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แม้ว่าจะเคยขอโทษไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถบังคับให้หย่งฟางให้อภัยได้ ภาพลักษณ์ที่สร้างไว้ในสายตาของหย่งฟางคงยังแย่อยู่มาก
แต่เมื่อเห็นสภาพของเธอในตอนนี้...สุดท้ายก็เลิกกังวลใจ และยื่นของขวัญทั้งหมดให้ลูกชาย ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้น “อยากกินอะไร? ฉันทำเอง”
“คุณทำเป็นด้วยเหรอ?” หย่งฟางถาม
คุณนายฉู่ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ เพราะคนทั่วไปมักจะมองว่า บรรดาภรรยาของคนรวย จะทำเพียงการเสริมสวย เล่นไพ่ ช้อปปิ้ง และสนุกกับชีวิต โดยเชื่อว่าพวกเธอไม่เคยจับต้อง สิ่งที่เกี่ยวกับครัวเรือนอย่างการทำอาหาร
“อาจารย์หย่ง บางครั้งการทำอาหาร ก็เป็นการผ่อนคลายของพวกภรรยาคนรวยอย่างเรา” คุณนายฉู่อธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่หย่งฟางจับความหมายของการประชดประชันนั้นได้
“อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม?”
“แพนเค้กต้นหอมไข่ ต้องกรอบมากๆ นะ” หย่งฟางรีบตอบอย่างไม่เกรงใจ
หลังจากนั้นเพียงแปดนาที แพนเค้กต้นหอมไข่สิบแผ่น ที่หอมกรุ่นก็ถูกนำออกมา หย่งฟางกัดคำแรกก็เกือบจะร้องไห้ออกมา มันกรอบมาก หอมมาก และอร่อยมาก ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ไม่ต้องพูดถึงว่าเธออยู่ในวัด แต่รวมแล้วนอกจากมื้อที่บ้านตระกูลฉู่ในวันนั้น แทบไม่ได้กินอาหารที่เหมือนอาหารจริงๆ เลย ดีมาก คุณนายฉู่!
ฉันขอประกาศว่าไม่เกลียดคุณแล้ว! ฉันจะยกย่องคุณเป็นแม่ครัวหลวงของจักรวรรดิ!
แต่จะทำอย่างไรให้คุณนายฉู่มาที่วัดบ่อยๆ ได้ล่ะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาก่อนมื้ออาหาร?
คุณนายฉู่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางลังเลเล็กน้อยของหย่งฟาง เพราะกำลังนึกถึงคำพูดที่เคยพูดตอนที่ดูถูกไว้ครั้งก่อน และรู้สึกอึดอัดใจ จึงพยายามหาทางแก้ไข “การขึ้นมาบนนี้ทำให้รู้สึกต่างจากเดิมนะ อากาศบนภูเขานี้สดชื่นจริงๆ ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีพลังงานดี วัดนี้ก็ดูพิเศษมาก พวกเราเพิ่งเห็นคนกำลังซ่อมทางขึ้นภูเขา หากซ่อมเสร็จแล้ว น่าจะมีคนมาขึ้นมาที่นี่เพื่อไหว้เทพเจ้าเยอะขึ้นแน่ๆ”
หย่งฟางพยักหน้า “ใช่ คุณก็มาบ่อยๆ ได้นะ”
ต้องมาบ่อยๆ! โดยเฉพาะก่อนมื้ออาหาร!!
ฉู่เหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่เข้าใจบรรยากาศ ระหว่างผู้หญิงสองคนที่มีความคิดแตกต่างกัน “คุณแม่ต้องการจะบอกว่าขอบคุณคุณน่ะ ผมเองก็มาขอบคุณด้วย”
แม้ว่าจะเคยมอบค่าตอบแทนไปแล้ว แต่การแสดงความขอบคุณด้วยตัวเองนั้น เป็นเรื่องของความจริงใจและการมีมารยาท ฉู่เหยียนยิ้มอย่างสดใสและดูมีพลังมากขึ้น ดวงตารูปทรงเมล็ดอัลมอนด์ของเขา ดูมีเสน่ห์และมีความลึกซึ้ง แต่ในสายตาของหย่งฟาง ฉู่เหยียนก็ยังคงเป็น ‘ไก่แจ้สีแดง’
ฉู่เหยียนมองหย่งฟางด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพูดคุยกันมากนัก แต่ก็มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกันแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขายกของขวัญในมือขึ้นเล็กน้อย
“ทั้งหมดนี้เป็นของคุณ ให้วางไว้ที่ไหน?”
“เอาไปวางไว้ในวิหารหลัก เพื่อเอาไว้บูชาให้เทพเจ้า” หย่งฟางพูดขณะที่เคี้ยวแพนเค้กต้นหอม แม้ว่าเธอจะไม่ชอบคนในตระกูลฉู่ แต่ฉู่เหยียนดูเหมือนจะเป็นคนปกติ เมื่อเทียบกับพ่อของเขา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธ หรือเกลียดชังเขาไปด้วย
หย่งฟางเป็นคนที่มีเหตุผล และไม่ได้ตัดสินคนเพียงเพราะความเกลียดชัง เธอรู้จักการแยกแยะสถานการณ์ได้ดี ความจริงก็คือ ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
คุณนายฉู่รู้สึกกังวลและพูดอย่างกระตือรือร้น “มีหนึ่งกล่องที่เป็นน้ำนมพีช มันดีต่อผู้หญิงมาก!”
“เทพเจ้าของเราท่านไม่จู้จี้จุกจิก บางทีท่านอาจจะชอบดื่มน้ำนมพีชก็ได้นะ” แต่ถ้ามันอร่อยจริงๆ เธออาจจะแอบดื่มเอง
คุณนายฉู่เดินไปรอบๆ วิหาร และมองดูบริเวณนั้น “หลังคาดูเหมือนจะเป็นกระเบื้องใหม่ แต่ถ้าเป็นกระเบื้องเคลือบแบบหลิวลี่ มันจะดูเปล่งประกายมากกว่าไหม?”
หย่งฟางตอบ “เพิ่งเปลี่ยนมาไม่นาน คุณนายฉู่ไม่ต้องลำบาก”
“อืม แล้วก็มีแค่ศาลาเดียวเหรอ ดูไม่ค่อยโอ่อ่ามาก ถ้าเพิ่มศาลาอื่นๆ เพื่อบูชาเทพเพิ่งบ้างดีไหม? ฉันเห็นหลายวัดมีเทพองค์อื่นๆ ด้วย”
“ไม่ต้อง เทพเจ้าของเราชอบความสงบ”
“โอเค แต่ผนังนี้มันลอกแล้วซ่อมได้นะ?” พูดจบคุณนายฉู่มองไปรอบๆ ภายในวิหาร “หย่งฟาง ให้ฉันซ่อมวิหารดีไหม?”
หย่งฟางหันไปมองภายในวิหารที่เต็มไปด้วยไม้เก่าแก่ และนอกจากแท่นบูชาที่เธอจัดเตรียมไว้ดีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงมีสภาพแบบเมื่อสามสิบปีก่อน
“ขอบคุณคุณนายฉู่มาก” หย่งฟางคิดว่าเมื่อซ่อมหลังคาและทางขึ้นภูเขาแล้ว ก็ไม่มีปัญหาที่จะซ่อมภายในวิหารด้วย จะได้ไม่ต้องมาปิดวิหารเพื่อซ่อมอีกในภายหลัง และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอนั้น ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้เงินของตัวเอง ทำให้กระปุกออมสินเล็กๆ ของเธอยังคงอยู่ครบ!
“แล้วทำเทวรูปทองคำด้วยดีไหม?”
คุณนายฉู่ถามขณะที่ยืนอยู่ห่างๆ วิหาร มองไปที่รูปปั้นเทพเจ้า
คุณนายสายเปย์! ดูเหมือนหย่งฟางได้สาวกมาหนึ่งคนแล้ววววว
ขอแจ้งสักนิด สำหรับเรื่องนี้เป็นแนวชีวิตประจำวัน ปราบผี 5555 เกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับเน้ออ
หากไม่ชอบแนวนี้ข้ามผ่านได้เลยค้าบบบ
รถของตระกูลฉู่จอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลซ่ง หย่งฟางลงจากรถแล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากข้างทาง ก่อนจะเดินมาที่หน้าประตูบ้าน เธอท่องคาถาอย่างรวดเร็ว“ขออัญเชิญท่านเทพแห่งห้องสุขา ผู้ที่เชื่อมต่อสวรรค์และโลก สามารถผ่านเข้าออกในโลกมนุษย์และโลกแห่งความตายได้”เมื่อเธอทิ่มกิ่งไม้ลงกับพื้นเมื่อท่องคาถาเสร็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใสและชัดเจน “ขออัญเชิญ!” ทันใดนั้นใบไม้และฝุ่นบนพื้นถูกลมหมุนพัดขึ้นมาสิบวินาทีต่อมาลมสงบลง และหมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กๆ ที่โค้งงอหลังของมันออกมาจากหมอกสีขาว พร้อมกับไม้เท้าในมือ ปรากฏร่างพร้อมรอยยิ้มเป็นเทพเทพแห่งห้องสุขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่านมองหย่งฟางด้วยดวงตาที่เป็นมิตร “เจ้าหย่งฟางน้อย”“ขอคารวะท่านเทพ” หย่งฟางก้มโค้งคำนับอย่างเคารพ“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก ข้าเป็นแค่เทพเล็กๆ ได้รับธูปและกระดาษเงินกระดาษทองจ
เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจคุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ18K ก็พอแล้ว”“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ?
คุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวลแต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใครเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”เทพเจ้า?!คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขาหย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร
หลังจากที่ดูควันธูปให้คุณนายสี่คนติดต่อกัน หย่งฟางที่เพิ่งตื่นจากการนอนก็รู้สึกง่วงอีกครั้ง ตั้งแต่จำความได้เมื่อสิบปีก่อนก็มีคนมาน้อยมาก หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย ปกติเธอกับลุงก็มักจะจุดธูปเองและตีความควันกันเอง ไม่เคยลองดูให้คนเยอะขนาดนี้มาก่อน เลยเพิ่งรู้ว่าคำพูดของอาจารย์ใหญ่เป็นสูตรตายตัวใช่แล้ว ที่ว่า “คุณเป็นแขกคนที่…ในรอบสิบปี เทพเจ้าจำคุณได้ จะคอยปกป้องคุ้มครองคุณ” นั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แต่งเรื่องเพื่อให้คนรู้สึกสบายใจ หย่งฟางรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายบริการลูกค้าของเว็บขายของออนไลน์ เน้นพูดตามแพทเทิร์นก็ซื้อใจลูกค้าได้!การพูดแบบนี้น่าจะดึงดูดใจลูกค้าได้มั้ง? หย่งฟางยังคงสงสัย เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก และไม่รู้ว่าในอนาคตจะทำให้เธอมีชื่อเสียงจากการทำนายจนคาดไม่ถึงสุดท้ายคุณนายคนที่ห้าก็เข้ามาในห้องหย่งฟางพิจารณาควันธูป และพบว่ามีสองก้านที่ขาดจากกัน จึงกวาดตาไปที่ควันธูปของคุณนายสี่คนก่อนห
นี่มัน...อาจารย์มีตาทิพย์จริงๆทางด้านหลิวซานซานหลังจากหย่งฟางทำนายว่าลูกชายของเธอได้พบกับรักแท้แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นจึงไปซื้อวัตถุดิบเพื่อเตรียมทำอาหารไปให้ลูกชายที่คอนโดหรู เพราะต้องการสอบถามว่าเรื่องที่อาจารย์หย่งบอกเป็นความจริงหรือไม่หลิวซานซานถือถุงผักสด เนื้อสัตว์ และของสดใหม่สามสี่ถุงเข้าไปในคอนโด เมื่อใส่รหัสผ่านประตูแล้วเปิดเข้าไป เธอก็เห็นชายสองคนที่ไม่มีเสื้อผ้านั่งอยู่บนโซฟา“…”สุดท้ายชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น “แม่ ถ้าผมบอกว่าเรากำลังออกกำลังกาย แม่จะเชื่อไหม?”หลิวซานซานขว้างไข่ไก่สดจำนวนหนึ่งไปที่ลูกชาย “เธอคิดว่าแม่จะเชื่อรึเปล่าล่ะ?!”ไข่กระจัดกระจาย ลูกชายร้องไห้ขอความเมตตา หลิวซานซานฟังลูกชายร้องไห้ระบายความอึดอัดใจ เรื่องการค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์ในช่วงวัยรุ่น และเล่าถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกัน เธอค่อยๆ สงบลง ช่างเถอะ! เป็นแม่คนแล้ว
[วันที่ 19 มิถุนายน ปี 20XX, เป็นวันที่ 53 ที่หย่งฟางลาออกจากวงการ, อากาศแจ่มใส, วงการบันเทิงเงียบสงบ][หรือฉันคิดไปเอง? หลังจากหย่งฟางจากไป วงการบันเทิงไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอีกเลย][มั่นใจได้เลยว่า ไม่ได้คิดไปเองแน่]กิตติศัพท์เมื่อตอนที่หย่งฟางยังอยู่ในวงการ เธอเสมือนระเบิดปรมณูไปที่ไหนวาดวอดที่นั่น การประกวดเลือกตัวนักแสดง ก็ไปเรื่องกับแฟนคลับจนบ้านแตก ไปที่กองถ่ายพระเอกมีปัญหาเสพสารเสพติดจนโดนจับ ไปเข้ารายการวาไรตี้ แขกรับเชิญประจำก็จะโดนข้อหาหลบเลี่ยงภาษีจนโดนแบน แม้ว่าจะไม่ชอบหย่งฟางแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในการปั่นป่วนความสงบในวงการบันเทิงเธอเปรียบเสมือนระเบิด ไปที่ไหนก็เกิดเรื่องที่นั่น! แฟนคลับบางคนเรียกเธอว่า “ยมทูตประจำวงการบันเทิง” และแฟนๆ บางส่วนถึงกับคร่ำครวญขออย่าให้เธอมาเฉียดบ้านหรือเข้าใกล้ครอบครัว เพราะกลัวจะถูกความโชคร้ายของหย่งฟางติดตัวแต่ในตอนนี้ทุกคนรู้สึกเหงาหงอยนิดหน่อย เพราะแม้แต่คำว่า “ตัวระเบิดของวงการ” ในเว่ยป๋อก็ไม่ปรากฏขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่หย่งฟางออกจากวงการบันเทิง[ขาดหย่งฟางไป ความสนุกก็หายไปด้วย][ฉันเริ่มคิดถึงเธอแล้ว]
ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าโชคลาภที่ท่านอาจารย์และเทพเจ้าให้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ก่อนทำอาหาร เธอเพิ่งจะขอพรให้ร่ำรวยเพื่อมาซ่อมถนนบนเขา แต่ทันทีที่ตวงเกลือเสร็จ ก็มีคนมาช่วยเติมเต็มเงินสองพันล้านที่พ่อบังเกิดเกล้าของเธอทำพลาดไปคงจะรวยมากสินะ งั้นช่วยฉันหน่อยแล้วกัน เธอคิดอย่างไม่เกรงใจทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่รู้ตัวเลย ยังคงถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงสูงศักดิ์เอ่ยเตือนเธอ “รู้จักให้ความร่วมมือหน่อย! ถ้าได้เป็นสะใภ้รองของบ้านตระกูลฉู่ ชีวิตเธอมีอนาคตกว่านี้แน่!” พูดจบก็เหลือบมองบ้านเก่าที่ทรุดโทรมด้วยสายตาดูแคลนหัวหน้าคนรับใช้ก็พูดขึ้นมาอย่างเสแสร้งเช่นกัน “คุณหนูหย่ง ถ้าคุณได้แต่งงานกับคุณชายรองของเรา และได้เป็นสะใภ้รอง ในอนาคตอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของตระกูลฉู่จะเป็นของคุณ ถ้าคุณอยากกลับไปสู่วงการบันเทิง เราก็มีทุนที่จะสนับสนุนคุณได้”“ถ้ายอมร่วมมือ ก็ลงเขาไปกับพวกเรา แต่ถ้าเธอไม่ยอม...” หญิงสูงศักดิ์หยุดคำพูดไว้ ทำให้ความหมายของคำข่มขู่ชัดเจนขึ้น“ตกลง ฉันไป” หย่งฟางยกนิ้วขึ้นตอบตกลงทั้งสามคนยิ้มพร้อมกัน ก็รู้อยู่ว่าตระกูลฉู่มีอำนาจมากมายขนาดไหน หย่งฟ
บ้านตระกูลฉู่นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งและกดดัน เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกติดต่อกันหลายวัน สวนสไตล์จีนภายนอกบ้านจึงถูกปกคลุมด้วยความมืดมน ถึงแม้ว่าหย่งฟางจะไม่สามารถรู้สถานการณ์จริงได้ แต่เมื่อเห็นความผิดปกติต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอคิดไม่ออกเลยว่าจะมีเหตุผลใด นอกจากการแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดไม่ใช่ว่าท่านบรรพบุรุษจะส่งเธอมาที่นี่เพื่อแต่งงานจริงๆ หรอกนะ?! เมื่อวิธีการปกติไม่สามารถทำให้ออกไปได้ เธอจึงต้องหาทางออกที่แปลกใหม่ ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะช่วยได้ไม่มาก แต่ก็สามารถช่วยให้พอจะเข้าใจสถานการณ์ และเตรียมตัวรับมือได้ ยังดีกว่าทำไปโดยไม่รู้อะไรเลยหย่งฟางตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และเมื่อเธอกำลังจะลงมือทำ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากทางประตู จึงหันหน้าไปมองและเห็นเด็กสาวสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันเป๊ะยืนอยู่ตรงนั้น สองตาของพวกเธอเป็นประกายขึ้นมา “คุณคือ…หย่งฟางใช่ไหม?!!”เด็กสาวสองคนรีบวิ่งเข้ามาหาหย่งฟาง มองเธอใกล้ๆ ซ้ำไปซ้ำมา “พี่สาว นี่คือหย่งฟางจริงๆ”“พวกเราเป็นน้องสะใภ้ของพี่! ที่แท้ก็เป็นหย่งฟางที่หายตัวไป หลังออกจากวงการบันเทิง!”“แทบไม่อยากเชื่อเลย!”ฉู่เสี่ยวเฉียวและฉู่เสี่ยวจินพูดค
นี่มัน...อาจารย์มีตาทิพย์จริงๆทางด้านหลิวซานซานหลังจากหย่งฟางทำนายว่าลูกชายของเธอได้พบกับรักแท้แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นจึงไปซื้อวัตถุดิบเพื่อเตรียมทำอาหารไปให้ลูกชายที่คอนโดหรู เพราะต้องการสอบถามว่าเรื่องที่อาจารย์หย่งบอกเป็นความจริงหรือไม่หลิวซานซานถือถุงผักสด เนื้อสัตว์ และของสดใหม่สามสี่ถุงเข้าไปในคอนโด เมื่อใส่รหัสผ่านประตูแล้วเปิดเข้าไป เธอก็เห็นชายสองคนที่ไม่มีเสื้อผ้านั่งอยู่บนโซฟา“…”สุดท้ายชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น “แม่ ถ้าผมบอกว่าเรากำลังออกกำลังกาย แม่จะเชื่อไหม?”หลิวซานซานขว้างไข่ไก่สดจำนวนหนึ่งไปที่ลูกชาย “เธอคิดว่าแม่จะเชื่อรึเปล่าล่ะ?!”ไข่กระจัดกระจาย ลูกชายร้องไห้ขอความเมตตา หลิวซานซานฟังลูกชายร้องไห้ระบายความอึดอัดใจ เรื่องการค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์ในช่วงวัยรุ่น และเล่าถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกัน เธอค่อยๆ สงบลง ช่างเถอะ! เป็นแม่คนแล้ว
หลังจากที่ดูควันธูปให้คุณนายสี่คนติดต่อกัน หย่งฟางที่เพิ่งตื่นจากการนอนก็รู้สึกง่วงอีกครั้ง ตั้งแต่จำความได้เมื่อสิบปีก่อนก็มีคนมาน้อยมาก หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย ปกติเธอกับลุงก็มักจะจุดธูปเองและตีความควันกันเอง ไม่เคยลองดูให้คนเยอะขนาดนี้มาก่อน เลยเพิ่งรู้ว่าคำพูดของอาจารย์ใหญ่เป็นสูตรตายตัวใช่แล้ว ที่ว่า “คุณเป็นแขกคนที่…ในรอบสิบปี เทพเจ้าจำคุณได้ จะคอยปกป้องคุ้มครองคุณ” นั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แต่งเรื่องเพื่อให้คนรู้สึกสบายใจ หย่งฟางรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายบริการลูกค้าของเว็บขายของออนไลน์ เน้นพูดตามแพทเทิร์นก็ซื้อใจลูกค้าได้!การพูดแบบนี้น่าจะดึงดูดใจลูกค้าได้มั้ง? หย่งฟางยังคงสงสัย เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก และไม่รู้ว่าในอนาคตจะทำให้เธอมีชื่อเสียงจากการทำนายจนคาดไม่ถึงสุดท้ายคุณนายคนที่ห้าก็เข้ามาในห้องหย่งฟางพิจารณาควันธูป และพบว่ามีสองก้านที่ขาดจากกัน จึงกวาดตาไปที่ควันธูปของคุณนายสี่คนก่อนห
คุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวลแต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใครเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”เทพเจ้า?!คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขาหย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร
เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจคุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ18K ก็พอแล้ว”“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ?
รถของตระกูลฉู่จอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลซ่ง หย่งฟางลงจากรถแล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากข้างทาง ก่อนจะเดินมาที่หน้าประตูบ้าน เธอท่องคาถาอย่างรวดเร็ว“ขออัญเชิญท่านเทพแห่งห้องสุขา ผู้ที่เชื่อมต่อสวรรค์และโลก สามารถผ่านเข้าออกในโลกมนุษย์และโลกแห่งความตายได้”เมื่อเธอทิ่มกิ่งไม้ลงกับพื้นเมื่อท่องคาถาเสร็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใสและชัดเจน “ขออัญเชิญ!” ทันใดนั้นใบไม้และฝุ่นบนพื้นถูกลมหมุนพัดขึ้นมาสิบวินาทีต่อมาลมสงบลง และหมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กๆ ที่โค้งงอหลังของมันออกมาจากหมอกสีขาว พร้อมกับไม้เท้าในมือ ปรากฏร่างพร้อมรอยยิ้มเป็นเทพเทพแห่งห้องสุขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่านมองหย่งฟางด้วยดวงตาที่เป็นมิตร “เจ้าหย่งฟางน้อย”“ขอคารวะท่านเทพ” หย่งฟางก้มโค้งคำนับอย่างเคารพ“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก ข้าเป็นแค่เทพเล็กๆ ได้รับธูปและกระดาษเงินกระดาษทองจ
เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอายของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบากหย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้างในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพ
หลินตงน้ำตาคลอเบ้า มองไปที่หย่งฟางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความวิงวอน แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาเคยทำสิ่งไม่ดี จึงไม่มีสิทธิ์ขอร้องใคร อีกทั้งเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะให้หย่งฟางแต่ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาด จนทำให้ไม่สามารถพูดคุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายได้ เขาก็ยังคงต้องการขอโอกาส ที่จะให้เธอได้เกิดใหม่ในฐานะที่ดีกว่าเดิมในภพหน้า“ฉันไม่ได้ใจแข็งเหมือนคุณ ที่แม้แต่ลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็ยังกล้าทำร้ายได้” หย่งฟางพูดขึ้นเธอทำพิธีส่งดวงวิญญาณ ซึ่งปกติจะเรียกให้ยมทูตมารับไป แต่ครั้งนี้กลัวว่าอาจจะไม่ทันเวลา เธอจึงเปิดประตูนรกขึ้นมาเอง แล้วผลักดันวิญญาณของหลินเหมียนเข้าไปประตูนรกสีฟ้าเข้มหายไปในทันทีหย่งฟางหันไปบอกกับคุณนายฉู่ “ตอนนี้คุณก็คงรู้แล้ว ว่าลูกชายของคุณมีผีสองตนสิงอยู่ แต่เป็นเพราะหลินเหมียนพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ เขาถึงยังรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่อีกไม่นาน ถ้าคืนนี้ผ่านไป ฉู่เหยียนก็จะไม่รอดแล้ว” ดังนั้นที่พวกคุณเรียกฉันมาทำพิธีแก้เคล็ดนี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ฉู่เหยียนก็ไม่มีทางรอด ทางเลือกของพวกคุณคือ จะให้เขาตายไปพร้อมกับภรรยาที่เป็นผีหรือให้เขาโสดไปชีวิต ฉันพูดอย
วิญญาณสาวกรีดร้อง ขูดกรงเล็บยาวกว่าครึ่งเมตร พร้อมกับไล่มองตั้งแต่หย่งฟาง ไปยังพ่อบ้านหลินและฉู่หมิงถิง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา "ที่นี่ใครแซ่ฉู่! สมควรตาย!!"เคร้ง!เสียงดาบที่ทำจากเหรียญจักรพรรดิทั้งห้า กั้นกรงเล็บคมของวิญญาณอาฆาตได้อย่างแม่นยำ เมื่อเล็บยาวแหลมสัมผัสกับดาบนั้นก็เกิดประกายไฟ พร้อมกับเสียงซู่ซ่าของควันสีดำ และกลิ่นไหม้ที่เหม็นคลุ้งไปทั่ว ผีสาวหันกลับมามองหย่งฟางด้วยความโกรธ ผมยาวของหล่อนสยายชี้ขึ้นไปในอากาศ กรงเล็บพุ่งเข้ามาและฉีกเสื้อคลุมเจ้าสาวที่บริเวณไหล่หย่งฟางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมของเธอถูกฉีกขาด แต่ร่างกายไม่เป็นอะไร หญิงสาวควักยันต์หลายแผ่นจากแขนเสื้อออกมาและโยกไปเบื้องหน้า แผ่นยันต์ที่ควรจะตกกระจัดกระจาย ตอนนี้กลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง"พยัคฆ์ทองสยบภูตผีวิญญาณนับพันไม่อาจหลบหลีกได้ ไป!" หย่งฟางเปลี่ยนท่ามือและสุดท้ายชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสือทองคำในตำนานก็ปรากฏขึ้น เสียงคำรามของมันดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งตรงไปหาวิญญาณอาฆาต ถูกกดดันจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร เมื่อเสือทองคำหายไปถูกแทนที่ด้วยยันต์หกแผ่นที่เปล่งแสงสีทอง ล้อมรอบวิญญาณเอาไว้คล้ายเชือกพั
“พูดจาบ้าบออะไร! แกเป็นใครถึงมีสิทธิ์พูดแบบนั้น?!” แม่บ้านเจินโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาหย่งฟางไม่ตอบโต้ เพราะเมื่อข้อมูลดวงชะตาของหลินเหมียนปรากฏบนโต๊ะพิธี คนที่พอมีสมองก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไรนายท่านฉู่ถามอย่างเคร่งเครียด “หลินตง หลินเหมียนเสียชีวิตเมื่อครึ่งปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนเดินทางไปพบลูกค้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวเหยียน?” “เสี่ยวเหยียนกับหลินเหมียนเป็นแฟนกันหรือเปล่า? ถ้าพวกคุณไม่รู้เรื่องนี้ นั่นแสดงว่าพวกเขาคงแอบคบกันลับๆ” หย่งฟางบอกการคาดเดาของตัวเองทันใดนั้นเองเสียงไก่ตัวผู้ในอ้อมแขนของคุณนายฉู่ร้องออกมาสองครั้ง หย่งฟางมองไปที่ไก่และสังเกตว่ามันมีสีหน้าที่ดูเหมือนหมดหวัง เธอเข้าใจแล้ว ไก่ปฏิเสธถ้าเป็นเช่นนั้น “ลูกสาวของคุณชอบเสี่ยวเหยียน คุณเลยอยากให้เขาแต่งงานกับเธอในฐานะผี” หย่งฟางหันไปมองพ่อบ้านหลิน “ตอนนี้ฉันพูดถูกทั้งหมดแล้วใช่ไหม”ใช่ ถูกทั้งหมด! หลินตงยังสวมชุดทำงานที่เรียบร้อยของหัวหน้าพ่อบ้านอยู่ แต่ตอนนี้เขาหมดคำพูดในการโต้แย้งอีกต่อไป ราวกับว่าถูกดึงพลังชีวิตออกไปหมดสิ้น แม้แต่กระดูกก็เหมือนจะไม่แข็งแรงอีกแล้ว เขาดูแก่ลงหลายปี ท่าทางหมดแ