“พูดจาบ้าบออะไร! แกเป็นใครถึงมีสิทธิ์พูดแบบนั้น?!” แม่บ้านเจินโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา
หย่งฟางไม่ตอบโต้ เพราะเมื่อข้อมูลดวงชะตาของหลินเหมียนปรากฏบนโต๊ะพิธี คนที่พอมีสมองก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร
นายท่านฉู่ถามอย่างเคร่งเครียด “หลินตง หลินเหมียนเสียชีวิตเมื่อครึ่งปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนเดินทางไปพบลูกค้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวเหยียน?”
“เสี่ยวเหยียนกับหลินเหมียนเป็นแฟนกันหรือเปล่า? ถ้าพวกคุณไม่รู้เรื่องนี้ นั่นแสดงว่าพวกเขาคงแอบคบกันลับๆ” หย่งฟางบอกการคาดเดาของตัวเอง
ทันใดนั้นเองเสียงไก่ตัวผู้ในอ้อมแขนของคุณนายฉู่ร้องออกมาสองครั้ง หย่งฟางมองไปที่ไก่และสังเกตว่ามันมีสีหน้าที่ดูเหมือนหมดหวัง
เธอเข้าใจแล้ว ไก่ปฏิเสธถ้าเป็นเช่นนั้น “ลูกสาวของคุณชอบเสี่ยวเหยียน คุณเลยอยากให้เขาแต่งงานกับเธอในฐานะผี” หย่งฟางหันไปมองพ่อบ้านหลิน “ตอนนี้ฉันพูดถูกทั้งหมดแล้วใช่ไหม”
ใช่ ถูกทั้งหมด! หลินตงยังสวมชุดทำงานที่เรียบร้อยของหัวหน้าพ่อบ้านอยู่ แต่ตอนนี้เขาหมดคำพูดในการโต้แย้งอีกต่อไป ราวกับว่าถูกดึงพลังชีวิตออกไปหมดสิ้น แม้แต่กระดูกก็เหมือนจะไม่แข็งแรงอีกแล้ว เขาดูแก่ลงหลายปี ท่าทางหมดแรงและทรุดตัวลงพื้น
“ตอนที่จัดเก็บข้าวของของหลินเหมียน ฉันถึงได้รู้ว่าหล่อนชอบเสี่ยวเหยียน ชอบมาตั้งสิบปีแล้ว หล่อนเขียนบันทึกเกี่ยวกับเขาไว้เป็นสิบเล่ม มีกล่องเก็บสิ่งของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวเหยียน พวกคุณพูดว่าอุบัติเหตุทำให้หลินเหมียนเสียชีวิต ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่หรือเสี่ยวเหยียน แต่หลินเหมียนเลือกที่จะละทิ้งอาชีพออกแบบที่ชอบเพื่อสมัครเรียนการจัดการธุรกิจ เพียงเพราะอยากจะอยู่ข้างเสี่ยวเหยียน คิดว่าทำแบบนี้จะทำให้พวกเธอไม่ต้องแยกจากกัน…” พ่อบ้านหลินพูดด้วยความสิ้นหวัง
หย่งฟางแทรกขึ้นมา “นี่เป็นการตัดสินใจของเธอเอง ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเหยียนเลย คุณควรจะสนับสนุนให้ลูกสาวของคุณเรียนด้านการเงิน แล้วไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เพื่อเป็นผู้บริหารหญิง และทำให้เสี่ยวเหยียนเป็นลูกน้องเธอแทน”
“……” ทุกคนเงียบกริบ แต่ก็มีเหตุผลอยู่
หลินตงมองหย่งฟางอย่างเคืองๆ แล้วพูดต่อ “ทั้งหมดก็เพราะหลินเหมียน ไปพบลูกค้าของพวกตระกูลฉู่นี่แหละ” กลัวว่าหย่งฟางจะมาแย้งอะไรอีกเขารีบพูดต่อ “ใช่ พวกคุณจ่ายเงินค่าชดเชยให้ แต่หลินเหมียนของฉันไม่มีวันกลับมา เงินมีประโยชน์อะไร? เงินทำให้หลินเหมียนฟื้นขึ้นมาได้ไหม? เธอเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยขออะไรจากฉันเลย ฉันแค่ต้องการทำสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขก่อนที่ฉันจะตาย ฉันทำอะไรผิด?”
หลินตงพูดถึงตรงนี้ก็ร้องไห้อย่างหนัก แม้เขาจะพูดเรื่องต่างๆ มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้คนอื่นในห้องตกตะลึงที่สุด คือข้อมูลสุดท้ายที่เขาเผยออกมา
แม่บ้านเจินพูดอย่างตะลึง “ลุงหลิน คุณหมายความว่าอะไร? คุณจะตายอย่างนั้นหรือ?”
หลินตงก้มหน้าร้องไห้อย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร หย่งฟางมองไปที่เขาก่อนจะหลับตา แล้วเห็นเงาของร่างกายที่มืดมิดอยู่ที่บริเวณตับอ่อน
“มะเร็งตับอ่อน ระยะสุดท้าย” เธอลืมตาขึ้นแล้วพูด
หลินตงมองเธอด้วยความตกใจ
“แต่ฉันอยากจะแก้อะไรบางอย่าง คุณไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อความสุขของหลินเหมียน แต่เพื่อความพอใจในใจของตัวเอง คุณต้องการที่เป็นพ่อที่ดีที่ทำทุกอย่างเพื่อลูกสาว แต่สุดท้ายแล้ว นี่คือความต้องการส่วนตัวของคุณ มันเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมากๆ” หย่งฟาง พูดอย่างตรงไปตรงมา
ร่างกายหลินตงแทบจะฉีกขาดด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดงขณะกัดฟัน “เธอไม่เข้าใจ! ไม่รู้ว่าพ่อแม่จะทำอะไรเพื่อลูกได้บ้าง!”
“งั้นเอาอย่างนี้ ให้หลินเหมียนบอกคุณเองดีกว่า ว่าสิ่งที่คุณกำลังทำ มันทำให้เธอมีความสุขหรือไม่”
หย่งฟางพูดจบก็กัดปลายนิ้วตัวเอง แล้ววาดเครื่องหมายบางอย่างในอากาศอย่างรวดเร็ว เมื่อเสร็จแล้วเธอทำท่าทางโบกมือ เครื่องหมายกระจายออกไป แทรกเข้าสู่หน้าผากของคุณนายฉู่และสามี พ่อบ้านหลิน แม่บ้านเจิน สองสาวน้อยของตระกูลฉู่ รวมถึงบอดี้การ์ดทั้งสองคน
พวกเขารู้สึกถึงความเย็นที่หน้าผาก แสบตาจนต้องปิดเปลือกตาไปพักหนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นร่างของเสี่ยวเหยียน ถูกห่อหุ้มด้วยกลุ่มควันดำขนาดใหญ่ บอดี้การ์ดทั้งสองคนแทบจะเป็นลม สองสาวน้อยของตระกูลฉู่ ซึ่งเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ กำลังสนุกสนานกับวันหยุดฤดูร้อน ก็ช็อกกับสิ่งที่เห็นและเป็นลมไปแล้ว
แม่บ้านเจินและพ่อบ้านหลิน ซึ่งเป็นรุ่นที่เติบโตมากับภาพยนตร์สยองขวัญ ต่างรู้ดีว่าควันดำหมายถึงวิญญาณอาฆาต คุณนายฉู่ที่กำลังอุ้มไก่ตัวผู้ก็ทรุดลงทันที
หลินตงเริ่มร้องไห้ “หลินเหมียน!! พ่อจะทำให้เธอสมหวังให้ได้!”
“……” หย่งฟางคลี่ดาบที่ทำจากเหรียญจักรพรรดิออก แล้วแทงเข้าไปในกลุ่มควันดำ เหรียญจักรพรรดิที่มีสายร้อยสีแดงเป็นสีทองกับแดง ทำให้กลุ่มควันดำแสดงใบหน้าที่บิดเบี้ยวออกมาด้วยความเจ็บปวด
หลินตงร้องไห้ “อย่าทำร้ายลูกสาวของฉัน!!!” และพยายามหลบหลีกบอดี้การ์ดทั้งสองคนที่ขาสั่นจนวิ่งไม่ไหว เพื่อไปป้องกันกลุ่มควันดำจากดาบ
หย่งฟางร่ายมนต์แล้วใช้สองนิ้วแตะที่ดาบ ท้ายที่สุดพลังสีทองและสีแดงก็รวมกันที่ปลายดาบ เธอกรีดผ่านกลุ่มควันดำที่รายล้อมหลินตง และแทงเข้าไปในแกนกลางของกลุ่มควันดำ หลังจากนั้นสองวินาที พลังสีทองและแดงก็ระเบิดภายในกลุ่มควันนั้น
“หลินเหมียน!!!” หลินตงคุกเข่าลงไปกับพื้นและร้องเรียกลูกสาว
กลุ่มควันดำกระจายออก เห็นร่างวิญญาณผู้หญิง นั่งก้มหน้าพิงเตียงของเสี่ยวเหยียน ผมยาวคลุมใบหน้า
“หลินเหมียน!! พ่อจะมาช่วยลูกแล้ว!” หลินตงคุกเข่าคลานเข้ามาครึ่งทาง เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของวิญญาณผู้หญิง
“น่ารำคาญ”
ใครเป็นพ่อใครกันแน่?
หลินตงถึงกับพูดไม่ออก “……”
คุณนายฉู่และแม่บ้านเจินก็พูดไม่ออกเช่นกัน: “……”
หลินตงถอยกลับไปสองสามก้าว แล้วพูดพร้อมกันกับคุณนายฉู่และแม่บ้านเจิน “เธอเป็นใคร?!”
วิญญาณผู้หญิงไม่พูดอะไร แค่จ้องมองหย่งฟางด้วยความอาฆาต
หย่งฟางเพิกเฉยต่อสายตาของวิญญาณผู้หญิง แล้วมองไปที่กลุ่มคนพวกนั้น “ทำไมล่ะ? ฉันไม่เคยบอกว่าคุณชายของพวกคุณมีแค่ผีตนเดียวเท่านั้นสักหน่อย”
งั้นแสดงว่ามีสองตัว? หรือกี่ตัวกันแน่?!
คุณนายฉู่เกือบจะเป็นลมอีกครั้ง ขณะที่น้ำตาคลอเบ้า “เสี่ยวเหยียนของเราทำอะไรผิดกันแน่!!”
วิญญาณผู้หญิงหัวเราะเยาะ “ทำผิดอะไรน่ะเหรอ? ถ้าอยากรู้ก็ไปถาม ฉู่จ้งเทียน ที่อยู่ข้างล่าง!”
นายท่านฉู่และคุณนายฉู่ต่างตกใจ มีแต่ความกลัวอยู่เต็มดวงตา
“คนในตระกูลฉู่สมควรตายทุกคน! ฉันจะฆ่าคนที่แซ่ฉู่ให้หมด!”
เสียงของวิญญาณผู้หญิงสั่นสะเทือนจนแสงไฟกะพริบ ช่องเสียบปลั๊กไฟก็มีประกายไฟพุ่งออกมาในทันที แสงสว่างในบ้านทั้งหมดพลันดับลง ทำให้บ้านตระกูลฉู่จมอยู่ในความมืด ห้องของเสี่ยวเหยียนเปลี่ยนเป็นสีเขียวมืดสลัว วิญญาณผู้หญิงยิ้มเยาะ สายตามองขึ้นบนอย่างน่ากลัวมีน้ำไหลออกมาราวเป็นสายเลือด
บรรยากาศความน่ากลัวถูกยกระดับขึ้นจนถึงขีดสุด บอดี้การ์ดทั้งสองคนหมดสติไป แม่บ้านเจินกรีดร้องเสียงดังที่สุดและหมดสติไปเช่นกัน พ่อบ้านหลินที่ตกใจจนแทบจะกลายเป็นหิน นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว แค่จ้องมองด้วยความอึ้ง
คุณนายฉู่กอดไก่ตัวผู้แน่น แล้วจับแขนสามีของเธอด้วยมือที่สั่นเทา
+++ถูกบังคับให้มาแต่งงาน ไปๆ มาๆ ปราบผีเฉย เอ้าา วิญญาณอาฆาตปะทะอาจารย์หย่ง+++
วิญญาณสาวกรีดร้อง ขูดกรงเล็บยาวกว่าครึ่งเมตร พร้อมกับไล่มองตั้งแต่หย่งฟาง ไปยังพ่อบ้านหลินและฉู่หมิงถิง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา "ที่นี่ใครแซ่ฉู่! สมควรตาย!!"เคร้ง!เสียงดาบที่ทำจากเหรียญจักรพรรดิทั้งห้า กั้นกรงเล็บคมของวิญญาณอาฆาตได้อย่างแม่นยำ เมื่อเล็บยาวแหลมสัมผัสกับดาบนั้นก็เกิดประกายไฟ พร้อมกับเสียงซู่ซ่าของควันสีดำ และกลิ่นไหม้ที่เหม็นคลุ้งไปทั่ว ผีสาวหันกลับมามองหย่งฟางด้วยความโกรธ ผมยาวของหล่อนสยายชี้ขึ้นไปในอากาศ กรงเล็บพุ่งเข้ามาและฉีกเสื้อคลุมเจ้าสาวที่บริเวณไหล่หย่งฟางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมของเธอถูกฉีกขาด แต่ร่างกายไม่เป็นอะไร หญิงสาวควักยันต์หลายแผ่นจากแขนเสื้อออกมาและโยกไปเบื้องหน้า แผ่นยันต์ที่ควรจะตกกระจัดกระจาย ตอนนี้กลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง"พยัคฆ์ทองสยบภูตผีวิญญาณนับพันไม่อาจหลบหลีกได้ ไป!" หย่งฟางเปลี่ยนท่ามือและสุดท้ายชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสือทองคำในตำนานก็ปรากฏขึ้น เสียงคำรามของมันดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งตรงไปหาวิญญาณอาฆาต ถูกกดดันจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร เมื่อเสือทองคำหายไปถูกแทนที่ด้วยยันต์หกแผ่นที่เปล่งแสงสีทอง ล้อมรอบวิญญาณเอาไว้คล้ายเชือกพั
หลินตงน้ำตาคลอเบ้า มองไปที่หย่งฟางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความวิงวอน แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาเคยทำสิ่งไม่ดี จึงไม่มีสิทธิ์ขอร้องใคร อีกทั้งเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะให้หย่งฟางแต่ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาด จนทำให้ไม่สามารถพูดคุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายได้ เขาก็ยังคงต้องการขอโอกาส ที่จะให้เธอได้เกิดใหม่ในฐานะที่ดีกว่าเดิมในภพหน้า“ฉันไม่ได้ใจแข็งเหมือนคุณ ที่แม้แต่ลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็ยังกล้าทำร้ายได้” หย่งฟางพูดขึ้นเธอทำพิธีส่งดวงวิญญาณ ซึ่งปกติจะเรียกให้ยมทูตมารับไป แต่ครั้งนี้กลัวว่าอาจจะไม่ทันเวลา เธอจึงเปิดประตูนรกขึ้นมาเอง แล้วผลักดันวิญญาณของหลินเหมียนเข้าไปประตูนรกสีฟ้าเข้มหายไปในทันทีหย่งฟางหันไปบอกกับคุณนายฉู่ “ตอนนี้คุณก็คงรู้แล้ว ว่าลูกชายของคุณมีผีสองตนสิงอยู่ แต่เป็นเพราะหลินเหมียนพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ เขาถึงยังรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่อีกไม่นาน ถ้าคืนนี้ผ่านไป ฉู่เหยียนก็จะไม่รอดแล้ว” ดังนั้นที่พวกคุณเรียกฉันมาทำพิธีแก้เคล็ดนี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ฉู่เหยียนก็ไม่มีทางรอด ทางเลือกของพวกคุณคือ จะให้เขาตายไปพร้อมกับภรรยาที่เป็นผีหรือให้เขาโสดไปชีวิต ฉันพูดอย
เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอายของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบากหย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้างในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพ
รถของตระกูลฉู่จอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลซ่ง หย่งฟางลงจากรถแล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากข้างทาง ก่อนจะเดินมาที่หน้าประตูบ้าน เธอท่องคาถาอย่างรวดเร็ว“ขออัญเชิญท่านเทพแห่งห้องสุขา ผู้ที่เชื่อมต่อสวรรค์และโลก สามารถผ่านเข้าออกในโลกมนุษย์และโลกแห่งความตายได้”เมื่อเธอทิ่มกิ่งไม้ลงกับพื้นเมื่อท่องคาถาเสร็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใสและชัดเจน “ขออัญเชิญ!” ทันใดนั้นใบไม้และฝุ่นบนพื้นถูกลมหมุนพัดขึ้นมาสิบวินาทีต่อมาลมสงบลง และหมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กๆ ที่โค้งงอหลังของมันออกมาจากหมอกสีขาว พร้อมกับไม้เท้าในมือ ปรากฏร่างพร้อมรอยยิ้มเป็นเทพเทพแห่งห้องสุขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่านมองหย่งฟางด้วยดวงตาที่เป็นมิตร “เจ้าหย่งฟางน้อย”“ขอคารวะท่านเทพ” หย่งฟางก้มโค้งคำนับอย่างเคารพ“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก ข้าเป็นแค่เทพเล็กๆ ได้รับธูปและกระดาษเงินกระดาษทองจ
เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจคุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ18K ก็พอแล้ว”“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ?
คุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวลแต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใครเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”เทพเจ้า?!คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขาหย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร
หลังจากที่ดูควันธูปให้คุณนายสี่คนติดต่อกัน หย่งฟางที่เพิ่งตื่นจากการนอนก็รู้สึกง่วงอีกครั้ง ตั้งแต่จำความได้เมื่อสิบปีก่อนก็มีคนมาน้อยมาก หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย ปกติเธอกับลุงก็มักจะจุดธูปเองและตีความควันกันเอง ไม่เคยลองดูให้คนเยอะขนาดนี้มาก่อน เลยเพิ่งรู้ว่าคำพูดของอาจารย์ใหญ่เป็นสูตรตายตัวใช่แล้ว ที่ว่า “คุณเป็นแขกคนที่…ในรอบสิบปี เทพเจ้าจำคุณได้ จะคอยปกป้องคุ้มครองคุณ” นั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แต่งเรื่องเพื่อให้คนรู้สึกสบายใจ หย่งฟางรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายบริการลูกค้าของเว็บขายของออนไลน์ เน้นพูดตามแพทเทิร์นก็ซื้อใจลูกค้าได้!การพูดแบบนี้น่าจะดึงดูดใจลูกค้าได้มั้ง? หย่งฟางยังคงสงสัย เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก และไม่รู้ว่าในอนาคตจะทำให้เธอมีชื่อเสียงจากการทำนายจนคาดไม่ถึงสุดท้ายคุณนายคนที่ห้าก็เข้ามาในห้องหย่งฟางพิจารณาควันธูป และพบว่ามีสองก้านที่ขาดจากกัน จึงกวาดตาไปที่ควันธูปของคุณนายสี่คนก่อนห
นี่มัน...อาจารย์มีตาทิพย์จริงๆทางด้านหลิวซานซานหลังจากหย่งฟางทำนายว่าลูกชายของเธอได้พบกับรักแท้แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นจึงไปซื้อวัตถุดิบเพื่อเตรียมทำอาหารไปให้ลูกชายที่คอนโดหรู เพราะต้องการสอบถามว่าเรื่องที่อาจารย์หย่งบอกเป็นความจริงหรือไม่หลิวซานซานถือถุงผักสด เนื้อสัตว์ และของสดใหม่สามสี่ถุงเข้าไปในคอนโด เมื่อใส่รหัสผ่านประตูแล้วเปิดเข้าไป เธอก็เห็นชายสองคนที่ไม่มีเสื้อผ้านั่งอยู่บนโซฟา“…”สุดท้ายชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น “แม่ ถ้าผมบอกว่าเรากำลังออกกำลังกาย แม่จะเชื่อไหม?”หลิวซานซานขว้างไข่ไก่สดจำนวนหนึ่งไปที่ลูกชาย “เธอคิดว่าแม่จะเชื่อรึเปล่าล่ะ?!”ไข่กระจัดกระจาย ลูกชายร้องไห้ขอความเมตตา หลิวซานซานฟังลูกชายร้องไห้ระบายความอึดอัดใจ เรื่องการค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์ในช่วงวัยรุ่น และเล่าถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกัน เธอค่อยๆ สงบลง ช่างเถอะ! เป็นแม่คนแล้ว
ในตอนนี้แฮชแท็ก#หย่งฟางศาสตร์ลี้ลับ แฟนคลับและแอนตี้ต่างพากันเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ เกี่ยวกับศาสตร์ลี้ลับของหย่งฟางกันอย่างคึกคัก[หย่งฟางดูดีจริงๆ เสียดายจังที่เธอออกจากวงการไปแล้ว][หย่งฟางทำนายดวงได้แม่นมาก บอกสถานการณ์ตอนนี้ของฉันได้ตรงเป๊ะ คำแนะนำที่ให้มาก็ชัดเจนและมีเหตุผล][ไปวัดมาครึ่งวัน พอกลับถึงบ้านก็รู้สึกว่าวัดนี้ก็เหมือนวัดทั่วไปนะ ไม่ได้ลี้ลับเท่าไหร่ แต่ขอพรและรับยันต์มาแล้ว ลองรอดูผลก่อน แล้วจะมาเล่าให้ฟัง][กรี๊ดดด ดีใจมากที่ได้เจอหย่งฟาง][คนที่ไปช่วงบ่ายบอกว่า 55555 อดเจอหย่งฟางเพราะเธอมีธุระออกไป น่าอิจฉาคนที่ไปเช้าจริงๆ]@ยูซึฟองสบู่รีโพสต์:[ฉันก็ไปช่วงบ่ายเหมือนกันนะ แต่เจอหย่งฟางพอดี เธอกลับมาราวห้าโมง พวกเรารออยู่สิบกว่าคนก็ถือว่าคุ้มค่าเลย เธอน่ารักใจดีมาก แจกยันต์ให้ฟรี และยังบอกให
หลังจากทุกคนออกจากบ้านตระกูลลี้ ท้องฟ้ายามบ่ายสี่โมงยังคงร้อนอบอ้าวตามบรรยากาศฤดูร้อน หย่งฟางวางแผนจะนั่งรถเมล์กลับไปแถวภูเขาหลงหย่า แล้วค่อยเดินขึ้นเขาเองเพื่อไม่เป็นการรบกวนคุณนายฉู่ระหว่างที่เธอกำลังจะพูดออกมา เพื่อนในกลุ่มที่สวมแว่นกันแดดทรงกลมก็ถามขึ้น “อาจารย์หย่ง คุณจะกลับไปที่วัดใช่ไหม?”หย่งฟางพยักหน้าเล็กน้อย มองเขาอย่างสงสัย เพื่อนที่ใส่แว่นกันแดดยิ้มอย่างเข้าใจ ก่อนจะกางพัดในมือออก “ฉันแซ่ห่าว ชื่อห่าวจาวไฉ”จากนั้นคนอื่นๆ ก็แนะนำตัวตามมาชายในชุดคลุมสีเทาที่หลวมเล็กน้อยเหมือนจี้กง กำลังจัดเข็มขัดทองที่สีเริ่มหลุด “ฉันแซ่หว่าน ชื่อหว่านเจี้ยนเฉวียน ทุกคนเรียกว่าจินเหยาไต้ที่แปลว่าเข็มขัดทอง”ชายรูปร่างกลมเหมือนแพนด้า แม้แต่รอยคล้ำใต้ตาก็ดูกลมเช่นกัน “ไฉหยวนกุ่นกุ่น เรียกผมว่ากุ่นกุ่นก็พอ”อีกสองคน หย่งฟางก็พอจำชื่อเล่นได้ คนหนึ่ง
เฒ่ากัวมองเพื่อนในกลุ่มที่ได้รับข้อความในแชทกลุ่ม แล้วทำสัญญาณให้รอจนกว่าหย่งฟางจะมาถึง เพื่อนในกลุ่มพยักหน้าเข้าใจ และเริ่มสนทนาเกี่ยวกับการจัดวางฮวงจุ้ยของบ้านเพื่อฆ่าเวลาไปก่อน เฒ่ากัวขับรถมินิคูเปอร์คันโปรดออกไป เร่งเครื่องมุ่งหน้าไปยังเขาหลงหย่าเมื่อถึงจุดหมายเขาเบรกกระทันหัน ปิดเครื่องยนต์แล้วดึงกุญแจรถออก ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นเขาไป แม้รูปร่างของเขาจะดูอ้วน แต่ก็สามารถปีนขึ้นเขาได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวราวกับนก เมื่อถึงหน้าประตูวัดเสวียนเว่ย เฒ่ากัวหยุดหายใจ สบตากับป้ายแล้วเดินเข้าไป ทันทีที่หยู่ถังเห็นชายผู้มีลักษณะคล้ายนักบวชเดินเข้ามาเธอแทบตกใจ"หย่งฟาง ฉันต้องทำอย่างไรบ้าง?" เฒ่ากัวถามด้วยความรีบร้อนหย่งฟางหยิบหนังสือที่มีคำอธิบายการทำนายขึ้นมา "คุณรู้จักการทำนายไหม?"เฒ่ากัวพยักหน้า "ถ้ามีหนังสือก็ไม่มีปัญหา""ก็แค่ให้ผู้ที่มาไหว้เทียนจุดธูป และให้คำทำนายไปตามความต้องการ แต่ไม่ต้องให้พวกเขาทำนายกันเอง" หย่งฟางพูดอย
จนมาถึงวันเกิดของคนที่เกิดในเดือนธันวาคม ก็ผ่านช่วงเช้าไปหลายชั่วโมงแล้ว หย่งฟางสูดหายใจลึก พยายามอดทนต่อไปล่วงเลยมาถึงบ่ายโมง ผู้คนค่อยๆ หายไป เทุกคนเริ่มหิวโซและลงไปกินข้าวกันหมด ร้านอาหารรอบๆ ภูเขาหลงหย่าก็มีรายได้พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วยผลกระทบจากการเป็นอดีตดารามันไม่ใช่เรื่องเล็ก หย่งฟางรู้ดีว่ามันไม่ใช่เพราะเธอดังขนาดนั้น จนแม้จะออกจากวงการแล้วก็ยังมีคนจำได้ ในช่วงที่ยังอยู่ในวงการ ก็ไม่เคยมีใครมารุมกันที่สนามบินขนาดนี้เลย ตอนที่เปิดประตูในตอนเช้ามีคนมารอเป็นร้อย แต่หลังจากนั้นก็ยังมีคนทยอยมาทีละคน ความสนใจในอาชีพใหม่ของหย่งฟางมันมากเหลือเกิน ยิ่งวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยผู้คนแห่กันมาจนแน่นขนัด หย่งฟางนอนแผ่อยู่บนเก้าอี้แขนขาเริ่มหย่อนลงข้างตัว เธอหิวเหมือนกันแต่ไม่เหลือแรงแล้ว แม้แต่จะเปิดอินเทอร์เน็ตไปดูว่า ทำไมถึงมีคนรู้จักที่ตั้งของวัดเสวียนเว่ยของเธอมากขนาดนี้ ก็ยังหมดแรงจะหยิบมือถือขึ้นมาดูช่างมันเถอะ! เธอไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย แล้วจะต้องกลัวอะไรล่ะ
เมื่อกระแสแฮชแท็กในโซเชียลทำให้วัดเสวียนเว่ยในเมืองถานจิงเริ่มบูม คนส่วนใหญ่เริ่มแห่กันไปค้นหาข้อมูลในแผนที่และออนไลน์ แต่ยังคงไม่มีข้อมูลมากนัก ทำให้มีการคาดเดาต่างๆ นานา แล้วทันใดนั้น ก็มีคนหนึ่งคิดออกว่า การค้นหาข้อมูลของหย่งฟางผ่านเว็บไซต์สมาคมเทียนซืออาจจะเป็นคำตอบที่ใช่! เมื่อค้นหาไปก็พบข้อมูลของหย่งฟางจริงๆ พร้อมภาพถ่ายติดบัตร ที่ทำให้หลายคนตื่นเต้นและประหลาดใจภาพหน้าบัตรของหย่งฟางที่อายุประมาณ 18-19 ปี แสดงให้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอ และข้อมูลในเว็บไซต์ระบุว่าวัดที่เธอประจำอยู่คือ "วัดเสวียนเว่ย" บนภูเขาหลงหย่า เนื่องจากแทบไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับวัดนี้บนโลกออนไลน์ ดังนั้นจึงมีความลึกลับยิ่งทำให้ผู้คนต่างอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิมข่าวลือเรื่องการกลับมาของหย่งฟาง ในฐานะนักพรตหญิงแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว มีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ หลายคนพากันตั้งข้อสงสัย ผู้คนจึงอยากค้นหาและพิสูจน์ด้วยตัวเอง ว่าศาสตร์ลึกลับของหย่งฟางนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่จนกระทั่งกระแสนี้เริ่มไ
หย่งฟางผลักประตูเข้าไป ก่อนจะก้มลงยกกล่องวางไว้ข้างใน “ไม่มีเวลา ถ้าคุณย่าของคุณจะมาจุดธูป แก้บน ดูดวง ก็เชิญมาเองได้เลย วัดเปิดเจ็ดโมงเช้าของทุกวัน”เธออดนึกไม่ถึงว่าต้องลำบากเพราะเขา จ่ายเงินซื้อธูปไปสิบดอกก็แล้ว ยังต้องยกของเข้ามาเองอีก ชายคนนั้นยิ้มแหยๆ เดินตามเข้ามาในศาลา“คุณย่าผมอยากมาไหว้ที่วัดด้วยตัวเอง ครอบครัวเลยอยากจัดงานเลี้ยงพบปะกัน และถือโอกาสมาคุยกับคุณเรื่องนี้ด้วย อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันขึ้น 15 ค่ำ อยากถามว่าคุณพอจะปิดวัด ไม่รับคนอื่นในวันนั้นได้ไหม?”หย่งฟางที่กำลังจะเดินกลับไปยกของรอบที่ห้าชะงักไป แล้วหันมามอง “คุณหมายความว่า ย่าของคุณจะเหมาวัดเหรอ?”“ถ้าคิดแบบนั้นก็ได้” ชายหนุ่มตอบ “แค่วันขึ้น 15 ค่ำวันเดียว แต่เดือนหน้าอาจจะต้องขอปิดอีก ในวันขึ้น 1 ค่ำและ 15 ค่ำ ให้รับแค่คุณย่าผมเท่านั้น”หยู่ถังกับหนิวลี่สบตากันเงียบ ๆ วันขึ้น 1 ค่ำและ 15
ไม่นานมานี้ในเมืองถานจิงเกิดเรื่องแปลกขึ้น ร้านค้าแบรนด์หรูกลับเงียบเหงา ร้านสปาก็ไม่มีคนเข้า ส่วนร้านกาแฟเล็กๆ ก็ขายไม่ดีนัก ตรงข้ามกับบริเวณเชิงเขาหลงหย่า ที่ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปอย่างคึกคัก รถหรูเรียงรายจนล้นถนน คุณนายร่ำรวยต่างมาทำบุญกันเป็นกลุ่มต่อเนื่องถึงเจ็ดวัน ส่งผลให้วัดเสวียนเว่ยคึกคักไปด้วยทั้งเจ้าของร้านและลูกค้าใหม่ๆถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สดใส หย่งฟางและท่านอาจารย์ไม่ได้โลภมาก ลูกค้าที่มาทำบุญต่างแวะเวียนกันมาอย่างต่อเนื่อง บ้างก็ขอพร บ้างก็มาขอให้ความฝันเป็นจริง และคุณนายที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ จะปักหลักอยู่ในวัดตลอดทั้งวัน หากใครอยากให้หย่งฟางดูดวงเธอก็ยินดี แต่ถ้าใครไม่ต้องการ เธอก็จะนั่งพูดคุยกับเทพเจ้าแทน หรือระบายความในใจไปเรื่อยๆท่านอาจารย์ในฝันสั่งให้หย่งฟางซื้อเก้าอี้เพิ่มอีกสิบกว่าตัว เพื่อให้เหล่าคุณนายได้นั่งพักผ่อน พร้อมทั้งจัดโต๊ะชาและนำของที่ถวายแล้วมาให้พวกเธอได้กินเล่นขณะพูดคุยกัน ในตอนแรกเหล่าคุณนายลังเล “นี่...กินของถวายมันจะไม่ดีหรือ?”
หย่งฟางใช้เวลาทั้งวันทำนายดวงและดูแลแขกที่เข้ามาในวัดเสวียนเว่ยอย่างไม่หยุดพัก ขนาดน้ำสักหยดยังไม่ได้ดื่ม เครื่องหอมและเทียนที่เตรียมไว้เริ่มร่อยหรอจนเหลือเพียงหนึ่งในสาม ท่ามกลางความคึกคักนี้ เทพเจ้าประจำอารามดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำนายว่าทุกคนจะได้รับพร ยกเว้นเพียงบางคน รวมถึงคุณนายฉู่ ธูปของพวกเขาถูกทำนายอย่างเย็นชาา "ทำความดีเยอะ ๆ หน่อย"ไม่มีคำอวยพรหรือความสมหวังเหมือนคนอื่น ๆตลอดทั้งวันหย่งฟางแจกยันต์ตามความเหมาะสมกับแขกผู้มาเยือน เมื่อปิดประตูวัดตอนเย็น กลิ่นธูปยังอบอวลไปทั่วโบสถ์ หากท่านอาจารย์ยังอยู่ คงจะยิ้มไม่หุบที่เห็นบรรยากาศเช่นนี้ แต่แม้จะไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร หย่งฟางเริ่มรู้สึกว่างานในวันนี้มีอย่างบางผิดพลาด...ขณะมองไปรอบ ๆ วิหาร สายตาของหย่งฟางหยุดที่กล่องบริจาคเล็กๆ ที่มุมหนึ่ง คำสบถแทบจะหลุดออกมา! เธอลืมเก็บค่าดูดวง ค่าธูป และค่าทำนาย!"…" หย่งฟางแทบกระอักเลือดด้วยความเสียใจ แต่ก็ยังต้องไปเตรียมอาหารแม้วันนี้จะไม่ได้รับค่าบริการ ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่รับแขกเยอะขนาดนี้ คราวหน้าต้องไม่พลาดอีก เธอจัดเสิร์ฟอาหาร และเม
"คุณนายสวี่ คุณมาขอพรอะไรเหรอคะ?"คุณนายสวี่ยิ้มเล็กน้อย "ก็ขอให้ครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขค่ะ แล้วคุณนายหยวนล่ะ?" จริงๆ แล้วในใจเธอก็หวังให้ปัญหาระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้หมดไปด้วยคุณนายหยวนแอบกลอกตานิดๆ แต่ตอบยิ้มๆ "เหมือนกันเลยค่ะ" ที่จริงเธอขอให้ลูกชายหายป่วยไวๆพวกผู้ชายไม่ค่อยพูดเรื่องพวกนี้นัก เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สะเทือนใจ ทุกคนต่างรู้กันดีและเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ แม้กระนั้นก็ยังเห็นได้ว่าพวกเขาสามัคคีกันในจุดนี้มากกว่าผู้หญิงเสียอีก แต่ก็แฝงไปด้วยอารมณ์ขันแบบเสียดสีเมื่อเกือบหกโมงเช้า แสงอาทิตย์สีทองสาดแสงลอดผ่านเมฆลงมาอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่นขึ้น พวกเขาเงยหน้ามองพระอาทิตย์ขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ราวกับลืมไปว่าความงามของช่วงเวลาธรรมดาๆ นี้เคยผ่านตาไปนานแล้วในขณะนั้น ทุกคนรู้สึกถึงความสงบสุขชั่วครู่ แต่แล้ว... กึก! เสียงประตูของวัดเปิดออกหย่งฟางที่กำลังขยี้ตาเด