แชร์

ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ
ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ
ผู้แต่ง: เฉินม่านอิ๋ง

บทที่ 1 ออกจากวงการบันเทิง

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 12:52:15

[วันที่ 19 มิถุนายน ปี 20XX, เป็นวันที่ 53 ที่หย่งฟางลาออกจากวงการ, อากาศแจ่มใส, วงการบันเทิงเงียบสงบ]

[หรือฉันคิดไปเอง? หลังจากหย่งฟางจากไป วงการบันเทิงไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอีกเลย]

[มั่นใจได้เลยว่า ไม่ได้คิดไปเองแน่]

กิตติศัพท์เมื่อตอนที่หย่งฟางยังอยู่ในวงการ เธอเสมือนระเบิดปรมณูไปที่ไหนวาดวอดที่นั่น การประกวดเลือกตัวนักแสดง ก็ไปเรื่องกับแฟนคลับจนบ้านแตก ไปที่กองถ่ายพระเอกมีปัญหาเสพสารเสพติดจนโดนจับ ไปเข้ารายการวาไรตี้ แขกรับเชิญประจำก็จะโดนข้อหาหลบเลี่ยงภาษีจนโดนแบน แม้ว่าจะไม่ชอบหย่งฟางแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในการปั่นป่วนความสงบในวงการบันเทิง

เธอเปรียบเสมือนระเบิด ไปที่ไหนก็เกิดเรื่องที่นั่น! 

แฟนคลับบางคนเรียกเธอว่า “ยมทูตประจำวงการบันเทิง” และแฟนๆ บางส่วนถึงกับคร่ำครวญขออย่าให้เธอมาเฉียดบ้านหรือเข้าใกล้ครอบครัว เพราะกลัวจะถูกความโชคร้ายของหย่งฟางติดตัว

แต่ในตอนนี้ทุกคนรู้สึกเหงาหงอยนิดหน่อย เพราะแม้แต่คำว่า “ตัวระเบิดของวงการ” ในเว่ยป๋อก็ไม่ปรากฏขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่หย่งฟางออกจากวงการบันเทิง

[ขาดหย่งฟางไป ความสนุกก็หายไปด้วย]

[ฉันเริ่มคิดถึงเธอแล้ว]

ที่ภูเขาหลงหย่า ในเขตชางเมืองถันจิง หย่งฟางกำลังซ่อมแซมปลายหลังคาที่พุพัง ก่อนจะลงมาจากบันไดแล้วปัดฝุ่นที่มือออก หลังจากกลับไปที่ห้องบูชาเทพเจ้า เธอจุดธูปสามดอกและกราบไหว้อย่างเป็นประณีต แต่คำพูดที่ออกจากปากของเธอกลับดูขี้เล่นและผ่อนคลาย

“หวังว่าท่านเทพจะช่วยฉันในคืนนี้ ฉันทำอาหารไหม้อีกแล้ว อ๋อ และก็ช่วยใส่เกลือพอดีๆ ด้วยนะคะ”

ตั้งแต่กลับมารับช่วงต่อวัดเก่าจากอาจารย์ ช่วงนี้เธอก็ได้กินอาหารที่ไหม้และเค็มมากจนเลี่ยนไปหมดแล้ว ควันธูปที่ควรจะลอยขึ้นตรงๆ กลับเปลี่ยนทิศทางพุ่งตรงเข้าจมูกของเธอแทน หย่งฟางรู้สึกคล้ายกับว่าท่านเทพกำลังลงโทษ ทำให้เธอจามอย่างแรง

“ก็ได้ๆ ฉันขอเปลี่ยนคำอธิษฐานแล้วกัน ขอให้วัดนี้เจริญรุ่งเรือง มีผู้คนมากมายมาไหว้ขอพร แต่ก็นะ ท่านอาจารย์ที่จากไป ควรจะทิ้งผลไม้หรือเงินทองไว้ให้ฉันบ้างนะ การซ่อมวัดต้องใช้เงิน ฉันออกให้ก่อนแล้ว แต่ถนนขึ้นเขาทั้งขรุขระทั้งเต็มไปด้วยหลุม ก็ต้องซ่อมเหมือนกันนะ ท่านเทพเจ้าตอนนี้ฉันไม่มีเงินแล้ว”

จริงๆ การซ่อมถนนบนภูเขาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้ว่าหย่งฟางจะทำงานในวงการบันเทิงมาสองปี และไม่ได้พึ่งพาความสามารถพิเศษทางด้านลึกลับของเธอเลย แต่เงินที่หามาได้ก็ยังไม่พอสำหรับซ่อมแซม ดังนั้นจึงต้องเริ่มซ่อมแซมวัดก่อน

ส่วนถนนบนภูเขานั้น ยังหาทางแก้ไขไม่ได้...

ควันธูปเริ่มกลับมาเป็นปกติ มีเสียงแตกเปรี๊ยะเบาๆ จากประกายไฟ หย่งฟางมองดูธูปแล้วรู้สึกเบาใจขึ้นมาก เทพเจ้าคงตอบรับแล้ว ยังไม่ทันที่เธอจะสงสัยว่าท่านเทพจะให้เงินทองมาได้อย่างไร ก็มีคนมาหาเสียแล้ว ผู้มาเยือนมีสามคน นำโดยหญิงวัยกลางคนที่ดูร่ำรวย มีแม่บ้านและคนดูแลตามมาด้วย

หย่งฟางกำลังวัดปริมาณเกลือและซีอิ๊วสำหรับทำอาหาร จึงพูดกับแขกอยากไม่ใส่ใจนัก “ไหว้พระสิบเก้าหยวน เสี่ยงเซียมซีสิบแปดหยวน ฟรีใบคำนาย สามารถชำระเงินผ่าน WeChat ได้เลยนะคะ”

หญิงวัยกลางคนได้ยินดังนั้นก็รีบตอบทันที “เรามาหาเธอ”

“ฮะ?” เธอหันกลับมามองคนทั้งสามอีกครั้งด้วยความสนใจ

“เธอคือหย่งฟางใช่ไหม ครอบครัวของเธอได้ตกลงแต่งงานไว้กับบ้านของเรา ตอนนี้พ่อของเธอเป็นหนี้บุญคุณเรา ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำตามสัญญาแล้ว”

หย่งฟางถูกอาจารย์เก็บมาเลี้ยงดูในวัด เติบโตขึ้นมาด้วยการดูแลอย่างดีจนเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย ก่อนจะจบการศึกษาปีสุดท้าย มีคู่สามีภรรยาจากในเมืองมาพบตัว บอกว่าเธอเป็นลูกสาวที่พวกเขาพลัดพรากกันตอนสี่ขวบ ทั้งคู่ร้องไห้ขอร้องให้เธอกลับบ้าน

หย่งฟางไม่เต็มใจ แต่ก็ถูกอาจารย์บังคับให้กลับ เมื่อกลับไปถึงบ้านเธอถึงได้รู้ว่าหลังจากกันไป คู่สามีภรรยาได้รับเลี้ยงเด็กผู้หญิงอีกคนที่อายุไล่เลี่ยกับเธอ และเด็กผู้หญิงคนนั้นมักจะคอยแอบแทงเธอเสมอ เช่นในงานพบปะกับผู้ใหญ่และญาติพี่น้อง เด็กคนนั้นมักสร้างสถานการณ์ให้เธอดูแย่ในสายตาผู้ใหญ่

"น่าอิจฉาจังเลยที่พี่สาวได้เรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะถังกิง ไม่เหมือนกับฉัน...ที่ทำได้แค่อ่านหนังสือไปวันๆ" 

เมื่อหล่อนพูดแบบนั้นทุกคนจึงพากันปลอบใจ

"แต่เธอสอบติดมหาวิทยาลัยต้าถงนะ เธอน่ะเก่งกว่าหย่งฟางตั้งเยอะ อย่าเสียใจไปเลย"

“แม่คะ พี่สาวใส่กระโปรงตัวนี้น่าจะสวยมาก ฉันจะยกให้พี่สาวนะคะ”

ซ่งจ้าวลูบหัวลูกสาวบุญธรรม “หนูอิงอิงจ๋า เคยเห็นพี่สาวของหนูใส่กระโปรงสักครั้งหรือเปล่า? พี่เขาไม่ชอบใส่หรอกนะ”

“พี่เอี้ยน พี่สาวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ พี่เธอแค่ไม่รู้ว่าจะดื่มยังไง” 

ซ่งอิงกล่าวพร้อมกับมองดูพี่ชายเพื่อนสนิทของหย่งฟาง ที่กำลังเชิญชวนให้เธอดื่ม แต่กลับถูกหย่งฟางสาดเหล้าใส่หน้า จึงกล่าวอย่างระมัดระวัง

พี่ชายเพื่อนสนิทคนนั้นเช็ดหน้าแล้วพูด “ช่างเถอะ เพราะเห็นแก่หนูอิงอิง ฉันจะไม่ถือสาคนที่ไม่เคยพบเห็นโลกกว้างแบบนั้นหรอก”

เมื่อเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หย่งฟางก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา

นี่มันไม่ใช่แค่บทละคร “ลูกสาวจริงๆ กับลูกสาวปลอม” ที่พบได้ตามเว็บไซต์นิยายทั้งหลายหรอกเหรอ? เธอเองก็อ่านจนท่องจำได้ขึ้นใจหมดแล้ว

แต่หย่งฟางรักอิสระ ไม่อยากผูกมัดตัวเอง เธอมีพรสวรรค์ทางศาสตร์ลึกลับมาตั้งแต่เด็ก และได้เรียนรู้วิชานี้มาจากผู้เฒ่าอย่างเต็มเปี่ยม ไหนเลยจะไปหลงใหลในชีวิตหรูหราปลอมๆ แบบนี้ได้

การแข่งขันกันอย่างไร้เหตุผล? ดึงผมกันไปมา? ไม่ใช่เรื่องที่เธอสนใจเลย

ดังนั้นหย่งฟางจึงหนีออกจากบ้าน ระหว่างทางเธอได้พบกับแมวมองที่กำลังหาเด็กใหม่ๆ เข้าวงการ ด้วยหน้าตาที่ดูงงงวยแต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดใจ เธอจึงถูกแมวมองดึงตัวไว้แล้วเธอสามารถเป็นคนมีชื่อเสียงได้ แค่ฝึกเพียงสองเดือน รับรองได้เลยว่าจะกลายเป็นดาราดังและมีรายได้

ตอนนั้นหย่งฟางยังเด็ก และกำลังจะจบการศึกษาในมหาวิทยาลัยพอดี กำลังมีความกังวลใจ ยิ่งเมื่อผู้เฒ่าบีบบังคับให้เธอกลับไปหาแม่พ่อแท้ๆ ของเธอ ก็ยิ่งไม่อยากกลับไปวัดอีกแล้ว

เมื่อได้ยินว่าจะหาเงินได้เร็วขนาดนี้ เธอจึงรับปากตอบเข้ารับวงการบันเทิง มีที่อยู่ ที่กิน แถมได้เงินอีก ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว หลังจากนั้นหย่งฟางก็เข้าสู่วงการบันเทิงเป็นเวลา 2 ปี และได้รับเกียรติบัตร “พลเมืองจิตอาสา” จากสถานีตำรวจถึง 28 ใบ หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เฒ่าก็เสียชีวิต เธอจึงลาออกจากวงการและกลับมารับสืบทอดวัดนี้ต่อ ไม่ได้ยินข่าวคราวจากพ่อแท้ๆ มานานแล้ว เมื่อได้ยินอีกครั้ง ก็เป็นข่าวที่ว่าตระกูลซ่ง ซึ่งไม่ได้ติดต่อกันมานานได้ขายเธอกินเสียแล้ว

เมื่อเผชิญหน้ากับหญิงผู้สูงศักดิ์วัยกลางคน และผู้ติดตามอีกสามคนที่มาอย่างไม่ฝัน เธอก็ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เล็กๆ โดยไม่ลุกขึ้นยืน 

“ซ่งชางชิงเป็นคนติดหนี้บุญคุณ ก็ให้เขาแต่งงานกับพวกคุณสิ เห็นไหมว่าฉันกับเขาไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกันเลย”

“ยังไงซะ เธอก็เป็นลูกสาวแท้ๆ อยู่ดี พ่อเธอทำให้บริษัทขาดทุนไป 2 พันล้านหยวน และตระกูลชูของเราก็ช่วยเขาผ่านพ้นวิกฤตไป เงื่อนไขก็คือเธอต้องทำตามสัญญาหมั้นที่ทำไว้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ”

หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลที่อยู่ข้างหลังของหญิงผู้สูงศักดิ์ ได้ส่งกล่องไม้ที่สลักลวดลายสวยงามให้เธอ หญิงผู้นั้นเปิดกล่องออกข้างในเป็นสัญญาหมั้น เมื่อเปิดออกดูเนื้อความเขียนไว้ว่าตระกูลชูและตระกูลซ่งได้ทำสัญญาหมั้นกันจริง

ตรงจุดที่ประทับตรามีรอยเท้าแดงๆ ของเด็กสองคน หนึ่งเป็นของเด็กชายตระกูลชู และอีกหนึ่งเป็นของหย่งฟาง ดูจากขนาดของรอยเท้าแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เธอยังไม่ครบขวบปี หย่งฟางจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าตัวเองทำอะไรไปเมื่อวาน นับประสาอะไรกับเรื่องเมื่อยังเป็นทารก

เธออยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วควันธูปที่ลอยอยู่ในวัด ก็แยกออกมาเป็นสายบางๆ พัดมาโดนหลังใบหูของเธออย่างแรง หย่งฟางเกือบร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอยกมือขึ้นกุมหูและอยากจะด่าออกมา

ทำไมเทพเจ้าถึงชอบดึงหูคนแบบนี้นัก? ไม่มีมือก็ใช้ควันธูปตีเธอสินะ!

ด้วยความเฉลียวฉลาดของหย่งฟาง เธอเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือสัญญาณว่าต้องการให้เธอเข้าร่วมในแผนการนี้  แม้ว่าเธออยากจะไปบ้านตระกูลซ่งเพื่อจัดการกับซ่งชางชิงก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าตระกูลชูกำลังคิดจะทำอะไร แต่เมื่อเทพเจ้าต้องการให้เธอเข้าร่วม แสดงว่าจะต้องสามารถแก้ไขปัญหา และเอาตัวรอดออกมาได้อย่างแน่นอน

ก็แค่แต่งงานใช่ไหม? เธอจะไปก็แล้วกัน!

ตอนแรกมาแล้วค่าา นางเอกของเราดาวมฤตยูแห่งวงการ

ออกจากอยู่บนอารามก็ยังไม่วายมีคนมาตามหา

ไม่ใช่ตามธรรมดา แต่ตามไปแต่งงาน!! อะไรยังไงน้อออออ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่ 2 ถูกขายแต่งงานเพื่อแก้เคล็ด

    ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าโชคลาภที่ท่านอาจารย์และเทพเจ้าให้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ก่อนทำอาหาร เธอเพิ่งจะขอพรให้ร่ำรวยเพื่อมาซ่อมถนนบนเขา แต่ทันทีที่ตวงเกลือเสร็จ ก็มีคนมาช่วยเติมเต็มเงินสองพันล้านที่พ่อบังเกิดเกล้าของเธอทำพลาดไปคงจะรวยมากสินะ งั้นช่วยฉันหน่อยแล้วกัน เธอคิดอย่างไม่เกรงใจทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่รู้ตัวเลย ยังคงถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หญิงสูงศักดิ์เอ่ยเตือนเธอ “รู้จักให้ความร่วมมือหน่อย! ถ้าได้เป็นสะใภ้รองของบ้านตระกูลฉู่ ชีวิตเธอมีอนาคตกว่านี้แน่!” พูดจบก็เหลือบมองบ้านเก่าที่ทรุดโทรมด้วยสายตาดูแคลนหัวหน้าคนรับใช้ก็พูดขึ้นมาอย่างเสแสร้งเช่นกัน “คุณหนูหย่ง ถ้าคุณได้แต่งงานกับคุณชายรองของเรา และได้เป็นสะใภ้รอง ในอนาคตอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของตระกูลฉู่จะเป็นของคุณ ถ้าคุณอยากกลับไปสู่วงการบันเทิง เราก็มีทุนที่จะสนับสนุนคุณได้”“ถ้ายอมร่วมมือ ก็ลงเขาไปกับพวกเรา แต่ถ้าเธอไม่ยอม...” หญิงสูงศักดิ์หยุดคำพูดไว้ ทำให้ความหมายของคำข่มขู่ชัดเจนขึ้น“ตกลง ฉันไป” หย่งฟางยกนิ้วขึ้นตอบตกลงทั้งสามคนยิ้มพร้อมกัน ก็รู้อยู่ว่าตระกูลฉู่มีอำนาจมากมายขนาดไหน หย่งฟ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่3 เจ้าชายนิทรา

    บ้านตระกูลฉู่นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งและกดดัน เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกติดต่อกันหลายวัน สวนสไตล์จีนภายนอกบ้านจึงถูกปกคลุมด้วยความมืดมน ถึงแม้ว่าหย่งฟางจะไม่สามารถรู้สถานการณ์จริงได้ แต่เมื่อเห็นความผิดปกติต่างๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เธอคิดไม่ออกเลยว่าจะมีเหตุผลใด นอกจากการแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดไม่ใช่ว่าท่านบรรพบุรุษจะส่งเธอมาที่นี่เพื่อแต่งงานจริงๆ หรอกนะ?! เมื่อวิธีการปกติไม่สามารถทำให้ออกไปได้ เธอจึงต้องหาทางออกที่แปลกใหม่ ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะช่วยได้ไม่มาก แต่ก็สามารถช่วยให้พอจะเข้าใจสถานการณ์ และเตรียมตัวรับมือได้ ยังดีกว่าทำไปโดยไม่รู้อะไรเลยหย่งฟางตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และเมื่อเธอกำลังจะลงมือทำ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากทางประตู จึงหันหน้าไปมองและเห็นเด็กสาวสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันเป๊ะยืนอยู่ตรงนั้น สองตาของพวกเธอเป็นประกายขึ้นมา “คุณคือ…หย่งฟางใช่ไหม?!!”เด็กสาวสองคนรีบวิ่งเข้ามาหาหย่งฟาง มองเธอใกล้ๆ ซ้ำไปซ้ำมา “พี่สาว นี่คือหย่งฟางจริงๆ”“พวกเราเป็นน้องสะใภ้ของพี่! ที่แท้ก็เป็นหย่งฟางที่หายตัวไป หลังออกจากวงการบันเทิง!”“แทบไม่อยากเชื่อเลย!”ฉู่เสี่ยวเฉียวและฉู่เสี่ยวจินพูดค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่4 งานแต่งตอนเที่ยงคืน

    ดวงตาของหย่งฟางเบิกกว้างขึ้น เมื่อใช้มือวาดท่าใหม่เพื่อร่ายมนต์ จากนั้นก็สามารถสัมผัสกับวัตถุได้ เธอจับคางของชายหนุ่มไว้ แล้วใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางดันมันขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉู่เหยียนถูกบังคับให้เปิดปากออก เผยให้เห็นลิ้นของเขา บนนั้นมีเหรียญทองแดงเหรียญหนึ่งใบหน้าของหย่งฟางเคร่งขรึมขึ้น พลังคำสาปถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เหรียญทองแดงเหรียญนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ เป็นไปไม่ได้ที่คุณนายฉู่ จะใส่ของป้องกันเพื่อให้ลูกชายฟื้นคืนสติ เพราะเหรียญทองแดงนี้เป็นของที่ขุดขึ้นมาจากหลุมฝังศพ ของแบบนี้มีพลังแห่งความอาฆาตติดอยู่น่าจะไม่มีใครรู้ว่าฉู่เหยียนมีสิ่งนี้อยู่ในปาก หรืออาจเป็นไปได้ว่าคุณนายฉู่ถูกหลอกให้เชื่อ และยินยอมให้ใครบางคนใส่ของนี้เข้าไปในปากลูกชายของหล่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นคนที่คุณนายที่ไว้ใจ และทำให้เข้าใกล้ฉู่เหยียนได้เพราะตอนที่หย่งฟางเข้ามา เธอเห็นบอดี้การ์ดในชุดสูทดำ คอยเฝ้าอยู่หน้าประตูตลอดเวลา พลังคำสาปที่หนักแน่น กลับเข้ามารวมตัวบนร่างของชายหนุ่มที่ดูน่ารักขณะหลับใหล หย่งฟางก็รู้ว่าวิญญาณของเธอจะต้องกลับคืนร่างแล้ว จึงปล่อยมือจากคางของเขาแล้วเปลี่ยนท่าใหม่เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-05
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่ 5 ทำลายแผน

    “ช้าก่อน!”เจ้าสาวที่สวมชุดแต่งงานสีแดงยกข้อมือทำท่าห้าม เสียงของเธอดังมาจากใต้ผ้าคลุมหน้า “ฉันอยากให้ความร่วมมือ แต่ฉันอยากรู้ว่าจริงๆ แล้ว เป็นฉันหย่งฟางหรือหลินเหมียน ที่จะแต่งงานกับคุณชายรองแห่งตระกูลฉู่”ทันทีที่เธอพูดจบ ทกคนต่างตกตะลึง เธอกำลังพูดถึงอะไร? ทำไมถึงลากหลินเหมียนไปเกี่ยวข้องด้วย? ลูกสาวของพ่อบ้านหลินเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปตั้งครึ่งปีแล้ว เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับหล่อน? ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันไปมองพ่อบ้านหลินใบหน้าของพ่อบ้านเฒ่ายังคงสงบ ไม่ได้โต้แย้งหรือแสดงความสงสัยอะไร เขาพูดอย่างใจเย็น “คุณนาย นี่เป็นการพูดเหลวไหล หล่อนแค่ต้องการถ่วงเวลาเท่านั้น อย่าไปฟัง...”หย่งฟางตะโกนขัดจังหวะ “ฉันขอแนะนำให้คุณนายฉู่ ตรวจสอบวันเดือนปีเกิดของเจ้าสาวที่เขียนบนโต๊ะบูชาดูนะคะ ตรวจดูว่าเป็นวันเดือนปีเกิดและชื่อของใคร แล้วจะรู้ว่าเป็นฉันที่ถูกเรียกมาเพื่อแก้เคล็ด หรือถูกใช้งานแทนคนอื่นเพื่อจัดงานแต่งกับวิญญาณ”ตอนแรกคุณนายฉู่ไม่ได้สนใจ แต่พอได้ยินคำว่า "แต่งงานกับวิญญาณ" สามคำนี้ จึงเริ่มคิดที่จะตรวจสอบตามที่หย่งฟางกล่าวการแต่งงานแก้เคล็ด คือ การแต่งงานระหว่างคนเป็นการแต่งง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-06
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่6 ปราบวิญญาณ

    “พูดจาบ้าบออะไร! แกเป็นใครถึงมีสิทธิ์พูดแบบนั้น?!” แม่บ้านเจินโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาหย่งฟางไม่ตอบโต้ เพราะเมื่อข้อมูลดวงชะตาของหลินเหมียนปรากฏบนโต๊ะพิธี คนที่พอมีสมองก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไรนายท่านฉู่ถามอย่างเคร่งเครียด “หลินตง หลินเหมียนเสียชีวิตเมื่อครึ่งปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนเดินทางไปพบลูกค้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวเหยียน?” “เสี่ยวเหยียนกับหลินเหมียนเป็นแฟนกันหรือเปล่า? ถ้าพวกคุณไม่รู้เรื่องนี้ นั่นแสดงว่าพวกเขาคงแอบคบกันลับๆ” หย่งฟางบอกการคาดเดาของตัวเองทันใดนั้นเองเสียงไก่ตัวผู้ในอ้อมแขนของคุณนายฉู่ร้องออกมาสองครั้ง หย่งฟางมองไปที่ไก่และสังเกตว่ามันมีสีหน้าที่ดูเหมือนหมดหวัง เธอเข้าใจแล้ว ไก่ปฏิเสธถ้าเป็นเช่นนั้น “ลูกสาวของคุณชอบเสี่ยวเหยียน คุณเลยอยากให้เขาแต่งงานกับเธอในฐานะผี” หย่งฟางหันไปมองพ่อบ้านหลิน “ตอนนี้ฉันพูดถูกทั้งหมดแล้วใช่ไหม”ใช่ ถูกทั้งหมด! หลินตงยังสวมชุดทำงานที่เรียบร้อยของหัวหน้าพ่อบ้านอยู่ แต่ตอนนี้เขาหมดคำพูดในการโต้แย้งอีกต่อไป ราวกับว่าถูกดึงพลังชีวิตออกไปหมดสิ้น แม้แต่กระดูกก็เหมือนจะไม่แข็งแรงอีกแล้ว เขาดูแก่ลงหลายปี ท่าทางหมดแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-07
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่7 เรื่องราวที่ถูกซ่อน

    วิญญาณสาวกรีดร้อง ขูดกรงเล็บยาวกว่าครึ่งเมตร พร้อมกับไล่มองตั้งแต่หย่งฟาง ไปยังพ่อบ้านหลินและฉู่หมิงถิง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา "ที่นี่ใครแซ่ฉู่! สมควรตาย!!"เคร้ง!เสียงดาบที่ทำจากเหรียญจักรพรรดิทั้งห้า กั้นกรงเล็บคมของวิญญาณอาฆาตได้อย่างแม่นยำ เมื่อเล็บยาวแหลมสัมผัสกับดาบนั้นก็เกิดประกายไฟ พร้อมกับเสียงซู่ซ่าของควันสีดำ และกลิ่นไหม้ที่เหม็นคลุ้งไปทั่ว ผีสาวหันกลับมามองหย่งฟางด้วยความโกรธ ผมยาวของหล่อนสยายชี้ขึ้นไปในอากาศ กรงเล็บพุ่งเข้ามาและฉีกเสื้อคลุมเจ้าสาวที่บริเวณไหล่หย่งฟางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมของเธอถูกฉีกขาด แต่ร่างกายไม่เป็นอะไร หญิงสาวควักยันต์หลายแผ่นจากแขนเสื้อออกมาและโยกไปเบื้องหน้า แผ่นยันต์ที่ควรจะตกกระจัดกระจาย ตอนนี้กลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง"พยัคฆ์ทองสยบภูตผีวิญญาณนับพันไม่อาจหลบหลีกได้ ไป!" หย่งฟางเปลี่ยนท่ามือและสุดท้ายชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสือทองคำในตำนานก็ปรากฏขึ้น เสียงคำรามของมันดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งตรงไปหาวิญญาณอาฆาต ถูกกดดันจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร เมื่อเสือทองคำหายไปถูกแทนที่ด้วยยันต์หกแผ่นที่เปล่งแสงสีทอง ล้อมรอบวิญญาณเอาไว้คล้ายเชือกพั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่8 ส่งดวงวิญญาณ

    หลินตงน้ำตาคลอเบ้า มองไปที่หย่งฟางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความวิงวอน แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาเคยทำสิ่งไม่ดี จึงไม่มีสิทธิ์ขอร้องใคร อีกทั้งเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะให้หย่งฟางแต่ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาด จนทำให้ไม่สามารถพูดคุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายได้ เขาก็ยังคงต้องการขอโอกาส ที่จะให้เธอได้เกิดใหม่ในฐานะที่ดีกว่าเดิมในภพหน้า“ฉันไม่ได้ใจแข็งเหมือนคุณ ที่แม้แต่ลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็ยังกล้าทำร้ายได้” หย่งฟางพูดขึ้นเธอทำพิธีส่งดวงวิญญาณ ซึ่งปกติจะเรียกให้ยมทูตมารับไป แต่ครั้งนี้กลัวว่าอาจจะไม่ทันเวลา เธอจึงเปิดประตูนรกขึ้นมาเอง แล้วผลักดันวิญญาณของหลินเหมียนเข้าไปประตูนรกสีฟ้าเข้มหายไปในทันทีหย่งฟางหันไปบอกกับคุณนายฉู่ “ตอนนี้คุณก็คงรู้แล้ว ว่าลูกชายของคุณมีผีสองตนสิงอยู่ แต่เป็นเพราะหลินเหมียนพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ เขาถึงยังรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่อีกไม่นาน ถ้าคืนนี้ผ่านไป ฉู่เหยียนก็จะไม่รอดแล้ว” ดังนั้นที่พวกคุณเรียกฉันมาทำพิธีแก้เคล็ดนี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ฉู่เหยียนก็ไม่มีทางรอด ทางเลือกของพวกคุณคือ จะให้เขาตายไปพร้อมกับภรรยาที่เป็นผีหรือให้เขาโสดไปชีวิต ฉันพูดอย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08
  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่10 การขอบคุณของคุณชายฉู่

    เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอายของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบากหย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้างในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-08

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่14 คำทำนายเป็นจริง ลูกชายได้เจอรักแท้แล้ว

    นี่มัน...อาจารย์มีตาทิพย์จริงๆทางด้านหลิวซานซานหลังจากหย่งฟางทำนายว่าลูกชายของเธอได้พบกับรักแท้แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นจึงไปซื้อวัตถุดิบเพื่อเตรียมทำอาหารไปให้ลูกชายที่คอนโดหรู เพราะต้องการสอบถามว่าเรื่องที่อาจารย์หย่งบอกเป็นความจริงหรือไม่หลิวซานซานถือถุงผักสด เนื้อสัตว์ และของสดใหม่สามสี่ถุงเข้าไปในคอนโด เมื่อใส่รหัสผ่านประตูแล้วเปิดเข้าไป เธอก็เห็นชายสองคนที่ไม่มีเสื้อผ้านั่งอยู่บนโซฟา“…”สุดท้ายชายคนหนึ่งก็พูดขึ้น “แม่ ถ้าผมบอกว่าเรากำลังออกกำลังกาย แม่จะเชื่อไหม?”หลิวซานซานขว้างไข่ไก่สดจำนวนหนึ่งไปที่ลูกชาย “เธอคิดว่าแม่จะเชื่อรึเปล่าล่ะ?!”ไข่กระจัดกระจาย ลูกชายร้องไห้ขอความเมตตา หลิวซานซานฟังลูกชายร้องไห้ระบายความอึดอัดใจ เรื่องการค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์ในช่วงวัยรุ่น และเล่าถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกัน เธอค่อยๆ สงบลง ช่างเถอะ! เป็นแม่คนแล้ว

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่13 การดูควันธูป

    หลังจากที่ดูควันธูปให้คุณนายสี่คนติดต่อกัน หย่งฟางที่เพิ่งตื่นจากการนอนก็รู้สึกง่วงอีกครั้ง ตั้งแต่จำความได้เมื่อสิบปีก่อนก็มีคนมาน้อยมาก หลังจากนั้นก็ไม่มีอีกเลย ปกติเธอกับลุงก็มักจะจุดธูปเองและตีความควันกันเอง ไม่เคยลองดูให้คนเยอะขนาดนี้มาก่อน เลยเพิ่งรู้ว่าคำพูดของอาจารย์ใหญ่เป็นสูตรตายตัวใช่แล้ว ที่ว่า “คุณเป็นแขกคนที่…ในรอบสิบปี เทพเจ้าจำคุณได้ จะคอยปกป้องคุ้มครองคุณ” นั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แต่งเรื่องเพื่อให้คนรู้สึกสบายใจ หย่งฟางรู้สึกคล้ายกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายบริการลูกค้าของเว็บขายของออนไลน์ เน้นพูดตามแพทเทิร์นก็ซื้อใจลูกค้าได้!การพูดแบบนี้น่าจะดึงดูดใจลูกค้าได้มั้ง? หย่งฟางยังคงสงสัย เห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก และไม่รู้ว่าในอนาคตจะทำให้เธอมีชื่อเสียงจากการทำนายจนคาดไม่ถึงสุดท้ายคุณนายคนที่ห้าก็เข้ามาในห้องหย่งฟางพิจารณาควันธูป และพบว่ามีสองก้านที่ขาดจากกัน จึงกวาดตาไปที่ควันธูปของคุณนายสี่คนก่อนห

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่12 เรื่องวุ่นๆ ของเหล่าคุณนาย

    คุณนายฉู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวขณะที่ถูกเหวี่ยงลงจากม้าก็ยังไม่รู้สึกกลัวด้วยซ้ำ คล้ายกับว่ามีพลังงานบางอย่างประคองหล่อนเอาไว้ แล้วค่อยๆ วางลงบนสนามหญ้าอย่างนุ่มนวลแต่หล่อนก็ไม่กล้าบอกใครเมื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่นอนใส่เฝือกอยู่ในโรงพยาบาล พวกนั้นต่างพากันสงสัยและส่งสายตาอิจฉาในความโชคดี หยูถังทำได้แค่พูดเลี่ยง“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีเทพเจ้าคงคุ้มครอง…”เทพเจ้า?!คุณนายฉู่เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วก็มีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ จึงบอกลาพวกพ้องแล้วตรงไปที่อารมบนเขาหย่งฟางเพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบเขม่าดำไปครึ่งซีก เมื่อเห็นคุณนายฉู่มาเยือนก็พูดด้วยเสียงออดอ้อน “หยูถึง…”คุณนายฉู่รู้ได้ทันทีว่าอาจารย์ตัวน้อยต้องการให้หล่อนทำอาหาร

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่11 เทพเจ้าคุ้มครอง

    เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจคุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ18K ก็พอแล้ว”“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ?

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่9 เทพแห่งห้องสุขา

    รถของตระกูลฉู่จอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของตระกูลซ่ง หย่งฟางลงจากรถแล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งจากข้างทาง ก่อนจะเดินมาที่หน้าประตูบ้าน เธอท่องคาถาอย่างรวดเร็ว“ขออัญเชิญท่านเทพแห่งห้องสุขา ผู้ที่เชื่อมต่อสวรรค์และโลก สามารถผ่านเข้าออกในโลกมนุษย์และโลกแห่งความตายได้”เมื่อเธอทิ่มกิ่งไม้ลงกับพื้นเมื่อท่องคาถาเสร็จ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สดใสและชัดเจน “ขออัญเชิญ!” ทันใดนั้นใบไม้และฝุ่นบนพื้นถูกลมหมุนพัดขึ้นมาสิบวินาทีต่อมาลมสงบลง และหมอกก็เริ่มก่อตัวขึ้น มีเงาร่างเล็กๆ ที่โค้งงอหลังของมันออกมาจากหมอกสีขาว พร้อมกับไม้เท้าในมือ ปรากฏร่างพร้อมรอยยิ้มเป็นเทพเทพแห่งห้องสุขาที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น ท่านมองหย่งฟางด้วยดวงตาที่เป็นมิตร “เจ้าหย่งฟางน้อย”“ขอคารวะท่านเทพ” หย่งฟางก้มโค้งคำนับอย่างเคารพ“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก ข้าเป็นแค่เทพเล็กๆ ได้รับธูปและกระดาษเงินกระดาษทองจ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่10 การขอบคุณของคุณชายฉู่

    เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอายของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบากหย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้างในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่8 ส่งดวงวิญญาณ

    หลินตงน้ำตาคลอเบ้า มองไปที่หย่งฟางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความวิงวอน แต่เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาเคยทำสิ่งไม่ดี จึงไม่มีสิทธิ์ขอร้องใคร อีกทั้งเขาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะให้หย่งฟางแต่ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาด จนทำให้ไม่สามารถพูดคุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายได้ เขาก็ยังคงต้องการขอโอกาส ที่จะให้เธอได้เกิดใหม่ในฐานะที่ดีกว่าเดิมในภพหน้า“ฉันไม่ได้ใจแข็งเหมือนคุณ ที่แม้แต่ลูกที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็ยังกล้าทำร้ายได้” หย่งฟางพูดขึ้นเธอทำพิธีส่งดวงวิญญาณ ซึ่งปกติจะเรียกให้ยมทูตมารับไป แต่ครั้งนี้กลัวว่าอาจจะไม่ทันเวลา เธอจึงเปิดประตูนรกขึ้นมาเอง แล้วผลักดันวิญญาณของหลินเหมียนเข้าไปประตูนรกสีฟ้าเข้มหายไปในทันทีหย่งฟางหันไปบอกกับคุณนายฉู่ “ตอนนี้คุณก็คงรู้แล้ว ว่าลูกชายของคุณมีผีสองตนสิงอยู่ แต่เป็นเพราะหลินเหมียนพยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถ เขาถึงยังรอดมาได้จนถึงตอนนี้ แต่อีกไม่นาน ถ้าคืนนี้ผ่านไป ฉู่เหยียนก็จะไม่รอดแล้ว” ดังนั้นที่พวกคุณเรียกฉันมาทำพิธีแก้เคล็ดนี้ ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ฉู่เหยียนก็ไม่มีทางรอด ทางเลือกของพวกคุณคือ จะให้เขาตายไปพร้อมกับภรรยาที่เป็นผีหรือให้เขาโสดไปชีวิต ฉันพูดอย

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่7 เรื่องราวที่ถูกซ่อน

    วิญญาณสาวกรีดร้อง ขูดกรงเล็บยาวกว่าครึ่งเมตร พร้อมกับไล่มองตั้งแต่หย่งฟาง ไปยังพ่อบ้านหลินและฉู่หมิงถิง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา "ที่นี่ใครแซ่ฉู่! สมควรตาย!!"เคร้ง!เสียงดาบที่ทำจากเหรียญจักรพรรดิทั้งห้า กั้นกรงเล็บคมของวิญญาณอาฆาตได้อย่างแม่นยำ เมื่อเล็บยาวแหลมสัมผัสกับดาบนั้นก็เกิดประกายไฟ พร้อมกับเสียงซู่ซ่าของควันสีดำ และกลิ่นไหม้ที่เหม็นคลุ้งไปทั่ว ผีสาวหันกลับมามองหย่งฟางด้วยความโกรธ ผมยาวของหล่อนสยายชี้ขึ้นไปในอากาศ กรงเล็บพุ่งเข้ามาและฉีกเสื้อคลุมเจ้าสาวที่บริเวณไหล่หย่งฟางถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว เสื้อคลุมของเธอถูกฉีกขาด แต่ร่างกายไม่เป็นอะไร หญิงสาวควักยันต์หลายแผ่นจากแขนเสื้อออกมาและโยกไปเบื้องหน้า แผ่นยันต์ที่ควรจะตกกระจัดกระจาย ตอนนี้กลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง"พยัคฆ์ทองสยบภูตผีวิญญาณนับพันไม่อาจหลบหลีกได้ ไป!" หย่งฟางเปลี่ยนท่ามือและสุดท้ายชี้ไปข้างหน้า ทันใดนั้นเสือทองคำในตำนานก็ปรากฏขึ้น เสียงคำรามของมันดังสนั่นหวั่นไหว พุ่งตรงไปหาวิญญาณอาฆาต ถูกกดดันจนกระเด็นไปไกลหลายเมตร เมื่อเสือทองคำหายไปถูกแทนที่ด้วยยันต์หกแผ่นที่เปล่งแสงสีทอง ล้อมรอบวิญญาณเอาไว้คล้ายเชือกพั

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที่6 ปราบวิญญาณ

    “พูดจาบ้าบออะไร! แกเป็นใครถึงมีสิทธิ์พูดแบบนั้น?!” แม่บ้านเจินโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาหย่งฟางไม่ตอบโต้ เพราะเมื่อข้อมูลดวงชะตาของหลินเหมียนปรากฏบนโต๊ะพิธี คนที่พอมีสมองก็จะเข้าใจได้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไรนายท่านฉู่ถามอย่างเคร่งเครียด “หลินตง หลินเหมียนเสียชีวิตเมื่อครึ่งปีก่อน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตอนเดินทางไปพบลูกค้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสี่ยวเหยียน?” “เสี่ยวเหยียนกับหลินเหมียนเป็นแฟนกันหรือเปล่า? ถ้าพวกคุณไม่รู้เรื่องนี้ นั่นแสดงว่าพวกเขาคงแอบคบกันลับๆ” หย่งฟางบอกการคาดเดาของตัวเองทันใดนั้นเองเสียงไก่ตัวผู้ในอ้อมแขนของคุณนายฉู่ร้องออกมาสองครั้ง หย่งฟางมองไปที่ไก่และสังเกตว่ามันมีสีหน้าที่ดูเหมือนหมดหวัง เธอเข้าใจแล้ว ไก่ปฏิเสธถ้าเป็นเช่นนั้น “ลูกสาวของคุณชอบเสี่ยวเหยียน คุณเลยอยากให้เขาแต่งงานกับเธอในฐานะผี” หย่งฟางหันไปมองพ่อบ้านหลิน “ตอนนี้ฉันพูดถูกทั้งหมดแล้วใช่ไหม”ใช่ ถูกทั้งหมด! หลินตงยังสวมชุดทำงานที่เรียบร้อยของหัวหน้าพ่อบ้านอยู่ แต่ตอนนี้เขาหมดคำพูดในการโต้แย้งอีกต่อไป ราวกับว่าถูกดึงพลังชีวิตออกไปหมดสิ้น แม้แต่กระดูกก็เหมือนจะไม่แข็งแรงอีกแล้ว เขาดูแก่ลงหลายปี ท่าทางหมดแ

DMCA.com Protection Status