แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านตึกสูงระฟ้าในกรุงเทพฯ เสียงรถราและผู้คนพลุกพล่าน เป็นสัญญาณเริ่มต้นของอีกหนึ่งวันทำงาน สำหรับชัญญา พนักงานสาวสวยฝ่ายการตลาด เช้าวันนี้เธอมีรอยยิ้มที่สดใส แฝงไว้ด้วยความทะเยอทะยาน และความมุ่งมั่น
ชัญญา เดินเข้ามาในบริษัท “Vivid Enterprise” ด้วยท่าทางสง่า เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสสีแดงโดยสวมทับด้วยสูทสีดำเรียบหรู เส้นผมสลวยยาว ใบหน้าสวยคม ดวงตาเฉียบคม เธอเป็นที่หมายปองของผู้ชายในบริษัท แต่ชัญญาไม่เคยสนใจใคร เธอมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว นั่นคือการก้าวขึ้นสู่อำนาจ เป็นผู้หญิงที่เหนือกว่าใครๆ
ภายในห้องทำงาน ชัญญาในชุดเดรสสีแดง นั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอมองไปรอบๆ เห็นพนักงานคนอื่นๆ ทำงานอย่างขยันขันแข็ง แต่ไม่มีใครเก่งเท่าเธอ ชัญญารู้สึกภูมิใจในตัวเอง เธอคิดว่าเธอสมควรได้รับตำแหน่งที่สูงกว่านี้
ก๊อก ก๊อก
“เชิญค่ะ” ชัญญาตอบด้วยน้ำเสียงหวานใส
“คุณญ่าคะ คุณเอกวัฒน์ว่างแล้วค่ะ” เลขาแจ้ง
“ได้ค่ะ ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้” ชัญญาตอบ รีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน จัดเอกสารให้เรียบร้อย แล้วเดินออกจากห้องไป
ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตค่ะ” ชัญญาบอกเสียงใสก่อนจะเปิดประตูห้องทำงานของเอกวัฒน์
ชัญญาเดินเข้ามาในห้องทำงานของเอกวัฒน์ ด้วยชุดเดรสสีแดงที่ตัดเย็บพอดีตัว เรือนผมยาวสลวยปลิวไสวตามแรงลม เอกวัฒน์นั่งอยู่บนเก้าอี้ใหญ่ เขามองชัญญาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
เอกวัฒน์ชอบผู้หญิงสวย เซ็กซี่ และชัญญา มีทุกอย่างที่เขาต้องการ
“คุณชัญญามีอะไรให้ผมช่วยครับ” เอกวัฒน์ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ดิฉันมีรายงานยอดขายมาเสนอค่ะ” ชัญญากล่าว เธอยื่นเอกสารให้เอกวัฒน์ และอธิบายรายละเอียดต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว
เอกวัฒน์ ฟังชัญญาพูดอย่างตั้งใจ เขาประทับใจในความฉลาด และความสามารถของเธอ เอกวัฒน์คิดว่าชัญญาเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ เขาอยากได้เธอมาเป็นของตัวเอง
“โอเคครับ รายงานที่คุณเสนอมาดีมาก” เอกวัฒน์ปิดแฟ้มเอกสาร ยิ้มพิมพ์ใจ
“ถ้าอย่างนั้น คุณเอก...จะอนุมัติโครงการให้ใช่มั้ยคะ?” ชัญญามองตาหวานเยิ้ม อมยิ้มเล็กน้อย
“เอ..เราไปคุยกันตอนมื้อเที่ยงดีมั้ยครับ?” เอกวัฒน์ถาม
“เอ่อ..ดิฉัน..”
ชัญญาลังเล เธอไม่แน่ใจว่าควรจะตอบตกลงหรือไม่ เธอรู้ดีว่าเอกวัฒน์มีภรรยาแล้ว แต่เธอรู้สึกดึงดูดด้วยเสน่ห์ของเขา และโอกาสในการก้าวหน้าในอาชีพ
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณไม่สะดวก...” เอกวัฒน์พูด ยิ้มให้ชัญญาอย่างเจ้าเสน่ห์
ชัญญามองเอกวัฒน์ รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความเย้ายวน เธอรู้ดีว่าเอกวัฒน์ต้องการอะไร เธอคิดหนัก ชั่งน้ำหนักระหว่างศีลธรรม และความทะเยอทะยาน สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจ
“ได้ค่ะ” ชัญญาตอบ รอยยิ้มของเธอแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ เธอรู้ดีว่านี่คือโอกาสของเธอ โอกาสที่จะก้าวขึ้นสู่อำนาจ เป็นผู้หญิงที่เหนือกว่าใครๆ
เอกวัฒน์ ยิ้มอย่างพอใจ เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ทานอาหารกลางวันกับชัญญา เขามั่นใจว่าเธอจะตกหลุมเสน่ห์ของเขา และกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ของเขา
ห้องทำงานของญาณวดี
ญาณวดี เซลล์สาว รูปร่างอวบ แต่หลงตัวเอง กำลังนั่งจิบกาแฟ มองดูชัญญาเดินออกจากห้องทำงานของเอกวัฒน์ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความริษยา
“ชัญญา ยัยนี่มันน่ารำคาญจริงๆ” ญาณวดีบ่นกับตัวเอง
“คิดว่าตัวเองสวย เก่ง ดีกว่าใคร เดี๋ยวฉันจะทำให้รู้ว่า ฉันไม่ใช่พวกกระจอกอย่างที่คิด”
ญาณวดี ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เธอหยิบตลับยาสีดำขึ้นมา เปิดฝาตลับ ควักผงสีแดงคล้ำออกมาเล็กน้อย โรยลงบนปลายนิ้ว แล้วทาลงบนริมฝีปาก
“เสน่ห์ยาแฝด ช่วยให้ผู้ชายหลงใหล เชื่อฟัง และทำตามฉันทุกอย่าง” ญาณวดีร่ายคาถาโบราณ มั่นใจว่าเสน่ห์ยาแฝดจะช่วยให้เธอเอาชนะชัญญาได้
ในร้านอาหารหรู
ชัญญา และเอกวัฒน์ นั่งทานอาหารกลางวันด้วยกัน บทสนทนาของพวกเขาดูเป็นไปอย่างราบรื่น ชัญญารู้ดีว่าเอกวัฒน์ชอบผู้หญิงที่ฉลาด และสามารถพูดคุยได้อย่างชาญฉลาด เธอจึงพยายามแสดงออกอย่างเต็มที่ เพื่อเอาชนะใจเขา
เอกวัฒน์ รู้สึกประทับใจชัญญามากขึ้นทุกที เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ เขารู้สึกอยากได้เธอมาเป็นของตัวเอง แต่เขายังไม่แน่ใจว่าชัญญารู้สึกอย่างไรกับเขา เขาจึงแอบวางแผนภายในใจอย่างเงียบๆ
“คุณชัญญา สนใจจะมาเป็นเลขาของผมมั้ย?”
“อะไรนะคะ?” ชัญญาตกใจ ดวงตาสวยเบิกกว้าง
“ผมประทับใจในความสามารถของคุณมาก ผมคิดว่าคุณเหมาะที่จะมาทำงานเป็นเลขาของผม” เอกวัฒน์พูดด้วยท่าทางสบายๆ
“ขอบคุณค่ะ ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะ”
“ผมจริงจังนะ คุณทำงานเก่ง ฉลาด พูดเก่ง ผมมั่นใจว่า คุณจะช่วยผมทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม”
“ดีใจจังค่ะ แต่ขอเวลาคิดสักหน่อยนะคะ” ชัญญายิ้มเขิน
“ไม่ต้องรีบครับ ผมรอได้” เอกวัฒน์ยิ้มให้
ชัญญายิ้มหวาน เธอรู้ดีว่านี่คือโอกาสทองของเธอ โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับเอกวัฒน์ และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงกว่านี้ ถึงเธอจะรู้สึกกังวล กลัวว่าจะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงโลภ และไร้ศีลธรรม แต่...โอกาสไม่ได้มีมาง่ายๆ ถ้าไม่คว้าไว้ เธอคงโง่มาก
ในขณะเดียวกันญาณวดี นั่งอยู่ในร้านอาหารอีกแห่งหนึ่ง มองดูชัญญา และเอกวัฒน์ ด้วยความริษยา เธอสาบานว่าจะไม่ยอมให้ชัญญามีความสุข เธอจะใช้เสน่ห์ยาแฝด เพื่อทำลายชีวิตชัญญา และแย่งเอกวัฒน์มาเป็นของตัวเอง
อาคิรา และ ณัฐรินีย์ กำลังนั่งทานอาหารกลางวันด้วยกัน บรรยากาศภายในโรงอาหารของออฟฟิศเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ
“เมื่อคืนฉันดูหนังตลกมา สนุกมาก!” อาคิราเล่าให้ณัฐรินีย์ฟัง
“หนังอะไรเหรอ? น่าสนใจไหม?” ณัฐรินีย์ถาม
“เป็นหนังตลกเกี่ยวกับหมาพูดได้ ฮามาก!”
“หมาพูดได้เนี่ยเหรอ? น่าดูนะ ไว้ฉันต้องไปหาดูบ้าง”
“เธอน่าจะชอบนะ ดูแล้วอารมณ์ดีแน่นอน” ทั้งคู่คุยกันอย่างสนุกสนาน หัวเราะร่า
ทันใดนั้น รุ่นพี่ในออฟฟิศคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกเธอ
“ได้ยินข่าวชัญญารึยัง?” รุ่นพี่พูดด้วยน้ำเสียงนินทา
“ข่าวอะไรเหรอคะ?” ณัฐรินีย์ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เมื่อคืนฉันเห็นชัญญาไปเที่ยวกับผู้ชายคนใหม่ หล่อมากเลยนะ”
“จริงเหรอ? ผู้ชายคนไหน?” อาคิรารู้สึกสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เขาคนนั้นดูดีมีฐานะมากเลย” รุ่นพี่พูดต่อด้วยน้ำเสียงอิจฉา
“ชัญญาเนี่ยโชคดีจริงนะ ผู้ชายหล่อๆ รุมจีบเพียบ” ณัฐรินีย์พูดด้วยความรู้สึกแซะ
“ใช่สิ เธอน่าจะเอาบ้างนะ อาคิรา” รุ่นพี่พูดต่อ
“ฉันก็อยากมีแฟนนะ แต่ไม่รู้จะไปหาจากไหน” อาคิราตอบอย่างเขินอาย
“ลองหาในแอปหาคู่สิ เผื่อจะเจอผู้ชายดีๆ สักคน” ณัฐรินีย์แนะนำ
“เดี๋ยวฉันลองดูนะ”
ทั้งคู่คุยกันต่ออย่างสนุกสนาน โดยไม่สนใจสายตาของรุ่นพี่ที่มองพวกเธอด้วยความอิจฉา
หลังจากเลิกงาน อาคิรา เดินออกจากออฟฟิศ แสงแดดยามเย็นสาดส่องลงมา ท้องฟ้าสีทองสวยงาม อากาศกำลังเย็นสบาย
เอ..วันนี้อากาศดีจัง ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะก่อนกลับบ้านน่าจะดี
คิดได้ดังนั้น เท้าก็ไวเท่าความคิด สาวน้อยเดินลัดเลาะตรงไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ห่างจากออฟฟิศมากนัก ภายในสวนสาธารณะมีผู้คนกำลังเดินเล่น หรือออกกำลังกายอยู่ บางครอบครัวก็พาลูกมาถีบเรือเป็ด
อาคิรา สาวน้อยผมสีน้ำตาลขลับ ดวงตาสีอำพัน กำลังเดินเล่นชมบรรยากาศสวนสาธารณะยามเย็น เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังก้องไปทั่ว อากาศเย็นสบาย ใบไม้เปลี่ยนสีปลิวร่วงตามแรงลม
ทันใดนั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง นั่งอยู่บนม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ กฤติน ชายหนุ่มผมสีดำขลับ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าคมคาย กำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ
แสงแดดยามเย็นที่สาดร่างของชายหนุ่มทำให้อาคิรารู้สึกประทับใจในตัวเขา เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายอย่างเขินอาย
“สวัสดีค่ะ อ่านอะไรอยู่เหรอคะ”
กฤติน เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ มองดูเธอด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดี เธอชื่ออะไรเหรอ”
“ฉันชื่ออาคิราค่ะ คุณชื่ออะไรคะ”
“ฉันชื่อกฤติน ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“คุณมาที่นี่บ่อยเหรอคะ?” อาคิราถาม
“ใช่ บางครั้งฉันก็ชอบมาอ่านหนังสือที่นี่ เงียบสงบดี”
“ฉันก็ชอบมาที่นี่เหมือนกันค่ะ อากาศดี ร่มรื่น”
“เธอชอบอ่านหนังสืออะไรเหรอ?”
“ฉันชอบอ่านนิยายโรแมนติกค่ะ แล้วคุณล่ะคะ?” สาวน้อยเอียงคอมองหนังสือในมือของเขา
“ฉันชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์น่ะ”
“น่าสนใจดีค่ะ แต่มันยากสำหรับฉันมากเลยค่า” อาคิรายิ้มแหยๆ เธอไม่ค่อยถูกกับพวกประวัติศาสตร์เท่าไหร่
“ลองอ่านดูซักครั้ง อาจจะติดใจก็ได้นะ” กฤตินยิ้มให้ หัวใจอาคิราถึงกับเต้นตึกตัก ใบหน้าร้อนผ่าว
“เธอชอบทำอะไรยามว่างเหรอ?”
“เอ้อ..ฉันชอบฟังเพลง ดูหนังแล้วก็เที่ยวกับเพื่อนๆ ค่ะ”
“ฉันชอบเล่นกีฬา ว่ายน้ำ แล้วก็เล่นดนตรีน่ะ”
“เก่งจังค่ะ” อาคิรามองเขาทึ่งๆ
“เธอก็คงมีงานอดิเรกที่น่าสนใจเหมือนกัน”
“ใช่ค่ะ ฉันชอบวาดรูปแล้วก็ทำอาหารค่ะ” อาคิรายิ้มอายๆ
“เก่งมากเลย ฉันวาดรูปไม่ได้ แต่เรื่องทำอาหารฉันคงไม่แพ้เธอแน่ๆ” กฤตินหัวเราะออกมาเบาๆ
ทั้งคู่เริ่มพูดคุยกัน อาคิรา รู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับกฤติน เขาเป็นคนพูดจาสุภาพ ฉลาด และมีเสน่ห์
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่อาคิราจะรู้ตัว พระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว
“ฉันต้องกลับบ้านแล้วค่ะ” อาคิรา เอ่ยอย่างเสียดาย
“ไว้เจอกันอีกนะ อาคิรา” กฤตินยิ้มให้เธอ
อาคิรากลับบ้านด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เธอรู้สึกตื่นเต้นที่ได้คุยกับกฤติน
กฤติน มองตามร่างของอาคิรา ดวงตาสีอำพันของเธอช่างคุ้นเคย ภาพความหลังของพวกเขาก็ย้อนกลับมาในความทรงจำ กฤติน จำได้ดีว่าเขาเคยพบกับอาคิรามาก่อน
ย้อนไปในอดีต กฤตินและอาคิราเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในโรงเรียนมัธยมปลาย พวกเขาสนิทกันมาก อาคิราเป็นเด็กสาวที่ร่าเริง มีชีวิตชีวา กฤตินชอบอยู่ใกล้เธอ เธอทำให้เขารู้สึกมีความสุข
แต่แล้ววันหนึ่ง ครอบครัวของอาคิราต้องย้ายบ้านไปต่างประเทศ กฤตินรู้สึกเสียใจที่ต้องจากเธอ เขาพยายามติดต่อเธอ แต่ก็ไร้ผล
กฤติน คิดว่าอาคิราคงจะลืมเขาไปแล้ว เพราะหน้าตาและรูปร่างของเขาเมื่อตอนเด็กกับตอนนี้แตกต่างกันอย่างมาก แต่เมื่อเขาได้พบกับเธออีกครั้ง ภาพความทรงจำเก่าๆ ก็กลับมาย้อนขึ้นมา
กฤติน รู้สึกดีใจที่ได้พบกับอาคิราอีกครั้ง เขาอยากจะถามเธอว่าเธอจำเขาได้ไหม แต่เขาไม่กล้า
เขาไม่รู้ว่าเธอจำเขาได้หรือไม่ เขาไม่รู้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขา
กฤติน ตัดสินใจเก็บความรู้สึกของเขาเอาไว้ เขาไม่อยากทำลายมิตรภาพ
เขาหวังว่าอย่างน้อย อาคิรา ก็น่าจะจำเขาได้
ในบ้านหลังใหญ่ที่หรูหราภายในห้องนอนที่มืดมิด แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่าง เป็นประกายระยิบระยับ กานต์รวี นอนอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ดวงตาของเธอปิดสนิท แต่หัวใจของเธอดิ้นรนด้วยความปรารถนา เธอคิดถึงชัญญา หญิงสาวผู้จุดประกายไฟแห่งรักในตัวเธอกานต์รวี รู้จักชัญญามานานแล้ว ทั้งคู่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันสมัยเรียนด้วยกัน ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกัน ชอบทำกิจกรรมคล้ายๆ กัน กานต์รวี ชื่นชมในความสวยงามและความร่าเริงของชัญญา ในขณะที่ชัญญา ชื่นชอบในความฉลาดและความใจดีของกานต์รวี ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอกานต์รวีแอบหลงรักชัญญา เธอเกือบจะสารภาพรักกับชัญญา แต่เมื่อชัญญาพาแฟนหนุ่มที่หล่อเหลาและดูดีมาแนะนำให้รู้จัก กานต์วรีรู้สึกเสียใจ และต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้หลังเรียนจบ ทั้งคู่แยกย้ายกันไปทำงานและไม่ได้ติดต่อกันอีก ในที่สุดกานต์รวีตัดสินใจแต่งงานกับชายหนุ่มที่ชื่อ ธีรเทพ เพื่อลืมความรักที่มีต่อชัญญา แต่ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว กานต์รวีก็ยังไม่สามารถลืมชัญญาได้ เธอแอบติดตามชีวิตของชัญญาผ่านโซเชียลมีเดียอยู่เสมอจนกระทั่งวันหนึ่ง เหมือนสวรรค์เล่นตลกให้ชัญญามาสมัครงานที่บริษัท Vivid Ente
สัปดาห์ถัดมา ชัญญาได้เริ่มต้นทำงานใหม่ในตำแหน่งเลขาของเอกวัฒน์ เธอตั้งเป้าที่จะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความสามารถของเธอ และเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจที่เธอต้องการภายในห้องทำงานของเอกวัฒน์ชัญญา ทำงานอย่างขะมักเขม้น เธอจัดการเอกสารต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำ เธอสามารถตอบคำถามของเอกวัฒน์ได้อย่างถูกต้อง และตรงประเด็น เอกวัฒน์รู้สึกประทับใจในความสามารถของชัญญามากขึ้นทุกทีในฐานะเลขาของเอกวัฒน์ ชัญญามีงานที่หนักขึ้น เธอต้องจัดการงานต่างๆ ให้กับเอกวัฒน์ ทั้งงานเอกสาร งานประชุม งานติดต่อลูกค้า ชัญญาทำงานอย่างคล่องแคล่ว และมีประสิทธิภาพ เธอสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเอกวัฒน์นั่งมองหญิงสาวทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยสายตาชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง“นายคะ กาแฟค่ะ” ชัญญาเสิร์ฟกาแฟ พร้อมเปลี่ยนสรรพานามในการเรียกเอกวัฒน์ใหม่“ขอบคุณมาก คุณทำงานดีมาก ผมประทับใจจริงๆ” เอกวัฒน์ชม พร้อมกับจับมือของชัญญาไว้ เขามองเธอด้วยสายตาเจ้าชู้ และแรงปรารถนา“อ๊ะ..ถ้านายชอบ ญ่าก็ดีใจค่ะ” ชัญญามีท่าทีเขินอาย เธอพยายามดึงมือออก“คืนนี้คุณว่างมั้ย ?” เอกวัฒน์ยอมปล่อยมือ“ว่างค่ะ ทำไมเหรอคะ?” ชัญญาประสานมือไว้ด้
ในห้องทำงานหรูหราใจกลางคฤหาสน์เอกวัฒน์ นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังนุ่ม แสงไฟจากโคมระย้าส่องสว่างลงมาบนใบหน้าของเขา ในมือถือแก้วไวน์แดง จิบไปช้าๆ พลางจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างค่ำคืนนี้ เอกวัฒน์รู้สึกเหงา และคิดถึงชัญญา เลขาคนสวย ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งกลับมาจากดินเนอร์กับชัญญา บรรยากาศในร้านอาหารโรแมนติก แสงไฟสลัว เสียงเพลงคลอเบาๆชัญญา ดูสวยมากในชุดเดรสสีดำ เธอฉลาด พูดเก่ง ภาพชัญญายิ้มหวาน พูดคุยอย่างสนุกสนาน ดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว และรู้สึกหลงใหลในตัวชัญญา เขารู้สึกว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขารู้จักเขารู้สึก...เหมือนหลงรักเธอเขารู้สึก..อยากกอด จูบเธอเขารู้สึก...อยากครอบครองเธอเอกวัฒน์ถอนหายใจยาว พักหลัง เขารู้สึกถึงความเย็นชาในความสัมพันธ์ของเขากับภรรยา เขาต้องการผู้หญิงที่สดใส มีชีวิตชีวา และทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเหมือนชัญญาเอกวัฒน์ วางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนและเดินไปยังหน้าต่าง เขามองออกไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงดาวระยิบระยับ เหมือนกับความฝันของเขาเขาฝันอยากจะมีความสุขกับชัญญาเอกวัฒน์กำหมัดแน่น เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องได้ตัวชัญญามาคร
นที่ 5:ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในห้องทำงานของญาณวดีญาณวดีนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูขวดแก้วสีแดงที่บรรจุยาเสน่ห์สีดำขลับ เธอรู้สึกโกรธแค้นและผิดหวังยาเสน่ห์ที่เธอคิดว่าจะช่วยให้เธอเอาชนะใจของเอกวัฒน์ กลับกลายเป็นว่าไร้ผล เอกวัฒน์ไม่ได้หลงรักเธอ แต่เขากลับหลงรักชัญญา เลขาสาวของเขา“ทำไมมันถึงไม่ได้ผล ฉันใช้ยาเสน่ห์ชั้นดี แต่ทำไมคุณเอกถึงไม่หลงรักฉัน” ญาณวดีกำขวดยาเสน่ห์แน่นญาณวดีนึกย้อนเหตุการณ์ในอดีต เธอเคยใช้ยาเสน่ห์กับผู้ชายมากมาย และทุกครั้งมันก็ได้ผล ผู้ชายทุกคนหลงรักเธอ หัวปักหัวปำ แต่ทำไมกับเอกวัฒน์ ยาเสน่ห์ถึงไม่ทำงาน“ชัญญา เธอต้องชดใช้ ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะต้องเอาชนะเธอให้ได้” ญาณวดีคำรามในลำคอเบาๆญาณวดีลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบขวดแก้วอีกขวดหนึ่งขึ้นมา ขวดแก้วนี้บรรจุยาเสน่ห์สูตรใหม่ที่เธอเพิ่งได้รับจากหมอทำเสน่ห์ที่มีชื่อเสียงแถวภาคกลาง“ยาสูตรนี้แรงมาก ไม่จำเป็นต้องหยดใส่ให้ไอ้หนุ่มนั่นกิน แต่เธอต้องเป็นคนกินเอง ว่าแต่เธอจะกล้ากินหรือเปล่า?” คำพูดของหมอทำเสน่ห์ดังก้องในหัว“ก็เอาสิ ลองดูกันสักตั้ง”ญาณวดีเทยาเสน่ห์ลงในแก้วน้ำ และยกขึ้นจิบ รสชาติของยาเสน่ห์ช่างขมขื่น แต่เ
มนุษย์เรานั้นช่างน่าประหลาด อะไรที่ตัวเองมีอยู่ ก็มักไม่สนใจ อยากได้ของคนอื่น ของที่เคยทำแล้วทำ ได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดี ก็ไม่พอใจกับผลลัพธ์ของมัน อยากได้ผลสัมฤทธิ์ที่มากกว่านั้นชัญญาเองก็เช่นกัน แม้ว่าเอกวัฒน์จะหลงเสน่ห์เธอจนหัวปั่น เขาทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ ตั้งแต่...ซื้อคอนโดหรูใจกลางเมืองเพื่อเป็นรังรักของเขาและเธอทำบัตรเครดิตให้เธอ เพื่อให้เธอใช้ตามสบายเวลาว่างก็พาเธอไปเที่ยวต่างประเทศซื้อรถสปอร์ตคันหรูให้เธอชีวิตของชัญญายิ่งสะดวกสบายมากขึ้น ตั้งแต่เธอยอมพลีกายให้เอกวัฒน์เชยชม และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้ว่า เอกวัฒน์และภรรยาห่างเหินเรื่องบนเตียงนานมากทุกครั้งที่เอกวัฒน์มาหาเธอที่คอนโด เธอสั่งอาหารจากภัตราคารหรูมารอเสมอ และหลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอกวัฒน์ก็ต้องการชัญญาเป็นของหวานหลังมื้ออาหารทุกครั้งแต่เธอก็ยังไม่พอใจ เพราะความทะเยอทะยานของเธอคือ ต้องการเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แต่...เอกวัฒน์ก็ไม่เคยคิดที่จะหย่ากับภรรยา นั่นทำให้เธอคิดว่า ยาเสน่ห์ที่เธอทำ ฤทธิ์ของมันคงไม่แรงพอ“นายขา.....” ชัญญาเรียกเสียงหวานจากบนเตียง“หืม ?”เอกวัฒน์กำลังยืนผูกเนคไทอยู่หน้ากระจก เ
ณ อาศรมในป่าลึกแห่งหนึ่งกานต์รวีพาชัญญามาหาอาจารย์มั่น เป็นหมอทำคุณไสย เธอรู้จักหมอคุณไสยนี้เป็นการส่วนตัว เพราะเธอเคยขอความช่วยเหลือมาก่อนหน้าแล้วเมื่อไปถึงตำหนักอาศรม กานต์รวีก็พาชัญญาเข้าไปพบกับอาจารย์มั่นแบบเป็นการส่วนตัว“แม่หนู ของดีเต็มตัวเลยนี่” อาจารย์มั่นทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าชัญญา“อาจารย์รู้ดีจังนะคะ” ชัญญายิ้มหวาน“หึหึ แม่หนู คนที่เจ้าอยากได้ ก็ได้มาแล้ว จะเอาอะไรอีกล่ะ”“ฉันต้องการกำจัดผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ”“เธอขวางทางความรักของฉัน” ชัญญาบอกเสียงเรียบ“ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายนะ” อาจารย์มั่นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ฉันพร้อมจ่ายค่ะ”“ฮ่าๆ ดี ดี” อาจารย์มั่นหัวเราะเสียงดัง“ไอ้ดำ เอาของสิ่งนั้นมาซิ”เมื่ออาจารย์ได้เครื่องรางของขลัง เขาก็เริ่มบริกรรมคาถา เสียงร้องของสัตว์ดังก้องไปทั่วป่าชัญญาและกานต์รวีรู้สึกขนลุก แต่พวกเธอก็อดทนรอจนเสร็จพิธีกรรม“เอ้า แม่หนูมานี่” อาจารย์มั่นกวักมือเรียกชัญญา“นี่คืออะไรคะ?” ชัญญารับเครื่องรางที่อยู่ในถุงดำมาถือไว้“มันคือผีพรายชื่อ ริน”“ถ้าอยากสั่งให้มันทำอะไร ก็ท่องคาถาบทนี้ แล้วก็พูดสั่งการมัน” อาจารย์มั่นส่งบทคาถาให้ชัญญา“แล้วต้องบูช
ราชาแห่งการตกแต่งภายในในห้องทำงานอันหรูหรา ธีรเทพนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูวิวเมืองกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับธีรเทพ ชายหนุ่มวัย 38 ปี เจ้าของบริษัทผลิตสินค้าตกแต่งภายในบ้านที่มีชื่อว่า “บ้านสไตล์” บริษัทของเขามีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วประเทศ เขาเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจด้วยความเก่งกาจและฉลาดธีรเทพก่อตั้งบริษัทของเขามาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จากธุรกิจเล็กๆ ที่เริ่มต้นในโรงรถของบ้าน ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อยเขาทำงานหนัก ทุ่มเท และอดทน เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ และพัฒนาธุรกิจของเขาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด เขาก็ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นเจ้าของบริษัทที่ใหญ่โตธีรเทพ ไม่ได้มุ่งหวังแค่ความสำเร็จทางธุรกิจ เขาต้องการที่จะสร้างสรรค์สินค้าตกแต่งบ้านที่สวยงาม และมีคุณภาพ เขาต้องการช่วยให้ผู้คนสร้างบ้านให้สวยงาม และน่าอยู่ เขาต้องการทำให้บ้านของทุกคนเป็นสถานที่ที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยความสุขธีรเทพ เป็นคนทำงานหนัก และทุ่มเทให้กับธุรกิจของเขา แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่าง ธีรเทพ ชอบออกไปเที่ยว และผ่อนคลาย เขามักจะไปเล่นกอล์ฟ หรือไปทานอาหารกับ
ในห้องทำงานของกานต์รวี ณัฐรินีย์กำลังนั่งมองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปื้อนคราบกาแฟบนโซฟาด้วยสายตาอ่านไม่ออกเสื้อเชิ้ตตัวนี้ เป็นเสื้อตัวโปรดของเธอ หาซื้อยาก และมีคุณค่าทางใจสำหรับเธอมาก“โอ๊ยยย เสื้อฉัน เสื้อฉัน!! ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันจะเอามาซักยังไงเนี้ย คราบกาแฟมันฝังแน่นแล้วว”ณัฐรินีย์คร่ำครวญ“เอาน่า ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวฉันจะหาทางช่วย” กานต์รวีปลอบใจ“อะ กาแฟซองไปก่อนนะ” อาคิราเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ“ผู้ชายเฮงซวย ทำอะไรไม่รู้จักระวัง” ณัฐรินีย์บ่นพึมพำ เธออยู่ในชุดเสื้อยืดแบบฟอร์มของพนักงานบริษัท“ใครกันที่ทำให้เธอโมโหได้ขนาดนี้เนี่ย” อาคิราขำ“ไม่รู้จักอะ หน้าตาก็ดีนะ แต่...ไม่ไหว เจ้าชู้น่าดู” ณัฐรินีย์ส่ายหน้าจนผมกระจาย“ฉันสั่งกาแฟให้ใหม่มั้ย เดี๋ยวให้แกรปมาส่ง” กานต์รวีส่งเสียงถาม“ไม่เป็นไร หมดอารมณ์กินละ กาแฟซองก็ได้” ณัฐรินีย์มีสีหน้าเซ็งๆ เอานิ้วเขี่ยแก้วกาแฟตรงหน้า อาคิราหัวเราะคิกคัก“ว่าแต่เรียกฉันมามีอะไรเหรอ?” ณัฐรินีย์เงยหน้าถาม“พอดีคุณธีร์ อยากได้คนออกแบบสินค้าให้เขาน่ะ ฉันเลยนึกถึงเธอคนแรกเลย”“คุณธีร์นี่ แฟนเธอน่ะเหรอ?”“ใช่”“สินค้าแบบไหน
หลังจากที่พลังมืดที่เคยปกคลุมทุกชีวิตถูกทำลายลง ความสงบสุขก็กลับคืนมาอีกครั้ง กฤติน อาคิรา ธีรเทพและณัฐรินีย์ต่างหายใจโล่งขึ้น พวกเขาได้ผ่านพ้นความท้าทายและการต่อสู้อันโหดร้ายที่ทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นบรรยากาศในสวนหลังคฤหาสถ์เทวานุรักษ์นั้นชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ยามค่ำคืนที่อบอุ่นเต็มไปด้วยแสงเทียนที่ส่องสว่างรอบๆ พุ่มดอกไม้ เสียงลมพัดเบาๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ บรรยากาศในวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนอยู่ด้วยกันเพื่อฉลองการเริ่มต้นใหม่ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ดอกไม้บานสะพรั่งรอบๆ สวน มีแสงเทียนนุ่มนวลที่ถูกจุดประดับประดา สร้างบรรยากาศโรแมนติกธีรเทพมองไปที่ณัฐรินีย์อย่างอ่อนโยน ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เธอหัวเราะและพูดคุยกับอาคิราอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับดวงดาวธีรเทพรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเธอ หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ยากลำบากเขารู้ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ความรักที่เ
เงาแห่งความสูญหายณัฐภัทรเดินเข้ามาในหอสมุดเทวานุรักษ์ด้วยท่าทางเร่งรีบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน ขณะที่ก้าวเข้าไปในโถงทางเดิน หัวของเขาก็หมุนวนไปกับความคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเดินมาถึงห้องประชุมเล็กที่เขามักจะมาพูดคุยกับกฤติน เขาก็หยุดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง กฤติน อาคิรา ธีรเทพ และณัฐรินีย์ ต่างกำลังนั่งทำงานอยู่ในส่วนของตนเอง บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงแผ่วเบาจากการพลิกกระดาษและพิมพ์แป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ ทุกคนดูเหมือนจะมีสมาธิในงานที่ทำ จนกระทั่งณัฐภัทรก้าวเข้ามาในห้อง“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ณัฐภัทรพูดเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเร่งด่วนในน้ำเสียง ทุกสายตาในห้องหันมามองเขาในทันทีอาคิราส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา“คุณภัทร เชิญนั่งค่ะ” เธอเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร พร้อมดึงเก้าอี้ให้เขานั่งลงตรงข้ามกับกฤตินกฤตินสังเกตถึงท่าทางที่ไม่ปกติของณัฐภัทร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยความสนใจณัฐภัทรนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อน
ชัญญาเดินวนไปมาภายในห้อง ความเงียบภายในห้องใหญ่ทำให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งน่ากังวลมากขึ้น ทุกเสียงฝีเท้าที่เธอเดินสะท้อนกลับมาเหมือนเสียงกระทบจากความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอพยายามติดต่อหมอผียงซานหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แม้แต่ข้อความหรือตอบกลับก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบสงัดเหมือนคนที่หายไปในอากาศ ความกังวลเริ่มเกาะกินหัวใจของเธอ ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเริ่มถาโถมเข้ามาแต่สิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากกว่าการหายตัวไปของยงซาน คือเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้นกับเธอทุกคืน เหตุการณ์ที่เธอไม่อาจอธิบายได้ทุกคืน เมื่อเธอล้มตัวลงนอนในห้องนอนที่กว้างขวางและโดดเดี่ยว เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ เธอ สัมผัสที่ลึกลับและอ่อนโยนเริ่มเข้ามาลูบไล้ร่างกายของเธอ ค่อยๆ แตะต้องเหมือนลมหายใจเบาๆ ที่คอยกระซิบข้างหู ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความรู้สึกเสียวซ่านและหวานหวามไหลเวียนไปทั่วร่างกาย เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปตามผิวเนื้อของเธอในช่วงแรก ชัญญาพยายามจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ เธอคิดว่ามันอาจเป็นเพียงภาพหลอนจากควา
อาคิรายืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ด้านหน้าของหอสมุด ความเงียบของยามค่ำคืนไม่ได้ช่วยให้เธอสงบลงได้แม้แต่น้อยหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากกฤตินว่าเขากำลังจะกลับมาถึงในไม่ช้าหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล เธออดคิดไม่ได้ว่าการต่อสู้ที่เขาเผชิญหน้ามาจะเป็นอย่างไร และเขาบาดเจ็บมากแค่ไหนไไม่นานนัก เธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าหอสมุด กฤตินดูเหนื่อยล้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแม้ว่าเขาจะพยายามเดินอย่างมั่นคง แต่ความอ่อนล้าก็ปกคลุมอยู่บนใบหน้า อาคิราไม่รอช้า เธอวิ่งตรงไปหาเขาโดยไม่คิดอะไร โผเข้ากอดเขาแน่นทันที“ฉันกลับมาแล้ว”กฤตินยิ้มบางๆ ก่อนจะทิ้งกระเป๋าลงกับพื้นแล้วรับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน อ้อมกอดของเธอให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบโยน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าเพียงใด แต่การได้กลับมาหาเธอทำให้ความเจ็บปวดนั้นเบาบางลงไปในทันทีอาคิรากอดเขาแน่น ราวกับไม่ต้องการให้เขาห่างไปไหนอีก“กฤต...” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก แต่ทันใดนั้น กฤตินก็ครางออกมาเบาๆ“โอ๊ย...เบาหน่อยสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดที่พยายามเก็บไว้อาคิรารีบผละออกจากเขาทันที เธอ
หลังจากที่พลังมืดของยงซานถูกทำลายลง เหลือเพียงร่างกายของเขาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ ยงซานมองไปที่กฤตินด้วยสายตาอาฆาตและความโกรธ แม้พลังมืดที่เคยครอบครองจะหายไปหมด แต่ร่างกายของยงซานยังแข็งแกร่งจากการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีกฤตินยกดาบขึ้นพร้อมจะจบการต่อสู้นี้ แต่ยงซานไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขารู้ว่าการใช้เพียงกายภาพอาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดได้ ยงซานพุ่งเข้าหากฤตินอย่างรวดเร็ว กฤตินยกดาบขึ้นป้องกัน หมัดของยงซานกระแทกเข้ากับดาบเสียงดังสนั่น แรงนั้นทำให้กฤตินถอยหลังไปเล็กน้อยกฤตินและยงซาน ยืนประจันหน้ากันกลางลานโล่ง บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งด้วยความเงียบ ราวกับธรรมชาติหยุดนิ่งเพื่อรอคอยผลการต่อสู้ครั้งนี้กฤตินที่ผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะเป็นไอคิโด เทควันโด และวิชาการต่อสู้แขนงอื่นๆ ยืนในท่าพร้อมรับมือ เขารู้ดีว่ายงซานเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตราย แม้พลังเวทจะหมดไปแล้ว แต่ร่างกายของเขายังสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงได้ทันใดนั้น ยงซานก็พุ่งเข้าโจมตีกฤตินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หมัดแรกพุ่งตรงเข้าที่กลางลำตัวของกฤติน แต่กฤตินที่คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแบบนี้หลบได้อย่างค
หมอผีเขมร ยงซาน ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ราวกับว่าเขาคือส่วนหนึ่งของความมืดนั้นเอง ทุกย่างก้าวของเขาเงียบสงัด แต่กลับสร้างแรงกดดันที่หนักอึ้ง บรรยากาศรอบตัวพลันหนาวเย็นลงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ใบหน้าของยงซานที่ซ่อนอยู่ใต้เงาผ้าคลุมเผยออกมาเพียงบางส่วน ผิวของเขาคล้ำจากการใช้ชีวิตอยู่กับมนตร์ดำมาเนิ่นนาน ดวงตาสีดำสนิทของเขามองทะลุความมืด ลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับเป็นช่องว่างแห่งความสิ้นหวังที่ดูดกลืนทุกสิ่งที่มองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ได้สะท้อนแสงใดๆ แต่กลับเหมือนเป็นบ่อน้ำลึกที่เก็บกักความลับและความโหดเหี้ยมของโลกวิญญาณ ราวกับว่าความมืดทั้งหมดในโลกนี้ถูกกักขังอยู่ภายใน เขาสวมผ้าคลุมยาวสีดำที่พริ้วไหวตามการเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่เพราะสายลม ผ้าคลุมของเขาเหมือนมีชีวิต มันโอบรัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา ราวกับจะปกป้องนายของมันจากสิ่งใดก็ตามที่พยายามเข้ามาใกล้อักขระโบราณสีเทาหม่นถูกปักลงบนผ้าคลุมนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งมนตร์ดำที่ยงซานใช้ควบคุมวิญญาณชั่วร้าย และเหนือหัวของเขามีกลุ่มเงามืดหมุนวน วิญญาณร้ายหลายตนซ่อนตัวอยู่ในนั้น รอเพียงคำสั่งจากยงซานเพื่อปลดปล่อยความวินาศออกมา“พวกเจ้าช่างชักช้าจริง” ยงซานเอ่ยเสี
กฤตินยืนอยู่ตรงพรมแดนระหว่างไทยและเขมร สายลมอ่อนๆ พัดผ่านต้นไม้สูงในป่าทึบที่ล้อมรอบเขา เสียงใบไม้เสียดสีกันทำให้บรรยากาศรอบข้างดูเงียบสงัดและเคร่งเครียด สถานที่นี้เงียบเกินกว่าที่เขาคาดไว้ ราวกับธรรมชาติรับรู้ได้ถึงการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าข้างกายของกฤติน โซระวิญญาณเทพเจ้าที่มีรูปร่างเป็นเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน โซระดูนิ่งสงบ แต่เต็มไปด้วยความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู เขามีปีกสีดำที่ใหญ่โอบล้อมรอบตัวเล็กน้อย ราวกับเตรียมปกป้องกฤตินจากอันตรายที่กำลังจะมาถึงอีกด้านหนึ่ง อาเรีย วิญญาณเทพพิทักษ์ของอาคิรา เดินตามติดกฤตินอย่างใกล้ชิด แต่ต่างจากโซระที่เป็นเทพแห่งแสงสว่าง อาเรียคือเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายที่ทรงพลัง เธอมีพลังที่รุนแรงและดุดัน ดวงตาของเธอส่องประกายด้วยความหิวกระหายในการทำลายล้าง ใบหน้าของเธอดูแข็งแกร่งและมุ่งมั่น พร้อมที่จะบวกกับทุกสิ่งที่ขวางหน้าอาเรียไม่ใช่วิญญาณพิทักษ์ธรรมดา เธอคือเทพเจ้าที่มีพลังแห่งความมืดและการทำลายล้างอย่างแท้จริง เธอเป็นส่วนหนึ่งของอาคิรามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจัดการวิญญาณที่แข็งแกร่ง หรือปกป้องยามเธอมี
กลางคืนที่เงียบสงบในคฤหาสน์ของกฤติน กลับเต็มไปด้วยความกังวลในใจของอาคิรา เธอนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ขณะกำลังแปรงผมยาวสลวยของตัวเอง แสงไฟจากโคมเล็กๆ ส่องแสงอ่อนๆ ให้เห็นเงาสะท้อนของเธอในกระจก จิตใจของเธอกำลังหมุนวนไปกับความคิดที่ไม่อาจสงบลงได้การต่อสู้กับหมอผีเขมรอย่างยงซาน เป็นสิ่งที่เธอกังวล แม้ว่ากฤตินจะบอกให้เธอวางใจว่าเขาสามารถจัดการได้ แต่ในใจของเธอยังคงไม่สามารถปล่อยวางได้ เธอรู้ว่าการต่อสู้นี้เต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ เธอไม่อยากให้เขาไปเผชิญหน้าเพียงลำพังเสียงน้ำหยดลงจากฝักบัวในห้องน้ำข้างๆ หยุดลง กฤตินเพิ่งอาบน้ำเสร็จและนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมา ท่อนบนของเขาเปล่าเปลือย โชว์กล้ามท้องเป็นลอนสวยงาม เขาเดินเข้าไปโอบกอดเธอจากด้านหลังอย่างอ่อนโยน อ้อมแขนแข็งแรงของเขาสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับอาคิรา แม้ว่าความกังวลยังคงค้างคาอยู่ในใจเธอ“เป็นอะไร?” กฤตินจรดริมฝีปากที่ซอกหูของเธอ เสียงนุ่มนวลของเขาทำให้เธอใจเต้นแรง เธอวางแปรงผมลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วมองเงาสะท้อนของเขาในกระจก“ฉันจะไปด้วย” อาคิราพูดอย่างหนักแน่นกฤตินมองเธอในกระจก รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเ
“อึ๊..อ๊า...”เสียงหอบหายใจสะท้านก้องไปทั่วห้องที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแห่งมนตร์ดำ หมอผียงซานนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีชัญญานั่งคร่อมร่างของเขาอยู่ เธอกำลังโยกร่างกายส่วนล่างของเธอบดเบียดกับเขา“อื้ม..ดี..แรงอีกหน่อย...” หมอผียงซานพึมพำเสียงกระเส่า ใช้ฝ่ามือดันหลังของชัญญาให้แอ่นขึ้น พลางลากเรียวลิ้นไปบนยอดอกที่ชูชันของเธอ มืออีกข้างคลึงเคล้นหน้าอกของเธอ“อื้ม..อ๊ะ..เสียวจัง..” ชัญญาเสียวสะท้าน ครางกระเส่า บั้นท้ายของเธอบดขยี้และขยับเร็วขึ้น“อ๊ะ..อ๊า....”ไม่นานเสียงครางที่สุขสมของทั้งสองคนก็ดังขึ้น ชัญญาเกร็งร่างกระตุกก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคอของเขาอย่างอ่อนแรง สองแขนยังคงโอบคอของเขา“ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการกับเอกวัฒน์” หมอผียงซานกระซิบข้างหูชัญญา“.....” ชัญญาดันตัวขึ้นมองหน้าหมอผีหนุ่ม“ถ้าไม่ทำ ทุกสิ่งที่ทำมาจะสูญเปล่า” หมอผียงซานพูดเสียงเรียบ ใช้มือข้างหนึ่งปัดไรผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของเธอ“เจ้าเสียดายเขารึ?” หมอผียงซานมองนิ่ง ขณะที่มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปตามเนินอกของเธอชัญญายิ้มเยือกเย็น สายตาเย็นชาและไร้ความรู้สึกใดๆ ต่อเอกวัฒน์ คนที่เธอเคยหลงใหลและหมายปอง ตอนนี้เหลือเพียงความว่างเป