ณ อาศรมในป่าลึกแห่งหนึ่ง
กานต์รวีพาชัญญามาหาอาจารย์มั่น เป็นหมอทำคุณไสย เธอรู้จักหมอคุณไสยนี้เป็นการส่วนตัว เพราะเธอเคยขอความช่วยเหลือมาก่อนหน้าแล้ว
เมื่อไปถึงตำหนักอาศรม กานต์รวีก็พาชัญญาเข้าไปพบกับอาจารย์มั่นแบบเป็นการส่วนตัว
“แม่หนู ของดีเต็มตัวเลยนี่” อาจารย์มั่นทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าชัญญา
“อาจารย์รู้ดีจังนะคะ” ชัญญายิ้มหวาน
“หึหึ แม่หนู คนที่เจ้าอยากได้ ก็ได้มาแล้ว จะเอาอะไรอีกล่ะ”
“ฉันต้องการกำจัดผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ”
“เธอขวางทางความรักของฉัน” ชัญญาบอกเสียงเรียบ
“ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายนะ” อาจารย์มั่นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ฉันพร้อมจ่ายค่ะ”
“ฮ่าๆ ดี ดี” อาจารย์มั่นหัวเราะเสียงดัง
“ไอ้ดำ เอาของสิ่งนั้นมาซิ”
เมื่ออาจารย์ได้เครื่องรางของขลัง เขาก็เริ่มบริกรรมคาถา เสียงร้องของสัตว์ดังก้องไปทั่วป่า
ชัญญาและกานต์รวีรู้สึกขนลุก แต่พวกเธอก็อดทนรอจนเสร็จพิธีกรรม
“เอ้า แม่หนูมานี่” อาจารย์มั่นกวักมือเรียกชัญญา
“นี่คืออะไรคะ?” ชัญญารับเครื่องรางที่อยู่ในถุงดำมาถือไว้
“มันคือผีพรายชื่อ ริน”
“ถ้าอยากสั่งให้มันทำอะไร ก็ท่องคาถาบทนี้ แล้วก็พูดสั่งการมัน” อาจารย์มั่นส่งบทคาถาให้ชัญญา
“แล้วต้องบูชายังไงคะ”
“ทุกวันโกน เจ้าต้องหาเลือดวัวมาเลี้ยงมัน หยดเลือดหนึ่ง หยด ก็พอ”
“เมื่อเจ้าสมหวังแล้ว ก็ให้นำมาคืนข้า”
“ได้ค่ะ” ชัญญารับคำ
“นี่ค่าตอบแทนค่ะ” กานต์รวีหยิบเงินแสนออกจากกระเป๋าส่งให้อาจารย์มั่น
“แม่หนู จำคำข้าไว้นะ ทุกอย่างมีราคาต้องจ่าย”
“ทราบแล้วค่ะ” ชัญญายิ้มหวาน ก่อนจะก้มลงกราบอาจารย์มั่น และออกจากอาศรมพร้อมกับกานต์รวี
ในขณะเดียวกัน
ณัฐรินีย์และอาคิรากำลังค้นหาอะไรบางอย่างที่โต๊ะของชัญญา เป็นโชคดีของพวกเธอที่วันนี้ชัญญาลางาน และเอกวัฒน์ติดประชุมกับลูกค้าข้างนอกบริษัท
เนื่องจากทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกับชัญญา คนในออฟฟิศจึงไม่ได้สนใจในสิ่งที่ทั้งคู่กำลังทำ
“หาไม่เจอเลยอะ”
ณัฐรินีย์แทบจะหมดแรง หลังจากหาอยู่เป็นชั่วโมง ก็ยังไม่เห็นวี่แววของหลักฐานที่ต้องการ
“ถ้าเป็นเธอ เธอจะเก็บของที่อยากซ่อนไว้ตรงไหน” อยู่ๆ อาคิราที่ยืนมองนิ่งๆ ก็ถามณัฐรินีย์ขึ้นมา
“ถ้าเป็นฉันเหรอ...คงเก็บใส่กล่องไม่ให้ใครเจอล่ะมั้ง”
“อืม....ถ้างั้น....”
อาคิราใช้มือลูบไปที่โต๊ะของชัญญา ก่อนจะดึงลิ้นชักด้านล่างออกมาจากโต๊ะ เมื่อก้มลงไปมอง ก็พบกับสมุดบันทึกเล่มหนึ่งอยู่ใต้ลิ้นชักที่ดึงออกมา
“เจอแล้ว” อาคิรายิ้มออกมา
“งั้นก็เผ่นกันเหอะ” ณัฐรินีย์พูด พลางใส่ลิ้นชักกลับเข้าไปที่เดิม จากนั้นทั้งคู่ก็รีบเดินลงไปด้านล่างของตึกทันที
ณ ร้านอาหารริมถนน
“วันนี้เธอไปทำอะไรมา?” กฤตินถามขณะที่อาคิรากำลังจะสั่งอาหาร
“ห๊ะ? อะไรเหรอ?” อาคิราตีมึนไม่ตอบ
“เฉไฉเหรอ?” กฤตินเอื้อมมือไปดึงแก้มข้างนึงของเธอ
“โอ๊ยๆๆ จะแก้มจะยืดแล้ว”
“ว่าไง?” กฤตินยอมปล่อยมือ
“สั่งข้าวก่อนน้า หิวแล้ว” อาคิราโอดครวญ ก่อนจะเรียกพนักงานร้านมาสั่งอาหาร
“เล่ามา”
กฤตินถามเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบจ้องมองอาคิราเขม็ง
“เอ้อ....คือ..”
อาคิรายอมเล่าหมดเปลือก ซึ่งบางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงยอมเล่าทุกเรื่องให้กฤตินฟัง เขาดูมีพลังบางอย่างที่ดูน่าเกรงขาม และเธอปฏิเสธเขาไม่ได้ซักครั้ง
“เธอนี่น้า”
“โอ๊ยๆๆๆ เจะน้า”
กฤตินโมโห ยื่นมือสองข้างไปดึงแก้มของอาคิรา ก่อนจะปล่อยมือออก เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความระอาใจ
“เธอไม่กลัวโดนจับได้รึไง?”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เอาไปคืนไง” อาคิราแก้ตัวเสียงอ่อย
“เอามาดูสิ”
“อะ” อาคิราส่งสมุดบันทึกให้อย่างว่าง่าย
กฤตินรับไปเปิดดูผ่านๆ เขาก็พบว่าในสมุดบันทึกนั้นเต็มไปด้วยสูตรเสน่ห์มนตร์ดำต่างๆ ที่น่าจะหายสาบสูญไปแล้ว
“เฮ้อ เธอไม่ควรยุ่งเรื่องพวกนี้เลยนะ” กฤตินปิดสมุดบันทึกวางไว้ข้างตัว
“มันคืออะไร สูตรทำยาเสน่ห์จริงปะ?” ดวงตาของอาคิราเป็นประกายเต็มไปด้วยความอยากรู้
“ไม่ต้องอยากรู้เลย” กฤตินเอาสมุดบันทึกเคาะศีรษะสาวน้อยจอมซนเบาๆ
“อ้าว”
“ฉันขอเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เอามาให้ แล้วเธอเอาไปคืนที่เดิมซะนะ” กฤตินวางสมุดไว้ข้างตัวไม่คืนให้อาคิรา
“โหย...ขี้โกง กะไว้ดูคนเดียวล่ะสิ” อาคิราบ่นพึมพำเบาๆ
“เดี๋ยวเถอะ ยังไม่สะสางเรื่องที่เธอไปทำมาเลยนะ”
“โอ๊ยยย รู้แล้วๆ” กฤตินบีบจมูก อาคิราแกล้งโอดครวญ
“ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวถึงบ้านดึก อาเธอจะเป็นห่วง”
กฤตินตัดบทง่ายๆ อาคิราได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในลำคอ แต่เธอก็ยอมทานข้าวโดยดี
ณ ห้องสมุดส่วนตัวของกฤติน
กฤตินนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังเก่าๆ ในห้องสมุดส่วนตัวของเขา แสงไฟจากโคมตะเกียงโบราณส่องสว่างใบหน้าของเขา ดวงตาของเขากำลังจดจ่อกับสมุดบันทึกโบราณที่วางอยู่บนโต๊ะ
สมุดบันทึกเล่มนี้ปกคลุมด้วยหนังสีน้ำตาลเก่าๆ ปกปิดด้วยลวดลายทองคำซีดจาง หน้ากระดาษสีเหลืองอมน้ำตาลเต็มไปด้วยอักษรไทยโบราณที่เขียนด้วยหมึกสีดำ กฤตินใช้ปลายนิ้วของเขาค่อยๆ ลูบไล้ตัวอักษรเหล่านั้น
กฤตินเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาอ่านสูตรต่างๆ อย่างละเอียด ก็รู้สึกว่าคุ้นตากับสูตรพวกนี้
กฤตินพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆ อ่านสูตรต่างๆ อย่างตั้งใจ เขารู้สึกถึงพลังงานด้านมืดที่แผ่ออกจากสมุดบันทึก รู้สึกถึงความชั่วร้ายที่แฝงอยู่ภายใน
“เสน่ห์มนตร์ดำ...พลังที่ยิ่งใหญ่..แต่ก็อันตราย..” กฤตินพึมพำกับตัวเอง
กฤตินหันไปหยิบหนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์โบราณจากชั้นหนังสือด้านหลังออกมาอ่านอยู่สักครู่ จากนั้นเขาก็เอามือแตะที่หน้าหนึ่งในสมุดบันทึก
กฤตินหลับตาลง พึมพำคาถาอย่างแผ่วเบา พลังงานสีขาวสว่างจ้าเปล่งออกมาจากฝ่ามือของเขาไหลไปรวมกับอักษรไทยโบราณบนหน้ากระดาษ
แสงสว่างค่อยๆ จางลง เมื่อกฤตินลืมตาขึ้น เขามองดูหน้ากระดาษนั้นอีกครั้ง รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าของเขา
กฤตินเปลี่ยนแปลงสูตรเสน่ห์มนตร์ดำสำเร็จแล้ว
“ดูท่าทาง...คืนนี้คงยาวนาน..” กฤตินยิ้มกับตัวเอง
ราชาแห่งการตกแต่งภายในในห้องทำงานอันหรูหรา ธีรเทพนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูวิวเมืองกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับธีรเทพ ชายหนุ่มวัย 38 ปี เจ้าของบริษัทผลิตสินค้าตกแต่งภายในบ้านที่มีชื่อว่า “บ้านสไตล์” บริษัทของเขามีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วประเทศ เขาเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจด้วยความเก่งกาจและฉลาดธีรเทพก่อตั้งบริษัทของเขามาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จากธุรกิจเล็กๆ ที่เริ่มต้นในโรงรถของบ้าน ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อยเขาทำงานหนัก ทุ่มเท และอดทน เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ และพัฒนาธุรกิจของเขาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด เขาก็ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นเจ้าของบริษัทที่ใหญ่โตธีรเทพ ไม่ได้มุ่งหวังแค่ความสำเร็จทางธุรกิจ เขาต้องการที่จะสร้างสรรค์สินค้าตกแต่งบ้านที่สวยงาม และมีคุณภาพ เขาต้องการช่วยให้ผู้คนสร้างบ้านให้สวยงาม และน่าอยู่ เขาต้องการทำให้บ้านของทุกคนเป็นสถานที่ที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยความสุขธีรเทพ เป็นคนทำงานหนัก และทุ่มเทให้กับธุรกิจของเขา แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่าง ธีรเทพ ชอบออกไปเที่ยว และผ่อนคลาย เขามักจะไปเล่นกอล์ฟ หรือไปทานอาหารกับ
ในห้องทำงานของกานต์รวี ณัฐรินีย์กำลังนั่งมองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปื้อนคราบกาแฟบนโซฟาด้วยสายตาอ่านไม่ออกเสื้อเชิ้ตตัวนี้ เป็นเสื้อตัวโปรดของเธอ หาซื้อยาก และมีคุณค่าทางใจสำหรับเธอมาก“โอ๊ยยย เสื้อฉัน เสื้อฉัน!! ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันจะเอามาซักยังไงเนี้ย คราบกาแฟมันฝังแน่นแล้วว”ณัฐรินีย์คร่ำครวญ“เอาน่า ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวฉันจะหาทางช่วย” กานต์รวีปลอบใจ“อะ กาแฟซองไปก่อนนะ” อาคิราเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ“ผู้ชายเฮงซวย ทำอะไรไม่รู้จักระวัง” ณัฐรินีย์บ่นพึมพำ เธออยู่ในชุดเสื้อยืดแบบฟอร์มของพนักงานบริษัท“ใครกันที่ทำให้เธอโมโหได้ขนาดนี้เนี่ย” อาคิราขำ“ไม่รู้จักอะ หน้าตาก็ดีนะ แต่...ไม่ไหว เจ้าชู้น่าดู” ณัฐรินีย์ส่ายหน้าจนผมกระจาย“ฉันสั่งกาแฟให้ใหม่มั้ย เดี๋ยวให้แกรปมาส่ง” กานต์รวีส่งเสียงถาม“ไม่เป็นไร หมดอารมณ์กินละ กาแฟซองก็ได้” ณัฐรินีย์มีสีหน้าเซ็งๆ เอานิ้วเขี่ยแก้วกาแฟตรงหน้า อาคิราหัวเราะคิกคัก“ว่าแต่เรียกฉันมามีอะไรเหรอ?” ณัฐรินีย์เงยหน้าถาม“พอดีคุณธีร์ อยากได้คนออกแบบสินค้าให้เขาน่ะ ฉันเลยนึกถึงเธอคนแรกเลย”“คุณธีร์นี่ แฟนเธอน่ะเหรอ?”“ใช่”“สินค้าแบบไหน
ณ บ้านพักตากอากาศริมทะเลแสงจันทร์ส่องสว่างท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบกานต์รวีกำลังยืนอยู่บนระเบียงบ้านพักตากอากาศ มองดูชัญญา เพื่อนสนิทสุดที่รักของเธอที่อยู่ริมทะเลชัญญากำลังถือขวดแก้วในมือ ซึ่งมีผีพรายที่ชื่อ “ริน”กานต์รวีกังวลใจ เธอรู้ว่าชัญญากำลังจะใช้ผีพรายไปเล่นงานภรรยาของเอกวัฒน์คุณเกศ กชมน ภรรยาของคุณเอกวัฒน์เป็นคนดี ไม่เคยทำร้ายใคร กานต์รวีไม่อยากให้ชัญญาทำร้ายเธอเธอพยายามห้ามชัญญาแล้ว แต่ชัญญาไม่ฟัง ภาพเหตุการณ์วันนี้ไหลเข้ามาในสมอง“อย่าทำเลยนะ ญ่า”“ทำไม?”“มันไม่ดี” กานต์รวีไม่อยากให้คนที่เธอรักทำร้ายคนอื่น“ถ้าฉันได้เป็นเมียคุณเอก หน้าที่การงานของเธอก็จะดีขึ้นนะ” ชัญญาเลิกคิ้วมองเพื่อน“แต่.....”“ไม่อยากให้ฉันเป็นเมียหลวงคุณเอกเหรอ?” ชัญญาเอียงคอมองเพื่อนสาว“ฉัน....”“เธอก็รู้.....” ชัญญาเดินเข้าเชยคางเพื่อนสาว“ฉันทำแบบนี้ เพื่อตัวฉัน และเพื่อหน้าที่การงานของเธอด้วย”ชัญญารู้จุดอ่อนของกานต์รวีดี รู้ว่ากานต์รวีรักเธอมาก ยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ แม้สิ่งนั้นจะผิดก็ตาม“เธอจะช่วยฉันใช่มั้ย รวี” ชัญญาออดอ้อน และช้อนตามองกานต์รวี“อื้อ ถ้าญ่าต้องการ” กานต์รวีใจอ่อนแบบนี้เ
เมื่อคืนนวลพรรณรีบเร่งกลับจากงานเลี้ยงทางสัมคม จริงๆ แล้วเธอตั้งใจจะค้างคืนกับมินตรา แต่เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เธอจึงตัดสินใจบอกลาเพื่อน และตรงกลับคอนโดทันทีนวลพรรณกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นห้องของเธอ เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เธอก็รีบเดินไปที่ห้องและไขกุญแจเปิดประตูทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันดังออกมาจากห้องนอน เธอรู้สึกแปลกใจ เธอค่อยๆ เดินเบาๆ ไม่ให้เกิดเสียงประตูห้องนอนของเธอแง้มอยู่ นวลพรรณจึงแอบมองลอดประตูเข้าไปภาพที่เห็นทำให้เธอช็อค และตกใจมาก เมื่อเห็นสามีของเธอและญาณวดีกำลังร่วมรักกันอย่างเร่าร้อน นวลพรรณรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอแตกสลายนวลพรรณร้องไห้ออกมา เธอเอามือปิดปากไม่ให้เสียงสะอื้นรอดออกมา เธอย่องออกจากห้องอย่างรวดเร็วเมื่อคืนเธอจึงตัดสินใจค้างที่โรงแรมแทนที่จะกลับบ้าน“ไอ้เลว!! กล้าทำแบบนี้ได้ไง” มินตราโกรธมาก“ฉันไม่รู้จะทำยังไง ฉันรักก้องมาก แต่....” นวลพรรณน้ำตาคลอเบ้า“ใจเย็นๆ เธอไม่ต้องร้องไห้ เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง” มินตราจับมือเพื่อน“ฉันควรทำยังไงดี....”มินตรานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง“เธอรู้จักชู้ก้องมั้ย?” มินตราถาม“รู้จัก เธอชื่อญาณวดี แอบรักก้องมานานแล้ว” น
ณ ห้องในคอนโดในห้องคอนโดมิเนียมอันกว้างขวางของณัฐรินีย์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ อาคิรายืนหน้าเคาน์เตอร์ครัว กำลังเทกาแฟร้อนๆ ลงในแก้ว แต่สายตาของเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับกาแฟตรงหน้า เธอกลับเหม่อลอยคิดถึงกฤติน ชายหนุ่มที่เธอแอบชอบ คำพูดของเขาเมื่อวันนั้น ยังคงก้องอยู่ในหัว อาคิราไม่ทันสังเกตว่าแก้วเต็มแล้ว ทำให้กาแฟร้อนๆ ล้นออกจากแก้ว“เอ้า ล้นแล้วแม่คุ้นน”“ห๊ะ?”ณัฐรินีย์จับมือที่กำลังเทกาแฟของอาคิราไว้ได้ทัน ก่อนที่จะหกไปมากกว่านี้“อุ๊ย โทษที”“มัวเหม่ออะไรอยู่ยะ”อาคิรารีบหยิบผ้ามาเช็ดคราบกาแฟ เธอรู้สึกเก้อเขิน“แหมๆๆ ตั้งกะไปเดทวันนั้น ดูจิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัวเลยเนอะ”ณัฐรินีย์หรี่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์ และอมยิ้มล้อเลียนเพื่อนสาว“บ้า เดทเดิทอะไรกัน”อาคิราแก้เขินด้วยการถือแก้วกาแฟแล้วเดินไปนั่งที่โซฟานั่งเล่น“จ้า ไม่ได้เดท”ณัฐรินีย์หัวเราะคิกคัก พร้อมกับหอบหนังสือออกแบบประมาณ 5-6 เล่ม มาวางกองไว้ที่โต๊ะ พร้อมกับหยิบโน้ตบุ๊คมาวางไว้ข้างๆ“ทำงานเหรอ?”“อื้อ อีตาธีรเทพนั่น บอกอยากได้ภาพร่างของแบบสินค้าเร็วๆ น่ะ ฉันเลยต้องถ่างตาทำอยู่เนี่ย”“อื้อหือ แบบเยอะเลยนี่
ภายในห้องคอนโดหรูแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องผ่านหน้าต่าง ปลุกให้ธีรเทพตื่น เขาขยับตัวมองไปรอบๆ ห้องนอน แต่ไม่พบกานต์รวีธีรเทพรู้สึกงุนงง เขาลุกจากเตียงและเดินออกมาด้านนอก มองหาภรรยาของเขา พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง ติดไว้ที่ตู้เย็นเขียนว่า “สุดสัปดาห์นี้ ฉันไปกับชัญญานะคะ กลับมาวันจันทร์ค่ะ”ธีรเทพอ่านโน้ตจบ ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะหมู่นี้กานต์รวีใช้เวลากับชัญญา เพื่อนสนิทของเธอเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งกานต์รวีก็ไม่กลับมานอนที่ห้อง โดยให้เหตุผลว่า ชัญญามีปัญหา เธอจึงไปนอนเป็นเพื่อนแต่ธีรเทพก็ปล่อยผ่านไป เพราะกานต์รวีเคยเล่าให้เขาฟังว่า ชัญญาเป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญ และเขาก็เคยเจอชัญญาครั้งหนึ่ง เท่าที่เขาเห็น ชัญญาเป็นผู้หญิงสวย เก่ง ฉลาด พูดจาไพเราะ การที่กานต์รวีมีเพื่อนดีแบบนี้ เขาก็รู้สึกดีใจด้วยแต่ช่วงนี้เขารู้สึกเหมือนกานต์รวีห่างเหินไป เรื่องปกติที่เขาเคยปฏิบัติกันทุกคืน กานต์รวีก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมมีอะไรด้วย“เฮ้อ...แล้ววันหยุดแบบนี้เราจะทำอะไรดีล่ะเนี่ย”ธีรเทพถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปที่เครื่องชงกาแฟ พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นงานออกแบบสินค้าตัวใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเขาก
ณ ร้านอาหารหรูหราแสงแดดยามเย็นส่องผ่านกระจกบานใหญ่ของร้าน บวกกับแสงไฟที่สลัว ทำให้บรรยากาศภายในร้านอาหารเต็มไปด้วยความโรแมนติก มีผู้คนมากมายที่มาทานอาหาร เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของผู้คนดังทั่วร้านญาณวดีนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างสบายใจ รอก้องเกียรติที่กำลังเดินทางมาหานวลพรรณ เดินเข้ามาในร้านอาหารด้วยสีหน้าเย็นชา สายตาของเธอจับจ้องไปที่ญาณวดี ที่นั่งอยู่คนเดียวตรงโต๊ะริมหน้าต่างนวลพรรณพุ่งตรงไปหาญาณวดีอย่างรวดเร็ว“วดี ในที่สุดก็เจอแก!”“คุณนวล!” ญาณวดีตกใจมาก“เธอมาทำไม?”“ฉันจะมาเอาผัวฉันคืน”“ผัวเธอ? อย่ามาตลก ก้องรักฉัน ไม่ได้รักเธอ” ญาณวดียิ้มเยาะ“รักเหรอ? ถ้ารักแล้วทำไมเขายังอยู่กับฉัน ทำไมก้องไม่ทิ้งฉันไปหาเธอ?” นวลพรรณยิ้มเหยียด“เพราะก้องมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว เธอคิดว่าก้องอยากอยู่กับเธอเหรอ?” ญาณวดีเอนตัวไปด้านหลัง เลิกคิ้วเป็นเชิงถามนวลพรรณ“แก...” นวลพรรณตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ“ฉันจะบอกความลับให้นะ...” ญาณวดีลุกขึ้นเดินไปหานวลพรรณ“ก้องน่ะ เขาเบื่อมีเซ็กส์กับเธอแล้ว เพราะเธอมันจืดชืด ส่วนฉันน่ะ เร่าร้อนทุกคืน เขาถึงได้ชอบมามีอะไรกั
ตัณหาราคะร้อนแรงโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ภายนอกเป็นอาคารสูงใหญ่ทันสมัย ผู้คนสัญจรไปมาอย่างรีบเร่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นตัว ผู้คนเดินเข้าออกกันขวักไขว่ภายในของโรงพยาบาลตกแต่งอย่างหรูหรา สะอาดตา พนักงานทุกคนแต่งกายสุภาพ ยิ้มแย้มแจ่มใสบริเวณโถงกลางมีผู้ป่วยและญาติรอคิวเข้ารับการตรวจ สามารถนั่งผ่อนคลายบนโซฟานุ่มๆ มีเสียงเพลงบรรเลงเบาๆตึกผู้ป่วยหนักที่ชั้น 5 เป็นโซนที่คุณเกศ หรือคุณกชมน ภรรยาของเอกวัฒน์รักษาตัวอยู่ห้องที่คุณเกศพักเป็นห้องผู้ป่วยส่วนตัว มีขนาดกว้างขวาง สว่างไสว มีหน้าต่างขนาดใหญ่ มองเห็นวิวเมืองได้ไกลบนเตียงผู้ป่วย คุณเกศนอนหลับตาอย่างสงบอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดขาว เครื่องช่วยหายใจส่งเสียงออกมาเป็นระยะ สายยางน้ำเกลือ และจอแสดงผลสัญญาณชีพ เอกวัฒน์นั่งอยู่ข้างเตียง จับมือของเธอไว้ด้วยความเป็นห่วงบรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด ชัญญากำลังจัดแจกันดอกไม้อยู่มุมห้อง แอบมองทั้งคู่ด้วยความริษยา“นายขา ไปนอนพักผ่อนตรงโซฟาหน่อยมั้ยคะ” ชัญญาแตะแขนของเอกวัฒน์เบา“อืม..ก็ดีเหมือนกัน” เอกวัฒน์มีสีหน้าไม่สดชื่น“นายคะ ญ่าว่านายไปล้างหน้าซักหน่อยดีกว่าค่ะ จะได้สดชื่น เดี๋ยวญ่า
หลังจากที่พลังมืดที่เคยปกคลุมทุกชีวิตถูกทำลายลง ความสงบสุขก็กลับคืนมาอีกครั้ง กฤติน อาคิรา ธีรเทพและณัฐรินีย์ต่างหายใจโล่งขึ้น พวกเขาได้ผ่านพ้นความท้าทายและการต่อสู้อันโหดร้ายที่ทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นบรรยากาศในสวนหลังคฤหาสถ์เทวานุรักษ์นั้นชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ยามค่ำคืนที่อบอุ่นเต็มไปด้วยแสงเทียนที่ส่องสว่างรอบๆ พุ่มดอกไม้ เสียงลมพัดเบาๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ บรรยากาศในวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนอยู่ด้วยกันเพื่อฉลองการเริ่มต้นใหม่ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ดอกไม้บานสะพรั่งรอบๆ สวน มีแสงเทียนนุ่มนวลที่ถูกจุดประดับประดา สร้างบรรยากาศโรแมนติกธีรเทพมองไปที่ณัฐรินีย์อย่างอ่อนโยน ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เธอหัวเราะและพูดคุยกับอาคิราอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับดวงดาวธีรเทพรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเธอ หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ยากลำบากเขารู้ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ความรักที่เ
เงาแห่งความสูญหายณัฐภัทรเดินเข้ามาในหอสมุดเทวานุรักษ์ด้วยท่าทางเร่งรีบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน ขณะที่ก้าวเข้าไปในโถงทางเดิน หัวของเขาก็หมุนวนไปกับความคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเดินมาถึงห้องประชุมเล็กที่เขามักจะมาพูดคุยกับกฤติน เขาก็หยุดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง กฤติน อาคิรา ธีรเทพ และณัฐรินีย์ ต่างกำลังนั่งทำงานอยู่ในส่วนของตนเอง บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงแผ่วเบาจากการพลิกกระดาษและพิมพ์แป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ ทุกคนดูเหมือนจะมีสมาธิในงานที่ทำ จนกระทั่งณัฐภัทรก้าวเข้ามาในห้อง“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ณัฐภัทรพูดเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเร่งด่วนในน้ำเสียง ทุกสายตาในห้องหันมามองเขาในทันทีอาคิราส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา“คุณภัทร เชิญนั่งค่ะ” เธอเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร พร้อมดึงเก้าอี้ให้เขานั่งลงตรงข้ามกับกฤตินกฤตินสังเกตถึงท่าทางที่ไม่ปกติของณัฐภัทร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยความสนใจณัฐภัทรนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อน
ชัญญาเดินวนไปมาภายในห้อง ความเงียบภายในห้องใหญ่ทำให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งน่ากังวลมากขึ้น ทุกเสียงฝีเท้าที่เธอเดินสะท้อนกลับมาเหมือนเสียงกระทบจากความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอพยายามติดต่อหมอผียงซานหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แม้แต่ข้อความหรือตอบกลับก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบสงัดเหมือนคนที่หายไปในอากาศ ความกังวลเริ่มเกาะกินหัวใจของเธอ ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเริ่มถาโถมเข้ามาแต่สิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากกว่าการหายตัวไปของยงซาน คือเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้นกับเธอทุกคืน เหตุการณ์ที่เธอไม่อาจอธิบายได้ทุกคืน เมื่อเธอล้มตัวลงนอนในห้องนอนที่กว้างขวางและโดดเดี่ยว เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ เธอ สัมผัสที่ลึกลับและอ่อนโยนเริ่มเข้ามาลูบไล้ร่างกายของเธอ ค่อยๆ แตะต้องเหมือนลมหายใจเบาๆ ที่คอยกระซิบข้างหู ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความรู้สึกเสียวซ่านและหวานหวามไหลเวียนไปทั่วร่างกาย เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปตามผิวเนื้อของเธอในช่วงแรก ชัญญาพยายามจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ เธอคิดว่ามันอาจเป็นเพียงภาพหลอนจากควา
อาคิรายืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ด้านหน้าของหอสมุด ความเงียบของยามค่ำคืนไม่ได้ช่วยให้เธอสงบลงได้แม้แต่น้อยหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากกฤตินว่าเขากำลังจะกลับมาถึงในไม่ช้าหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล เธออดคิดไม่ได้ว่าการต่อสู้ที่เขาเผชิญหน้ามาจะเป็นอย่างไร และเขาบาดเจ็บมากแค่ไหนไไม่นานนัก เธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าหอสมุด กฤตินดูเหนื่อยล้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแม้ว่าเขาจะพยายามเดินอย่างมั่นคง แต่ความอ่อนล้าก็ปกคลุมอยู่บนใบหน้า อาคิราไม่รอช้า เธอวิ่งตรงไปหาเขาโดยไม่คิดอะไร โผเข้ากอดเขาแน่นทันที“ฉันกลับมาแล้ว”กฤตินยิ้มบางๆ ก่อนจะทิ้งกระเป๋าลงกับพื้นแล้วรับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน อ้อมกอดของเธอให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบโยน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าเพียงใด แต่การได้กลับมาหาเธอทำให้ความเจ็บปวดนั้นเบาบางลงไปในทันทีอาคิรากอดเขาแน่น ราวกับไม่ต้องการให้เขาห่างไปไหนอีก“กฤต...” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก แต่ทันใดนั้น กฤตินก็ครางออกมาเบาๆ“โอ๊ย...เบาหน่อยสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดที่พยายามเก็บไว้อาคิรารีบผละออกจากเขาทันที เธอ
หลังจากที่พลังมืดของยงซานถูกทำลายลง เหลือเพียงร่างกายของเขาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ ยงซานมองไปที่กฤตินด้วยสายตาอาฆาตและความโกรธ แม้พลังมืดที่เคยครอบครองจะหายไปหมด แต่ร่างกายของยงซานยังแข็งแกร่งจากการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีกฤตินยกดาบขึ้นพร้อมจะจบการต่อสู้นี้ แต่ยงซานไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขารู้ว่าการใช้เพียงกายภาพอาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดได้ ยงซานพุ่งเข้าหากฤตินอย่างรวดเร็ว กฤตินยกดาบขึ้นป้องกัน หมัดของยงซานกระแทกเข้ากับดาบเสียงดังสนั่น แรงนั้นทำให้กฤตินถอยหลังไปเล็กน้อยกฤตินและยงซาน ยืนประจันหน้ากันกลางลานโล่ง บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งด้วยความเงียบ ราวกับธรรมชาติหยุดนิ่งเพื่อรอคอยผลการต่อสู้ครั้งนี้กฤตินที่ผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะเป็นไอคิโด เทควันโด และวิชาการต่อสู้แขนงอื่นๆ ยืนในท่าพร้อมรับมือ เขารู้ดีว่ายงซานเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตราย แม้พลังเวทจะหมดไปแล้ว แต่ร่างกายของเขายังสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงได้ทันใดนั้น ยงซานก็พุ่งเข้าโจมตีกฤตินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หมัดแรกพุ่งตรงเข้าที่กลางลำตัวของกฤติน แต่กฤตินที่คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแบบนี้หลบได้อย่างค
หมอผีเขมร ยงซาน ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ราวกับว่าเขาคือส่วนหนึ่งของความมืดนั้นเอง ทุกย่างก้าวของเขาเงียบสงัด แต่กลับสร้างแรงกดดันที่หนักอึ้ง บรรยากาศรอบตัวพลันหนาวเย็นลงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ใบหน้าของยงซานที่ซ่อนอยู่ใต้เงาผ้าคลุมเผยออกมาเพียงบางส่วน ผิวของเขาคล้ำจากการใช้ชีวิตอยู่กับมนตร์ดำมาเนิ่นนาน ดวงตาสีดำสนิทของเขามองทะลุความมืด ลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับเป็นช่องว่างแห่งความสิ้นหวังที่ดูดกลืนทุกสิ่งที่มองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ได้สะท้อนแสงใดๆ แต่กลับเหมือนเป็นบ่อน้ำลึกที่เก็บกักความลับและความโหดเหี้ยมของโลกวิญญาณ ราวกับว่าความมืดทั้งหมดในโลกนี้ถูกกักขังอยู่ภายใน เขาสวมผ้าคลุมยาวสีดำที่พริ้วไหวตามการเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่เพราะสายลม ผ้าคลุมของเขาเหมือนมีชีวิต มันโอบรัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา ราวกับจะปกป้องนายของมันจากสิ่งใดก็ตามที่พยายามเข้ามาใกล้อักขระโบราณสีเทาหม่นถูกปักลงบนผ้าคลุมนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งมนตร์ดำที่ยงซานใช้ควบคุมวิญญาณชั่วร้าย และเหนือหัวของเขามีกลุ่มเงามืดหมุนวน วิญญาณร้ายหลายตนซ่อนตัวอยู่ในนั้น รอเพียงคำสั่งจากยงซานเพื่อปลดปล่อยความวินาศออกมา“พวกเจ้าช่างชักช้าจริง” ยงซานเอ่ยเสี
กฤตินยืนอยู่ตรงพรมแดนระหว่างไทยและเขมร สายลมอ่อนๆ พัดผ่านต้นไม้สูงในป่าทึบที่ล้อมรอบเขา เสียงใบไม้เสียดสีกันทำให้บรรยากาศรอบข้างดูเงียบสงัดและเคร่งเครียด สถานที่นี้เงียบเกินกว่าที่เขาคาดไว้ ราวกับธรรมชาติรับรู้ได้ถึงการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าข้างกายของกฤติน โซระวิญญาณเทพเจ้าที่มีรูปร่างเป็นเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน โซระดูนิ่งสงบ แต่เต็มไปด้วยความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู เขามีปีกสีดำที่ใหญ่โอบล้อมรอบตัวเล็กน้อย ราวกับเตรียมปกป้องกฤตินจากอันตรายที่กำลังจะมาถึงอีกด้านหนึ่ง อาเรีย วิญญาณเทพพิทักษ์ของอาคิรา เดินตามติดกฤตินอย่างใกล้ชิด แต่ต่างจากโซระที่เป็นเทพแห่งแสงสว่าง อาเรียคือเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายที่ทรงพลัง เธอมีพลังที่รุนแรงและดุดัน ดวงตาของเธอส่องประกายด้วยความหิวกระหายในการทำลายล้าง ใบหน้าของเธอดูแข็งแกร่งและมุ่งมั่น พร้อมที่จะบวกกับทุกสิ่งที่ขวางหน้าอาเรียไม่ใช่วิญญาณพิทักษ์ธรรมดา เธอคือเทพเจ้าที่มีพลังแห่งความมืดและการทำลายล้างอย่างแท้จริง เธอเป็นส่วนหนึ่งของอาคิรามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจัดการวิญญาณที่แข็งแกร่ง หรือปกป้องยามเธอมี
กลางคืนที่เงียบสงบในคฤหาสน์ของกฤติน กลับเต็มไปด้วยความกังวลในใจของอาคิรา เธอนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ขณะกำลังแปรงผมยาวสลวยของตัวเอง แสงไฟจากโคมเล็กๆ ส่องแสงอ่อนๆ ให้เห็นเงาสะท้อนของเธอในกระจก จิตใจของเธอกำลังหมุนวนไปกับความคิดที่ไม่อาจสงบลงได้การต่อสู้กับหมอผีเขมรอย่างยงซาน เป็นสิ่งที่เธอกังวล แม้ว่ากฤตินจะบอกให้เธอวางใจว่าเขาสามารถจัดการได้ แต่ในใจของเธอยังคงไม่สามารถปล่อยวางได้ เธอรู้ว่าการต่อสู้นี้เต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ เธอไม่อยากให้เขาไปเผชิญหน้าเพียงลำพังเสียงน้ำหยดลงจากฝักบัวในห้องน้ำข้างๆ หยุดลง กฤตินเพิ่งอาบน้ำเสร็จและนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมา ท่อนบนของเขาเปล่าเปลือย โชว์กล้ามท้องเป็นลอนสวยงาม เขาเดินเข้าไปโอบกอดเธอจากด้านหลังอย่างอ่อนโยน อ้อมแขนแข็งแรงของเขาสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับอาคิรา แม้ว่าความกังวลยังคงค้างคาอยู่ในใจเธอ“เป็นอะไร?” กฤตินจรดริมฝีปากที่ซอกหูของเธอ เสียงนุ่มนวลของเขาทำให้เธอใจเต้นแรง เธอวางแปรงผมลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วมองเงาสะท้อนของเขาในกระจก“ฉันจะไปด้วย” อาคิราพูดอย่างหนักแน่นกฤตินมองเธอในกระจก รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเ
“อึ๊..อ๊า...”เสียงหอบหายใจสะท้านก้องไปทั่วห้องที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแห่งมนตร์ดำ หมอผียงซานนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีชัญญานั่งคร่อมร่างของเขาอยู่ เธอกำลังโยกร่างกายส่วนล่างของเธอบดเบียดกับเขา“อื้ม..ดี..แรงอีกหน่อย...” หมอผียงซานพึมพำเสียงกระเส่า ใช้ฝ่ามือดันหลังของชัญญาให้แอ่นขึ้น พลางลากเรียวลิ้นไปบนยอดอกที่ชูชันของเธอ มืออีกข้างคลึงเคล้นหน้าอกของเธอ“อื้ม..อ๊ะ..เสียวจัง..” ชัญญาเสียวสะท้าน ครางกระเส่า บั้นท้ายของเธอบดขยี้และขยับเร็วขึ้น“อ๊ะ..อ๊า....”ไม่นานเสียงครางที่สุขสมของทั้งสองคนก็ดังขึ้น ชัญญาเกร็งร่างกระตุกก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคอของเขาอย่างอ่อนแรง สองแขนยังคงโอบคอของเขา“ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการกับเอกวัฒน์” หมอผียงซานกระซิบข้างหูชัญญา“.....” ชัญญาดันตัวขึ้นมองหน้าหมอผีหนุ่ม“ถ้าไม่ทำ ทุกสิ่งที่ทำมาจะสูญเปล่า” หมอผียงซานพูดเสียงเรียบ ใช้มือข้างหนึ่งปัดไรผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของเธอ“เจ้าเสียดายเขารึ?” หมอผียงซานมองนิ่ง ขณะที่มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปตามเนินอกของเธอชัญญายิ้มเยือกเย็น สายตาเย็นชาและไร้ความรู้สึกใดๆ ต่อเอกวัฒน์ คนที่เธอเคยหลงใหลและหมายปอง ตอนนี้เหลือเพียงความว่างเป