ในห้องทำงานของญาณวดี
ญาณวดีนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูขวดแก้วสีแดงที่บรรจุยาเสน่ห์สีดำขลับ เธอรู้สึกโกรธแค้นและผิดหวัง
ยาเสน่ห์ที่เธอคิดว่าจะช่วยให้เธอเอาชนะใจของเอกวัฒน์ กลับกลายเป็นว่าไร้ผล เอกวัฒน์ไม่ได้หลงรักเธอ แต่เขากลับหลงรักชัญญา เลขาสาวของเขา
“ทำไมมันถึงไม่ได้ผล ฉันใช้ยาเสน่ห์ชั้นดี แต่ทำไมคุณเอกถึงไม่หลงรักฉัน” ญาณวดีกำขวดยาเสน่ห์แน่น
ญาณวดีนึกย้อนเหตุการณ์ในอดีต เธอเคยใช้ยาเสน่ห์กับผู้ชายมากมาย และทุกครั้งมันก็ได้ผล ผู้ชายทุกคนหลงรักเธอ หัวปักหัวปำ แต่ทำไมกับเอกวัฒน์ ยาเสน่ห์ถึงไม่ทำงาน
“ชัญญา เธอต้องชดใช้ ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะต้องเอาชนะเธอให้ได้” ญาณวดีคำรามในลำคอเบาๆ
ญาณวดีลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบขวดแก้วอีกขวดหนึ่งขึ้นมา ขวดแก้วนี้บรรจุยาเสน่ห์สูตรใหม่ที่เธอเพิ่งได้รับจากหมอทำเสน่ห์ที่มีชื่อเสียงแถวภาคกลาง
“ยาสูตรนี้แรงมาก ไม่จำเป็นต้องหยดใส่ให้ไอ้หนุ่มนั่นกิน แต่เธอต้องเป็นคนกินเอง ว่าแต่เธอจะกล้ากินหรือเปล่า?”
คำพูดของหมอทำเสน่ห์ดังก้องในหัว
“ก็เอาสิ ลองดูกันสักตั้ง”
ญาณวดีเทยาเสน่ห์ลงในแก้วน้ำ และยกขึ้นจิบ รสชาติของยาเสน่ห์ช่างขมขื่น แต่เธอไม่สนใจ เธอคิดเพียงแค่ว่า ยาเสน่ห์นี้จะต้องช่วยเธอได้
เวลาพักเที่ยง
อาคิรากำลังนั่งทานข้าวกับณัฐรินีย์ภายในห้องอาหารของบริษัท อาคิราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ณัฐรีนีย์ฟังทั้งหมด
“ฮึ่ย!! ไอ้ชั่ว 2 คนนั่น เธอจำหน้ามันได้มั้ย ?” ณัฐรินีย์ฟังจบก็ทุบโต๊ะด้วยความโกรธ
“ฉันจะให้พี่ชายจับพวกมันเข้าคุกไม่ให้ออกมาอีกเลย”
“มันมืด ฉันจำหน้าไม่ได้อะ” อาคิราบ่นด้วยความเจ็บใจ
“ไม่ต้องห่วง ของแค่นี้ พี่ฉันซะอย่าง เดี๋ยวก็เจอ” ณัฐรินีย์กล่าวอย่างมั่นใจ
ผู้กองคุณาวุฒิ พี่ชายเพียงคนเดียวของณัฐรินีย์ เป็นผู้ชายที่หล่อ ฉลาด และอนาคตไกล เข้าทำงานในกรมตำรวจไม่กี่ปี ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้กอง ผลงานที่เขาทำล้วนเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกครั้ง ที่สำคัญ เขาหลงรักอาคิราอยู่ หากเป็นเรื่องของอาคิรา ณัฐรินีย์เชื่อว่า เขาต้องโกรธแค้น และพยายามจับตัวคนร้ายให้ได้แน่นอน
“ลำบากพี่วุฒิเปล่าๆ น่ะ” อาคิราส่ายหน้าจนผมกระจาย
“เอาน่า เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ว่าแต่...เล่าเรื่องหนุ่มคนที่ช่วยเธอเมื่อคืนให้ฟังก่อนซิ” ณัฐรินีย์หรี่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์ เธอเซ้นส์ไวกับเรื่องพวกนี้ เธอมั่นใจว่า ถ้าอาคิราชื่นชมหนุ่มคนนั้นมาก แปลว่าเธอต้องชื่นชอบเขาในระดับหนึ่งแน่นอน
“เอ้อ...ก็..แบบ...จะว่ายังไงดีล่ะ” อาคิราเอานิ้วจิ้มไปมากลบเกลื่อนความอาย
“นั่นแน่ะ เธอชอบเขาล่ะสิ” ณัฐรินีย์ตะโกนออกมา
“ชู่ว์ เบาๆ หน่อยสิ” อาคิรายื่นมือไปปิดปากเพื่อนทันที
“เล่ามาเลย” ณัฐรินีย์มองหน้าเพื่อนแกมบังคับ
“คือ...”
เธอคือคนที่ฉันเฝ้ารอ
“อ๊ะ รับโทรศัพท์ก่อนนะ” เสียงโทรศัพท์มือถือของอาคิราดังขึ้นขัดจังหวะพอดี ทำให้ณัฐรินีย์อารมณ์เสีย
“เอ๊ะ เย็นนี้เหรอคะ? รู้จักค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”
“ใครอะ?” ณัฐรินีย์ถาม พลางแกะห่อขนมที่อยู่ตรงหน้า
“คุณกฤตน่ะ” อาคิรายิ้มหน้าแดง
“อ้ออออ หนุ่มเมื่อคืน...” ณัฐรินีย์ลากเสียงยาว
“เย็นนี้เขานัดทานข้าวแถวชิดลมน่ะ”
“ไว้ใจได้หรอ? ฉันไปด้วยมั้ย?” ณัฐรินีย์ขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องหรอก ไว้ใจได้” อาคิรารีบส่ายหน้าปฏิเสธสีหน้าเป็นสีชมพูเรื่อ
“ฮืมมม...แปลว่าเธอต้องรู้จักเขาอยู่แล้วใช่มั้ย?” ณัฐรินีย์เดาเรื่องได้ทันที เพราะไม่อย่างนั้นอาคิราต้องปฏิเสธไปแล้ว
“ก็..ไม่รู้สินะ ฉันไม่บอกหรอกย่ะ” อาคิราย่นหน้าใส่ ก่อนจะหัวเราะสีหน้าของเพื่อน
“หนอย ยัยคนนี้นี่” ณัฐรินีย์กัดฟันกรอดๆ
“ไปทำงานกันเถอะ” อาคิราหัวเราะร่วน ก่อนจะเดินนำขึ้นตึกไป
ค่ำคืนในห้องนอนของชัญญา
กานต์รวีกำลังนั่งอยู่บนเตียง มองดูชัญญาด้วยความกังวล ชัญญากำลังเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เธอกำลังจะย้ายไปอยู่กับเอกวัฒน์ที่คอนโดใจกลางเมือง
“ญ่า เธอแน่ใจแล้วเหรอที่ทำแบบนี้?” กานต์รวีถอนหายใจ
“อื้อ แน่นอนสิ เขาต้องการแบบนั้นนี่”
“แต่..เขามีเมียแล้วนะ เธอไปอยู่กับเขาแบบนี้ เธอก็เป็นเมียน้อยน่ะสิ” กานต์รวีทักท้วง
“แล้วไง? ไม่แน่ในอนาคตฉันอาจจะกลายเป็นเมียหลวงก็ได้” ชัญญายักไหล่ไม่แคร์
“ญ่า เธอคิดบ้าอะไรอยู่ จะเอาชีวิตไปทิ้งเหรอ? เธอทั้งสวย ฉลาด เลี้ยงดูตัวเองได้ แทนที่จะไปแย่งผัวชาวบ้าน ทำไมไม่หาผู้ชายดีๆ ซักคนแล้วแต่งงาน มีครอบครัวที่ดีล่ะ” กานต์รวีลุกขึ้นตะโกนเสียงดัง เธอโกรธมาก ทั้งโกรธ ทั้งหึงหวง
“รวี” ชัญญาเรียกเพื่อนเสียงอ่อนหวาน
“เธอเป็นห่วงฉัน หรือว่า.....”
“หึงฉันกันแน่” ชัญญากระซิบข้างหู ก่อนจะขบติ่งหูของกานต์รวีเบาๆ
“ญ่า !” กานต์รวีผงะออกอย่างรวดเร็ว หน้าแดง
“ฮะๆ ตกใจอะไร เมื่อก่อนเราก็สนุกด้วยกันอยู่นี่นา”
ชัญญาขำสีหน้าของเพื่อน เธอนั่งลงบนเตียงแล้วม้วนปลายผมเล่น จ้องมองกานต์รวีด้วยสายตาเย้ายวน
กานต์รวีจ้องหน้าชัญญาด้วยใจระทึก หัวใจเธอเต้นแรง
ใช่ เมื่อก่อนเธอและชัญญาเคยสนุกด้วยกันเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่ายังเด็ก และมีความอยากรู้อยากเห็น พวกเธอสองคนจึงได้ทำเรื่องที่เกินเลยกว่าผู้ใหญ่จะเข้าใจได้
“ทำไม? อยากย้อนความหลังมั้ย?” ชัญญาเลียริมฝีปากและมองกานต์รวีอย่างมีความหมาย
“ญ่า...”
“มานี่สิ” ชัญญายื่นมือออกไปตรงหน้า ดวงตาสวยหวานจ้องมองกานต์รวี
“......”
“คืนนี้ฉันจะทำให้เธอลืมไม่ลงเลย รวี” ชัญญาดึงร่างกานต์รวีมากอด และกระซิบข้างหู กานต์รวีใจเต้นระรัว
ค่ำคืนสุดโรแมนติก
กฤตินนัดพบกับอาคิราที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งแถวย่านชิดลม เขาแต่งตัวเรียบง่าย แต่ดูเท่ และสง่างาม เสื้อเชิ้ตสีดำเข้ารูปกับกางเกงสแลคทรงเท่ เขากำลังยืนรออาคิราที่หน้าร้านอาหาร
กฤตินยิ้มออกมา เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวในชุดเดรสสีขาวที่สวยน่ารักกำลังเดินตรงมาหาเขา
“ขอโทษนะคะที่ฉันมาช้า” อาคิราหอบเล็กน้อย ใบหน้าเป็นสีชมพูเรื่อ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึง” กฤตินยิ้มอ่อนโยน
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” กฤตินแตะแผ่นหลังของอาคิราและเดินนำเข้าไปด้านในร้านอาหาร
อาหารค่ำมื้อนี้เป็นแบบโอมากาเสะ และเชฟเทเบิล พวกเขานั่งลงเคียงข้างกันที่หน้าเค้าเตอร์ เชฟที่อยู่ด้านหน้ากำลังจัดเตรียมอาหารให้กับพวกเขา
“โอ้โห ฉันเพิ่งเคยมาทานอาหารแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ” อาคิราประทับใจกับร้านอาหารมาก
“ดีใจที่คุณชอบครับ” กฤตินยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“คุณคงมาทานบ่อยสินะคะ” อาคิราแอบใจเสีย
“ไม่หรอกครับ ผมเป็นพวกไม่ค่อยมีสังคมน่ะ”
กฤตินหัวเราะก่อนจะหยิบกาสไตล์ญี่ปุ่นที่อยู่ด้านข้างยกเทชาเขียวใส่ถ้วย และส่งให้อาคิรา
“ห๊ะ ไม่จริงมั้งคะ” ดวงตาสวยของอาคิราเบิกกว้าง
“จริงๆ” กฤตินอมยิ้ม
“คุณดู....ไม่เหมือนพวกไม่เข้าสังคมเลยค่ะ”
“ผมดูเป็นคนยังไงเหรอ?” ดวงตาคมเข้มของหนุ่มมาดหล่อจ้องมองอาคิราอย่างกรุ้มกริ่ม
“เอ่อ...ก็ดู..เป็นผู้ชายประเภทที่ผู้หญิงคลั่งรักน่ะค่ะ” อาคิราตอบแบบเกรงใจ
“หืม ?แล้วมันแปลว่าอะไรน่ะ?”
“ก็...เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงตกหลุมรักง่ายน่ะค่ะ”
“เพราะอะไรล่ะ?”
“ก็คุณทั้งหล่อ เท่ บุคลิกก็ดี ไม่มีทางที่จะเป็นพวกไม่มีสังคมหรอกค่ะ” อาคิรายืนยันหนักแน่น
“ฮึฮึ” กฤตินหัวเราะด้วยความเอ็นดู
“แปลว่า..คุณก็ตกหลุมรักผมแล้วสินะ” กฤตินยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูอาคิรา ลมหายใจร้อนรดที่ใบหู
“เอ้อ..เอ่อ...คือ..”
(ใกล้ไปแล้วค่า ใจเต้นจะหลุดออกมาแล้ว)
“ระวัง”
อาคิราผงะออกห่างอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอเกือบตกเก้าอี้ โชคดีที่กฤตินคว้าเอวของเธอเอาไว้ทัน
“ขอบคุณที่ช่วยค่ะ” อาคิราก้มหน้างุด ใบหน้าแดงก่ำ
“อ๊ะ อาหารมาแล้ว”
อาคิรารีบเปลี่ยนเรื่องทันที เธอรู้สึกเขินอายต่อสายตากรุ้มกริ่มของกฤติน ชายหนุ่มได้แต่อมยิ้ม
ในขณะเดียวกัน
ในห้องนอนอันหรูหรา แสงไฟสลัว บรรยากาศอบอวลไปด้วยความโรแมนติก ชัญญานอนอยู่บนเตียง เธอสวมชุดนอนสีแดงสด เผยให้เห็นผิวขาวเนียน ใบหน้าของเธอสวยหวาน ดึงดูดสายตา
กานต์รวี นั่งอยู่ข้างเตียง มองเธอด้วยความหลงใหล เธอสวมชุดนอนสีดำ เรียบหรู แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์
ชัญญายิ้มให้กานต์รวี ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนา กานต์รวีลุกขึ้นยืนเดินไปหาเธอ โน้มตัวลงมาจูบเธออย่างดูดดื่ม เร่าร้อน
ริมฝีปากของพวกเธอสัมผัสกันอย่างนุ่มนวล เต็มไปด้วยความรู้สึก ชัญญาโอบกอดกานต์รวี ดึงเธอเข้ามาใกล้ ร่างกายของพวกเธอแนบชิดกัน ความร้อนระอุแผ่ซ่านไปทั่ว
กานต์รวีถอดชุดนอนของชัญญาออก เผยให้เห็นผิวขาวเนียน ไร้รอยตำหนิ เธอจูบไล่ไปตามร่างกายของชัญญา ปลุกเร้าความรู้สึกของเธอ ชัญญาครางเบาๆ ด้วยความสุข เธอรู้สึกตื่นเต้น และลุ่มหลง
กานต์รวีถอดชุดนอนของตัวเองออก ร่างกายของพวกเธอนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ ชัญญามองกานต์รวีด้วยความปรารถนา
กานต์รวีขึ้นคร่อมชัญญา เริ่มต้นบทรักอันเร่าร้อน เสียงครางระงมไปทั่วห้อง พวกเธอจมดิ่งไปกับความสุข ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปชั่วขณะ
ภายในสวนสาธารณะ
หลังจากทานอาหารเสร็จ กฤตินก็พาอาคิราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ สถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรก
บรรยากาศยามค่ำคืนสวยงาม อากาศเย็นสบาย ทั้งคู่เดินคุยกันไปเรื่อยๆ
“อากาศเย็นสบายดีนะ” กฤตินชวนคุย
“ค่ะ ทั้งๆ ที่ตอนกลางวันร้อนจะแย่”
“จริงสิ เมื่อวานนี้ทำไมคุณถึงมาช่วยฉันได้ล่ะคะ?” อาคิราเริ่มถามสิ่งที่เธอสงสัยในใจ
“บ้านผมอยู่ในซอยถัดบ้านคุณไปน่ะ” กฤตินยิ้ม
“เอ๊ะ?”
“เมื่อวานผมกำลังจะกลับบ้าน ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย ก็เลย...”
“อ้อ...มิน่าล่ะ” อาคิราก้มหน้าพึมพำเบาๆ
“ทำไมเหรอ?” กฤตินยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอ
“เอ่อ..ใกล้ไปแล้วค่า” อาคิราเขินอายรีบดันตัวเขาออกห่าง กฤตินกลับจับมืออาคิราเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“เอ่อ..”
“โชคดีที่คุณไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้น...” กฤตินมองอาคิราด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“เอ้อ สงสัยฉันต้องไปเรียนเทควนโด้ไว้มั่งแล้วล่ะ” อาคิรากลบเกลื่อนและพยายามดึงมือออก
“อยากเรียนเหรอ? ผมสอนให้ได้นะ” กฤตินยิ้ม ก่อนจะจับมืออาคิราให้เดินต่อไปเรื่อยๆ
“คุณเป็นเทควนโด้เหรอ?” อาคิราตาโต
“อืม...จะว่าไงดีล่ะ ผมเป็นหลายอย่างเลยน่ะ”
“ห๊า อะไรมั่งอะ?”
“ก็มี มวยไทย ไอคิโด้ เทควนโด้ ศิลปะป้องกันตัวเกือบหมดทุกอย่างล่ะมั้ง”
“โอ้โห คุณเก่งเกินไปมั้ยเนี่ย” อาคิราทึ่ง
“ว่าไง ถ้าสนใจเรียน ผมสอนให้ได้นะ”
“ฟรีใช่มะ?” อาคิราย้อนถามทันที
“ไม่ฟรี”
“อ้าว??”
“ถึงบ้านคุณแล้ว” กฤตินยิ้มพร้อมกับปล่อยมืออาคิรา
“ค่าเรียนเท่าไหร่อะ?” อาคิรายังคงติดใจ
“อืม....ขอคิดดูก่อน” กฤตินหรี่ตามองอาคิราด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ก็ได้ แต่อย่าแพงนะ” อาคิราบ่นอุบอิบ
“จริงสิ ค่าอาหารเท่าไหร่น่ะ” อาคิรานึกขึ้นได้จึงทวงถาม
“ฟรี”
“ไม่ได้นะ ฉันเป็นคนบอกจะเลี้ยงคุณ ต้องให้ฉันจ่ายนะ” อาคิราปฏิเสธขึงขัง เขาอุตส่าห์มาช่วยเธอจากอันตราย จะให้เขาจ่ายเงินเลี้ยงข้าวเธอได้อย่างไรกัน
“ถ้างั้น...”
กฤตินนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองอาคิราด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้อาคิรา
“.......”
กรี๊ดดด ไม่จริงใช่มั้ยยยย นี่เขาจะจูบฉันเหรอ
อาคิราใจเต้นแรง ใบหน้าสุดหล่อเคลื่อนเข้ามาใกล้ เธอยืนนิ่งไม่กล้าขยับ ก่อนจะหลับตาลงอัตโนมัติ
“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะ”
กฤตินดึงตัวอาคิราเข้ามาจูบที่เปลือกตาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะปล่อยตัวเธอ แล้วเดินจากไป ทิ้งให้อาคิรายืนสตั๊นอยู่ตรงนั้น
“อ้าว เฮ้ย! ค่าข้าวล่ะ”
อาคิราเพิ่งนึกขึ้นได้หลังจากสตั๊นไปประมาณ 3 นาที
มนุษย์เรานั้นช่างน่าประหลาด อะไรที่ตัวเองมีอยู่ ก็มักไม่สนใจ อยากได้ของคนอื่น ของที่เคยทำแล้วทำ ได้ผลสัมฤทธิ์ที่ดี ก็ไม่พอใจกับผลลัพธ์ของมัน อยากได้ผลสัมฤทธิ์ที่มากกว่านั้นชัญญาเองก็เช่นกัน แม้ว่าเอกวัฒน์จะหลงเสน่ห์เธอจนหัวปั่น เขาทำทุกอย่างเพื่อเอาใจเธอ ตั้งแต่...ซื้อคอนโดหรูใจกลางเมืองเพื่อเป็นรังรักของเขาและเธอทำบัตรเครดิตให้เธอ เพื่อให้เธอใช้ตามสบายเวลาว่างก็พาเธอไปเที่ยวต่างประเทศซื้อรถสปอร์ตคันหรูให้เธอชีวิตของชัญญายิ่งสะดวกสบายมากขึ้น ตั้งแต่เธอยอมพลีกายให้เอกวัฒน์เชยชม และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้ว่า เอกวัฒน์และภรรยาห่างเหินเรื่องบนเตียงนานมากทุกครั้งที่เอกวัฒน์มาหาเธอที่คอนโด เธอสั่งอาหารจากภัตราคารหรูมารอเสมอ และหลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เอกวัฒน์ก็ต้องการชัญญาเป็นของหวานหลังมื้ออาหารทุกครั้งแต่เธอก็ยังไม่พอใจ เพราะความทะเยอทะยานของเธอคือ ต้องการเป็นที่หนึ่งเท่านั้น แต่...เอกวัฒน์ก็ไม่เคยคิดที่จะหย่ากับภรรยา นั่นทำให้เธอคิดว่า ยาเสน่ห์ที่เธอทำ ฤทธิ์ของมันคงไม่แรงพอ“นายขา.....” ชัญญาเรียกเสียงหวานจากบนเตียง“หืม ?”เอกวัฒน์กำลังยืนผูกเนคไทอยู่หน้ากระจก เ
ณ อาศรมในป่าลึกแห่งหนึ่งกานต์รวีพาชัญญามาหาอาจารย์มั่น เป็นหมอทำคุณไสย เธอรู้จักหมอคุณไสยนี้เป็นการส่วนตัว เพราะเธอเคยขอความช่วยเหลือมาก่อนหน้าแล้วเมื่อไปถึงตำหนักอาศรม กานต์รวีก็พาชัญญาเข้าไปพบกับอาจารย์มั่นแบบเป็นการส่วนตัว“แม่หนู ของดีเต็มตัวเลยนี่” อาจารย์มั่นทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าชัญญา“อาจารย์รู้ดีจังนะคะ” ชัญญายิ้มหวาน“หึหึ แม่หนู คนที่เจ้าอยากได้ ก็ได้มาแล้ว จะเอาอะไรอีกล่ะ”“ฉันต้องการกำจัดผู้หญิงคนหนึ่งค่ะ”“เธอขวางทางความรักของฉัน” ชัญญาบอกเสียงเรียบ“ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายนะ” อาจารย์มั่นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ฉันพร้อมจ่ายค่ะ”“ฮ่าๆ ดี ดี” อาจารย์มั่นหัวเราะเสียงดัง“ไอ้ดำ เอาของสิ่งนั้นมาซิ”เมื่ออาจารย์ได้เครื่องรางของขลัง เขาก็เริ่มบริกรรมคาถา เสียงร้องของสัตว์ดังก้องไปทั่วป่าชัญญาและกานต์รวีรู้สึกขนลุก แต่พวกเธอก็อดทนรอจนเสร็จพิธีกรรม“เอ้า แม่หนูมานี่” อาจารย์มั่นกวักมือเรียกชัญญา“นี่คืออะไรคะ?” ชัญญารับเครื่องรางที่อยู่ในถุงดำมาถือไว้“มันคือผีพรายชื่อ ริน”“ถ้าอยากสั่งให้มันทำอะไร ก็ท่องคาถาบทนี้ แล้วก็พูดสั่งการมัน” อาจารย์มั่นส่งบทคาถาให้ชัญญา“แล้วต้องบูช
ราชาแห่งการตกแต่งภายในในห้องทำงานอันหรูหรา ธีรเทพนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ มองดูวิวเมืองกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน แสงไฟจากตึกสูงระฟ้าส่องประกายระยิบระยับธีรเทพ ชายหนุ่มวัย 38 ปี เจ้าของบริษัทผลิตสินค้าตกแต่งภายในบ้านที่มีชื่อว่า “บ้านสไตล์” บริษัทของเขามีชื่อเสียงโด่งดัง และได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วประเทศ เขาเป็นที่รู้จักในวงการธุรกิจด้วยความเก่งกาจและฉลาดธีรเทพก่อตั้งบริษัทของเขามาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จากธุรกิจเล็กๆ ที่เริ่มต้นในโรงรถของบ้าน ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อยเขาทำงานหนัก ทุ่มเท และอดทน เขาเรียนรู้จากประสบการณ์ และพัฒนาธุรกิจของเขาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด เขาก็ประสบความสำเร็จ และกลายเป็นเจ้าของบริษัทที่ใหญ่โตธีรเทพ ไม่ได้มุ่งหวังแค่ความสำเร็จทางธุรกิจ เขาต้องการที่จะสร้างสรรค์สินค้าตกแต่งบ้านที่สวยงาม และมีคุณภาพ เขาต้องการช่วยให้ผู้คนสร้างบ้านให้สวยงาม และน่าอยู่ เขาต้องการทำให้บ้านของทุกคนเป็นสถานที่ที่อบอุ่น และเต็มไปด้วยความสุขธีรเทพ เป็นคนทำงานหนัก และทุ่มเทให้กับธุรกิจของเขา แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่าง ธีรเทพ ชอบออกไปเที่ยว และผ่อนคลาย เขามักจะไปเล่นกอล์ฟ หรือไปทานอาหารกับ
ในห้องทำงานของกานต์รวี ณัฐรินีย์กำลังนั่งมองเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปื้อนคราบกาแฟบนโซฟาด้วยสายตาอ่านไม่ออกเสื้อเชิ้ตตัวนี้ เป็นเสื้อตัวโปรดของเธอ หาซื้อยาก และมีคุณค่าทางใจสำหรับเธอมาก“โอ๊ยยย เสื้อฉัน เสื้อฉัน!! ทำไมมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันจะเอามาซักยังไงเนี้ย คราบกาแฟมันฝังแน่นแล้วว”ณัฐรินีย์คร่ำครวญ“เอาน่า ใจเย็นๆ นะ เดี๋ยวฉันจะหาทางช่วย” กานต์รวีปลอบใจ“อะ กาแฟซองไปก่อนนะ” อาคิราเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ“ผู้ชายเฮงซวย ทำอะไรไม่รู้จักระวัง” ณัฐรินีย์บ่นพึมพำ เธออยู่ในชุดเสื้อยืดแบบฟอร์มของพนักงานบริษัท“ใครกันที่ทำให้เธอโมโหได้ขนาดนี้เนี่ย” อาคิราขำ“ไม่รู้จักอะ หน้าตาก็ดีนะ แต่...ไม่ไหว เจ้าชู้น่าดู” ณัฐรินีย์ส่ายหน้าจนผมกระจาย“ฉันสั่งกาแฟให้ใหม่มั้ย เดี๋ยวให้แกรปมาส่ง” กานต์รวีส่งเสียงถาม“ไม่เป็นไร หมดอารมณ์กินละ กาแฟซองก็ได้” ณัฐรินีย์มีสีหน้าเซ็งๆ เอานิ้วเขี่ยแก้วกาแฟตรงหน้า อาคิราหัวเราะคิกคัก“ว่าแต่เรียกฉันมามีอะไรเหรอ?” ณัฐรินีย์เงยหน้าถาม“พอดีคุณธีร์ อยากได้คนออกแบบสินค้าให้เขาน่ะ ฉันเลยนึกถึงเธอคนแรกเลย”“คุณธีร์นี่ แฟนเธอน่ะเหรอ?”“ใช่”“สินค้าแบบไหน
ณ บ้านพักตากอากาศริมทะเลแสงจันทร์ส่องสว่างท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบกานต์รวีกำลังยืนอยู่บนระเบียงบ้านพักตากอากาศ มองดูชัญญา เพื่อนสนิทสุดที่รักของเธอที่อยู่ริมทะเลชัญญากำลังถือขวดแก้วในมือ ซึ่งมีผีพรายที่ชื่อ “ริน”กานต์รวีกังวลใจ เธอรู้ว่าชัญญากำลังจะใช้ผีพรายไปเล่นงานภรรยาของเอกวัฒน์คุณเกศ กชมน ภรรยาของคุณเอกวัฒน์เป็นคนดี ไม่เคยทำร้ายใคร กานต์รวีไม่อยากให้ชัญญาทำร้ายเธอเธอพยายามห้ามชัญญาแล้ว แต่ชัญญาไม่ฟัง ภาพเหตุการณ์วันนี้ไหลเข้ามาในสมอง“อย่าทำเลยนะ ญ่า”“ทำไม?”“มันไม่ดี” กานต์รวีไม่อยากให้คนที่เธอรักทำร้ายคนอื่น“ถ้าฉันได้เป็นเมียคุณเอก หน้าที่การงานของเธอก็จะดีขึ้นนะ” ชัญญาเลิกคิ้วมองเพื่อน“แต่.....”“ไม่อยากให้ฉันเป็นเมียหลวงคุณเอกเหรอ?” ชัญญาเอียงคอมองเพื่อนสาว“ฉัน....”“เธอก็รู้.....” ชัญญาเดินเข้าเชยคางเพื่อนสาว“ฉันทำแบบนี้ เพื่อตัวฉัน และเพื่อหน้าที่การงานของเธอด้วย”ชัญญารู้จุดอ่อนของกานต์รวีดี รู้ว่ากานต์รวีรักเธอมาก ยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ แม้สิ่งนั้นจะผิดก็ตาม“เธอจะช่วยฉันใช่มั้ย รวี” ชัญญาออดอ้อน และช้อนตามองกานต์รวี“อื้อ ถ้าญ่าต้องการ” กานต์รวีใจอ่อนแบบนี้เ
เมื่อคืนนวลพรรณรีบเร่งกลับจากงานเลี้ยงทางสัมคม จริงๆ แล้วเธอตั้งใจจะค้างคืนกับมินตรา แต่เธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เธอจึงตัดสินใจบอกลาเพื่อน และตรงกลับคอนโดทันทีนวลพรรณกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นห้องของเธอ เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เธอก็รีบเดินไปที่ห้องและไขกุญแจเปิดประตูทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงคนพูดคุยกันดังออกมาจากห้องนอน เธอรู้สึกแปลกใจ เธอค่อยๆ เดินเบาๆ ไม่ให้เกิดเสียงประตูห้องนอนของเธอแง้มอยู่ นวลพรรณจึงแอบมองลอดประตูเข้าไปภาพที่เห็นทำให้เธอช็อค และตกใจมาก เมื่อเห็นสามีของเธอและญาณวดีกำลังร่วมรักกันอย่างเร่าร้อน นวลพรรณรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอแตกสลายนวลพรรณร้องไห้ออกมา เธอเอามือปิดปากไม่ให้เสียงสะอื้นรอดออกมา เธอย่องออกจากห้องอย่างรวดเร็วเมื่อคืนเธอจึงตัดสินใจค้างที่โรงแรมแทนที่จะกลับบ้าน“ไอ้เลว!! กล้าทำแบบนี้ได้ไง” มินตราโกรธมาก“ฉันไม่รู้จะทำยังไง ฉันรักก้องมาก แต่....” นวลพรรณน้ำตาคลอเบ้า“ใจเย็นๆ เธอไม่ต้องร้องไห้ เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง” มินตราจับมือเพื่อน“ฉันควรทำยังไงดี....”มินตรานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง“เธอรู้จักชู้ก้องมั้ย?” มินตราถาม“รู้จัก เธอชื่อญาณวดี แอบรักก้องมานานแล้ว” น
ณ ห้องในคอนโดในห้องคอนโดมิเนียมอันกว้างขวางของณัฐรินีย์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกขนาดใหญ่ อาคิรายืนหน้าเคาน์เตอร์ครัว กำลังเทกาแฟร้อนๆ ลงในแก้ว แต่สายตาของเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับกาแฟตรงหน้า เธอกลับเหม่อลอยคิดถึงกฤติน ชายหนุ่มที่เธอแอบชอบ คำพูดของเขาเมื่อวันนั้น ยังคงก้องอยู่ในหัว อาคิราไม่ทันสังเกตว่าแก้วเต็มแล้ว ทำให้กาแฟร้อนๆ ล้นออกจากแก้ว“เอ้า ล้นแล้วแม่คุ้นน”“ห๊ะ?”ณัฐรินีย์จับมือที่กำลังเทกาแฟของอาคิราไว้ได้ทัน ก่อนที่จะหกไปมากกว่านี้“อุ๊ย โทษที”“มัวเหม่ออะไรอยู่ยะ”อาคิรารีบหยิบผ้ามาเช็ดคราบกาแฟ เธอรู้สึกเก้อเขิน“แหมๆๆ ตั้งกะไปเดทวันนั้น ดูจิตใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัวเลยเนอะ”ณัฐรินีย์หรี่ตามองอย่างเจ้าเล่ห์ และอมยิ้มล้อเลียนเพื่อนสาว“บ้า เดทเดิทอะไรกัน”อาคิราแก้เขินด้วยการถือแก้วกาแฟแล้วเดินไปนั่งที่โซฟานั่งเล่น“จ้า ไม่ได้เดท”ณัฐรินีย์หัวเราะคิกคัก พร้อมกับหอบหนังสือออกแบบประมาณ 5-6 เล่ม มาวางกองไว้ที่โต๊ะ พร้อมกับหยิบโน้ตบุ๊คมาวางไว้ข้างๆ“ทำงานเหรอ?”“อื้อ อีตาธีรเทพนั่น บอกอยากได้ภาพร่างของแบบสินค้าเร็วๆ น่ะ ฉันเลยต้องถ่างตาทำอยู่เนี่ย”“อื้อหือ แบบเยอะเลยนี่
ภายในห้องคอนโดหรูแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องผ่านหน้าต่าง ปลุกให้ธีรเทพตื่น เขาขยับตัวมองไปรอบๆ ห้องนอน แต่ไม่พบกานต์รวีธีรเทพรู้สึกงุนงง เขาลุกจากเตียงและเดินออกมาด้านนอก มองหาภรรยาของเขา พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง ติดไว้ที่ตู้เย็นเขียนว่า “สุดสัปดาห์นี้ ฉันไปกับชัญญานะคะ กลับมาวันจันทร์ค่ะ”ธีรเทพอ่านโน้ตจบ ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะหมู่นี้กานต์รวีใช้เวลากับชัญญา เพื่อนสนิทของเธอเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งกานต์รวีก็ไม่กลับมานอนที่ห้อง โดยให้เหตุผลว่า ชัญญามีปัญหา เธอจึงไปนอนเป็นเพื่อนแต่ธีรเทพก็ปล่อยผ่านไป เพราะกานต์รวีเคยเล่าให้เขาฟังว่า ชัญญาเป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญ และเขาก็เคยเจอชัญญาครั้งหนึ่ง เท่าที่เขาเห็น ชัญญาเป็นผู้หญิงสวย เก่ง ฉลาด พูดจาไพเราะ การที่กานต์รวีมีเพื่อนดีแบบนี้ เขาก็รู้สึกดีใจด้วยแต่ช่วงนี้เขารู้สึกเหมือนกานต์รวีห่างเหินไป เรื่องปกติที่เขาเคยปฏิบัติกันทุกคืน กานต์รวีก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมมีอะไรด้วย“เฮ้อ...แล้ววันหยุดแบบนี้เราจะทำอะไรดีล่ะเนี่ย”ธีรเทพถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปที่เครื่องชงกาแฟ พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นงานออกแบบสินค้าตัวใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วเขาก
หลังจากที่พลังมืดที่เคยปกคลุมทุกชีวิตถูกทำลายลง ความสงบสุขก็กลับคืนมาอีกครั้ง กฤติน อาคิรา ธีรเทพและณัฐรินีย์ต่างหายใจโล่งขึ้น พวกเขาได้ผ่านพ้นความท้าทายและการต่อสู้อันโหดร้ายที่ทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นบรรยากาศในสวนหลังคฤหาสถ์เทวานุรักษ์นั้นชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ยามค่ำคืนที่อบอุ่นเต็มไปด้วยแสงเทียนที่ส่องสว่างรอบๆ พุ่มดอกไม้ เสียงลมพัดเบาๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ บรรยากาศในวันนี้พิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนอยู่ด้วยกันเพื่อฉลองการเริ่มต้นใหม่ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง ดอกไม้บานสะพรั่งรอบๆ สวน มีแสงเทียนนุ่มนวลที่ถูกจุดประดับประดา สร้างบรรยากาศโรแมนติกธีรเทพมองไปที่ณัฐรินีย์อย่างอ่อนโยน ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เธอหัวเราะและพูดคุยกับอาคิราอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปล่งประกายราวกับดวงดาวธีรเทพรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความรักและความผูกพันที่เขามีต่อเธอ หญิงสาวที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาที่ยากลำบากเขารู้ว่าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ความรักที่เ
เงาแห่งความสูญหายณัฐภัทรเดินเข้ามาในหอสมุดเทวานุรักษ์ด้วยท่าทางเร่งรีบ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน ขณะที่ก้าวเข้าไปในโถงทางเดิน หัวของเขาก็หมุนวนไปกับความคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเดินมาถึงห้องประชุมเล็กที่เขามักจะมาพูดคุยกับกฤติน เขาก็หยุดหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมความคิด ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง กฤติน อาคิรา ธีรเทพ และณัฐรินีย์ ต่างกำลังนั่งทำงานอยู่ในส่วนของตนเอง บรรยากาศสงบเงียบ มีเสียงแผ่วเบาจากการพลิกกระดาษและพิมพ์แป้นพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ ทุกคนดูเหมือนจะมีสมาธิในงานที่ทำ จนกระทั่งณัฐภัทรก้าวเข้ามาในห้อง“ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ณัฐภัทรพูดเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความเร่งด่วนในน้ำเสียง ทุกสายตาในห้องหันมามองเขาในทันทีอาคิราส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เขา“คุณภัทร เชิญนั่งค่ะ” เธอเชื้อเชิญอย่างเป็นมิตร พร้อมดึงเก้าอี้ให้เขานั่งลงตรงข้ามกับกฤตินกฤตินสังเกตถึงท่าทางที่ไม่ปกติของณัฐภัทร เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่มองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรเหรอครับ?” เขาถามเสียงนิ่ง แต่แฝงด้วยความสนใจณัฐภัทรนิ่งไปครู่หนึ่ง เหมือนพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว ก่อน
ชัญญาเดินวนไปมาภายในห้อง ความเงียบภายในห้องใหญ่ทำให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งน่ากังวลมากขึ้น ทุกเสียงฝีเท้าที่เธอเดินสะท้อนกลับมาเหมือนเสียงกระทบจากความว่างเปล่าที่ไม่มีที่สิ้นสุดตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอพยายามติดต่อหมอผียงซานหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย แม้แต่ข้อความหรือตอบกลับก็ไม่มี ทุกอย่างดูเงียบสงัดเหมือนคนที่หายไปในอากาศ ความกังวลเริ่มเกาะกินหัวใจของเธอ ความรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติเริ่มถาโถมเข้ามาแต่สิ่งที่ทำให้เธอหวาดกลัวมากกว่าการหายตัวไปของยงซาน คือเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้นกับเธอทุกคืน เหตุการณ์ที่เธอไม่อาจอธิบายได้ทุกคืน เมื่อเธอล้มตัวลงนอนในห้องนอนที่กว้างขวางและโดดเดี่ยว เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ เธอ สัมผัสที่ลึกลับและอ่อนโยนเริ่มเข้ามาลูบไล้ร่างกายของเธอ ค่อยๆ แตะต้องเหมือนลมหายใจเบาๆ ที่คอยกระซิบข้างหู ร่างกายของเธอตอบสนองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ความรู้สึกเสียวซ่านและหวานหวามไหลเวียนไปทั่วร่างกาย เหมือนมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปตามผิวเนื้อของเธอในช่วงแรก ชัญญาพยายามจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ เธอคิดว่ามันอาจเป็นเพียงภาพหลอนจากควา
อาคิรายืนรออย่างกระวนกระวายอยู่ด้านหน้าของหอสมุด ความเงียบของยามค่ำคืนไม่ได้ช่วยให้เธอสงบลงได้แม้แต่น้อยหลังจากที่เธอได้รับโทรศัพท์จากกฤตินว่าเขากำลังจะกลับมาถึงในไม่ช้าหัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นด้วยความกังวล เธออดคิดไม่ได้ว่าการต่อสู้ที่เขาเผชิญหน้ามาจะเป็นอย่างไร และเขาบาดเจ็บมากแค่ไหนไไม่นานนัก เธอก็เห็นร่างของชายหนุ่มที่เธอเฝ้ารอเดินตรงเข้ามาจากทางเข้าหอสมุด กฤตินดูเหนื่อยล้าและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลแม้ว่าเขาจะพยายามเดินอย่างมั่นคง แต่ความอ่อนล้าก็ปกคลุมอยู่บนใบหน้า อาคิราไม่รอช้า เธอวิ่งตรงไปหาเขาโดยไม่คิดอะไร โผเข้ากอดเขาแน่นทันที“ฉันกลับมาแล้ว”กฤตินยิ้มบางๆ ก่อนจะทิ้งกระเป๋าลงกับพื้นแล้วรับร่างของเธอไว้ในอ้อมแขน อ้อมกอดของเธอให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบโยน แม้ว่าเขาจะเหนื่อยล้าเพียงใด แต่การได้กลับมาหาเธอทำให้ความเจ็บปวดนั้นเบาบางลงไปในทันทีอาคิรากอดเขาแน่น ราวกับไม่ต้องการให้เขาห่างไปไหนอีก“กฤต...” เสียงของเธอแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก แต่ทันใดนั้น กฤตินก็ครางออกมาเบาๆ“โอ๊ย...เบาหน่อยสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดที่พยายามเก็บไว้อาคิรารีบผละออกจากเขาทันที เธอ
หลังจากที่พลังมืดของยงซานถูกทำลายลง เหลือเพียงร่างกายของเขาเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ ยงซานมองไปที่กฤตินด้วยสายตาอาฆาตและความโกรธ แม้พลังมืดที่เคยครอบครองจะหายไปหมด แต่ร่างกายของยงซานยังแข็งแกร่งจากการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปีกฤตินยกดาบขึ้นพร้อมจะจบการต่อสู้นี้ แต่ยงซานไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขารู้ว่าการใช้เพียงกายภาพอาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขารอดได้ ยงซานพุ่งเข้าหากฤตินอย่างรวดเร็ว กฤตินยกดาบขึ้นป้องกัน หมัดของยงซานกระแทกเข้ากับดาบเสียงดังสนั่น แรงนั้นทำให้กฤตินถอยหลังไปเล็กน้อยกฤตินและยงซาน ยืนประจันหน้ากันกลางลานโล่ง บรรยากาศรอบข้างหนักอึ้งด้วยความเงียบ ราวกับธรรมชาติหยุดนิ่งเพื่อรอคอยผลการต่อสู้ครั้งนี้กฤตินที่ผ่านการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างช่ำชอง ไม่ว่าจะเป็นไอคิโด เทควันโด และวิชาการต่อสู้แขนงอื่นๆ ยืนในท่าพร้อมรับมือ เขารู้ดีว่ายงซานเป็นคู่ต่อสู้ที่อันตราย แม้พลังเวทจะหมดไปแล้ว แต่ร่างกายของเขายังสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงได้ทันใดนั้น ยงซานก็พุ่งเข้าโจมตีกฤตินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ หมัดแรกพุ่งตรงเข้าที่กลางลำตัวของกฤติน แต่กฤตินที่คุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแบบนี้หลบได้อย่างค
หมอผีเขมร ยงซาน ปรากฏตัวออกมาจากเงามืด ราวกับว่าเขาคือส่วนหนึ่งของความมืดนั้นเอง ทุกย่างก้าวของเขาเงียบสงัด แต่กลับสร้างแรงกดดันที่หนักอึ้ง บรรยากาศรอบตัวพลันหนาวเย็นลงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ใบหน้าของยงซานที่ซ่อนอยู่ใต้เงาผ้าคลุมเผยออกมาเพียงบางส่วน ผิวของเขาคล้ำจากการใช้ชีวิตอยู่กับมนตร์ดำมาเนิ่นนาน ดวงตาสีดำสนิทของเขามองทะลุความมืด ลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับเป็นช่องว่างแห่งความสิ้นหวังที่ดูดกลืนทุกสิ่งที่มองเห็นดวงตาคู่นั้นไม่ได้สะท้อนแสงใดๆ แต่กลับเหมือนเป็นบ่อน้ำลึกที่เก็บกักความลับและความโหดเหี้ยมของโลกวิญญาณ ราวกับว่าความมืดทั้งหมดในโลกนี้ถูกกักขังอยู่ภายใน เขาสวมผ้าคลุมยาวสีดำที่พริ้วไหวตามการเคลื่อนไหว แต่ไม่ใช่เพราะสายลม ผ้าคลุมของเขาเหมือนมีชีวิต มันโอบรัดร่างของเขาอย่างแน่นหนา ราวกับจะปกป้องนายของมันจากสิ่งใดก็ตามที่พยายามเข้ามาใกล้อักขระโบราณสีเทาหม่นถูกปักลงบนผ้าคลุมนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งมนตร์ดำที่ยงซานใช้ควบคุมวิญญาณชั่วร้าย และเหนือหัวของเขามีกลุ่มเงามืดหมุนวน วิญญาณร้ายหลายตนซ่อนตัวอยู่ในนั้น รอเพียงคำสั่งจากยงซานเพื่อปลดปล่อยความวินาศออกมา“พวกเจ้าช่างชักช้าจริง” ยงซานเอ่ยเสี
กฤตินยืนอยู่ตรงพรมแดนระหว่างไทยและเขมร สายลมอ่อนๆ พัดผ่านต้นไม้สูงในป่าทึบที่ล้อมรอบเขา เสียงใบไม้เสียดสีกันทำให้บรรยากาศรอบข้างดูเงียบสงัดและเคร่งเครียด สถานที่นี้เงียบเกินกว่าที่เขาคาดไว้ ราวกับธรรมชาติรับรู้ได้ถึงการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าข้างกายของกฤติน โซระวิญญาณเทพเจ้าที่มีรูปร่างเป็นเด็กหนุ่มยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน โซระดูนิ่งสงบ แต่เต็มไปด้วยความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู เขามีปีกสีดำที่ใหญ่โอบล้อมรอบตัวเล็กน้อย ราวกับเตรียมปกป้องกฤตินจากอันตรายที่กำลังจะมาถึงอีกด้านหนึ่ง อาเรีย วิญญาณเทพพิทักษ์ของอาคิรา เดินตามติดกฤตินอย่างใกล้ชิด แต่ต่างจากโซระที่เป็นเทพแห่งแสงสว่าง อาเรียคือเทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายที่ทรงพลัง เธอมีพลังที่รุนแรงและดุดัน ดวงตาของเธอส่องประกายด้วยความหิวกระหายในการทำลายล้าง ใบหน้าของเธอดูแข็งแกร่งและมุ่งมั่น พร้อมที่จะบวกกับทุกสิ่งที่ขวางหน้าอาเรียไม่ใช่วิญญาณพิทักษ์ธรรมดา เธอคือเทพเจ้าที่มีพลังแห่งความมืดและการทำลายล้างอย่างแท้จริง เธอเป็นส่วนหนึ่งของอาคิรามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการช่วยจัดการวิญญาณที่แข็งแกร่ง หรือปกป้องยามเธอมี
กลางคืนที่เงียบสงบในคฤหาสน์ของกฤติน กลับเต็มไปด้วยความกังวลในใจของอาคิรา เธอนั่งอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ขณะกำลังแปรงผมยาวสลวยของตัวเอง แสงไฟจากโคมเล็กๆ ส่องแสงอ่อนๆ ให้เห็นเงาสะท้อนของเธอในกระจก จิตใจของเธอกำลังหมุนวนไปกับความคิดที่ไม่อาจสงบลงได้การต่อสู้กับหมอผีเขมรอย่างยงซาน เป็นสิ่งที่เธอกังวล แม้ว่ากฤตินจะบอกให้เธอวางใจว่าเขาสามารถจัดการได้ แต่ในใจของเธอยังคงไม่สามารถปล่อยวางได้ เธอรู้ว่าการต่อสู้นี้เต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ เธอไม่อยากให้เขาไปเผชิญหน้าเพียงลำพังเสียงน้ำหยดลงจากฝักบัวในห้องน้ำข้างๆ หยุดลง กฤตินเพิ่งอาบน้ำเสร็จและนุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกมา ท่อนบนของเขาเปล่าเปลือย โชว์กล้ามท้องเป็นลอนสวยงาม เขาเดินเข้าไปโอบกอดเธอจากด้านหลังอย่างอ่อนโยน อ้อมแขนแข็งแรงของเขาสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับอาคิรา แม้ว่าความกังวลยังคงค้างคาอยู่ในใจเธอ“เป็นอะไร?” กฤตินจรดริมฝีปากที่ซอกหูของเธอ เสียงนุ่มนวลของเขาทำให้เธอใจเต้นแรง เธอวางแปรงผมลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วมองเงาสะท้อนของเขาในกระจก“ฉันจะไปด้วย” อาคิราพูดอย่างหนักแน่นกฤตินมองเธอในกระจก รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเ
“อึ๊..อ๊า...”เสียงหอบหายใจสะท้านก้องไปทั่วห้องที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแห่งมนตร์ดำ หมอผียงซานนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีชัญญานั่งคร่อมร่างของเขาอยู่ เธอกำลังโยกร่างกายส่วนล่างของเธอบดเบียดกับเขา“อื้ม..ดี..แรงอีกหน่อย...” หมอผียงซานพึมพำเสียงกระเส่า ใช้ฝ่ามือดันหลังของชัญญาให้แอ่นขึ้น พลางลากเรียวลิ้นไปบนยอดอกที่ชูชันของเธอ มืออีกข้างคลึงเคล้นหน้าอกของเธอ“อื้ม..อ๊ะ..เสียวจัง..” ชัญญาเสียวสะท้าน ครางกระเส่า บั้นท้ายของเธอบดขยี้และขยับเร็วขึ้น“อ๊ะ..อ๊า....”ไม่นานเสียงครางที่สุขสมของทั้งสองคนก็ดังขึ้น ชัญญาเกร็งร่างกระตุกก่อนจะซุกหน้าลงกับซอกคอของเขาอย่างอ่อนแรง สองแขนยังคงโอบคอของเขา“ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการกับเอกวัฒน์” หมอผียงซานกระซิบข้างหูชัญญา“.....” ชัญญาดันตัวขึ้นมองหน้าหมอผีหนุ่ม“ถ้าไม่ทำ ทุกสิ่งที่ทำมาจะสูญเปล่า” หมอผียงซานพูดเสียงเรียบ ใช้มือข้างหนึ่งปัดไรผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของเธอ“เจ้าเสียดายเขารึ?” หมอผียงซานมองนิ่ง ขณะที่มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปตามเนินอกของเธอชัญญายิ้มเยือกเย็น สายตาเย็นชาและไร้ความรู้สึกใดๆ ต่อเอกวัฒน์ คนที่เธอเคยหลงใหลและหมายปอง ตอนนี้เหลือเพียงความว่างเป