ตอนที่ 2
ชายแปลกหน้าที่เรียกว่าพ่อ
ตฤณมาทำงานตามปกติและวันนี้เขาเดินตรวจรอบบริเวณโรงงานเพราะชอบมีคนแอบเอาขยะเหวี่ยงข้ามกำแพงมา เขาต้องคอยมาดูที่จุดนี้อยู่บ่อยและคอยขว้างถุงกลับไป
“ตฤณ ผู้จัดการใหญ่ให้ตามไปพบที่ห้องของท่านด่วน”
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลวิ่งมาตามเขาด้วยท่าทางที่รีบร้อนและดูตื่นเต้น จนคนถูกเรียกก็ตื่นเต้นไปด้วย
“ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าครับถึงขนาดนายใหญ่เรียกแบบนี้ผมใจคอไม่ดีเลย”
ระหว่างทางที่จะเดินไปยังส่วนในของฝ่ายบริหาร ชายหนุ่มก็พยายามถามคนมาตามเผื่อจะได้พอเดาได้บ้างว่าตัวเขาเองไปทำอะไรผิดไว้
“ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อเช้ามีแขกมาหาท่านคุยกันอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนที่ท่านจะออกมาสั่งให้ผมออกมาตาม ท่าทางท่านดูตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ดูโมโหอะไรนะ รีบวิ่งไปเถอะเพราะท่านดูรีบร้อนมาก”
ตฤณทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขายังไม่เคยคุยกับนายใหญ่เลย เคยเห็นแค่ตอนประชุมไกล ๆ เท่านั้น รู้แต่ว่าท่านเป็นคนที่ดุแล้วก็เจ้าระเบียบมาก
ทันทีตฤณมาถึงที่ห้องของนายใหญ่ เลขาหน้าห้องให้เขารออยู่ด้านนอก เพราะเธอต้องเข้าไปรายงานและขออนุญาตก่อน
“เชิญเข้าข้างในได้เลยค่ะ”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าจนลึกเพื่อเรียกกำลังใจให้กับตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปข้างใน
“สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มหันไปสวัสดีเจ้านายของเขาและแขกที่นั่งอยู่ ด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้น
“ลากเก้าอี้มานั่งตรงนี้ เราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาว”
นายใหญ่สั่งลูกน้องเพราะตฤณเลือกที่จะยืนห่างจากเขา สองคนด้วยความเกรงใจจนไม่กล้าเข้ามาใกล้ ๆ
“ไหนเรามาทำความรู้จักกันหน่อยสิ ความจริงฉันไปค้นเอกสารการสมัครงานจากฝ่ายบุคคลก็ได้แต่ไม่เอา อยากได้ยินเรื่องราวจากเจ้าตัวมากกว่า”
นายใหญ่เริ่มมีสีหน้าที่ดูยิ้มทำให้ตฤณรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
“นายจะถามอะไรผม ถามได้เลยครับ”ตฤณไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี
“เล่าตั้งแต่นายเกิดเลยผมอยากฟัง”
แขกของเจ้าของโรงงานทำท่าทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาพูดโพล่งออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เอ่อ....” ชายหนุ่มลังเล
“ตามที่เขาบอกเลย ไว้คุยกันจบแล้วฉันจะแนะนำว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นใคร”
เมื่อเห็นว่าลูกน้องทำท่าไม่กล้า นายใหญ่จึงพูดเองเพื่อให้ตฤณมั่นใจมากขึ้น
“ผมเกิดที่จังหวัดนครสวรรค์แม่ผมชื่อนิตยาและพ่อของผมที่ผมเห็นตามใบเกิดคือตระการแต่นามสกุลผมจำไม่ได้เพราะผมใช้นามสกุลของแม่และใบเกิดผมก็หายไปนานแล้วเพราะพอมี บัตรประชาชนก็ไม่ค่อยได้ใช้ ผมกับแม่อยู่ด้วยกันสองคนตั้งแต่ผมอายุได้สองขวบ ส่วนพ่อไปไหนแม่ขอร้องว่าไม่ให้ผมพูดถึงให้รู้ แค่เพียงว่าท่านยังมีชีวิตอยู่และรักผมมาก ต่อมาแม่ก็มาเสียด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกเพราะแม่ทำงานหนักแทบไม่ได้พักผ่อนและตอนหลังแม่เริ่มดื่มเหล้าหนัก พอแม่เสียได้เกือบปี ผมก็มาทำงานที่นี่และยู่กินกับดุจดาวที่ขายข้างแกงอยู่หน้าโรงงานมาสักพักแล้วครับ”
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเจ้านายของเขาต้องการรู้อะไรบ้างเขาจึงเล่าทุกอย่าง โดยที่ไม่มีอะไรต้องปิดบังเลย
“ลำบากมากไหมตอนเด็ก ๆ ”
แขกของเจ้านายถามตฤณด้วยสายตาที่ดูเหมือนคนกำลังรู้สึกเสียใจ
“ถ้าถามว่าลำบากไหม ตอนเด็ก ๆ ก็ถึงขั้นกินข้าวกับน้ำปลาบ่อยมาก จนแม่ไปช่วยป้าที่ตลาดทำขนมจนจำสูตรได้แม่ก็ทำไปขายอีกอำเภอ เราก็มีเงินพอซื้อกับข้าวแต่ก็ไม่ใช่ทุกมื้อเพราะตอนเช้าผมจะออกไปเดินตามหลวงตาตอนเช้า ท่านก็จะให้กับข้าวมาพอกินกันสองคนแม่ลูก แต่สำหรับผมตอนนั้นก็มีความสุขดี จนมาถึงตอนที่ผมเรียนจม ม.6 ผมออกมาทำงานแม่ก็เริ่มดื่มและช่วงนั้นคือช่วงที่ผมทุกข์ที่สุดในชีวิตแล้ว ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแม่ไม่เคยพูดถึงพ่อแต่พอตั้งแต่ผมเรียนจบแม่ก็เอาแต่เมาและร้องไห้หาพ่อทุกวัน ความจริงผมไม่ควรเล่าถึงแม่เพราะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของผมเลย แต่พอคิดถึงความหลังก็อดคิดถึงแม่ไม่ได้”
ผู้ชายรูปร่างตัวใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับนายใหญ่ลุกจากเก้าอี้และเดินตรงมาที่ตฤณ จนเขาต้องรีบลุกเพราะกลัวจะเสียมารยาท
“ฉันชื่อตระการ จรูญรุ่งเรืองกิจ และฉันก็เคยมีภรรยาชื่อนิตยาและลูกชื่อตฤณ ฉันทิ้งพวกเขามาเกือบสามสิบปีแล้ว แต่ความจริงฉันพยายามตามหาเขามาเกือบสิบปี จนมาเจอว่านิตยาเสียแล้ว ส่วนลูกชายของฉันเข้ามาทำงานในกรุงเทพ”
ตระการยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้กับยามหนุ่มที่ตอนนี้ เขาตัวชาไปหมดเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันคือเรื่องจริงหรือใครแกล้งอำเขาเล่น
ชายหนุ่มเปิดซองเอกสารในนั้นมีสำเนาใบแจ้งเกิดของเขา และรูปถ่ายของเขากับพ่อเกือบสิบรูป
ตฤณกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เขาก้มลงกราบไปที่เท้าของบิดาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกมันตื้นตันไปหมด
ตระการโน้มตัวลงไปจับไหล่ของลูกชายทั้งสองข้าง เขากอดลูกชายที่เขาอยากกอดมาเกือบสามสิบปีด้วยหัวใจที่มันมีความสุขจนล้นใจ
ทั้งสองคนนั่งคุยถึงเรื่องราวในฝั่งของตระการบ้าง ว่าเขาถูกมารดาขู่ให้กลับมาแต่งงาน แต่เขาเดินทางมาหามารดาเพื่อบอกว่าตอนนี้เขามีลูกแล้วคงไม่แต่งงานกับใคร แต่พอเขากลับไปที่นครสวรรค์ก็ไม่เจอนิตยาแล้ว เพราะเธอย้ายห้องเช่าหนีเขาไปและตั้งแต่นั้นมาก็ไม่ได้เจอทั้งลูกและเมียอีกเลย
ตระการบอกกับลูกชายว่าเขาจะกลับไปบอกเรื่องนี้กับชุลีผู้เป็นแม่และคือย่าของตฤณซึ่งตอนนี้อายุมากแล้ว และเขาจะกลับมาหาลูกชายอีกครั้ง
ตอนที่ 3ต่ำต้อย ตฤณกลับมาถึงที่บ้านเขามองหน้าภรรยาไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขาในวันนี้อย่างไรดี เพราะตัวเขาเองก็ยังสับสนไปหมด “พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมายังไม่ยอมพูดอะไรเลย” ดุจดาวกำลังตักน้ำพริกกะปิใส่ถุงเตรียมออกไปขาย นั่งมองสามีมานานยังไม่เห็นเขาจะเอ่ยทักเธอสักคำ ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เดินมาล้างมือที่อ้างก่อนที่จะมาช่วยภรรยาหั่นชะอมชุบไข่ “วันนี้พ่อของพี่เขามาหาที่โรงงาน” ดุจดาวฟังคำสามีถึงกลับพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี “ถ้าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งพี่คงสบายใจกว่านี้ แต่นี่เขารวยมีโรงสีของตัวเองและเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงงานที่พี่ทำอีก รวยขนาดนี้กลับทิ้งพี่กับแม่” ดุจดาวลุกขึ้นไปหาสามี ด้วยความรู้สึกสงสารเขาคงลำบากมามากแล้วพอมารู้ว่าพ่อแท้ ๆ มีฐานะดีก็คงจะเสียความรู้สึก “ดาวพี่ไม่ได้โกรธพ่อนะ แต่พี่ทำตัวไม่ถูก เฮ้อ! อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันดีกว่า เตรียมไปขายของเดี๋ยวไม่เสร็จ” ชายหนุ่มตัดบท3วันต่อมา ตระการกลับมารับลูกชายและลูกสะใภ้ไปที่บ้านของเขาที่อยู่ห่างจาก
ตอนที่ 4ขอเวลา ตระการส่งทั้งคู่ที่บ้านด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วง แต่ด้วยที่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาจึงไม่กล้าแม้แต่จะออกความคิดเห็นใด ๆ บรรยากาศบ้านหลังเดิมที่เคยอบอุ่น มีความสุขถึงแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนแต่วันนี้บรรยากาศกลับดูเงียบ ต่างคนต่าง ไม่พูดจา ดุจดาวก็กลับไปที่มุมเดิมของเธอ เตรียมหมักหมูไว้ทอดขายพรุ่งนี้ ตฤณเองก็จะเข้าไปช่วยก็ไม่กล้าจึงเดินออกไป รดน้ำต้นไม้หน้าบ้านแทน ดุจดาวเธอนั่งหั่นหมูไปก็คิดไปว่าเธอคิดถูกไหมที่จะไม่ยอมไปอยู่ที่บ้านย่าของสามี ใจหนึ่งเธอก็สงสารตฤณอีกใจก็ไม่อยากต้องไปอดทนกับคำพูดที่แสนดูถูกแบบนั้น “พี่ ถ้าดาวไม่ไปพี่จะไปอยู่ที่บ้านพ่อพี่ไหม” เสียงถามของภรรยาทำให้ชายหนุ่มที่รู้สึกอึดอัดมาตั้งนาน รีบเดินจากหน้าบ้านและไปนั่งข้าง ๆ ภรรยาทันที มือหนาที่หยาบกร้านเพราะทำงานหนักมาตลอดจับมือเล็กที่หั่นหมูมาวางไว้ที่ขาของเขา “ก่อนหน้านี้เราก็อยู่กันได้ ลำบากกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว คงไม่มีที่ไหนมีความสุขถ้าที่นั่นไม่มีเมียพี่” ดุจดาวส่งยิ้มพร้อมน้ำตาให้สามี เธอคิดว่าเขาจะเลือก
ตอนที่ 1เคียงข้าง ตฤณชายหนุ่มจากต่างจังวันผันตัวเองเข้ามาทำงานในกรุงเทพเพราะมารดาจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่อยากอยู่คนเดียว เขาเข้ามาสมัครงานเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยหรือที่คนทั่วไปเรียกว่ายาม ดุจดาวแม่ค้าขายเข้าแกง เธอพบรักกับตฤณได้เพียงปีเดียวก็ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีงานแต่งานไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะเธอก็ไม่มีทั้งพ่อและแม่เหมือนกับชายหนุ่ม ทั้งสองคนเช่าห้องอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ยาม อีกฝ่ายก็ขายข้าวแกง จากตอนแรกที่ขายเฉพาะช่วงเช้าถึงบ่ายโมง ตอนนี้ดุจดาวก็ขายช่วงเย็นด้วยแต่ขายเป็นแบบแกงถุง ความจนที่ทำให้ทั้งคู่อยากหลุดพ้น ตฤณเองก็มักจะเข้าวเวรแทนเพื่อนถึงแม้จะได้เงินเพียงไม่กี่ร้อย แต่สำหรับเขาเมื่อมันรวมกันหลาย ๆ ครั้งมันก็กลายเป็นหลักพัน “วันนี้พี่ไปแล้วกลับเย็นอีกวันเลยนะ ชดมันจ้าง200 พี่หั่นหมูใส่ช่องแช่แข็งไว้ให้แล้ว ส่วนหมูทอดก็หมักแล้ว พี่ไปก่อนนะ” ตฤณจะช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยาทุกครั้งที่พอมีเวลาเพราะเขารู้ว่าดุจดาวเหนื่อยแค่ไหน รายได้จากการเป็นยามและรับจ้างอยู่เวรเดือนหนึ่งก็หมื่นกว่าบาท แต่สำหร
ตอนที่ 4ขอเวลา ตระการส่งทั้งคู่ที่บ้านด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วง แต่ด้วยที่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาจึงไม่กล้าแม้แต่จะออกความคิดเห็นใด ๆ บรรยากาศบ้านหลังเดิมที่เคยอบอุ่น มีความสุขถึงแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนแต่วันนี้บรรยากาศกลับดูเงียบ ต่างคนต่าง ไม่พูดจา ดุจดาวก็กลับไปที่มุมเดิมของเธอ เตรียมหมักหมูไว้ทอดขายพรุ่งนี้ ตฤณเองก็จะเข้าไปช่วยก็ไม่กล้าจึงเดินออกไป รดน้ำต้นไม้หน้าบ้านแทน ดุจดาวเธอนั่งหั่นหมูไปก็คิดไปว่าเธอคิดถูกไหมที่จะไม่ยอมไปอยู่ที่บ้านย่าของสามี ใจหนึ่งเธอก็สงสารตฤณอีกใจก็ไม่อยากต้องไปอดทนกับคำพูดที่แสนดูถูกแบบนั้น “พี่ ถ้าดาวไม่ไปพี่จะไปอยู่ที่บ้านพ่อพี่ไหม” เสียงถามของภรรยาทำให้ชายหนุ่มที่รู้สึกอึดอัดมาตั้งนาน รีบเดินจากหน้าบ้านและไปนั่งข้าง ๆ ภรรยาทันที มือหนาที่หยาบกร้านเพราะทำงานหนักมาตลอดจับมือเล็กที่หั่นหมูมาวางไว้ที่ขาของเขา “ก่อนหน้านี้เราก็อยู่กันได้ ลำบากกว่านี้เราก็ผ่านมาแล้ว คงไม่มีที่ไหนมีความสุขถ้าที่นั่นไม่มีเมียพี่” ดุจดาวส่งยิ้มพร้อมน้ำตาให้สามี เธอคิดว่าเขาจะเลือก
ตอนที่ 3ต่ำต้อย ตฤณกลับมาถึงที่บ้านเขามองหน้าภรรยาไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเขาในวันนี้อย่างไรดี เพราะตัวเขาเองก็ยังสับสนไปหมด “พี่เป็นอะไรหรือเปล่า ตั้งแต่กลับมายังไม่ยอมพูดอะไรเลย” ดุจดาวกำลังตักน้ำพริกกะปิใส่ถุงเตรียมออกไปขาย นั่งมองสามีมานานยังไม่เห็นเขาจะเอ่ยทักเธอสักคำ ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้เดินมาล้างมือที่อ้างก่อนที่จะมาช่วยภรรยาหั่นชะอมชุบไข่ “วันนี้พ่อของพี่เขามาหาที่โรงงาน” ดุจดาวฟังคำสามีถึงกลับพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี “ถ้าเขาเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งพี่คงสบายใจกว่านี้ แต่นี่เขารวยมีโรงสีของตัวเองและเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงงานที่พี่ทำอีก รวยขนาดนี้กลับทิ้งพี่กับแม่” ดุจดาวลุกขึ้นไปหาสามี ด้วยความรู้สึกสงสารเขาคงลำบากมามากแล้วพอมารู้ว่าพ่อแท้ ๆ มีฐานะดีก็คงจะเสียความรู้สึก “ดาวพี่ไม่ได้โกรธพ่อนะ แต่พี่ทำตัวไม่ถูก เฮ้อ! อย่าเพิ่งไปคิดถึงมันดีกว่า เตรียมไปขายของเดี๋ยวไม่เสร็จ” ชายหนุ่มตัดบท3วันต่อมา ตระการกลับมารับลูกชายและลูกสะใภ้ไปที่บ้านของเขาที่อยู่ห่างจาก
ตอนที่ 2ชายแปลกหน้าที่เรียกว่าพ่อ ตฤณมาทำงานตามปกติและวันนี้เขาเดินตรวจรอบบริเวณโรงงานเพราะชอบมีคนแอบเอาขยะเหวี่ยงข้ามกำแพงมา เขาต้องคอยมาดูที่จุดนี้อยู่บ่อยและคอยขว้างถุงกลับไป “ตฤณ ผู้จัดการใหญ่ให้ตามไปพบที่ห้องของท่านด่วน” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลวิ่งมาตามเขาด้วยท่าทางที่รีบร้อนและดูตื่นเต้น จนคนถูกเรียกก็ตื่นเต้นไปด้วย “ผู้จัดการ มีอะไรหรือเปล่าครับถึงขนาดนายใหญ่เรียกแบบนี้ผมใจคอไม่ดีเลย” ระหว่างทางที่จะเดินไปยังส่วนในของฝ่ายบริหาร ชายหนุ่มก็พยายามถามคนมาตามเผื่อจะได้พอเดาได้บ้างว่าตัวเขาเองไปทำอะไรผิดไว้ “ผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเมื่อเช้ามีแขกมาหาท่านคุยกันอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนที่ท่านจะออกมาสั่งให้ผมออกมาตาม ท่าทางท่านดูตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ดูโมโหอะไรนะ รีบวิ่งไปเถอะเพราะท่านดูรีบร้อนมาก” ตฤณทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขายังไม่เคยคุยกับนายใหญ่เลย เคยเห็นแค่ตอนประชุมไกล ๆ เท่านั้น รู้แต่ว่าท่านเป็นคนที่ดุแล้วก็เจ้าระเบียบมาก ทันทีตฤณมาถึงที่ห้องของนายใหญ่ เลขาหน้าห้องให้เขารออยู่ด้านนอก เพราะเธอต้องเข้าไปรา
ตอนที่ 1เคียงข้าง ตฤณชายหนุ่มจากต่างจังวันผันตัวเองเข้ามาทำงานในกรุงเทพเพราะมารดาจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่อยากอยู่คนเดียว เขาเข้ามาสมัครงานเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยหรือที่คนทั่วไปเรียกว่ายาม ดุจดาวแม่ค้าขายเข้าแกง เธอพบรักกับตฤณได้เพียงปีเดียวก็ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยไม่มีงานแต่งานไม่มีการจดทะเบียนสมรส เพราะเธอก็ไม่มีทั้งพ่อและแม่เหมือนกับชายหนุ่ม ทั้งสองคนเช่าห้องอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายก็ทำหน้าที่ยาม อีกฝ่ายก็ขายข้าวแกง จากตอนแรกที่ขายเฉพาะช่วงเช้าถึงบ่ายโมง ตอนนี้ดุจดาวก็ขายช่วงเย็นด้วยแต่ขายเป็นแบบแกงถุง ความจนที่ทำให้ทั้งคู่อยากหลุดพ้น ตฤณเองก็มักจะเข้าวเวรแทนเพื่อนถึงแม้จะได้เงินเพียงไม่กี่ร้อย แต่สำหรับเขาเมื่อมันรวมกันหลาย ๆ ครั้งมันก็กลายเป็นหลักพัน “วันนี้พี่ไปแล้วกลับเย็นอีกวันเลยนะ ชดมันจ้าง200 พี่หั่นหมูใส่ช่องแช่แข็งไว้ให้แล้ว ส่วนหมูทอดก็หมักแล้ว พี่ไปก่อนนะ” ตฤณจะช่วยแบ่งเบาภาระของภรรยาทุกครั้งที่พอมีเวลาเพราะเขารู้ว่าดุจดาวเหนื่อยแค่ไหน รายได้จากการเป็นยามและรับจ้างอยู่เวรเดือนหนึ่งก็หมื่นกว่าบาท แต่สำหร